ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

พ่อบอกว่า . .

















































































เรา ♥ ในหลวง !

 

เดี๋ยวนี้หมอดูหลายท่าน ส่วนใหญ่มักจะทายพลาดเพราะไม่สามารถคาดเดาเรื่องบุญและกรรมที่ส่งผลได้

โดยเฉพาะในช่วง2-3ปีที่ผ่านมาทั่วประเทศเรียกว่าแทบจะทุกวัด และหลายกลุ่มและองค์กร รวมทั้งพระอริยสงฆ์ เทพ พรหม เทวดา สิ่งศักสิทธิ์ ได้ร่วมกันสวดมนต์ภาวนาให้ในหลวงและประเทศชาติของเรา และในหลวงเรายังคงบำเพ็ญบารมีธรรมของท่านอยู่ ดังนั้นธรรมก็ย่อมรักษาท่านผู้ประพฤติดีมีศีลธรรม เรื่องใหญ่ก็จะกลายเป็นเรื่องเล็ก ดังนั้นหมอดูจึงถูกลดความแม่นโดยกรรมและธรรมไปเอง

 

แต่ผมคิดว่าทายถูกแล้วละ...

 

มือมืดปาบึ้มช่อง 5 บาดเจ็บ 7 ราย พบสลักหน้ากำแพง​

​

ป่วนอีก มือมืดปาบึม หน้าสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ทหารรักษาการเจ็บ 2 นาย พลเรือนขับรถผ่านช่วงเกิดเหตุ เจ็บรวม 5 ราย ในจำนวนนี้สาหัส 2 ราย ตรวจพบสลักระเบิดตกหน้ากำแพงด้านหน้า...

เมื่อเวลา 19.20 น. วันนี้ 27 มี.ค.2553 เกิดเหตุคนร้ายปาระเบิด เอ็ม 67 เข้าไปในบริเวณสวนหย่อม หน้าสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 210 ถนนพหลโยธิน (สนามเป้า) แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร เบื้องต้นส่งผลให้มีทหารที่เฝ้ารักษาการอยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย รวมทั้งส่งผลให้รถนิสสันแวน สีดำของ นายจักรพงษ์ สว่างทวีวงศ์ ที่ขับรถผ่านมาในจุดเกิดเหตุพอดี ได้รับความเสียหาย และทำให้ผู้ที่อยู่บนรถดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บรวม 5 รายโดยในจำนวนนี้ อาการสาหัส 2 ราย โดยทหารทั้ง 2 นาย ถูกนำตัวส่ง รพ.พระมงกุฏ ส่วนประชาชนทั้ง 5 ราย ถูกนำตัวส่ง รพ.พญาไท

นอกจากนี้ แรงระเบิด ยังได้ทำให้พื้นฟุตบาท เกิดหลุมกว้างประมาณ​ 10 เซนติเมตร และเสาไฟฟ้าได้รับความเสียหายเล็กน้อย อย่างไรก็ดีจากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พบสลักระเบิด ตกอยู่บริเวณรั้วกำแพงด้านหน้า สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ห่างจากจุดที่ระเบิดตกไปประมาณ 5เมตร โดยขณะนี้ได้นำสลักระเบิดดังกล่าว ไปทำการตรวจสอบหาตัวคนร้าย แล้ว

ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2553

ปาบึ้มเต็นท์ทหาร รปภ.ช่อง11 บาดเจ็บ 4 ราย รถยนต์พัง​

​

ป่วนทั่วกรุง! คนร้ายปาระเบิดใส่เต็นท์ทหาร รปภ.หน้าช่อง 11 หลังคาทะลุเป็นเหตุให้ จนท.ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ถูกนำตัวส่ง รพ.แล้ว และพบรถยนต์ได้รับความเสียหายเพิ่มอีก 1 คัน ถูกสะเก็ดระเบิดที่ฝากระโปรงรถ...

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 27 มี.ค. เกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิดใส่เต็นท์ทหารที่รักษาความปลอดภัยที่บริเวณสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 (เอ็นบีที) ตั้งอยู่เลขที่ 236 ถ.วิภาวดีรังสิต เขตดินแดง กทม. พบหลังคาทะลุ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 ราย เป็นทหาร 2 ราย และ รปภ. 2 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงแล้ว

อย่างไรก็ดี ในพื้นที่ใกล้กันพบรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน 6ฬ-551 สีแดง ที่จอดใกล้ที่เกิดเหตุได้รับความเสียหาย ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณฝากระโปรงรถยนต์ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านสกัด เร่งล่าตัวมือปาระเบิดแล้ว

พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ รองผบช.สทส.ในฐานะโฆษก ศปก.ตร. กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79 โดยยิงมาจากทางด่วนโทลเวย์

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 19.20 น. วันเดียวกัน เกิดเหตุคนร้ายปาระเบิด เอ็ม 67 เข้าไปในบริเวณสวนหย่อม หน้าสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 210 ถนนพหลโยธิน (สนามเป้า) แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร เบื้องต้นส่งผลให้มีทหารที่เฝ้ารักษาการอยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย รวมทั้งส่งผลให้รถนิสสันแวน สีดำของ นายจักรพงษ์ สว่างทวีวงศ์ ที่ขับรถผ่านมาในจุดเกิดเหตุพอดี ได้รับความเสียหาย และทำให้ผู้ที่อยู่บนรถดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บรวม 5 รายโดยในจำนวนนี้ อาการสาหัส 2 ราย โดยทหารทั้ง 2 นาย ถูกนำตัว ส่ง รพ.พระมงกุฏ ส่ง ประชาชนทั้ง 5 ราย ถูกนำตัวส่ง รพ.พญาไท

นอกจากนี้ แรงระเบิด ยังได้ทำให้พื้นฟุตบาท เกิดหลุมกว้างประมาณ 10 เซนติเมตร และเสาไฟฟ้าได้รับความเสียหายเล็กน้อย อย่างไรก็ดีจากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พบสลักระเบิด ตกอยู่บริเวณรั้วกำแพงด้านหน้า สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ห่างจากจุดที่ระเบิดตกไปประมาณ 5เมตร โดยขณะนี้ได้นำสลักระเบิดดังกล่าว ไปทำการตรวจสอบหาตัวคนร้าย แล้ว

ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2553

ยิงเอ็ม 79 ถล่ม ราบ11 พลทหารเจ็บ 4 ราย​

​

คนร้ายลอบยิงเอ็ม 79 เข้าไปภายในอาคารกองรักษาการกำลังพล กรมทหารราบที่ 11 พลทหารที่ปฏิบัติงานดังกล่าว เจ็บ 3 ราย สาหัส 1 เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบ.....

เมื่อเวลา 04.30 น.วันที่ 28 มี.ค. ได้เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งที่บริเวณด้านหลังอาคารกองรักษาการกำลังพล กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ หน้าประตู 3 ทางลงสะพานข้ามแยกบางบัว ฝั่งถนนพหลโยธินขาเข้า บริเวณจุดดังกล่าวเป็นจุดที่ทหารใช้ในการผลัดเปลี่ยนเวรยาม แรงระเบิดดังกล่าวทำให้พลทหารที่ปฏิบัติงานบริเวณดังกล่าวเจ็บ 3 ราย สาหัส 1 ราย ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเข้าตรวจสอบ และนำตัวคนเจ็บ 2 รายส่งโรงพยาบาลภูมิพล ขณะที่อีก 2 รายรักษาตัวภายในราบ 11

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

ผู้พยากรณ์ทำนายไม่ผิด แต่คลาดเคลื่อนบางส่วน

ด้วยแผ่นดินนี้ ถูกปกปักรักษา จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์

 

สื่อต่างชาติรายงานการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง​

​

สื่อต่างชาติส่วนใหญ่ยังคงจับตาสถานการณ์ การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นรอยเตอร์ เอพีและบีบีซี

โดยทั้ง 3 สำนักข่าวได้มีการรายงานเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสถานการณ์ความไม่สงบของไทย อย่างเหตุระเบิดที่กรมศุลกากรเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และการเคลื่อนขบวนของกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่ 8 จุดทั่วกรุงเทพ ตลอดจนการกดดันให้ทหารถอนออกจากพื้นที่ ซึ่งรอยเตอร์วิเคราะห์ว่าทำให้เกิดการเผชิญหน้าและความตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ชี้ว่าเป็นเพราะกลุ่มเสื้อแดงกำลังเผชิญกับปัญหาคิดไม่ตกว่าควรจะคงนโยบายชุมนุมอย่างสงบหรือกระตุ้นให้เกิดการเผชิญหน้าและความรุนแรงดี เพราะหากเดินหน้าชุมนุมอย่างสงบแม้จะได้รับการชื่นชมแต่ก็ไม่สามารถบีบบังคับรัฐบาลได้ยุบสภาได้ แถมต่างชาติยังหลั่งไหลเข้ามาช้อนซื้อหุ้นไทยอย่างหนาแน่น ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อหุ้นแต่อย่างใด แต่หากเปลี่ยนกลยุทธมาเป็นการยั่วยุให้เกิดเหตุรุนแรงเพื่อจะบีบรัฐบาล ก็เสี่ยงที่จะต้องสูญเสียการสนับสนุนจากคนกรุงเทพและความน่าเชื่อถือไป

