พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนอะไรเลย (พุทธธาตุธรรม)

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย pra_TopSecret, 4 สิงหาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    "บางครั้ง สิ่งที่มันจริงเกินไป ก็ทำให้ใครบางคน รับได้ยาก"ขออนุโมทนาค่ะ
    ความรู้เห็นอันแยบคายของสติปัญญาต่อธรรมที่เกิดในแต่ละบุคคลย่อมไม่เท่ากัน ขอท่านโปรดอโหสิให้พวกเขาด้วยเถอะ
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คนยังถึงปลายทาง จะไปปล่อยหลักทั้งหมดได้อย่างไร

    เห็นมาเยอะแล้ว ที่ว่า ยังชำระกิเลสไม่ได้สักตัว แต่พร่ำเพ้อแต่เรื่องของ ปลายทางบ้าง

    เรื่องของ ความว่างหมด ความไม่สมมติ

    สิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงเริ่มต้น อุปมาเหมือนคน เห็นฟ้าแล็บ ก็เอาแต่จดจำแต่แสงนั้น แต่ตนเองยังอยู่ในที่มืด แล้วก็เที่ยวประกาศไปทั่วว่า รู้แล้ว

    ทีนี้ เรื่องของ หลัก หรือ แพ ที่จะข้ามฟาก ก็ต้องจับเอาไว้ จนกว่าจะถึงฝั่งคือ พระนิพพาน

    ไม่เช่นนั้นจะไปไม่ถึงไหน ลอยคออยู่กลางทะเล

    กิเลส มันเล่นๆ เสียเมื่อไร
     
  3. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682

    นี่และของแท้ ของจริง ต้องอย่างนี้สิ:cool:


    ({) ตัวจริง ชัดเจน




     
  4. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868

    โอ้ลาน้อยแสนเขลา
    เจ้าถูกล่อ หลอกให้เดิน แล้วเดินไป
    เห็นจุดหมายเศษผักว่าอาหารเลิศ
    จึงลนลานเตลิด หน้าเดินไม่หยุดยัง
    ที่แท้เล่าเขาผู้เชือกล่อไว้ตรงหน้าเธอ
    เธอยังเซ่อหลงงมงายเดิน ๆ ไป

    อันผู้รู้ชี้ทางสว่างให้
    กลับตะคอกขับไล่ไสหัวไป
    แล้วฉไนเจ้าจะแจ้งมายาหนอ
    คนหลอกเจ้าเขาหัวร่อ แทบหัวคะมำ
    ลาก็ยังเดินเร่หาเศษผัก นั้นอยู่เอย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • eyor.jpg
      eyor.jpg
      ขนาดไฟล์:
      4.5 KB
      เปิดดู:
      73
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2010
  5. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    xxx............อยู่วันยังค่ำ
    นี่แหล่ะหนอสรรพสัตว์
     
  6. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ลีลาธรรมหรืออาการที่เกิดขึ้นนั้น ของใครของมัน กรรมใคร กรรมมัน จริตใคร จริตมัน ไม่เหมือนกันหมดทุกคน มันเป็นเรื่องของใครของมันจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องเหมือนเขา และเขาก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนเราทั้งหมดทุกการกระทำ และธรรมที่ดับทุกข์ได้จริงจะต้องออกมาจากภายในจิตใจของใครของมันเท่านั้นจึงจะใช่ ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำของเรา มิใช่รู้จากการอ่านหรือฟังผู้อื่นเข้ามา
     
  7. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
  8. GUYTHUM

    GUYTHUM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +1,088
    55555555555555555555555555555555555555+สอนให้ขำฟ่ะ
     
  9. xushukung

    xushukung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +465
    อ่านนิทานกันดีกว่า

    สิ่งที่ควรทำ

    ที่ประเทศญี่ปุ่น ในสมัยกามากูระ มีนักศึกษาผู้หนึ่งชื่อ ชินกัน ได้ศึกษาพุทธปรัชญาตามแนวของนิกายเท็นได เป็นเวลาถึง 6 ปี แล้วไปศึกษาตามแนวของเซ็นอีก 7 ปี จากนั้นได้เดินทางไปประเทศจีนและได้ศึกษาเซ็นตามแนวของจีนอีก 13 ปี เมื่อเขากลับมาประเทศญี่ปุ่น จึงมีผู้สนใจสนทนาซักถามปัญหาธรรมต่างๆ แต่ท่านชินกัน ก็ไม่ค่อยจะยอมตอบคำถาม วันหนึ่ง มีนักศึกษาเฒ่าจากสำนักเท็นไดมาหาท่านชินกันและกล่าวว่า

