ไขข้อข้องใจ ภพภูมิศาสนา และอีกไม่กีีปีนี้จะเปลี่ยนยุคแล้วจริงง อะ!! T^T มาดูแผนที่ประเทศไทยแบบใหม่กัล หุหุ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย sassyblue, 11 กรกฎาคม 2009.

  1. sassyblue

    sassyblue Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +52
    อ่านหน่อยนะนะนะสำคัญมาก

    ความเป็นมาที่แท้จริงของศาสนาและ อนุตตรธรรม

    โลกและจักรวาลของเรากำเนิดมาช้านานมีสิ่งเร้นลับหลายอย่างที่สามารถอธิบายเป็นหลักวิทยาศาสตร์ได้ในปัจจุบัน โลกเกิดจากพลังงานรูปหนึ่งขับเคลือนรวบรวม พุ้งชน จนรวมตัวเป็นน้ำและโลกที่เราอยู่
    สิ่งที่เรามองเห็นเช่น หิน ดิน ทราย เกิดจากธรรมชาติ และสิ่งที่เรามองไม่เห็นเช่น คลื่นไฟฟ้า คลื่นเสียง
    และวิญญาณซึ่งก่อเป็นคลื่นชนิดหนึ่งมีความถี่เหมือนกันแหล่งกำเนิดก็มาจากห่วงจักรวาลที่เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานระดับสูง

    เมื่อมีกำเนิดสิ่งมีชีวิต แรกเริ่มก็สงบสุขดี พอโลกเริ่มปกคลุมไปด้วยกิเลศ อีกภพภูมิหนึ่งที่เรียกว่านิพพานซึ่งก็ยังคงมีวิญญาณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาศัยอยู่ ทางเบื้องบนท่านต้องการที่จะมาแพร่หลักสัจธรรมอันแท้จริงให้มนุษย์รู้ตื่น(ซึ่งอดีตกาลสิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนมาจากนิพพานเป็นเทพเซียนด้วยกันทั้งสิ้น) จึงลงมาจุติยังโลกมนุษย์หลายพระองค์ด้วยกันซึ่งแต่ละพระองค์ที่ลงมาเกิดมาจากจุดเดียวกันทั้งสิ้นคือ นิพพาน ท่านได้ลงมาจุตติ ในสถานที่บนโลกที่ห่างไกลกันออกไปเพื่อ ที่จะให้ธรรมมะได้แพร่กระจายอย่างทั่วถึงถ้าหากท่านลงมาแค่องค์เดียว ศาสนาเดียว คนกลุ่มเดียวที่รู้มันก็ไม่ทั่วถึง ดังนั้นจึงมีหลายศาสนาเกิดขึ้นทุกศาสนาล้วนแล้วแต่สอนให้คนเป็นคนดีและทุกศาสนาล้วนแล้วแต่มาจากจุดกำเนิดจุดเดียวกันนั้นคือนิพพาน ปัจจุบันศาสนาถูกแบ่งแยกโดยมนุษย์ก็ไม่แปลกเพราะต่างก็อยู่กันคนละทวีป ภาษาและวัฒณธรรมก็แตกต่างกันไปแล้วและพระศาสดายังต่างกันแต่ไม่สังเกตกันเลยหรอว่าคำสอนนั้นเป็นสิ่งเดียวกันทั้งสิ้นแม้ว่าอาจจะมาจากพระศาสดาต่างกันก็ พระศาสดาองค์เดียวมิอาจโปรดคนได้ทั้งโลกเพราะเมื่อก่อนไม่มีทีวี รถ การที่จะเดินทางโปรดสัตว์รอบโลกทั้งชีวิตของท่านก็คงไม่พอ ดังนั้นอนุตตรธรรมก็คือหลักธรรมที่รวมเป็นหนึ่งเดียวไม่แบ่งแยกศาสนา


    [​IMG]


    หากเข้าใจถึงศาสนากันแล้วเรามาต่อด้วยความเข้าใจของจักรวาลและภพภูมิต่างๆ อันเป็นที่อยู่ของเทพ มนุษย์และ สัตว์นรก


