:::มนุษย์ถูกสร้างโดยผู้มาจากอวกาศ?:::

ถ้าบอกไป ใครเขาก็จะเลิกค้นหาธรรม แต่มาค้นหาเพื่อนนอกโลกน่ะสิ
แทนที่จะหลุดพ้น กลับกลายเป็นการติดจมอยู่กับการค้นหาที่ไม่สิ้นสุดเพราะสงสัย

 

ในฐานะที่เกิดมาเป็นคน ทำชาติปัจจุบันให้ดีที่สุด น่าจะเป็นบทสรุป

 

ถูกต้องแล้วคร้าบ มนุษย์ย่อมเกิดจากมนุษย์ หาได้กลายพันธุ์มาจากลิงไม่
แต่มนุษย์มาจากการตัดต่อพันธุกรรมเหมือนรูปงูเกี่ยวกันในปิระมิดที่บอกใว้

สมัยนั้นจากไปเบิล มีคน 2 คน พูดภาษาสัตว์ได้ อดัม+อีฟ นั่นอาจเพราะ
เพิ่งตัดต่อพันธุกรรมเสร็จ เลยพูดภาษาสัตว์ได้ ตามตำราพระเจ้าสร้างโลก
เพราะนอกเหนือจากนั้น ไม่ว่าตำราใดๆหาพูดถึงจุดกำเนิดของมนุษย์ไม่

ส่วนพระเจ้าจะมีหน้าตายังไง มีปีกเหาะได้หรือไม่ หรือเหาะได้เพราะวิวัฒนาการ
ที่สูงล้ำขนาดไหนก็สุดจะคาดเดา

 

ยังเป็นเรื่องที่.. นะ

เหะ ๆๆ

 

เรื่องใครสร้างสัตว์ ทางวิทยาศาสตร์เขาก็รู้กันแยะแล้วหมายถึงแต่ทางกายภาพนะไม่ได้หมายถึงจิตวิญญาณ แรกเริ่มก็ต้องพูดถึงโลกก่อนโลกเกิดมาอย่างไรทางวิทยาศาสตร์เขาก็รู้เกือบหมดแล้ว โลกที่จะมีสิ่งมีชีวิตเกิดได้ต้องมีปัจจัยอะไรบ้างที่สำคัญก็คือน้ำ
เมื่อมีน้ำย่อมมีชีวิต เพราะน้ำมีส่วนประกอบของกาซต่างๆที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตอยู่

ก็เริ่มจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กลอยไปลอยมาในน้ำแล้วก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆจากขนาดเล็กๆก็ไหญ่ขึ้น จากอยู่ในน้ำก็ขึ้นบกจนเป็นอย่างทุกวันนี้ นี่พูดถึงแต่เรื่องของการเกิดของร่างกายนะไม่เกี่ยวกับการเกิดของจิตวิญญาณ

แต่ถ้าชอบคิดก็คิดกันไปเถอะก็สนุกดีนะ

 

อัตตาต่างหากที่สร้างมนุษย์ ท่านไม่ได้ยินหรือ เสียงตัวกูของกู

 

นี่อาจจะเป็นตัวอย่างผลงานตัดต่อพันธุกรรมยุคแรกๆ ของนักพันธุศาสตร์ต่างดาว ที่มาถึงโลกตั้งแต่สมัยโบราณ แต่พอตัดต่อเสร็จก็ให้ไปอยู่ในมิติที่ 5 ไม่ต้องรวมกับคนก็ได้

 

โห ชักจักรวาล ทั้งห้า เลย

 

ที่จิงแล้วโดยความคิดส่วนตัวของผมเอง เชื่อแบบนี้มานานแล้วครับ

วันก่อนโพสไปครั้งนึงแล้วแต่โดนลบ เพราะบังเอิญว่าผมกล่าวอ้างอิงไปยัง บันทึกและคำภีร์ของศาสนาต่างๆ รวมถึงบันทึกโบราณอื่นๆ