    "ข้าพเจ้าได้ศึกษาอยู่ในสำนักเท็นไดมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ได้รับฟังคำสอนมาก็มาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าไม่สามารถเข้าได้ใจจนทุกวันนี้ คือทางสำนักได้สอนว่า ในโลกนี้แม้แต่ต้นหญ้าและต้นไม้ก็อาจบรรลุหรือตรัสรู้ได้ เป็นสิ่งที่น่าประหลาดสำหรับข้าพเจ้ามาก"

    "มันมีประโยชน์อะไรหรือเปล่า ที่เราจะมานั่งถกเถียงกันว่าต้นหญ้าและต้นไม้ตรัสรู้ได้หรือไม่อย่างไร แต่ปัญหามันควรจะอยู่ที่ว่า ตัวท่านเองนั้นแหละจะสามารถบรรลุถึงการตรัสรู้ได้อย่างไร ท่านเคยคิดถึงเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า ? " ท่านชินกันถาม

    "จริงสินะ ข้าพเจ้าไม่เคยคิดมาก่อนเลย" นักศึกษาเฒ่าตอบ

    ท่านชินกันจึงบอกว่า

    "ถ้าอย่างนั้นก็กลับบ้าน และลงมือคิดได้แล้ว"

    พระพุทธองค์เคยตรัสสอนพราหมณ์ ที่มาถามปัญหาพากอภิปรัชญาทั้งหลาย เช่น ชาตินี้ ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ว่าไม่มีประโยชน์อะไร ทรงเปรียบเทียบให้ฟังว่า

    "เหมือนคนถูกยิงด้วยลูกศร แทนที่จะรีบรักษา กลับจะมัวหาคำตอบให้ได้เสียก่อนว่า ใครเป็นผู้ยิง ลูกศรทำด้วยอะไร คันศรทำด้วยอะไร เช่นนี้ก็คงไม่ทันการ"

    การปฏิบัติธรรมเพื่อให้พ้นทุกข์ก็เช่นกัน ท่านว่าจริงไหมครับ ?
     
