หลวงพ่อเก๋ สุนันโท วัดแม่น้ำ ตอน การค้นพบตัวตนต้องผ่านการแสวงหาด้วยตนเอง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย อดุลย์ เมธีกุล, 13 สิงหาคม 2010.

  1. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795
    หลวงพ่อเก๋ สุนันโท วัดแม่น้ำ ตอน การค้นพบตัวตนต้องผ่านการแสวงหาด้วยตนเอง
    โดย ศิษย์กวง จาก <!-- m -->http://www.oknation.net/blog/sitthi/2008/10/03/entry-1<!-- m -->


    [​IMG]
    <!--แนบไฟล์:
    -->

    <!-- 0082.jpg [ 55.62 KiB | เปิดดู 621 ครั้ง ] -->
    ศีล สมาธิ ปัญญา คืออะไรและเป็นอย่างไร ...
    ชาวพุทธเชื่อว่าเมื่อมีศีลที่บริสุทธิ์แล้ว สมาธิย่อมเกิดขึ้นได้ และเมื่อเกิดสมาธิขึ้นภายในจิตดีแล้ว จึงจะเกิดปัญญา ว่ากันว่าปัญญานี่แหละเป็นตัวตัดสินการหยั่งรู้หรือการรู้แจ้งในธรรมมะ

    ซึ่งคำว่าธรรมะในที่นี้ “หลวงพ่อเก๋ สุนันโท..” หรือ “ท่านพระครูสุนันทวิริยาภรณ์” อดีตเจ้าอาวาสวัดแม่น้ำ ตำบลบางขันแตก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เคยสอนพวกผมว่า...<!--แนบไฟล์:
    -->

    “ธรรมะ คือธรรมชาติ เป็นธรรมชาติของโลกและชีวิตจริง ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้แล้วนั้น เป็นความจริงอันสูงสุด ประเสริฐสุดในโลก

    เรื่องนี้แหละทำให้ข้ามีความมั่นใจว่าสิ่งนี้เองคือทางที่จะต้องดำเนินต่อไปและจะไม่ถอยหลังกลับ...”

    <!--แนบไฟล์:
    -->

    [​IMG]
    <!-- 3.jpg [ 36.44 KiB | เปิดดู 609 ครั้ง ] -->​

    วัดแม่น้ำเดิมมีชื่อว่าวัดบางนางจีนนอก พื้นที่บริเวณนี้มีวัดอยุ่ติดกันถึงสามวัด ปรากฏหลักฐานเป็นซากของพระอุโบสถเก่าๆอยู่ในบริเวณนี้ถึงห้าหลัง ต่อมาจะยังไงไม่ทราบทั้งหมดได้ย้ายมาอยู่รวมกันกับวัดแม่น้ำ...

    [​IMG]<!--แนบไฟล์:​

    -->​

    วัดแม่น้ำเป็นวัดที่มีความสำคัญมาแต่อดีต ภายในวัดมี “หลวงพ่อวิหาร” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด สอบถามจากชาวบ้านได้ความว่า

    หลวงพ่อวิหารเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ ปางอุ้มบาตร แต่จะมาอยู่ที่วัดแม่น้ำแห่งนี้ได้อย่างไร ไม่มีใครสามารถตอบได้ บางคนบอกว่าเกิดมาก็เจอท่านอยู่ในวัดแล้ว ขณะที่บางคนก็บอกว่าลอยน้ำมา ฯลฯ..<!--แนบไฟล์:
    --> ​

    เอาเป็นว่าคำตอบสุดท้ายจะเป็นอย่างไร โดยส่วนตัวของผมแล้ว ผมจะไม่ค่อยให้ความสนใจในรายละเอียดของเรื่องพวกนี้สักเท่าไร

    อาจเป็นเพราะตนเองมีความคิดว่า เรื่องที่เกี่ยวกับพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ บางทีก็ไม่จำเป็นต้องค้นหาคำตอบของหัวใจให้มากนัก..และน่าจะปล่อยให้เป็นปริศนาคาใจจะดีกว่า.. ​

    ผมว่ามันคือ “เสน่ห์” ของเรื่องราวพวกนี้ เพื่อนๆลองคิดดูซิครับเรื่องลึกลับแบบนี้ หากเป็น “สีขาว” จะสนุกอย่างไร มันต้องเป็น “สีเทา” ครับถึงจะได้ใจ..​


    <!--แนบไฟล์:</div>
    </p>














    -->
    [​IMG]

    แต่ความน่าสนใจเกี่ยวกับ”หลวงพ่อวิหาร” อยู่ตรงนี้ครับ ข้อมูลที่ผมรับทราบคือหลวงพ่อวิหาร(องค์จริง) ถูกเก็บรักษาไว้บนกุฏิ มีพุทธลักษณะ”ปางอุ้มบาตร” เหมือนหลวงพ่อวัดบ้านแหลม ​



    [​IMG]

    แต่หลวงพ่อวิหาร(องค์จำลอง) ที่อยู่ในวิหาร มีพุทธลักษณะ”ปางประทานพร” ส่วนเหรียญหลวงพ่อวิหาร(รุ่นแรก) ซึ่งสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๐ ก็เป็นรูปแบบเดียวกับองค์จริงที่อยู่บนกุฏิครับ<!--แนบไฟล์:​



















    -->
    ไม่ต้องยึดถือกันตรงคะแนนเสียงก็ต้องบอกว่าปางอุ้มบาตร คือพิมพ์ทรงที่ถูกต้อง แต่ทำไมปางประทานพรถึงมีขึ้นมาได้หรือนั่นคืออีกปางหนึ่งของท่าน หรือเพราะว่านายช่างที่ปั้นรูปจำลองของท่านสัพเพร่า ฯลฯ ตรงนี้ขอติดไว้ก่อนนะครับ..

