ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ขอให้...
ประเทศไทยปลอดภัยค่ะสาธุ ^_^

 

*** โอกาสสุดท้ายที่เหลือ ****

ความเชื่อผิดๆ สัญญาสาบานในสิ่งผิด...จะนำตนเองและครอบครัวสู่หายนะวิบัติ
รีบเริ่มต้นชีวิตใหม่ สำนึกกลับตัวกลับใน....ด้วย ข้อสัจจะสัญญากับใจตนเอง ตลอดชีวิต
กรรมมาเร็ว...กรรมมันติดจรวด ชาตินี้ชาติเดียวจบ
ชาติต่อไป มั่นใจหรือว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์อีก

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- ศุกร์ที่ 16 มีนาคม 2550 10:19:09 น.


<STYLE>.expanded { width: 620px; z-index: 9999 }</STYLE>นายกฯ เผย

ในหลวงและพระราชินีทรงห่วงใยพสกนิกรทางภาคเหนือที่ประสบปัญหาฝุ่นละอองและหมอกควันไฟป่าในขณะนี้ ควันพิษในเชียงใหม่เริ่มลดลง แต่ฝุ่นละอองขนาดเล็กลดเหลือ 240 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ยังเกินมาตรฐานเท่าตัว ขณะที่ศูนย์ฝนหลวงใช้เทคนิคพิเศษนำน้ำขึ้นไปโปรยร่วมกับสารเคมีเที่ยวละ 500 ลิตร เพิ่มความชื้น ก.เกษตรฯ เพิ่มเครื่องบินอีก 2 ลำ ทำฝนหลวงให้เร็วขึ้น แพทย์แนะจิบน้ำผสมมะนาวลดภาวะแสบคอจากหมอกควัน

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


ในหลวงทรงห่วงปัญหาหมอกควัน
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อรับทราบสถานการณ์ไฟป่าและมลพิษทางภาคเหนือ พร้อมมอบอุปกรณ์ดับไฟป่าและสิ่งของพระราชทาน ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาไฟป่า

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยพสกนิกรทางภาคเหนือที่ประสบปัญหามลพิษเป็นอย่างมาก ทรงรับทราบปัญหาและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมพระราชทานสิ่งของที่จำเป็นมาให้และเป็นกำลังใจในการทำงาน

จากนั้น ผู้ร่วมพิธีได้ร่วมกันปฏิญาณตน จะช่วยกันปกป้องรักษาป่า ไม่จุดไฟเผาให้เกิดมลพิษและร่วมกันแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ต่อมา นายกรัฐมนตรีได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์ไฟป่าและมลพิษในพื้นที่ภาคเหนือและกำหนดแนวทางการแก้ปัญหา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็วที่สุด

เกษม ชี้ฝุ่นภาคเหนือคลี่คลายแล้ว
นายเกษม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้รายงานสถานการณ์หมอกควันไฟในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ตรวจพบว่ามีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน สูงถึง 384 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ล่าสุดขณะนี้ ระดับฝุ่นลดลงแล้ว โดยเฉพาะสถานีโรงเรียนยุพราช จ.เชียงใหม่ ฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM-10) ลดลงเหลือ 261 มก./ลบ.ม. ส่วนบริเวณศูนย์ราชการ จ.เชียงใหม่ เดิม 304 มก./ลบ.ม. ลดลงเหลือ 230 มก./ลบ.ม. ขณะที่สถานีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ของ จ.ลำปาง จาก 219 มก./ลบ.ม. ลดลงเหลือ 153 มก./ลบ.ม. และที่ประปาแม่เมาะ ลดลงเหลือ 132 มก./ลบ.ม. จาก 191 มก./ลบ.ม. แต่ทั้งหมดก็ยังอยู่ในระดับสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน การลดลงของฝุ่นก็สัมพันธ์กับการลดลงของควันไฟ ซึ่งส่วนหนึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปดับไฟได้ในระดับหนึ่ง ประกอบกับมีลมเปลี่ยนทิศทาง ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

ส่วนข้อมูลจากจุดไฟของภาพถ่ายดาวเทียมขณะนี้ ตรวจพบจุดไฟในประเทศเพียง 81 จุด อยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ 30 จุด และนอกพื้นที่ 51 จุด หากสามารถทำฝนเทียม และการระดมเจ้าหน้าที่เข้าไปดับไฟป่าในพื้นที่ทำได้ผลดี สถานการณ์จะคลี่คลายลงไปได้ และอาจไม่ต้องประกาศเขตฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ จะประสานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อขอใช้ภาพถ่ายทางดาวเทียม ช่วยสำรวจจุดพื้นที่ที่เตรียมแผ้วถาง รอเตรียมสำหรับการเผาไว้ในเขตป่า เพื่อช่วยในการวางแผนเข้าไปควบคุมป้องกันการเผาป่าในระดับพื้นที่ได้ดีขึ้น

มลพิษภาคเหนือเริ่มลดลง
กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์มลพิษหมอกควันพื้นที่ภาคเหนือ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.50 ว่า ที่ จ.เชียงใหม่ ปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM 10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 260.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ยังคงอยู่ในระดับสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน (มาตรฐานฝุ่นขนาดเล็ก เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ต้องไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) จ.ลำปาง พบสูงสุดมีค่าเท่ากับ 152.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ที่ระดับเกินเกณฑ์มาตรฐานเช่นกัน

ส่วนคุณภาพอากาศในวันนี้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า แต่ปริมาณฝุ่นละอองยังคงอยู่ในระดับสูง เกินเกณฑ์มาตรฐาน และจากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมยังคงตรวจพบจุดความร้อน (Hot spot) เป็นจำนวนมากในพื้นที่ Indochina จำนวน 834 จุด

ควันพิษในเชียงใหม่เบาบางลง
ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพอากาศเมืองเชียงใหม่ ในวันที่ 15 มี.ค. ยังคงมีหมอกควันปกคลุมไปทั่วบริเวณ แต่เริ่มเบาบางลง ส่วนปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก ลดลงเหลือประมาณ 240 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากที่เคยตรวจวัดได้สูงสุดถึง 383 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อ 2 วันก่อน อย่างไรก็ตาม ปริมาณฝุ่นละอองยังเกินค่ามาตรฐาน 1 เท่าตัว และยังอยู่ในขั้นกระทบต่อสุขภาพ ส่วนหนึ่งคาดว่า ประชาชนเริ่มตื่นตัวในการลดการเผาลง รวมทั้งการดับไฟป่าที่ได้ผลมากขึ้น

