เมื่อจิตเกิด-ดับ การดูจิตจะเป็นไปตามความเป็นจริงได้อย่างไร???

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 10 สิงหาคม 2009.

  1. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ให้เป็นไปตามนั้น;41
     
  2. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852


    ;aa38 กำลังดู เอาตาดู หรือ เอาจิตดูท่านธรรมภูต
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    จิตในพระอภิธรรมล้วนพูดถึงจิตสังขารทั้งสิ้น
    แล้วที่ถามๆไปไม่เคยคิดจะตอบเลยใช่มั้ย???
    ในพระสูตรเดียวกัน ในส่วนตอนท้ายทำไมไม่เอามาลง

    จิตปรากฏอย่างไร เมื่อรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่านด้วย
    สามารถลมหายใจออกยาว สติย่อมตั้งมั่น จิตนั้นย่อมปรากฏด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น

    เมื่อรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยสามารถลมหายใจเข้ายาว
    สติย่อมตั้งมั่น จิตนั้นย่อมปรากฏด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น ฯลฯ

    เมื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง จิตนั้นย่อมปรากฏ จิตนั้นย่อมปรากอย่างนี้
    วิญญาณจิต ด้วยสามารถความเป็นผู้รู้แจ้ง จิตหายใจออกหายใจเข้า
    ปรากฏสติเป็นอนุปัสสนาญาณ จิตปรากฏ ไม่ใช่สติ สติปรากฏด้วย เป็นตัวสติด้วย

    บุคคลย่อมพิจารณาจิตนั้นด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น
    เพราะเหตุดังนี้นั้น ท่านจึงกล่าวว่า
    สติปัฏฐานภาวนา คือ การพิจารณาจิตในจิต ฯ

    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ บรรทัดที่ ๔๙๒๓ - ๔๙๔๕. หน้าที่ ๒๐๑ - ๒๐๒.
    http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=31&A=4923&Z=4945&pagebreak=0

    จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่านด้วย...วิญญาณมีอารมณ์เดียวได้หรือ???

    จิตนั้นย่อมปรากฏด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น....วิญญาณปรากฏด้วยสติ ด้วยญาณได้หรือ???

    ถ้าจิตเป็นวิญญาณขันธ์แล้ว ในสติปัฏฐานทำไมไม่กล่าวถึงบ้างหละ???


    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งสูงสุด
    ผมอ้างอิงพระธรรมบางส่วนจากพระสูตรชัดๆ
    ไม่ได้อ้างทิฏฐิตนเองนะ

    ;aa24
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านครับ ใช้ตาดูก็เห็นแต่ขี้ตาสิครับ ใช้ตาในคือจิตดูสิ ถึงจะรู้เห็นตามความเป็นจริงครับ

    ;aa24
     
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    แล้วจะรอครับ ถ้ารู้จริงแล้วมาติงมีใครบ้างจะไม่ฟัง
    ยกพระพุทธวจนะ แบบอ่านไม่เข้าใจเองมาสูตรสองสูตร
    โม้อมตะจริงๆเลยนะครับ ที่ถามไปหนะอย่าแกล้งทำลืมตอบด้วยหละ???

    ผมเห็นว่า การเผยแพร่ หากไม่ศึกษาข้อมูลรอบด้านให้ชัดเจน
    จะเป็นการเผยแพร่ทิฎฐิอันจะทำให้การปฏิบัติเนิ่นช้า
    ซึ่งเป็นบาปกรรมร้ายแรงในหมู่ผู้แสวงหาทางพ้นทุกข์

    สรุปว่า ควรจะใช้วิจารณญาณกับทิฎฐิเช่นนี้ ว่าเป็นสัสสตทิฏฐิหรือไม่
    เปรียบเทียบกับ พระธรรม ให้ละเอียด ใช้วิจารณญาณให้รอบคอบ จำเอาไว้นะ

    ;aa24
     
  6. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    _ sweet Home _[​IMG]
     
  7. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852

    ปรมัตถ์ คือสภาวะที่จิตไม่ติดไม่ขัดไม่ข้อง

    กับ กุศล และ อกุศล

    ส่วนผู้ยังไม่เป็นปรมัตถ์ ทำล่วงเกินธรรมไปบ้าง แล้วติดไปหมด
    จิตยังไม่ฉลาด กว่าบุญบาป เกิดเป็นความสงสัย

