ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์

รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและ คนมีองค์รุ่นที่ 7 ประจำปี 2553
ในวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 เวลา 09.00 น. - 17.00 น.

ยินดีต้อนรับ คุณจ่าติ๊กและเพื่อน
รับจำนวน: 15 ท่าน

1) คุณพิมพ์ใจ
2) คุณดาว
3) คุณลามะ
4) คุณศิริกัญญ์
5) คุณเรือนไทยและเพื่อน
6) คุณปลายทาง
7) คุณนิตยาและเพื่อน
8) คุณเกศสิรี วัฒนศิริพงศ์
9) คุณทรรศณีย์
10) คุณจ่าติ๊กและเพื่อน


ยอดผู้สมัคร จำนวน 10 ท่าน
ยอดคงเหลือ จำนวน 5 ท่าน

ยังสมัครได้อยู่นะครับ

หากต้องการสอบถามข้อมูล ติดต่อ 081 808 6695 คุณภารดรภาพ

 

รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์รุ่นที่ 7 ประจำปี 2553
ในวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 เวลา 09.00 น. - 17.00 น.


ยินดีต้อนรับ ทุกท่าน

รับจำนวน: 15 ท่าน

1) คุณพิมพ์ใจ
2) คุณดาว
3) คุณลามะ
4) คุณศิริกัญญ์
5) คุณเรือนไทยและเพื่อน
6) คุณปลายทาง
7) คุณนิตยาและเพื่อน
8) คุณเกศสิรี วัฒนศิริพงศ์
9) คุณทรรศณีย์
10) คุณนก
11) คุณจ่าติ๊กและเพื่อน
12) คุณป้อมและเพื่อน

ยอดผู้สมัคร จำนวน 12 ท่าน
ยอดคงเหลือ จำนวน 3 ท่าน

ยังสมัครได้อยู่นะครับ

หากต้องการสอบถามข้อมูล ติดต่อ 081 808 6695 คุณภารดรภาพ
<!-- google_ad_section_end -->

 

รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์รุ่นที่ 7 ประจำปี 2553
ในวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 เวลา 09.00 น. - 17.00 น.

ยินดีต้อนรับ คุณ lada

รับจำนวน: 15 ท่าน

1) คุณพิมพ์ใจ (ขอยกเลิก)
2) คุณดาว (ขอยกเลิก)
3) คุณลามะ
4) คุณศิริกัญญ์
5) คุณเรือนไทยและเพื่อน
6) คุณปลายทาง
7) คุณนิตยาและเพื่อน
8) คุณเกศสิรี วัฒนศิริพงศ์
9) คุณทรรศณีย์
10) คุณนก
11) คุณจ่าติ๊กและเพื่อน
12) คุณป้อมและเพื่อน
13) คุณ lada

ยอดผู้สมัคร จำนวน 13 ท่าน
ยอดคงเหลือ จำนวน 2 ท่าน

ยังสมัครได้อยู่นะครับ

หากต้องการสอบถามข้อมูล ติดต่อ 081 808 6695 คุณภารดรภาพ

 

รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์รุ่นที่ 7 ประจำปี 2553
ในวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 เวลา 09.00 น. - 17.00 น.


ยินดีต้อนรับ คุณภควรรณ

รับจำนวน: 15 ท่าน

1) คุณลามะ
2) คุณศิริกัญญ์
3) คุณเรือนไทยและเพื่อน
4) คุณปลายทาง
5) คุณนิตยาและเพื่อน
6) คุณเกศสิรี วัฒนศิริพงศ์
7) คุณทรรศณีย์
8) คุณนก
9) คุณจ่าติ๊กและเพื่อน
10) คุณป้อมและเพื่อน
11) คุณ lada
12) คุณภควรรณ


ยอดผู้สมัคร จำนวน 12 ท่าน
ยอดคงเหลือ จำนวน 3 ท่าน

ยังสมัครได้อยู่นะครับ

หากต้องการสอบถามข้อมูล ติดต่อ 081 808 6695 คุณภารดรภาพ
<!-- google_ad_section_end -->

 

รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์รุ่นที่ 7 ประจำปี 2553
ในวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 เวลา 09.00 น. - 17.00 น.