ใช้เทคนิคพิเศษทำฝนหลวง
ขณะเดียวกัน ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนบน ยังเดินหน้าปฏิบัติการทำฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มเทคนิคพิเศษนำน้ำขึ้นไปโปรยร่วมกับสารเคมีเที่ยวละ 500 ลิตร เพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ และยังเป็นการลดปริมาณหมอกควันที่ปกคลุมพื้นที่ ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่โอกาสการเกิดฝนหลวงยังต้องรอความชื้นให้เพิ่มมากขึ้น คาดว่าการทำฝนหลวงจะเริ่มได้ผลในสัปดาห์หน้า และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เพิ่มเครื่องบินสำหรับการทำฝนหลวงในภาคเหนืออีก 2 ลำ เพื่อให้การทำฝนหลวงได้เร็วขึ้น

ฉีดละอองน้ำชะล้างฝุ่นได้ผล
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ นำรถน้ำออกทำความสะอาดล้างถนน และฉีดพ่นละอองน้ำ ที่บริเวณศาลากลางจังหวัด ซึ่งเป็นจุดที่มีมลพิษสูงสุดในช่วง 2 วันที่ผ่านมา รวมทั้งตามถนนสายต่างๆ นอกเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อชะล้างฝุ่นละอองขนาดเล็กจากควันไฟที่ลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณ หลังจากทดลองใช้น้ำฉีดพ่นแบบสเปรย์ในอากาศ ทำให้ฝุ่นละอองมีความเบาบางลง

นายเฉลิม สารแปง รองนายก อบจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เตรียมแก้ปัญหามลพิษในระยะยาว โดยจัดซื้อรถอุปกรณ์ตัดต้นไม้และเครื่องบดกิ่งไม้ ในการกำจัดเศษใบไม้และกิ่งไม้ให้ย่อยสลาย เพื่อนำไปทำปุ๋ยและถ่านอัดแท่ง เป็นการลดสิ่งวัสดุเหลือใช้ที่ประชาชนนำไปเผา พร้อมทั้งเร่งออกทำความเข้าใจกับประชาชนถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เชื่อว่าจะทำให้ปัญหามลพิษจากการเผาลดลงเป็นอย่างมาก และเป็นการแก้ปัญหาอย่างถาวร

เมืองสามหมอกยังวิกฤติ
ส่วนที่ จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมขุนลุมประพาส ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เชิญหัวหน้าส่วนราชการ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนตำบล นายกเทศมนตรีเทศบาล และกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านประชุมเป็นกรณีพิเศษเพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาควันไฟป่าที่ปกคลุมพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน

ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการดับไฟป่าที่ลุกไหม้ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งขณะนี้หมอกควันไฟที่ปกคลุมในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนและมีฝุ่นละอองมีค่าเฉลี่ยสูงถึง 260 ไมโคกรัม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของประชาชนทั้ง 7 อำเภอ 43 ตำบล 357 หมู่บ้าน 33,347 ครัวเรือน 107,643 คน นอกจากนี้แล้วไฟป่ายังเผาผลาญพื้นที่ทางการเกษตรรวม 32,493ไร่

แนะจิบน้ำมะนาวแก้เจ็บคอ
น.พ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล แพทย์ธรรมชาติบำบัด กล่าวถึงวิธีดูแลสุขภาพในสภาวะหมอกควันไฟจากการเผาป่าปกคลุมหลายจังหวัดภาคเหนือ ว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ผ่านระบบทางเดินหายใจคือผ่านจมูกไปตกค้างอยู่แค่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนคือ จมูกและบริเวณลำคอ อนุภาคดังกล่าวไม่ได้ลงไปถึงปอด มีอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่ที่สูดควันเข้าถึงถุงลมปอด ตนต้องการให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่รอบด้าน

ทั้งนี้ ภาวะฝุ่นควันไฟที่เกิดขึ้นนั้น มีมานานแล้ว ชาวเชียงใหม่เรียกว่า หมอกมุงเมือง ซึ่งแต่ก่อนป่าไม้ยังมาก จึงมีฝนตกมาชะล้างฝุ่นควัน ที่น่าดีใจคือ เมื่อวานนี้มีฝนตกในเขตอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่แล้ว ทั้งนี้ แนะนำให้ประชาชนอยู่ในบ้าน หากไม่จำเป็นไม่ควรออกนอกบ้าน ให้ใช้หน้ากากอนามัยปิดปากปิดจมูก สวมแว่นตาดำเมื่อต้องนั่งรถ ไม่ควรทาครีมที่เหนียวเหนอะหนะ เพราะจะกลายเป็นเครื่องดักจับฝุ่นเป็นอย่างดี ไม่ควรแต่งหน้าใช้เครื่องสำอางบริเวณดวงตา ควรอาบน้ำทันทีเมื่อกลับเข้าภายในบ้าน ให้ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ หากรู้สึกเจ็บคอให้ใช้น้ำเปล่าบีบมะนาวเล็กน้อย ใช้ดื่มหรือจิบก็ได้ รับประทานอาหารที่มีผักและผลไม้เพิ่มขึ้น เสริมสารต้านอนุมูลอิสระ ประการสำคัญอย่าห่วงเรื่องการเกิดมะเร็งจากฝุ่นมากเกินไป หากเครียดจะกระทบต่อระบบการทำงานของร่างกายระบบอื่นๆ ได้

 

นี่คือส่วนหนึ่งของภัยพิบัติ

A7814780-0.jpg

A7814780-2.jpg

A7814780-3.jpg

A7814780-5.jpg

A7814780-6.jpg

A7814780-7.jpg

A7814780-33.jpg

A7814780-60.jpg

A7814780-62.jpg

A7814780-68.jpg

A7814780-69.jpg

A7814780-74.jpg

 

ส่วนหนึ่งแห่งความงดงามในพระศาสนา

 

สวยสุดๆ กล้องนี่ต้องดีสุดยอดแน่ๆ ชัดแจ๋วเลย คนถ่ายก็ต้องเก่ง มีจินตนาการสูง อนุโมทนา สาธุกับภาพด้วยนะ

 

ไปเยี่ยมเยียน หมอน้องชายเล่าเรื่องแปลกของคนไข้รายหนึ่งให้ฟัง
ซึ่งน่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้คนละบาปได้ดีจึงขอเล่าสู่กันฟังต่อ …….