ทำไมจึงเชื่อ เรื่องเทพ เทวดา นางฟ้า เรื่องผี เรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พญานาค มังกร เมืองลับแล มิติลี้ลับ ชาติภพ ภูมิต่างๆ แต่ไม่เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว

สิ่งที่ได้เล่ากันมาข้างต้นเป็นเรื่องที่มีจริงและเคยเกิดขึ้นจริงทั้งหมด แต่คนที่ได้มีประสบการนั้น เขาเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่! คนโบราณจะเข้าใจสิ่งที่พบเห็น ได้แค่ไหน

แต่ส่วนตัวผมเชื่อสิ่งที่พระพุธทเจ้าได้ตรัสรู้ ได้เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง
อยู่ที่เรานี่แหละจะเข้าใจพระไตรปิฎกได้แค่ไหน ยังไง ส่วนตัวผมมีอยู่แล้วครับแต่คงไม่พูดมากไปกว่านี้ ครับ

 

ไม่หรอกครับท่านดอน มนุษย์ต่างดาวก็ยังมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย คงเทียบไม่ได้กับการค้นหาพระนิพพานแม้แต่น้อยครับ

ต่อให้มนุษย์ต่างดาวมีจริงสำหรับผู้ปฏิบัติดีแล้ว เขาก็จะเห็นเป็นแค่เรื่องธรรมดา เขาจะบอกว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง

 

มีด้วยหรอค่ะมนุษย์ต่างดาว

 

รู้สึกเองส่วนตัวว่า อนุตราจารย์ชิงไห่ เหมือนไม่ใช่ชาวโลกนะ


<TABLE border=0 width=200 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>




ประวัติ

 

ตอนที่พูดว่า

i am god อ่ะ

หมายถึงมนุษย์ต่างดาว สายพันธุ์ gray ใช่ไหม

อ่ะนะ

 

ไม่รู้ใช่ gray มั้ย แต่ตัวคงเรืองแสงหรือมีลักษณะพิเศษ พอที่คนโบราณเห็นแล้วจะต้องยำเกรงมั้งนะ

 

สุเมเรียนกับผู้มาเยือนจากต่างดาว








ความลี้ลับของ มนุษย์ต่างดาว มีแง่มุมหลากหลายให้ค้นคว้าศึกษา เป็นเรื่องราวยอกย้อนไม่รู้จบ ความสงสัยในความมีหรือไม่มีมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องต่อเนื่อง และไต่ถามค้นหาคำตอบมาโดยตลอด


จุดใหญ่ใจความอันน่าสนใจประการหนึ่งเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวคือ ในเมื่อโลกของเรามีสิ่งมีชีวิตได้ แล้วแปลกหรือที่ดาวดวงอื่นจะมีสิ่งมีชีวิตเฉกเช่นโลกของเราไม่ได้


ประวัติศาสตร์ในเรื่องการสืบสานวัฒนธรรมจากนอกโลกได้เริ่มต้นเกิดขึ้น เมื่ออาคันตุกะจากดาวดวงอื่นได้แสดงสัมพันธไมตรีโดยส่งจานบินมาเยือนโลก โฉมหน้าของวิทยาการล้ำยุคและแปลกใหม่ได้เริ่ม- ต้นดำเนินขึ้น


มีคนจำนวนมากได้รับการเชื้อเชิญจากเพื่อนต่างดาวให้สัญจรไปพร้อมกับพวกเขา เพื่อค้นพบและแสวงหาความแปลกใหม่ให้กับตัวเอง


หรืออาจเพื่อการเรียนรู้ เพื่อความปรารถนาดีอันมิอาจคาดเดาได้


มนุษย์ต่างดาวเพ่งเล็งความสนใจของพวกเขามายังเรื่อง พันธุกรรมของมนุษย์เป็นอันมาก เขาต้องการสายใยเกี่ยวดองกับมนุษย์โลกอย่างใหญ่หลวง

