จิตแม้ทุกดวง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย รสมน, 22 สิงหาคม 2009.

  1. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    อนึ่ง

    จิต แม้ทุกดวง ชื่อว่า "จิต"

    เพราะเป็นธรรมชาติ วิจิตรตามสมควร

    ด้วยอำนาจ แห่ง สัมปยุตตธรรม.


    "วิจิตร"

    คือ ต่าง ๆ กันไป ตามสัมปยุตตธรรม

    ซึ่งหมายถึง เจตสิกที่เกิดร่วมด้วย.

    เป็นไป ตามการสั่งสม ของแต่ละบุคคล.


    .


    ฉะนั้น

    ที่จะให้ทุกคน มีความคิดอย่างเดียวกัน

    นับถือลัทธิ หรือ ศาสนาเดียวกัน นั้น.

    จึงเป็นสิ่งที่ เป็นไปไม่ได้ เลย.!


    .


    เพราะแม้แต่ รูปร่างกาย ก็ไม่เหมือนกัน

    ความคิดนึก ก็ย่อมไม่เหมือนกัน

    ความเห็น ความเชื่อต่าง ๆ

    ก็ย่อมไม่เหมือนกัน.


    .


    แม้ในสมัยที่พระผู้มีพระภาคฯ

    ยังไม่ทรงปรินิพพาน.

    พระผู้มีพระภาคฯ เอง

    ก็ไม่ทรงสามารถโปรด ให้บุคคลทั้งหลาย

    มีความเห็นถูก ได้ทุกคน.!


    .


    ผู้ที่สั่งสมเหตุปัจจัยมาแล้ว

    ย่อมมีโอกาสที่วิบากจิต และ กุศลจิตจะเกิดขึ้น

    ได้ยิน ได้ฟัง ได้ศึกษา ได้พิจารณาพระธรรม

    ซึ่ง พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั้น.

    เมื่อได้ยิน ได้ฟังแล้ว.........

    ก็ควรพิจารณา ใคร่ครวญ

    สอบสวน ให้รอบคอบ ละเอียดยิ่งขึ้น.


    และ

    อบรมเจริญปัญญา.


    จนกระทั่งสามารถ รู้ ลักษณะของสภาพธรรม

    ตรง ตามที่พระผู้มีพระภาคฯ ได้ทรงแสดงไว้.


    .


    ความเห็นผิด นั้น

    ไม่ได้มีแต่ในลัทธิอื่น.

    แม้แต่ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา

    ก็ประพฤติปฏิบัติ ต่าง ๆ กันไป

    ตามความคิด ความเข้าใจ

    ซึ่งสั่งสมมาต่าง ๆ กัน.



    .


    ในสมัย หลังจากการสังคายนาครั้งที่ ๒.

    ภิกษุชาววัชชี

    ผู้เป็นต้นเหตุให้เกิดการสังคายนาครังที่ ๒ นั้น

    ก็ได้ตั้งนิกายต่าง ๆ ตามความคิดเห็นของตน.


    เช่น

    นิกายหนึ่ง มีความเห็นว่า

    ผู้ใดก็ตาม ที่จะบรรลุมัคค์ผล รู้แจ้งพระนิพพานได้

    ต้องเปล่งวาจา ว่า ทุกข์หนอ ๆ

    (จาก นิทานกถา กถาวัตถุปกรณัฏฐกถา)


    .


    การเข้าใจหนทาง

    และข้อประพฤติปฏิบัติ ที่ผิดพลาด คลาดเคลื่อนนั้น

    มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ.


    .


    ฉะนั้น

    สมัยนี้ ทุกท่านจึงควรศึกษาและพิจารณา พระธรรมวินัย

    โดยละเอียด.


    เพราะว่า

    ผู้ที่สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ในสมัยนี้

    ไม่ใช่ อุคฆฏิตัญญูบุคคล หรือ วิปัญจิตัญญูบุคคล.


    ผู้ที่สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ในสมัยนี้

    ย่อมเป็น เนยยบุคคล.


    และ ผู้ที่ไม่สามารถจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้

    แม้ว่าจะได้ฟังธรรมมาก อ่านธรรมมาก

    สนทนาธรรมมาก กล่าวธรรมมาก

    ก็เป็น ปทปรมบุคคล.


    .


    ฉะนั้น

    พระธรรมวินัย ที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงมหากรุณาแสดง

    โดย ตลอด ๔๕ พรรษา นั้น.

    ก็เพื่ออนุเคราะห์

    ผู้เป็นเนยยบุคคล และ ปทปรมบุคคล.


    .


    ทุกท่าน จึงควรศึกษา ให้เข้าใจจริง ๆ ว่า

    การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม นั้น
    ...คือ รู้ อะไร.!