    ชีวิตคนเรายังมีอะไรให้ค้นหาอีกมาก ขออนุญาตข้ามตรงนี้ไปเลยนะครับ เพราะบันทึกน้อยตอนนี้ค่อนข้างยาวและผมยังมีอะไรที่ต้องพ่นอีกมาก.... ​




    [​IMG]



    หลวงพ่อเก๋ สุนันโท ท่านเป็นชาวเพชรบุรีโดยกำเนิด เกิดที่บ้านสระพัง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี โยมบิดาชื่อ จู๋ โยมมารดาชื่อ แป้น นามสกุล ตรีเพชรคง มีพี่น้อง ๖ คน ​

    หลวงพ่อเก๋ท่านเป็นคนที่ ๓ อุปสมบทเมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ณ วัดวชิรคาม จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีพระครูธรรมวิถีสถิต (หลวงพ่อโต) วัดคู้ธรรมสถิต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสุตาภิรัต (หลวงพ่อรอด) วัดบางขันแตก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อทองอยู่ วัดแม่น้ำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์...<!--แนบไฟล์:​

















    -->

    หลังจากหลวงพ่อเก๋ สอบนักธรรมตรีได้และมีความสามารถในเชิงช่างไม้ หลวงพ่อทองอยู่ เจ้าอาวาสวัดแม่น้ำจึงขอตัวท่านให้มาช่วยงานที่วัดแม่น้ำ ​

    สมัยนั้นหลวงพ่อทองอยู่ท่านมีชื่อเสียงในด้านวิชาอาคมและแพทย์แผนโบราณ เก่งสมุนไพร ว่านยา ทำให้หลวงพ่อเก๋ได้ศึกษาวิชาการต่างๆเหล่านี้จากหลวงพ่อทองอยู่ไว้จนหมดสิ้น ​

    ต่อมาหลวงพ่อทองอยู่จึงได้นำท่านไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์”หลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิต” และ “หลวงพ่อรอด วัดบางขันแตก” ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิชาอาคมขลัง​



    <!--แนบไฟล์:​






































    -->
    [​IMG]




    นอกจากนี้ท่านยังได้ฝากตัวเข้าเป็นศิษย์ของ”หลวงพ่อคง ธมมโชติ วัดบางกะพ้อม...” สมัยนั้นวัดบางกะพ้อม ถือว่าเป็นสำนักเรียนวิชาอาคมที่มีชื่อเสียง ​

    บางท่านถึงกับกล่าวกันว่า วัดบางกะพ้อมแห่งนี้นัยว่าเป็นสำนักวัดประดู่ทรงธรรมของอยุธยาเลยทีเดียว ศิษย์พี่ที่มีชื่อเสียงร่วมสถาบันวัดบางกะพ้อมแห่งนี้คือ “หลวงพ่อเนื่อง โกวิโท” หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า “คุณพ่อเนื่อง” แห่งวัดจุฬามณีครับ ​







    [​IMG]





    “หลวงพ่อเนื่องท่านมีลูกศิษย์เยอะ คนส่วนมากมักจะไปหาท่านเพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องเงินๆ ทองๆ





    ยิ่งวันหวยออกคนแน่นวัดจุฬามณี เขาว่าท่านให้หวยแม่น ก็ว่ากันไป แต่ว่าห้ามท้านะเสร็จท่านทุกราย แม่นจริงๆ”



    พวกผมเคยหยอกล้อหลวงพ่อเก๋ว่า เคยได้ยินคนเขาเล่าลือมาเหมือนกันว่า ท่านเก๋ วัดแม่น้ำก็แม่นไม่เบา เห็นท่านอมยิ้มพลางพูดเบาๆ ด้วยสำเนียงเหน่อๆ...<!--แนบไฟล์:​






















    -->



    “อยากฉิบหายให้เล่นหวย....”




    “คนเราที่วุ่นวายทุกวันนี้ เพราะมีความโลภเป็นนิสัย ตัดความโลภไปได้ ชีวิตก็จะสบาย บางคนเห็นคนอื่นมี ก็อยากมีอย่างเขา..พวกเอ็งลองมองดูตัวเองซิ ถ้าทำอะไรได้ไม่เหมือนเขาก็อย่าไปทำเลย มันจะทำให้พวกเอ็งและครอบครัวเดือดร้อนเปล่าๆ...”




    ว่ากันว่าถ้า “ความสามารถ” เป็นตัวปั่นกำไร “การรู้จักใช้” เป็นตัวปั่นความเชื่อ เมื่อสองอย่างนี้มารวมตัวกันเมื่อไหร่ ก็จะเกิดเป็นพลังงานมหาศาล ยากที่จะเปลี่ยนแปลง...<!--แนบไฟล์:​


















    --> ​





    “จงอย่าไปทำตามอย่างคนอื่น จงทำและจงใช้ ตามความสามารถของตนเอง และจงเป็นผู้ที่รู้จักรักษาสมบัติของตนเองที่มีที่หาได้ นั่นแหละพวกเอ็งก็จะไม่เดือดร้อน...”






    หลายสิบปีของการเรียนรู้วิชาอาคมและฝึกปฏิบัติ การออกเดินธุดงค์เป็น “โอกาส” สำคัญ..
    เป็น"มหาวิทยาลัยชีวิต"ที่สอนหลักสูตรภาคเร่งรัดให้พระภิกษุสงฆ์ได้สั่งสมประสบการณ์<!--แนบไฟล์:​


















    --> ​






    “สมัยก่อนเดินธุดงค์ลำบากมาก ถนนหนทางก็ไม่ดี บ้านเรือนก็น้อย บางวันได้ฉันอาหารนิดเดียว บางวันก็ไม่ได้ฉัน บางทีเดินทั้งวันไม่เห็นบ้านคนสักหลัง..






