วิธีการแก้กรรมตามแบบของคุณ richy

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย korn5, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. korn5

    korn5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +424
    พอดีวันนี้ลางานแล้วบังเอิญได้อ่านกระทู้ไหนจำไม่ได้แล้วของเว็บพลังจิตนี่แหละครับ มีลิงค์ไปเว็บของคุณ richy จึงเข้าไปเปิดดูคลิปการบรรยายแล้วพบว่าดีจึงลองมาเขียนสรุปให้เพื่อน ๆ ได้ลองอ่านกันเผื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยทำครับ

    การแก้กรรมทุกอย่างไม่ใช่หมายถึงการที่ทำบาปหรือทำกรรมแล้วเมื่อแก้แล้วกรรมนั้นจะหายหรือหมดไป กรรมที่ทำแล้วก็ยังต้องรับผลกรรมอยู่ แต่การแก้กรรมเป็นการขอให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้เรา เพื่อให้เรามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นครับ และก็เป็นการเตือนเราไม่ให้สร้างกรรมใหม่ขึ้นมา

    การแก้กรรมในกรณีที่คู่กรณียังมีชีวิตอยู่ ก็เข้าไปหาคู่กรณีเพื่อทำการขอโทษหรือขออโหสิดังนี้ " สิ่งใดหรืออะไรก็ตามที่ข้าพเจ้าเคยทำผิดไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบันต่อ..........(ใครก็เอ่ยไป) ข้าพเจ้าขอโทษ(ขออโหสิ)"

    แต่ถ้าหากว่าไม่สามารถเข้าไปขอโทษหรือขออโหสิได้ละ เพราะว่าบางครั้งคู่กรณีอาจจะไม่ยอมรับก็ต้องว่ากันต่อไปด้วยวิธีใช้สมาธิแก้กรรม และสังเกตุว่าคู่กรณีเป็นอย่างไร ถ้าเขาเริ่มอ่อนลงก็ค่อยเข้าไปขอโทษตามแบบข้างต้นอีกครั้ง

    กรณีที่เป็นจิตวิญญาณหรือเจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติ ก็ให้ปฏิบัติด้วยการนั่งสมาธิเพื่อช่วยแก้กรรม ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้(ผมก็อบมาจากเว็บของคุณ richy ครับ)

    1. ก่อนจะกล่าวคำแก้กรรมต้องทำจิตให้นิ่งก่อน<O:p</O:p
    (นานเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับความนิ่งของแต่ละคนเพื่อปรับสภาพของเราที่ขณะนี้มีจิตและร่างกายให้เหลือแค่จิตพอเหลือแค่จิตสิ่งที่เราจะกล่าวจากคำแก้กรรมก็จะได้ส่งถึงจิตของเจ้ากรรมนายเวร)<O:p</O:p
    2. กล่าวคำกล่าวนำก่อนทำสมาธิแก้กรรม<O:p</O:p
    3. พอกล่าวจบก็ให้ทำสมาธิอีกครั้ง นานเท่าไหร่ก็ได้<O:p</O:p
    (ครั้งหลังนี้เป็นการทำสมาธิเพื่อแสดงให้เจ้ากรรมนายเวรพิจารณาและดูว่าเราสมควรจะได้รับการอโหสิหรือยังทำบ่อย ๆ วันละกี่ครั้งก็ได้แต่ขอเป็นช่วงเวลากลางวันตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน)<O:p</O:p
    คำกล่าวนำก่อนทำสมาธิแก้กรรม<O:p</O:p
    ถึงเจ้ากรรมนายเวรขณะนี้ลูกชื่อนาย,นาง,นางสาว……………………………………..นามสกุล………………………………………กำลังทำสมาธิถึงเจ้ากรรมนายเวรของลูกอยู่<O:p</O:p
    ซึ่งไม่ว่าเจ้ากรรมนายเวรของลูก จะเป็นคนใกล้ตัว สัตว์ใกล้ตัว เทวดาใกล้ตัวโดยเฉพาะ………………………………………………………………………………………………………………………………<O:p</O:p
    ทั้งที่มีชีวิตอยู่และดับสูญกลายเป็นจิตวิญญาณเป็นเทพแล้วก็ตาม<O:p</O:p
    ชาตินี้ ภพนี้ กับชาติที่แล้ว ก็เหมือนเป็นคนละคนกันแล้วแต่ผลกรรมยังตามมาตอบสนองอยู่ ตอนนี้ลูกได้รับรู้แล้วว่าผลกรรมมีจริงจากการที่ลูกประสบปัญหาต่าง ๆ<O:p</O:p

