เมื่อ"ฆราวาสโสดาบัน"ถามปัญหา"หลวงปู่สิมอรหันต์"

ท่านแสงครับ "กบฏศาสนาที่ไม่ร่วมพัฒนาชาติไทย" ท่านไม่เข้าใจจริงๆหรือไม่เข้าใจกันแน่
ฌานในที่นี่เป็นฌานที่พระพุทธองค์ทรงปฏิเสธไปแล้วว่า
ไม่ใช่ทางที่จะพ้นทุกข์ เป็นเพียงทำให้กิเลสเบาบางได้เท่านั้น

ถ้าผมมั่วซั่วไปต่อว่าท่านตรงไหนท่านยกมาด้วยครับ
มาพูดลอยๆแบบนี้ ผมไม่อาจตอบได้ครับ

ส่วนสัมมาสมาธินั้น ย่อมแตกต่างจากฌานเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง
สัมมาสมาธิเป็นสมาธิที่ปล่อยวางอารมณ์
ต่างจากฌานที่พระท่านกล่าวถึง เป็นสมาธิที่ยึดมั่นอารมณ์ รูป อรูปอย่างเหนียวแน่....

;aa24

 

วันนั้นพอดีพระช่วยกันสรงน้ำให้หลวงปู่สิมกันอยู่ หลวงปู่ถามผมว่าปฎิบัติยังไง ผมตอบหลวงปู่ว่า ดูจิตให้เป็นอนัตตาครับหลวงปู่ หลวงปู่สิมตอบกลับว่า อย่าๆเพิ่งไปทำอย่างนั้น พุทโธๆๆๆไป เดี๋ยวมันดีเอง

 

ยังไม่ได้บรรลุอรหันต์ระวังจะตกนรกนะครับ

ฌาน ๔ นำไปสู่นิพพานได้

ปัญหา ลำพังการทำสมาธิจนได้ฌาน จะสามารถนำไปสู่นิพพานได้หรือไม่ ?

พุทธดำรัสตอบ “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนแม่น้ำคงคาไหลไปสู่ทิศตะวันออก หลั่งไปสู่ทิศตะวันออก บ่าไปสู่ทิศตะวันออกฉันใด ภิกษุเจริญพอกพูนซึ่งฌาน ๔ ย่อมเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพานฉันนั้น....
“ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฌาน ๔ อันภิกษุพึงเจริญเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องบน ๕ (คือ รูป ราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา) เหล่านี้แล”

ฌานสังยุต มหา. สํ. (๑๓๐๑-๑๓๐๔ )
ตบ. ๑๙ : ๓๙๒-๓๙๓ ตท. ๑๙ : ๓๖๐-๓๖๑
ตอ. K.S. ๕ : ๓๗๒

 

กระทู้นี้เค้าไห้เห้นความเพียรพยายามในการทำดี ของพระผู้ปติบัติ ก้ขออนุโมทนาด้วย

 

ท่านนิยายธรรม ท่านตอบไว้ดีแล้ว ใครเป็นผู้กำกับจิตหรือกาย???
เมื่อผู้กำกับมีแต่อกุศลจิต จะกำกับการแสดงออกมาได้ดีมั้ย???

ให้ผู้กำกับคนนี้ไปบอกดารานักแสดงสิว่า ให้หัวมีอกุศลจิตแล้วห้ามไม่ได้
ใครเค้าจะอยากเข้าใกล้หละ ผมก็เซ็งเป็นเหมือนกัน คุยกับคนที่ไม่มีเหตุผล

ท่านครับ ทำไมจะสนองอารมณ์อันเลวร้ายของเค้าไม่ได้หละ
เค้าอาจแสดงหรือพูด เพื่อคนอื่นฆ่ากันตายได้อยู่ แม้ไม่ต้องลงมือเองก็ตาม
ถึงกฏหมายเอาผิดไม่ได้ กรรมย่อมตามเค้าไปในกาลข้างหน้าอย่างแน่นอนครับ