ขณะที่บีบีซีชี้ว่ากลุ่มเสื้อแดงกำลังเผชิญกับบททดสอบ 3 ข้อ ข้อแรกคือจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมซึ่งตอนแรกประกาศว่าจะมีผู้เข้าร่วมนับล้านคน แต่เอาเข้าจริงมีเพียง 1 แสนถึง 1 แสน 5 หมื่นคน ข้อ 2 หากยังคงนโยบายชุมนุมอย่างสงบ ฝ่ายรัฐบาลเองก็จะได้รับเครดิตไปด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มเสื้อแดงไม่ต้องการ และสุดท้ายกลุ่มเสื้อแดงต้องกำจัดข้อสงสัยที่หลายฝ่ายมองว่าจุดมุ่งหมายที่กลุ่มเสื้อแดงออกมาเรียกร้องนั้นเพื่อต้องการประชาธิปไตยจริง ๆ หรือเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรกันแน่

อย่างไรก็ตามบีบีซีชี้ว่าแม้จำนวนผู้ชุมนุมจะห่างไกลเป้าหมาย แต่ก็มากพอที่รัฐบาลจะต้องหันมารับฟังข้อเรียกร้องและข้อคับข้องใจของผู้ชุมนุม ไม่ใช่แค่บอกให้เรียกร้องผ่านระบบศาลเท่านั้น แต่ต้องดูว่าทำไมผู้ชุมนุมจึงเลือกที่จะออกมาชุมนุมตามท้องถนนแทน นั่นเป็นเพราะพวกเขาสูญเสียศรัทธาในระบบกฎหมายหรือปล่าว

ข่าวทีวีช่อง 3 วันเสาร์ ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

เรือรบเกาหลีใต้จมบริเวณชายแดนพิพาทกับเกาหลีเหนือ​

​

โซล 27 มี.ค.-เกิดเหตุเรือรบของเกาหลีใต้จมใกล้ชายแดนในทะเลที่เป็นกรณีพิพาทกับเกาหลีเหนือ คร่าชีวิตลูกเรือจำนวนหนึ่งจากที่มีอยู่กว่า 100 คนบนเรือ แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธรายงานว่าเป็นการโจมตีจากฝ่ายเกาหลีเหนือ

เรือที่จมเป็นเรือคอร์เวต ชื่อ “โชนัม” ขนาดระวาง 1,200 ตัน เริ่มจมหลังจากเกิดการระเบิดเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 19.30 น.วานนี้ ตามเวลาในไทย

กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ รายงานว่า เรือไม่ทราบฝ่ายได้ระดมยิงมายังเรือรบของเกาหลีใต้เมื่อคืนวานนี้ (26 มี.ค.) แต่โฆษกของทำเนียบประธานาธิบดียังไม่ยืนยัน และบอกว่าอาจเร็วเกินไปที่จะระบุว่าเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ ขณะที่สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้ รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ในทำเนียบประธานาธิบดี อ้างภาพถ่ายจากดาวเทียมและข้อมูลอื่น ๆ ระบุว่า ไม่มีสัญญาณการเคลื่อนไหวทางทหารของเกาหลีเหนือในบริเวณที่เรือจม

กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ กล่าวว่า สามารถช่วยลูกเรือขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย 58 คน จาก 104 คนบนเรือ มีลูกเรือสูญหายประมาณ 40 คน รายงานบางกระแสบอกว่ามีลูกเรือหลายคนเสียชีวิต กระทรวงกลาโหมเผยว่าเรือจมเกิดจากรูโหว่ที่ลำเรือ และว่าก่อนจมเรือรบได้ยิงเตือนไปยังวัตถุไม่ทราบฝ่าย แต่ต่อมาสงสัยว่าวัตถุนั้นคือฝูงนก อย่างไรก็ตาม สื่อของเกาหลีใต้อ้างเจ้าหน้าที่ว่าเกาหลีเหนือยิงตอร์ปิโดใส่เรือรบ.-สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ ที่ 27 มี.ค. 2553

ลูกเรือเกาหลีใต้สูญหาย 46 คนจากเหตุเรือจมใกล้ชายแดนเกาหลีเหนือ​

​

โซล 27 มี.ค.- โฆษกกองทัพเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ลูกเรือ 46 คนสูญหายไปในทะเลจากเหตุการณ์เรือรบของเกาหลีใต้อับปางใกล้ชายแดนที่เป็นกรณีพิพาทกับเกาหลีเหนือ โดยการอับปางเกิดจากการระเบิดที่ยังไม่สามารถอธิบายได้

เรือรบดังกล่าวซึ่งเป็นเรือคอร์เวตมีลูกเรือทั้งสิ้น 104 คนสามารถช่วยเหลือขึ้นมาได้ 58 คน ส่วนทีมนักประดาน้ำของกองทัพเรือเตรียมจะดำน้ำลงไปสำรวจสาเหตุของเรือจมและกู้ศพของผู้ที่เสียชีวิตอยู่ในเรือขึ้นมาด้วย

โฆษกเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ บอกว่าการช่วยเหลือกู้ภัยยังดำเนินต่อไป และขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานว่าเหตุการณ์นี้มีเกาหลีเหนือเกี่ยวข้อง.-สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ ที่ 27 มี.ค. 2553

จีนเพิ่มขีปนาวุธใกล้ไต้หวัน​

​

ไทเป 27 มี.ค. - พล.ร.อ.โรเบิร์ต วิลลาร์ด ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐ เผยว่า จีนประจำการขีปนาวุธพิสัยไกลเพิ่มเติมบริเวณใกล้กับไต้หวัน ทำให้ไต้หวันต้องเตรียมการป้องกันตัวทางทหาร พร้อมแนะว่า ไต้หวันอาจต้องการเครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ลำใหม่

กองบัญชาการทหารสหรัฐภาคพื้นแปซิฟิก เผยถ้อยแถลงของ พล.ร.อ.วิลลาร์ด ที่กล่าวต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภา ในกรุงวอชิงตัน ว่าจีนเพิ่มประจำการขีปนาวุธผลิตในรัสเซียชนิดยิงจากพื้นสู่อากาศบริเวณห่างจากไต้หวันไปราว 160 ก.ม. แต่ไม่ได้ระบุว่า การเพิ่มขีปนาวุธของจีนมีขึ้นเมื่อใด กล่าวเพียงว่า รัฐบาลจีน ยังคงต้องการผนวกไต้หวันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ ทั้งยังไม่ปฏิเสธการใช้กำลังเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว

แผนการขายอาวุธของสหรัฐมูลค่า 6,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 204,800 ล้านบาท) ให้ไต้หวันที่ประกาศเมื่อเดือน ม.ค.จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ไต้หวัน ทว่าสร้างความไม่พอใจให้จีน อย่างไรก็ดี พล.ร.อ.วิลลาร์ด ไม่ได้กล่าวชัดเจนว่า รัฐบาลสหรัฐควรอนุมัติคำขอซื้อเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ให้ไต้หวันหรือไม่ แต่ระบุว่า เครื่องบินที่มีอยู่จะเป็นประโยชน์อย่างมาก.-สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ ที่ 27 มี.ค. 2553

อุทกภัยครั้งใหญ่ในรัสเซียครอบคลุมไปในหลายพื้นที่​

​

รัสเซีย 27 มี.ค. - อุทกภัยครั้งใหญ่ในรัสเซีย ครอบคลุมเมืองต่างๆ และหมู่บ้านหลายพันแห่ง สาเหตุมาจากหิมะละลายอย่างรวดเร็วหลังย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ

นายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เปิดเผยว่า เมืองต่างๆ และหมู่บ้านกว่า 3 พันแห่ง ในเขตโวโรเนซ์ ในภาคกลางกำลังเผชิญกับอุทกภัยขนาดหนักจากหิมะที่ละลายอย่างรวดเร็ว ถนนและสะพานหลายร้อยแห่งถูกน้ำท่วมหมด ทางการต้องเร่งอพยพประชาชนไปสู่ที่ปลอดภัยอย่างเร่งด่วน

สำนักพยากรณ์อากาศของรัสเซียเตือนจะเกิดน้ำท่วมอย่างหนักในเขตไซบีเรีย หลังจากน้ำแข็งในแม่น้ำได้ละลายทำให้ระดับน้ำเพิ่มอย่างรวดเร็ว ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขตโวลโกกราดอย่างหนัก ในช่วงฤดูหนาวที่เพิ่งสิ้นสุดลงได้มีหิมะตกหนักมากที่สุดในรอบหลายสิบปี และเมื่อหิมะละลายจึงเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ ที่ 27 มี.ค. 2553

ที่มา http://www.mcot.net

 

“​

[FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]ในวงสังคมนั้นเล่า ท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงาม สำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็งกระด้าง มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ พร้อมจะเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวม[/FONT][/FONT]” ​

[FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]

พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ​

[/FONT]​

[/FONT]25 [FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]มิถุนายน [/FONT][/FONT]2496 ​