การสนทนาตอนหนึ่งหมอน้องชายเล่าให้ฟังว่า
ตั้งแต่เป็นหมอมาไม่เคยเห็นผู้ป่วยรายใดต้องผ่าตัดทุลักทุเลซ้ำซากอย่างนี้เลย
สามปีต้องผ่าตัดห้าครั้งและหนักหนายิ่งขึ้นทุกครั้ง
ผู้ป่วยรายนี้ชื่อบุญมาครั้งแรกที่เข้าโรงพยาบาลก็เพื่อมาทำแผลที่นิ้วก้อยที่ถูกตะพาบน้ำกัด
หมอให้ทายากินยาแก้ปวดแก้อักเสบแล้วกลับบ้านดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอีก
ครึ่งเดือนต่อมาบุญมากลับมาใหม่แผลเก่าอักเสบรุนแรงบวมใหญ่
หมอตรวจพบว่าเชื้อโรคกินเข้ากระดูก จะต้องตัดนิ้วเพื่อไม่ให้เน่าลุกลาม
ซึ่งนิ้วเท้านั้นอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
หลังจากนั้นครึ่งปีบุญมาไปเที่ยวชายทะเลเขาถูกตะพาบน้ำกัดที่นิ้วเท้าอีก
อะไรจะเจาะจงได้ถึงอย่างนั้นนิ้วเท้าของบุญมาที่ถูกตะพาบน้ำกัดครั้งที่สองอักเสบบวมใหญ่
ภายในเวลาสองวัน เมื่อมาฉายเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลก็ได้พบอีกว่า
เชื้อโรคกินเข้าไปถึงกระดูกหมดจึงต้องตัดนิ้วเท้าของเขาไปอีกหนึ่งนิ้ว
เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปีบุญมากลับมาที่โรงพยาบาลอีก

ครั้งนี้แผลเก่าทั้งสองแห่งเกิดอักเสบบวมใหญ่ขึ้นพร้อมกัน
พอเอกซเรย์ก็พบว่าแย่แล้ว ! เชื้อโรคแพร่เข้าไปกินกระดูกอย่างรุนแรง
เชื้อโรคนั้นกำลังกลายเป็นมะเร็ง จะต้องผ่าตัดฝ่ามือฝ่าเท้าออกให้หมดก่อนที่จะลุกลามขึ้นไปอีก
บุญมาต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลถึงยี่สิบกว่าวันด้วยสภาพของผู้ป่วยด้วน
วันหนึ่งลูกชายของญาติอุปสมบทบุญมาไปช่วยงาน คืนนั้นผู้ร่วมงานบวชนอนค้างที่วัดกันสี่ห้าสิบคน
เคราะห์หามยามร้ายของบุญมายังไม่จบสิ้นหนูตัวหนึ่งเจาะจงมา กัดตรงขาด้วนของบุญมาคนเดียว กัดแล้วก็หนีไป
บุญมาสะดุ้งตื่นด้วยความเจ็บปวดคนที่นอนอยู่ด้วยกันตกใจกับเสียงร้องพากันตื่นหมด
แผลที่หนูกัดไม่กว้างไม่ลึกนักมีเลือดซึมออกมาแต่ทุกคนพากันตกใจที่อยู่ดีๆ
ทำไมจึงมีหนูมากัดคนนอนหลับเพราะหนูจะกัดกินก็เฉพาะศพเท่านั้น
ไม่กัดกินคนเป็นๆบุญมาขวัญเสียถูกเคราะห์กรรมซ้ำเติมจนคิดว่าตนคงจะต้องตายในไม่ช้า
มันทารุณจิตใจมากไม่นานต่อมาเกิดอาการเจ็บคันบริเวณแผลเก่าที่มือที่เท้าอีก

บุญมารีบมาหาหมอที่โรงพยาบาลโดยเร็ว
ผลการฉายเอกซเรย์ปรากฏว่าเชื้อมะเร็งกินลึกเข้าไปมาก หมอจำเป็นต้องจัดการตัดแขนขาทั้งท่อนของบุญมาทิ้งไป
หมอน้องชายซึ่งเป็นเจ้าของคนไข้แปลกใจในชะตากรรมของบุญมานัก
จึงสอบถามประวัติอย่างละเอียดอีกครั้งไว้และได้ความว่า

บุญมาชายอายุยี่สิบสามปี อาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างก่อสร้าง ชอบดื่มเหล้าเป็นประจำชอบแกล้มเหล้าด้วยปลาน้ำจืด
โดยเฉพาะชอบกินเต่ากินตะพาบ
บุญมาเคยได้ยินมาว่าใครกินตะพาบน้ำได้สิบถึงยี่สิบตัวแล้ว
ตลอดชีวิตจะไม่เป็นโรคไขข้ออักเสบอีกทั้งยังช่วยบำรุงไต
บุญมาจึงเพียรหาตะพาบน้ำมาผัดเผ็ดแกล้มเหล้าขาว บุญมากินตะพาบน้ำมาแล้วเกือบยี่สิบปี นับไม่ได้แล้วว่ากินเข้าไป
ได้กี่ตัว วันหนึ่งบุญมาซื้อตะพาบน้ำตัวใหญ่จากตลาดมา
ตะพาบน้ำตัวนี้น้ำหนักตั้งสิบกว่ากิโลกรัมเขาดีใจมาก ตัวใหญ่ขนาดนี้ฆ่ากินทีเดียวไม่หมดจะต้องค่อยๆกิน ที่บ้านไม่มีตู้เย็นให้แช่เก็บได้จึงต้องกินผ่อนทีละน้อย ตะพาบน้ำเป็นสัตว์อายุยืนอดทนไม่ตายง่ายๆ ไม่ว่าจะถูกกักขังอยู่ในสภาพใดก็อดทนมีชีวิตอยู่ได้เป็นปี
บุญมาเห็นแก่กินไม่นึกถึงว่าตะพาบจะต้องทนทุกข์ทรมานนานเพียงไร ต้องเจ็บปวดแสนสาหัสครั้งแล้วครั้งอีก
เขาตัดเฉือนเนื้อตะพาบส่วนต่างๆ ตามความพอใจมาปรุงอาหารทีละชิ้นๆ บาดแผลรอบตัวตะพาบเขาทาด้วยปูนแดงที่กินกับหมากเพื่อไม่ให้เนื้อตัวตะพาบเน่า ตะพาบตัวนั้นต้องทนทุกข์ทรมานอยู่นานกว่าครึ่งเดือน
จากนั้นบุญมาจึงประหารเอามากินเป็นมื้อสุดท้าย บุญมาพอใจกับวิธีที่จะได้กินเนื้อตะพาบสดๆ ทุกวันอย่างนี้เรื่อยมา
ผลสรุปประวัติผู้ป่วยที่โรงพยาบาลบันทึกไว้ในตอนท้ายมีอยู่ประโยคหนึ่งว่า …..