ยินดีต้อนรับ คุณชุติมณฑ์

รับจำนวน: 15 ท่าน

1) คุณลามะ
2) คุณศิริกัญญ์
3) คุณเรือนไทยและเพื่อน
4) คุณปลายทาง
5) คุณนิตยาและเพื่อน
6) คุณเกศสิรี วัฒนศิริพงศ์
7) คุณทรรศณีย์
8) คุณนก
9) คุณจ่าติ๊กและเพื่อน
10) คุณป้อมและเพื่อน
11) คุณ lada
12) คุณภควรรณ
13) คุณชุติมณฑ์

ยอดผู้สมัคร จำนวน 13 ท่าน
ยอดคงเหลือ จำนวน 2 ท่าน

ยังสมัครได้อยู่นะครับ

หากต้องการสอบถามข้อมูล ติดต่อ 081 808 6695 คุณภารดรภาพ

 

รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์รุ่นที่ 7 ประจำปี 2553
ในวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 เวลา 09.00 น. - 17.00 น.

ยินดีต้อนรับ คุณสดใส

รับจำนวน: 15 ท่าน

1) คุณลามะ
2) คุณศิริกัญญ์
3) คุณเรือนไทยและเพื่อน
4) คุณปลายทาง
5) คุณนิตยาและเพื่อน
6) คุณเกศสิรี วัฒนศิริพงศ์
7) คุณทรรศณีย์
8) คุณนก
9) คุณจ่าติ๊กและเพื่อน
10) คุณป้อมและเพื่อน
11) คุณ lada
12) คุณภควรรณ
13) คุณชุติมณฑ์
14) คุณสดใส

ยอดผู้สมัคร จำนวน 14 ท่าน
ยอดคงเหลือ จำนวน 1 ท่าน

ยังสมัครได้อยู่นะครับ ท่านสุดท้ายแล้วครับ

หากต้องการสอบถามข้อมูล ติดต่อ 081 808 6695 คุณภารดรภาพ

 

อัญเชิญเจ้าข้า...

ขออนุโมทนา เต็มกำลังครับ

สมกับเจตนารมณ์ที่วางไว้ สาธุๆๆ ขอให้เจริญในธรรมสูงมากยิ่งๆ ขึ้น

เคยไปเยี่ยมชมมาแล้ว ตามที่ได้เคยนำพาไป สุดยอดจริงๆ ครับ

 

ขอขอบคุณ พี่ภารดรภาพมากครับ กำลังหาอยู่พอดี เมือวานเพิ่งนึกถึง วันนี้เลยมาลองเปิดดู ก็ได้เจอเลย อนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

สวัสดีค่ะ อ.ภารดรภาพ
เห็นหน้าบอร์ดว่างไปหลายวัน ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเข้ามาอ่านข้อมูล ตอนนี้ซุ้มฝึกอยู่ มีคำถามมาเรียนถามอาจารย์ค่ะ เวลาเราฝัน 02.00 น. และ 05.00 น. เราพอทราบว่าคือลางบอกเหตุ แต่ จะรู้ได้แค่ไหนค่ะ ว่าเรื่องจริงหรือเท็จ หรือ ครูบาอาจารย์มาสอน มีวิธีการ อะไรที่ทำให้เกิดความมั่นใจได้ เป็นสิ่งดี และสามารถปฏิบัติตามได้ (อาจารย์อีกท่านบอกว่า เรากลัวตัวเอง ก็เลยยิ่งไม่มั่นใจ )
เพราะช่วง3-4 วันนี้ มีเหตุการณ์(ไม่สามารถเล่าได้ค่ะ เกรงว่าจะโอ้อวดนิมิตค่ะและยังไม่ทราบว่าอาจารย์ท่านไหนแนะนำ) ที่ทำให้ต้องเร่งรีบในการปฎิบัติ และวันนี้ก็พอได้ข้อมูลที่สามารถรวมการฝึกพื้นฐานของ กรรมฐาน (การตั้งมั่นแห่งมหาสติ), การฝึกที่หัวใจ ( หัวใจวิปัสสนา ) ,พลังจักระ (การรักษาองค์รวมความสมดุลย์) , และ ที่อ่านข้อมูลแต่ยังไม่ได้ฝึกจริง วิชาสาม (หัวใจมหาเทพ,พลังป้องกัน)แต่มีความรู้สึกว่า ขาดอีกหนึ่งข้อปฎิบัติ ไม่แน่ใจว่า คือ ที่เกิดแห่งภพหรือเปล่า หวังว่าอาจารย์พอเข้าใจนะค่ะ แบบเฉพาะกิจของญาณิศา ที่เกิดขึ้นในขณะฝึก แต่ทั้งหมดยังเป็นพื้นฐานอยู่ ยังไม่มีพลังอะไรมากมาย แต่แค่รักษาตัวเองให้รอดเฉพาะเรื่อง ๆ ไป
เป็นการสอบอารมณ์และ ส่งข้อมูลการปฎิบัติ กับ อาจารย์ ผู้อนุญาติเป็นที่ปรึกษาค่ะ ขอบารมีที่เกิดขึ้น มอบแก่อาจารย์ค่ะ สมัครรุ่นที่แปด ไว้ก่อนค่ะ 3 ที่ค่ะ
ญาณิศา กระบี่ศรี
(ต้องขอบพระคุณ คุณ yai_93 ที่แนะนำและชวนร่วมงานค่ะ อยากไปค่ะ แต่หยุดร้านบ่อยมาก ของไปทำธุรกิจก่อนค่ะ )

