การรู้จักจิตผิดๆ ทำให้การศึกษาพระพุทธศาสนาผิดตลอดแนว

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 18 มีนาคม 2010.

  1. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    แล้วสติมันเป็นยังไงครับพอจะบอกได้ไหมครับ ถ้ามีแล้วจะเห็นจิตหรือครับ หรือที่เขาเห็นๆกันนี่มันเป็นไปตามตำราครับ เห็นว่าเป็นแบบนั้นเห็นว่าเป็นแบบนี้เห็นว่าเป็นของเรา ถ้าหากว่าผมทำสมาธิไม่เป็นผมจะรู้ได้ยังไงครับว่า อะไรเรียกว่าจิตละครับ งั้นลุงตอบคำถามมาคำเดียวจบครับ เพราะจะรอความเห็นจากท่านผู้รู้ท่านอื่นๆอีกครับ ว่า จิต ที่พากันพูดถึงนั้นคืออะไร ปกติเป็นยังไง ในฌานสมาธิเป็นยังไง ไม่ต้องบอกว่าผมมีสติหรือไม่มีสติหรอกครับ เพียงแค่อยากรู้ความเห็นของลุงเท่านั้นครับ เรื่องอื่นเดี้ยวผมจะไปฝึกเอาครับ ไม่ต้องห่วงครับ
     
  2. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    <TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 11 มีนาคม 2553 18:23:27 น.-->ภูมิจิตพระอรหันต์ 1- หลวงตามหาบัว
    <!--Main-->สวัสดีค่ะ
    ได้รับหนังสือพระอรหันต์ โดยหลวงตามหาบัว จากศาลาลุงชิน -อ่านแล้วรู้สึกว่าดีมากและน่าสนใจมากสำหรับท่านผู้ปฏิบัติธรรม -จึงขอสรุปไว้ใน blog นี้ค่ะ
    หวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ


    [​IMG]

    - จิตของพระอรหันต์เป็นอริยจิต เป็นจิตที่บริสุทธิ์
    จิตของสามัญชน เป็นสามัญจิต, เป็นจิตที่มีกิเลสโสมม

    -เมื่อจิตผู้เป็นเจ้าของเข้าครองอยู่ในร่างใด และจิตเป็นจิตประเภทใด - ร่างนั้นอาจจะกลายไปตามสภาพของจิตที่เป็นเจ้าเรือนพาให้เป็นไป

    - จิตอรหันต์เป็นจิตที่บริสุทธิ์ -อาจจะมีอำนาจซักฟอกธาตุขันธ์ ให้เป็นธาตุที่บริสุทธิ์ไปตามส่วนของตน - ฉะนั้น อัฐิของพระอรหันต์จึงกลายเป็นพระธาตุได้

    - แต่อัฐิของสามัญชน แม้จะเป็นธาตุดินเช่นเดียวกัน
    ส่วนจิตผู้เป็นเจ้าของเต็มไปด้วยกิเลส ไม่มีอำนาจซักฟอกธาตุขันธ์ให้เป็นของบริสุทธิ์ไปตามส่วนของต้นได้ -อัฐิจะกลายเป็นธาตุที่บริสุทธิ์ได้อย่างไร - ก็ต้องเป็นสามัญธาตุไปตามจิตของคนมีกิเลสอยู่ดี
    - เพราะคุณสมบัติของจิต ของธาตุ ระหว่างพระอรหันต์กับสามัญชนต่างกัน -> อัฐิจำต้องต่างกันอยู่โดยดี
    ___________________________________________________________________________________

    - บรรดาสาวกทั้งหลายที่ได้รับพระโอวาทจากพระองค์ท่านแล้ว นำไปสร้างตนเอง
    บางท่านทำความเพียรกล้าถึงกับฝ่าเท้าแตกก็มี
    บางท่านก็ไม่หลับไม่นอน
    อุบายวิธีทั้งหมดนี้ ก็เป็นการสร้างตนของท่านจนได้สำเร็จรูปขึ้นมาอย่างสมบูรณ์
    คือเป็นสาวกอรหันต์ที่บริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าแต่ละท่านๆ - เนื่องมาจากการสร้างตนของท่านด้วยความขยันหมั่นเพียร ไม่ท้อถอยต่อหน้าที่ของตน
    ____________________________________________________________________

