ความเข้าใจผิดที่หลายคนมีต่อท่านพุทธทาสภิกขุ

เรื่อง คณะศิษย์ของหลวงปู่ดู่ กับ ท่านพุทธทาส

​

พระพุททาสภิกขุ
​

เมื่อ เอ่ยถึงท่านพุทธทาส แห่งสวนโมกขพลาราม จ.สุราษฎร์ธานี หลายๆ คนต้องรู้จัก เพราะท่านเป็นพระที่สอนการปฏิบัติธรรมแบบทางตรงไม่อ้อมค้อม จนบางครั้งมีผู้สงสัยว่า ไม่เห็นท่านเอ่ยถึงนรก สวรรค์ ชาตินี้ ชาติหน้า

ซึ่ง บรรดาลูกศิษย์ของท่านหลายๆ คน เลยตัดสินว่าที่ท่านไม่พูดนั้นแสดงว่า ไม่มีจริงเพราะท่านสอนแบบประโยชน์ในปัจจุบันจริงๆโดยเขาอ้างว่าตามพระ ไตรปิฎก ที่พระพุทธเจ้าสอนพุทธธรรมกำมือเดียวแต่ใบไม้ที่นอกกำมือมีอีกมาก จะปฏิเสธไปเลยทีเดียวไม่ได้ตามการวิเคราะห์ของผู้เขียนผู้ที่เข้ามาสนใจใน การปฏิบัติธรรม มีหลายจำพวก แยกได้คือ

๑.มาด้วยศรัทธา
๒.มาด้วยความทุกข์
๓.มาเพื่อสร้างปัญญา

พวก ที่ศรัทธานั้นมีหลายประเภทบางคนมาด้วยสนใจในอิทธิฤทธิ์ พวกพระเครื่อง ฯลฯโดยเริ่มจากวัตถุมงคลเป็นตัวชักนำพวกที่มาด้วยความทุกข์ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครเลยเข้ามาหาศาสนาพวกที่ศรัทธาแท้ๆ นั้น เสมือนพวกเรียนอุดมศึกษา ระดับมหาวิทยาลัยท่านพุทธทาส ท่านจะสอนเน้นนักศึกษาระดับนี้เป็นการสอนแบบเซน (สูญญตวาทะ)

บางครั้งการสอนเรื่องจิตว่างของท่านซึ่งใช้คำว่า "จงทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง"เป็น การทำงานเพื่องานทำบุญโดยไม่หวังอะไรซึ่งระดับจิตต้องพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง เคยมีวิวาทะระหว่างท่านคึกฤทธิ์กับท่านพุทธทาสในเรื่องนี้มีหนังสือตีพิมพ์ ออกมาเป็นการพูดกันคนละมุม

เมื่อมีเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ จึงเกิดข้อสงสัยในพวกปฏิบัติธรรมว่าท่านพุทธทาส อาจเป็นพระประเภทสุขวิปัสสโกทำให้ไม่รู้เรื่องสวรรค์ นรกแต่ในความเป็นจริงแล้วถึงแม้ว่าได้แบบปัญญาล้วนๆ ก็ย่อมไม่ปฏิเสธในเรื่องเหล่านี้

​

ผู้ ที่ปฏิบัติสายอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระและสายมโนมยิทธิของหลวงพ่อฤาษีลิงดำและสายวัดปากน้ำ เกิดความคลางแคลงใจอย่างมาก แต่ก็มีพระในสายนี้ออกมารับรองเช่น พระอาจารย์ชา สุภัทโท จ.อุบลราชธานีท่านจะรับรองการเทศน์ของท่านพุทธทาสเป็นอย่างมาก หลวงพ่อเกษม เขมโก ซึ่งอยู่จังหวัดลำปางพูดถึงท่านพุทธทาสให้ลูกศิษย์ฟังว่าท่านเป็นพระอนาคามี เป็นต้น


<!--[if gte vml 1]><v:shape id="_x0000_i1035" type="#_x0000_t75" alt="" style='width:285pt;height:375pt'> <v:imagedata src="monpic_files/image011.jpg" o:href="http://i342.photobucket.com/albums/o418/lovetg1/4279fbc2.jpg"/> </v:shape><![endif]--><!--[if !vml]-->

[FONT=&quot]หลวงพ่อชา สุภัทโท[/FONT]
​

เมื่อ มีคณะศิษย์ของหลวงปู่ดู่ได้เดินทางไปนมัสการท่านพุทธทาสโดยนำสังฆทานพร้อม พระพุทธรูปที่อธิษฐานจิตโดยหลวงปู่เพื่อนำไปถวาย พร้อมคำถามที่จะกราบเรียนถึงเรื่องลึกลับต่างๆ ว่าจะมีจริงหรือเป็นตามคำเล่าลือหรือไม่ว่าท่านไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้