เป็นประวัติที่แสดงให้เห็นกรรมตามสนองอย่างไม่น่าเชื่อที่ไม่มีข้อสรุปชัดเจน ในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ปัจจุบัน

ปล.คุณควรตระหนักถึงการกระทำที่คุณได้ทำอยู่ในทุกวันนี้
ถึงผลดีและผลร้ายที่คุณได้กระทำลงไป มันจะส่งผลกลับมาหาคุณเอง ที่เรียกกันว่า ' กรรมตามสนอง ' นั้นเอง
ขอขอบคุณหนังสือธรรมะทุกเล่มที่ให้ความรู้แก่ผู้คนทั้งหลายเรื่องดีๆ

 

ความสุข...ติดต่อกันได้เหมือนกับเชื้อไวรัสของไข้หวัดใหญ่

ความสุข...ติดต่อกันได้เหมือนกับเชื้อไวรัสของไข้หวัดใหญ่

Nicholas Christakis อาจารย์มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด และ James Fowler อาจารย์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้ทำการวิจัยในเรื่องการแพร่ระบาดทางด้านต่าง ๆ ในสังคม พบว่า "สังคม" ที่เราอยู่นั้นมีความสำคัญอย่างมากต่ออารมณ์และสุขภาพของเรา

หากเรามีเพื่อน คู่รัก เพื่อนบ้าน หรือญาติที่มีความสุข สนุกสนาน เราก็มีโอกาสที่จะเป็นผู้มีความสุขเช่นเดียวกัน และความสุขน้ยังสามารถติดต่อกันได้แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ใกล้กันก็ตาม ยิ่งสังคมที่คุณอยู่หรือผู้คนที่คุณพบเจอมีผู้ที่มีความสุขมากขึ้นเท่าไร คุณก็จะมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น

เช่นเดียวกันกับความดี หากใครทำดีต่อกัน ความดีนั้นจะขยายตัวกว้างออกไปเรื่อย ๆ ความเมตตากรุณาของเรา จึงเป็นพลังงานที่มีอานุภาพสามารถขยายตัวแผ่กว้างออกไปได้อย่างไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณอย่างที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ถ้าอยากให้สังคมมีความสุข เริ่มต้นที่ตัวเราเอง และเผื่อแผ่ไปยังคนรอบ ๆ ข้าง ให้ติดต่อกันอย่างรุนแรงแซงไข้หวัด 2009 ดีไหมค่ะ[ame="http://www.youtube.com/watch?v=a9iCA_YXm-Y&feature=player_embedded"][ame="http://www.youtube.com/watch?v=HOIeeNBV15M&feature=player_embedded"]http://www.youtube.com/watch?v=a9iCA_YXm-Y&feature=player_embedded[/ame][/URL]

 

ความฝัน เทพสังหรณ์ สัญญานเตือนจากเบื้องบน​

​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เกษา<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3113145", true); </SCRIPT> สมาชิก

..เคยฝันบ่อยมากค่ะ..

-ฝันว่าแผ่นดินแยก

-ฝันว่าน้ำท่วมหนัก มีคลื่นยักษ์ พัดพาคนลอยไป มีเรากับอีกไม่กี่คนที่รอดมา มีเรือลำเล็กๆมารับให้ขึ้นไป เหมือนเรือยักษ์ เป็นเหล็ก ไม่แน่ใจว่ายานอวกาศหรือเรือ แต่คนที่คอยรับนั้นหน้าตาและรูปร่างไม่ใช่คน แต่พูดภาษาเราได้ ไม่ขยับปาก

-ล่าสุดฝันว่า น้ำท่วมอีก เรามีหน้าที่พาคนหนีขึ้นไปที่สูง และบนเขานั้นมีวัดอยู่เราอาศัยกันที่นั้น

-และได้ฝันอีกครั้ง คราวนี้ให้เตรียมของไว้ (แต่ยังไม่ได้ทำเลย) ให้เตรียมเสื้อกันหนาว เทียน อาหารแห้ง ยา ไฟฉาย และอีกหลายอย่าง บอกให้เตรียมไว้เลยในกระเป๋า ถ้าเกิดขึ้นให้เอากระเป๋าใบที่เตรียมไปด้วย

..น่ากลัวค่ะ..เพราะลูกเรายังเด็ก ให้เค้ามานั้งสมาธิอย่างเราเค้าก็ทำยังไม่เป็น.. <!-- google_ad_section_end -->

25/03/2010, 05:29 PM

ที่มา http://palungjit.org/threads/ความฝัน-เทพสังหรณ์-สัญญานเตือนจากเบื้องบน.79471/page-126

 

จัดเตรียมปัจจัยสี่ทุกอย่าง เซ็ตของและสำรวจเส้นทางไว้เรียบร้อยแล้ว
เช่นกันครับ กะว่าหากมีสัญญาณเตือนมาเมื่อใด ภายใน 2 ช.ม. ต้องเอา
ของจำเป็นแก่การดำรงชีพภายใน 2 เดือน ขึ้นรถแล้วพาครอบครัว
ไปได้ทันที.. (สำหรับหลังจากนั้น ค่อยไปว่ากันเอาดาบหน้า) ช่วงนี้
เลยต้องพกวิทยุสื่อสารติดตัวไว้ตลอดเวลา (แนะนำให้ฟังความถี่ ของ
ศูนย์นเรนทร นะครับ 154.925 จะรายงานสถานะการณ์ฉุกเฉินทั้งปกติ
และไม่ปกติทุก 3 - 6 ช.ม. เช็คทุกจุดทั่วประเทศครับ) อย่างน้อยเราก็พอ
มีเวลาในการเตรียมตัวเพิ่มมากขึ้น... ตอนนี้ที่บ้านก็เลยมองแปลกๆ
แต่ก็อธิบายให้เข้าใจกันว่า.. "เตรียมแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าเวลา
จะใช้แล้วไม่มี" .. ถือซะว่า เป็นการจัดหาของสำหรับออก แคมป์ปิ้ง ไปในตัว
ไม่เสียหาย...