    แต่การเดินธุดงค์มันดีเพราะมันเป็นการชำระจิตใจให้ห่างไกลจากกิเลส..


    ข้าไปมาหมดแล้วภาคเหนือ ภาคอีสาน เฉพาะแถวภาคกลางนี่เดินหลายปีเลย ไปพระพุทธบาท อยุธยา ถ้าใต้สุดก็ประจวบ....”

    หลวงพ่อเก๋ ท่านได้ออกเดินธุดงค์แสวงหาสัจธรรมและความรู้ด้านต่างๆอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้ท่านได้หลายสิ่งหลายอย่างติดตัวเป็น “ต้นทุน” สำหรับวันข้างหน้าที่ตัวท่านเองมุ่งมั่นลึกๆเสมอมาว่า วันหนึ่งจะต้องถึงเวลากลับไป “ทดแทน” พระพุทธศาสนาและครูบาอาจารย์..
    ท่านหยุดเดินธุดงค์ ด้วยว่าหลวงพ่อทองอยู่ ได้ขอร้องให้ท่านหยุดเดินและช่วยดูแลวัด เนื่องจากหลวงพ่อทองอยู่ท่านชราภาพมากแล้วและต้องการให้ท่านสอนนักธรรมแก่พระเณร...<!--แนบไฟล์:​
















    --> ​











    “เป็นพระสงฆ์ต้องมีธรรมะ ศีล สมาธิ ปัญญา หากพระภิกษุสงฆ์รูปใดขาดซึ่งสิ่งเหล่านี้แล้ว จะเป็นผู้ที่หาความเป็นพระไม่ได้






    จะว่าไปสมัยนี้พระที่ไร้ศีล ไร้สมาธิ และใช้ปัญญาในทางที่ผิดยังมีอีกมากจริงๆ...”





    คำสอนของหลวงพ่อเก๋ ผมว่าไม่ใช่เฉพาะพระเท่านั้นที่ควรปฏิบัติ มนุษย์อย่างเราๆท่านๆ ก็สามารถนำคำสอนของท่านมาใช้ในชีวิตประจำวันได้เช่นกัน...​



    สำหรับผมแล้วเชื่อว่าเมื่อคนเรามีศีล ทำให้เรามีสมาธิ พอเรามีสมาธิ สติปัญญาจะตามมาเอง เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีปัญญาแล้ว เราย่อมจะทำอะไรต่ออะไร หรือเราจะตัดสินใจทำอะไรได้อย่างมีเหตุผล... ​


    ครูบาอาจารย์หลายองค์ที่พวกผมเคยกราบนมัสการ มักสอนพวกเราอยู่เสมอว่า เมื่อ”นั่งสมาธิ”แล้วอย่าลืมเอา”สติ”ตามไปด้วย ​





    หรือบางองค์ก็ว่า “สมาธิเป็นบ่อเกิดของดวงตาธรรม...”

    เพื่อนผมในกลุ่มถามท่านว่าเวลานั่งสมาธิหลวงพ่อเห็นอะไร..​







    “เวลาที่ข้านั่งสมาธิ ข้าเห็นธรรม คนอื่นจะนั่งแล้วเห็นอะไรข้าไม่รู้ แต่ว่าข้าเห็นธรรม คนเราถ้าขาดธรรมแล้ว ย่อมไม่ได้รับความเป็นธรรมแน่นอน..”



    ว่ากันว่าท่ามกลางความมี”ชื่อเสียง”ของมนุษย์ มนุษย์มักเลือกที่จะนำเอาชื่อเสียงเข้าแลกกับ”ความสบาย” แต่นั่นย่อมไม่ใช่มนุษย์ที่ชื่อว่าหลวงพ่อเก๋ ​








    เนื่องเพราะไม่ว่าชื่อเสียงหรือฐานันดรทางพระจะเสกสรรปั้นแต่งให้ท่านเป็นอย่างไร หลวงพ่อเก๋ท่านก็ไม่เคยมีความคิดที่จะบัญญัติคำว่า “ความสบาย” ลงใน"ประมวลกฎหมายของชีวิต.."<!--แนบไฟล์:​

















    --> ​





    “คนเราจะเอาอะไรกันมาก พระพุทธเจ้าท่านมีแค่บาตรกับผ้าไม่กี่ชิ้น ท่านยังประกาศคำสอนได้ทั่วโลก....”






    ฟังแล้วได้ใจครับ..หากว่าเรามองพุทธเจ้าของเราเป็นเช่นคนธรรมดา พระองค์ก็เป็นคนธรรมดาที่มี”ชื่อเสียง”มาก ชื่อเสียงของพระองค์เป็นที่รู้จักกันทั่วไปของคนบนโลก..​





    แต่พระองค์ท่านก็ยังอยู่ห่างไกลจากคำว่า “ความสบาย” หลายต่อหลายเท่านัก การที่พระองค์ทรงดำเนินออกสั่งสอนผู้คน พระองค์ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไรเลย นอกจาก”บาตรใบเดียว...”




