หลวงปู่พิบูลย์ถูกถ่วงน้ำไม่ตาย

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย มากับพระครับ, 26 ตุลาคม 2009.

  1. ซักวันจะคิดออก

    ซักวันจะคิดออก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,556
    ค่าพลัง:
    +6,330
    ก็ไปตามเส้นทางเดิม หลังจากออกจากวัดสิงห์ ก็หาทาง U-Turn

    สังเกตขวามือที่มีการสร้างสะพาน และมี LOTUS ท่านา อยู่

    ไป U-Turn มาเพื่อจะเลี้ยวเข้าแยกนั้น

    เมื่อเลี้ยวเข้าไปแล้ว ตรงไปจนสุดทาง จะเจอสามแยก

    เมื่อเจอสามแยกให้เลี้ยวขวา แล้วตรงไปอีกนิดเดียว ไม่ไกลมากนัก ก็จะเจอวัดกลางบางแก้ว อยู่ทางซ้ายมือ

    หลังจากเสร็จสองวัดนี้แล้ว

    ให้ย้อนกลับไปทางเดิม บริเวณสามแยก จะีมีตลาดอยู่ ลองแวะทานอาหารแถวนั้นดูก่อน

    มีอร่อยอยู่หลายร้าน

    พออิ่มแล้ว ออกจากตลาด ให้เลี้ยวขวา ตรงไปเรื่อยๆ เพื่อไปวัดบางพระต่อ

    ตลอดทางจะมีป้ายบอกทางอยู่

    ออกจากวัดบางพระ ลองไปวัดสามง่าม ต่ออีก

    แล้วถ้ามีเวลาเหลือ ย้อนกลับมา เพื่อไปวัดท้องไทรต่อ ท่าจะดีมากมาย

    แต่วันแรก ไปให้รู้จักทางก่อนดีที่สุด เนื่องจากการไปวัดท้องไทร ค่อนข้างจะสับสน

    ไม่เหมาะแก่การอธิบายคนที่ไม่เคยไปแถวนั้นเลย
     
  2. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    เอ..คุณซักวันนี่ไปมาเกือบทุกวัดจริงๆรู้ทางหมดเลยนิ
     
  3. ratsung

    ratsung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2007
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,355
    สวัสดีครับ อาจารย์เอก
     
  4. K_P

    K_P เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,151
    ค่าพลัง:
    +3,536
    สวัสดีครับพี่เอก วันนี้จะมาเล่าเรื่องอะไรครับพี่ ผมเห็นภาพหลวงตาท่านที่พี่เอามาลงโหตาน่ากลัวอ่ะ ดูท่าทางดุมาก

    ขอบคุณครับพี่มดที่แนะนำเส้นทาง
     
  5. โก๋เอี่ยม

    โก๋เอี่ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,784
    ค่าพลัง:
    +730
    ก็กะว่าจะให้เกี๊ยก ไปอยู่เป็นเพื่อนหลวงปู่สัก 2-3 คืน (deejai)
     
  6. ซักวันจะคิดออก

    ซักวันจะคิดออก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,556
    ค่าพลัง:
    +6,330
    ไปได้แค่ใกล้ๆนี่แหละครับ
    นครปฐม
    อยุธยา
    สมุทรสงคราม
    อ่างทอง
    เต็มที่ก็วัดชายนา เพชรบุรี
     
  7. K_P

    K_P เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,151
    ค่าพลัง:
    +3,536
    ผมไปให้นะพี่โก๋ว แต่พี่โก๋วต้องไปอยู่กับเกี๊ยกด้วย

    พี่ซักวันจะคิดออกสงสัยของดีจะเยอะมากมาย
     
  8. K_P

    K_P เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,151
    ค่าพลัง:
    +3,536
    ไปแล้วดีก่าไปหาหลวงปู่สัญญาก่อน ตอนดึกมาใหม่ครับ
     
  9. K_P

    K_P เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,151
    ค่าพลัง:
    +3,536
    ผมเคยไปวัดท้องไทรกับเพื่อนทีนึง โอ๊ยพยายามจะจำก็จำไม่ได้เขาพาเลี้ยวแล้ว ทะลุ นู่นี่