ขอบพระคุณทุกท่านครับที่มีส่วนช่วยกันดูแลซึ่งกันและกัน..สาธุ

 

วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 13:54:24 น. มติชนออนไลน์ <!--อ่านล่าสุด คน-->
<center></center>
[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]ระทึก มะนิลารู้สึกแรงสะเทือนแผ่นดินไหวใต้ทะเล ผู้คนแตกตื่นเผ่นจากตึกอาคาร [/FONT]

[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]<style> P { margin: 0px; } </style> สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ว่า เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.1 ริกเตอร์ ในบริเวณท้องทะเลของฟิลิปปินส์ อยู่ลึกระดับ 72 กิโลเมตร และห่างจากกรุงมะนิลา ทางไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 137 กิโลเมตร โดยแผ่นดินไหวดังกล่าวรับรู้ได้ถึงกรุงมะนิลาเมืองหลวง และทำให้ประชาชนตื่นตกใจ และรุดออกจากตึกอาคาร ขณะที่พนักงานรัฐทั่วเมืองซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

-------------------------------------
ตามที่ ดร.สมิทธ เคยกล่าวไว้เลยครับ ช่วงนี้ให้จับตา แผ่นดินไหว แถวไต้หวัน ถึง ฟิลิปปินส์ ลงมา และให้ระวังสึนามิ ด้านอ่าวไทย ครับ

[/FONT]

 

หลังจากแผ่นดินไหวทางด้าน โซนอเมริกา

ช่วงนี้ต้องคอยจับตาด้าน โซนเอเชีย แล้วครับ

​

 

วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7056 ข่าวสดรายวัน


ลำตะคองระทึก ลุ้น"ฝนเดือนหก"



นครราชสีมา - นายจักรกฤช แจ้งกรณ์ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำในเขื่อนมีปริมาตร 123 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 39% จากความจุ 314 ล้านลูกบาศก์เมตร ทางเขื่อนปล่อยน้ำเพื่อผลิตน้ำประปาในเขต อ.เมือง สีคิ้ว สูงเนิน ขามทะเลสอ และเฉลิมพระ เกียรติ วันละ 7 แสนลูกบาศก์เมตร ส่วนน้ำใช้ในการเกษตรนั้นได้ยุติการปล่อยน้ำโดยสิ้นเชิง ยืนยันว่าปริมาณน้ำในเขื่อนที่เหลืออยู่ จะเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค จนถึงสิ้นฤดูแล้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามแผนการใช้น้ำที่วางเอาไว้ แต่ถ้าเข้าฤดูฝนในช่วงเดือนพ.ค. แล้วฝนยังไม่ตก จะส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำใน 5 อำเภอดังกล่าวอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้สถานการณ์ความแห้งแล้งที่ จ.นครราชสีมา ขยายเป็นวงกว้าง เช่นที่ อ.พิมาย มีพื้นที่ 5 ตำบลขาด แคลนน้ำ ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก ทางอบต.ในเมือง อ.พิมาย ต้องเร่งนำรถบรรทุกน้ำออกแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยวันละ 8 เที่ยว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎร 21 หมู่บ้าน

เห็นอยู่บ่อยๆ

ภาพมันฟ้อง



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>การบุกรุกทำลายที่จังหวัดเลยมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ เช่น ริมถนนเข้าหมู่บ้านนาหนองบง ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง ก็เป็นหนึ่งที่ถูกเผาทำร้าย นี่ขนาดติดถนนนะยังเป็นอย่างที่เห็น ถ้าในป่าลึกไกลปืนเที่ยงนึกเอาแล้วกันว่าจะสภาพเขาสภาพป่าจะเป็นอย่างไร







สมองมนุษย์ยุคนี้เล็กกว่าสมัยโบราณ นักวิจัยชี้"ขนาด"ไม่เกี่ยว"ไอคิว"



ข้อมูลจากฝรั่งเศสทำให้ทึ่งเมื่อพบว่าสมองมนุษย์ในปัจจุบันเล็กกว่าของมนุษย์โบราณถึงร้อยละ 20 โดยนายอองตวน บัลโซ นักวิจัยแห่งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติฝรั่งเศสสร้างแบบจำลองสมองของมนุษย์ยุคโบราณเมื่อ 28,000 ปีก่อนซึ่งพบในฝรั่งเศสทำให้ทราบว่าสมองของมนุษย์โบราณมีขนาดใหญ่กว่าสมองยุคปัจจุบัน แต่ขนาดของสมองได้บ่งชี้ถึงระดับความฉลาดหรือไอคิว เนื่องจากในปัจจุบันมีหลักฐานน้อยมากที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างขนาดสมองและระดับไอคิว

จากการศึกษาโครงกระดูกที่มีนามว่า "โครแม็กนอน วัน" ซึ่งคาดว่าเป็นของชายสูงอายุโบราณ ความสูงประมาณ 180 เซนติเมตร พบในเขตดอร์ดอญ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี 2411 และถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติกรุงปารีส ทำให้นักวิจัยเชื่อว่าสมองของมนุษย์กำลังวิวัฒนาการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเหมือนกับหน่วยประมวลผลกลาง หรือซีพียูของคอมพิวเตอร์ที่นับวันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีขนาดเล็กลง

การจำลองทำโดยการเก็บภาพโครง สร้างภายในกะโหลกด้วยเทคนิคพิเศษที่โรงพยาบาลควินซ์-วินต์ กรุงปารีส จากนั้นนำภาพดังกล่าวมาวิเคราะห์ประกอบกันเป็นโครงร่าง 3 มิติซึ่งสวยงามที่สุดเท่าที่เคยมีมา และแบบจำลองดังกล่าวล้มล้างทฤษฎีที่ว่าสมองมนุษย์นั้นวิวัฒนาการใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยพบว่าสมองส่วนเซเลเบลลั่มซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการสื่อสารทางด้านภาษานั้นวิวัฒนาการมีขนาดใหญ่มากขึ้น สวนทางขนาดสมองที่เล็กลงทำให้เชื่อว่าสมองบางส่วนนั้นสามารถบีบอัดได้เพราะเคยมีผู้เสนอทฤษฎีไว้อยู่บ้าง เช่น การดำรงชีพและเอาตัวรอดจากสภาพแวดล้อมในยุคพาลีโอลิทิกอันหนาวเย็นและต้องใช้ชีวิตอยู่ในที่โล่งเป็นส่วนใหญ่ทำให้สมองเล็กลง ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งมองว่ารูปร่างของกะโหลกที่ใหญ่มีเพื่อรองรับกล้ามเนื้อที่ต้องเคี้ยวเนื้อเหนียวๆ อย่างเนื้อกระต่าย กวาง ม้า และสุนัขจิ้งจอก

 