    และ หนทางที่จะรู้แจ้งการเกิดขึ้นและดับไป

    ของนามธรรม และ รูปธรรม ที่ปรากฏ

    ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และ ทางใจ

    ได้จริง ๆ นั้น.


    ต้อง อบรม เจริญ
    ...อย่างไร.!


    .


    จึงจะชื่อว่า

    เป็นผู้ที่เข้าใจ ประโยชน์อย่างแท้จริง ของการศึกษาพระธรรมวินัย

    ว่า ศึกษา เพื่อเกื้อกูลให้สติ ระลึก รู้ ลักษณะของสภาพธรรม

    ที่ พระผู้มีพระภาคฯ ทรงตรัสรู้

    และ ทรงพระมหากรุณา แสดงไว้โดยละเอียด.


    .


    แม้แต่ ลักษณะของจิต.!

    ที่ได้กล่าวถึงแล้ว.

    และ "จิต" ซึ่งกำลังเห็น

    ก็เป็น " สติปัฏฐาน"

    ซึ่งเป็น สภาพธรรม ที่ "ปัญญา" สามารถอบรมเจริญขึ้น

    จนประจักษ์แจ้ง สภาพที่เป็น "อนัตตา"

    ซึ่งก็คือ

    การเกิดขึ้นและดับไป ของสภาพธรรมทั้งหลาย

    ซึ่งไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน หรือ วัตถุสิ่งใด ๆ เลย.!

    ตามปกติ ตามความเป็นจริง

    ในชีวิตประจำวัน.

    ชีวิตเป็นของน้อย การฟังธรรมเป็นกำไรชีวิต ที่หากำไรอย่างอื่นมาทดแทนไม่ได้ และ

    ถึงจะฟังเท่าไรเพื่อเป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้เกิดสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้จิตเกิดการคิดที่ถูก

    ต้องนั้น เป็นเรื่องยากมาก การปรุงแต่งของจิตดูเหมือนว่าจะเป็นไปตามโลภะ โทสะ

    และโมหะเกือบตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ฟัง ๆ ๆ ยากจริง ๆ
    ชนเหล่าใดรู้ธรรมอันเป็นสาระ โดยความเป็นสาระ
    และรู้ธรรมอันหาสาระมิได้ โดยความเป็นธรรมอันหาสาระมิได้
    ชนเหล่านั้นมีความดำริชอบเป็นโคจร ย่อมบรรลุธรรมอันเป็นสาระ
    พระธรรมเป็นของยาก ละเอียด และลึกซึ้งมาก มิเช่นนั้นพระพุทธองค์คงไม่ต้องใช้

    เวลาอันยาวนานในการบำเพ็ญพระบารมีถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ เพราะฉะนั้นไม่ควรรีบ

    ร้อนที่จะบรรลุเร็ว ๆ หรือจะให้สติปัฎฐานเกิดเร็ว ๆ บางท่านยังไม่เข้าใจถึงลักษณสภาพ

    ธรรมที่กำลังปรากฎที่มีอยู่จริง ๆ ไม่ว่าทางตา ทางหู...และทางใจ ว่ารูปธรรม นามธรรม

    มีลักษณะอย่างไร ก็บอกว่าได้ประจักษ์การเกิดดับแล้ว..ไม่ควรประมาทว่าพระธรรมง่าย
    สามารถบรรลุเร็ว ควรศึกษาอย่างละเอียดและรอบคอบ ไม่เช่นนั้นก็จะเดินทางผิดต้อง
    วนเวียนอยู่ในวัฎฎะต่อไป การฟังพระธรรมควรตั้งใจฟังและพิจารณาให้ตรงให้ถูกใน

    สิ่งที่กำลังฟัง ไม่ควรจดหรือเขียนขณะฟังพระธรรม เพราะว่าขณะที่จดนั้นก็ไม่ได้ฟัง

    หรือไตร่ตรองพระธรรม
     
  2. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ข้อสำคัญคือทำให้ตนเองนั้นแหละรู้แลหะเห็นทางนั้นเสียก่อน ครั้นจะเข้าไปแล้วไม่ย้อนกลับมา หรือไม่เข้าไป ก็สุดแล้วแต่ ย่อมดีกว่าผู้ไม่รู้มัวคลำหาทางแล้วไม่พิจารณาปฏิบัติให้เห็นจริงอย่างถ่องแท้
    อนุโมทนาครับ
     
  3. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    จงอย่าลืม มัชฌิมปฏิปทา
     
  4. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    ยถาภูตญาณทัศนะ คือ ความรู้ตามความเป็นจริง มิใช่ สัญญาที่ได้ภายนอก ใช่ไหม?
     
