พิธีตัดกรรมฤๅวิถีของชาวพุทธ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ธรรมทิพย์, 27 กรกฎาคม 2009.

  1. ธรรมทิพย์

    ธรรมทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +433
    ข่าวการจัดงานวันเกิดของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ (ทุกด้าน) ซึ่งมีบรรดา

    ผู้ศรัทธาเคารพรักจัดให้อย่างยิ่งใหญ่ในโอกาสครบรอบ ๖๐ ปี เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคมที่ผ่านมา


    ในการจัดงานมีพิธีกรรมบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าคนมีการศึกษาระดับปัญญาชนจะเชื่อถือศรัทธาในเรื่องนี้ และเจ้าของวันเกิดก็คงเห็นดีเห็นงามด้วย นั่นก็คือ "พิธีตัดกรรม” ซึ่งนิมนต์พระเกจิ๑๐๘ รูปทำพิธี


    พิธีตัดกรรมคือวิถีของชาวพุทธกระนั้นหรือ ? น่าคิด ถ้ากรรม (โดยความหมายแท้จริงแล้ว หมายถึงการกระทำ แต่คนส่วนใหญ่มักตีความว่าเป็นการส่งผลในด้านลบ) ตัดกันได้จริง คำสอนของพระพุทธเจ้าจะมีประโยชน์อันใด ใครอยากคิดชั่ว ก็ทำชั่วโดยขาดการยั้งคิด แล้วก็ไม่ต้องไปรับผลที่ทำ สามารถแก้ไขด้วยการไปตัดกรรม ช่างง่ายดายปานนั้นแท้จริง กรรม คือการกระทำของเรา ย่อมตามเราไปทุกหนแห่งเปรียบเหมือน “เงาตามตัว” ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ไม่มีใครหลีกหนีหลักความจริงนี้ได้พ้น


    เลิกตัดกรรมมาตัดกิเลส ความโลภ โกรธ หลง ออกจากตัวมิดีกว่าหรือ ? แล้วบรรดาผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นชาวพุทธทั้งหลายที่เชื่อถือในเรื่องนี้ โปรดกลับมาศึกษาหลักคำสอนที่ถูกต้อง ตามแนวทางแห่งมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งข้อสำคัญที่ควรทราบอันดับแรกก็คือ “สัมมาทิฏฐิ” ซึ่งสอนเรื่องของความเห็นที่ถูกต้อง


    พระพุทธเจ้าสอนเรื่อง กฎแห่งกรรม ซึ่งคือ หลักแห่งเหตุผล อันเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ในชาติปัจจุบัน ต่อให้มีการศึกษาทางโลกสูงเพียงใดแต่ยังขาดปัญญาทางธรรมที่จะนำพาชีวิตตนให้พ้นทุกข์ ยังคงหมกมุ่นมัวเมาอยู่ในศาสตร์และความเชื่อที่ผิด ๆ จักมีประโยชน์อันใดเล่า






    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กรกฎาคม 2009
  2. paintkiller

    paintkiller เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +946
    แล้วไปทำกรรมอะไรไว้เหรอครับถึงต้องตัดอ่ะ แสดงว่ารู้ว่าเวรกรรมมีจริงถึงต้องทำพิธี ทำไมไม่สร้างกุศลเพื่อลดกรรมและเพิ่มธรรมมะในจิตใจให้มากขึ้นล่ะครับ พระพุทธเจ้าเคยบอกมิใช่ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
     
  3. e20ehq

    e20ehq เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +770
    กรรมดี กรรมชั่ว ใครทำไว้ ก็ต้องรับผลแห่งกรรมเหล่านั้นแน่นอนครับ
    จะไปตัด ไปขัด ไปแก้ อะไรไม่ได้ทั้งนั้นหรอก
     