ผมเอาของท่านนิยายธรรมมาให้อ่านอีกสักครั้งจะได้ตาสว่างเสียที

;aa24

 

ก่อนอธิบายความ ผมขอถามท่านหน่อยท่านนิยายธรรม มีความสำคัญแค่
ไหนครับ ท่านถึงได้เอามาอ้าง ท่านนิยายฯได้ปธ.๙มาหรือครับ ผมจะบอก
ให้นะครับ ท่านนิยายฯเป็นเพียงสมาชิกที่เข้ามาตั้งกระทู้คุย มาถาม
ในสิ่งที่รู้หรือไม่รู้ นี่ท่านถึงขนาดหน้ามืดตามัว ยกเอาท่านนิยายฯมาเป็น
พวกมาเป็นผู้รู้ในนี้ หรือเพียงแค่มาจากตำราเล่มเดียวกัน
.....เห็นยกข้ออ้างอิงท่านนิยายมา แต่ไม่ยกความเห็นผมที่หักล้างข้ออ้างอิง
นั้นมาด้วย นี้แหละทำอะไรคิดอะไรแคบๆ ผมจะบอกให้นะครับผมเคยคุยกับ
ท่านนิยายมาสองกระทู้แล้ว ผลมันจบที่ความเห็นผมทั้งสองกระทู้ ซึ่งมันแตก
ต่างกับท่านกับผม ที่มันจบด้วยคำผรุสวาทผมและกระทบกระเทียบครูบา
อาจารย์ (ท่านยกท่านนิยายมาอ้าง หวังว่าท่านคงจะรับผิดชอบ คำพูดที่
กล่าวถึงท่านนิยายในกระทู้นี้ด้วย)

....คำพูดท่านธรรมภูต "
เมื่อผู้กำกับมีแต่อกุศลจิต จะกำกับการแสดงออกมาได้ดีมั้ย???

ให้ผู้กำกับคนนี้ไปบอกดารานักแสดงสิว่า ให้หัวมีอกุศลจิตแล้วห้ามไม่ได้
ใครเค้าจะอยากเข้าใกล้หละ ผมก็เซ็งเป็นเหมือนกัน คุยกับคนที่ไม่มีเหตุผล"

....บุญพิชิต
ว่าแล้วชอบเอาคำที่อธิบายคำจำกัดความของคำๆหนึ่ง มายอกย้อนเหมือนเด็ก
....บอกกี่ครั้งกี่หนว่าให้อยู่กับปัจจุบัน จะบอกให้ตัวที่กำกับกายไม่ให้
กระทำผิดณ.ขณะนั้น คือสติกับศีล ซึ่งสตินี้มันเกิดสลับกับอารมณ์อยู่ สิ่งที่ว่า
มันมาเร็วไปเร็ว มิน่าเล่าคนอย่างท่านถึงดูไม่ทัน

....คำพูดท่านธรรมภูต
"ท่านครับ ทำไมจะสนองอารมณ์อันเลวร้ายของเค้าไม่ได้หละ
เค้าอาจแสดงหรือพูด เพื่อคนอื่นฆ่ากันตายได้อยู่ แม้ไม่ต้องลงมือเองก็ตาม
ถึงกฏหมายเอาผิดไม่ได้ กรรมย่อมตามเค้าไปในกาลข้างหน้าอย่างแน่นอนครับ"

...บุญพิชิต
ณ.ปัจจุบัน เขาแสดงหรือพูดหรือเปล่าเขาก็ไม่ได้ทำ อย่าเอาเรื่องอนาคตที่
จะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ มาเป็นผลซิครับ ทำเป็นหมอเดาไปได้
...สมมุติว่า เขาทำอย่างที่ท่านบอก มันก็อยู่ในลักษณะของคนที่ลืมกฎหมาย
และคุกตะราง ถ้าพูดในทางธรรมก็คือ บุคคลเกิดความหลงในอารมณ์ลืม
ระลึกถึงศีลครับ
...ใช่แน่นอนครับ ความคิดก็เป็นเพียงความคิด กฎหมายจะไปล่วงรู้ความคิด
หรือเอาผิดกับความคิดได้อย่างไร
...ส่วนเรื่องกรรมนั้นนะครับผมจะบอกให้ มันไม่ได้ตามเขาไปกาลข้างหน้า
เลย กรรมก็เกิดกับเขาในปัจจุบันนั้นแหละครับ ยามเกิดอกุศลจิตโกรธแค้น
ความทุกข์ก็เกิดที่ใจตัวเอง แต่ถ้ายามใดมีกุศลจิตมีพรหมวิหารมาแทนที่ความ
ทุกข์ในใจก็หายไปครับ มันเป็นมโนกรรมครับ

