นิพพานในทัศนคติของท่านเป็นอย่างไร ?

ม่ะลู้อ่ะ ยังไม่ทะลุธรรมเป็น พระอรหันต์
เรย พล่าม เอ๊ย พรรณา
ถึง สภาวะ นิพพาน บ่ได้ดอก...
ว่ามันเป็นเยี่ยงไร



ขอยื้ม ประโยคคลาสสิก ของชาวบ้านมาใช้แระกัน


" ของอย่างนี้ มันเป็น ปัจจัตตังงงงงง นะจ๊ะ "


เหอ ....เหอ....



แต่อิฉันจะบอก โดยจะใช้ วิปัสนึก เอ๊ย ทัศนคติ
ตรึกออกมาสนองฟามอยากรู้ ของคุณเป็น วิดทะยาทาน ก็ได้


อืม..นิพพาน เป็น ฟามว่างชั่วกาลปวสาน
ว่างจากการปรุงแต่ง อุปทานขันทั้ง 5 ใบ
และ ไร้ซึ่ง ตัวกู ของกู โดยสิ้นเชิง กระมัง
เรยไม่ต้องหน้ามืด จนต้องมาผุดมาเกิด
เวียนว่ายในวัฏฏะ เกิดทุกขังกาละมัง ซ้ำซาก เหมือน เรา ๆ ทั่น ๆ ง่ะ


ด้วยเหตุ นี้ นิพพาน มันถึง เป็น อนัตตา ไง
เอ ? หรือ ว่า นิพพาน มันเป็น อัตตา ล่ะหว่า ?
ว้าาา มะพูดดีก่า เด๋ว งานเข้าาาา เหอ ๆ



<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>





ปอลิง

เออ ลืมไป ขออภัย ตาม มารยา(ท) เจ้าค่ะ
ที่ อิฉันมิได้ สำรวมน้ำลายในกาทู้ ของคุณ
บังเอิญ อิฉันยังไม่ทะลุ นิพพาน อ่ะ ค่ะ


เรย ใส่ใจเฉพาะ ตัวกู จ้า
ส่วนจะถูกจริตใครหรือไม่
ก็สุดแร้วแต่ทั่นผู้อ่านจะ ปรุงแต่ง

ตัวมัน ของมัน ช่าง ( แม่ง )มัน ! นี่เน๊าะ งิงิ


เฮ้อ ครายเลิกกอดหลักกู แร้ว ปลง ได้ เมื่อไร
นิพพานมันก็อยู่ใกล้ แค่เอื้อม แหล่ะ เอิ๊ก ๆ



อ่ะ อันนี้ แถมมมมมมข้อฟามบางส่วน
ที่ เคยมีคนถกกะอิฉัน สมัยเพ่นพ่านอยู่ พันติ๊ป
เห็นเข้ากับคอนเซปต์ คำถามดี อิอิ


<!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=29--><!--MsgIDTop=30-->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

• <!--WapAllow30=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 30 <!--InformVote=30--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[30], 30);</SCRIPT> <!--EcardManage=30--><!--EcardSend=30-->

• 
  
  
  <!--MsgIDBody=30-->==========================================​
  
  
  
  ​
  
  
  
  โดยส่วนตัวผม ผมไม่สนหรอกว่า จะอัตตาหรืออนัตตาถึงเวลาก็รู้เอง
  ผมถือความหมายว่า นิพพาน คือ ความสิ้นราคะ โทสะ โมหะ
  กินข้าวอิ่ม เอาเสร็จ ก็ถึงนิพพานคือ ความสิ้นความอยากกิน ความอยากเอา
  โกรธใครอยู่ หายโกรธ ก็ถึงนิพพาน คือ ความสิ้นโทสะ
  ฯลฯ​
  
  
  