  10. JIT_ISSARA

    JIT_ISSARA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,163
    > จากความเป็นเนื้อหนึ่งเดียวกันต่อทุกสรรพสิ่ง
    > เมื่อมีจิต มีการรับรู้ จึงมีทุกสิ่ง เมื่อดับจิต ไม่มีการรับรู้ จึงไม่มีในทุกสิ่ง(รู้ กับ ไม่รู้ จึงเป็นสิ่งเดียวกันแต่ต้นมา)
    > เมื่อจิตนี้ไม่มีการรับรู้ แม้จิตนั้น ไม่มี
    > เมื่อมีจิต มีการรับรู้ มีการยึดในขันธ์ 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ โลกนี้จึงมีการเกิดขึ้น ตามเหตุ ตามปัจจัย ตั้งแต่ มีรูปกาย รู้คิด รู้จำ รู้จำ รู้สัมผัส เกิดความอยากได้อยากมี อยากเป็น เพื่อตอบสนองในขันธ์ 5 บ้าน รถ ถนน คอมพิวเตอร์ และ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเกิดขึ้นมา เนื่องจากมีขันธ์ 5
    >เนื่อจากทุกดวงจิตเกิดขึ้น ยึดมั่นในขั้น 5 พระพุทะองค์จึงบอกเครื่องมือที่ทำให้ละจากขันธ์ 5 คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ( เมื่อมีศีล จึงเกิดความตั้งมั่น สมาธิ แล้วหันมาพิจารณาขันธ์ 5 ว่าไม่เที่ยง ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา จึงเกิดปัญญาเห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง ว่าไม่มีสาระ ไม่มีประโยชน์ ไม่มีตัวตน)
    >เมื่อทุกดวงจิตละได้แล้ว ไยต้องแบกธรรมหรือเครื่องมือด้วยเหล่า ให้วางธรรมแล้วปล่อยธรรมนั้นเสีย เพราะเมื่อละตัวตนได้แล้ว ศีล ไม่ต้องรักษา สมาธิไม่ต้องเจริญ ปัญญาไม่ต้องทำ
    > เนื่องจากจบกิจแล้ว เหมือนคนจบ Doctor แล้ว เข้าใจหมดแล้ว ไยต้องไปสมัครเรียนอีก ถ้ายังรักษาอยู่ นั้นหมายถึงยังไม่จบ ยังยึดตัวตนอยู่
    ----------------------------------------------------------------
    เป็นหนึ่งความคิด ความเห็น ในการพูด บอกกล่าวที่แตกต่างกันว่าตอนนี้เราพูดในชั้นไหน
    >ถ้ายังไม่เห็นโทษในการเวียนว่ายตายเกิด เหมือนว่ายังไม่ได้เข้าโรงเรียนของจักรวาล
    >เมื่อเห็นโทษของการเวียนว่ายตายเกิด หันมาให้ทาน เป็นระดับประถม
    >เมื่อเป็นผู้ให้ทานตามปกติ ยังมีความสุขที่มากกว่านี้น จึงให้หันมาฝึกการรักษาศีล ชั้นมัธยมต้น
    >เมื่อศีลตั้งมั่น ทำให้สมาธิเกิดขึ้น ตั้งมั่น เป็นสัมมาสติ สัมมาสมาธิ เปรียบได้กับจบชั้น มัธยมปลาย
    > เมื่อสมาธิตั้งมั่น หันมาละวางขันธ์ 5 ต่างๆ ได้ จึงจบชั้นปริญญาตรี
    > เมื่อเขาสู่ความจริงสูงสุด ปล่อยวางธรรมทั้งทั้งปวง วางจิต ว่าจิตของของเรา จิตแต่ละบุคคลมีความแตกต่าง แต่เนื้อแท้คือจิตเดียวกัน จิตจักรวาล ทุกดวงจิตมาจากแหล่งเดียวกัน และ ต้องกลับไปที่เดียวกัน หรือกลับบ้านที่เราจากมา เป็นนิพพานธรรม อนุตรธรรม อาณาจักระพระเจ้า หรือ พุทธธาตุธรรม ล้วนเป็นที่เดียวกัน สำเร็จขั้น Doctor
    ---------------------------------------------------------------------
     
  11. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    พุทธธาตุในความหมายของเจ้าของกระทู้ต่างกับปรมาตมันอย่างไร
    กรุณาอธิบาย
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คัดมาบางส่วนจาก จิตคือพุทธะ ธรรมะเทศนาของหลวงปู่ดุลย์

    จิตนี้คือ พุทธโยนิ อันบริสุทธิ์ ซึ่งมีประจำอยู่แล้วในคนทุกคน สัตว์ซึ่งมีความรู้สึกนึกคิดกระดุกกระดิกได้ทั้งหมดก็ดี พระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระโพธิสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงก็ดี ล้วนแต่เป็นของแห่งธรรมชาติ อันหนึ่งนี้เท่านั้น และไม่มีแตกต่างกันเลย ความแตกต่างทั้งหลายเกิดขึ้นจากเราคิดผิดๆ เท่านั้น ย่อมนำเราไปสู่การก่อสร้างกรรมทั้งหลายทั้งปวง ทุกชนิดไม่มีหยุด

    ธรรมชาติแห่งความเป็น พุทธ ดั้งเดิมของเรานั้นโดยความจริงอันสูงสุดแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่มีความหมายแห่งความเป็นตัวตน แม้แต่สักปรมาณูเดียว สิ่งนั้นคือความว่าง เป็นสิ่งที่มีอยู่ในทุกแห่ง สงบเงียบและไม่มีอะไรเจือปน มันเป็นสันติสุขที่รุ่งเรืองและเร้นลับ และก็หมดกันเพียงเท่านั้นเอง