 

ผมขอขมาต่อพี่นิวรณ์ครับ

ผมเจอเปรตห้าหัวตัวจริงเสียงจริงแล้วครับ พี่นิวรณ์เองยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ แต่ผมกลับเข้าใจผิดเพราะเหตุผลบางประการ ต้องขออภัยจริงๆครับ ที่กล่าววาจาล่วงเกิน ถือเสียว่าการติเตียนนั้นเป็นไปเพื่อความมีสติแล้วกันครับ แต่ที่ผมกล่าวไปทั้งหมดหาได้มีจิตใจอาฆาตมาดร้ายแต่อย่างไรไม่ แต่ตอนนี้ผมเจอตัวจริงเสียงจริง ยูสเซอร์ เปลี่ยนไปของเจ้า เปรตห้าหัวตัวนั้นแล้ว เจ้าปลาทองตัวใหญ่ปากเหม็นนั้นเกิดในยุคพุทธกาลครับ ส่วนเจ้าเปรตห้าหัวกำลังจะเกิดครับ
ขอขมาครับพี่นิวรณ์

 

เอ้า!!! พี่ภูติ ...ไหนเคยยกประเด็นเป็นวรรคเป็นเวรว่า พระท่านนั้นตำหนิฌาณ...
ประเด็นนี้แทบจะเป็นประเด็นเด็ดของพี่ภูติเลยว่าพระท่านนั้นตำหนิฌาณ ตำหนิ
สายปฏิบัติอะไรนั่น

มาวันนี้ พี่เบิ่งคำพูดตัวเองหลายๆรอบสิว่า

ตอนนี้กำลังพูดตำหนิฌาณอยู่ใช่ไหม

กำลังเสนออยู่ใช่ไหมว่า สัมมาสมาธิ-ไม่ใช่ฌาณ !!!?

พี่ภูติเองกำลังปฏิเสธ ฌาณ อยู่ใช่ไหม ....แล้วมันต่างกับที่พระท่านพยายาม
จะชี้ให้เห็นตรงไหนว่า สัมมาสมาธิ-กับ-ฌาณ มันคนละเรื่อง !?

กลุ้มแทน ตัวอัปปายะจังโร ที่จรเข้ามาครอบคลุมจิตพี่ภูติจริงๆเลย

* * * *

มองดูให้ดีนะพี่ ภูติ
1. ตอนนี้ พี่ภูติเอง ก็ประกาศแล้วว่า สัมมาสมาธิกับฌาณมันคนละเรื่อง ดังนั้น คนที่ทำมุ่งเอาฌาณก็มุ่งคนละเรื่องกับสัมมาสมาธิ
2. ตอนนี้ พี่ภูติเอง ก็ตีความธรรมโศลกของหลวงปู่ดูลย์ ดัดแปลงแก้ไข เสนอประเด็นที่ควรเขียนให้ถูก ด้วยตัวพี่เอง

พูดซื่อๆ อะไรที่พี่ติเขา ตอนนี้พี่เองก็ทำอยู่ ....โดยเนื้อหาสาระเหมือนกันยังกับแกะ ....แต่อะไรหละที่ฝังในตาพี่ภูติว่าพระท่านนั้น
ทำผิดไปจากตน .....อคติใดหนอ....