<EMBED height=344 type=application/x-shockwave-flash width=425 src=http://www.youtube.com/v/5VXa82AuwHU&hl=en&fs=1 allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true">
ชาวมายันที่จะสิ้นสุดลงในปี 2012 นั่นหมายถึงว่าโลกจะสิ้นสุดและถึงกาลอวสานในปีดังกล่าวนั่นเอง จากตัวอย่างที่ได้เห็น หนังมาพร้อมคำโปรยที่ดูน่าขนลุกมากๆ How Would The Governments of Our Planet ..Prepare Six Billion People ...To The End of The World ? ก่อนที่หนังจะตัดสลับไปที่ภาพน้ำที่กำลังเอ่อล้นท่วมภูเขาในแถบเอเชียกลางที่คาดว่าน่าจะเป็นแถวๆธิเบต ที่เรียกว่าหลังคาโลกเลยนะนั่น ก่อนหนังจะตัดสลับมาที่คำตอบว่า They Wouldn't ...
แค่นี้ก็เรียกความน่าสนใจที่จะเกิดขึ้นกับหนังเรื่องนี้ได้มากพอแล้ว​

 

ส่งความสุข ๒๕๕๓ ...อัญเชิญข้อความ ส.ค.ส จาก..สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา

 

ฟิลิปปินส์ผวาแผ่นดินไหว 6.0 ริกเตอร์​

​

แผ่นดินไหว วัดระดับได้ 6.0 ริกเตอร์ ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ชาวบ้านตื่นตะหนก วิ่งหนีออกจากตึก แต่ทั้งนี้ไม่มีรายงานความเสียหายหรือเตือนสึนามิ...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 25 มี.ค. ว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.0 ริกเตอร์ เขย่าพื้นที่แถบชายฝั่งด้านตะวันตกกรุงมะนิลา เมืองหลวงฟิลิปปินส์ เมื่อช่วงบ่ายวันวันนี้ แม้ไม่มีรายงานความเสียหาย หรือมีคำเตือนเกิดคลื่นสึนามิ แต่ทำให้ผู้คนตื่นตระหนก บ้างวิ่งหนีออกจากอาคารและบ้างต้องคลานหลบหมอบใต้โต๊ะทำงานเพื่อความปลอดภัย

ทั้งนี้ กรุงมะนิลา มีประชากร อยู่อาศัยราว 12 ล้านคน และขณะนี้ทางการสั่งตรวจสอบสภาพอาคารที่เกิดการสั่นไหวรุนแรงแล้ว รวมทั้งสะพานหลายแห่งในเขตกรุงมะนิลา และพื้นที่ใกล้เคียงจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว เพื่อป้องกันเหตุพังทลายในภายหลัง

ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2553

หลายรัฐจ่อฟ้อง'โอบามา'ลงนามกฎหมายสุขภาพ​

​

หลัง บารัค โอบามา ลงนามบังคับใช้กฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ หลายรัฐเล็งฟ้องขอให้ล้มเลิก เพราะทำให้แต่ละรัฐต้องแบกรับภาระงบประมาณเพิ่มมหาศาล...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 23 มี.ค. ว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ลงนามบังคับใช้กฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพฉบับประวัติศาสตร์แล้ว พิธีจัดขึ้นที่ห้องตะวันออกของทำเนียบขาว โดยโอบามาใช้ปากกาถึง 20 ด้ามในการลงนามกฎหมายปฏิรูประบบดูแลสุขภาพครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปี ซึ่งหนากว่า 2,000 หน้า ท่ามกลางสมาชิกรัฐสภา และสักขีพยานฝ่ายพรรคเดโมแครตจำนวนมากที่ปรบมืออย่างยินดีปรีดา

โอบามากล่าวว่า หลังพยายามมาเกือบศตวรรษ ผ่านการอภิปรายถกเถียงในสภามากว่า 1 ปี และหลังนับคะแนนทั้งหมด การปฏิรูประบบประกันสุขภาพก็กลายเป็นกฎหมายในสหรัฐอเมริกาแล้ว กฎหมายนี้จะขับเคลื่อนการปฏิรูป ซึ่งชาวอเมริกันหลายชั่วอายุคนร่วมขบวนต่อสู้เพื่อให้ได้มา และกระหายจะเห็น

พิธีลงนามมีขึ้นหลังสภาผู้แทนฯ ผ่านร่างกฏหมายนี้ด้วยคะแนน 219-212 เสียงเมื่อวันที่ 21 มี.ค. สาระสำคัญของกฎหมายปฎิรูประบบประกันสุขภาพมูลค่า 940,000 ล้านดอลลาร์นี้ รวมทั้งจะขยายการประกันสุขภาพให้ชาวอเมริกันอีก 32 ล้านคน ส่งผลให้พลเมืองอเมริกันอายุต่ำกว่า 65 ปี ถึง 95% และผู้อยู่อาศัยในสหรัฐฯ อย่างถูกกฎหมายมีประกันสุขภาพ แต่ถูกฝ่ายรีพับลิกันต่อต้านอย่างสุดกำลัง เพราะเห็นว่าจะทำให้รัฐบาลรับภาระค่าใช้จ่ายมากเกินไป อีกทั้งขัดต่อเจตนารมย์ของชาวอเมริกันโดยรวม

ก่อนบังคับใช้เป็นกฎหมายโดยสมบูรณ์ วุฒิสภายังต้องอภิปรายกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพฉบับปรับแก้ของสภาผู้แทนฯ ซึ่งรวมทั้งข้อตกลงพิเศษเพื่อเอื้อประโยชน์ให้บางรัฐ และแผนอุดช่องโหว่ในแผนประกันสุขภาพผู้สูงอายุ ก่อนลงมติรับรองขั้นสุดท้ายด้วยเสียงข้างมากเกิน 50%

อย่างไรก็ตาม หลังพิธีลงนามไม่นาน สำนักงานกระทรวงยุติธรรมของ 14 รัฐ รวมทั้งฟลอริดา อลาบามา โคโลราโด ไอดาโอ มิชิแกน เท็กซัส ยูทาห์ วอชิงตัน ฯลฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลาง ขอให้ล้มเลิกกฏหมายนี้ และคาดว่าจะมีอีกหลายรัฐเข้าร่วม เพราะเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญกลาง และละเมิดอธิปไตยของรัฐตน ทำให้แต่ละรัฐต้องแบกรับภาระงบประมาณเพิ่มมหาศาล อีกทั้งบังคับให้ประชาชนส่วนใหญ่ ต้องซื้อประกันสุขภาพมิฉะนั้นจะถูกปรับ แต่ผู้สันทัดกรณีชี้ว่าความพยายามล้มล้างกฎหมายนี้จะล้มเหลว เพราะรัฐธรรมนูญระบุว่ากฎหมายของรัฐบาลกลาง ต้องอยู่เหนือกฎหมายของแต่ละรัฐ