  4. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    หากพิธีตัดกรรมหมายความอย่างนั้นจริงๆ.......ด้วยความเคารพ พระพุทธเจ้าบรมครูของมนุษย์และเทวดา พระองค์ทรงเสวยวิบากแห่งกรรมนั้นๆในหลายๆวาระ(ลองไปหาอ่านกันเองนะจ๊ะ) พระอัครสาวกเบื้องซ้าย ผู้เป็นเลิศกว่าผู้อื่นในทางฤทธิ์ ท่านก็ได้เสวยวิบากแห่งกรรมนั้นๆ จะกล่าวไปใยกับผู้อื่น หากพระสงฆ์ในปัจจุบันสามารถตัดกรรมได้ ก็ดูเหมือนว่าจะเก่งกว่าอาจารย์หรือไม่ ทุกอย่างในศาสนาพุทธประกอปไปด้วยเหตุและผลเสมอๆจ๊ะ หุ หุ หุ
     
  5. indochina1886

    indochina1886 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +51
    คิดนะว่าเมื่อคนเรามีเคระห์กรรมสัดเข้าหาเเบบไม่ทันตั้งตัว จนเเทบสิ้นเนื้อประดาตัวเหมื่อนผมตอนนี้ หึหึ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการสวดมนต์ภาวนาเเล้วครับ ทำจิตใจให้สงบเร็วที่สุด ก่อนที่พายุใหญ่กำลังจะมา เชื้อกรรมไม่มีวันหมดไปได้ง่ายๆหรอกครับ เราก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรไว้กับใครตอนใหน เพราะตั้งเเต่เกิดมาจำความได้ไม่เคยทำกรรมอะไรที่มันหนักจริงๆ นอกจากตบยุ่ง ฆ่ามด การทำบุญก็เพื่อทำให้เราสบายใจเท่านั่น เหมื่อนเป็นการปลอบใจเราไปในตัว ตอนนี้รู้สึกส่งสารตัวเองอย่างจับใจจริงๆ อาจเป็นเพราะเราทำบุญมาน้อยก็ได้มั่งกรรมเลยตามมาทัน

    สวดมนต์ภาวนาเยอะๆทำบุญให้มากๆ
     
  6. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    ตัดกรรมและ ตัดเค้กวันเกิดไปในตัว
    หุหุ ^^
     
  7. ต้นสน

    ต้นสน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +40
    ตัดดรรม...จริงเหรอ
    มิใช่..เพิ่มกรรม..หรอกหรือ
     
  8. ไฟฉายธรรม

    ไฟฉายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +9
    กรรมชั่วก็เหมือนเกลือในตุ่มน้ำ ถ้าไม่เติมน้ำ(ทำกรรมดี)ก็มีแต่เกลือ แต่ถ้าเติมน้ำลงไป

    เยอะก็ลดความเค็มลง แต่ขอถามท่านทั้งหลายว่าในตุ่มยังมีเกลืออยู่ไหม??? ตอบให้เลย

    ละครับว่ายังมีต่อให้เติมจนเต็มก็มีเกลืออยู่ แต่ลดเค็มเพี่ยงเบาบางไปเฉยๆใช้ไหม แล้วเรา

    จะเอาเกลือออกยังไง??? เราก็ทำได้แค่เพียงให้มันจางลงโดยการทำความดี เหมือนการ

    เติมน้ำลงไป
     
  9. ธรรมทิพย์

    ธรรมทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +433
    ขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ร่วมแสดงความคิดเห็น
    อันเป็นประโยชน์ เพื่อเตือนสติคนเขลาเบาปัญญาค่ะ
     
  10. Chati

    Chati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,982
    ไม่ลองมองมุมนี้ละครับ ว่า "การตัดกรรม" เป็นเพียงแค่ลีลาการพูด หรือ การเล่นคำ เพื่อเป็นกุศโลบายในการชัดจูงผู้ที่ยังมีศรัทธาไม่มั่นคง ให้ทำทาน ศีล ภาวนา

    ผมว่าพระดีๆหลายๆองค์ที่ท่านทำการตัดกรรมสงเคราะห์ชาวบ้าน ท่านก็รู้ว่ากรรมนั้นตัดกันไม่ได้
    แต่ท่านใช้การสวดมนต์ เพื่อดึงให้จิตของผู้อยู่ในพิธีเป็นสมาธิ
    ท่านรับค่าครูในพิธีเพื่อนำปัจจัยไปเป็นสังฆทาน
    ในระหว่างที่นั่งในพิธีทุกคนก็มีศีลบริสุทธิ์
    เป็นอันว่าครบนะครับ ทาน ศีล ภาวนา ก็บุญตรงนี้นี่แหละที่ผมคิดว่ามันจะเป็นปัจจัยไปบั่นทอนวิบากในฝ่ายอกุศลที่กำลังได้รับอยู่