“​

[FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]การใช้จ่ายโดยประหยัดนั้น จะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเองและครอบครัว ช่วยป้องกันความขาดแคลนในวันข้างหน้า การประหยัดดังกล่าวนี้ จะมีผลดีไม่เฉพาะแกผู้ประหยัดเท่านั้น ยังจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติด้วย[/FONT][/FONT]” ​

[FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]

พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ​

[/FONT]​

[/FONT]31 [FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]ธันวาคม [/FONT][/FONT]2502 ​

“​

[FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]ประเพณีทั้งหลายย่อมมีประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของคนแต่ละคน เรามีประเพณีของชาติไทยเป็นสมบัติ เราควรยินดีอย่างยิ่งและช่วยกันส่งเสริมรักษาไว้เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศ[/FONT][/FONT]” ​

[FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]

ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ​

[/FONT]​

[/FONT]21 [FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]เมษายน [/FONT][/FONT]2503 ​

“​

[FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]ความรู้จักอดทนและอดกลั้น ไม่ยอมตัวยอมใจให้วู่วามไปตามเหตุการณ์ตามอคติและอารมณ์ที่ชอบใจ หรือไม่ชอบใจนั้น ทำให้เกิดมีการยั้งคิดและธรรมดาคนเรา เมื่อยั้งคิดได้แล้ว ย่อมมีโอกาสที่จะพิจารณาเรื่องที่ทำ คำที่พูด ทบทวนดูใหม่ได้อีกคำรบหนึ่ง การพิจารณาทบทวนเรื่องใดๆใหม่ ย่อมจะช่วยให้มองเห็นละเอียดชัดเจนขึ้น ทำให้เกิดความเข้าใจอันกระจ่างสว่างไสวขึ้น[/FONT][/FONT]” ​

[FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]

พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ​

[/FONT]​

[/FONT]14 [FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]กันยายน [/FONT][/FONT]2516 ​

“​

[FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือ ความพอมีพอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและใช้อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจชั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป[/FONT][/FONT]” ​

[FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]

พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ​

[/FONT]​

[/FONT]20 [FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]ธันวาคม [/FONT][/FONT]2516 ​

“​

[FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดที่เป็นอยู่แก่เราในวันนี้ ย่อมมีต้นเรื่องมาก่อน ต้นเรื่องนั้นคือเหตุ สิ่งที่ได้รับคือผล และผลที่ท่านมีความรู้อยู่ขณะนี้ จะเป็นเหตุให้เกิดผลอย่างอื่นต่อไปอีก ดังนั้นที่พูดกันว่าให้พิจารณาเหตุผลให้ดีนั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ให้พิจารณาการกระทำหรือ กรรมของตนให้ดีนั่นเอง[/FONT][/FONT]” ​

[FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]

พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ​

[/FONT]​

[/FONT]8 [FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]กรกฎาคม [/FONT][/FONT]2519 ​

“​

[FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]การทำความดีนั้น สำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวเอง ผู้อื่นไม่สำคัญและไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องเป็นห่วงหรือต้องรอคอยเขาด้วย เมื่อได้ลงมือลงแรงกระทำแล้วถึงแม้จะไม่มีใครร่วมมือด้วยหรือไม่ก็ตาม ผลดีที่จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน[/FONT][/FONT]” ​

[FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ [/FONT][/FONT]20 [FONT=Tahoma,Tahoma][FONT=Tahoma,Tahoma]ตุลาคม [/FONT][/FONT]2520

 

เป็นโอวาทที่ไม่เคยเก่าตามปี พศ.ที่ได้ตรัสไว้ เช่นเดียวกับพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแม้จะล่วงเลยมาแล้วสองพันห้าร้อยห้าสิบสามปี

 

www.3romphosri.com
เรียนเชิญเยี่ยมชมและสมัครสมาชิกครับ

 

ไม่มีใครสามารถรู้ได้เกินกฏแห่งกรรมของแต่ละคนได้ ไม่ว่าจะด้วยการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความแตกแยกหรืออะไรก็ตามแต่ไม่ควรมาพาดพิงถึงประเทศอื่นให้เกิดความเสียหาย นั่นถึงจะเป็นจรรยาบรรณของนักพยากรณ์อย่างแท้จริงและบุคคลที่คุณนักเดากล่าวถึงไม่สามารถกลับมาประเทศไทยได้ในระยะนี้แน่นอน ควรจะเอาเวลาที่มีค่าของตัวเองมาพัฒนาให้ถึงแก่นของความดีจะดีกว่า

 

<TABLE border=0 width="96%"><TBODY><TR><TD class=t-head>

สรุปผลการประมาณการผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในประเทศไทย​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai>ข้อมูลเบื้องต้น

ผู้ดำเนินการศึกษาได้แก่ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านข้อมูล และวิชาการสารเสพติด ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ได้แต่งตั้งประกอบด้วยนักวิชาการจาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอนแก่น อัสสัมชัญ สงขลานครินทร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
แหล่งทุนสนับสนุน
๑. สำนักงบประมาณความช่วยเหลือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสถานเอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย (NAS)
๒. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
๓. สมาคมป้องกันปัญหาจากสุราแห่งประเทศไทย
ระยะเวลาดำเนินการเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓- ธันวาคม ๒๕๔๔ โดยช่วงระยะเวลาที่เก็บข้อมูลระหว่างเดือนมีนาคม-สิงหาคม ๒๕๔๔
การศึกษาใช้วิธีการสำรวจครัวเรือน (National Household Survey)
- แบ่งพื้นที่การศึกษาออกเป็น ๖ พื้นที่ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ) ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ รวมจังหวัดตัวอย่างที่ทำการศึกษา ๔๐ จังหวัด ประชากรตัวอย่างจำนวน ๓๙,๐๐๐ คน
- ประชากรเป้าหมายคือ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ ๑๒-๖๕ ปี
ยาเสพติดในที่นี้หมายถึง ยาเสพติด ๙ ชนิด ประกอบด้วย ยาบ้า เฮโรอีน ฝิ่น กัญชา กระท่อม สารระเหย ยาอี/ยาเลิฟ โคเคน และยาเค
ระยะเวลาที่ใช้ยาเสพติด ประกอบด้วย
- เคยใช้ : เคยใช้แม้เพียงครั้งเดียวในชีวิต
- ใช้ใน ๑ ปี : เคยใช้ในระยะ ๑ ปี ก่อนตอบการสัมภาษณ์
- ใช้ในปัจจุบัน : เคยใช้ในระยะ ๓๐ วัน ก่อนตอบการสัมภาษณ์

สรุปผลการศึกษา

๑. จากจำนวนประชากรทั้งประเทศที่มีอายุตั้งแต่ ๑๒-๖๕ ปี จำนวน ๔๔,๖๖๔,๗๐๐ คน สามารถประมาณการจำนวนประชากรที่ใช้ยาเสพติด จำแนกตามระยะเวลาที่ใช้ได้ดังนี้
จำนวนประชากรที่เคยใช้ยาเสพติด มีจำนวนทั้งสิ้น ๗,๓๑๒,๒๐๐ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๖.๔ จากจำนวนประชากรทั้งหมด
จำนวนประชากรที่เคยใช้ยาเสพติดในช่วง ๑ ปี มีจำนวน ๑,๙๔๒,๑๐๐ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๔.๓ จากจำนวนประชากรทั้งหมด
จำนวนประชากรที่เคยใช้ยาเสพติดในช่วง ๓๐ วัน มีจำนวน ๙๙๘,๗๐๐ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๒.๒ จากจำนวนประชากรทั้งหมด




๒. เมื่อพิจารณาจำนวนประชากรที่ใช้ยาเสพติดในช่วง ๓๐ วัน จำแนกตามพื้นที่ พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนผู้ใช้ยาเสพติดมากที่สุดคือ ๔๘๖,๙๐๐ คน แต่เมื่อคิดอัตราส่วนต่อประชากรในพื้นที่ ๑,๐๐๐ คน พบว่าภาคใต้มีอัตราของผู้ใช้ต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน สูงสุดคือ ๔๙ คน โดยมี
รายละเอียดดังนี้
กรุงเทพฯ มีจำนวน ๔๐,๔๐๐ คน หรือคิดเป็นผู้ใช้ยาเสพติด ๑๐ คนต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน
ปริมณฑล มีจำนวน ๔๓,๑๐๐ คน หรือคิดเป็นผู้ใช้ยาเสพติด ๒๔ คนต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน
ภาคเหนือ มีจำนวน ๖๔,๖๐๐ คน หรือคิดเป็นผู้ใช้ยาเสพติด ๗ คนต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน
ภาคกลาง มีจำนวน ๘๒,๖๐๐ คน หรือคิดเป็นผู้ใช้ยาเสพติด ๑๐ คนต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวน ๔๘๖,๙๐๐ คน หรือคิดเป็นผู้ใช้ยาเสพติด ๓๐ คนต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน
ภาคใต้ มีจำนวน ๒๘๑,๑๐๐ คน หรือคิดเป็นผู้ใช้ยาเสพติด ๔๙ คนต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน

จำนวนประชากรที่ใช้ยาเสพติดจำแนกตามพื้นที่และระยะเวลาที่ใช้

จำนวน x๑,๐๐๐



จำนวนประชากรที่ใช้ยาเสพติดใน ๓๐ วัน ต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน ในแต่ละพื้นที่




๓. เมื่อประมาณการจำนวนผู้ใช้ยาเสพติด จำแนกตามชนิดของยาเสพติด พบว่า
ประชากรที่ใช้ยาเสพติดในช่วง ๑ ปี มีผู้ใช้ยาบ้ามากที่สุดจำนวน ๑,๐๙๒,๕๐๐ คน รองลงมาคือ กัญชา และกระท่อม โดยมีรายละเอียดจำนวนผู้ใช้ และร้อยละของผู้ใช้ในแต่ละตัวยาจากประชากรทั้งหมด ๔๔,๖๖๔,๗๐๐ คน ดังนี้
- จำนวนผู้ใช้กัญชา ๖๖๗,๒๐๐ คน (ร้อยละ ๑.๕)
- จำนวนผู้ใช้กระท่อม ๖๔๓,๘๐๐ คน (ร้อยละ ๑.๔)
- จำนวนผู้ใช้ฝิ่น ๓๘,๖๐๐ คน (ร้อยละ ๐.๑)
- จำนวนผู้ใช้สารระเหย ๑๙๙,๗๐๐ คน (ร้อยละ ๐.๕)
- จำนวนผู้ใช้เฮโรอีน ๒๒,๗๐๐ คน (ร้อยละ ๐.๑)
- จำนวนผู้ใช้ยาบ้า ๑,๐๙๒,๕๐๐ คน (ร้อยละ ๒.๔)
- จำนวนผู้ใช้ยาอี/ยาเลิฟ ๔๖,๕๐๐ คน (ร้อยละ ๐.๑)
- จำนวนผู้ใช้ยาเค ๗,๒๐๐ คน (ร้อยละ ๐.๐๒)
- จำนวนผู้ใช้โคเคน ๔,๙๐๐ คน (ร้อยละ ๐.๐๑)
ประชากรที่ใช้ยาเสพติดในช่วง ๓๐ วัน พบว่า จำนวนผู้ใช้ยาบ้ามีมากที่สุดคือ ๔๙๐,๓๐๐ คน รองลงมาคือ ผู้ใช้กระท่อม และกัญชา โดยมีรายละเอียดจำนวนผู้ใช้ และร้อยละของผู้ใช้ต่อประชากรทั้งหมด ดังนี้

จำนวนผู้ใช้ยาเสพติดในช่วง ๓๐ วัน จำแนกตามชนิดของยาเสพติดที่ใช้

ประชากรทั้งหมด ๔๔,๖๖๔,๗๐๐ คน


๔. จำนวนผู้ใช้ยาเสพติดในช่วง ๓๐ วัน จำแนกตามพื้นที่และชนิดของยาเสพติด พบว่า
ผู้ใช้กัญชาเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุดจำนวน ๑๖๔,๖๐๐ คน รองลงมาคือ ภาคเหนือ ๑๕,๘๐๐ คน และภาคกลาง ๙,๖๐๐ คน เมื่อคิดอัตราผู้ใช้กัญชาต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน ในแต่ละพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ยังคงมีอัตราสูงสุดคือ มีผู้ใช้กัญชา ๑๐ คน ต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน
ผู้ใช้กระท่อมเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในภาคใต้มากที่สุด จำนวน ๒๖๑,๔๐๐ คน รองลงมาคือ จังหวัดในปริมณฑลจำนวน ๓๕,๒๐๐ คน และภาคกลาง ๓๔,๔๐๐ คน เมื่อคิดอัตราผู้ใช้กระท่อมต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน ในแต่ละพื้นที่ พบว่าภาคใต้มีอัตราสูงสุดคือมีผู้ใช้กระท่อม ๔๖ คนต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน
ผู้ใช้ฝิ่นเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุดจำนวน ๕,๓๐๐ คน รองลงมาคือ ภาคเหนือ ๔,๘๐๐ คน และภาคกลาง ๑,๖๐๐ คน แต่เมื่อคิดอัตราผู้ใช้ฝิ่นต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน ในแต่ละพื้นที่กลับพบว่า ภาคเหนือมีอัตราสูงสุดคือมีผู้ใช้ฝิ่น ๑ คน ต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน ในขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ใช้ฝิ่น ๐.๓ คน ต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน
ผู้ใช้สารระเหยเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุดจำนวน ๘๗,๐๐๐ คน รองลงมาคือ ภาคเหนือ ๔,๘๐๐ คน และภาคกลาง ๔,๒๐๐ คน และเมื่อคิดอัตราส่วนต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน ก็ยังคงพบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราสูงสุดคือ ๕ คน ต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน
ผู้ใช้ยาบ้า เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด จำนวน ๓๗๔,๐๐๐ คน รองลงมาคือ ภาคกลาง ๔๑,๖๐๐ คน และภาคเหนือ ๔๑,๕๐๐ คน โดยมีอัตราผู้ใช้ต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือสูงสุดคือ ๒๓ คน ต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน
ผู้ใช้ยาอี/ยาเลิฟ เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในภาคเหนือมากที่สุด จำนวน ๕,๗๐๐ คน รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน ๔,๖๐๐ คน และภาคใต้ ๔,๕๐๐ คน แต่เมื่อพิจารณาอัตราผู้ใช้ต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน พบว่า ภาคใต้ ภาคเหนือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีอัตราที่เท่ากันคือ ๑ คน ต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน

จำนวนผู้ใช้ยาเสพติดในช่วง ๓๐ วัน จำแนกตามชนิดของยาเสพติด และพื้นที่
<TABLE border=1 width="75%"><TBODY><TR><TD class=font-thai rowSpan=2 width="25%">

พื้นที่​

</TD><TD class=font-thai height=13 colSpan=6>

ชนิดยาเสพติด​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai height=16 width="11%">

กัญชา​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="10%">

กระท่อม​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="11%">

ฝิ่น​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="14%">

สารระเหย​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="14%">

ยาบ้า​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="15%">

ยาอี​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai width="25%">ใต้</TD><TD class=font-thai width="11%">

๑๐,๐๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๒๖๑,๔๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="11%">

-​

</TD><TD class=font-thai width="14%">

๒๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="14%">

๘,๒๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="15%">

๔,๕๐๐​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai width="25%">ตะวันออกเฉียงเหนือ</TD><TD class=font-thai width="11%">

๑๖๔,๖๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑๘,๒๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="11%">

๕,๓๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="14%">

๘๗,๐๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="14%">

๓๗๔,๐๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="15%">

๔,๖๐๐​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai height=5 width="25%">กลาง</TD><TD class=font-thai height=5 width="11%">

๙,๖๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=5 width="10%">

๓๔,๔๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=5 width="11%">

๑,๖๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=5 width="14%">

๔,๒๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=5 width="14%">

๔๑,๖๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=5 width="15%">

-​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai height=9 width="25%">เหนือ</TD><TD class=font-thai height=9 width="11%">

๑๕,๘๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=9 width="10%">

๐​

</TD><TD class=font-thai height=9 width="11%">

๔,๘๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=9 width="14%">

๔,๘๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=9 width="14%">

๔๑,๕๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=9 width="15%">

๕,๗๐๐​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai width="25%">ปริมณฑล</TD><TD class=font-thai width="11%">

๓,๐๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๓๕,๒๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="11%">

๖๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="14%">

๓,๐๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="14%">

๗,๔๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="15%">

๘๐๐​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai height=16 width="25%">กทม.</TD><TD class=font-thai height=16 width="11%">

๗,๒๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="10%">

๑๕,๐๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="11%">

-​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="14%">

๒,๐๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="14%">

๑๗,๖๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="15%">

๒,๐๐๐​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai height=2 width="25%">

รวม​

</TD><TD class=font-thai height=2 width="11%">

๒๑๐,๑๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=2 width="10%">

๓๖๔,๒๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=2 width="11%">

๑๒,๓๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=2 width="14%">

๑๐๑,๒๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=2 width="14%">

๔๙๐,๓๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=2 width="15%">

๑๗,๗๐๐​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
จำนวนผู้ใช้ยาเสพติดในช่วง ๓๐ วัน ต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน จำแนกตามชนิดของยาเสพติด และพื้นที่



๕. ในกลุ่มประชากรผู้ใช้ยาเสพติดในช่วง ๓๐ วัน เมื่อพิจารณาอัตราร้อยละของเพศหญิงพบว่ามีการใช้ฝิ่นและยาอี/ยาเลิฟ ค่อนข้างสูง โดยมีถึงประมาณร้อยละ ๔๐




๖. เมื่อพิจารณาอัตราร้อยละของกลุ่มวัยรุ่น (๑๒-๒๔ ปี) ที่ใช้ยาเสพติดในช่วง ๓๐ วัน พบว่ามีการใช้สารระเหย ยาบ้า และกัญชาสูงถึงร้อยละ ๖๗.๖,๕๘.๔ และ ๔๑.๓ ตามลำดับ