    ธรรมะก็ว่าไปแล้ว คราวนี้มาเข้าเรื่องของคาถาบ้าง....<!--แนบไฟล์:​

















    -->




    [​IMG]



    สายน้ำแม่กลองเป็นสายน้ำที่ไหลมาจากจังหวัดกาญจนบุรี ผ่านทอดยาวเข้าสู่จังหวัดสมุทรสงคราม สองฝั่งของลำน้ำแม่กลอง"อุดมสมบูรณ์"ไปด้วยพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายองค์ ​





    เช่นหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง หลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย หลวงพ่อบ่าย วัดช่องลม หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ฯลฯ ​



    ซึ่งหลวงพ่อ หลวงปู่เหล่านี้ในอดีตที่ผ่านมา ทุกท่านล้วนมีชื่อเสียงเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไป และก็เป็นโชคดีของพวกเราครับ ไม่ทันเกจิรุ่นปู่แต่มีโอกาสได้สัมผัสเกจิรุ่นหลาน...<!--แนบไฟล์:​

















    --> ​






    “สมัยก่อนอยากได้วิชา ก็เลยไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชากับครูบาอาจารย์ในละแวกนี้ เดินไปบ้าง ติดเรือเขาไปบ้าง..”





    “โชคดีที่มีอาจารย์หลายองค์ แต่ละองค์ก็เป็นหนึ่งในแต่ละด้าน มีดีกันคนละอย่าง บางองค์เก่งหมอยา บางองค์เก่งตะกรุด..”





    บรรดาครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาให้หลวงพ่อเก๋ ไม่มีองค์ไหนเลยที่จะสอนให้หลวงพ่อมีความละโมบโลภมาก เห็นแก่ตัว ไม่รู้จักพอ..​







    ดูเหมือน”เคล็ดลับ”ความสำคัญที่สุดที่หลวงพ่อเก๋ท่านได้รับการปลูกฝัง มิใช่จำนวนปริมาณหรือคุณภาพของวิชาที่เรียน หากแต่เป็น...”คุณธรรมที่อยู่ในหัวใจ...”<!--แนบไฟล์:​






















    -->



    “ข้าเรียนทั้งวิชากระทำและวิชาแก้ ครูบาอาจารย์สอนว่าวิชาที่เรียนไม่ได้มีไว้ให้ทำร้ายคน สอนไว้ให้ช่วยสงเคราะห์คน..”


    มีเรื่องจริงที่เล่าขานกันทั่วลำน้ำแม่กลองว่า เด็กหนุ่มคนหนึ่งเป็นเด็กชอบเที่ยว ชอบทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ พ่อแม่ว่าก็ไม่เชื่อ เรียนหนังสือก็เพื่อกันตำรวจจับโดยเอาโรงเรียนอาชีวะที่ตนเองเรียนบังหน้า ​







    พอตำรวจจับก็บอกว่าตนเองเป็นนักเรียน ตำรวจก็ไม่อยากทำ เพียงแต่ว่ากล่าวตักเตือนแล้วปล่อยตัวไป เจ้าเด็กคนนี้ชอบยกพวกไปเที่ยวไล่ตีกับคนอื่น..<!--แนบไฟล์:​
















    --> ​










    จนในงานวัดแห่งหนึ่ง ระหว่างที่เด็กหนุ่มคนนี้แยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน คู่อริเห็นเข้าเลยพาพรรคพวกไล่ฟันเด็กหนุ่มคนนี้ด้วยมีดสะปาต้า ว่ากันว่าฟันแบบไม่เลี้ยง เล่นเอาเสื้อผ้าขาดกระจุย กว่าตำรวจจะมาถึง เจ้าเด็กคนนี้ก็น่วมไปทั้งมีดและไม้ แต่น่าอัศจรรย์คือเมื่อตำรวจให้พ่อแม่ของเด็กนำส่งโรงพยาบาล​



    [​IMG]

    <!--แนบไฟล์:​






































    -->
    หมอที่รักษาหาแผลไม่เจอสักแผล พบแต่รอยฟกช้ำเท่านั้น ส่วนเสื้อผ้าขาดยับเยินไม่มีชิ้นดี ตำรวจสงสัยเลยขอดูว่ามีของดีอะไรในตัว ก็เลยพบว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีเพียงสายเชือกร่มที่ห้อยคอพร้อมเหรียญหลวงพ่อเก๋เท่านั้น ที่ทำให้เขารอดตาย เหรียญรุ่นนี้ก็เลยเรียกกันติดปากว่า “เหรียญจิ๊กโก๋”<!--แนบไฟล์:​








    --> ​





    [​IMG]






    หลวงพ่อเก๋ สร้างวัตถุมงคลครั้งแรกในลักษณะของเหรียญสามแบบ เมื่อพ.ศ.๒๔๙๐ คือ เหรียญหลวงพ่อวิหาร และเหรียญรูปเหมือนท่าน ทรงเรือบดไว้สำหรับแจกผู้หญิง ​



    และที่มีประสบการณ์ตามเรื่องจะเป็นทรงรูปไข่ จะขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย ไว้แจกผู้ชาย ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “เหรียญจิ๊กโก๋..”<!--แนบไฟล์:​


























    --> ​





    สำหรับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีวัตถุมงคลชุดนี้ติดตัว มีมากมายเหลือเกิน เช่นแคล้วคลาด คงพระพัน เมตตาและปัองกันผี ซึ่งน่าจะเกิดจากงานปลุกเสกเหรียญชุดนี้มีครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อเก๋มาร่วมปลุกเสกหลายองค์

    เท่าที่หลวงพ่อเคยบอกพวกผมก็จะมี หลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิต หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ ฯลฯ องค์ไหนที่อยู่ใกล้ๆ ท่านจะใช้วิธีเดินทางไปนิมนต์ด้วยตนเอง องค์ไหนที่อยู่ไกลๆ ใช้นั่งเรือขนทรายไปนิมนต์...<!--แนบไฟล์:​















    --> ​






    ปัจจุบันนี้เหรียญหลวงพ่อวิหารและเหรียญรูปท่าน ทรงเรือบด ยังพอหาได้ในแวดวงพระเครื่อง แต่ทรงจิ๊กโก๋ นานๆ จะมีโผล่มาให้ผู้ที่สนใจน้ำลายไหลเล่นๆ ด้วยความอยากได้...
    แต่เห็นหลวงพ่อเก๋ เสกพระได้เหนียวๆอย่างนี้เถอะ ใครอย่าได้แหยมไปถามท่านเป็นอันขาดว่าอยากหนังเหนียว เพราะเพื่อนผมบางคนเคยโดนท่านตำหนิว่า..<!--แนบไฟล์:​
















    --> ​











    “ข้าเป็นพระถือศีล ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่พระนักเลง...”





    ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ครับ ท่านก็พูดของท่านอย่างถูกต้องว่าตัวท่านเป็น”พระศีล ปฏิบัติธรรม” แต่หากย้อนหลังตรวจสอบประสบการณ์ที่เกิดจากผู้ที่มีเหรียญของท่าน บางคนเคยโดนยิงหงายท้องตกลงกลางคูสวน ​





    แต่เขาผู้นั้นไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย ปรากฏการณ์อย่างนี้ไม่เรียกว่า “เหนียว” ก็คงเรียกใหม่ว่า “สุดเหนียว..”แหละครับ ​



    แถมท่านยังบอกกับพวกเราด้วยว่าพระของท่านต่อให้สร้างมาดี เสกอย่างดี จึงใช้คุ้มครองเฉพาะคนดี ถึงกระนั้นก็ดี ต่อให้เป็นคนดีก็ยังต้องตาย..ท่านว่า <!--แนบไฟล์:​

















    -->​





    “มันเป็นเรื่องของเวรกรรม..





    ใครสร้างกรรมใดไว้ก็ต้องรับกรรม หากกรรมนั้นยังมีบุญคุ้มอยู่ ก็ยังสามารถป้องกันได้เมื่อยังมีบุญวาสนา









    หากเมื่อหมดบุญวาสนาเมื่อไร..เมื่อนั้นแหละกรรมจะส่งผลให้ได้รับความทุกข์อย่างสาหัส...”



    พักเรื่องเหนียวซึ่งเป็นเรื่องของความรุนแรง มาว่ากันในเรื่องเมตตามหานิยม ใครเห็นใครรัก ใครทักใครชอบกันบ้าง ​





    ของเมตตาที่ขึ้นชื่อว่าแน่สุดๆของหลวงพ่อเก๋ ก็คือ “ดอกบานไม่รู้โรยเสก..” ซึ่งลูกศิษย์ตลอดจนญาติโยมละแวกวัดรู้ดีว่า นั่นแหละเป็น”ของเมตตาชั้นเยี่ยม..”







    สอบถามพระที่นั่งข้างๆหลวงพ่อได้ความว่า...<!--แนบไฟล์:​

















    --> ​






    “สมัยก่อนหลวงพ่อยังไม่ได้สร้างวัตถุมงคล ลูกศิษย์ต่างอยากได้ของที่หลวงพ่อเสก หลวงพ่อเก๋ จึงได้ให้พวกเขาเหล่านั้นไปเก็บดอกบานไม่รู้โรยมาให้ท่าน เพราะท่านจะเสกให้เป็นของเมตตา..





    ท่านว่า...ดอกบานไม่รู้โรยเป็นของดี นามของดอกไม้นี้ก็บอกแล้วว่า “บานไม่รู้โรย” ฉะนั้นความมั่งมีมันจะไม่โรยรา....”






    ครั้งหนึ่งผมเคยถาม”หลวงปู่เมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา” ว่า ตอนนี้มีพระเกจิอาจารย์องค์ไหนที่เก่งๆบ้าง หลวงปู่บอกผมว่า.. ​





    “หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ..”



    ท่านว่า หลวงพ่อเก๋เวลาเสกตะกรุด เมื่อเสกเสร็จแล้วลืมตามาดู ตะกรุดที่อยู่ในพานมักจะหายไปเสียทุกที..ค้นหาขนาดพลิกแผ่นดินวัดแม่น้ำแล้วก็ยังไม่พบ แต่อนิจจา....<!--แนบไฟล์:​

















    --> ​







    [​IMG]



    ตะกรุดที่ท่านเสกมันไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ มันลอยไปอยู่บนต้นมะพร้าว ต้นตาล ที่มีอยู่ในสวนข้างๆวัด และผู้ที่พบก็ไม่ใช่ผู้วิเศษที่ไหนทั้งนั้น กลับเป็นคนงานชาวสวนที่ต้องปีนขึ้นไปบนยอดต้นมะพร้าวเพื่อหักปลิดขั้วมะพร้าวให้ตกลงมาจากต้น..​





    เจอครั้งที่หนึ่งไม่แปลก แต่เจอครั้งที่ขึ้นหลักสิบ จึงรีบมารายงานกับเจ้าของสวนซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ ทำให้ทราบว่าตะกรุดอันนั้นเป็นตะกรุดของวัดแม่น้ำ ที่หลวงพ่อเก๋ ท่านเสกในตอนกลางคืนและได้หายไปนั่นเอง...​





    หลวงปู่เมี้ยน บอกผมว่า นั่นแหละเขาเรียกว่า “สำเร็จกสิณลม..”