  แต่ถ้าผมแปลงร่างเป็นผู้พิทักษ์พุทธเถรวาท ผมก็เถียงหัวชนฝาว่า นิพพานเป็นอนัตตา
  ผมรวมหลักฐานในพระไตรปิฎกไว้เพียบ ถ้าวันไหนอยากแกล้งลูกศิษย์จานบินผมก็เอาขึ้นมาโพส
  ให้พวกนั้นกระอักกระอ่วนใจเล่น แต่อย่าเลยเราควรเมตตาต่อกันไว้​
  
  
  
  
  <!--MsgFile=30-->​
  
  
  จากคุณ : <!--MsgFrom=30-->wichaphon_me - [ <!--MsgTime=30-->6 พ.ค. 52 21:44:35 <!--MsgIP=30-->] ​
  
  
  <!--pda content="end"-->
  

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


อ่ะ อันนี้ลิ้งค์ ที่มา ของ ข้อฟาม ข้างบน

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2009/05/Y7821792/Y7821792.html
​

 

ขออนุญาตชี้แจงเหตุที่ต้องถามเช่นนะครับ

เนื่องจากเราทั้งหลายนั้นมีจุดประสงค์เดียวกันนั้นคือปลายทางสู่พระนิพพาน แต่คราวนี้หลายๆท่านที่กำลังกระทำการใดๆก็แล้วแต่ในขณะนี้มองว่านิพพานเป็นอื่นไปแล้ว สามารถดูได้จากพฤติกรรมต่างๆที่ทั้งพูดจารุนแรงบ้าง เอาความคิดเห็นส่วนตัวเป็นใหญ่บ้าง ต่างๆนานา จึงเห็นวัจนในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ถูกแปลไปตามกระแสแห่งความหลงบ้าง ในบางส่วนบางตอนของความคิดเห็นของคนบางคน จึงได้นำเรื่องดังกล่าวนี้มารบกวนถามเพื่อตอกย้ำให้ระลึกถึงเจตนารมณ์และนิยามของคำว่า "พระนิพพาน" คือผู้ตัดสิ้นแล้วแห่งทุกข์
แล้วทุกข์นั้นมีเหตุมาจากที่ใดบ้าง ว่ากันว่า..ทุกข์ทั้งหลายเหล่านั้นรวมกันอยู่ในจิตใจคน จำแนกออกได้หลายปัจจัย แต่รวมเป็นหัวข้อใหญ่ๆคือ กิเลส ตัณหา อุปาทาน การที่เราปฏิบัติธรรมนั้นก็เพื่อมุ่งหวังที่จะทำลายสิ่งเหล่านี้ให้สิ้นไปโดยความเชื่อและวิธีการใดๆก็ตามที่บุคคลนั้นๆมีความเห็นชอบและเข้ากับอุปนิสัยตน

การพิจารณาให้ถึงนิพพานนั้นมิใช่การคาดเดาว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้บ้างก็ว่าเป็นดินแดน บ้างก็ว่าสภาวะต่างๆบ้าง หรือแม้แต่คิดว่าไม่กล้าที่จะคิด นี่ก็ยังมิใช่หนทางที่ควรไป ยอดสุดของพระธรรมนั้นกล่าวไว้ซึ่งอริยสัจสี่ มีนัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังต่อไปนี้...

มีความจริงอยู่ 4 ประการคือ การมีอยู่ของทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และ หนทางไปสู่ความดับทุกข์ ความจริงเหล่านี้เรียกว่า อริยสัจ 4

1. ทุกข์
คือ การมีอยู่ของทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ และตายล้วนเป็นทุกข์ ความเศร้าโศก ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความวิตกกังวล ความกลัวและความผิดหวังล้วนเป็น ทุกข์ การพลัดพรากจากของที่รักก็เป็นทุกข์ ความเกลียดก็เป็นทุกข์ ความอยาก ความยึดมั่นถือมั่น ความยึดติดในขันธ์ทั้ง 5 ล้วนเป็นทุกข์
2. สมุทัย
คือ เหตุแห่งทุกข์ เพราะอวิชา ผู้คนจึงไม่สามารถเห็นความจริงของชีวิต พวกเขาตกอยู่ในเปลวเพลิงแห่งตัณหา ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความเศร้าโศก ความวิตกกังวล ความกลัว และความผิดหวัง
3. นิโรธ
คือ ความดับทุกข์ การเข้าใจความจริงของชีวิตนำไปสู่การดับความเศร้า โศกทั้งมวล อันยังให้เกิดความสงบและความเบิกบาน
4. มรรค
คือ หนทางนำไปสู่ความดับทุกข์ อันได้แก่ อริยมรรคมีองค์ 8