แต่ข้อถกเถียงเรื่องนี้อาจส่งผลต่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสกลางเทอมในปลายปีนี้ ส่วนโพลของ “ยูเอสเอ ทูเดย์/แกลลัพ” ซึ่งจัดทำหลังกฎหมายฯ ผ่านสภาผู้แทนฯ 1 วันระบุว่า ชาวอเมริกันถึง 49% หรือเกือบครึ่งสนับสนุนกฎหมายนี้ว่าเป็น “สิ่งที่ดี” และ 40% คัดค้าน ระบุว่าเป็น “สิ่งที่แย่” ส่วน 11% ไม่มีความเห็น โดยผู้สนับสนุนส่วนใหญ่เป็นฝ่ายเดโมแครตถึง 79% ขณะที่ผู้ต่อต้านเป็นฝ่ายรีพับลิกันถึง 76%

ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2553

ยูเอ็นวอนทั่วโลกตระหนักปัญหาขาดน้ำ​

​

ประชากรโลกกว่า 885 ล้านคนไม่มีน้ำสะอาดใช้ เพราะขยะพิษทำให้แหล่งน้ำเกิดการปนเปื้อน เกิดโรคระบาดคร่าชีวิตเด็กต่ำกว่า 5 ขวบทั่วโลก ปีละกว่า 1.8 ล้านคน...

นายบัน กี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยผลสำรวจปัญหาน้ำ เนื่องในวันน้ำสากลประจำปี 2553 ที่สำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ เมื่อ 22 มี.ค. โดยระบุว่า ประชากรโลกกว่า 885 ล้านคนไม่มีน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค เป็นผลจากการทิ้งขยะพิษลงในแหล่งน้ำตามธรรมชาติจนเกิดการปนเปื้อน ก่อให้เกิดโรคระบาดคร่าชีวิตเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบทั่วโลก อย่างน้อยปีละประมาณ 1.8 ล้านคน และรัฐบาลหลายแห่งทั่วโลกไม่สามารถพัฒนาระบบจัดสรรน้ำให้แก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึงหรือเท่าเทียม ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำ จนกระทั่งนำไปสู่การทำสงครามต่อสู้แย่งชิงแหล่งน้ำในบางพื้นที่ นายบันจึงเรียกร้องให้ผู้นำประเทศสมาชิกยูเอ็นจัดเตรียมมาตรการรับมือและแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อมในเดือน ก.ย.นี้

วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งไอซ์แลนด์รายงานเพิ่มเติมว่า เกิดเหตุภูเขาไฟปะทุใต้ธารน้ำแข็งเอยาเฟียลลาโยคูลล์ ทางใต้ของประเทศอีกครั้งหนึ่ง ทำให้เกิดฝุ่นควันและหมอกหนาจัดยิ่งกว่าเดิม ขณะที่ประชาชนบางส่วนซึ่งได้รับคำสั่งให้อพยพเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มทยอยเดินทางกลับบ้าน ยกเว้นอีก 14 ครอบครัว ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกใกล้เคียงธารน้ำแข็งถูกสั่งห้ามเข้าพื้นที่

ส่วนรัฐบาลจีนประกาศเตือนประชาชน ซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของประเทศว่า พายุทรายจะพัดกระหน่ำทั่วบริเวณอย่างต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปลายสัปดาห์นี้ แต่คุณภาพอากาศที่วัดได้ในกรุงปักกิ่งถือว่าเป็นอันตรายน้อยลง ขณะที่พายุทรายจะพัดผ่านไปที่เกาะฮ่องกงซึ่งอยู่ห่างจากจีนแผ่นดินใหญ่ไปทางใต้ประมาณ 2,000 กม. ก่อนไปถึงเกาหลีใต้สัปดาห์หน้า

ไทยรัฐออนไลน์ วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

โอบาม่า เดินตามรอย ลินคอล์น?
โดยคุณเมธา​

​

เห็นหน้า “โอบามา” ทีไร พลอยให้นึกถึง “อับราฮัม ลินคอล์น” เขาเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่และเคยเป็นวุฒิสภาจากรัฐอัลลินอยส์เหมือนๆ กัน

“อับราฮัม ลินคอล์น” เป็นประธานาธิบดีที่มีชื่อเสียงและยิ่งใหญ่คนหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งที่เขาไม่ได้เกิดในตระกูลร่ำรวยหรือมีชื่อเสียงอันใด เป็นเพียงลูกคนตัดไม้ใน “เคนตั๊กกี้” ทั้งยังได้เข้าเรียนในระบบการศึกษาเพียง 18 เดือนเท่านั้นแต่เวลาส่วนใหญ่เขาได้พยายามเพียรศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองจนมีโอกาสได้เข้าฝึกงานด้านกฎหมายที่รัฐอิลินอยส์ ซึ่งทำให้เขาเข้าสู่เส้นทางการเมืองในเวลาต่อมา จนกระทั่งเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา ในปี 1861

ผมเคยไปเยี่ยมพิพิธภัณฑ์ของเขาที่อัลลินอยส์ เมืองที่เขาเรียกว่า “บ้าน” ย้อนรอยบางช่วงชีวิตของเขา สมัยก่อนโน้น เขาต้องนั่งรถไฟจากอัลลินอยส์เพื่อไปรับตำแหน่งที่วอชิงตัน ดีซี ซึ่งใช้เวลานานนับสัปดาห์ทีเดียว

ด้วยนโยบายเลิกทาสผิวดำของเขาซึ่งได้รับฉันทามติมา เขาตัดสินใจทำจริงและทำให้เกิด สงครามกลางเมือง ขึ้นระหว่างรัฐฝ่ายใต้และฝ่ายเหนือ โดยขุนศึก 2 ฝ่าย นายพลลีและนายพลแกรน สงครามกลางเมืองเริ่มในเดือนมีนาคม 1861 รัฐทางตอนใต้จำนวน 7 รัฐซึ่งยังมีระบบทาสอยู่พร้อมที่จะแยกตัวออกจากสหรัฐ แต่ลินคอล์นตัดสินใจที่จะคงความเป็นสหรัฐเอาไว้ ไม่ยอมให้มีการแยกตัวจึงเกิดเป็นสงครามที่ยืดเยื้อขึ้นหลายปี (1861-1864)