 

ดิฉันอีกคนหนึ่งที่มีเทวดาชั้นดาวดึงห์มาดุแลอยู่ที่แรกก็ไม่ได้รู้อะไรว่าตัวเองมีเทวดามาดูแลมารู้เมื่อปลายปีที่แล้วนี้เองรู้อย่างไรก็ท่านเล่นดึงจิตไปคุยด้วยก็เลยรู้ท่านสามารถดึงจิตไปคุยได้เพราะท่านมีความสัมพันธ์กันยิ่งกว่าญาติเราเลยถามท่านว่าท่านอยู่ชั้นไหนท่านบอกท่านอยู่ชั้นดาวดึงห์ดิฉันก็เลยถามว่าเป็นงานของท่านเหรอท่านบอกว่าชั้นดาวดึงห์ไม่มีการงานทำหรอกแตท่านรับอาสามาดูดิฉันเองดิฉันก็เลยหายสงสัยดีเหมือนกันนะท่านยังมาบอกหวยเลยแต่ถูกนิดเดียวปกติดิฉันไม่ใช่คนชอบเล่นหวยแต่ท่านมาบอกก็เลยลองเล่นดูพอถูกก็เลยเอาเงินไปทำบุญอุทิศให้ท่านหมดเลยดิฉันเป็นคนชอบทำบุญและทำสมาธิในแนวมโนมยธิแนวอื่นก็ทำแต่จิตชอบแนวนี้มากกว่า

 

รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์รุ่นที่ 7 ประจำปี 2553
ในวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 เวลา 09.00 น. - 17.00 น.

ยินดีต้อนรับ คุณสดใส

รับจำนวน: 15 ท่าน

1) คุณลามะ
2) คุณศิริกัญญ์
3) คุณเรือนไทยและเพื่อน
4) คุณปลายทาง
5) คุณนิตยาและเพื่อน
6) คุณเกศสิรี วัฒนศิริพงศ์
7) คุณทรรศณีย์
8) คุณนก
9) คุณจ่าติ๊กและเพื่อน
10) คุณป้อมและเพื่อน
11) คุณ lada
12) คุณภควรรณ
13) คุณชุติมณฑ์
14) คุณสดใส

ยอดผู้สมัคร จำนวน 14 ท่าน
ยอดคงเหลือ จำนวน 1 ท่าน

ยังสมัครได้อยู่นะครับ ท่านสุดท้ายแล้วครับ

หากต้องการสอบถามข้อมูล ติดต่อ 081 808 6695

 

บทความ เรื่อง ร่างทรง คนมีองค์ องค์แฝง กับปาฏิหาริย์ ๓

ลองอ่านและวิพากษ์บทความนี้ดู นะครับ แล้วจะได้ความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น

เมื่อพูดถึงคำว่าร่างทรง คนหลายคนคงนึกถึงภาพคนยืนตัวสั่น
พูดจาทำนายทายทัก พูดกันด้วยภาษาแปลกแปลก
บ้างก็เปิดเป็นสำนักกัน บ้างเก็บเงินหรือบอกหวยกัน
ทำสิ่งที่ลึกลับมีพิธีกรรมแปลกๆซึ่งมักมีทั้งทรงจริง
และของปลอมหลอกกัน เพื่อหาผลประโยชน์จากการหลอกให้หลงเชื่องมงายโดยขาดสติปัญญา