    - พระพุทธเจ้าผู้บริสุทธิ์ ไม่ทรงแสดงความสูญไว้กับจิตพระอรหันต์และจิตของสัตว์โลก
    - จิตที่จะหมดปัญหาแล้วมันสูญไหม?
    จิตยิ่งเด่น แล้วจะเอาอะไรมาสูญเล่า?
    เมื่อความจริงเป็นอย่างนี้ จะเอาอะไรมาสูญ?
    ขุดคนเรื่องสูญเท่าไร - จิตยิ่งเด่น ยิ่งชัดไม่มีอะไรสงสัย
    เด่นจนพูดไม่ถูก บอกไม่ถูกตามโลกนิยมสมมุติซึ่งหาที่สิ้นสุดยุติไม่ได้

    - นิพพานํ ปรมํ สุญฺญํ - นิพพานสูญแบบนี้เอง คือสูญแบบนิพพาน มิใช่สูญแบบโลกๆ ที่เข้าใจกัน
    - สูญแบบนิพพาน คือ ไม่มีอะไรบรรดาสมมุติเหลืออยู่ภายในจิต

    - ผู้ที่รู้ว่าสิ่งทั้งหลายสูญสิ้นแล้วจากใจนั่นเลย- นั่นแหละ คือตัวจริง, นั่นแหละคือผู้บริสุทธิ์- ผู้นี้จะสูญไปไม่ได้ - ยิ่งเด่น ยิ่งชัด ยิ่งเข้าใจแจ่มแจ้งทุกสิ่งทุกอย่าง - ผู้นี้ไม่สูญ - ผู้นี้แลเป็นผู้ทรงคุณสมบัติอันยอดเยี่ยม - นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ -ผู้นี้แลเป็นสุขอย่างยิ่ง นอกสมมุติทั้งปวง
    ____________________________________________________________________

    - พระสาวกองค์หนึ่งที่มีอติเรกลาภมาก คือ พระสีวลี -ในอดีตชาติท่านเป็นนักเสียสละ ไปที่ไหนก็มีแต่ให้ทานเป็นพื้นเป็นนิสัย ทานอย่างไม่อัดไม่อั้น ให้ทานตามนิสัยจริงๆ
    จะอดอยากขาดแคลน หรือจะมั่งมีศรีสุขขนาดไหน ก็ไม่เคยลดละในการให้ทาน - จึงเป็นเลิสในทางอติเรกลาภมาก ไม่มีองค์ใดเสมอเหมือน ยกพระพุทธเจ้าเสียเท่านั้น

    - บางองค์สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่มีคนเคารพนับถือ ไม่มีอติเรกลาภก็เยอะ - แต่ท่านดีในทางอื่น - แม้ถึงความเป็นพระอรหันต์แล้ว สิ่งที่ได้ก็คือ -ไม่มีคนถวายจตุปัจจัยไทยทานมากสมกับความเป็นพระอรหันต์ของท่านก็มี- นี่เป็นเพราะอุปนิสัยที่เคยสร้างมาต่างกัน
    ____________________________________________________________________

    [​IMG]

    - พระอรหันต์ท่านมีความเพียรแก่กล้าสามารถขนาดไหน ท่านจึงเอื้อมถึงภูมินั้นได้ - ทั้งนี้ท่านต้องเป็นนักรบจริงๆ เหนือคนธรรมดาอยู่มาก - ต่างองค์ก็มีความเพียร สมเหตุสมผล -ความเพียรมีมาก กิเลสก็ตายไปเรื่อยๆ ตามทางจงกรม
    - เข้าไปเดินจงกรมอยู่ท่านก็ฆ่ากิเลส, นอนอยู่ท่านก็ฆ่ากิเลส เว้นแต่เวลาหลับเท่านั้น
    - แม้เวลาขบฉันอยู่ ท่านก็ฆ่ากิเลสด้วยสติปัญญาซึ่งทำงานอยู่ตลอดเวลา - ในอิริยาบถต่างๆ เป็นอิริยาบถของนักรบเพื่อฆ่ากิเลสอาสวะทั้งนั้น
    - ไม่ได้นั่งสั่งสมกิเลส, ยืนสั่งสมกิเลส, นอนสั่งสมกิเลส, แม้ขณะเดินจงกรมอยู่ ก็สั่งสมกิเลสเหมือนอย่างพวกเรา เพราะความไม่มีสติ มันผิดกันอย่างนี้