    จงเข้าไปสู่สิ่งๆ นี้ได้ลึกซึ้ง โดยการลืมตาต่อสิ่งนี้ด้วยตัวเราเอง สิ่งซึ่งอยู่ตรงหน้าเรานี้แหละคือ สิ่งๆ นั้น ในอัตราที่เต็มที่ทั้งหมดทั้งสิ้น และสมบูรณ์ถึงที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรนอกไปจากนี้อีกแล้ว

    จิต คือ พุทธ (สิ่งสูงสุด) มันย่อมรวมสิ่งทุกสิ่งเข้าไว้ในตัวมันทั้งหมด นับตั้งแต่พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้แล้วทั้งหลาย เป็นที่สุดในเบื้องสูง ลงไปจนกระทั่งถึงสัตว์ประเภทที่ต่ำต้อยที่สุด ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานอยู่ด้วยอีก และแมลงต่างๆ เป็นที่สุดในเบื้องต่ำ สิ่งเหล่านี้ทุกสิ่งมันย่อมมีส่วนแห่งความเป็น พุทธ เท่ากันหมดและทุกสิ่งมีเนื้อหาเป็นอันเดียวกันกับ พุทธ อยู่ตลอดเวลา

    อ่านเต็มๆ ได้ที่นี่
    http://www.dhammajak.net/book-pudule/4.html

    ปล.เรามีความเห็นว่า คำสอนก็คล้ายๆกับเรื่อง พุทธธาตุธรรม ถ้าเปิดใจฟังนะ
     
  13. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    -พุทธธาตุของท่านต่างกับพระเจ้าอย่างไร?
    -การปฎิบัติให้สุดทุกข์จนรำพันกับตนได้เองว่ากิจจบแล้วแปลว่านิพพานแล้วไปเป็นพระเจ้าหรืออย่างไร?
    -หากจะพูดว่านิพพานแล้วก็กลับไปเป็นเนื้อเดียวกับโลกหรือที่คนนิยมพูดว่าได้กลับบ้านแล้วจะพูดว่านิพพานคือโลกกุตตระธรรม(เป็นธรรมพ้นโลก)ไปทำไม?
    -คนที่ชอบพูดชอบสอนว่านิพพานคือการกลับบ้านเดิม คือพวกที่กลัวตัวตนของตนเองสูญไปใช่หรือไม่
    กลัวตายจริงๆอยากมีความสุขนิรันดร์ใช่หรือไม่?
     
  14. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ไปเอาพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายไปนิยามเหมือนพรหม เหมือนปรมาตมัน เหมือนอู๋จี๋ เหมือนพระเจ้าทำไม
    ท่านผู้ประเสริญเหล่านั้นกิจจบแล้ว
    ไม่เกิดแล้ว
    รูปและนามและอวิชชาไม่เป็นเหตุและปัจจัยใดๆแล้ว
    พ้นโลกและภพต่างๆแล้ว
    เกินกว่าคำนิยามใดในโลกจะสามารถเปรียบเปรยได้แล้ว
    ไม่ใช่อะไรที่จะเข้าใจได้เว้นแต่จะปฎิบัติให้ถึงเอง

    ถ้าบอกว่าเป็นพระจะเผยแผ่พุทธธาตุในแบบที่ตนเข้าใจ
    ก็ปฎิบัติให้ถึงฝั่งเสียก่อน
    จะได้ไม่เป็นการตู่พระศาสดา จะเป็นอุปสรรคต่อมรรค ผล นิพพาน
     
  15. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 สิงหาคม 2010
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ภูมิรู้ ไม่ใช่ ภูมิธรรม
    ถ้ายึดภูมิรู้ที่อ่านมาจำมา แต่ภูมิธรรมไม่มี จะอ่านจะจำเท่าไร ก็ไม่อาจเข้าใจธรรมนั้นได้เลย
    อ่านมากจำมาก ก็ฟุ้งมาก ปฏิบัติมากแต่หลงทางก็ฟุ้งหนัก
    มีปากก็พูดได้ ถอน ละ วาง กิเลส แต่จะมีสักกี่คนที่ทำได้อย่างที่พูด
    เอากิเลสไปเที่ยวฟาดหัวคนอื่น ก็ถือว่าตัวเองมีสาระแล้ว หรือไร
    ใครจะยึดพระพุทธเจ้าไว้เป็นสมบัติเฉพาะพวกพ้องของตนเอง ก็ยึดไป
    ยึดแล้วไปฟาดฟันคนอื่น ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่บรรลุธรรม ไม่มีธรรมเป็นของตน
    มีแต่บรรลุปริยัติ บรรลุปฏิบัติ ในความคิดความเห็นของตนที่รู้มาจากคนอื่น
    โลกนี้จะหาสันติได้ที่ไหน ถ้าคนที่เอาแต่พูดไม่เคยคิดจะสร้างสันติให้เกิดแม้ในใจตน
     