 

"จิต(เรา)ที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิต(เรา)ที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิต(เรา)เห็นจิต(จิตสังขารว่าไม่ใช่เรา)อย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิต(เรา)เห็นจิต(จิตสังขารไม่ใช่เรา) เป็นนิโรธ"

จิตมี 2 นิยาม แล้วหนอ

จิต(เรา) = จิตเที่ยง

จิต(จิตสังขารว่าไม่ใช่เรา) = จิตไม่เที่ยง

แปลตามที่เขาว่ามานะ ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด

เวลาเราพูดถึงจิต ไม่รู้จะเอาไงกันแน่ เดี๋ยวเที่ยงเดี๋ยวไม่เที่ยง เหอๆ แล้วแต่ใจกู ละกัน

 

คิดไว้แล้วเรียกเดาก็ว่าได้ว่ามันผิดไปจากนี้ไหม

มาจบที่อีหลอบเดิม เหมือนเดิม จิตคืออะไร เป็นยังไง มีผลอย่างไร แล้วถ้าไม่มีเป็นไง อะไรเป็นปัจจัย ให้รู้ให้ทราบ เฮ้อเซ็งแต่ก็นะ เอ้าซอยเท้ากันต่อไป

 

ท่านครับ ใจเย็นๆกันนะครับ ไม่ต้องรีบรุมกินโต๊ะ
ผมพอหาเวลาได้จะค่อยๆทยอยตอบทุกท่าน
เว้นแต่เด็กมีปัญหาเท่านั้น ต้องการเพียงแค่การยอมรับ

ท่านครับ ท่านเอาอะไรมาวัดภูมิธรรม เอาแค่มีเปรียญ๙เท่านั้นหรือ???
เคยเห็นมหาเปรียญต้องอาบัติเสพเมถุนมั้ยครับ???
อย่าหน้ามืดตามัวมองไม่เห็นความจริงอยู่เลย

ผมก็บอกแล้วว่ามัวแต่ยึดถือตัวบุคคลเท่านั้น ไม่ได้ดูที่ภูมิธรรมเลย
ในเมื่อท่านนิยายธรรมอรรถาธิบายไว้ได้ดี ท่านยังไม่ยอมรับเลย
กับกล่าวหาว่ารู้มาจากตำราเล่มเดียวกันเสียอีก ทั้งๆที่ผมไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย
เมื่อจนด้วยเหตุผลก็ออกอาการหน้ามืดตามัวเป็นประจำ
ผมย่อมรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำอยู่แล้วครับ ผิดกับบางท่านเห็นจนตรอกก็แว่บหนีทุกที....

หมดเวลา เวลาหมด มีเวลาจะมาตอบต่อครับ....

;aa24

 

ทำอย่างกับว่าผมอยากได้คำตอบจากท่านผู้มีแต่ความลวงโลกนักนิครับ เรื่องแบบนี้ถ้าผมเห็นว่าผิดจริงหรือไม่จริงหรือว่าผมเข้าใจผิดผมก็ไปถามพระท่านเองแหละครับ ไม่ต้องรอความเห็นของคนที่ว่าแต่คนอื่นไม่ดูว่าตนเป็นใครเขาเป็นใครหรอกครับ บางทีก็ใช้ยูสเซอร์อื่นมาเที่ยวติความคิดคนอื่น มันไร้สาระที่สุดที่ผู้ที่มีอายุเขาทำกันครับ เด็กมีปัญหาอย่างผมมีมากเสียด้วยผมจึงไม่อยากได้คำตอบจากผู้ใหญ่มีปัญหาอย่างท่านหรอกครับ เพราะจะพาผมให้ลงคูลงคลองลงเหวลงนรกไปด้วย ไม่ไปด้วยหรอกครับ ตามสบายครับคุณคนผู้ใหญ่ เดี้ยวให้คุณคนผู้ใหญ่ด้วยกันเขาจัดการแล้วกันครับเดี้ยวผมจะรอดูคำตอบและคำถามของท่านเมื่อคุณคนผู้ใหญ่ท่านอื่นถามท่านแล้วกันครับ

 

จิตส่งออกนอก เป็นสมุทัย ตีลึกลงไปได้ถึงอุปทานเกิดได้ เพราะยังยึดมั่นในขันธ์ กิเลสเกิดได้เพราะยังมีจิต