๗. สำหรับความถี่ของการใช้ยาเสพติดจำแนกตามชนิดของยาเสพติดที่มีการใช้มากในช่วง ๓๐ วัน คือ ยาบ้า กัญชา และกระท่อม พบว่า
ผู้ที่ใช้ยาบ้าในช่วง ๓๐ วัน ร้อยละ ๖๘.๖ ใช้ยาบ้า ๑-๕ วัน ร้อยละ ๒๗.๓ ใช้ ๖-๒๐ วัน และร้อยละ ๔.๐ ใช้มากกว่า ๒๐ วัน
ผู้ที่ใช้กัญชาในช่วง ๓๐ วัน ร้อยละ ๗๒.๕ ใช้กัญชา ๑-๕ วัน ร้อยละ ๒๒.๐ ใช้ ๖-๒๐ วัน และร้อยละ ๕.๖ ใช้มากกว่า ๒๐ วัน
ผู้ที่ใช้กระท่อมในช่วง ๓๐ วัน ร้อยละ ๖๙.๐ ใช้ กระท่อม ๑-๕ วัน ร้อยละ ๗.๗ ใช้ ๖-๒๐ วัน และร้อยละ ๒๓.๔ ใช้มากกว่า ๒๐ วัน

จำนวนผู้ใช้ยาเสพติดในช่วง ๓๐ วัน จำแนกตามพื้นที่ ชนิดยาเสพติด และความถี่

<TABLE border=1 width="75%"><TBODY><TR><TD class=font-thai rowSpan=2>

พื้นที่​

</TD><TD class=font-thai colSpan=3>

ยาบ้า​

</TD><TD class=font-thai colSpan=3>

กัญชา​

</TD><TD class=font-thai colSpan=3>

กระท่อม​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai width="10%">

๑-๕ วัน​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๖-๒๐ วัน​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

>๒๐ วัน​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑-๕ วัน​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๖-๒๐ วัน​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

> ๒๐ วัน​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑-๕ วัน​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๖-๒๐ วัน ​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

>๒๐วัน​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai height=11 width="10%">กรุงเทพฯ</TD><TD class=font-thai height=11 width="10%">

๙,๔๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=11 width="10%">

๕,๔๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=11 width="10%">

๒,๗๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=11 width="10%">

๕,๑๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=11 width="10%">

-​

</TD><TD class=font-thai height=11 width="10%">

๒,๐๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=11 width="10%">

๙,๒๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=11 width="10%">

๒,๐๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=11 width="10%">

๓,๗๐๐​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai height=16 width="10%">ปริมณฑล</TD><TD class=font-thai height=16 width="10%">

๕,๖๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="10%">

๓๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="10%">

๑,๕๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="10%">

๒,๘๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="10%">

๒๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="10%">

-​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="10%">

๒๑,๓๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="10%">

๔,๕๐๐​

</TD><TD class=font-thai height=16 width="10%">

๙,๕๐๐​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai width="10%">เหนือ</TD><TD class=font-thai width="10%">

๓๑,๖๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๖,๗๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๓,๓๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑๑,๑๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๔,๐๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๗๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

-​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

-​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

-​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai width="10%">กลาง</TD><TD class=font-thai width="10%">

๒๗,๔๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑๔,๒๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๖,๕๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

-​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๓,๑๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๒๘,๔๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑,๖๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๔,๔๐๐​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai width="10%">ตอ./เหนือ</TD><TD class=font-thai width="10%">

๒๕๔,๖๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑๐๗,๔๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑๒,๐๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑๑๘,๕๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๔๑,๙๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๔,๒๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑๗,๕๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

-​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๘๐๐​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai width="10%">ใต้</TD><TD class=font-thai width="10%">

๘,๐๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

-​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๒๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๘,๓๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๕๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑,๗๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑๗๔,๙๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑๙,๙๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๖๖,๖๐๐​

</TD></TR><TR><TD class=font-thai width="10%">รวม</TD><TD class=font-thai width="10%">

๓๓๖๖,๖๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑๓๔,๐๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑๙,๘๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑๕๒,๓๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๔๖,๑๕๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๑๑,๗๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๒๕๑,๓๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๒๘,๐๐๐​

</TD><TD class=font-thai width="10%">

๘๕,๐๐๐​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ร้อยละของผู้ใช้ยาเสพติดในช่วง ๓๐ วัน จำแนกตามความถี่ และชนิดของยาเสพติด



๘. ผู้ใช้ยาเสพติดซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่น (๑๒-๒๔ ปี) มีอัตราร้อยละของผู้ที่ใช้ยาบ้า กัญชา และกระท่อม ในช่วง ๓๐ วัน ที่ผ่านมา มากกว่า ๒๐ วัน น้อยกว่ากลุ่มอายุ ๒๕-๖๕ ปี ดังแสดงในภาพ

ร้อยละของผู้ใช้ยาเสพติดในช่วง ๓๐ วัน จำแนกตามความถี่ ชนิดยาเสพติดและช่วงอายุ

ช่วงอายุ ๑๒-๒๔ ปี



ช่วงอายุ ๒๕-๖๕ ปี

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สมัครไม่ได้ซักที

 

คำทำนายมีทั้งสองด้านเสมอ ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาน​

"และอีกครั้งที่หมอดูอีที พูดไว้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับประเทศไทยในวันที่ 4 หรือ 14 เมษายน 2553 ผมจำได้ไม่ถนัด และเมืองไทยจะเกิดการจราจลนองเลือดภายในประเทศนานสองสัปดาห์ และจะมีการเลือกตั้งในไทยใหม่ในปี 2553" ​

คำทำนายมีทั้งสองด้านเสมอ ท่านผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณนะครับ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง นอสตราดามุส ได้ทำนายเรื่องของฮิตเลอร์เอาไว้ว่า จะได้รับชัยชนะในช่วงแรกของสงครามและจะต้องพ่ายแพ้ในที่สุด แต่ฝ่ายของฮิตเลอร์เลือกที่จะเผยแพร่คำทำนายแต่เรื่องของชัยชนะเพียงด้านเดียว โดยปิดบังด้านพ่ายแพ้เอาไว้ไม่ให้ฝ่ายของตนได้รับรู้ ทั้งนี้เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับฝ่ายของตนนั่นเอง

ที่ผมจำเป็นต้องนำเรื่องนี้มาโพสต์ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่จะเกี่ยวพันกับชีวิตคนไทยทั้งประเทศ จึงต้องขอประทานโทษ ท่านที่ไม่ต้องการให้นำเรื่องการเมืองมาโพสต์ในกระทู้นี้นะครับ แต่ผมเห็นว่ามันจำเป็นจริงๆ เพราะกำลังจะส่งผลกระทบต่อคนไทยในปี 2553 นี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องขออนุญาตยกเว้นเอาไว้เป็นกรณีพิเศษนะครับ

คำทำนายของ อ.ปริญญา ตันสกุล

กุมภาพันธ์ อดีตผู้นำจะเริ่มผจญกรรมในต่างประเทศ
ตลอดทั้งปี ทายาทของอดีตท่านผู้นำจะมีเคราะห์
ก่อนสิ้นปี อดีตผู้นำจะถูกประหารชีวิต
ก่อนสิ้นปี เมียอดีตผู้นำจะฆ่าตัวตาย
ขอให้ทุกคนแผ่เมตตาให้พวกเขาเยอะๆ

 

ความคิดเห็นข้างบนนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ(ความเห็นที่ผิด) ผมขออนุญาตนำความจริงเรื่องการสามารถหยั่งรู้วิบากกรรมของผู้อื่นได้ ตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ท่านได้แสดงเอาไว้ มาให้ได้อ่านกันดังนี้นะครับ

จุตูปปาตญาณ

[๒๐] ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้วแน่วแน่แล้ว ย่อมน้อมจิตไป เพื่อรู้จุติและอุปบัติของสัตว์ทั้งหลาย ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ รู้ชัดว่าหมู่สัตว์ย่อมเป็นไปตามกรรม ผู้ที่ประกอบอกุศลกรรมด้วย มิจฉาทิฏฐิ ตายแล้วย่อมไปสู่ทุคติ นรก ส่วนผู้ที่ประกอบกุศลกรรมด้วยสัมมาทิฏฐิ ตายแล้วย่อมไปสู่สุคติโลกสวรรค์ เปรียบเหมือนคนที่ยืนอยู่บนปราสาทตั้งอยู่ ณ ทาง ๓ แพร่งกลางพระนคร ย่อมมองเห็นหมู่ชนเบื้องล่าง รู้ได้ว่าคนเหล่านั้นกำลังไปไหนทางไหนอย่างไร ฉะนั้น แม้ข้อนี้ก็เรียกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์.