    แต่สุดท้ายก็ได้เบี้ยหลวงปู่อั้บมา 1 ตัว ดีใจมากมาย ไปจิงละ พี่โก๋วไปด้วยกันไหม
     
  10. ซักวันจะคิดออก

    ซักวันจะคิดออก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,556
    ค่าพลัง:
    +6,330
    แหมไปวัดท้องไทรทั้งที ต้องนางพิม-ดำเซ็น สิครับ
    สุดยอดเมตตา มหาเสน่ห์
     
  11. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    ภาพบริเวณเจดีย์ชัยมงคล วัดใหญ่ชัยมงคล จ.อยุธยา

    รอบๆพระเจดีย์ที่สถิตย์ดวงพระวิญญาณสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • r 179.jpg
      r 179.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.2 KB
      เปิดดู:
      56
    • r 148.jpg
      r 148.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.8 KB
      เปิดดู:
      53
    • r 111.jpg
      r 111.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.5 KB
      เปิดดู:
      63
    • r 109.jpg
      r 109.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.9 KB
      เปิดดู:
      59
    • DSC06739.JPG
      DSC06739.JPG
      ขนาดไฟล์:
      436.4 KB
      เปิดดู:
      65
  12. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    ภาพการเททองที่เข้มขลังอย่างไม่เคยมีมาก่อน

    ๑๐เกจิอยุธยาร่วมกันเททองพระกริ่งในดินแดนต้นกำเนิดของวิชาสร้างพระกริ่งไทยต่อหน้าสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว(วัดใหญ่ชัยมงคลในปัจจุบัน)องค์ต้นวิชาและสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพื่อเทิดพระเกียรติท่านณ.สถานที่สถิตย์ดวงพระวิญญาณแห่งท่าน
     
  13. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    เย็นๆค่อยมาอัพครับ ช่วงนี้ไม่มีเวลา
     
  14. โก๋เอี่ยม

    โก๋เอี่ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,784
    ค่าพลัง:
    +730
    เย็นแย้ว จะค่ำอีกต่างหาก รออยู่น้า ความรู้เสริมสร้างภูมิปัญญา
     
  15. Reflect

    Reflect เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,439
    ประวัติการสร้าง พระกริ่ง

    [​IMG]
    พระกริ่ง "พระไภสัชคุรุ"


    ประวัติการสร้าง"พระกริ่ง" มีมาแต่โบราณ ประวัติพระกริ่ง เริ่มขึ้นที่ในประเทศทิเบต และจีน จึงเรียกติดปากว่า พระกริ่งทิเบต และพระกริ่งหนองแส พระกริ่งเป็น พระพุทธเจ้าปางมาช่วยโปรดสัตว์โลก หรือเรียกกันว่า "พระไภสัชคุรุ" เป็น พระพุทธเจ้าปางหนึ่งของลัทธิมหายาน ซึ่งหมายความว่า ทรงเป็นครูในด้านเภสัช คือ การรักษาพยาบาล ต่อมาได้แพร่หลายมาก นิยมสร้างในเขมร เรียกว่า พระกริ่งอุบาเก็ง หรือ พระกริ่งพนมบาเก็ง และพระกริ่งพระปทุมสุริยวงศ์