    ครูบาอาจารย์ผู้ทรงภูมิทางด้านนี้ยังกล่าวรับรอง แล้วกับคนภูมิแพ้เรื่องของขลังอย่างเราจะรีรอได้ยังไงเล่าครับ...ย้อนกลับมาพ่นเรื่องของ “กสิณ” กันหน่อย...<!--แนบไฟล์:​

















    --> ​






    คำว่า “กสิณ” สำหรับตัวผมแล้วนับว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมโหฬาร เนื่องจากตัวเองไม่มีความรู้ในเรื่องนี้มากนัก เท่าที่สมองน้อยๆ ระดับเด็กอนุบาลพอทราบก็คือว่า...​







    กสิณ คือ เรื่องของการ”เพ่งมอง”เพื่อทำให้จิตเป็นสมาธิ จัดว่าเป็นกรรมฐานชนิดหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการนำจิตให้เข้าไปยึดติด มีส่วนช่วยส่งผลทำให้จิตเป็นสมาธิไว มีอานุภาพมาก ​





    ดังนั้นการฝึกกสิณจึงเป็นการฝึกสมาธิวิธีหนึ่ง ซึ่งอยู่ในวิธีฝึกจิตแบบหนึ่งเรียกว่า "เจริญสมถกรรมฐาน"



    ส่วนเรื่องของกสิณจะมีกี่อย่างอันนี้ด้อยปัญญาจริงๆครับ แต่เท่าที่รู้จะต้องมี “ปฐวีกสิณ” กสิณดิน คือ การเพ่งดิน “อาโปกสิณ” กสิณน้ำ คือ การเพ่งน้ำ “เตโชกสิณ” กสิณไฟ คือ การเพ่งไฟ และ”วาโยกสิณ” กสิณลม คือ การเพ่งลม ทำนองนี้แหละครับ ​






    กล่าวกันว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เราเรียกว่า “ธาตุทั้งสี่” เป็นองค์ประกอบสำคัญของชีวิตคนในโลกของความเป็นจริงที่มีคุณค่าและไม่น้อยหน้า ดิน น้ำ ลม ไฟ ตาม"นัยของกสิณ..."





    จะให้ไม่สำคัญยังไงเล่าครับ ก็ในเมื่อหลวงพ่อทองอยู่ พระหมอโบราณเคยสอนหลวงพ่อเก๋ไว้ว่า.. ​



    “ความผิดปกติของชีวิตกับเลือดลม” มีสาเหตุมาจากธาตุทั้งสี่ ซึ่งถือว่าเป็น”ปัจจัยภายในตัวของเราเอง.....”<!--แนบไฟล์:​

















    --> ​






    “ชีวิตคนเราประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ปัถวี อาโป วาโย เตโช ดิน น้ำ ลม ไฟ ปัถวีคือดินอยู่ที่เท้า อาโป คือน้ำลาย น้ำเหลือง วาโยคือลมหายใจ



    เตโช คือไฟธาตุที่ให้ความอบอุ่นในกายเราอยู่ทุกวัน ดังนั้นคนเราจึงตายเมื่อไฟธาตุแตก เพราะร่างกายเสียสมดุล....”<!--แนบไฟล์:

















    -->






    “ธาตุทั้งสี่ในร่างกายคนเราเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา ตอนเช้าอาจจะยังดีอยู่ ตอนเที่ยงเปลี่ยนไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง มันเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที





    บราณจึงกล่าวกันว่า ความไข้ที่จะเกิดแก่ร่างกาย มันไม่เลือกวันเวลา เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น...”



    ตำรายาโบราณบันทึกไว้ว่า..


    “เมษายน คนมักเป็นไข้รากสาด เดือนสิบสอง ลมว่าวพัดลงมา ท่านเรียกว่าไข้หัวลมหรือไข้หวัด พอช่วงหน้าฝนคนมักเจอมาลาเรีย และช่วงที่คนเราไม่สบายกันมากก็คือช่วงที่ฤดูกาลมาเจือจุนกัน นั่นคือการที่ความร้อนและเย็นมากระทบกัน...”<!--แนบไฟล์:


























    -->



    “ฤดูกาลเปลี่ยนก็ส่งผลกระทบต่อธาตุทั้งสี่ในร่างกายคนเราว่าจะสามารถคงความสมดุลอยู่ได้หรือไม่ ทุกสิ่งทุกอย่างสัมพันธ์กันไปหมด...ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยภายนอก..”



    ว่ากันว่า”การค้นพบตัวตน สำคัญคือต้องผ่านการแสวงหาด้วยตนเอง...”
    เช่นเดียวกันครับ หลวงพ่อเก๋ ท่านเรียนวิชาการต่างๆ มามาก ทั้งช่างไม้ หมอยา คาถา ฯลฯ เป็นที่รู้กันในกลุ่มของผู้ที่มีคตินิยมในแนวทางนี้ว่า การทำของให้ขลัง ให้เกิดความเสถียร นอกจากวิชาการต้องเข้มแข็งแล้วยังคงต้องพึงพา “ความจริง” ที่มีชื่อว่า “เคล็ดลับ...”<!--แนบไฟล์:​
















    -->​





    “ทุกสิ่งในโลกนี้สำเร็จด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ คาถาทั้งหลายทั้งหมดจะต้องใส่ด้วยธาตุทั้งสี่ จึงจะได้ผล..”





    หลวงพ่อเก๋ สุนันโท หรือท่านพระครูสุนันทวิริยาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดแม่น้ำ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มี”วิชาอาคมเก่งกล้า” พอๆกับ “ความเมตตาที่กล้าแข็ง”










    [​IMG]



    ปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปนานแล้วครับ ศพของท่านถูกบรรจุอยุ่ในโลง ตั้งอยู่บนกุฎิเพื่อให้ลูกศิษย์และญาติโยมที่เคารพในตัวท่านได้กราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลกับตนเอง..<!--แนบไฟล์:​

























    --> ​




    บันทึกน้อยของผมตอนนี้เขียนระลึกถึงบุญคุณและคุณงามความดีของท่าน ที่ได้สั่งสอนอบรมธรรมะแก่ชาวบ้าน พัฒนาวัดแม่น้ำให้มีความเจริญรุ่งเรือง..และแรงบันดาลใจอีกประการหนึ่งคือท่านเป็นพระสหธรรมมิกองค์สำคัญของ”ครูบาอาจารย์” ของผมอีกหลายองค์ ซึ่งคำว่า​



    “คนคอเดียวกัน ย่อมรู้ใจกัน..”