    หลบภัย say
    แม้เป็นพระอรหันต์ก็ยังไม่ทิ้ง สติปัสฐาน 4 เลย ท่านฆ่ากิเลสตลอดแต่พวกเราจะสมสมกันอ่า เนอะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    อนุโมทนาครับ แต่นั่นจิตพระอรหันต์ครับ ไม่ใช่จิตเราครับ
     
  4. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ยกมาให้พิจารณา กัน ความแตกต่างกัน บางทีนะ หากไม่โดนพยามาร เล่นงาน
    เราต้องได้ปัญญา จากการพิจาณาเรื่องนี้แระ..เอิ๊กๆๆ
     
  5. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ครับก็หวังว่ารู้ว่าอะไรคือสิ่งนั้นจริงๆนะครับ ไม่ใช่เพียง เอิ๊กๆๆ นะครับ
     
  6. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    [​IMG]

    เอาถ้วยรางวัลไปเลยไป - -
     
  7. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    สนุกไหมแจกถ้วยคนอื่น หากว่ามาชวนทะเลาะก็รอฟังความคิดเห็นจากผุ้รู้ท่านอื่นเถอะครับ หากไม่รู้ก็ควรรอฟังอย่าอวดรู้เลยครับ มันจะไม่เป็นผลดีกับตนเองครับ ที่ผมถามนั้น เพราะอะไร เดี้ยวท่านผู้รู้ที่ยังมีอยู่ในบอร์ดนี้ ก็จะตอบมาครับ มาทะเลาะกับผมมันไม่ได้อะไรหรอกครับ ยิ่งมาแสดงความเป็นตัวเองกับผมยิ่งไม่ได้อะไรใหญ่ครับ หากว่ารู้ว่าอะไรเรียกว่า พญามาร จริงๆก็พิจารณาเอาครับ เพราะไม่รู้จะคิดว่าตนเองนั้นรู้แล้วไปทำไมครับ เลิกเถอะครับ การเหยียบย้ำทับถมผู้คน มันจะทำให้จิตใจไม่สงบครับ หากไม่รู้ก็รอฟังคำตอบกันเถอะครับ
     
  8. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.913640/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    หัดเก็บความกลัวการยึดจับสัญญาเป็นปัญญาญาณ ที่ตนมี ไว้บ้าง

    ไม่ต้อง เที่ยวอุทานแจกจ่ายให้คนอื่น เพื่อ แสดงว่าตนมีความกลัวเช่น
    นั้นอยู่ในตน

    ภาวนายังไง ถึงได้ เที่ยวฟ้อนรำเผย อาการ "จับสัญญาเป็นปัญญาญาณ"
    อยู่ไม่เลิกแบบนั้น

    เงียบๆไว้บ้างก็ได้นะ หรือ ชอบอวดว่าตนมีความกลัวเช่นนั้น
     
  10. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    พากลับมาก็ยังจะพาออกทะเล ถ้ารับไม่ได้ก็อยู่นิ่งๆสิเอาไฟล์เสียงมาเปิดในนี้เวลาคนอื่นเขาจะเข้ามาเครื่องที่มีแรมต่ำก็ เข้าไม่ได้สิ รู้จักเห็นใจคนอื่นบ้างสิครับ ไม่ใช่ทูซี้อยู่นั่นแหละ ก็บอกให้รอไม่ได้ต้องการอะไรเลย มรณานุสติ มันไม่ใช่คำตอบครับ มันคนละเรื่อง วางใจลงไม่ได้ก็โพสต์มาอีกนะครับ เอามาให้หมดทุกกัณฑ์เลย ก็ได้ครับ พูดดีๆด้วยแล้วนะครับ
     