    สำหรับพระกริ่งที่มีชื่อเสียงทรงคุณวิเศษหลายประการมีผู้นิยมนับถือกันมากยิ่งในปัจจุบันนี้ยิ่งหายาก ต้องยกให้ พระกริ่งวัดสุทัศนฯ เพราะสมเด็จพระสังฆราช(แพ) ทรงสร้างไว้จำนวนไม่มาก
    พระกริ่ง วัดสุทัศน์ สาเหตุที่ทรงสร้าง พระกริ่งวัดสุทัศนนั้นเนื่องจากเมื่อครั้งที่ สมเด็จพระวันรัต(แดง) พระอุปัชฌาย์อาพาธเป็นอหิวาตกโรค สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระองค์ทรงเคยรักษาผู้ป่วยเป็นอหิวาตกโรคให้หายได้ ด้วยการอาราธนาพระกริ่งลงในน้ำ ทำเป็นน้ำพระพุทธมนต์ แล้วโปรดให้น้ำนั้นแก่ผู้ป่วยดื่ม ปรากฏว่าหายอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้วก็อาราธนาพระกริ่งลงในน้ำ ทำน้ำพระพุทธมนต์ประทานแก่ สมเด็จพระวันรัต(แดง) เมื่อท่านฉันน้ำพระพุทธมนต์นั้นแล้วก็บรรเทาหายอาพาธเป็นปกติ
    สมเด็จพระสังฆราช(แพ ติสฺสเทว) วัดสุทัศนเทพวรารามได้ทอดพระเนตรเห็นคุณวิเศษน่าอัศจรรย์ของพระกริ่งในขณะนั้นแล้ว จึงเกิดความสนพระทัย และทรงเริ่มศึกษาค้นคว้าตำราที่จะสร้างพระกริ่งเรื่อยมา จนมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการสร้าง จนเจนจบ เมื่อจะมีการสร้างพระกริ่งขึ้นครั้งใด พระองค์จะถูกขอร้องให้เป็นผู้ชี้แจงการสร้าง และการหล่อ ในฐานะประธานการหล่อพระกริ่งเสมอมา