    เป็นนิยามที่ดีที่ใช้อธิบายถึงความสัมพันธ์อันนั้น...ขออนุญาตปิดบันทึกน้อยตอนนี้ด้วยคำสอนของหลวงพ่อเก๋ สุนันโท ครับ<!--แนบไฟล์:​






















    -->

    “คนเราเกิดมามิได้พบพระพุทธเจ้าเลย...

    แต่ว่าถ้าได้ดำเนินชีวิตของตนเองให้ตรงทางจริยมรรคแปดประการ ถูกต้องตามแบบแผนในการปฏิบัติโดยไม่ทอดทิ้ง และทำอย่างจริงๆ ก็สามารถสำเร็จมรรคผล เป็นอริยบุคคลได้...” สวัสดีครับ<!--แนบไฟล์:​






















    --> ​





    ขอขอบคุณ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย สำหรับข้อมูล คุณณัฐวุฒิ เลิศวนานนท์ กับรูปภาพประกอบเรื่อง เพื่อนต่อ สำหรับคำแนะนำที่มีคุณค่า และไม่อาจลืมคุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจที่มีให้อย่างสม่ำเสมอ





    </DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV></DIV>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2010
  2. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795
    ใครมีวัตถุมงคลหรือเรื่องเล่าดีๆมาเล่ากันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0082.jpg
      0082.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.6 KB
      เปิดดู:
      2,375
    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.7 KB
      เปิดดู:
      1,990
    • 3-horz.jpg
      3-horz.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.1 KB
      เปิดดู:
      1,960
    • 6-horz.jpg
      6-horz.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.2 KB
      เปิดดู:
      3,021
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.6 KB
      เปิดดู:
      2,033
    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.2 KB
      เปิดดู:
      3,113
    • 23-horz.jpg
      23-horz.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.7 KB
      เปิดดู:
      2,261
    • 18.jpg
      18.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.3 KB
      เปิดดู:
      1,877
    • 29.jpg
      29.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45 KB
      เปิดดู:
      1,898
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.5 KB
      เปิดดู:
      2,162
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2010
  3. lasomchai

    lasomchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +2,036
    ธรรมสิ่งใดที่หลวงพ่อได้พบได้เห็น
    ขอให้ข้าพเจ้าได้พบได้เห็นธรรมนั้นด้วยเถิด

    ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  4. Red Leaf

    Red Leaf เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +4,547
    บ้านของยายเราอยู่สมุทรสงคราม เด็กๆ เคยได้ไปกราบหลวงพ่อเก๋อยู่หลายครั้ง...

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง พี่ชายที่เป็นลูกของน้าเดินจากบ้านยายกลับบ้านตัวเองแล้วก็หายไปเฉยๆ (ตอนนั้นอายุสัก 10 ขวบเห็นจะได้)..ทางบ้านก็ออกตามหากันจ้าละหวั่น หาเท่าไรก็ไม่เจอ จึงตัดสินใจไปหาหลวงพ่อเก๋ที่วัดแม่น้ำ...

    หลวงพ่อเก๋ท่านทำสมาธิแล้วก็บอกว่า พี่ชายไปได้หายไปไหนหรอก เดินวนอยู่ในสวนนั่นแหละ แต่ถูกผีบังตาไว้ ให้ลองกลับไปหาดูอีกครั้งแล้วจะเจอ..

    ทางบ้านก็กลับมาตามหากันอีกครั้ง ปรากฏว่าเจอจริงๆ หลังจากนั้นพี่ชายก็ไม่สบายไปหลายวัน เขาเล่าว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งมาพาเขาเดินไป โดยที่เขาบังคับตัวเองไม่ได้ ต้องยอมเดินตามไปต้อยๆ...ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็คือชาวบ้านคนหนึ่งที่ขึ้นต้นมะพร้าวแล้วตกลงมาคอหักเสียชีวิต (แถวนั้นเป็นสวนมะพร้าว ทำน้ำตาลมะพร้าวค่ะ) บ้านยายก็อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุด้วยสิ ตอนเด็กๆ ผู้เขียนกลัวมาก เวลาที่จำเป็นต้องเดินผ่านบริเวณนั้นตอนกลางคืนจะเกาะชายเสื้อยายแล้วหลับตาปี๋เลย...

    ขออนุโมทนากับท่านเจ้าของกระทู้นะคะที่นำเรื่องราวและธรรมดีๆ ของพระสุปฏิปันโนมาเล่าสู่กันฟัง
     
  5. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795

    ประสบการณ์เยี่ยมเลยครับ หลวงพ่อท่านเก่งจริงๆ
     
  6. nudjinnong

    nudjinnong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,161
    ค่าพลัง:
    +3,012
    ผมคนหนึงเป็นคนแม่กลอง ขอกราบพระเกจิย์อาจารย์ทุกๆท่านครับ
    บ้านของผมอยู่ห่างจากวัดแม่น้ำ แต่อยู่ใกล้วัดจุฬามณีมากกว่า
    เลขขออนุญาตพี่เจ้าของกระทู้มาเล่าประสบการณ์ของหลวงพ่อเนื่องแทนนะครับ

    ลุงผมเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนตอนที่ท่านบรรจุเป็นข้าราชการครูใหม่ๆ
    เวลาใกล้ๆวันหวยออกต้องไปวัดจุฬามณีทุกครั้ง แม้ว่าหลวงพ่อเนื่องไม่ได้ให้หวยนานแล้ว
    แต่ทุกกิจวัตรของท่าน มีคนเอาไปตีเป็นหวย เช่นเวลาที่ท่านกินข้าว กินกี่คำ
    กินอะไร ลุงผมบอกว่าแถวนั้นเขาทำหนังสือตีกันเป็นหวย
    ลุงของผมก็ถูกรางวัลแทบทุกงวดครับ
    สำหรับคนแถวนั้น ประสบการณ์เรื่องการเสี่ยงโชค ต้องหลวงพ่อเนื่องเลย
    แม้ว่าท่านจะเป็นพระเกจิย์ที่เก่งหลายด้าน มีวิชามากมาย
    คนส่วนใหญ่ที่แวะมาหาท่านในช่วงนั้น...ไม่ได้ให้ท่านช่วยอะไร...แค่ตามดูกิจวัตรหลวงพ่อแล้วเอามาตีเป็นหวยครับ
     
  7. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795
    ก็ยังดีครับเบื้องต้นก็มาเอาเลขพอถึงจุดก็จะเกิดความรักและศรัทธาในคุณของพระอริยะสงฆ์ แค่นี้ใจก็เป็นบุญเป็นกุศล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2010
  8. nudjinnong

    nudjinnong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,161
    ค่าพลัง:
    +3,012
    สำหรับหลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ
    ได้ยินได้ฟังมาจากคนแถบๆนั้นครับ หลายๆปาก
    เกี่ยวกับเรื่องวัตถุมงคลของท่านครับ

    กระสุนปืนเฉียดหนังหัว เป็นแค่แผลถลอก
    ของมีคมไม่ระคายผิว

    เพราะว่าในคอมีปิดตาของหลวงพ่อเก๋วัดแม่น้ำครับ
     
  9. คนวิเชียร

    คนวิเชียร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +1,298
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ หลวงพ่อท่านเก่งมากครับ สาธุ :cool:
     
  10. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    ขอบคุณที่นำมาให้ได้ศึกษาครับได้ยินชื่อท่านมานานแล้วครับ
     
  11. ธัมปฏิบัติ

    ธัมปฏิบัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +1,019
  12. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    ของดีอีกอย่างของหลวงพ่อเก๋ ตะกรุดเดือนเพ็ญ หลวงพ่อเมตตาำจารตะกรุดใต้น้ำ
     
  13. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    กราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
    "ทุกสิ่งในโลกนี้สำเร็จด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ คาถาทั้งหลายทั้งหมดจะต้องใส่ด้วยธาตุทั้งสี่ จึงจะได้ผล.."

    คาถาที่เกี่ยวกับธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ผมได้คัดลอกจาก พระคุณเจ้าวิริรัลโยโมสิน วัดดอนจั่น เชียงใหม่ ดังนี้

    กราบ 3 หน ตั้ง นะโม 3 จบ.........
    พุทธัง อาราธนานัง ธัมมัง อาราธนานัง สังฆังอารธนานัง<O:p</O:p
    พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆังนุภาเวนะ<O:p</O:p
    พุทธัง ประสิทธิเม ธัมมัง ประสิทธิเม สังฆัง ประสิทธิเม<O:p</O:p
    พุทธะบูชา มหาเดชะวันโต ธัมมะบูชา มหาปัญโญ สังฆบูชา มหาโภควโหติ <O:p</O:p
    พุทโธ ธัมโม สังโฆ<O:p</O:p
    นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะมะอะอุ (คาถากำกับพระธาตุ ศักดิ์สิทธิ์มาก)<O:p</O:p
    ธาตุแก้วครอบจักรวาล<O:p></O:p>
    นะ- สร้างเสริมหนุนธาตุน้ำ คือ แก้วมณีโชติรส (แก้วสารพัดนึก มีกายสิทธิ์ ถ้าพญามารได้ไว้ พุทธศาสนาคงไม่มี)<O:p</O:p
    มะ- สร้างเสริมหนุนธาตุดิน คือ แก้วไพฑูรย์ (ช่วยหนุนความคิด พูด เช่นพระเครื่องรางของขลัง)<O:p</O:p
    อะ- สร้างเสริมหนุนธาตุไฟ คือแก้ววิเชียร (เพชร ทำให้จิตใจหนักแน่นมั่นคง ป้องกันภัยทั้งปวง)<O:p</O:p
    อุ- สร้างเสริมหนุนธาตุลม คือ แก้วปัทมราชมหาราชา (โชคลาภ วาสนา ค้าขาย หน้าที่การงาน
    ก่อนจะนั่งสมาธิทุกครั้งให้น้อมนำธาตุทั้งสี่เข้ามาไว้ในตัวเรา โดยท่องคาถาข้างต้น ซึ่งนอกเหนือจากระลึกคุณพระรัตนตรัยแล้วยังน้อมเอาพระธาตุครอบแก้วมาไว้ในตัว ตามที่หลวงพ่อเก๋ สุนันโท ท่านได้แนะเคล็ดลับไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 สิงหาคม 2010
  14. กำธร นครปฐม

    กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,205
    ขอบคุณมากครับป๋าหน่อง หลวงพ่อเก๋ท่านเก่งมานาน เสียดายตอนที่ท่านอยู่ไม่ได้ไปครับ
     
  15. สีจำปา

    สีจำปา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    270
    ค่าพลัง:
    +343
    กราบอนุโมทนา สาธุ หลวงพ่อเก๋ พระผู้สมถะ

    ขอขุดกระทู้ มาเผยแพร่ประวัติหลวงพ่อนะครับ
     
  16. dollyta

    dollyta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    808
    ค่าพลัง:
    +297
    ต่อเลยครับพี่
    :cool: ปูเสื่อรอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...