  17. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    เก่งจังนะรู้วาระจิตผมด้วยว่าเก่งแต่ปริยัติ ไม่เก่งปฎิบัติ เป็นใบลานเปล่า ขออนุโมทนา
    เจ้าของกระทู้อาจเกิดศรัทธามากจนไม่อาจกลั้นความรู้สึกที่มีต่อพระพุทธองค์ได้หรืออาจเข้าใจว่าตนเองได้พบกับสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ซึ่งก็น่าดีใจด้วย
    แค่อยากจะเตือนเจ้าของกระทู้เท่านั้นแหละว่าไปแตะอะไรซึ่งละเอียดอ่อนมากๆเท่านั้นเอง
     
  18. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    อย่าไปถือสาใบลานเปล่าอย่างผมเลยนะ
    ก็แค่ปฎิญาณไว้ว่า
    จะปกป้องพระศาสนาไว้จนบรรลุมรรคผลนิพพานเท่านั้นแหละ
    ราคะ โทสะ โมหะ ยังมีอยู่ครบ อยู่บนโลกแบบทำสงครามกับชีวิตไปเรื่อยๆแล้วเอามาสอนตัวเองไปวันๆเท่านั้น
    ไม่เคยนึกอยากจะเอาสีขาวมาทาสีดำของตัวเองเพื่อหลอกตัวเองและคนอื่นด้วยครับ
    ขอบคุณอีกครั้งที่ปรามาสนะครับ เหอๆๆๆๆ
     
  19. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    สาระสำคัญที่อยากบอกก็แค่
    ถ้าเราพยายามไปให้นิยามกับอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ
    มันก็เหมือนกับการไปลดค่าของสิ่งนั้นลง

    คนที่ยังมี โทสะจริตอยู่อย่างผมทนไม่ค่อยได้หรอกที่มีคนบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอะไรเลย
    ถ้าบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติอะไรใหม่เลย ทรงเปิดเผยสภาวะที่แท้จริงของธรรมชาติน่าจะถูกใจอสูรอย่างผมมากกว่า

    อสูรใบลานเปล่าอย่างผมยิ่งทนไม่ได้ถ้าจะบอกว่าพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้เพื่อความไปเป็นพระเจ้า ถึงเรียนถามท่านเจ้าของกระทู้ให้อธิบายให้หายสงสัยหน่อย
     
  20. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    นิสัยอสูรชอบทำสงครามกับเทพด้วย
    ขอบคุณที่ลดตัวลงมาปะทะด้วยนะ
    สนุกบนความไร้สาระแบบนี้
    มันได้อารมณ์จริงๆ
    อย่างที่เข้าใจเองนะไม่ได้ไปลอกเขามาพูดว่าจะหามัชฌิมาปฎิปทาบางครั้งมันต้องเหวี่ยงแรงๆไปซ้ายไปขวาบ้างจะได้รู้ว่าตรงกลางมันอยู่ที่ไหน
    ขอบคุณอีกครั้งที่เป็นครูทดสอบอารมณ์ให้นะ
    เลยรู้เลยว่ายังอยากทำสงครามอยู่
    ถ้าตายไปเป็นยักษ์เมื่อไหร่ จะเอาตะบองไล่ทุบพวกที่หมิ่นพระพุทธองค์ให้หมด
    แบบว่า
    เราไม่ลงนรก ผู้ใดลงนรก
    เหอๆๆๆๆๆๆๆ
    ตัวกูของกู พระพุทธเจ้าของกู เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 สิงหาคม 2010
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...