จิตเห็นจิต เป็นมรรคก็ถูกแล้ว ตรงตัวกับสติฐานสี่ คือ กำหนดรู้สร้างสติขึ้นมาดู หากจะถามว่าสติเกิดได้ไง ก็ย้อนไปตามที่ตั้งที่เกิด

เห็นด้วยตามคุณขันธ์กล่าว

ธรรมมะของพุทธองค์ ไม่มีขัดกันเอง พระอภิธรรมไม่จำกัดกาลเวลา มันเป็นเช่นนั้น

ถ้ายังเห็นขัดอยู่ นั่นแหล่ะ คือ สงสัย และศีลพรตปรามาส นั่นแลสังโยชน์ 2 และ 3 อันเกิดต่อมาจากสักกายทิฐิ ปุถุชนเต็มขั้น

 

ท่านแสงครับ
ผมหละกลุ้มแทนท่านจริงๆ ที่ปล่อยให้ตัวอัป-ปิยะ จังโรครอบคลุมอยู่เป็นอาจิณจนเป็นสันดอน

ก่อนอื่น พวกคุณกำลังเบี่ยงประเด็น ให้พ้นตัว
(ผิดคือผิด ถูกคือถูก ผิดแล้วจะบอกว่าถูก เป็นไปได้ไง)

ประเด็นกระทู้นี้ ที่ผมเข้ามาแสดง คคห ในตอนต้น คือ
หลวงปู่สิม ท่านรับรองฆราวาสซึ่งต่อมาเป็นพระ
แล้วสอนธรรมไม่ตรงกับหลวงปู่ ...
ซึ่งผมเห็นว่า เป็นไปไม่ได้ครับ
หลวงปู่ท่านจะมารับรองผู้ที่สอนธรรมไม่ตรงกับท่านได้ยังไง

พวกท่านยกมาแสดงสิว่า
หลวงปู่สิมสอนไว้ตรงไหนบ้างว่าจิตมีหลายดวง เกิดดับๆๆๆ
จิตคือวิญญาณขันธ์ จิตคือกองทุกข์

ผมปฏิเสธฌานที่พระบรมครูปฏิเสธเช่นกัน
และก็ไม่เคยบอกว่าท่านพระอาจารย์ลพ.สงบกว่าธรรมคลาดเคลื่อน

ส่วนเรื่องฌานที่พระอาจารย์ลพ.สงบ กล่าวถึงนั้นฌานที่เอาไว้ปลุกเสกเครื่องลางของขลัง
ซึ่งไม่ใช่สัมมาสมาธิแน่นอน ส่วนท่านพระอาจารย์ลพ.สงบจะปฏิเสธฌานในสัมมาสมาธิด้วยหรือไม่นั้น

ต้องรอผมหาโอกาสดีๆไปกราบถามท่านก่อนจึงจะบอกได้ว่า
ท่านพระอาจารย์ลพ.สงบท่านปฏิเสธฌานทั้งหมดหรือไม่?
แต่ก็ยังไม่เคยได้ยินท่านอาจารย์ปฏิเสธฌานในสัมมาสมาธิเลยครับ
ผมเองก็ไม่ใช่ลูกศิษย์ลูกหาของท่านโดยตรง คงตอบแทนไม่ได้หรอกครับ...

;aa24.

 