จึงไม่แปลกอะไรที่มนุษย์บางคนอาจมีคนรักเป็นมนุษย์ต่างดาวโดยไม่รู้ตัว


มนุษย์ต่างดาวเคยมาสร้างเผ่าพันธุ์ที่ดาวดวงนี้ และจากไปโดยมิได้บันทึกสาเหตุของการจากไปไว้อย่างแน่นอน


มนุษย์ต่างดาวมีความสนใจในทรัพยากรธรรมชาติอันหลากหลาย บนโลกเป็นอย่างมาก เขาค้นคว้าเกี่ยวกับโลหะอย่างจริงจัง จุดเดือด จุดหลอมเหลว สมบัติการลอยตัวของโลหะ เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้


เขาถ่ายทอดวิทยาการอันเกี่ยวกับการประดิษฐ์โลหะให้เป็นรูปลักษณ์ต่าง ๆ ให้กับมนุษย์โลก และเกิดการสานต่อผลงานในครั้งนั้นมาจนถึงปัจจุบันอย่างต่อเนื่องและเด่นชัด


โลหะกลายเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญในการพัฒนาโลกมนุษย์ มนุษย์ต่างดาวคือต้นแบบของการค้นคว้าพัฒนาการของโลหะ ครั้งนั้นพวกเขาจากโลกมนุษย์ไปอย่างถาวร เขาจากไปยังดินแดนอันไกลโพ้น ไกลเกินกว่าที่วิทยาการอันธรรมดาของโลกมนุษย์จะก้าวตามไปถึง


เขากลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอน แต่ทิ้งหลักฐานไว้มากมายก่ายกองบนโลกใบนี้


ถึงแม้ว่าการจากไปของเขาจะเป็นการจากไปอย่างถาวร แต่เขาก็ยังอาลัย เดินทางกลับมาเยี่ยมเยียนโลกของเราอยู่เนือง ๆ


ครั้งกระนั้น มนุษย์จากดวงดาวไกลโพ้นได้สอนสั่งวิทยาการล้ำหน้าให้กับชาวโลกอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทดน้ำ การทำเขื่อน การดูดาว ทุกแง่มุมคือจุดเริ่มต้นของการพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์แห่งเทคโนโลยีบนโลกมนุษย์


แต่ปัจจุบัน พวกเขาไม่ยอมเผยแพร่อะไรให้กับชาวโลกอีกเลย เขาพยายามติดต่อกับชาวโลกอย่างลับ ๆ ซ่อนเร้น แฝงกาย และปิดบัง ตัวเองอย่างมิดชิด ให้ใครล่วงรู้มิได้โดยเด็ดขาด


ความรู้เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวในโลกปัจจุบันจึงคลุมเครือไม่เด่นชัด


มีเรื่องเล่ากันว่า มนุษย์ต่างดาวได้ทำสัญญาลับกับรัฐบาลสหรัฐ อเมริกา เพื่อสั่งสอนวิทยาการสมัยใหม่อันล้ำหน้าให้ โดยขอแลกกับเชื้อพันธุ์ของมนุษย์ยุคใหม่ ซึ่งสหรัฐอเมริกาเองก็ยินยอม


จึงไม่แปลกอะไรถ้าวิทยาการและเทคโนโลยีสมัยใหม่ทั้งหมดบนโลกใบนี้ จะเกิดขึ้นที่ประเทศอันกว้างใหญ่ไพศาลนั่นก่อนประเทศอื่น


ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อหลายพันปีที่ผ่านมา อาณาจักรอันเกรียง ไกรที่สุด มีความก้าวหน้าทางวิทยาการล้ำลึกที่สุด เห็นจะไม่มีอาณาจักร ใดแกร่งเกินอาณาจักรสุเมเรียแห่งลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส


สุเมเรียเต็มไปด้วยวิทยาการก้าวหน้าทางเกษตร การแพทย์ กลศาสตร์รวมไปถึงความก้าวหน้าในเรื่องดาราศาสตร์ ไม่ใช่แต่การเฝ้าคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของดวงดาวและจักรราศีบนฟากฟ้าเท่านั้น


ชาวสุเมเรียนยังสามารถคำนวณปรากฏการณ์อันหลากหลายไว้ ในประวัติศาสตร์อย่างน่าทึ่ง อาทิ การใช้ภาษาเขียน การคำนวณทาง คณิตศาสตร์ การกำหนดวันเดือนปีตามหลักเบื้องต้นแห่งสากล เป็นต้น


ทุกอย่างอันอลังการและตกทอดมาถึงมนุษย์ปัจจุบัน ล้วนเริ่มต้น มาแต่อาณาจักรสุเมเรียแทบทั้งสิ้น น่าพิศวงยิ่งนัก!