    ไอ้ที่ทำไป ทำไปตกลงมันเป็นบุญหรือว่าเป็นบาป
    ก็เลยยกจิตไม่ข้ามdencee
     
  8. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ที่ท่านว่าท่านเห็น เรา หรือ ท่านเห็นท่าน

    จิตท่านที่เห็นเป็นอะไร เป็นอากาศ
    หรือเป็นธรรมภูติ หรือ ธรรมภูมิเป็นอากาศ

    แยกธาตุธรรมภูตออก เป็นดิน เป็นน้ำ เป็นลม เป็นไพ
    ธาตุ ๔ ส่วนไหนบ้างที่ยอมรับธรรมภูติว่าท่านเป็น
    ดิน น้ำ ลม ไพ ธรรมภูมิ เองใช่ไหนที่ยอมรับเค้า ว่า

    เป็นของเรา อันที่จริงเราไปตู่เขามา อย่างละนิดละหน่อย
    นานวันเข้า สมมุติบานปลาย เป็นอุปาทาน

    ;aa59love_
     
  9. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    มนุษย์ประกอบด้วยธาตุ ๖ ธาตุ ๔+ธาตุรู้(จิต)

    มนุษย์ประกอบด้วยธาตุ ๖ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ(ธาตุ ๔=กาย) วิญญาณธาตุ(ธาตุรู้=จิต)
    เพราะมีจิต(ธาตุรู้) มนุษย์จึงรู้อะไรได้

    ต่างจากก้อนหิน ดิน ทราย ประกอบด้วยธาตุ ๔
    เพราะไม่มีจิต(ธาตุรู้) รูปเหล่านั้นจึงรู้อะไรไม่ได้

    เพราะจิตหลงผิดไปตู่เอากาย(ขันธ์ ๕) ว่าเป็นเรา เป็นของเรา
    บานปลายเป็นอุปาทานว่า กาย(ขันธ์ ๕)เป็นเรา เป็นของเรา

    ทั้งๆที่จิต(เรา)ไม่ใช่ขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา(จิต) ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตนของเรา(จิต)

    (smile) รูปร่างกายเกิดจากธาตุ ๖
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ได้ยินมาว่า ธาตุรู้ มีอยู่ในธรรมชาติ มีในทุกสรรพสิ่ง
    ธาตุรู้มีในสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต
    แต่ธาตุรู้ในสิ่งมีชีวิตบางจำพวก มันทำงานได้พิศดารล้ำลึก เพราะโลกสร้างสรรร่างกาย
    และอุปกรณ์ ให้อาศัยจากกิเลสตัณหา และความทะยายอยาก จนเกิดเป็นตัวตนเราเขา
    สมมุติซะจนเหมือนจริง จนยึดว่านี่แหละ คือเราตัวจริงๆ ทั้งๆที่ความจริงมันมาจากธาตุรู้
    ที่เหมือนๆกัน กับธาตุรู้ในทุกอณูของสรรพสิ่ง รวมถึงธาตุรู้ในอากาศและในอวกาศ

    [​IMG]
    สิ่งไม่มีตัวตน สร้างตัวตนเป็นวิมานในอากาศ แล้วตัวตนที่สร้างต่อมา
    ก็หลงไปยึดวิมานในอากาศว่าเป็นของตน
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]

    ปฏิฆะ เกิดมี รู้ว่ามีด้วยขันติธรรม เพื่อซักฟอกปฏิฆะ ด้วยการสติ+ขันติ

    ปฏิฆะ ยังไม่เกิด แต่รู้ตัวก่อนตั้งแต่ต้นมือถ้าปล่อยต่อไปมันจะเกิด ก็ตัดวงจรไม่ให้มันเกิด

    ทั้ง2วิธีมันใช้รู้ด้วยสติเหมือนกัน แต่ผลมันได้ไม่เหมือนกัน (มั้ง)

    ซักฟอกปฏิฆะ แบบนี้ [​IMG] หรือแบบนี้ [​IMG] หรืออย่างนี้ [​IMG] ...