เพราะเหตุนี้...

 

โอ๊ะ โอ๋ อริยสัด 4 ซะด้วย เหอ ๆ
อ่ะ อันนี้ ไม่ใช่เรื่อง นิพพาน หรอกนะ
แต่ ก็ เอามาโพสไว้เป็น วิดทะยาทานอีกแระ
เพราะเห็นว่า เกียวข้องกับเรื่อง อริยสัด 4
ที่มีการพูดถึง ในกาทู้ นี้


อืม....ก่อนได้รับแจกใบเหลือง ที่ลานธรรม
อิฉันเคยอ่าน ฟามเห็น ของใครคนหนึ่ง ดังนี้

รู้ป่ะ อิฉันบอกเขาไปว่าไง อิฉันบอกว่า

อ้อ ใครอ่านแร้ว ซาบซึ้ง ก็โมทนาได้นะค้าาา
นู๋บี ชอบสะสม โมทนา เล่น แทน กิ๊บ ค้า 5555

 

คุณ
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->5th-Lotus<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2991612", true); </SCRIPT> จับประเด็นการสนทนาด้วยนะครับว่าผมกล่าวโต้ตอบกับใคร
อริยสัจสี่ที่กล่าวไปนั้นในที่นี้คือผู้ที่รู้แจ้งแล้วซึ่งอริยสัจสีนั้นด้วยประการดังกล่าว และผมกำลังชี้แจ้งเหตุผลว่าทำไมถึงตั้งกระทู้ถามดังกล่าว

อริสัจสีมีอะไรบ้างใครๆก็ตอบได้ อย่างคุณว่านั้นแหละครับ แต่การเข้าถึงด้วยอรรถนั้นหาได้น้อยมากครับ
ปากก็พูดปาวๆ รู้ๆ แต่ใจนั้นอยู่ห่างไกลกันเหลือพรรณา แต่นั่นก็ใช่เรื่องที่เราท่านจะเก็บเอาเรื่องของคนอื่นมาคิดให้เป็นทุกข์แค่ทุกข์ของตัวเองยังสางไม่ได้ ยังจะไปเอาทุกข์ของคนอื่นมาอีกทำไมนั่นใช่ไม๊ครับ ฉนั้นควรพิจารณาที่จิตของตัวเอง นั่นใช่ไม๊ครับที่คุณกำลังจะสื่อ ??

ขอบคุณครับสำหรับวิทยาธรรมทาน
ข้าพเจ้าจะเก็บเอาแต่สิ่งดีๆไว้ประเมินตน

แล้วคุณ
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->5th-Lotus<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2991612", true); </SCRIPT> รู้และเข้าใจเกี่ยวธรรมมากน้อยแค่ไหนก็ลองออกความเห็นได้นะครับ เอาความเห็นในขณะนี้ ? เกี่ยวพระนิพพาน

ขอติงนิดนึงนะครับ
ถ้าลองกลับไปอ่านข้อความข้างต้นและพิจารณาดูให้ลึกซึ้งจะเห็นว่าข้าพเจ้ามีความพยายามที่จะจรรโลงไว้ซึ่งภาษาและคำสอนโดยเน้นที่ข้อธรรมหลักที่เป็นที่ยอมรับและเป็นสากลเข้าใจกันได้ทุกๆระดับชั้นในสังคม
ส่วนจะนำไปประพฤติปฏิบัติให้เกิดผลหรือไม่อย่างไรก็สุดแต่ตัวบุคคลนั้นๆ
สรุปคือ ขอความกรุณาสำรวม กาย วาจา ใจ ด้วยนะครับเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกคนเป็นมิตรร่วมทางกันนะครับ