    ประวัติพระกริ่ง และตำนานพระกริ่ง และพระชัยวัฒน์

    ตำนานความเป็นมาของพระกริ่งและ พระชัยวัฒน์ของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ซึ่งนายนิรันดร์ แดงวิจิตร หรือ อดีตพระครูวินัยกรณโสภณ เป็นผู้เขียน มีข้อความที่น่าสนใจมากดังนี้
    ตำนานความเป็นมาของพระกริ่งและ พระชัยวัฒน์ "คำว่ากริ่ง" นี้ หมายความว่ากระไร สมเด็จฯ (สมเด็จพระสังฆราช แพ ติสฺสเทว) เคยรับสั่งเสมอว่า คำว่า "กริ่ง" นี้ มาจากคำถามที่ว่า "กึ กุสโล" (กิง กุสะโล) คือ เมื่อพระโยคาวจรบำเพ็ญสมณธรรมมีจิตผ่านกุศลธรรมทั้งปวงเป็นลำดับไปแล้ว
    ถึงขั้นสุดท้ายจิตเสวยอุเบกขาเวทนา ปุญญาภิสังขาร (สภาพที่ปรุงแต่งกรรมฝ่ายดี ได้แก่ กุศลเจตนา) เปลี่ยนเป็น อเนญชา (สภาพที่ปรุงแต่งภพอันมั่นคง ไม่หวั่นไหว ได้แก่ ภาวะจิตที่มั่นคงแน่วแน่ด้วยสมาธิแห่งจตุตถฌาน คือ ฌานที่ 4) เป็นเหตุให้พระโยคาวจรเอะใจขึ้นว่า "กึ กุสโล" นี้เป็นกุศลอะไร เพราะเป็นธรรมที่เกิดขึ้น แปลกประหลาด ไม่เหมือนกับกุศลอื่นที่ผ่านมา ดังนั้น คำว่า "กึ กุสโล" จึงเป็นชื่อของ อเนญชา คือ "นิพพุติ" แปลว่า "ดับสนิท" คือหมายถึงพระนิพพานนั่นเอง"
    มูลเหตุที่สมเด็จพระสังฆราช(แพ) ทรงสร้างพระกริ่งและ พระชัยวัฒน์นั้น มีดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ ทรงเล่าว่าเมื่อพระองค์ดำรงสมณศักดิ์เป็นพระศรีสมโพธิ ครั้งนั้น สมเด็จพระวันรัต (แดง) อาพาธเป็นอหิวาตกโรค สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ครั้งยังทรงเป็นกรมหมื่นเสด็จมาเยี่ยม เมื่อรับสั่งถามถึงอาการของโรคเป็นที่เข้าพระทัยแล้ว รับสั่งว่า เคยเห็นกรมพระยาปวเรศฯเสด็จพระอุปัชฌาย์ของพระองค์อาราธนาพระกริ่งแช่น้ำอธิษฐาน ขอน้ำพระพุทธมนต์แล้วให้คนไข้เป็นอหิวาตกโรคกินหายเป็นปกติ
    พระองค์จึงรับสั่งให้มหาดเล็กที่ตามเสด็จไปนำพระกริ่งที่วัดบวรนิเวศแต่สมเด็จฯ ทูลว่า พระกริ่งที่กุฏิมี สมเด็จพระมหาสมณเจ้า จึงรับสั่งให้นำมา แล้วอาราธนาพระกริ่งแช่ น้ำอธิษฐานขอน้ำพระพุทธมนต์แล้วนำไปถวายสมเด็จพระวันรัต (แดง) เมื่อท่านฉันน้ำพระพุทธมนต์แล้ว โรคอหิวาต์ก็บรรเทาหายเป็นปกติ ส่วนจะเป็นพระกริ่งสมัยไหนพระองค์ท่านรับสั่งว่าจำไม่ได้
    สำหรับคำกล่าวว่าตำราสร้างพระกริ่งใน ยุคกรุงรัตนโกสินทร์นี้ เดิมเป็นตำราของสมเด็จพระนพระชัต วัดป่าแก้ว สำนักอรัญญิกาวาสสมถธุระวิปัสสนาธุระแห่งกรุงศรีอยุธยา และมาอยู่ที่สมเด็จกรมพระยาปรมานุชิตชิโนรส ศรีสุคตขัตติยวงศ์ วัดพระเชตุพนฯ จากนั้นพรมงคลทิพย์มุนี (มา) วัดจักรวรรดิราชาวาส ก่อนที่จะมาตกอยู่ที่สมเด็จพระสังฆราช (แพ) เมื่อครั้งยังทรงสมณศักดิ์เป็นพระเทพโมลี
    นอกจากนี้การแสวงหาแร่ธาตุที่มีคุณต่างๆ นั้น ต้องใช้ความพยายามไม่น้อย ตามตำราการ สร้างพระกริ่งเนื้อ นวโลหะสายวัดสุทัศนฯ ประกอบไปด้วย 1.ชินน้ำหนัก 1 บาท (1 บาท = 15.2 กรัม) 2.จ้าวน้ำเงิน น้ำหนัก 2 บาท(แร่ชนิดหนึ่ง สีเขียวปนน้ำเงิน) 3.เหล็กละลายตัว น้ำหนัก 3 บาท 4.บริสุทธิ์ทองแดงบริสุทธิ์น้ำหนัก4 บาท 5.ปรอท น้ำหนัก5 บาท 6.สังกะสี น้ำหนัก 6 บาท7.ทองแดง น้ำหนัก 7 บาท 8.เงิน น้ำหนัก 8 บาท และ 9.ทองคำ น้ำหนัก 9 บาท มาหล่อหลอมให้กินกันดีแล้วนำมาตีเป็นแผ่นแล้วจารยันต์ 108 กับ นะ ปถมัง 14 นะ ครั้งได้ฤกษ์ยามดีก็จะพิธีลงยันต์ในพระอุโบสถต่อไป จากนั้นก็กลับนำมาหล่อตามฤกษ์อีกครั้ง
    ด้วยมวลสารพิธีกรรม และฤกษ์ ทำให้พระกริ่งที่ สร้างในยุคก่อนมีความเข้มขลังสามารถแช่น้ำทำน้ำมนต์มาดื่มกันรักษาโรคได้ แต่การสร้างยุคหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นการรวบรัด แม้ว่าจะเป็นเนื้อนวโลหะครบตามสูตร แต่การจารยันต์และฤกษ์การเทนั้นไม่เป็นตามตำรา พระกริ่งยุคหลังจึงนำมาแช่น้ำทำน้ำมนต์มาดื่มกันรักษาโรคไม่ได้ดีเท่าในอดีต
    พระกริ่ง เป็นพระเครื่องที่คนในวงการพระเครื่องเชื่อมากันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะ "เซียนพระกริ่ง" ยังเชื่อกันอย่างแน่วแน่ว่า สามารถช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ทุกโรค โดยเฉพาะโรคที่การแพทย์แผนปัจจุบันหาสาเหตุไม่พบ และรักษาด้วยยาไม่ได้ ยามใดที่เกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจงอธิษฐานขออำนาจพุทธคุณในพระกริ่ง แล้วนำพระแช่น้ำ จากนั้นก็เอามาดื่ม บ้างก็นำมาอาบ เพื่อความเป็นสิริมงคล โรคภัย ไข้เจ็บป่วยอยู่นั้น ก็จะหายโดยอัศจรรย์
     