    ภพภูมิ

    อันดับแรกพระศาสดาของทุกศาสนากล่าวว่า แรกเริ่มจักวาลค่อยๆมี นิพพานเกิดขึ้น ต่อด้วยเทวโลก ต่อมาเกิดโลกมนุษย์ เท่านั้น ไม่มียมโลก เวลาล่วงเลยมาสัตว์เริ่มทำบาปจึงกำเนิดยมโลก


    [​IMG]

    โดยปกติรายชื่อของทุกคนก่อนที่จะเกิดนั่นไปอยู่ในการควบคุมของพญายมรราชทั้งสิบขุม ในนรกนั่นเอง
    ซึ่งคนทุกคนเมื่อตายไปจะไปตรวจสอบความดีความชั่วที่นั้นก่อนหากกรรมชั่วเยอะอาจจะถูกตัดสินไปยังนรกขุมต่างๆก็ว่ากันไปส่วนผู้ประกอบกรรมดีก็จะมีบันไดขึ้นสู่สวรรค์ไปยังเทวโลกเพื่อเสพสุขบุญกุศลที่ทำมา
    ส่วน ผู้ที่ได้รับวิถีธรรมเหมือนดังหลวงปู่คำน้อยนั้น รายชื่อจะถูกลบจากยมโลกไปยังด่านตรีเทพพิทักษ์
    หลายคนยังอาจจะไม่เข้าใจถึงการลบรายชื่อและด่านตรีเทพพิทักษ์ หากเราจะมาพูดถึงอีกหัวข้อหนึ่งอาจทำให้เราเข้าใจยิ่งขึ้น ดังนี้





    ยุคสามยุคบนโลกมนุษย์

    โลกเรามีสามยุคด้วยกัน

    1. ยุคเขียว ไหว้โดยการยกมือข้างเดียวแบบ พระธังซัมจั๋ง ยุคนี้ผู้ที่บำเพ็ญลำบากนักต้องเข้าป่าหาหลักสัจธรรมเอง
    2. ยุคแดง ยุคที่ให้แต่ผู้ชายบำเพ็ญ (พระสงฆ์ในปัจจุบัน)
    3. ยุคขาว ยุคแห่งพระศรีอาริยะเมตรัย มีแต่คนดีมุ้งบำเพ็ญธรรม

    ซึ่งในปัจจุบันนี้เป็นยุคสุดท้ายปลายกัป เป็นช่วงที่กำลังจะเริ่มเปลี่ยนจากยุคแดงเป็นยุคขาว ตอนนี้ยังเป็นยุคแดงอยู่ แต่กำลังจะย่างเข้าสู่ยุคขาว ดังนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านเมตตาให้ธรรมะโปรดลงสู่ครัวเลือนไม่ต้องลำบากเหมือนพระอริยะเจ้าองค์ก่อนๆอีกต่อไป สมัยก่อนพวกท่านต้องลำบากมากกว่าจะหาธรรมอันสูงส่งพบ ยุคนี้เราสารถบำเพ็ญได้ในครอบครัวที่บ้าน เราก็ควรที่จะรับธรรมะเสียก่อนแบบหลวงปู่คำน้อยเพื่อที่จะได้รู้ไตรรัตน ด่านตรีเทพพิทักษ์ จะไม่ให้คนที่ไม่รู้ไตรรัตนสามประการผ่าน ( ดังที่หลวงปู่คำน้อยพบเจอนั่นเอง) และหากใครนั่งสมาธิได้ถึงขั้นนั้นจะได้เป็นใบเบิกทางให้ผ่านเข้าไปเที่ยวแดนนิพพานได้ดั่งหลวงปู่คำน้อย ง่ายๆคนเราในปัจจุบันแค่นับถือศีลห้าคิดดีทำดี ปล่อยวางได้บ้าง ถึงจะไม่ได้มีโอกาสรับธรรมะแต่ เมื่อวันที่ภัยพิบัติมาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะช่วยคุมครองเราเอง พูดถึงการรับธรรมะหลายคนคงสงสัยว่าคืออะไรทำอย่างไร หลายท่านคงจะพอรู้จักถึงคำว่า สถานธรรมอยู่บ้าง ใครไม่รู้จักหลวงปู่คำน้อย คลิก http://palungjit.org/threads/ประจัก...ือวิถีธรรม-ตายแล้วตัวนิ่ม-ตายแล้วฟื้น.116406/