เมื่อพลิกย้อนประวัติศาสตร์กลับไปถึงห้วงเวลานั้น สุเมเรียไม่มีเครื่องมือใด ๆ ในการคำนวณระบบดาราศาสตร์จนน่าจะแม่นยำราว ตาเห็น


เขารู้เรื่องราวโดยละเอียดเกี่ยวกับระบบสุริยจักรวาล รู้ชัดเกี่ยว กับดาวสิบสองดวงในระบบสุริยจักรวาล มีการจดบันทึกเป็นตัวอักษรชัดเจน มีการถ่ายทอดมาจนถึงยุคปัจจุบัน

แต่แปลก ยุคนั้นยังไม่มีแม้แต่กล้องโทรทรรศน์ด้วยซ้ำ


พวกเขาศึกษาดาราศาสตร์จากเครื่องมือชนิดใด หรือนั่งคิดคำ- นึงและคำนวณบนแผ่นกระดาษ ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้


และไม่เพียงแต่เท่านั้น พวกสุเมเรียนยังเต็มไปด้วยสุนทรียรส ในการเสพศิลปะอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ราวกับว่าพวกเขาเกิดมาเพื่อศิลปะโดยแท้


น่าสงสัยว่า พวกสุเมเรียนค้นคว้าความรู้เรื่องดาราศาสตร์อันล้ำลึกได้จากแหล่งใด เป็นความประหลาดที่ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ ช่วยเหลือ

แต่มีความรู้เรื่องดวงดาวมากกว่ามนุษย์ปัจจุบัน ซึ่งมีเครื่องมือเครื่องไม้ในการศึกษาอย่างมากมายเสียอีก...


พวกเขาเรียนรู้ดาราศาสตร์จากใคร ที่ไหนและด้วยวิธีการ ใด หรือว่าคำตอบคือ เขาเรียนรู้จากอาคันตุกะนอก.....โลก


สุเมเรียนกับสายพันธุ์จากต่างดาว

 

หน้าตาแบบนี้แหละ ที่มีคนหลายคนจากหลายแห่ง บอกไว้





ดรออิ้งก็มี














แบบลงสี



















อันนี้น่าสงสารจริง






แบบตาวิ๊งๆ





เวปนี้น่าสนใจจริงอะไรจริง

The Great White Lodge

 

"ดอนผีบิน" "ดอนผีลอย" มาจากชื่อหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ใน อ.ท่าวังผาจ.น่าน

เมื่อหลายร้อยปีก่อน บริเวณที่ราบสูงนี้ เคยเป็นสมรภูมิรบล้างเผ่าพันธุ์ยุคล้านนาโบราณ และมีตำนานเล่าขานของชาวบ้าน ปากต่อปากว่า

ในคืนวันเพ็ญ จะมีแสงวนเวียนลอยล่อง บางครั้งก็ได้ยินเสียงร้องครวญคราง

(พศ. 2528 มีวงดนตรีแนวสปีดเมธัล ชื่อดอนผีบิน)

 