  16. Reflect

    Reflect เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,439
    ไม่มีใครเลย....... หายหมด
     
  17. ซักวันจะคิดออก

    ซักวันจะคิดออก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,556
    ค่าพลัง:
    +6,330
    อือข้อมูลนี้น่าสนใจมาก ต้องจดใจไว้
    ขอบคุณนะครับท่านลี
     
  18. โก๋เอี่ยม

    โก๋เอี่ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,784
    ค่าพลัง:
    +730
  19. Reflect

    Reflect เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,439

    เล็กน้อยๆนำมาฝากกันครับ...
     
  20. โก๋เอี่ยม

    โก๋เอี่ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,784
    ค่าพลัง:
    +730
    เนื่องจาก จขกท. ม่ายอยู่หนูเลยเอาคำทำนายมาให้ดูฆ่าเวลา

    ทำไม ปีหน้าควรระวังมากๆ เพราะว่า<!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec-->สิทธิ การิยะ คนโบราณกล่าวขานไว้ว่า ณ หนแห่งใดหากผู้คนมีความขัดแย้งในความคิด คำพูดคำจา และการกระทำนานา ในที่แห่งนั้นย่อมเกิดความ “อุบาทว์” ความอุบาทว์เกิดมีมาที่ไหน หนแห่งนั้นย่อมเต็มไปด้วย “โลกาวินาศ” ศักราชใหม่ 2553 วันจันทร์เป็นวันอุบาทว์ และวันเสาร์เป็นวันโลกาวินาศ ตามกาลโยค ปีขาล “เสือ” ตามนักษัตร ดวงดาวที่โคจรในจักรวาล สับสนวุ่นวายนักหนา มิเป็นไปตามธรรมดาของธรรมชาติ หนำซ้ำยังโคจรในตำแหน่งราศีที่เลวร้ายอย่างยิ่ง เช่น ดาวพฤหัสฯ (5) โคจรในราศี มังกร ราศีกุมภ์ เจ้าเรือนดาวเสาร์ (7) ซึ่งเป็นกาลกิณีตามกาลโยค และดาวเสาร์ (7) ก็โคจรในราศีกันย์ เจ้าเรือนคือดาวพุธ (4) ที่เป็นกาลกิณีของดาวเสาร์ ความผันผวนปั่นป่วนย่อมต้องมีมากมายในปีศักราช 2553 เช่น การแตกแยกของความคิด คำพูด และการกระทำใดๆของผู้คนในแผ่นดิน เกือบจะทุกชาติทุกภาษาแหละหนา ทั้งเศรษฐกิจความเป็นอยู่ อากาศ อาหาร ดิน น้ำ ลม ไฟ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปผิดแผกจากธรรมดาที่เคยเป็นมาแต่เก่าก่อน เราท่านหากปลงไม่ตก หรือปรับตัวได้ไม่ทันกาลอาจเดือดร้อนแสนสาหัสได้

    ตำแหน่ง ดวงดาวเป็นเครื่องชี้บอก ทั้งเวรกรรมและธรรมชาติทั้งปวงในจักรวาล ข้าพเจ้ายึดถือปฏิทินโหราศาสตร์ของ “อาจารย์ทองเจือ อ่างแก้ว” เป็นบรรทัดฐานในการพยากรณ์เสมอมา และขอพยากรณ์ในปีพุทธศักราช 2553 ดังต่อไปนี้.

    <!--/sizec-->
     

แชร์หน้านี้

Loading...