อนุโมทนาครับ

 

โอ๊ะโอ๋ ขออำภัย บังเอิญอิฉันไม่ใส่ใจ
ว่า คุณจะตอบโต้กับใคร
อิฉันใส่ใจเฉพาะ เรื่องของกู
ว่า ตัวกูอยากจะตบตี เอ๊ย เสวนาธรรมกับคราย ง่ะ งิงิ


ส่วน ใครอ่านตัวหนังสือของอิฉันแร้วจะลู้สึกไง
นั่นก็ใช่เรื่องที่อิฉันจะเก็บเอาเรื่องของคนอื่นมาคิดให้เป็นทุกข์ง่ะ
ก็อย่างที่คุณว่านี่นะ
แค่ทุกข์ของตัวเองยังสางไม่ได้
ยังจะไปเอาทุกข์ของคนอื่นมาอีกทำไมล่ะ ?
อิฉันมันคนสวยใจดำซะด้วยเด่ะ เหอ ๆ

อันนี้ ตะกี้ อิฉันก็โพสไปแร้ว
ที่ฟามเห็นก่อนหน้านี้แร้วเจ้าคะ
ย้อนกลับไปอ่านเองแระกัน งิงิ

อืม....บังเอิญ ไอดอลของอิฉัน
คือ เว่ยหลาง อ่ะ มิใช่ ชินเชา นะจ๊ะ
จะให้มานั่งปัดฝุ่นเหย็ง ๆ
ที่ต้นโพธิ์แลกระจกเงา บ่อย ๆ งี้
อิฉันทำไม่ได้หรอกจ้า

แหม ๆ อิฉันเป็นคนขี้เกียจ นิ
แต่ถ้าคุณสมัครใจจะทำมัน
อิฉันก็ อนุโมทนา ด้วย งิงิ

ตถตาาาาา สาธุ๊ สาธุ๊

 

ผมกำลังบอกทางอ้อมว่าสิ้นสงสัย มันก็จะบรรลุ หมดอวิชาก็บรรลุ แต่ละสังโยชน์ข้อ 1-9 ก่อนก็ดีนะ งัย

 

ค่ะๆ รับทราบแล้วค่ะ ขออภัยพอดีคิดมากไปหน่อย
วกกลับมาที่ ทำให้สิ้นสงสัย ละสังโยชน์ ก่อน ก็ดี ค่ะ

 

สภาวะที่พอแล้ว เลิกแล้ว จบแล้ว ที่เราๆท่านๆถามๆ ตอบๆ เถียงๆ แล้วก็ยอมกันนี่แหละจับสภาวะนี้ให้ดีๆนะครับ ..(^^)

 

ผมขอไปเชิญพระอรหันต์มาตอบได้มั้ย

ผมตอบไม่ได้ ตอบไปก็ผิดเท่านั้น ทุกท่านตอบไปก็ผิดเท่านั้น เพราะทุกท่านก็ยังมีกิเลสอยู่ ยังอยู่ในโลกีย์ อย่าเพิ่งไปคิดเรื่้องโลกุตรครับ ปฏิบัติให้ถึงตรงนั้นก่อนดีกว่า แล้วค่อยมาตอบ

 

เรื่องใดที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยไป นำมาพูดมาคุยกันว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้
ท่านว่าเหมือนคนตาบอด โต้กันเรื่องสี

นิพพาน เป็น ปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน
สันทิฏฐิโก ผู้ประพฤติปฏิบัติรู้เห็นได้เอง

เจริญพร

 