    [​IMG] เอาไงดีหว่า... [​IMG]
     
  12. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    จิตมีโทสะก็รู้ว่าจิตมีโทสะ
    จิตมีโลภะก็รู้ว่าจิตมีโลภะ
    จิตมีโมหะก็รู้ว่าจิตมีโมหะ
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ยังไม่เกิด ถ้าไปคิดมันก่อน ก็ฟุ้งซ่าน
    จิตไม่เป็นปัจจุบันธรรม เพราะไปหยิบฉวยเรื่องราว เข้ามา

    แต่ขณะที่เกิดให้ดูให้เห็น แล้วระลึกรุ้ตัวอยู่เป็นระยะ
    และ คอยประคองไม่ให้มันมากเกินไป ทีนี้เมื่อจิตสงบดีแล้ว ก็อาจจะหยิบเรื่องที่ปฏิฆะมาพิจารณาก็ได้ เป็นธัมมวิจยะ

    แต่หากยังไม่เกิด เราไปคาดเดามัน เป็นสังขารปรุงแต่ง
    ถ้าเกิดแล้ว เป็นสัญญา เกิดจริงเห็นจริง
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    พูดให้มันขยายความกว่านี้ ได้ไหม ไม่ใช่ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง
     
  15. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    หมายความว่า หากเห็นกิเลสได้ ก็ให้เทียบหยั่งลงมาแค่ 3 ตัวพอ สติย่อมรู้ว่าเป็นเครื่องเป็นเหตุของความเศร้าหมอง การหาทางคลี่คลายก็ย่อมเกิด

    แต่ถ้าพิจารณาแล้วสามารถแยกได้ถึงเป็นสังโยชน์ว่าอันนี้ กาม อันนี้ ปฎิฆะ แทนที่มันจะพิจารณาเหตุต่อไปได้ทัน กว่าจะระลึก กว่าสัญญาจำฟื้นได้ มันก็ลงไปเป็นอดีตแล้ว มันอาจจะไม่เท่าทันรูปนามเฉพาะหน้าได้ ^-^
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    งั้นก็ปล่อยให้เกิด แล้วตามรู้ของจริงเอา ใช่ไหมคะ
    พอเกิดแล้ว รู้แล้ว ผ่านไปแล้ว ค่อยพิจารณาทวนตัวเองอีกที ว่าผ่านอะไรมาบ้าง
    เอาไว้เป็นบทเรียนสำหรับทำการบ้าน เป็นธัมมวิจยะ
    มีแต่เห็นของจริง เกิดจริง ถึงจะทำให้ รู้จริง ใช่ไหมคะ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2009
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ครือว่า หมูน้อย[​IMG] ไม่ค่อยเห็น [​IMG] [​IMG] แต่มันเห็นแบบนี้อ่า [​IMG]
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แล้วบางที ก็เห็นมันทำอย่างงี้มั่ง [​IMG] บางทีก็เป็นแบบนี้ [​IMG] [​IMG] จนกลายเป็น [​IMG]แบบนี้อ่า... แล้วก็มีอีกตัวมันทำท่างี้ [​IMG] บางทีก็ [​IMG] รู้เฉยๆ บ้าง บางทีก็ตลกบ้าง
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    มาดูกัน

    ก่อนดู ต้องย้อมให้ก่อน : โทษะ เป็นกิเลสหยาบ เป็นเรื่องของคนมีบุญที่
    จะเห็น ไม่ใช่ของคนไม่มีบุญจะไปเห็น

    อธิบายอีกนิด ก่อนตกใจ : คำว่า เห็น ในที่นี้คือ ทำวิปัสสนา ไม่ใช่เห็น
    แบบเห็นตัวเองโดนกิเลสลากไปกระทำกรรม คำว่าเห็น คือ เห็นพฤติจิต
    ด้วยตาธรรมข้างใน ส่วนอะไรที่กิเลสลากไปแล้ว กระทำกรรมแล้ว ผิดศีล
    ไปแล้ว ไม่เรียกว่าเห็น

    คราวนี้ก็มาดูว่า เห็นข้างในเห็นอะไร : หากวิปัสสนาเป็น จะเห็นการชักเย้อ
    ของจิตลักษณะหนึ่ง เห็นการฉวยจิตเลือกข้างอีกลักษณะหนึ่ง