    ต้องยอมรับนะครับ ว่าอินทรีย์ของแต่ละคนมีไม่เสมอกันนะครับ จะไปบอกคนที่ปกติไม่นิยมให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ให้เปลี่ยนมานั่งสวดมนต์ทุกวัน วันละ 1 ชม. หรือ นั่งกรรมฐานทุกวัน หรือให้หมั่นเจริญมรรคมีองค์ 8 ในทันทีก็คงไม่ได้ทำได้ง่ายๆ โบราณจารย์จึงมีกุศโลบายเพื่อชักจูงให้คนเร่งสั่งสมความดีก็เท่านั้นครับ

    และเมื่อถึงจังหวะเหมาะเวลาดีบารมีเสริม เขาเหล่านั้นก็จะค่อยๆ เริ่มมีศรัทธาเข้มแข็งขึ้น เริ่มเดินในทางสายเอกได้ หรือ เริ่มมีความใฝ่ใจในการศึกษาเนื้อแท้เนื้อธรรมของพระพุทธศาสนามากขึ้นเอง... ก็เหมือนเราๆท่านๆ ที่มานั่งวิพากย์วิจารณ์กันอยู่ตรงนี้ไงครับ
     
  11. ธรรมทิพย์

    ธรรมทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +433
    ขอบคุณค่ะ คุณ Chati ที่ร่วมแสดงความคิดเห็น
    มองต่างมุมก็ดีค่ะ การเดินทาง ทางตรงกับทางอ้อมอย่างไหนได้ประโยชน์กว่ากันละคะ ?
    ถ้าพระคุณเจ้าตัดกรรมให้ญาติโยมเพื่อหวังปัจจัยส่วนเกินในการดำรงชีวิต
    ยิ่งมิเพิ่มพูนบาปมากขึ้นหรือคะ ? น่าคิดนะคะ
     
  12. Chati

    Chati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,982
    แน่นอนว่าทางตรงย่อมได้ประโยชน์กว่า แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเรื่องยากที่จะนำคนที่มีอินทรีย์อ่อนมาเดินสายตรง ต้องยอมรับนะครับ ว่าแต่ละคนแตกต่างกัน สั่งสมมาไม่เหมือนกัน เร็วช้าแตกต่างกัน ยากง่ายแตกต่างกัน ซึ่งเราก็คงเห็นแล้วว่า แม้แต่ในสมัยขององค์สมเด็จบรมครูเองก็มีผู้คนอยู่หลายจำพวก ใครเชื่อพระองค์ที่มีกำลังใจดีก็เข้าสู่ความเป็นอริยไป ถ้ากำลังใจอ่อนหน่อยก็เข้าถึงไตรสรณคมไป แต่ไม่ใช่ทุกคนนะครับ คนอีกเป็นจำนวนมากต่อมากก็ไม่ได้เชื่อในพระองค์ ไม่ได้ศรัทธาในพระองค์ แล้วแต่ใครสร้างเหตุมาอย่างไร เป็นไปไม่ได้หรอกครับที่จะให้คนทั้งหมดบรรลุธรรมในวันเดียวกัน

    กับมาในปัจจุบัน แล้วถ้าจะบอกให้คนที่ใส่บาตรปีละ 5 คน คือ ปีใหม่ วันเกิด วิสา มาฆะ เข้าพรรษา มานั่งเจริญวิปัสสนาเพื่อตัดกิเลสให้เป็นสมุทเฉทประหาร อันนี้ก็คงเป็นเรื่องยากนะครับ

    กลับกันถ้าเราเอาเรื่องที่จะดึงคนที่มีอินทรีย์อ่อนๆ ให้เข้าถึงทางสายตรง ออกไปเลย เอาวัตถุมงคลออกไปเลย เอาพิธีกรรมต่างๆ ออกไปเลย นั่งก็ย่อมเป็นการตัดทางบุญทางกุศลของคนอีกเป็นจำนวนมากนะครับ