ที่มา: เกวัฏฏสูตร ๙ [ ๓๔๒] ๓๒๔ - ๓๒๕

 

ปาระเบิดหน้าบ้านบรรหาร เมื่อคืนที่ผ่านมา​

​

เกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดใส่หน้าบ้าน นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เมื่อเวลา ประมาณ 22.00 คืนที่ผ่านมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน

ตำรวจสน.บางพลัด ได้รับแจ้งเหตุระเบิดบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 293 297 299 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน เมื่อไปตรวจสอบ พบที่เกิดเหตุอยู่บริเวณทางเท้า ริมรั้วบ้านนายบรรหาร ใกล้กับสะพานลอย พบหลุมลึกประมาณ 10 เซ็นติเมตร และกิ่งไม้หักตกอยู่ ห่างไปประมาณ 5 เมตร พบวัตถุที่คาดว่าเป็นชิ้นส่วนระเบิดตกอยู่ ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อว่า นางวรรณา หาญกระสินธุ์ อายุ 38 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณขาขวา เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุเดินทางมาตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดแบบขว้าง เอ็ม 67

ผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่ง เปิดเผยว่าก่อนเกิดเหตุ เห็นคนร้าย 2 คน ขับขี่จักรยานยนต์เป็นพาหนะก่อนปาระเบิดใส่กำแพงบ้านที่เกิดเหตุ แล้วขับขี่หลบหนีไป สำหรับบริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าวอยู่ใกล้ซอย บ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ต่อมา พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.มาตรวจจุดเกิดเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่ประมาณ 15 นาที พร้อมกล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าเป็นระเบิดเอ็ม 67 ลักษณะเดียวกับที่ใช้ปาธนาคารกรุงเทพฯสาขาสีลม และมีสาเหตุเดียวกันคือการสร้างสถานการณ์ เพียงแต่ว่าต่างสถานที่กัน และมีคนเดินผ่านมาจึงมีผู้บาดเจ็บ แต่ได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำผู้บาดเจ็บเพิ่มเติมว่าพบเห็นคนร้ายหรือไม่ รวมทั้งบริเวณนี้มีกล้องวงจรปิดอยู่หลายจุด จะนำมาตรวจสอบหาคนร้ายต่อไป

ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

<TABLE style="BORDER-RIGHT-WIDTH: 0px; BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; BORDER-LEFT-WIDTH: 0px" id=table1 border=1 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none"><TABLE id=table2><TBODY><TR><TD id=portal-column-content>พระบรมราโชวาท พระราชดำรัส

พระราชดำรัสเนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี


คุณธรรมสี่ประการ

ข้าพเจ้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางมหาสมาคมพร้อมพรั่งด้วยบุคคลจากทุกสถาบันในชาติตลอดจนประชาชนชาวไทย ขอขอบใจในคำอวยพร และการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ที่ทุกคนตั้งใจจัดให้ข้าพเจ้าเป็นพิเศษ

ทั้งรัฐบาลที่ได้จัดงานครั้งนี้ได้เรียบร้อยและงดงาม น้ำใจไมตรีของประชาชนชาวไทย ที่ร่วมกันแสดงออกทั่วประเทศ รวมทั้งที่พร้อมเพรียงกันมาในวันนี้ น่าปลาบปลื้มใจมากเพราะแต่ละคนได้แสดงออก และตั้งใจมาด้วยความหวังดีจากใจจริง จึงขอขอบใจทุกๆคนที่จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทุกคนทุกฝ่ายนี้ ทำให้ข้าพเจ้าเห็นแล้วมีกำลังใจมากขึ้น นึกถึงคุณธรรมเป็นที่ตั้งของความรัก ความสามัคคี ที่ทำให้คนไทยเราสามารถร่วมมือร่วมใจกันรักษาและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อกันมาได้ตลอดรอดฝั่งคุณธรรมสี่ประการ

• ประการแรก คือ การที่ทุกคน คิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน
• ประการที่สอง คือ การที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงานประสานประโยชน์กัน ให้งานที่ทำสำเร็จผลทั้งแก่ตน แก่ผู้อื่น และแก่ประเทศชาติ
• ประการที่สาม คือ การที่ทุกคนประพฤติ ปฏิบัติตน อยู่ในความสุจริต ในกฎกติกา และในระเบียนแบบแผนโดยเท่าเทียมเสมอกัน
• ประการที่สี่ คือ การที่ต่างคนต่างพยายามทำความคิดความเห็นของของตนให้ถูกต้องเที่ยงตรงและมั่นคงอยู่ในเหตุในผล

หากความคิดจิตใจและการประพฤติปฏิบัติลงรอยเดียวกันในทางที่ดีที่เจริญนี้ ยังมีพร้อมมูลอยู่ในกาย ในใจของคนไทย ก็มั่นใจได้ว่า ประเทศชาติไทยจะดำรงมั่นคงอยู่ตลอดไปได้
จึงขอให้ท่านทั้งหลายในมหาสมาคมนี้ ทั้งประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้รักษาจิตใจและคุณธรรมนี้ไว้ให้เหนียวแน่น และถ่ายทอดความคิดจิตใจนี้กันต่อไปอย่าให้ขาดสาย เพื่อให้ประเทศชาติของเราดำรงยืนยงอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ทั้งในปัจจุบันและในภายภาคหน้า
ขอให้อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล จงรักษาประเทศชาติไทยปลอดพ้นจากภัย จากอันตรายทุกสิ่งและอำนวยความสุขความเจริญสวัสดี ให้เกิดมีแก่ประชาชนชาวไทยทั่วหน้ากัน
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 9 มิถุนายน 2549
เนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60




</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none"> </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none"> </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none"><TABLE id=table3><TBODY><TR><TD id=portal-column-content0>พระบรมราโชวาท พระราชดำรัส

การปฏิบัติราชการให้สำเร็จผล

พระบรมราโชวาท เนื่องในโอวาสวันข้าราชการพลเรือน ปีพุทธศักราช ๒๕๓๘
การปฏิบัติราชการให้สำเร็จผลที่พึงประสงค์นั้น นอกจากจะอาศัยความรู้ความสามารถในทางวิชาการแล้วแต่ละบุคคลยังจะต้องมีรากฐานทางจิตใจที่ดี คือความหนักแน่นมั่นคงในสุจริตธรรม และความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้จนเสร็จ ทั้งต้องมีกุศโลบายหรือวิธีการอันแยบคายในการปฏิบัติงานประกอบกันพร้อมด้วย จึงจะสัมฤทธิ์ผลที่แน่นอนและบังเกิดประโยชน์อันยั่งยืนทั้งแก่ตนเองและแผ่นดิน.
ที่มา : สำนักงาน ก.พ., โครงการตามรอยพระยุคลบาท




</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none"> </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none"> </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none">พระบรมราโชวาท พระราชดำรัส

พระบรมราโชวาทเนื่องในโอกาสวันข้าราชการพลเรือน ปีพุทธศักราช ๒๕๔๙

พระบรมราชโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานแก่ข้าราชการพลเรือน
เนื่องในโอกาสวันข้าราชการพลเรือน ปีพุทธศักราช ๒๕๔๙​

ข้าราชการผู้ปฏิบัติบริหารงานของแผ่นดิน จะต้องมุ่งปฏิบัติภาระทั้งปวงด้วยความอุตสาหะเพ่งพินิจ ใช้ความรู้ความคิด ความเฉลียวฉลาด และความรู้ผิดชอบชั่วดี เป็นเครื่องวิจัยวิจารณ์ ปรับปรุงตัวปรับปรุงงานให้มีประสิทธิภาพเสมอ. งานที่ทำจึงจะสำเร็จผลสมบูรณ์ และก่อเกิดประโยชน์ที่พึงประสงค์ เป็นความเจริญมั่นคงทั้งแก่ตน แก่งาน และแก่ส่วนรวมพร้อมทุกส่วน.

วังไกลกังวล วันที่ ๓๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

มองโกเลีย-ปศุสัตว์ที่เลี้ยงไว้ล้มตาย 4.5 ล้านตัว จากฤดูหนาวรุนแรงผิดปกติ​

​

อูลานบาตอร์ 29 มี.ค. - สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ เผยวันนี้ว่า กลุ่มคนเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนในมองโกเลีย ต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารฉุกเฉิน หลังปศุสัตว์ที่เลี้ยงไว้ล้มตายเป็นจำนวนมากจากฤดูหนาวรุนแรงผิดปกติในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ แถลงว่า ต้องการเงินช่วยเหลือจากนานาชาติมูลค่า 1 ล้านฟรังก์สวิส (ราว 30 ล้านบาท) เพื่อใช้จัดหาอาหาร และสิ่งบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินอื่น ๆ แก่คนเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนในมองโกเลีย 3,400 ครอบครัว ตลอดจนใช้ในการให้ความรู้เบื้องต้นเรื่องสุขภาพ

สภาพอากาศหนาวเย็นที่สุดในรอบ 30 ปีสร้างความเดือดร้อนอย่างหนักให้มองโกเลีย ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างจีน และรัสเซีย หลังจากภัยแล้งช่วงฤดูร้อนปีก่อนทำให้คนเลี้ยงสัตว์ไม่สามารถเก็บสำรองอาหารไว้เลี้ยงปศุสัตว์ได้ โดยหิมะตกหนักในฤดูหนาวและอุณหภูมิที่ลดต่ำถึง ลบ 40 องศาเซลเซียส ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ 19 จังหวัดจากทั้งหมด 21 จังหวัดของมองโกเลีย และทำให้ปศุสัตว์ล้มตาย 4.5 ล้านตัว หรือเกือบร้อยละ 10 ของจำนวนปศุสัตว์ในประเทศ. -สำนักข่าวไทย