    (บอกปัญหาหรือโรคที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ละเอียดที่สุด)<O:p</O:p

    ซึ่งลูกรู้แล้วว่ามันเจ็บปวดเพียงใดมาบัดนี้ได้รับรู้ผลกรรมที่ลูกทำไว้กับท่านในอดีตชาติแล้ว ลูกสำนึกบาปแล้วลูกจึงขอทำสมาธิเพื่อให้เจ้ากรรมนายเวรเห็นว่าลูกได้สำนึกผิดแล้ว<O:p
    การทำสมาธินี้ไม่ใช่การทำเพื่อเอาผลบุญให้แก่ท่านแต่เป็นการทำเพื่อให้รู้ว่าลูกสำนึกในบาป บุญ คุณ โทษ กรรมเวรต่าง ๆ ที่ได้ทำไว้แล้วเพราะผลบุญถ้าใครอยากได้ท่านต้องปฎิบัติเอง โดยการทำความดี ทำสมาธิ ถือศีล5 โดยถ้าท่านพอใจการทำสมาธิ ขอให้ท่านนำเอาสิ่งที่ทำทิ้งไว้กับลูกกลับคืนไปด้วยด้วยการให้อาการและปัญหาต่าง ๆ ของลูกหายเป็นปลิดทิ้ง โดยลูกจะขอนั่งสมาธิ ณบัดนี้<O:p

    *** ควรทำในช่วงเช้าและกลางวัน เพราะจิตมีความสมบูรณ์มากที่สุด ***<O:p

    การทำดังกล่าวเบื้องต้นเป็นการใช้หนี้กรรม แต่จะคลายเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลครับ(เปรียบเหมือนการใช้เงินต้น)

    คราวนี้มากล่าวถึงการชวนจิตวิญญาณไปร่วมทำบุญกับเราบ้าง(ผมก็อบมาจากเว็บของคุณ richy ครับ)


    ผมแนะนำว่าควรใช้วิธีชวนจิตที่ล่วงลับเหล่านั้นไปร่วมทำบุญกับเราด้วยครับเพราะเขาไม่มีกายเนื้อโอกาสในการทำทานก็ลำบาก การที่เราทำบุญแล้วอุทิศให้เขาถ้าเขาไม่อยู่ในภพที่แย่เกินไป เขาก็สามารถรับได้แต่เราลองนึกดูนะครับว่าถ้าเราไม่ได้ทำบุญให้แล้วเขาจะมีโอกาสทำบุญได้ทางไหนบ้างเรามีชีวิตอยู่เราได้เปรียบทั้งเทวดา และจิตวิญญาณเพราะเราทำบุญได้ทั้ง 3 ทาง คือทาน ศีล ภาวนา แต่พอเป็นจิตวิญญาณไม่มีกายเนื้อแล้วจะทำได้ด้วยตัวเองนั้นคือ ศีลและภาวนา แต่ทานทำเองลำบากการที่เราชวนจิตเขาเหล่านั้นไปทำเท่ากับว่าเป็นการช่วยสร้างบุญให้กับเขาโดยใช้ร่างกายเราเป็นตัวแทนในการทำทาน ส่วนเขาก็ใช้จิตมาร่วมอนุโมทนาการทำวิธีนี้ใครได้อะไรบ้าง 1. เราก็ได้บุญ 2. เขาก็ได้บุญจากการเปิดโอกาสของเราครับ วิธีเชิญให้เราตั้งจิตก่อนที่จะทำบุญทุกครั้ง บอกดังนี้ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่อย่างไร<O:p
    เช่น ลูกชื่อนาย ก. จะไปทำบุญตักบาตร ที่วัด………… เวลาประมาณ 7 โมงเช้า<O:p
    จะไปทำบุญบริจาคเงิน ที่บ้านเด็กกำพร้า เวลา……………. เพื่อเป็นค่าเล่าเรียนแก่เด็ก<O:p
    (บอกรายละเอียดการทำบุญแล้วแต่ว่าทำอะไร)ลูกขอเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ลูกเคารพนับถือ…………. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลลูกอยู่ ………….<O:p
    เจ้ากรรมนายเวรของลูก …………………………………<O:p
    บรรพบุรุษ และญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ……………………………….<O:p
    ขอเชิญทุกท่านมาร่วมทำบุญในครั้งนี้และเมื่อทำเสร็จแล้วขอให้ท่านรับเอาสิ่งที่ทำในวันนี้กลับไปด้วยพร้อมทั้งอนุโมทนาในผลบุญนี้ด้วยเทอญ<O:p
    การทำบุญโดยเชิญจิตวิญญาณไปร่วมทำด้วยเท่ากับว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เขาเหล่านั้นได้บุญด้วยเหมือนกับเราชวนคนไปทำบุญจิตผู้ชวนก็ถือว่าเป็นผู้ให้แล้วนอกจากนั้นคนที่เราชวนก็ได้ฝึกการเป็นผู้ให้อีกด้วยแล้วการให้เหล่านี้ไม่สูญไปไหนหรอกครับเมื่อรู้จักให้ก็จะเกิดผลตามมาโดยอัตโนมัติครับซึ่งต้องเป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลนะครับ จะเป็นการดีทั้งตัวเรา และอีกฝ่ายด้วยครับ
    ที่มา สรุปเฉพาะส่วนที่มีประโยชน์จากการฟังคลิปการบรรยายของคุณ richy และ http://www.superrichy.org/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2010
  2. อิธิบาท

    อิธิบาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2009
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +309
    เป็นวิธีการแก้กรรมที่ไม่งมงาย และไม่ต้องพึ่งหมอดู สามารถทำได้ทุกวัน
     
  3. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    ถูกต้องแล้วครับ ส่วนมากคนทั่วไปใช้วิธีทำบุญแล้วอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้เจ้ากรรมนายเวร มีส่วนน้อยที่เป็นผู้รู้จริงเท่านั้นที่จะชักชวนเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายให้ไปร่วมทำบุญด้วยกัน ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับทราบล่วงหน้าในการที่เราจะไปทำบุญ พวกเขาจะได้มีเวลาในการรับบุญกุศลนั้นอันทำให้เขาพ้นทุกข์หรือทุกข์ลดน้อยลง ความอาฆาตพยาบาทความเคียดแค้นก็ลดลง ตามคำที่ว่า "กรรมที่หนักก็ถูกผ่อนให้เบาลง กรรมที่เบาลงก็ถูกผ่อนให้จางลง กรรมที่จางลงใที่สุดก็หายไป อโหสิกรรมกันไป" ต้องมีความเมตตาอยู่ในจิตใจในระหว่างที่ทำบุญทำกุศล อย่าได้เสแสร้งทำเพื่อหวังผล เพราะแท้จริงแล้วนั้นเราไม่สามารถตัดกรรมได้เลย มีแต่ทำให้เจ้ากรรมนายเวรพอใจอโหสิกรรมให้กับเรา ผลที่ได้จากการทำบุญจึงมีแต่เรื่องดี ๆ ให้กับตัวเรา อย่าปฏิเสธว่าไม่มีเวลา เพราะถึงเวลาหนึ่งแล้วคุณอาจมีเวลาแต่ไม่มีโอกาสที่จะทำ เพราะกรรมจะตามทันจนคุณไม่นึกถึง และสายเกินแก้ไปแล้ว อย่าประมาท
     
  4. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    ผมว่าการแก้ กรรม ที่ได้ผล 100% คือการไม่ทำ กรรม
    หากมีวิธีอื่น ผมว่าเราแก้ไม่ตรง จุด ตัด เหตุ ก็ ไม่มี ผล
     
  5. korn5

    korn5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +424
    ครับผม ที่พูดมาก็ถูกครับ แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้แบบที่ว่าคือไม่ทำกรรมเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...