  11. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    มาทางนี้แล้วเหรอ ไหนละปัญญาญาณ ของท่านมีแต่เรื่องที่ไหลไปได้น้ำขุ่นๆแทบทุกเรื่อง ถ้าไม่รู้ก็เงียบไปเลยดีกว่า เพราะคนที่อวดตนว่าเป็นนั่นเป็นนี่ไม่ใช่ผมแน่นอนครับ ถ้ามีปัญญาจริงก็อย่าอิงคำในตำราสิ ทำได้ไหม อย่างเช่น ตอบคำถามที่ถามไว้หน่อยก็ได้ครับ และหากไม่อยากตอบก็อย่าตอบเลย และหากตอบไม่ได้ก็ไม่ต้องตอบ เอาคำถามเดียวกับที่ถามลุงขันธ์ก็ได้ครับ ท่านผู้มีปัญญา อย่างยิ่งยวด จนไหลไปได้ทุกเรื่องอย่างน้ำขุ่นๆ ก็ผมถามถึงจิตของผู้ปฏิบัติเองดันไปเอาจิตพระอรหันต์มา ก็ถามสิครับ ไม่เห็นต้องโกรธแทนกันเลย เพราะเขาเองก็ต้องรอคำตอบเช่นเดียวกันหากเขาไม่ตอบตามความเป็นจริงของตนเอง ของคุณละครับ มีไหมตามความเป็นจริงของตัวคุณไม่ใช่ตามความเป็นจริงของตำรา จะได้สมกับที่ว่าผมว่าเป็นเพียงสัญญา งั้นก็เอาปัญญามาแสดงสิว่ามันเป็นยังไงครับ
     
  12. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    เอ้าทั้งสองท่านเลยครับ สงสัยว่าในบอร์ดนี้คงจะมีผู้รู้เพียงสองคนจริงๆแฮะ ทำไมมีน้อยจัง อย่างนี้ โลกก็จะขึ้นอยู่กับสองท่านนี้นะซิเนี่ย เพราะตอนนี้ทั้งสองท่านมาสนับสนุนกันเองเสียแล้ว และดูท่าจะไม่ยอมตอบคำถาม ให้มันรู้ไปว่าทั้งบอร์ดจะมีผู้รู้เพียงสองท่านนี้เท่านั้น

    ๑ แล้วสติมันเป็นยังไงครับพอจะบอกได้ไหมครับ ถ้ามีแล้วจะเห็นจิตหรือครับ หรือที่เขาเห็นๆกันนี่มันเป็นไปตามตำราครับ เห็นว่าเป็นแบบนั้นเห็นว่าเป็นแบบนี้เห็นว่าเป็นของเรา ถ้าหากว่าผมทำสมาธิไม่เป็นผมจะรู้ได้ยังไงครับว่า อะไรเรียกว่าจิตละครับ งั้นลุงตอบคำถามมาคำเดียวจบครับ เพราะจะรอความเห็นจากท่านผู้รู้ท่านอื่นๆอีกครับ ว่า จิต ที่พากันพูดถึงนั้นคืออะไร ปกติเป็นยังไง ในฌานสมาธิเป็นยังไง ไม่ต้องบอกว่าผมมีสติหรือไม่มีสติหรอกครับ เพียงแค่อยากรู้ความเห็นของลุงเท่าและท่านผู้รู้อื่นๆที่นอกเหนือจากลุงเท่านั้นครับ

    จากคำถามเดิม เพราะผมเชื่อว่าน่าจะมีใครสักคนเห็นมันลอยๆบ้าง หรือไม่มีเลยก็อาจเป็นได้ครับ

    แล้วในขณะหนึ่งๆจิตมาจากไหน มันมีมานานแล้ว มันลอยอยู่โดดๆ ของมันอย่างนั้นหรือ เมื่อมันลอยอยู่โดดของมันอยู่อย่างนั้นแล้ว มันตะโกนบอกหรือไงว่า ที่ลอยอยู่โดดๆนั่น นั่นแหละคือเรา ไม่ใช่เราหรือ ที่ไปจับเอาถือเอาว่านั่นของเรา ไปทึกทักเอาเอง ไหนตอบหน่อยสิครับว่า จิต มันบอกเราอย่างนั้นหรือว่า เราเป็นคนไปบอกจิตว่า เธอน่ะคือฉัน และฉันก็คือเธอ ไหนท่านนักปฏิบัติช่วยตอบหน่อยสิครับ ไหนลองตอบให้ฟังตามที่ลุงขันธ์เห็นหน่อยครับว่า จิตลุงขันธ์บอกลุงขันธ์หรือว่า ลุงขันธ์ไปบอกจิตว่านั่นเป็นเรา<!-- google_ad_section_end -->