ผู้ คนไปนมัสการท่านมาก เป็นปกติของพระผู้ใหญ่คณะที่ไปจัดแจงนำสังฆทานเข้าไปถวายเมื่อเห็นว่าปลอดคน ท่านพุทธทาสรับสังฆทานเสร็จเรียบร้อยท่านถามว่า "พระนำมาจากไหน" เมื่อได้รับคำตอบจากคณะศิษย์ ท่านพูดขึ้นมาว่า "เรื่องนี้ต้องคุยกันนาน ไว้ตอนกลางคืนมาคุยกันใหม่" สรุปว่ายังไม่รู้คำตอบที่แท้จริงเพราะภายในวัดสวนโมกข์ไม่ค่อยมีการสร้างพระพุทธรูปและวัตถุมงคลต่างๆ

ตกกลางคืนตามที่ท่านนัดหมายเมื่อคณะศิษย์ของหลวงปู่เข้าไปกราบท่านท่านจึงพูดขึ้นว่า

"เรา เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าจะปฏิเสธเรื่องของพระพุทธเจ้าไม่ได้นรก สวรรค์นั้น ก็เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็นจริงชาตินี้ ชาติหน้า แม้แต่ยุคพระศรีอาริย์ก็มีจริง แต่เราเล็งเห็นความหยาบของจิตในมนุษย์เหล่านี้ เราเลยไม่สอน สอนแต่บรมธรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้น"

คณะที่ไปกราบรับฟังและพร้อมกับขอขมาโทษในองค์ท่านเพราะทุกคนไม่คิดจะได้ฟังประโยคเหล่านี้ ทำให้หมดสงสัย

​

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

​

ซึ่งตรงกับที่หลวงปู่ดู่เคยพูดไว้เมื่อมีลูกศิษย์ของท่านกล่าวเชิงวิจารณ์ท่านพุทธทาสโดยท่านเตือนว่า

"อย่าไปประมาทท่าน ท่านก็มีดีของท่าน เราไม่รู้จริง เดี๋ยวเป็นบาปนะแก"



--------------------------------------------------------------

ที่มา : ร่มเงาพุทธฉัตร, (คณะศิษย์ของหลวงปู่ดู่ กับ ท่านพุทธทาส)
ผู้เขียน : อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์

 

​

ศิษย์สายหลวงพ่อฤาษีคนเก่าๆยังว่ามีครั้งหนึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านให้ศิษย์พานั่งรถไปหาท่านพุทธทาส เข้าใจว่าที่สวนโมกข์ น้อยคนนักที่จะรู้เพราะเป็นการพบกันส่วนตัวพอท่านเจอกันต่างองค์ก็ไหว้ซึ่ง กันและกัน และสนทนาธรรมกันอีกกว่า2 ชั่วโมง พอตอนลูกศิษย์พาหลวงปู่ฤาษีขับรถกลับท่านพูดให้ลูกศิษย์ ในรถได้ยินกันชัดแจ๋วว่า "เออ อย่างนี้สิถึงจะคุยถูกคอ"​

 

อนุโมทนา หลงเข้าใจว่าท่านไม่ถูกกันมาตั้งนาน แต่ใจเราศรัทธาในทุกองค์

 

นรก สวรรค์ กฏแห่งกรรม การเวียนว่ายตายเกิดฯลฯ เหตุที่ท่านไม่พูดหรือไม่ปรากฏในตำราของท่าน เพราะต้องเป็นหลักทางปัญญา แก่ชาวต่างประเทศ ผู้ศึกษาพระศาสนา และคนหัวสมัยใหม่ในปัจจุบัน เพราะคำสอนและหนังสือ ตำรา ของท่านเผยแผ่ไปต่างประเทศ และเป็นที่ยอมรับนับถือของชาวต่างประเทศ เป็นจำนวนมาก หากท่านพูดเรื่องเหล่านี้ เกิดเขาซักถามและต้องการรายละเอียดขึ้นมา มันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายและพิสูจน์ (อย่าว่าแต่ชาวต่างประเทศเลย คนไทยเรานี้แหละ ตอนนี้ลองไปพูดเรื่องนี้กับคนหัวสมัยใหม่ดู เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ฯลฯจะต้องโดนหัวเราะใส่ และถูกมองด้วยสายตาที่ถูก เหมือนกับผู้พูดเรื่องเหล่านี้ เป็นคนโง่ และงมงาย โลกเขาเจริญไปถึงใหนกันแล้ว เป็นต้น) ท่านเลยไม่สอน แต่เน้นคำสอนที่เห็นได้จริง ปฏิบัติแล้วเห็นผลจริง...พอได้มาอ่านกระทู้นี้ เลยสอดคล้องกับความคิดความเชื่อที่มีอยู่ก่อนแล้ว ....และคงจะเป็นอุทาหรณ์ให้เราได้ว่า อย่าเอาความคิดและสติปัญญาของเราไปตัดสินท่านในทางที่เสียหายเป็นอันขาด ...จะเป็นการปรามาสพระ.???..เป็นบาปเป็นกรรมเสียเปล่าๆ