ถ้าใครคยอ่านเจอในพระไตรปิฏกจะมีอยู่ตอนหนึ่งที่กล่าวถึงพระโมคคัลลานะเหาะเล่นไปในจักรวาลแล้วหลงทางจนไปพบพระพุทธเ้จ้าที่จักรวาลอื่น !?!? โดยส่วนตัวคิดว่าลิงก็คือลิงไม่ได้มากลายเป็นมนุษย์แน่ๆ...และจะว่าไปมีตำนานหลายอย่างบนโลกที่เล่าขานหรือกล่าวถึงกันทั่วโลกอย่างสอดคล้องหรือเป็นเรื่องเดียวกัน มาแต่ในยุคก่อนที่จะมีการติดต่อกันด้วยซ้ำ..ที่ชัดเจนคือ เหล่าผู้ที่อยู่เหนือมนุษย์ในตำนานทั่วโลกจะต้องมาจากท้องฟ้า...ซึ่งถ้าเป็นวัฒนธรรมเป็นไปได้หรือ ที่เหล่าผู้คนมวลชนที่ต่างชาติพันธุ์ วัฒนธรรม ถึงได้มีจินตนาการถึงดินแดนที่สบายกว่าโลกและผู้ที่อยู่เหนือมนุษย์ต้องมาจากฟากฟ้า...เหมือนกันทั่วโลกตั้งแต่ยังไม่มีการติดต่อกันระหว่างประเทศด้วยซ้ำ...น่าคิดนะครับ

 

เรื่องทูตสวรรค์เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ไม่ได้บอกว่าทูตสวรรค์เป็นมนุษย์ต่างดาว ที่ฝรั่งโบราณติดต่อด้วยนะ





ไปเจอมุมเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง เอามาจากเวปนี้





รู้จักทูตสวรรค์ประจำตัวของท่าน


72 angels names - guardian/guide angels of GOD





รู้จักทูตสวรรค์ประจำตัวของท่าน

<table class="contentpaneopen"><tbody><tr><td class="contentheading" width="100%">รู้จักทูตสวรรค์ประจำตัวของท่าน </td><td class="buttonheading" align="right" width="100%"> </td><td class="buttonheading" align="right" width="100%"> </td><td class="buttonheading" align="right" width="100%"> </td></tr></tbody></table>
<table class="contentpaneopen"><tbody><tr><td class="createdate" valign="top">Wednesday, 18 March 2009 23:03 </td></tr><tr><td valign="top">ทูตสวรรค์เป็นสิ่งที่คริสเตียนในประเทศไทย ไม่ค่อยมีใครพูดถึงนัก มีคริสเตียนจำนวนหนึ่งที่มีความเชื่อในเรื่องนี้ เชื่อว่าทูตสวรรค์เป็นสิ่งที่พระเจ้าใช้ให้ทำงานหลายสิ่งหลายอย่าง และพระเจ้ายังได้เตรียมทูตสวรรค์ไว้สำหรับปรนิบัติเราด้วย ถ้าเรามีความรู้ในเรื่องนี้เราสามารถขอจากพระเจ้าเพื่อให้ทูตสวรรค์ทำหน้าที่บางอย่างแทนเรา หรือคอยปกป้องคุ้มครองเรา

</td></tr></tbody></table>
มีคริสเตียนจำนวนหนึ่งที่มีความเชื่อว่า ทูตสวรรค์เป็นสิ่งที่พระเจ้าใช้ให้ทำงานหลายสิ่งหลายอย่าง

และพระเจ้ายังได้เตรียมทูตสวรรค์ไว้สำหรับปรนนิบัติเราด้วย ถ้าเรามีความรู้ในเรื่องนี้ เราสามารถขอจากพระเจ้า เพื่อให้ทูตสวรรค์ทำหน้าที่บางอย่างแทนเรา หรือคอยปกป้องคุ้มครองเรา

มีคนจำนวนมากเชื่อว่าพระเจ้าได้เตรียมทูตสวรรค์ประจำตัวให้กับมนุษย์

สำหรับท่านที่มีความเชื่อในเรื่องนี้ หรืออยากทดสอบ ลองเข้าไปดูในเว็บไซด์ http://www.guideangel.com/

เป็นเว็บที่ได้เตรียมโปรแกรมให้ท่านสามารถคำนวนหาทูตสวรรค์ประจำตัวของท่านได้

โดยการกรอกวัน/เดือน/ปีเกิด (เป็น คศ.) ของท่านในช่องรับข้อมูล ที่มุมบนขวาของหน้า home page