เรื่องของสวรรค์ นรก เรื่องแปลกๆ เรื่องเหลือเชื่อ อันที่เราสามารถพินิจเห็นอยู่บ่อยๆตามสื่อรายการต่างๆ ในโลกแห่งวิทยาศาสตร์อันทันสมัย
โลกแห่งการแข่งขันทางเศรษฐกิจกันอย่างดุเดือดรุนแรงวุ่นวาย
จนเราไม่เคยใส่ใจคำว่าคนมีองค์
ไม่เคยคิดแม้แต่ว่ามันจะจริงหรือไม่คิดเพียงว่าเป็นเรื่องไกลตัว
ไม่ควรไปใส่ใจให้เสียเวลา เป็นเรื่องเหลวไหล
แท้จริงมันเป็นเรื่องใกล้ตัวเราที่สุด
จนแทบจะพูดได้เลยว่าเป็นเรื่องของเราเองทีเดียว
แต่น้อยคนที่จะสนใจเรื่องเหล่านี้ว่าแท้จริงคือสิ่งใดเกิดขึ้นได้อย่าง เหตุผลใดทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ เรื่องใดเป็นเรื่องจริง เรื่องใดเป็นของปลอม
หาได้แต่โทษโชคชะตา หรือไปโทษตัวเองว่า

ถ้าเราไม่ทำเช่นนั้นก็คงจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องลี้ลับยากที่จะพิสูจน์ให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ มันเป็นเรื่องปัจจัตตัง
คือรู้และพิสูจน์ได้เฉพาะตน จะว่าไปแล้วคนทุกคนล้วนมีบุญเก่ากรรมเก่าติดตัวมาตั้งแต่เราเกิด
ตั้งแต่ปฏิสนธิ มันเป็นเครื่องกำหนดกฏแห่งกรรมของทุกชีวิตที่เกิดมาในโลก ในแง่สิ่งเหนือสามัญวิสัย
คนที่มีความซับซ้อนของภพชาติยิ่งมาก ย่อมเคยมีปฏิสัมพันธ์กับคน สัตว์ สิ่งมีชีวิต จิตวิญญาณ

ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์มามากด้วยเราคงเคยไปก่อกรรมกับใครต่อใครไว้
ทั้งดีและชั่วก็มาก ชาตินี้เรามาเกิด แต่คนที่เกี่ยวข้องกับเราบางคนในอดีตชาติ
บางดวงจิตอาจมาเกิดร่วมชาติกับเราเพื่อมาชดใช้กรรมซึ่งกันและกันในชาตินี้ ซึ่งเราไม่ทราบว่าเป็นใครบ้าง

บางคนยังไม่ได้พบกัน แต่บางคนก็อาจยังไม่ได้มาเกิดอาจยังเป็นเทวดาในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้นฟ้า หรือในนรก
หรือติดอยู่ในภพภูมิใดตามสัญญากรรม หรือบางคนสามารถพัฒนาจิตหนีเราไปเกิดเป็นพรหม
เป็นมหาพรหม มหาเทพไปแล้ว ท่านก็ถือว่าท่านมีกรรมสัมพันธ์กับเรา

จึงมีสิทธิที่จะมากำกับชีวิต ช่วยเหลือ ต่ออายุ
ให้โอกาสเราหากเราเข้าถึงพระพุทธศาสนา คนเราหลายๆคน
เรียกว่ามากมายนักที่มีสัญญากรรมกับเทพที่เกี่ยวข้องกับตนทั้งกรรมเก่าเกี่ยวเก่า
กรรมใหม่เกี่ยวใหม่ตามบุคคลาธิษฐาน ท่านจึงคอยมากำกับชีวิตเราตามพื้นฐานของกฏแห่งกรรม

แต่ก็ให้โอกาสเราทำกิจกรรมตามที่เคยสัญญากันไว้ก่อนมาเกิด
หากใครทำได้ครบ ก็จะส่งบุญเก่าให้บุญเก่าของเราแสดงผลออกมาเป็นรางวัลชีวิต
หากถึงเวลาที่กำหนดแล้วทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำเพราะส่วนใหญ่ไม่มีตัวรู้
หลงในเทคโนโลยี แสง สี เสียงสมัยใหม่ จนลืมสัญญากรรม
ท่านก็จะอุเบกขาวางเฉยปล่อยให้กรรมเล่นงานเราตามกฏแห่งกรรม
คนเหล่านี้จึงมีคลื่นพลังส่งมาจากโลกเหนือสามัญวิสัย แฝงมามาก
ส่งมาดลใจ ลองใจเราอยู่ตลอดเวลา คงมีทั้งเจ้ากรรมนายเวร
เจ้าบุญนายคุณ และเมื่อถึงกาลที่เหมาะสมเทพท่านจะมาใช้ร่างเราเพื่อให้เราสร้างบารมีคือท่านมาโปรดมนุษย์