    แต่หากไม่ตอบก็คงตามนั้น อาจเป็นเพราะมีท่านผู้ยิ่งใหญ่เพียงสองท่านเท่านั้นในบอร์ดนี้จริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2010
  13. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    อ่า อยู่บ้านนอกแน่เลยๆ ไม่พัฒนาเลยนี่ นี้ มัน .mp3
    ใครเขาก็ฟังได้ หากลง flash player ก็ฟังได้แล้วอ่ะ
    แล้วพี่เก่งเข้าห้อง chat ได้ไง อ่ะ ถ้าไม่ลง program ตัวนี้
    อย่าไปคิดแทนคนอื่นซิ ว่าเขาไม่มี อ่า..และบทนี้พิจารณาก็ได้ปัญญาอ่ะ

    มองโลกอย่างกว้างๆ ..มะเอาแระ ไม่คุยแล้ว จะฟังพระเทสน์แระ
     
  14. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    หมายถึงเวลาจะเข้าบางเครื่องบางคนเขาไม่มีและมันทำให้เครื่องเขาอืดๆ บางทีก็เข้าไม่ได้ครับ อีกอย่างมันไม่เข้ากับบทสนทนาเป็นแต่เพียงเรื่องต่างๆที่ นานาอยากจะวางลงไปนึกจะวางก็วางเพราะเห็นว่า อยากวางทั้งๆที่มันไม่เข้ากับเรื่องในปัจจุบัน จึงท้วงติงเล็กน้อย มันคนละเรื่องกัน ไม่ว่าจะเรื่องพญามารเอย เรื่องจิตเอย เรื่องสติ เอย แต่สตินี่ใกล้เคียง แต่สิ่งที่ต้องการคือ ปฏิบัติแล้วเห็นว่ายังไง ถ้าเห็นแบบที่เป็นนี่ก็แล้วแต่นะครับ ต้องฟังมากๆเลยทีเดียว แต่อย่าฟังอย่างเดียวละครับ มันต้องฟังแล้วพิจารณาตามด้วยครับ ถึงได้ประโยชน์
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คิดเอง เออเอง ไปในโลกของตนเองเท่านั้น

    ในเว็บนี้มีคนมาตอบ เยอะแยะ แต่ชีวิตเอ็ง วนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ

    มันก็เห็นอะไรเดิมๆ เห็นว่ามีสองคนเท่านั้นที่รู้บ้าง

    เห็นว่า นายขันธ์ อย่างนั้นอย่างนี้บ้าง

    เอาใจ ออกไป จากทีนี่บ้างเถอะ
     
  16. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ฮั้นแน่อย่าเลยครับ ผมยังไม่ได้เห็นอะไรทั้งสิ้นผมรอคำตอบอยู่เห็นเมื่อก่อนทั้งสองท่านก็สับกันอย่างกับผักกับปลา ฉั่วๆๆๆๆเลย ตอนนี้เห็นมาลงรอยกันแล้วน่ายินดีปิติปลาบปลื้มด้วยจริงๆ ว่าไหมครับ เรื่องอื่นไม่สน สนเพียงเมื่อไหร่จะตอบสักทีครับ รออยู่ หากไม่ตอบก็รอให้คนที่เขารู้มาตอบดีกว่าครับ แต่ถ้าไม่มีใครรู้เลยก็ตัวใครตัวมันผมก็ไม่เกี่ยวเพราะผมวนเวียนอยู่เรื่องเดิมๆ เพราะว่าเรื่องที่เรากำลังศึกษาก็เรื่องเดิมๆ หรือว่าไม่จริง กิเลสก็ตัวเดิมไม่เห็นมีตัวไหนใหม่เลย เป็นต้นครับ
     
  17. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    แล้วคุณจะโวยวายทำไม

    ลองเหลือบไปดูหัวกระทู้สิว่า เรื่องอะไร เรื่องการรู้จักจิตใช่ไหม

    ถ้าใช่ แล้วการที่คนเขาไปเจอ เรื่องที่เกี่ยวข้องมา เอามาโพสใส่กระทู้
    เพราะเห็นว่ามันเกี่ยวข้อง คุณจะไปต่อว่าต่อขานเขาทำไม ในเมื่อจุดประ
    สงค์ของการโพสนั้น ก็เพื่อเอามาแสดงเท่าที่เห็นว่าสอดคล้อง และดูมี
    ประโยชน์