เมื่อกดปุ่ม submit เว็บจะขึ้นหน้ารายละเอียดของทูตสวรรค์ประจำตัวของท่านพร้อมคำอธิบาย (ภาษาอังกฤษ)

ในเว็บไซด์ยังให้ชื่อและรายละเอียดของทูตสวรรค์ จำนวน 72 ตน ที่ทำหน้าที่คอยช่วยเหลือและปรนนิบัติมนุษย์อีกด้วย

ตารางด้านล่างนี้ เป็นรายชื่อทูตสวรรค์ทั้ง 72 ชื่อ (ทูตสวรรค์แต่ละตนมีชื่อเรียก 3 แบบ)







1 Vehu-iah Vehu-jah Vaheva[-yah]

2 Jeli-el Jeli-el Yolayo[-el]

3 Sita-el Sita-el Sayote[-el]

4 Elem-iah Elem-jah Ealame[-yah]

5 Mahas-iah Mahas-jah Meheshi[-yah]

6 Lelah-el Lelah-el Lalahe[-el]

7 Acha-iah Acha-jah Aacahe[-yah]

8 Kahet-el Cahet-el Cahetha[-el]

9 Azi-el Hazi-el Hezayo[-el]

10 Alad-iah Alad-jah Aalada[-yah]

11 Lauv-iah Lavi-jah Laaava[-yah]

12 Haha-iah Haha-jah Heheea[-yah]

13 Jezal-el Jezal-el Yozala[-el]

14 Mebah-el Mebah-el Mebehe[-el]

15 Hari-el Hari-el Hereyo[-el]

16 Hakam-iah Hakam-jah Heqome[-yah]

17 Lano-iah Leav-jah Laaava[-yah]

18 Kali-el Cali-el Calayo[-el]

19 Leuv-iah Levu-jah Lavava[-yah]

20 Pahal-iah Pahal-iah Pehela[-yah]

21 Neleka-el Nelcha-el Nulaca[-el]

22 Jeiai-el Jeii-el Yoyoyo[-el]

23 Melah-el Melah-el Melahe[-el]

24 Hahu-iah Hahvi-ja Cheheva[-yah]

25 Nith-Ha-iah Nitha-jah Nuthahe[-yah]

26 Haa-iah Haa-jah Heaaaa[-yah]

27 Jerath-el Jerath-el Yoretha[-el]

28 See-iah See-jah Shiaahe[-yah]

29 Reii-el Reii-el Reyoyo[-el]

30 Oma-el Oma-el Aavame[-el]

31 Lekab-el Lecab-el Lacabe[-el]

32 Vasar-iah Vasar-jah Vashire[-yah]

33 Jehu-iah Jehu-jah Yocheva[-yah]

34 Lahab-iah Lehah-jah Laheche[-yah]

35 Kevak-iah Cavac-jah Cavako[-yah]

36 Menad-el Manad-el Menuda[-el]

37 Ani-el Ani-el Aanuyo[-el]

38 Haam-iah Haam-jah Heeame[-yah]

39 Reha-el Reha-el Reheea[-el]

40 Ieiaz-el Jeiaz-el Yoyoza[-el]

41 Hahah-el Haha-el Hehehe[-el]

42 Mika-el Mica-El Meyoca[-el]

43 Veubi-ah Veval-jah Vavala[-yah]

44 Ielah-iah Jelah-jah Yolahe[-yah]

45 Seal-iah Saal-jah Saaala[-yah]

46 Ari-el Ari-el Eareyo[-el]

47 Asal-iah Asal-jah Eashila[-yah]

48 Miha-el Miha-el Meyohe[-el]

49 Vehu-el Vehu-el Vaheva[-el]

50 Dani-el Dani-el Danuyo[-el]

51 Hahas-iah Hahas-jah Hecheshi[-yah]

52 Imam-iah Imam-jah Eameme[-yah]