    สถาณธรรม
    เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ มีอยู่ทั่วโลก และทั่วประเทศซึ่งในประเทศไทยเรานั้นปัจจุบันสถานธรรมได้เปิดอย่างกว้างขวางมีเกือบทุกจังหวัดทุกอำเภอ เป็นสถานที่ที่ให้ผู้คนสามารถมาศึกษาหาพระคำภีย์และหนังสือธรรมะต่างๆได้ และสถานธรรมนี่เอง ที่มักจะตีพิมพ์ หนังสือธรรมมะแจกฟรีต่างๆ ก็มาจากสถานธรรม
    ซึ่งเงินที่นำมาตีพิมพ์ก็มาจากการบริจาก จากญาติธรรมคนใจบุญทั้งหลายนั้นเองหนังสือต่างๆที่ตีพิมพ์เช่น
    เที่ยวเมืองนรก เที่ยวเมืองสวรรค์ เป็นต้น ท่านใดสนใจหนังสือติดต่อได้ที่ สถานธรรมเหลีงเต๋อ สั่งซื่อฟรี
    เสียเพียงค่าจัดส่ง 7 บาทหากท่านใดสนใจอยากได้หนังสือสั่งฟรี หรือจะช่วยบริจากเงินค่าพิมพ์หนังสือก็ได้ที่เว็ปไซต์ สังคมธรรมะออนไลน์ : อนุตตรธรรม อาหารเจ กฎแห่งกรรม นิทาน หนังสือธรรมะแจกฟรี



    แดนนิพพานกับเทวโลกต่างกัน

    นิพพานเป็นที่อยู่ของผู้บำเพ็ญเพียร ส่วนเทวโลกเป็นที่อยู่ของเทวดา เทวดานางฟ้าก็คือคนที่ทำบุญมากสร้างกุศลเยอะจึงได้ไปเสพสุขผลบุญตนเองที่สวรรค์ ซึ่งแตกต่างจากคนที่บำเพ็ญแล้วบรรลุธรรม






    ไอปี 2012 ที่ว่า คงเป็นการเปลี่ยนยุคสมัยซะละมั้ง

    เพราะตรงกะคำทำนายหลายอย่างมั๊กมาก เช่น ในพระไตปิฎก ที่กล่าวว่าปลาจะกินดาว
    คือน้ำท่วมนี่เองมองจากข้างบนหัวเราคงเป็นปลาเพราเราคงจมตะแง่วๆ อยู่ใต้น้ำ ส่วนเรื่อโนอาก็เป็นปริศนาธรรมเหมือนกะเมื่อถึงวันนั้นจะมีอะไรบางอย่างมาชุดช่วยคนดีให้รอดเปรียบเสมือนเรือนั่นเอง หรือ ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวอยู่บ่อยๆ ว่าเรือธรรม?? อย่างเดียวกะเรือโนอาร์ซะละมั้ง เรือโนอาไม่ใช้สมัยก่อนซะที่ไหนแต่เป็นสมัยนี้แหละที่จะเกิดเรือโนอา

    ดูประเทศไทยในอนาคต

    [​IMG]
    :z6
     
  2. ลุงลัง

    ลุงลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +203
    http://www.dmc.tv/forum/lofiversion/index.php/t8763.html

    "วิถีอนุตรธรรม" หรือ"อนุตรธรรม" เป็นลัทธิความเชื่อหนึ่งที่มีต้นกำเหนิดมาจากประเทศจีน เมื่อมีการแพร่ลัทธินี้เข้าไปในไต้หวัน ในปัจจุบันผู้ที่เข้ามาเผยแผ่ลัทธินี้ในไทยจึงเป็นคนไต้หวันเป็นส่วนใหญ่
    ในไต้หวันเองทางส่วนราชการก็ระบุชัดเจนว่าเป็นลัทธิหนึ่งขึ้นมาต่างหาก ไม่ใช่พระพุทธศาสนา และทางพุทธสมาคมจีนไต้หวัน รวมถึงวัดพุทธในไต้หวันทุกแห่งต่างก็เข้าใจว่าลัทธินี้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งหรือนิกายย่อยของพระพุทธศาสนา แต่เป็นการนำเอาหลักธรรมคำสอนของห้าศาสนามารวมไว้ด้วยกัน