    นี่จุดประสงค์ของการโพสกระทู้ธรรมดาๆ ง่ายๆ ดันไม่เห็น นู้นไปเห็นว่า
    เขาเอาจิตตัวเองมาโพส ทึกทักขึ้นเอง แล้วก็เที่ยวว่าเขา เตือนเขาว่า
    อย่าทำอย่างงั้นนะ คุณจะโพสไปเตือนเขาทำไม ของแบบนี้โดยสามัญ
    สำนึกเด็ก7ขวบเขาก็พอรู้ได้ ไม่ต้องเตือนเขาหลอก ว่าจิตที่บรรยายอยู่
    นั้นจิตใคร

    แต่ที่คุณสนุกกับการออกมาเตือน เพราะอวดความกระโต๊กกระต๊ากหวาดระแวง

    ภาวนายังไง ถึงได้ กลายเป็นนักกระโต๊กกระตากหวาดระแวง

    เป็นแล้วยังไม่พอ ยังเที่ยวเปิดเผยให้คนเขารู้กันทุกวี่ทุกวัน ทุกโพส ทุกจังหวะ
    ทุกเวลา ทุกขณะ

    แปลกดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2010
  18. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    ขออณุญาตินำเรื่องจิตของตนมากล่าว ขอยกแต่จิตที่มีอุปทานในรูปและนาม จิตที่มีแต่กิเลสและอาสวะนอนเนื่องของกระผมเอง
    (จะไม่ขอกล่าวถึงฐีติจิต และก่าวล่วงไปถึงจิตที่บริสุทธิ์ ที่จะนำมาถึงข้อถกเถียงในภายหลัง)

    ถ้าถามว่าจิตคืออะไร ตั้งลอยเด่นหรือลอยโด่เด่ที่ไหน ???
    ขอตอบว่า สมมุติว่า คือ จิต
    ...... จิตในที่นี้คือสังขารความปรุงแต่งแห่งความไม่รู้เท่า ว่าสิ่งต่างๆที่ปรากฏทั้งหมดทั้งมวลว่าเป็นเราเป็นตัวตน เป็นทิฐิ เป็นกิเลสขึ้นมา
    ความรู้สึก นึกคิด ยึดมั่นความเป็นตัวเป็นตนเกิดอยู่ที่ไหน ที่นั้นคือจิต
    ที่มีอุปทานอันเกิดจากความไม่รู้เท่าในสิ่งต่างจึงเข้าไปยึดว่าของๆกู
    เช่นความรู้ของกู ขี้ปากกู ใครว่าเหม็นกูโกรธเคือง พยาบาทเป็นต้น อันนี้ คือสมมุติ อันนี้คือ อุปทาน อันนี้
    สมมุติ เรียกว่า จิต .....

    ท่านผู้รู้ถึงกล่าวกันว่า "นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรตั้งอยู่ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป"

    อันนี้ขอกล่าวทิ้งไว้นิดนึงเผื่อท่านเก่งถามมา ก็ตอบไว้ก่อนเพราะไม่ค่อยว่าง ว่าจิตบริสุทธิ์เป็นเช่นไร ก็ขอตอบตามความคิดด้นเดา
    ..... ถามว่าที่เกิดตาย เกิดดับคือสิ่งใด ก็ต้องบอกตามทิฐิความคิดและจิตที่มีกิเลสล้นว่า อุปทาน ที่เกิด ที่ตาย นอกนั้นไม่มี
    ธาตุ4คืนสู่ธาตุ4 ธาตุรู้คืนธาตุรู้ ซึ่งธาตุนี้ก็คือธาตุ ปราศจากอุปทานในสิ่งใดๆ จึงไม่เกิดไม่ดับลับไป .....

    .....ที่ยกมากล่าวคือทิฐิที่ไม่ใคร่ถูกต้องนัก จากความคิดส่วนตัว ยกมาเพื่อเกิดประโยชณ์
    เพื่อท่านทั้งหลายได้พิจารณาทางที่ผิดของกระผม เดินในทางที่ถูกตรงต่อไป และพร้อมรับคำชี้แนะจากทุกๆท่านเพื่อปรับทิฐิให้ถูกตรงต่อไป .....