    เหมือนกับปิรามิดนะครับ ส่วนฐานคือคนที่ยังต้องการวัตถุสิ่งยึดเหนี่ยว(ในทางที่เป็นกุศล) ตรงกลางคือ คนที่มีความเข้าใจและเ้ข้าถึงในระดับศีล ส่วนยอดคือ คนที่มีความสว่างไสวทางความคิด และยอมรับในกฏธรรมดา

    ถ้าเราเอาส่วนฐานออก หรือถ้าพูดตามภาษาในคัมภีร์ ถ้าเราเอากระพี้ เอาเปลือกออก แก่นก็คงอยู่ได้ยากนะครับ มันจะไม่รอดเอา

    ที่พูดในลักษณะนี้ก็เพียงแค่อยากให้ทำความเข้าใจกับชาวพุทธด้วยกันน่ะครับ การโจมตีกันว่า คนนั้นเขลาเบาปัญญากว่าเรานั่นไม่น่าจะเป็นทางออกที่ดี แต่การทำความเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล และถ้ามีโอกาสตามกาลที่เหมาะสมจึงแนะนำ นั่นต่างหากน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า

    ส่วนอีกเรื่องที่คุณธรรมทิพย์กล่าวถึงพระบางท่านที่อาจมีจิตคิดปรารถนาในเงินทองนั้น อันนี้ผมก็มองว่า เป็นเรื่องที่ใครทำใครได้นะครับ ถ้าท่านสร้างเหตุแห่งอกุศล เราก็ไม่เอาเยี่ยงอย่าง ถ้าพยายามบอกกล่าวแนะนำท่านแล้ว ท่านไม่ฟัง ก็เป็นเรื่องของท่านนะครับ ท่านก็ต้องเสวยวิบากในฝ่ายอกุศลของท่านไป ซึ่งหนักซะด้วย...
    แต่ถ้าท่านสร้างกุศลจากปัจจัยเหล่านั้น ซึ่งเราอาจไม่รู้ แต่เราไปติเตียนท่าน ด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ผมว่าอันนี้จะเป็นกรรมฝ่ายอกุศลของเรามากกว่านะครับ
     
  13. กิตติ_เจน

    กิตติ_เจน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,657
    ค่าพลัง:
    +1,281
    เป็นวิธีหากินของเหลือบศาสนาไม่ต้องไปสนใจครับ
     
  14. หญิงจัน

    หญิงจัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +2,655
    ชอบจัง ความเห็นนี้ ตัดกรรม หรือเพิ่มกรรม ก็ไม่รู้นะ
     
  15. ธรรมทิพย์

    ธรรมทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +433
    ขอบคุณ คุณ กิตติ เจน และคุณหญิงจันที่ร่วมแสดงความคิดเห็นค่ะ
     
  16. ธรรมทิพย์

    ธรรมทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +433
    สวัสดีค่ะ คุณ Chati

    ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นและมุมมองในด้านพุทธศาสนิกชน
    ที่ชัดเจน

    เห็นด้วยในเรื่องเกี่ยวกับความศรัทธา และการปฏิบัติของชาวพุทธ
    ปัจจุบันว่าขึ้นอยู่กับอินทรีย์พละ จึงติดอยู่เพียง เปลือก กระพี้ เข้าไม่ถึงแก่น

    การที่บุคคลเหล่านั้นเข้าไม่ถึงแก่นธรรม คุณว่าเป็นความผิดของใครละคะ ?
    หากวิเคราะห์เจาะลึกให้ดี ๆ คนที่ผิดมากที่สุดคือใคร ?

    จริงอยู่ที่ว่าต้นไม้หนึ่งต้นต้องมีองค์ประกอบครบพร้อม เปรียบเหมือนปิรามิดที่ต้องมีฐาน (ใช้ความเปรียบได้ดีทีเดียวค่ะ) และเพราะบ้านเมืองเรามีฐานปิรามิดเช่นนี้
    ปัญหาต่าง ๆ จึงเกิดขึ้นมากมาย เมื่อชาวพุทธหลงอยู่กับเดรัจฉานวิชา เครื่องรางของขลัง วัตถุมงคล แต่เข้าไม่ถึงคำสอน คุณว่าอันตรายไหมคะ ? และยิ่งเลวร้ายกว่านั้นหากนำไปใช้ในทางที่ผิดจะเกิดอะไรขึ้นในสังคม....