    [​IMG]


    โดยลัทธินี้มีสิ่งเคารพสูงสุดที่เรียกว่า "พระแม่องค์ธรรม" ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเป็นผู้สร้างสรพพสิ่งขึ้นมา(คล้ายแนวคิดเรื่องพระเจ้า) มีการเซ่นไหว้เจ้าแม่กวนอืม พระจี้กง พระศรีอาริเมตไตร(หมีเล้อฝอ) ลัทธินี้เชื่อว่าการที่ไครจะบบรลุธรรมได้้นั้นต้องมีการเปิดจุดทวารตรงกลางหน้าฝากก่อน และได้้มีการอ้างด้วยว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าของเราก็ต้องผ่านการเปิดจุดทวารเหมือนกัน ซึ่งความเชื่อนี้ถือว่าขัดกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจน เพราะการบบรลุธรรมในพระพุทธศาสนานั้นอาศัยการปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง ไม่ต้องอาศัยการช่วยเหลือจากสิ่งภายนอก

     
  3. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ยุคปลาย...ปลายแห่งการยั่งยืนด้วยความจริง นับวันความบิดเบี้ยวยิ่งมากขึ้น
     
  4. sassyblue

    sassyblue Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +52
    ธรรมชาติแบ่งออกเป็นสองลักษณะ


    1 วิทยาศาสตร์คือ สิ่งที่มนุดเข้าใจแล้วอธิบายได้

    2 ศัลยศาสตร์ คือ สิ่งที่มนุดยังไม่เข้าใจไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริง


    สรุปป
    สมมุตว่าสิ่งที่คุณเชื่อมาแต่ช้านานมีประจักหลักฐานแล้วคนก็เชือกันมากมาจนปัจจุบันแล้วสิ่งที่แตกดับไปตั้งนานซึ่งมันก็คือสิ่งที่เราเชื่อในปัจจุบันนี้แหละ แต่ว่าสิ่งนั้นไม่ได้แตกดับพระพุธองและเหล่าเทวดายังคงอยู่และท่านไม่ได้อยู่เฉยโลกมนุดยังมีการบริหารประเทศแล้วเรืองอะไรที่สวรรค์จะไม่พัฒณาโลกมนุดเลยฉนั้นจึงเกิดพระธรรมและหลักปฏิบัติธรรมใหม่ๆอีกมากมายเพราะองการสวรรค์ไม่มีวันหยุด การติดต่อสือสารระหว่างสิ่งศักสิทธิ์กับมนุษยังคงมีอยู่ในปัจจุบัณ เพราะฉนันอย่าเพิ่งสรุปว่าสิ่งที่คนอื่นเชือแล้วไม่ตรงกับแนวคิดตัวเองมันผิดเพราะคุณยังรู้กันไม่กระจ่างเลยอย่ามาาสรุปสิ่งที่อาจจะเป็นจริงหรือไม่จริงก็ได้เกิดมันเป็นจริงขึ้นมาคุณจะไม่มีที่พึ้ง หากคุณคือผู้รู้แจ่มแจ้งแล้วคงไม่มาดูอะไรทางโลกไรสาระกันอยู่ ทุกวันนี้ดูอะไรกันบ้าง รูป รส กลิ่นเสียง ไม่จีลัง พร้อมความลุ่มหลงเต็มพิกัด
    ฮึฮึ แค่ขอว่าอย่าสรุปสิ่งๆหนึงที่คุณไม่เคยได้ไปสัมผัสมันเลยยย
     