ให้เข้าถึงธรรม มาจรรโลงพระพุทธศาสนา มารักษาสถาบันพระมหากษัตริย์
มาสอนเราโดยส่งญาณอันเป็นรังสีมาสู่ตัวเรา เข้าสู่ระบบสมอง
สู่ระบบประสาทจนเกิดแสดงเป็นอาการต่างๆให้เป็นร่างทรง
ที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป เพื่อที่เราจะได้สร้างบารมีสามารถฟันฝ่าวิบากกรรมไปได้
คนบางคนที่เขาเรียกว่ามีสัมผัสที่ ๖ ล่วงรู้หรือเห็นชาติภพของตนมาก่อน ชอบเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คนที่มีชะตาชีวิตรุนแรงประเภทขึ้นสูงก็สูงไปเลย
พอลงต่ำก็ต่ำไปเลย คนบางคนมีความสามารถทางโลกโดดเด่นมาก
บ้างก็มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นในชีวิต บ้างก็มีตำแหน่งในสังคม
คนพวกนี้ส่วนใหญ่เกิดจากทางในส่งผลเป็นปัจจัยทั้งสิ้น เรียกว่าคนมีองค์
การที่คนเก่ง ด้วยหน้าที่การงาน มีฐานะตำแหน่งเป็นที่ยอมรับนับถือในสังคม หากคนเหล่านี้จะต้องมาตัวสั่น
หรือมาเปิดสำนักคงยากที่คนเหล่านั้นจะยอมรับได้ แต่แท้จริงการพัฒนาร่างทรงต่างหากที่สำคัญ
เพราะเมื่อเริ่มแรกเราจะตัวสั่น พูดจาภาษาเทพเร็วๆ ฟังไม่ออก
เป็นเพราะเรายังมีตัวรู้ในองค์ญาณ ที่ยังไม่สัมพันธ์กับองค์ฌาน
ละเอียดไม่เท่ากับรังสีที่ส่งลงมา เทพท่านส่งมา สิบคำรับได้แค่คำเดียวจึงเกิดเป็นอาการตัวสั่น
พูดจาฟังไม่รู้เรื่องที่เรามักเรียกกันว่าพูดภาษาเทพ
แท้จริงหากพัฒนาจิตให้ละเอียดจนสามารถรับคลื่นรังสีที่ส่งมาได้ครบถ้วน
การพูดก็คือการพูดภาษาปกติมนุษย์นั่นเอง การตัวสั่นยังเป็นเรื่องของอิทธิฤทธิ์ เทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์
เราจึงยังไม่สามารควบคุมอาการได้ ซึ่งอิทธิฤทธิ์ เทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์นั้นพระพุทธเจ้าทรงยอม
รับแต่ทรงรังเกียจ เพราะส่วนใหญ่ง่ายในการนำไปใช้ผิดวิธี
ผู้พบเห็นมักศรัทธาด้วยฤทธ์ไม่ใช่เข้าใจด้วยปัญญา
หากเราฝึกฝนพัฒนาจิต พัฒนาทักษะ พัฒนาตัวรู้จนละเอียดใกล้เคียงกับรังสีเทพที่ส่งมาหาเรา
เราก็จะเริ่มควบคุมตัวเองได้ จะแสดงอาการที่ปรกติมากขึ้นที่เรียกว่าอิทธิฤทธิ์ หรือเทวฤทธิ์อยู่ในขั้น
ฤทธานุภาพ และเทวานุภาพ หรือสูงขึ้นจนทายใจคนได้อย่างอัศจรรย์เรียกว่า อาเทศนาปาฏิหาริย์

