หลวงปู่พิบูลย์ถูกถ่วงน้ำไม่ตาย

ของวัดไหน สำนักไหนบ้างคะพี่เอก... ดูเข้มขลัง... เก่าเก็บจริงๆ สุดยอด

 

ของจริงป่าวครับนั่น ?

แล้วอยู่ที่ไหน อะไร ยังไง

 

นี่ครับหลวงพ่อบุญไท

 

แหวนพิรอดสุดยอดมาก
อยากได้วงที่ 6 จังเลย
ใครเข้ามาทิ่มตาบอดเรยย

 

เขาว่าต้นอยู่ที่เพชรบูรณ์ แต่ผมไม่เชื่อครับ เคยมีข้อมูลว่าเขาเอาขวดพลาสติกรูปผู้หญิงไปใส่ผลน้ำเต้าตอนเล็กๆแล้วให้โตในขวดพลาสติกนี้บังคับรูปทรงผลน้ำเต้าให้ออกมาเป็นแบบนี้ พอแห้งได้ที่เอามาขายเป็นมัคนารีผล

 

แบบนี้เขาเรียกว่ารอดเพราะศัตรูตาบอดมองเราไม่เห็น วิ่งตามเราไม่ทัน..อิ..อิ.

 

จะคอยติดตามนะครับพี่เอก อย่าลืมเอามาโชว์นะครับ

อ่า ขอถามอีกนิดนึงนะครับหลวงพ่อทองสุ๘ท่านไม่ได้ทำเบี้ยหรอครับเห็นหลวงพ่อเผือกท่านก็ทำนี่ครับ

 

งามขนาด

ไม่ค่อยได้เห็นสิงห์งาแกะแบบทรงเครื่องซักเท่าไหร่ครับสำหรับตัวผม

 

เคยเห็นที่ วัดปทุมวนาราม แถวสยามนะ ลองไปดูซิ ตรงที่สำหรับนั่งสมาธินะ ใส่ตู้ไว้ เหมือนคนจิงๆเลย แต่ย่อส่วน

 

แหวนพิรอดของหลวงปู่ตาบ วัดมะขามเรียงเป็นอย่างไรบ้างครับพี่เอก

พอจะทราบหรือเปล่าครับ

 

สวัสดีครับมีแต่ของสวยๆ กันทั้งนั้นเลยนะครับ

 

เขาว่าสร้างปี ๓๒ ทำจากจีวรลงรักและปิดทองแต่หลวงพ่อมรณภาพปี ๓๓ เขาว่าอีกว่าตอนหลังท่านมรณภาพเจ้าอาวาสองค์ใหม่เปิดกุฏิแล้วนำออกให้บูชา ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเอาเองนะครับว่าทันท่านแน่รึป่าว?

 

ผมยังไม่มีข้อมูลเลย ว่าหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้วทำเบี้ย มีแต่ข้อมูลว่า หลวงปู่เผือด วัดมะกอก ตลื่งชัน ศิษย์พ่อเที่ยง น่วมมานา อ.ฆาราวาสชื่อดังที่เรียนเบี้ยมาจากหลวงปู่รอด วัดนายโรง เป็นคนทำ จำชื่อผิดมารึป่าว?

 

มาเพิ่มเติมให้ครับว่าที่วัดอโยธยามีให้ทำบุญ

 

แหวนข้าวตอกพระร่วง หลวงปู่ฤาษี ปี2528 ครับ

 

พี่เอกมาแล้ว สวัสดีครับ

 

หลวงพ่อหยอดท่านสืบวิชามาจากหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ แต่ข่าวว่าได้วิชามายังไม่หมด เนื่องจากลูกศิษย์ไปสร้างปัญหาเรื่องสะพานข้ามคลอง ทำให้หลวงปู่ใจวัดเสด็จยุติการสอน ขนาดได้วิชามายังไม่หมดยังเก่งขนาดนี้เลยครับ

 

<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD style="OVERFLOW: hidden" vAlign=top width="16%" rowSpan=2></TD><TD vAlign=top width="85%" height="100%"><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center></TD><TD vAlign=center>แร่ข้าวตอกพระร่วง เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์โดยธรรมชาติ
« เมื่อ: 07 กันยายน 2009, 09:18:57 AM »
</TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" vAlign=bottom align=right height=20></TD></TR></TBODY></TABLE><HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>ได้ของดีมาชิ้นหนึ่ง

ข้าวตอกพระร่วงแบบหิน.

ข้าวตอกพระร่วงแบบเจียรนัยแล้ว
...ทุกวันนี้โลกก้าวไปพร้อมเทคโนโลยี ของรอบๆกายอย่างคอมพิวเตอร์ กล้อง มือถือ ทำให้เราๆอาจจะหลงลืมสิ่งที่คนไทยเคยให้การเคารพบูชาไปบ้าง สิ่งที่มีฤทธิ์ทางที่วิทยาศาสตร์ไม่อาจให้คำอธิบายได้...