มองดูให้ดีนะพี่ ภูติ
1. ตอนนี้ พี่ภูติเอง ก็ประกาศแล้วว่า สัมมาสมาธิกับฌาณมันคนละเรื่อง ดังนั้น คนที่ทำมุ่งเอาฌาณก็มุ่งคนละเรื่องกับสัมมาสมาธิ....ท่านแสงครับ แสดงว่าท่านอ่านของผมไม่เข้าใจเองนะครับ ที่ผมปฏิเสธมาตลอดนั้น เป็นฌานทีมีมาก่อนที่พระพุทธองค์ทรงอุบัติขึ้นมา แม้พระพุทธองค์เองก็ทรงปฏิเสธเช่นกัน ถ้าใครปฏิบัติฌานในสัมมาสมาธิผมจะปฏิเสธไปทำไมหละครับ เลิกคิดเองเออเองได้แล้วครับ....
2. ตอนนี้ พี่ภูติเอง ก็ตีความธรรมโศลกของหลวงปู่ดูลย์ ดัดแปลงแก้ไข เสนอประเด็นที่ควรเขียนให้ถูก ด้วยตัวพี่เอง....ท่านแสงอย่ามั่วเองสิครับ ผมไปดัดแปลงตรงไหนครับ การที่ผมวงเล็บเข้าไปก็เป็นการบอกอยู่แล้วว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่...ไม่ได้เขียนไว้ตรงไหนเลยครับว่า ท่านหลวงปู่ดูลย์กล่าวธรรมคลาดเคลื่อน ผมไม่อกตัญญูขนาดนั้นหรอกครับ....

พูดซื่อๆ อะไรที่พี่ติเขา ตอนนี้พี่เองก็ทำอยู่ ....โดยเนื้อหาสาระเหมือนกันยังกับแกะ ....แต่อะไรหละที่ฝังในตาพี่ภูติว่าพระท่านนั้น
ทำผิดไปจากตน .....อคติใดหนอ....ท่านแสงครับ<!-- google_ad_section_end --> อคติใดหนอที่ทำให้ท่านเห็นผิดเป็นถูกหละครับ โดยเนื้อหาสาระที่สำคัญๆล้วนขัดแย้งกับพระสุตะ(พระสูตร)และพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย การที่ผมจะติใครนั้น ผมจะยกเหตุผลมาทุกครั้ง ไม่ใช่เอาอคติส่วนตัวมาตำหนิเสียเมื่อไหร่ ผมเองไม่เคยคิดว่าพระท่านนั้นผิดหรอกครับ ทำถูกและทำได้ดีเสียด้วยที่กระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แต่ที่ไม่เห็นด้วยนั้น ในส่วนของคำสอนล้วนๆและคำแอบอ้างเท่านั้น โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยนึกเกียจ เพราะท่านก็มีความหวังดีต่อพุทธศาสนาเผลอๆมากกว่าผมเสียอีก แต่โดยเนื้อธรรมแล้วผมรับไม่ได้เท่านั้นเองเพราะขาดเหตุผล ถ้าเอาเหตุผลมาทำให้ผมยอมรับได้ ผมจะปฏิเสธไปทำไมครับ.....

;aa24

 

ท่านครับ มีแต่เด็กๆเท่านั้นครับ ที่เวลาถูกถาม พอตอบไม่ได้ก็จะแถออกนอกเรื่อง
ถ้าผมไม่รู้ทันอารมณ์ผมจะถามท่านได้หรือครับ แต่ท่านก็ไม่เคยตอบตามตรงสักที ได้แต่กะลอนไปทีๆ

เช่นผมเคยถามว่า สติและปัญญาเกิดขึ้นที่ไหน พอถูกทวงถามคำตอบสัก๒-๓ครั้ง
เมื่อเห็นว่าเลี่ยงไม่ได้ก็ตอบแบบศรีธนนชัยว่าเกิดขึ้นที่เดียวกับจิต แต่บอกไม่ไดว่าทีไหน

ผมก็ต้องถามอีกเช่นเคยว่า สติกับศีลเกิดขึ้นที่ไหน???
ถ้าท่านตอบแบบตรงไปตรงมาคำตอบก็บอกอญุ่ในนั้นแล้วครับ ถ้าตอบแบบศรีธนนขัยก็ช่วยไม่ได้ครับ

หมดเวลา เวลาหมด ค่ำมาว่ากันใหม่

;aa24

 