ซึ่งขั้นนี้พระองค์ก็ยังคงทรงรังเกียจ จนกระทั่งสามารถพัฒนาจิตสู่ขั้นมาตรฐาน คือขั้นจิตตานุภาพ
นั่นคือเป็นองค์แฝงไม่พบอาการผิดปกติให้เห็นได้แต่อย่างใด
แต่ขณะที่พูดสามารถปล่อยให้ญาณหรือรังสีเทพผ่าน
แสดงออกมาหรือพูดออกมาในลักษณะที่ผู้อื่นคิดว่าเป็นการแสดงออกของตัวเราเอง
โดยไม่มีใครทราบนอกจากตัวเรา สามารถอธิบายธรรมให้เข้าใจโดยใช้หลักธรรมให้เห็นเด่นชัดด้วยปัญญา
มีความสมดุลอย่างสูงในองค์ฌาน และองค์ญาณ

คนกลุ่มนี้ชีวิตจะยิ่งโดดเด่นยิ่งขึ้นโดยปาฏิหาริย์ เรียกว่าเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือคำสอนมีผลจริงเป็นมหัศจรรย์

ซึ่งพระพุทธองค์ทรงสนับสนุนถือว่าดีเยี่ยมเป็นประเสริฐ
ทั้งนี้คนที่พบกับวิบากกรรมก็สามารถที่จะดีขึ้นจนสามารถหลุดพ้นจากวิบากกรรมได้
หากเราสามารถทำตามสัญญากรรมข้ออื่นๆได้ครบ การพัฒนาร่างทรงสู่ญาณแฝง
และสามารถถ่ายทอดธรรมได้อย่างมหัศจรรย์ จึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำสังคมก้าวไกล
มองดูเป็นปกติธรรมดาธรรมชาติ และสังคมยอมรับกันได้ในปัจจุบัน

ที่มา http://sahadhamma.sahapatibati.org/2...post_5429.html

 

องค์ฌาน และ องค์ญาณ มีความต่างและมีหน้าที่กับเราอย่างไร บางที่อ่านหนังสือธรรมมะ พอเข้าใจ แต่ ไม่ค่อยได้ข้อมูลมันไกลตัว ต้องไปฝึกก่อน และ จะรู้ในขณะฝึก ว่าจิตอยู่ประมาณไหน กลับมาอ่านอีกครั้งถึงพอจะจับทางถูกและลองทำใหม่ มันเหมื่อนมีเงื่อนล็อค เหมื่อนเมื่อวันก่อนยังรวมไม่ได้ แต่เมื่อวาน กลับเข้าใจ ( การได้สนทนาธรรม ก็ดีอย่างหนึ่ง คือรู้มากขึ้น แต่ก็เสียอย่างหนึ่ง คือ ฟุ้งเกินไป )ต้องขออภัยอาจารย์ด้วยค่ะ
ต้องฝึกใหม่ และ ก็ฝึกไปเรื่อย ๆ จะได้เห็นทุกข์ เป็นเรื่องธรรมดา และยิ้มได้อีกครั้ง แบบธรรมชาติ เมื่อเจอกัน ในครั้งที่ 8 จะได้มีการบ้านส่งค่ะ

 

เป็นคำถามที่ดีครับ คำตอบแล้วแต่มุมมอง
มุมมองนักปฏิบัติกรรมฐานและวิปัสสนา
: ฌาน หมายถึง กำลัง
: ญาณ หมายถึง ปัญญา

กล่าวคือ ทั้งกำลังและปัญญาต่างต้องอาศัยซึ่งกันและกัน ประหนึ่งมีกำลังและปัญญาอันเป็นอาวุธประหารกิเลสครับ

หน้าที่สำคัญสำหรับเรา ก็คือ
การค้นหาจังหวะแห่งชีวิต ที่จะช่วยให้เราสามารถผ่าฟันอุปสรรคด้วยกำลังฌานและปัญญาญาณครับ ดังนั้น เราต่างมุ่งมั่นที่ศึกษาและปฏิบัติให้เข้าถึงสภาวะแห่งธรรมชาติ โดยมุ่งเน้นทางสายกลางนั่นเอง

จิตอยู่ไหน จิตก็อยู่ที่กายเรานี้แหละ ทุกอณูของกายเป็นที่อยู่ของจิต จิตเปรียบเหมือนอายาตนะ เพราะจิตเป็นธาตุรู้ และมีคุณลักษณะ รับ จำ คิด รู้ ครับ ผ่านกระบวนการแสดงออกทางพฤติกรรม ทั้งกายกรรม มโนกรรม และวจีกรรม ดังนั้น เราจะรู้จิตอยู่ประมาณไหนได้ ก็จากพฤติกรรมของทั้งสามกรรมที่ว่านี้แหละครับ