  5. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ทำได้แล้วบัญญัติก็ดับด้วย เพราะถ้ามัวไล่ตามบัญญัติ จ้างให้ก็ไม่ได้อย่างที่ควรจะได้หรอกครับ จริงๆ ไม่ได้โม้ ฮาๆๆๆ


    ถ้าผู้ปฏิบัติรู้เรื่องรายละเอียดของวิปัสสนาญาณขั้นต่างๆ ล่วงหน้า ก่อนที่ความเห็นแจ้งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นด้วยปัญญาของตนเองจริงๆ แล้ว ผลเสียที่อาจจะเกิดตามมาก็คือ
    1. การปฏิบัติจะก้าวหน้าได้ช้า เพราะผู้ปฏิบัติมัวแต่คอยเปรียบเทียบผลการปฏิบัติของตน กับทฤษฎีอยู่ และอาจถึงขั้นทำให้เกิดความฟุ้งซ่าน ไม่อยู่กับสภาวะอันเป็นปัจจุบันเฉพาะหน้า จนปัญญาไม่เกิดเลยก็ได้
    2. ผู้ปฏิบัติอาจเกิดอติมานะ คือความเย่อหยิ่งถือตนว่าปฏิบัติได้สูงกว่าคนอื่น ซึ่งเป็นกิเลสชนิดหนึ่ง และอาจมีผลสืบเนื่องให้กิเลสตัวอื่นๆ เกิดตามมา
    3. อาจเกิดญาณเทียมขึ้นมาได้ เพราะผู้ปฏิบัติรู้ล่วงหน้าแล้วว่าต่อไปควรเกิดความรู้ และความรู้สึกอย่างไรขึ้นมาบ้าง และด้วยความที่อยากจะก้าวหน้าไปเร็วๆ จึงเกิดการน้อมใจไปสู่ความรู้สึกเช่นนั้น หรือเกิดการสะกดจิตตนเองโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่ปัญญาเหล่านั้นยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่อาศัยสัญญาคือการจำมาจากตำรา หรือจากผู้อื่น

      (ซึ่งสัญญาจะทำได้ก็เพียงข่มกิเลสเอาไว้เท่านั้น ไม่สามารถทำลายความยึดมั่นถือมั่น และกิเลสต่างๆ ได้อย่างแท้จริง เมื่อมีเหตุปัจจัยที่เหมาะสมกิเลสก็จะแสดงตัวออกมาใหม่)

      จนทำให้เข้าใจผิดได้ว่า ตนเองก้าวหน้าไปถึงขั้นนั้นแล้วจริงๆ และอาจเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงขั้นเกิดมรรคผลเทียมขึ้นมาเลยก็ได้
    ข้อความท่าน ธัมโชติ กระท่อมธรรม
    ความเห็นจากผู้มีสัมมาทิฐิหลายท่านทั้งพระอริยะบุคคลและก็ตัวกระผมก็เป็นแนวเดียวกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2009
  6. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    ขอบคุณครับท่าน เก่ง...

    ผมหมายถึงปัญญาที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ จากภายใน มิใช่จากสัญญาที่อ่านหรือฟังมา.
     
  7. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ท่านผู้การ เป็นทหารผ่านศึกหรือเปล่าครับ

    แบบว่า .......ลุย !!! ไม่มานั่งอ่านแผนที่และ เกิดอะไรขึ้น ก็ว่าไปตามนั้น

    โดยอยู่ในระเบียบปฏิบัติไม่มีขณะใดที่จิตทิ้งปณิธานที่จะบรรลุเป้าหมาย

    มีสถาบันทั้ง 3 อยู่เหนือความต้องการมีตน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2009
  8. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    แล้วจริงๆมันคืออะไรเหรอครับ ยถาภูตญาณ เนี้ย คือ ผมเองก็ไม่มีสัญญานี้ครับ จึงไม่รู้ว่า ที่รู้ว่าเพราะมีสัญญาหรือเพราะมีปัญญากันแน่จึงรู้ความหมายนี้ครับ
    พี่นิวรณ์ คือ พึ่งเคยได้ยินจากใครบางคนเมื่อไม่นานนี้ครับ แต่ไม่ได้สนใจหรอกครับ คือ ตอนแรกเจตนาเอาคำว่า โครตภูญาณ มาเพื่อพิจารณาว่าคนที่ผ่านมานั้นเขาเป็นยังไงกัน แต่ไปๆมาๆ กลับได้คำนี้มาแทน ไม่รู้จักครับ เผื่อว่าสัญญานี้จะได้ประโยชน์แก่การรู้ สงเคราะห์แก่ผู้อยากรู้ว่า ปัญญา ต่างอย่างไรกับ สัญญา ครับ
     
  9. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    พี่นิวรณ์เอาแบบกลั่นแล้วนะครับ ไม่เอาแบบ crude
     

แชร์หน้านี้

Loading...