รบกันหลายปี มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากสงครามเลิกทาสดังกล่าว แต่ลินคอล์นถือคติว่า เขาทำสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาสามารถทำได้ นั่นทำให้ลินคอล์นยืนหยัดต่อไปท่ามกลางสงคราม ในขณะที่เขาตัดสินใจบางประเด็นเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ แต่บางประเด็นก็เป็นเรื่องทางการทหารจนบางคราวทำให้มีเสียงกล่าวหาลินคอล์นถึงว่าเป็นทรราชย์ทีเดียว เนื่องจากอำนาจที่มากมายในคราสงครามและหลายครั้งก็ถูกขออภิปรายไม่ไว้วางใจจากทางสภา แต่หลังจบสงครามกลางเมือง ลินคอล์นได้รับการยกย่อง เชิดชู เขาต่อสู้เพื่อปลดปล่อยทาส

แต่แม้สงครามสิ้นสุดลง ความเกลียดชังยังไม่สิ้นสุดลงตาม มีผู้เสียประโยชน์มากมาย ลินคอล์นถูกยิงเสียชีวิตในปี ค.ศ.1865 ในโรงละครฟอร์ดของ เฮนรี่ ฟอร์ด และเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกลอบสังหารในประวัติศาสตร์ชาติของสหรัฐอเมริกา

อับราฮัม ลินคอล์น เป็น 1 ใน 4 ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่รูปใบหน้าได้รับการสลักไว้ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ Mount Rushmore ใบหน้าของเขาปรากฏอยู่บนธนบัตรราคา 5 ดอลลาร์สหรัฐ และเหรียญราคา 1 เซนต์ ชื่อของเขาถูกนำมาตั้งเป็นชื่อเรือดำน้ำนิวเคลียร์ และเรือบรรทุกเครื่องบิน

เห็นหน้า “โอบามา” ทีไร พลอยให้นึกถึง “อับราฮัม ลินคอล์น” เขาเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่และเคยเป็นวุฒิสภาจากรัฐอัลลินอยส์เหมือนๆ กัน แต่หวังว่า ท่ามกลางโลกที่รุดหน้าไป จุดจบของเขาทั้งสองจะไม่เหมือนกัน..

Posted by เมธา วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน 2551

ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=346503

 

คลิปวีดีโอ ระเบิดภูเขาไฟ ใน ไอ ซ์ แลนด์ - คลิปแมส<embed width="425" height="355" src="http://www.clipmass.com/player2010/.../cm/econfig.php?video=1904072031198107,198107" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always" /><br style="clear: both;" /><a style="font-size: 11px;" href="http://www.clipmass.com/movie/1904072031198107" target="_blank">ระเบิดภูเขาไฟ ใน ไอ ซ์ แลนด์</a> - <a style="font-size: 11px;" href="http://www.clipmass.com/video.php" target="_blank">ดูคลิปทั้งหมด คลิกที่นี่</a>

 

รบกวนท่านผู้รู้ช่วยวิเคราะห์บทความนี้ด้วยค่ะ เป็นเมลล์ที่หนูได้รับมา อ่านแล้วตกใจ
ต่อไปประเทศไทยจะเป็นแบบนี้หรือค่ะ แล้วจะยังแก้ไขได้ทันไหมคะ
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
นิจสุดา

ปี 2553 จุดจบประเทศไทย......ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย
เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้ .....ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา .....ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน

สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค
ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง
เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14 ประเทศ
ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น
แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์
และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศ อาเจะ และอีกหลายประเทศ ที่จะเกิดตามมา

ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ
คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน !
ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553
ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์
สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล

ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน
และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ
ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง
เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย
จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน
คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน
เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้
เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน
เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า
เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๋ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs
และเมื่อเกษตรกรไทยซ ึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้
วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้
เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว
ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร
ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์
คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้

ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะไ ด้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้
การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ
ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว
เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่ามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้
เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของ Big C, Lotus,
Carrefour, ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal, สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ

ดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด...
เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้ ...รัฐจะอยู่ได้ฤา ?

4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย
เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553
คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย
การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น
จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย
ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน

จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา จะขอแยกตัวตามมา
เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ
เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก
นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia
ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่
เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ?

ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น
ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ
ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์
บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน
รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ
ก่อนล่มจริง... เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชนไว้น่าสนใจ
ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย
แทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า
เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร
เ พราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86 บาท เหลือให้คนไทย 14 บาท
เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน

นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง
ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น
เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์
สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่
เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ
ถ้าซื้อจากห้าง 1,000 บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900 บาท ที่เหลือ 100 บาท

ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว
ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศ
คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร
ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง
เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด

ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง
หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ
ได้ผล... ลูกเปลี่ยนวิธีกิน... วิธีคิดไปเลย ... เปลี่ยนไปได้มาก
พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง
ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ
แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย
ผมก็อธิบายคำว่า license ( ค่าลิขสิทธิ์ ) ให้ลูกฟัง
ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธ
ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ
มันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน
ขนมต่างชาติ ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ
เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี
ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว
ปล. ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ
ยาวไปหน่อย แต่อยากให้อ่าน
ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ

​

 

ผมไม่เชื่อในสิ่งที่คุณนิติภูมิเขียนว่ามันจะเป็นไปตามนั้น

เหตุปัจจัยอีกหลายอย่างที่ทางคุณนิติภูมิไม่เคยได้เอาเข้ามาอธิบายร่วม
1. ประเทศอื่นๆที่มีปัญหาเป็นเพราะเขายังมีวิบากกรรมที่มากอยู่หรือเปล่า
2. ผู้คนของเขาเองมีศีลมีธรรมกันดีอยู่หรือเปล่า
3. ประเทศของเขามีพระมหากษัติรย์ที่มีธรรมสูงเท่าของในหลวงเราหรือเปล่า
4. เขามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์(เทพเทวาพระเกจิอาจารย์)คอยช่วยปกป้องดูแลเหมือนประเทศเราหรือเปล่า
5. เขามีนักปฏิบัติธรรมมากๆเหมือนกับของเราหรือเปล่า
6. อื่นๆอีก

ผลทุกอย่างเกิดจากเหตุแต่ไมใช่แค่เหตุเพียงไม่กี่อย่างแล้วสรุปเอาว่าต้องเกิดผลอย่างนี้ดูมันขาดน้ำหนักไปหน่อย