การเริ่มต้นฝึกฝนเป็นเรื่องปกติ ถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา ทำนะดีแล้ว ดีกว่าไม่ทำ ส่วนใหญ่เห็นดีแต่พูดและอวดธรรมกัน เก่งแต่ในคัมภีร์ทั้งนั้น จะให้เข้าถึงธรรมได้ก็ต้องทำครับ แต่ต้องมีหลักมีแนวทางที่เหมาะสมกับจริตนะครับ ไม่งั้นก็ยังจมปลักอยู่นั่นแหละ

ยินดีครับ ขอให้เจริญในธรรม

 

ประกาศ ปิดรับสมัครนักปฏิบัติธรรมและคนมีญาณบารมี รุ่นที่ 7 ประจำปี 2553

ในวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 เวลา 09.00 น. - 17.00 น.

ยินดีต้อนรับทุกๆ ท่าน ดังรายนามต่อไปนี้

1) คุณลามะ
2) คุณศิริกัญญ์
3) คุณเรือนไทยและเพื่อน
4) คุณปลายทาง
5) คุณนิตยาและเพื่อน
6) คุณเกศสิรี วัฒนศิริพงศ์
7) คุณทรรศณีย์
8) คุณนก
9) คุณจ่าติ๊กและเพื่อน
10) คุณป้อมและเพื่อน
11) คุณ lada
12) คุณภควรรณ
13) คุณชุติมณฑ์
14) คุณสดใส
15) เพื่อนคุณ lada

หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ 081 808 6695

 

สำหรับท่านใดที่พลาดในการสมัครครั้งนี้ ขอให้อดใจรอในครั้งถัดไปนะครับ

 