    1. เห็นการชักเย่อของจิต คือ เห็นอะไร ก็จะเห็นสภาวะของสมาธิที่เคยทำไว้
    จะเป็นจิตที่หวงแหนยึดอาการสงบฝากหนึ่ง กับ เห็นจิตที่มีอาการสัดส่ายเร้าๆ
    ทั้งสองจิตนี้เป็น สภาวะธรรมคู่ ที่ชักเย้อกันข้างใน หากฝากสมาธิมีน้อยก็
    คล้ายๆก้อนหินมันเบา โดนเขี่ยกระเด็นหาย ปลิวละล่อง แล้วหลังจากนั้นจิต
    ฝากเร้าๆ ก็เอาไปกิน เกิดเป็นกรรมให้เศร้าหมอง จะเห็นการเศร้าหมองของ
    จิต พร้อมกับความเอร็ดอร่อยที่ได้เสวยอารมณ์(ความเป็นตน อัตตาจะพอง)

    2. เห็นอาการจิตเลือกข้าง คือ เห็นอะไร ในกรณีที่สมาธิมีประมาณหนึ่ง แต่
    ไม่มีอารมณ์ไปยึด ไปชักเย่ออะไร เป็นลักษณะของคนที่วางอารมณ์เพื่อตาม
    รู้ตามดูอยู่ วิปัสสนา สติแก่กล้าพอประมาณแล้ว (มากกว่าเห็นแบบข้อ 1) ก็
    จะมีองค์ธรรมที่ชื่อ ตบะบ้าง ขันติบ้าง หิริโอตัปปะบ้าง กำลังเลือกข้างว่าจะ
    เป็นอารมณ์ฝ่ายไหน หากสติไม่แก่กล้า จะเกิดการเลือกข้าง ข้างใดข้างหนึ่ง
    หลังจากการเลือกข้าง ให้ค่า ก็จะกลับไปกระทำการเห็นแบบข้อ 1 อักสักครู่
    หากไม่พลาดก็เสมอตัว คือ ไม่เป็นพรหม ก็เป็นเทวดา แต่ไม่อาจหลุดพ้น
    ถ้าจะให้หลุดพ้น ต้องให้ขันติทำงานแทนตัวอื่นๆทั้งหมด ทนต่อการเห็นการ
    เลือกข้าง เห็นจิตเลือกข้าง(ภพมนุษย์) เห็นจิตในจิตขึ้นอีกชั้นหนึ่ง ก็จะเกิดการตั้งมั่นรู้
    หรือที่เรียกว่า สัมมาสมาธิเกิด ซึ่งจะทำให้เห็นทันทีว่า การเลือกข้างเป็นเรื่อง
    ของโลก เป็นเรื่องของการฉวยจิตเป็นเรา หากปล่อยวางการฉวยจิต ก็ไม่จำเป็น
    ต้องไปเลือกข้างอะไร เอโกธิภาวะจะค่อยๆเกิด นำเข้าสู่สภาวะฌาณ พร้อม
    ด้วยองค์ปัญญาที่จะเกิดขึ้นเพื่อสัมปยุต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2009
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นิวอน... ช่วยชีวิตอีกแระ แทงกิ๊ว... อุส่าไปเที่ยวขั้วโลกใต้ แล้วก็ยังไม่หาย...[​IMG]

    ทำข้อ1.บ่อยแล้วก็กลายเป็นงี้ [​IMG] แต่รู้สึกว่ายังไม่เข็ด
    แต่ก็เริ่มรู้จักความเศร้าหมองมั่งแล้ว แต่พอหายเศร้าหมองมันก็ลืมแล้วก็นึกว่าเป็น
    [​IMG] อีกแระ เลยยังกลับไปทำอีก แล้วพอรู้สึกเยิน...เศร้าหมอง...ก็หยุด
    พอหยุดก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก รู้สึกว่ายังไม่เข็ด... อะนะ

    ข้อ2.ก็เป็นบ่อยแต่มา2แบบ แบบนี้ [​IMG] คือไม่ฉวยเรื่องมาเป็นของเรา แต่บางทีก็เป็น
    แบบนี้ [​IMG] ไม่ฉวยเรื่องแต่มันมียินดียินร้ายอยู่ข้างใน

    ถ้าวันไหนเป็นข้อ2มากกว่าข้อ1 ก็เบา ไม่ค่อยเศร้าหมอง มีความสุขล้นใจ ฟังอะไรก็
    ไพเราะ

    แต่ถ้าวันไหน ข้อ1มากกว่าข้อ2 ใจมันจะแกว่งๆ อมทุกข์จิ๊ดๆ หงุดหงิดหน่อยๆ
    มันหมองๆ ไม่ค่อยสบายใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...