  5. sassyblue

    sassyblue Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +52
    มาสรุปปปให้ฟังที่ว่าอันที่จริงที่สุดของที่สุดนั้นมัคุณมันไม่ใช้มาจากการที่คุณได้รู้และได้สัมผัสสิ่งนั้นเองเอย่าพึ่งสรุปสิ่งที่ตนไม่เคยได้สัมผัสหากสิ่งนั้นเปนจริงขึ้นมาที่พึ่งจะหายาก ตอนนนี้คุณยังไม่รู้กันเลยว่าทางออกของการเวียนว่ายคืออะไร

    เพราะฉนันอย่าเพิ่งสรุปเลยนะว่าอันโน้นไม่จิงอันนี้บิดเบี้ยว มานคือการเดาของคุณทั้งสิ้น เอาเป็นว่าให้คุณตรัสรู้แล้วมีออร่าบนหัวเมื่อไรค่อยมาสอนหนทางที่ถูกหน่อยหากคุณทำให้เห็นออร่าบนหัวคุณได้จะเชื่อทันทีว่าคุณตรัสรู้แล้วควรเชือคุณ
    แต่หากยังไม่ได้พบหนทางด้วยตัวเองยังฟังคนอื่นอยู่อย่าพึ่งสรุปปนะะ!!!
     
  6. neung48

    neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +457
    .ใจเย็นครับอาวุโส มนุษย์เป็นคนเลือกทาง เลือกผิดก็ไปผิดเองครับ เมื่อเขาเจอทางที่ถูก ก็จะไปต่อได้เอง เราไม่ต้องไปว่าอะไรเขาหรอกครับ ว่าไปก็บาปแก่จิตเราปล่าวๆครับ
     
  7. cmhadtong

    cmhadtong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2008
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +2,034
    บุคคลที่มี สัมมาทิฏฐิ คือ มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ความเห็นที่ถูกต้อง
    ย่อมมองทุกอย่างโดยเป็นของธรรมดา เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน
    แม้ไม่ได้สมาธิขั้นสูง หรือ คุณวิเศษแต่อย่างใด
    ย่อมแจ้งแก่ใจตนเอง ว่าธรรมใดคือธรรมะแท้ที่ถูกต้อง ที่ควรปฏิบัติตาม
    เราจะเป็นผู้มีศีลก็ต่อเมื่อเรารักษาศีลด้วยตัวเราเอง
    เราจะเป็นผู้มีสมาธิจิต ก็เมื่อเราทำให้สมาธิเกิดด้วยการฝึกฝนตนเอง
    เราจะเป็นผู้แจ้งในพระนิพพาน เราก็ต้องพากเพียรละกิเลสด้วยตนเอง
    บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน

    ปล. ไม่ได้โต้แย้งเจ้าของกระทู้แต่อย่างใด เพียงแต่มีความรู้สึกตามที่เขียน
    เจริญในธรรมนะครับ
     