คำถามมีอยู่ว่า "นิพพานในทัศคติของท่านเป็นอย่างไร" คือ ความเข้าใจของท่านเกี่ยวกับนิพพานน่ะครับ มิได้ถามว่า นิพพานเป็นอย่างไร และหรือ บอกว่านิพพานต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

ส่วนหัวข้อย่อยนั้นได้กล่าวไว้แล้วว่า "ไม่เอาแค่ผิดกับถูก" เพียงแค่อยากรู้ว่า
ท่านคิดอย่างไรกับคำว่า "นิพพาน" เท่านั้นเองครับ

ก็ถ้าคิดว่ามันมีทางไปเสียอย่างนี้ มันก็คงจะไปไม่ถึงหรอกครับ
พระพุทธองค์ได้บอกไว้ว่า อนิจัง ทุขขัง อนัตตา ถ้ายังคิดมันเป็นสถานที่หรือเป็นอะไรๆที่รอให้ไปหา รอให้ไปถึง มันก็จะไม่ถึงเพราะมันเป็นอนัตตา
แต่อนัตตานี้มีความสภาวะที่เป็นอัตตาคือ มีสิ่งที่เป็นสภาวะหนึ่งที่ไม่เป็นอะไรเลยอยู่ ที่พูดๆกันถกเถียงกันเกี่ยวกับ นิพพานเป็นอนัตตาหรืออัตตา ไม่จบสิ้น
อาจจะมีนะกระทู้ใหม่ต่อจากนี้จะพูดเรื่องนิพพานเป็นอนัตตาหรืออัตราแล้วก็หาผู้อื่นเข้าให้ความเห็นและนับเอาเสียงข้างมากเสียงข้างน้อยน่ะ ยังมีอยู่ให้เห็นแม้แต่บุคคลที่มีภูมิธรรมอยู่แล้วก็ยังหลงไปติดเอาตรงส่วนนี้ก็มี

จริงครับที่ว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ควรนำมาพูด
แต่ที่นำมาถามนั้นก็เพราะมันมีเหตุที่ว่า แต่ละท่านในที่นี้ส่วนใหญ่จะกอบโกยเอาอะไรๆที่มันไม่มีตัวมีตนแม้แต่สภาวะธรรมต่างๆในสมาธิ เก็บเกี่ยวสะสมยังกับว่ามันจะจับเอามาเป็นของตนได้อย่างนั้นแล
การเรียนรู้ทางโลกเป็นศึกษาและทำความเข้าใจบทเรื่องที่เกี่ยวกับ ทฤษฏี หลักเกณฑ์ ในศาสตร์ต่างๆของแต่ละสาขาวิชา เพื่อเป็นแบบแผนแนวทางในการนำไปประพฤติ ปฏิบัติ การเรียนรู้ทางธรรมก็เช่นกัน แต่กันก็แต่เมื่อเรียนรู้แล้ว นำไปปฏิบัติแล้ว แต่การก็เพื่อการละวางสิ่งต่างๆที่ยึดมั่นถือมั่นไว้ สิ่งที่ว่านี้มุ่งเน้นในเรื่อง กิเลส ตัณหา อุปาทาน อวิชชา ทั้งหลายให้ลดลงบ้าง
ส่วนใครจะปฏิบัติได้ระดับไหนนั้นเป็นอีกเรื่องนึง

สรุปคือ เป็นเพียงอุบายเพื่อกระตุ้นให้จุดประสงค์ที่ท่านทั้งหลายนั้นกระทำๆกันอยู่ขณะนี้ได้ระลึกถึงจุดประสงค์ที่ได้เข้ามาหาความรู้หาแสงสว่างของชีวิตเชิงธรรมะบ้าง

 

ไม่รู้อ่ะครับ ว่านิพพานเป็นอย่างไร แต่ถ้าให้เดา

ผมคิดว่า น่าจะไม่มี และไม่รู้สึกอะไรเลย เหมือนข้อมูล

โดนลบจากฮาร์ดดิสก์ เหมือนตัวละคร โดนลบจาก ID น่ะครับ