    หากผู้นำทางศาสนายังคงเพิกเฉย และส่งเสริมญาติโยมเพราะเอาใจในทางที่ผิด ไม่ว่าจะเป็นการดูหมอ สะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ซึ่งไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า
    คุณคิดว่าอุบาสก อุบาสิกาจะเป็นอย่างไรคะ ?

    ในการสอนผู้อื่น ผู้สอนต้องปฏิบัติได้แล้วจึงจะเป็นครูเขาได้ คุณว่าจริงไหมคะ ? และหากคุณเป็นครูเห็นนักเรียนทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม คุณจะทำอย่างไร
    ปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นต่อไป ด้วยการทำไม่รู้ไม่ชี้ เพราะเกรงว่าเขาจะเกลียดชังผู้เตือน หรือจะแนะนำแก้ไข เพื่อให้เขาเดินถูกทาง..... ถึงแม้เขาจะไม่ชอบ เราก็ต้องยอมเจ็บปวดโดยซุกซ่อนความเมตตา และปรารถนาดีไว้ภายใน..

    ส่วนเรื่องคำพูดบางคำที่คุณเห็นว่า แรงไปบ้างต้องขออภัยค่ะ ถ้าเช่นนั้น
    เปลี่ยนจาก "โง่เขลา เบาปัญญา" (ทางธรรม) มาเป็นพวกอวิชชา ดีไหมคะ ?

    :z8
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2009
  17. i2shadow

    i2shadow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2009
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +478
    น่าจะเป็นกุศโลบายของครูบาอาจารย์ เป็นนโยบายที่เป็นกุศล ที่ต้องการให้คนทำความดีเพิ่ม แต่ต่างคนต่างจิตต่างใจ จึงแปรความหมายไปหลายแบบ คนทำพิธีก็มีหลากหลาย แท้บ้างจริงบ้าง เป็นธรรมดาของโลก ก็ต้องใช่สติใคร่ครวญกัน บางที่ตัดกรรมโดยพานั่งสมาธิวิปัสนาอุทิศส่วนกุศล อันนี้โมทนาสาธุด้วย
    แต่บางที่ตัดกรรมก็เสียตัง 999 บาทบ้าง 599 บาทบ้างหรือไปซื้อโน่นบ้างซื้อนี่บ้าง อันนี้ก็เป็นอกุศโลบายเสียแล้วล่ะ ควรกำจัดเสียให้เกลี้ยง
    ส่วนพิธีแปลกๆหลายอย่างบางที่ก็พิจารณากันเอาเน๊อคับ
     
  18. qillip

    qillip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +366
    ผมชอบอ่านคำสอนหลวงปู่ฤาษีลิงดำที่ได้นำธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแสดง
    ชอบอยู่ตอนนึงที่ท่านสอนว่า
    อย่าไปสนจริยาผู้อื่น ถ้าเราเห็นผู้อื่นไม่ดีย่อมแสดงว่าเรายังดีไม่พอ แสดงว่าเรายังเลวอยู่
    ส่วนตัวผมเองก็ไม่ใช่ว่าจะดีอะไรมากมายครับ search ดูชื่อผมได้ ด่าคนมาเยอะแต่ไม่ได้ด่าฟรีนะผมสอนไปด้วย ก็เป็นคนบาปคนนึง ก็เลยคิดได้แค่นี้ครับ

    อกุศโลบาย ที่บางท่านบอกว่า ตัดกรรมก็เสียตัง 999 บาทบ้าง 599 บาทบ้างหรือไปซื้อโน่นบ้างซื้อนี่บ้าง ถ้าเงินนั้นได้ไปใช้ในทางสร้างโบสถ์ วิหาร หรืออะไรที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับพุทธศาสนา ผมก็ยังถือว่าผมรับได้