สวัสดีค่ะ อาจารย์ภราดรภาพ
มีคำถามมาอีกแล้ว....เป็นคำถามที่เกิดจากนิวรณ์ ..มีอาจารย์บอกว่า เรื่องที่มีอยู่ในใจเราและมีผลกับกาย เพราะเราไม่ตัดนิวรณ์ ...อาจารย์ พูดทิ้งไว้แค่นี้ ก็เลยงง และ คิดมาเป็นเดือน โดยส่วนตัวเมื่อเราพูดถึงอดีต ก็เป็นนิวรณ์ และ ถ้าเราโกรธใครในอดีต และยังโกรธอยู่ ก็เป็นนิวรณ์ อันนี้เปรียบเทียบนะค่ะ แต่เรื่องที่มีผลอย่างมากกับเรา คือ ก่อนหน้านี้ไม่สามารถนั่งสมาธิได้เลย ได้สามหายใจก็ไม่สงบแล้ว มาเมื่อไม่กี่วันนี้ ที่มีเรื่องให้ต้องเร่งฝึกก็มาจากสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน เมื่อรู้ว่าสามารถนั่งสมาธิได้เป็นปกติแล้ว ก็มาคิดถึงคำพูดของอาจารย์ที่กล่าวถึงนิวรณ์ และหาข้อมูลอ่านดู วันนี้ลองทำกับสถานะการณ์จริง และเปรียบเทียบกัน จิต จะจดจำบางเรื่องได้เป็นพิเศษ บางครั้งไม่ต้องสั่งให้จำเลย เช่นเรื่องผี ทั้ง ๆ ทีเราคิดว่า เราไม่มีนิวรณ์เลย แต่กลับไปเก็บมา ตอนไหนไม่รู้ บางครั้งก็รู้เล็ก ๆ และมีเรื่องเก่า ๆ ผสมด้วย ก็เลยเป็นที่มาของการนั่งสมาธิไม่ได้ จึงอยากทราบว่า เราจะฝึกอย่างไรดี เพื่อไม่ให้เกิดนิวรณ์แบบนี้ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก และ เกี่ยวเนื่องกับการตั้งมั่น หรือเปล่า (พระอาจารย์ที่วัดบอกว่าไม่ตั้งมั่น เพราะในขณะนั้น ถามพระอาจารย์ว่า จิตเราเกิดตกแบบกระทันหัน ในขณะที่เดินไปเข้าห้องน้ำ แบบรู้สึก จิตวูบไป มีแรงโน้มท่วงมาจากพื้นห้องดึงเอาไว้เดินได้ช้ามากจนผิดปกติ ท่านบอกว่าจิตไม่ตั่งมั่นแค่นั้น แต่ท่านมาเทศน์เรื่องบทเมตตา ในห้องประชุม เราก็รู้เลยว่าเรื่องผี แต่ท่านไม่บอกตรง ๆ จึงทำตัวไม่ถูกเลย พออีกวัน หนักมาก มาทั้งวัน สวดสัพเพ ทั้งวัน ก็แปลกใจ ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ จืตเพี้ยนไปหรือเปล่า มารู้ที่หลัง บริเวณนั้นเป็นที่เก็บกระดูกค่ะ แต่พอรู้แล้วกลับดีขึ้นค่ะ จะเข้าใจเจตนาของผู้ที่มา )ที่ต้องการฝึกฝนมากกว่าปกติ ก็เพื่อการนี้ค่ะ บางครั้งมา นอนไม่ได้ เช้าไปใส่บาตรแบบเดินเหมือนคนจะเป็นลม ใส่แล้วก็ดีขึ้น เดี๋ยวก็เป็นอีก ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับแผ่เมตตาน้อยไปหรือเปล่า เพราะจะไม่ค่อยรู้ตัว เวลาเกิดเรื่องขึ้นมา จนนั่งสมาธิไม่ได้ ก็เรียกว่าหนักแล้ว จึงต้องการหาวิธีแก้ให้ถูกทาง เรื่องเก่าที่พยายาม หาคำตอบ ให้ได้ เมื่อถึงเวลาที่เราเดินหน้า จะได้ปฎิบัติให้ถูกต้องค่ะ และนี่คือ นิวรณ์ ที่อาจารย์พูดถึงหรือเปล่าค่ะ
( อธิบาย เรื่องคำว่าอาจารย์หน่อยค่ะ อาจารย์ที่วัด ก็คือเมื่อไปบวช, อาจารย์ที่แนะนำเรื่องมา มีเพื่อนแนะนำให้รู้จัก เจอทีเดียวสามท่านค่ะ ท่านก็แนะนำท่านละเรื่อง แต่เราเองก็ไม่กล้าถามมาก กลับมาฝึกค่ะ เมื่อเจอใหม่ ก็ค่อยบอกผลการฝึก เวลาเจอท่าน ลูกศิษย์มารักษาเยอะมาก เราแค่เป็นผู้สังเกตการณ์ ท่านเมตตาบอกมาค่ะ)แต่พอมาถึง อาจารย์ภราดรภาพ ท่านเมตตาบอกได้ทางบอรด์ ก็เข้าทางพอดีค่ะ ขอบพระคุณอาจารย์มาก ๆ ค่ะ (บางครั้งถ้าถามต่อหน้าก็นึกคำพูดไม่ได้ ถามทางโทรศัพท์ ก็หูไม่ดี )ขออภัยอาจารย์ก่อนค่ะ ถ้าเขียนแล้วไม่สุภาพและรบกวนผู้อื่นในบอรด์
และมีเรื่องหนึ่ง ที่เกิดขึ้นกับจิตของมนุษย์อย่างเรา ๆ นี่แหละค่ะ เมื่อจิตแข็งแรงขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้น จิตมารในตัวเราก็แข็งแรงตามมาเป็นเงาตามตัวเลยค่ะ ตัวนี้หรือเปล่าค่ะ ที่รักษายากที่สุด ถึงต้องมีการฝึกฝนอย่างหนัก
ญาณิศา กระบี่ศรี

 

อยากร่วมปฏิบัติด้วยสักคนครับไม่ทราบจะทันมั้ย

 

ไว้โอกาสหน้านะครับ รุ่นที่ 8 ประจำปี 2553 ซึ่งจะเปิดรับประมาณ ต้นเดือนหน้าครับ หรือเดือนกันยายน ครับ

 

ขอสมัครรุ่นที่ 8 ไว้ล่วงหน้า 3 คนค่ะ ขออนุญาติ ไม่เข้ามาอ่านคำตอบของอาจารย์ก่อนนะค่ะ ช่วงนี้ติดงาน และจะเริ่มฝึกจริง ๆ จัง ๆ ให้มากกว่าปกติ หวังว่าบารมีของอาจารย์จะคุ้มครองให้การฝึก ราบรื่นค่ะ เพราะการเป็นคนปกติ มีสติสัมปชัญญะ สมบูรณ์ ทุกขณะจิต
เป็นเรื่องที่ลำบากมาก ๆ ค่ะ
ญาณิศา กระบี่ศรี