    <a href ="http://www.buddhabucha.net/" target='_blank'><img src = "http://img651.imageshack.us/img651/112/bggko.jpg" alt="คลิก เข้าชมเว็บพุทธบูชา" />
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มีนาคม 2010
  19. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    นี่คือคำตอบใช่ไหม คิดว่าคนนั้นคนนี้เป็นอย่างนั่นอย่างนี้ คือคำตอบหรือครับ แฮะๆๆ สงสัย ต้องอธิบายซ้ำอีกครั้งครับ อันแรกเอ่อ ไม่เอาดีกว่า มันง่ายไปสำหรับผู้มีปัญญาเช่นท่านถ้าท่านตอบแบบนี้ ใครๆเขาก็ตอบได้ครับ การตอบแบบนี้มันมองได้สองแง่ครับ ตั้งอคติกับผู้อื่นเอาไว้แต่แรกแล้วเฉกเช่นท่านแรกคำถามก็ไม่มีอะไรมากนี่นา อีกแง่หนึ่งคือพอจำกัดคำพูดก็ไม่เหลืออะไรเลยเพราะมีแต่ตำรา ก็เห็นว่าทั้งสองท่านผู้ยิ่งใหญ่น่าจะอธิบายได้ไม่ยากเย็นอะไรเพียงแต่ห้ามอิงตำราเท่านั้น เพราะถ้าเป็นตำราย่อมไม่ใช่สภาวะก็เท่านั้น ไหนละที่บอกว่าคนที่เป็นสาวกภูมิอย่าไปพูดมาก งั้นแสดงว่าตนต้องเหนือกว่าไม่ใช่เหรอ ก็แสดงออกมาสิ ถ้าแสดงออกมาแบบนี้ ผมเห็นว่า คนทั้งหลายในนี้ก็ทำได้เฉกเช่นท่านทั้งสองไม่มีผิดเพี้ยนเลยเพียงแต่เขาจะทำหรือไม่เท่านั้นอีกเรื่องหนึ่งครับ แปลกยังไงความหลงตัวตน จิตใจ ที่เป็นไปด้วยความยึดมั่นถือมั่นว่าตนนั้นดีกว่าผู้อื่นแล้ว ดูแล้วก็ไม่แปลกเลยครับ
     
  20. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เนื่องจากทราบๆกันอยู่ว่า กล่าวตามจินตมัยยปัญญา หรือ อาจจะกล่าวกันตามสุตมัยย
    ปัญญา โดยพื้นฐานของ จินตมัยยปัญญา และ สุตมัยยปัญญา มันก็มีความเป็นสมมติ
    อยู่แล้ว จึงธรรมดาอยู่เองที่เราจะไม่รีบร้อน อนุโมทนากันและกัน และไม่ขัดแย้งกัน
    และกันด้วย เพราะคงไม่มีใครหลงสมมตินั้นว่าจริงกัน แต่ก็ชี้แจงกันตามที่ได้สดับมา
    เพื่อความชัดเจนไม่บกพร่องใน "กระแสความ"


    ก็ขออนุญาติ ชี้บางจุดเพียงเล็กน้อยดังนี้


    "นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรตั้งอยู่ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป"

    ประโยคนี้เท่าที่ได้สดับมา ท่านว่า ต้องเป็นอรหันต์จึงกล่าวได้ ถ้าไม่ใช่อรหันต์ละก้อ
    การกล่าวประโยคนี้ยังเป็นการกล่าวโดยเผลอไปเปรียบเทียบเท่านั้น

    ที่ต้องชี้เพราะท่านเสขะ ออกตัวไว้ว่า จะไม่ขอกล่าวในระดับ จิตที่บริสุทธิ์

    * * * * *

    ปล. ที่ต้องทัก เพราะพักหลังๆ เห็น ยกขึ้นกล่าวบ่อย พระอาจารย์สงบเคยเตือนเรื่อง
    นี้ว่า อย่าพูดอะไรซ้ำ หากยังไม่มีฐานะ เพราะมันจะขวางการภาวนาได้

    * คือ ท่านเน้นว่า อย่ากล่าวบ่อยๆ จะเสีย

    แต่ถ้าเป็นพระอีกท่าน กล่าวบ่อยก็รู้ว่ายกมากล่าวบ่อย ตามรู้ไป ไม่ว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...