    สุดท้ายใครจะว่าโกงกินแต่ถ้ามาบริหารประเทศแล้วเจริญผมรับได้ แต่คนที่บอกว่าไม่โกงกิน เล่นตลกให้ชาวโลกชาวไทยสนุกสนานไปวันๆ ไม่มีแก่นสารไม่มีการพัฒนา ผมว่ายอมให้โดนโกงดีกว่าครับ
     
  19. พิชญ์

    พิชญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +3,392
    บุคคล...อาจเดินทางไปในทิศต่างกัน
    แต่จุดหมายปลายทางเดียวกัน...คือ ป่าช้า

    เมื่อเกิดมา ก็เอาความตายมาด้วย
    ความเกิด ก็คือ ความตาย.. ความตาย ก็คือ ความเกิด
    ชีวิต ก็คือความใกล้ตาย
    ก่อนตาย ก็คือ มีชีวิต

    คนโง่ คิดว่ามีอยู่ แท้ที่จริงดับสลาย
    เกิดมาชั่วขณะ ก็แตกดับเปลี่ยนแปลง
    ความเที่ยงแท้ คือของหลอก
    ความแตกดับ คือของจริง
    อย่าหลอกตัวเอง อยู่ในความฝัน
    อย่ากลบเศษแก้ว ไว้ด้วยขี้เถ้า

    ความตาย คือของที่อยู่ในพกในห่อ ไปไหนก็เอาไปด้วย
    ควรสร้างกุศล ควรประพฤติธรรม ควรประกอบบุญบารมี
    อย่าปล่อยให้วันเวลาล่วงเลยไปเปล่า
    เพราะผู้ประมาท ย่อมยัดเยียดอยู่ในนรก ร้องไห้จนนำตาเปนสายเลือด....

    บางครั้ง...ใบไม้นอกกำมือของพระพุทธองค์ ก็เปนสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยนะคะ...


    บุญรักษานักปฏิบัติทุกท่าน...
     
  20. Chati

    Chati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,982
    ถึงคุณธรรมทิพย์

    เราอย่าหาเลยครับ ว่าเป็นความผิดใคร สำหรับคนที่เข้าไม่ถึงแก่นธรรม

    เรื่องคนที่เข้าไม่ถึงแก่นธรรม เราอย่าหาเลยครับ ว่าเป็นความผิดใคร เพราะเรื่องนี้จริงแล้วเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องหาว่าใครผิดหรือใครถูก เพราะแม้แต่ในสมัยพุทธกาลองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง ก็ไม่ใช่ว่าทรงทำให้ทุกคนในยุคนั้นถึงแก่นธรรมได้หมดนะครับ พระองค์โปรดเฉพาะบุคคลที่มีนิสัยควรแก่การโปรด

    ส่วนในข้อที่เนื่องไปถึงปัญหาสังคมฟอนเฟะนั้น ข้อนี้เป็นธรรมดาของโลกครับ คนมีดีมีชั่ว กระแสของสังคมก็เป็นไปตามกระแสใจของคนในสังคม อันนี้เราต้องเข้าใจครับ ความเสื่อมทรามมันมีมาทุกยุคทุกสมัยแตกต่างกันบ้างที่มากน้อยเท่านั้นเอง ข้อนี้ให้เราเชื่อในพระราชดำรัสของในหลวงครับว่า "บ้านเมืองมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครสามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้หมด แต่ต้องสนับสนุนคนดีให้ปกครองบ้านเมือง"

    อีกประเด็นที่คุณธรรมทิพย์เสนอมาในเรื่องเกี่ยวกับครูและศิษย์ อันนี้ก็น่าสนใจนะครับ แต่เราควรเอาอย่างครูเยี่ยงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะครับ คือ พระองค์ทรงใช้ทั้งเมตตา กรุณา มุทิตา และที่สำคัญคือ "อุเบกขา" พระองค์ทรงตรัสเมื่อเป็นเรื่องจริง มีประโยชน์ ถูกกาล ถูกสถานที่ และไม่เกรงว่าเขาจะชอบหรือจะชัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...