53 Nana-el Nana-el Nunuaa[-el]

54 Nitha-el Nitha-el Nuyotha[-el]

55 Meba-iah Mebah-jah Mebehe[-yah]

56 Poi-El Poi-El Pevayo[-el]

57 Nemam-iah Nemam-jah Numeme[-yah]

58 Jeial-el Jeiali-el Yoyola[-el]

59 Harah-el Harah-el Hereche[-el]

60 Mizra-el Mizra-el Mezare[-el]

61 Umab-el Umab-el Vamebe[-el]

62 Jah-H-el Jahh-el Yohehe[-el]

63 Anianu-el Anav-el Eanuva[-el]

64 Mehi-el Mehi-el Mecheyo[-el]

65 Damab-iah Damab-jah Damebe[-yah]

66 Manak-el Menak-el Menuko[-el]

67 Eiai-el Eia-el Aayoea[-el]

68 Habu-iah Habu-jah Chebeva[-yah]

69 Roch-el Roeh-el Reaahe[-el]

70 Jabam-iah Jabam-jah Yobeme[-yah]

71 Hai-el Haiai-el Heyoyo[-el]

72 Mum-iah Mum-jah Mevame[-yah]

<hr align="center" size="2" width="100%">​

คับบาลา (Kabbala) กับนามของทูตสวรรค์ทั้ง 72 นาม ​

​

คับบาลา ศาสตร์ลับของชาวยิวโบราณที่ค้นพบนามของทูตสวรรค์ในหนังสือสดุดี ซึ่งมีอยู่ถึง 71 ชื่อ และในปฐมกาลอีก 1 ชื่อ

โดยวิธีนี้ คุณจะพบกุญแจไขปริศนา ซึ่งเป็นรหัสภาษาฮีบรู 72 คำ จารึกได้เขียนรอบเครื่องรางโดยผู้รอบรู้ทั้ง 72 คน ซึ่งถูกค้นพบในสัญลักษณ์ของคาบาลาซึ่งเป็นทรงกลม

ในแต่ละคำจารึกเหล่านี้ได้บรรจุนามของพระเจ้า และถือว่าเป็นนามของทูตสวรรค์ที่มีความหมายตรงกัน

บาทหลวงฝรั่งเศสนาม De Villars ได้บรรยายถึงสิ่งน่ามหัศจรรย์นี้ ขณะที่เขาเอ่ยนาม “อักลา (Agla) ” เพื่องานของเขาที่ Le Comte de Gabalis

บทความที่แปลได้ดีที่สุดคือฉบับอัมเตอร์ดัม โดย Jacques Lejeune ในปี 1700 ได้รับประกันความแน่นอนว่า พวกเราสามารถใช้นามเหล่านี้ในงานของเราแบบมหัศจรรย์ไม่มีวันสิ้นสุด

แม้แต่เมื่อการสะกดคำอย่างหยาบคาย ก็ยังมีสิทธิ์ในการร้องขอตามผู้ที่ปรารถนาให้เป็นความจริงเหล่านั้น

ซึ่งต้องเพิ่มจินตนาการ และความเลื่อมใสศรัทธาของพวกเขา และหันหน้าไปทางทิศตะวันออก

วิธีทั้งหมดถูกเขียนใน “คัมภีร์แห่งคับบาลา (Kabbalistic Rite)”
ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมของยิวโบราณ

นักปรัชญาหรือผู้รู้กล่าวว่า นามเหล่านี้ได้เปิดเผยให้ยาโคบได้รู้ เมื่อเขามองเห็นในความฝันถึงบันได 72 ขั้น พร้อมกับทูตสวรรค์ 72 องค์ ซึ่งกำลังปีนขึ้นและลงจากสถานที่ที่เรียกว่า “ประตูสวรรค์” ​

และสิทธินี้ถูกมอบไปยังโยเซฟ (ลูกชายคนโปรด) และถ่ายทอดจากพี่ชาย-น้องชายของเขา และเขาสามารถอธิบายความฝันได้ และสิ่งนี้ทำให้เขามีชื่อเสียงต่อหน้าฟาโรห์​