...อนุโมทนาสาธุ กับเจ้าของกระทู้อย่างสูง..ครับ

 

คือต้องแก้ไขนะครับ คือใครบอกว่าท่านพุทธทาสไม่เชื่อนรกสวรรค์นี่ผิดครับ ใครบอกท่านเชื่อก็ผิดอีก พวกนี้ไม่เข้าใจท่านและตู่ความคิดตัวเอง

ท่านพุทธทาสทั้งไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ คือไม่ว่าใครจะว่าไงก็ไม่ต้องสนใจ
เราดูที่งานเขียนท่านนั้นแหละที่ตัดสินได้ดีที่สุด ท่านพูดไว้หมดและครับว่ามีไม่มี ทั้งนรกสวรรค์ผลกรรม ก็ไม่สำคัญ การดับทุกข์สำคัญกว่า ท่านจึ่งเน้นสอนบรมธรรม

การทำดีมันก็เป็นกำไรของชีวิตในชาตินี้แล้วไม่ต้องไปรอชาติอื่น การเวียนว่ายตายเกิดนะแค่ในชาตินี้มันก็นับไม่ถ้วนแล้ว จะดับก็ต้องดับมันที่ผัสสะในชาตินี้แหละ

 

ผมศึกษาธรรมะตามแนวของท่านพุทธทาสมาสักระยะหนึ่งแล้ว ผมว่าท่านก็สอนดีนะ อ่านเข้าใจได้ง่าย แล้วก็มีสาระ ใช้คำแบบตรงๆ งานเขียนบางชิ้นของท่านก็ถูกคนบางพวกที่ระดับปัญญาไม่เข้าถึงติเตียน ลบหลู่ วิจารณ์ และดูหมิ่นท่าน

ท่านพุทธทาสได้อธิบายไว้แล้วในเรื่องของภาษาคน-ภาษาธรรม ว่าถ้าเอามาใ้ช้ร่วมกันอาจสับสนได้ เพราะว่าภาษาของคนสามัญกับคนรู้ธรรมะจะเป็นคนละอย่างกัน แม้จะเขียนหรือเรียกเหมือนกัน แต่ความหมายที่ได้กลับต่างกัน

 

ท่านพุทธทาส อาจารย์ฝรั่งที่มหาลัยผมชอบมากเลยครับ
อาจารย์แกนับถือพุทธด้วย

คำสอนของท่านเน้น การใช้ชีวิต อย่างไร ให้ดับทุกข์ และมีความสุข
เป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย และสามารถนำมาใช้ได้จริง เป็นปรัชญาในการดำรงค์ชีวิต

 

"เรา เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าจะปฏิเสธเรื่องของพระพุทธเจ้าไม่ได้นรก สวรรค์นั้น ก็เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็นจริงชาตินี้ ชาติหน้า แม้แต่ยุคพระศรีอาริย์ก็มีจริง แต่เราเล็งเห็นความหยาบของจิตในมนุษย์เหล่านี้ เราเลยไม่สอน สอนแต่บรมธรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้น"

สาธุครับ

สงสัยอะไรอย่างว่าคนหัวสมัยใหม่ไม่จำเป็นต้องมองว่าเวียนว่ายตายเกิดเป็นเรื่องคร่ำครึ
คงไม่ใช่คนหัวสมัยใหม่หรอกที่มองเช่นนี้ คงเป็นพวกน้ำชาล้นถ้วยมากกว่า
ไม่ยอมคิดพิจารณาอย่างเป็นเหตุเป็นผล

แต่สอนชาวต่างชาติ ก็ควรแล้วที่ไม่ยกเรื่องนี้ไป
ต้องเปลี่ยนศรัทธาของเขาให้มั่นคงก่อน แล้วค่อยปรับจริตตอนหลัง
แล้วเขาก็จะรับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่นิยายปรัมปรา
แนวๆนี้ใช้กันแพร่หลายในการเผยแผ่วัชรยาน