วันนี้ วันที่ 26 มกราคา 2552 พอดีที่บ้านผากขนมไหวตรุษจีนกลับมากรุงเทพมาให้น้าท่านนึงเป็เพื่อนกะอาอี๊ และก็พอดีน้าคนนี้เค้าไปวัดบ่อย ไปวัดต่างๆมากมาย พอเอาขนมที่ฝากมาไปให้ น้าคนนี้เลยเอาของเล็กๆในซองให้ผมบอกว่า "น้าก็ไม่มีอะไรจะเอาให้เป็นของตอบแทนน้ำใจ พอดีได้ข้าวตอกพระร่วงมา ผ่านพิธีพุทธาพิเศกที่วัดท่าซุงมาแล้ว" เลยรับมาได้มา 2 อัน อยู่ในถุง

... คราวนี้ แร่ข้าวตอกพระร่วงคืออะไร
พอตกเย็น เลยจัดการเซทไฟถ่ายรูปแรกพระร่วงนี้ไว้ โดยแร่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นหินเม็ดเล็กๆ ทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ อย่างที่เห็นในรูปแหละ เม็ดขนาดพอๆกับถ่านนาฬิกา เลยมาลองหาในเน็ตว่าที่ไปที่มาของแร่นี้เป็นยังไง เลยได้ข้อมูลมาตามนี้


ประวัติความเป็นมา

แร่พระร่วง ข้าวตอกพระร่วงหรือข้าวพระร่วง ตามตำนานของคนโบราณเล่ากันว่าข้าวตอกพระร่วงเป็นแร่ศักดิ์สิทธิื์์ ที่เกิดขึ้นในสมัย พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย พระร่วงท่านเป็นกษัตริย์ที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ กล่าวคือเปล่งวาจาอะไรออกไปก็จะเป็นไปตามนั้น ในขณะที่ท่านได้ออกผนวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ และได้ออกบิณฑบาตรในวันออกพรรษาตักบาตรเทโว เมื่อท่านฉันอาหารเสร็จแล้วข้าวที่เหลือก้นบาตรพร้อมข้าวตอกดอกไม้ท่านได้นำ ไปโปรยลงบนลานวัดเขาพระบาทใหญ่ แล้วทรงอธิษฐานว่า ขอให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่งและมีอายุยั่งยืนนานชั่วลูกชั่ว หลาน เมื่อใครที่ได้นำไปบูชา ขอให้เจริญด้วยโภคทรัพย์นานาประการ เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง...

แหล่งกำเนิด : บริเวณเขาพระบาทใหญ่ จังหวัดสุโขทัย

ลักษณะของแร่ข้าวตอกพระร่วง : มีลักษณะความแข็งคล้ายหิน มีรูปทรงตามธรรมชาติเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีสีดำ สีดำปนน้ำตาล สีดำปนลายเงินลายทอง(เชื่อถือกันว่าเป็นสื่อนำโชคลาภ และเงินทอง) เมื่อนำไปเจียรนัยจะมีลักษณะเป็นเงามันสวยงามมาก

สรรพคุณ : หลวงพ่อฤาษีฯท่านได้แจกแร่พระร่วงนี้เมื่อปี ๒๕๑๘ และได้มีประกาศไว้ดังนี้ แร่นี้มีคุณสมบัติเท่าที่ทราบจากพระธุดงค์ที่เคยประสบมาคือ

1.เมื่อจะใช้ท่านให้อาราธณาพระร่วงแล้วอมไว้ เดินทางตลอดวันไม่กระหายน้ำ
2. พระธุดงค์อีกคณะหนึ่งแจ้งว่า เมื่อเดินธุดงค์เพื่อนเกิดท้องร่วง ไม่มียาจึงเสี่ยงเอาแร่พระร่วงใส่กาต้มน้ำแล้วเอาน้ำให้ฉัน พระองค์ที่ป่วยหายจากอาการท้องร่วงทันที
3.เมื่อปี 2516 พระปลัดฉ่อง แห่งอำเภอสรรค์บุรี จังหวัดชัยนาท ได้ทำเป็นแหวนแจก ผู้รับไปจำชื่อไม่ได้ มีโจรเข้าปล้น...โจรมีปืน เจ้าของคนเดียวมีมีดด้วยความเสียดาย...แม้จะเป็นคนเดียวและอาวุธไม่ดีก็ยอม เสี่ยงเข้าไล่โจร โจรยิงด้วยปืนพกและลูกซอง ปรากฏว่าไม่มีแผล เจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีอะไรอื่นเลยมีเพียงแร่พระร่วงเท่านั้น...

และจากประสบการณ์ของผู้ที่ได้นำแร่นี้ไปบูชา จะพบกับความโชคดี มีโชคลาภ เมตามหานิยม แคล้วคลาด และยังสามารถนำไปฝนกับน้ำมะนาวใช้แก้พิษสัตว์กัดต่อยได้อย่างดีอีกด้วย

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ครับ..มาแป๊ปเดียว

 

ที่จริงในยุคก่อนหลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญจะดังขึ้นมา แม่กลองมีเกจิเก่งๆอยู่ ๓ องค์ คือ หลวงพ่อคลี่ วัดประชาโฆษิตาราม หลวงปู่รักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์ และหลวงพ่อทองอยู่ วัดเทพประสิทธิ์คณาวาส โดยเฉพาะหลวงพ่อทองอยู่นั้นเก่งเครื่องราง ปลาตะเพียน ตะกรุดสาริกาคู่และนางกวักที่ท่านสืบมาจากหลวงพ่อเชย วัดตาลบำรุงกิจ จ.ราชบุรี