งั้นพี่ภูติอ่านภาษาไทยประโยคนี้ดูอีกทีนะ



ตรงข้อความว่า

ข้อความที่ว่า "...." นั้น น่าจะคลาดเคลื่อนไปจากสภาวะธรรรมที่หลวงปู่สอน

ประโยคนี้ พี่เห็นอะไรบ้าง

1.ใช้จริงหรือที่ เป็นการตำหนิหลวงปู่สอนคลาดเคลื่อน ...ในเมื่อข้อความระบุ
ชัดว่า คลาดเคลื่อนไปจาก...หลวงปู่ .... .....ผมอ่านให้ตายยังไงก็ไม่ใช่การ
กล่าวหาหลวงปู่ดูลย์ ...คุณลองวิเคราะห์ให้ผมดูอีกทีสิว่า ตรงไหนที่คุณคิด
ว่าเป็นการกล่าวหาหลวงปู่ดูลย์

2.ถึงกระนั้นก็ตาม คุณเห็นคำว่า "น่าจะ" ไหม ...เห็นไหมว่า คำนี้เป็นการใช้
คำแบบไหน ใช้ไหมที่ผู้อ่านพอเห็นคำว่า "น่าจะ" ก็รู้ทันทีว่านี่คือประโยคแสดง
ความคิดเห็น....ดังนั้น ในแง่สิทธิในการแสดงความคิดเห็น ก็ดูเหมือนว่าจะใช้ใน
แบบที่พี่ภูติอ้างอยู่

ตอบผมง่ายๆ

1. หาเหตุผลประกอบตามข้อ 1 พี่ชี้แจงมา

2. การที่คนอีกคนจะใช้คำว่า "น่าจะ" แทนวิธีการใช้ วงเล็บ อันนี้คือการ
แสดงความเห็นหรือไม่

 

ถามจริงๆท่านไม่รู้หรือว่า " คำว่าปธ๙ "เป็นแค่คำที่ยกขึ้นมากระทบกระเทียบ
เปรียบเปรย บุคคลที่ท่านอ้างถึง ไม่ว่าจะเป็นภูมิธรรมหรือความสำคัญอะไรก็
แล้วแต่ เอาละครับผมขอกล่าวถึงบุคคลอื่นแค่นี้ละครับ ดูแล้วมันออกจะเสีย
มรรยาทที่ไปกล่าวถึงเขาครับ

อันเรื่องแว่บหนี ถ้าเป็นเรื่องภูมิธรรมแล้ว ไม่มีใครหนีท่านหรอกครับ เพียง
แต่ไม่มีใครเขาอยากคุยกับพวกปากตลาดครับ เขาอายแทน ด่าตัวยังพอ
ทนนี้เล่นถึงครูบาอาจารย์มันรับไม่ได้ อีกทั้งอาจารย์สั่งไว้ว่าอย่าต่อล้อต่อ
เถียงกับคนพาล กระทู้นี้ก็เช่นกันครับเมื่อใดที่ท่านพูดจาไม่เอาไหน ทนได้ก็
ทน ทนไม่ได้ก็ไปครับ แล้วก็ไม่ได้เป็นการหนีด้วย เพราะมันไม่เกี่ยวกับ
ธรรมแล้ว

 

ซ้ำซากย้ำคิดย้ำทำอยู่นั้นแหละ ถามเป็นมุขตลกคาเฟ่เลย ถามอะไรแต่ละ
อย่างไม่จบไม่สิ้น เหมือนเด็กที่พึ่งจะรู้เดียงสานิดๆ ทำไมๆๆๆๆๆ
...ตั้งคำถามถ้าได้คำตอบ ที่ไม่ตรงกับที่ตัวไปอ่านมาก็ว่าผิด ทั้งๆที่ยังไม่รู้
เลยว่าของตัวถูกหรือผิด
....ผมว่าจิตเป็นอนัตตา ท่านว่าจิตมีดวงเดียวไม่เกิดดับ
ความเชื่อมันไม่เหมือนกันตั้งแต่ต้น แล้วยังจะตะบี้ตะบันถามอีกว่าสติกับศีล
เกิดที่ไหน ถ้าผมตอบไปแล้วใครจะเป็นคนตัดสิน แบบนี้เรียกว่า ขาดวุฒิภาวะในการถาม