 

ในบทความที่ผมโพส มีคำว่า คนหัวสมัยใหม่
ในความหมายของผม คือคนรุ่นใหม่ที่ศึกษา
และปฏิบัติ ในพระพุทธศาสนา มาน้อย หรือ
ไม่สนใจเลยและมีความเป็นนักวิชาที่จะต้อง
มีเหตุผลรองรับทางวิทยาศาสตร์(ต้องพิสูจน์
ให้เห็นด้วยตาจึงเชื่อ ทำนองนี้) สำหรับคนรุ่น
หนุ่มรุ่นสาวปัจจุบัน ที่สนใจทางพระพุทธศาสนา
รู้ เข้าใจ และปฏิบัติเพื่อมรรคผลจริงๆ ก็มีอยู่ครับ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้ขึ้นกับอายุ แต่ขึ้นกับการปฏิบัติ
คุณงามความดีบารมี ฯลฯ ของเขาเองครับ
...ต้องขออภัยด้วย ในการใช้ภาษาที่สือไม่ชัดเจน

<Oสำหรับคุณ Namushakamunibutsu ผมได้ติดตาม
บทความและกระทู้ต่างๆ มาพอสมควร นับว่าเป็นชาวพุทธยุคใหม่
<O(อายุ 17ปี ตามข้อมูล) ทีมีภูมิรู้ภูมิธรรม ไม่ธรรมดาเลย

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป ครับ...

 

ความรู้ทุกอย่าง ล้วนต้องใช้ปัญญา ในการใตร่ตรองที่จะรับรู้
ไม่ว่าผู้ให้นั้น จะเป็นนักปราชน์หรือ มีความรู้มากมายมาจากไหน
ทุกสิ่งต้องไม่ถูกต้องเสมอไป ตราบใดเมื่อปัญญาของเรา ยังไม่สามารถสังเคราะห์จนตกผลึกได้
แต่เรื่องบางเรื่อง ผู้ที่ได้รับนั้น ก็ต้องมีพื้นฐานความรู้บางอย่างอยู่ก่อนบ้าง
ซึ่งหาก อธิบายทุกอย่าง ทุกเรื่องไป ผู้รับนั้น อาจจะเข้าใจความหมายที่ผิด หรือบิดเบือน
จนกลายเป็น ทำให้ผู้รับ ไม่เกิดประโยชน์ หนำซ้ำ ยังจะเกิดโทษเพราะเข้าใจในสิ่งผิดๆ
จนนำไปต่อยอด ในสิ่งผิดๆต่อไป

ปัจจุบัน คนเรา มักจะศึกษาสิ่งที่จนเชื่อและชอบ
ขอแค่เปิดใจ และศึกษาในทุกเรื่องๆ ไม่ว่าเรื่องไหนๆ
ก็เป็นประโยชน์และทำให้เราเข้าใจธรรมมะที่แท้จริงได้ครับ

อนุโมทนาครับ

 

คำสอนของท่านล้วนเป็นปรัชญา ธรรมะอยู่ในธรรมชาติ ธรรมชาติคือธรรมะ

 

ธรรมะของท่านพุทธทาสภิกขุ นำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้หลายอย่างเลยครับ

 

เห็นด้วย อนุโมทนาครับ

 

นานาทัศนคติล้วนมาจากลูกศิษย์ที่โง่เขลาต่างสำนักทั้งนั้นวิจาณ์แม้กระทั้งพระสงฆ์องค์เจ้าตัวท่านจะสอนถูกหรือผิดเราปุถุชนคนธรรมดาถือแค่ศีล5ศีล8ไม่มีสิทธิแม้นจะคิด เป็นบาปเสียเปล่า ๆ
ปล.การใดที่ข้าพเจ้าได้เคยปรามาสพระสงฆ์องค์เจ้าเพราะมาจากการฟังก็ดี จากการอ่านก็ดี จากการได้เห็นก็ดี ไม่ว่าด้วยทางกาย วาจา และใจก็ดี ข้าพเจ้าขอตำหนิติเตียนตัวเองที่โง่เขลาเบาปัญญาไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้ดีก่อนที่จะ นึก คิด และกล่าวออกไป ขออโหสิกรรมนั้นให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ สาธุ

 

ความจริงก็ยังเป็นความจริง ไม่มีเป็นอื่น

 

http://palungjit.org/threads/สำหรับคนที่ปรามาสท่านพุทธทาส.228071/