ที่มา http://www.mcot.net/content/38248

กบฏยูกันดาฆ่าหมู่ชาวบ้านในคองโกกว่า 300 คน​

​

กลุ่มสิทธิมนุษยชน เผย กลุ่มกบฏยูกันดา ในคองโก ฆ่าโหดพลเรือนกว่า 300 คน โดยเหยื่ออายุน้อยสุด 3 ขวบ ถูกเผาทั้งเป็น...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เกิดเหตุสังหารหมู่ครั้งร้ายแรงขึ้นอีกแล้วในแถบแอฟริกา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เปิดเผยโดยกลุ่มตรวจสอบสิทธิมนุษยชน “ฮิวแมน ไรท์ส วอชท์ (HRW)” เมื่อ 28 มี.ค. ว่า “ลอร์ด’ เรซิสแตนซ์ อาร์มี”(LRA) กลุ่มกบฏของยูกันดาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ก่อเหตุบุกโจมตี ที่มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนใน 5 หมู่บ้าน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล “มาคอมโบ” แถบตะวันออกเฉียงเหนือของคองโก เมื่อ 14-17 ธ.ค.ปีที่แล้ว สังหารพลเรือนอย่างน้อย 321คน นอกจากนี้ ยังลักพาตัวคนอื่นๆ 250 คน รวมทั้งเด็กอย่างน้อย 80 คน

รายงานจำนวน 67 หน้า ของ“HRW” ชื่อว่า “ร่องรอยแห่งความตาย:ความโหดร้ายของกบฏ LRA ในแถบตะวันออกเฉียงเหนือคองโก” ระบุด้วยว่าระหว่างการไล่สังหาร ลักพาตัวและปล้นสะดมของกลุ่มกบฏนั้น ผู้ถูกสังหารส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ซึ่งรายงานระบุว่า ถูกสังหารด้วยวิธีการอันเหี้ยมโหด ทั้งฟันด้วยมีดพร้าด้ามใหญ่ หรือไม่ ก็ถูกขวานจามและท่อนไม้ตีศีรษะจนแดดิ้น ในจำนวนผู้เสียชีวิตข้างต้น มีผู้หญิงอย่างน้อย 13 คน เด็ก 23 คน เหยื่ออายุน้อยที่สุดเป็น ด.ญ.วัย 3 ปี ถูกเผาทั้งเป็นจนมอดม้วย

แอนเนเก วาน โวเดนเบอร์ก นักวิจัยอาวุโสด้านแอฟริกาของHRW ระบุว่าการสังหารหมู่มาคอมโบ เป็นหนึ่งในการก่อเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดของกบฏ LRAในประวัติศาสตร์เลือดที่ LRA ก่อตั้งกลุ่มมา 23 ปี แต่กลับไม่มีการรายงานจนผ่านพ้นมาหลายเดือนและยังบ่งบอกได้ด้วยว่า LRA ยังเป็นภัยคุกคามต่อพลเรือนและไม่ใช่กองกำลังเป็ดง่อย เหมือนที่รัฐบาลยูกันดาและคองโก กล่าวอ้าง

ฌ็องเนตต์ อาบาคูบา ส.ส.ของรัฐบาลระดับภูมิภาคของคองโก ระบุว่าพวกกบฏมาด้วยชุดทหาร เมื่อพบเจอผู้คนตามทางก็ฆ่าทิ้ง บางคนถูกตัดศีรษะหลุดหายและลักพาตัวเด็กๆ ระหว่างเดินทางไปโรงเรียน ยืนยันมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้กว่า 300 คน แม้มีบางคนจะหลบหนีออกมาได้ แต่ความหวาดกลัว ยังแผ่คลุมไปทั่ว

ทั้งนี้ LRA เป็นกบฏชาวยูกันดา นำทัพโดยโจเซฟ โคนี และหัวโจกคนอื่นๆ 2 คน จับอาวุธต่อสู้รัฐบาลยูกันดาเมื่อปี 2531และเป็นที่โจษขานเรื่องความโหดร้าย หลังถูกกองทัพยูกันดา รุกปราบปรามนับแต่ปี 2548 จึงถอยร่นจากฐานที่มั่นแถบภาคเหนือยูกันดา เข้าไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกล พรมแดนระหว่างคองโกและสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ขณะที่รายงานของหน่วยงานสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ระบุว่า ขณะนี้ LRA เหลือสมาชิกไม่ถึง 100 คน

ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2553

น้ำท่วมเหมืองจีนคนงานติดอยู่ใต้ดิน 152 คน​

​

น้ำใต้ดินทะลักท่วมเหมืองถ่านหิน ทางภาคเหนือของจีน คนงานติดอยู่ 152 คน ไม่รู้ชะตากรรม เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือ ขณะสาเหตุอยู่ระหว่างสอบสวน...

เกิดอุบัติเหตุน้ำจากใต้ดินทะลักเข้าท่วมเหมืองถ่านหิน “หวังเจียหลิง” ซึ่งมีพื้นที่ 180 ตร.กม. ในมณฑลชานสี ทางภาคเหนือของจีน เมื่อ 28 มี.ค. ขณะคนงานกำลังทำงานอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน 261 คน คนงานหนีรอดออกมาได้ 109 คน แต่อีก 152 คนยังติดอยู่ในอุโมงค์โดยไม่ทราบชะตากรรม หน่วยกู้ภัยพยายามช่วยเหลืออย่างเร่งรีบ สาเหตุท่ีทำให้เกิดน้ำท่วมยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน

อนึ่ง แม้สถิติด้านความปลอดภัยในเหมืองของจีนจะดีขึ้นในปีหลังๆ แต่ยังนับว่า อันตรายท่ีสุดแห่งหนึ่งในโลก แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากอุบัติเหตุไฟไหม้ เหมืองถล่ม น้ำท่วมและอื่นๆ

ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2553

ญาติเหยื่อเรือโสมล่มร่วมออกค้นหาในทะเล​

​

ญาติเหยื่อเรือลาดตระเวนเกาหลีใต้ ระเบิดและจมในทะเลเหลือง ออกค้นหาผู้สูญหายท่ามกลางคลื่นลมแรงและหนาวเย็น หลังยังไม่พบแม้แต่ศพเดียว...

ความหวังที่จะพบผู้รอดชีวิต จากเหตุเรือลาดตระเวน “เชียวนาน” ของกองทัพเรือเกาหลีใต้ระเบิดและจมลงในทะเลเหลืองทางชายฝั่งตะวันตก ใกล้เกาะเบียงเยียง ติดพรมแดนเกาหลีเหนือเมื่อ 26 มี.ค. ทำให้ทหาร และลูกเรือ สูญหาย 46 คน แทบกลายเป็นศูนย์ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. หลังผ่านไป 2 วัน ขณะที่ญาติพี่น้องของผู้สูญหายราว 80 คน พากันนั่งเรือลำหนึ่งไปวนรอบ ๆ บริเวณเกิดเหตุเพื่อเฝ้าดูการกู้ภัย หลายคนมีอาการโกรธแค้น และร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา ขณะหน่วยกู้ภัยทำอะไรไม่ได้มากนัก เพราะเผชิญสภาพอากาศเลวร้าย มีคลื่นลมแรงและหนาวเย็น และยังหาศพผู้สูญหายไม่พบแม้แต่ศพเดียว

ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

ตลาดถูกปิดเพราะ.......?​

​

ประเทศจีนจุดไฟโอลิมปิค...แต่ประเทศไทยมีรัฐมนตรีบางคน “จุดไฟการเมือง” ขึ้นแล้วนับจากนี้เป็นต้นไปคงจะมีการ...จลาจล...ไปทั่วซึ่งคงจะสร้างความปั่นป่วนอย่างรุนแรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่เหมือนกับเมื่อ 19 ก.ย. 2549 ที่มีประชาชนนำดอกไม้มามอบให้กับทหาร ในขณะนี้มี “กลุ่มใหญ่” เตรียมพร้อมรับคำสั่ง...!? ศึกช้างชนช้างกำลังจะเกิดในเร็วๆนี้ ช้างพระยาจะปรากฏ “กบฏ” จะปราชัย!!?? รถที่ประชาชนไม่มีสิทธิ์ใช้จะออกมาวิ่งอีก การชิงไหวชิงพริบจะเกิดขึ้น ฝ่ายหนึ่งทำเพื่อพวกพ้องแต่อีกฝ่ายหนึ่งรักษาชาติ , ศาสน์ , สถาบัน

หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นตลาด “หุ้น” จะร่วงอย่างรุนแรงและอาจจะต้องปิดชั่วคราว แบงค์ต่างๆคนจะแตกตื่นแห่ไปถอนเงินกันอุตลุดเป็นประวัติการณ์(โปรดใช้วิจารญาณในการอ่าน) บริษัทห้างร้าน,โรงเรียน,โรงงานบางแห่งคงต้องหยุดชั่วคราว...รถดับเพลิงคงต้องทำงานกันอย่างหนัก,โรงพยาบาลบางแห่งต้องระดมขอบริจาคเลือดด่วน...พี่น้องประชาชนทะยอยไปบริจาคไว้ก่อนตอนนี้เลยก็ได้พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งหลาย...ถึงอย่างไรก็ตามนอกจากพวกเราต้องรักษาแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักของเราแล้ว สิ่งที่พวกเราต้องเทิดทูนและรักษาไว้ยิ่งชีวิตคือ “สถาบัน” อันเป็นที่รักยิ่งของปวงประชา อย่าให้ใครมาแตะต้องได้เด็ดขาด พวกเราต้องรักษา “เสาหลัก” ของชาติบ้านเมืองให้ถึงที่สุด

อีกไม่นานเกินรอ...คอยดู!กลุ่มก๊วน VIP จะบินกระจัดกระจาย...เอ้าใครที่ยังไม่ได้ซื้อตั๋วเครื่องบินก็รีบๆซื้อซะ เดี๋ยวเต็มหรือซื้อไม่ทันต้องนั่งรถสองแถวสีเขียวคันสูงๆใหญ่ๆที่หลังคารถคลุมด้วยผ้าใบสีเขียว...บางคนก็อาจเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการนั่งเรือชมวิวไป,บางคนก็เบื่อเมืองกรุงมุ่งเข้าป่าเข้าไร่

ด้วยความเคารพ
จากหมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)

จาก www.mornid.com

 

ยิงแบงก์กรุงเทพ ใกล้บ้าน'เติ้ง' กระจกพรุน 6 รู​

​

มือบอนยังป่วนกรุงไม่หยุด รัวยิง 6 นัดแบงก์กรุงเทพฯ สาขาบางยี่ขัน ไม่ห่างบ้านนายบรรหาร ตร.คาดเป็นแก๊งเดียวกับลอบปาบึมหน้าบ้านอดีตนายกฯ....

เวลา 09.00 น. วันที่ 29 มี.ค. พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ พฤกษ์สุวัฒน์ สว.สส.สน.บางพลัด รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่ธนา คารกรุงเทพ สาขาบางยี่ขัน ตั้งอยู่บริเวณปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 57/3 ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ห่างจากซอยบ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ประมาณ 300 เมตรถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปภายในธนาคารจึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณห้องโถงชั้นล่างธนาคารซึ่งไม่ได้เปิดใช้พื้นที่ พบกระจกประตูทางเข้าธนาคารถัดจากตู้เอทีเอ็มมีรอยกระสุนปืน 6 รู แต่กระจกไม่แตกทั้งบานเนื่องจากเป็นกระจกนิรภัย ตรวจสอบด้านในห้องโถงมีรอยกระสุนปืนที่กำแพง และหัวตะกั่วขนาด .38 จำนวน 1 หัว เบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันและลงมือไล่เลี่ยกับการปาระเบิดป่วนหน้าบ้านนายบรรหาร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2553

หวั่นวินาศกรรม ศอ.รส.สั่งแบ่งโซน คุมเข้มทุกพื้นที่​

​

ศอ.รส.ยอมรับไม่สบายใจ เหตุก่อวินาศกรรมรายวัน หวังกดดันรัฐบาล "สุเทพ" สั่งจัดชุดที่ดีที่สุดมารับผิดชอบ สั่งแบ่งโซนคุมเข้มทุกพื้นที่...

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 มี.ค. ที่ประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. เป็นประธาน โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายสาทิตย์ วงษ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการ ทหารบก พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้าร่วมประชุม

จากนั้น พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอ.รส. กล่าวว่า ในที่ประชุมศอ.รส. เป็นห่วงการก่อเหตุร้ายวินาศกรรมเป็นรายวัน ทาง ผอ.ศอ.รส.มีความไม่สบายใจ ถึงแม้พยายามอย่างที่สุดแต่ยังเกิดเหตุการณ์อยู่ จึงเป็นสิ่งที่กดดันฝ่ายรัฐเอง ทั้งนี้ นายสุเทพ ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินคดี ให้จัดชุดที่ดีที่สุดมารับผิดชอบการดำเนินคดีเป็นเรื่องๆไป ให้มีผลความคืบหน้ามารายงานผลในที่ประชุมศอ.รส.อย่างต่อเนื่อง หากกรณีใดที่ไม่ส่งผลต่อรูปคดีสามารถชี้แจงให้ประชาชนทราบได้ถึงความคืบหน้า ของคดีเพื่อให้สังคมเกิดความสบายใจให้ทำอย่างต่อเนื่อง โดยรายละเอียดทั้งหมด ให้สอบถาม พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผช.ผบ.ตร.

"ผอ.ศอ .รส.ได้มีการกำชับผู้บังคับหน่วยที่รับผิดชอบพื้นที่แต่ละโซน ซึ่งที่ประชุม ศอ.รส. แบ่งพื้นที่ กทม. เป็น 7 โซน คือ กรุงเทพชั้นใน ความรับผิดชอบของกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ กรุงเทพชั้นนอก เขตสายไหมกองทัพอากาศรับผิดชอบ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และปริมณฑล โดยให้ผู้บังคับหน่วยแต่ละโซนจัดการประชุมเพื่อบูรณาการ ตำรวจ ทหาร พลเรือนในพื้นที่ เพื่อกำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยที่ชัดเจนขึ้นกว่าเดิมให้ได้ผลเป็นรูปธรรมขึ้น มีประสิทธิภาพในการป้องกันเหตุร้ายให้ได้ ส่วนจุดรอยต่อระหว่างโซนจะมีการเชื่อมกันอย่างไร พยายามเน้นจุดสกัดให้มากขึ้น หากการป้องกันไม่สามารถระงับเหตุที่เกิดดังนั้นต้องสกัดให้ได้ อย่างน้อยก็มีกลุ่มเป้าหมายให้แคบลงใน เมื่อสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นสังคมมีความหวัง ขอวิงวอนผู้ที่เกี่ยวข้องการสร้างสถานการณ์หยุดพฤติกรรมที่ทำไม่ได้สร้าง บรรยากาศทำให้บ้านเมืองได้ขอยุติ" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวถึงกรณีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จับสิบตรี เครือณรงค์ ภูปูเตะ สังกัดกองพันปฏิบัติการสงครามอิเลคทรอนิกส์ โดยอ้างว่ารับจ้างจากนักการเมืองวันละ 500 บาท เพื่อก่อกวน นปช. ว่า กองพันนี้สังกัดกรมสื่อสารทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ทั้งนี้ มีการอ้างว่าผู้บังคับบัญชา ชื่อ พ.อ.ทศพล ฉิมพลี สังกัดในศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ซึ่งข้อเท็จจริงขณะนี้เรื่องอยู่ที่ สน.นางเลิ้ง จากการตรวจสอบได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารคนนี้ถูกกดดันจากกลุ่มผู้ชุมนุมให้ตอบคำถามลักษณะแบบนั้น และเขาเป็นอดีตทหารปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว คำว่าสิบตรีหมายความว่า ทหารกองประจำการหรือเป็นพลทหารที่หมดอายุรับราชการแล้ว หากปลดประจำการไปทุกคนจะมียศสิบตรีกองประจำการ ซึ่งตำรวจพิจารณาตามพยานหลักฐานต่อไป

เมื่อถามถึงความรับผิดชอบผู้ บังคับบัญชาในพื้นที่ที่ถูกระเบิด พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่าทุกคนปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่ผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับชี้แจงตลอด การป้องกันในพื้นที่กว้างขวางนั้นทำยาก หากทุกคนต้องรับผิดชอบ คงไม่มีคนเพียงพอที่จะลาออก แต่หลังกำชับให้ประชุมโซน ต้องมีผลมารายงานที่ประชุม ศอ.รส.ว่าแต่ละโซนมีมาตรการเปลี่ยนแปลงจากเดิมเพื่อเน้นผลปฏิบัติอย่างไร ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เป้าหมายสัญลักษณ์ส่วนราชการหรือ เกี่ยวโยงทางการเมือง คงไม่ลามไปถึงประชาชน ขอให้วางใจได้

เมื่อถามถึงเหตุการณ์ที่ระเบิดขึ้นมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่เรากังวล เราไม่สามารถรู้ว่าเหตุการณ์เกิดตรงที่ใด เป็นสิ่งที่วิตกกังวล เราพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยเจ้าหน้าที่กระจายไปทั่วพื้นที่ เมื่อมีเจ้าหน้าที่อยู่แถวนั้นคนร้ายก็ไม่ทำ ที่ใดมีโอกาสก็ก่อเหตุ เป็นเรื่องที่หนักใจที่สุด แต่ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม สำหรับการพิจารณาขยายอายุ พ.ร.บ.ความมั่นคง ออกไปหรือไม่นั้น ที่ประชุม ศอ.รส. มีการถามถึงเรื่องนี้เช่นกัน แต่ทุกคนเห็นตรงกันว่าต้อรอผลการเจรจาในช่วงเย็นวันนี้ก่อนว่าเป็นอย่างไร

ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th