เขียนโดย A.J. Printson, Nathanael Sonprint


คัดลอกจาก http://sophiabooks.blogspot.com/2009_02_01_archive.html

 

คับบาลากับ 72 เทวดา


�Ѻ���ҡѺ72 ��Ǵ� �ҡ���͡ ����๪��� oknation.net


มีเทวดามากมายที่ตกสวรรค์และไม่ตกสวรรค์อยู่ร่วมกันกับมนุษย์เรามานานแสนนาน โดยที่เราไม่รู้ว่าคนที่เราอยู่ใกล้ๆนั้น เขาคือฑูตสวรรค์ นั่นเอง


คับบาลาเป็นเรื่องราวที่ลึกลับและน่าสนใจเรื่องหนึ่ง เพราะแม้แต่กษัตริย์โซโลมอน ยังหลงใหลและศึกษาแบบเอาเป็นเอาตายที่เดียว หรือ แม้กระทั่ง นอสตราดามุสเองก็ศึกษาศาสตร์นี้ด้วย เช่นกัน


เรามีฑูตสวรรค์ที่ประจำสัญลักษณ์ของคับบาลาด้วยกัน 10 องค์

คือ 1. Mathattron 2. Ratziel 3.Tazaphqiel 4. Tzadqiel 5. Khamael 6. Mikhael 7. Haniel 8. Raphael 9. Gabriel 10.Methattron

ตำแหน่งของคับบาลาบางตำแหน่ง จะมีฑูตสวรรค์ประจำซ้ำกัน


ส่วนฑูตสวรรค์ชั้นสูงจะมี 7 องค์ คือ 1. Uriel 2. Raphael 3. Raguel 4. Michael 5. Zerachiel 6.Gabriel 7. Remiel


เทวดาทั้ง 7 องค์ นั้น จะเป็นองค์เดียวกันกับที่จะประจำอยู่ในแต่ละวัน เวลา ชั่วโมง

[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ภาพแรกคือ รายชื่อของ 72 เทวดา ที่แสดงในรูปของคับบาลา[/FONT]

[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]นี่คือคับบาลาที่แสดงในรูปของดอกไม้ที่มีรายนามชื่อเทวดา 72 ตน ประจำอยู่ [/FONT]

[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ในแต่ละวัน แต่ละเดือนและแต่ละเวลานั้น จะมีเทวดาประจำ รักษาเป็นผู้พิทักษ์ประจำตัวเราอยู่เสมอ [/FONT]

[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ที่เห็นใบไม้จากด้านบน ที่แสดงด้านบนเป็นรายชื่อของเทวดา ทั้ง 72 ตน[/FONT][/FONT]





ส่วนวงกลมด้านนอกแสดงหมายเลข 1-72 อ่านตามเข็มนาฬิกาไปจากเลข 1 ไปจนถึงเลข 72

มองเข้าไปวงกลมถัดไปเป็นอักษร 4 ตัว เขียนเป็นภาษาอิตาเลี่ยนและภาษาอังกฤษ บ่งบอกชื่อของเทวดาแต่ละองค์

ต้นไม้สองต้นนั้น ต้นที่อยู่ทางซ้ายมือเป็นชื่อของ ดาวพระเคราะห์และเทวดาประจำดาวเคราะห์นั้นๆ ส่วนทางต้นไม้ด้านขวานั้น แสดงสัญลักษณ์ จักรราศีทั้ง 12 โดยเป็นภาษาอิสราเอล

ใบไม้แต่ละใบนั้นแสดงชื่อเทวดา 72 องค์เป็นภาษาฮิบรู

ส่วนภาพที่อยู่ตรงกลางนั้นแสดงถึงพระเป็นเจ้าผู้สร้างสรรค์สิ่งทั้งปวง ตัวเลข 12 ตัวที่อยู่ถัดจากตัวอักษรหมายถึง จักรราศีทั้ง 12







<TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=4 width=758><TBODY><TR><TD width=405></TD><TD width=334>

</TD></TR></TBODY></TABLE>