  8. roongruang

    roongruang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +16
    อนุตตรธรรมเป็นธรรมะรากฐานเดิมที่มีอยู่แล้วในอนันตจักรวาล เป็นสิ่งที่สูงส่ง สูงสุดไม่มีเปลี่ยนแปลง อยู่ภายนอกเรียกว่าธรรมชาติ เช่นตะวันขึ้นทางตะวันออกและตกที่ตะวันตก มีกลางวันกลางคืน เป็นต้น อยู่ภายในตัวเราเรียกว่าธรรมญาณ ตัวจริงของเราหรือวิญญาณนั่นเอง ซึ่งพระศาสดาทุกพระองค์ได้คนพบความอัศจรรย์แยบยลนี้จึงได้ประกาศเป็นคำสอนที่เรารู้จักกันในคำว่าศาสนา ดังนั้นจึงควรแยกให้ออกว่าธรรมะกับศาสนาต่างกันอย่างไร และเกื้อกูลส่งสริมกันอย่างไร
    คนโบราณเวลาเสียชีวิตก็มักจะเอาสำลีมาอุดทวารทั้งเก้า เพราะเกรงว่าวิญญาณผู้ตายจะออกที่ประตูเหล่านั้น นั่นคือชีววิถีหก คือ ตา หู จมูก ปาก สะดือและกระหม่อม ซึ่งทางออกเหล่านี้ล้วนแต่เป็นทางออกที่พาไปเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร ตั้งแต่ชั้นอรูปพรหม รูปพรหม เทวโลกหกชั้น มนุษย์โลก และนรกภูมิทั้งสิบขุม เวียนเกิดตายเช่นนี้เป็นชาติกำเนิดสี่ คือ เกิดจากไข่ จากครรภ์ จากสิ่งหมักหมม และเกิดแบบฉับพลัน โอปปาติกะ นั่นเอง แต่มีอีกหนทางหนึ่งที่เป็นทางออกเป็นที่สถิตของจิตญาณนั่นคือจุดญาณทวารเป็นทางออกสู่แดนนิพพาน แน่นอนครับว่าได้รับรู้แล้วต้องปฏิบัติบำเพ็ญให้บุญกุศลและมรรคผลครบจึงจะได้เข้าสู่นิพพาน ไม่ได้ขัดกับหลักพุทธศาสนาอะไรเลย ไ้ด้รับแล้วหากไม่บำเพ็ญไม่เจริญปณิธานใช่ว่าจะได้กลับคืน พระพุทธเจ้าท่านสร้างบารมีกว่า 500 ชาติจึงได้รับรู้ประตูทางออกนี้ แต่เราในยุคนี้ได้รับง่ายเนื่องจากภัยพิบัติมากมาย เกิดกลียุค ท่านจึงประทานหนทางรู้นี้ให้ก่อนแล้วค่อยสร้างบารมีให้มรรคผลครบ หากยุคนี้มีแต่การสะสมบารมีหลายร้อยชาติแบบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในยุคก่อนคงไม่ทันกาลกับยุคแห่งการเก็บคนจากภัยพิบัติและมิคสัญญีที่กำลังมาถึงนี้อย่างแน่นอน
    ทั้งนี้หากศึกษาในหลักธรรมของแต่ละศาสนาจะพบว่าไม่ต่างกันเลยเพราะพระศาสดาแต่ละท่านเข้าถึงสิ่งเหล่านี้แล้วนำมาสั่งสอนให้เป็นรูปลักษณ์ที่ต่างกันแต่หมายถึงสิ่งเดียวกัน ดังนั้นในสากลจักรวาลนี้จึงไม่ควรแบ่งแยกชนชั้น ชาตินั้นชาตินี้ ศาสนานั้นมาจากที่นั่นที่นี่ แต่ควรศึกษาแก่นธรรมของแต่ละศาสนา ศึกษาในธรรมะที่เป็นสัจธรรมแท้จริงเสียมากกว่า ขอทุกท่านผู้เจริญปัญญาโปรดศึกษาและพิจารณาให้ถี่ถ้วนเถิด
     
  9. Bad_measure

    Bad_measure เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,602
    ค่าพลัง:
    +10,421

    อันนี้เป็นไปอย่างที่ผมคาดคิดไว้ แต่ก็สรุปไม่ได้ว่าจริงหรือไม่
     
  10. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ไม่ได้อยากว่าอะไรหรอกแต่สำหรับเจ้าของกระทู้นะครับ
    1.คุณอายุ 17 ปีแล้ว ไม่ทราบว่าตกภาษาไทยหรือเรียนไม่ผ่านครับ ผมมั่นใจว่าที่ผมอ่านนั้นไม่เคยได้รับการสอนในโรงเรียนนะครับ
    2. คุณไม่สามารถคุมสติให้ถูกแม้แต่การจะสื่อความด้วยภาษาท้องถิ่นแล้วสิ่งที่คุณกล่าวให้คนอื่นเชื่อแล้วบอกว่าสำคัญมากจะมีสรรสาระชักจูงให้เกิดความศรัทธาแก่คนหมู่มากได้อย่างไรครับ
    3. อนุตรธรรมนี่ผมไม่รู้ว่าคืออะไร แต่พระผู้มีความเป็นสุปฏิปัณโณ และเด่นในการสอนการเจริญสติหรือวิปัสนาจารย์ก็ไม่เคยได้ยินท่านพูดถึงนะครับ แล้วที่ผมรู้มาจากการศึกษาธรรมของเถรวาท คนเราต้องมีศีลเพื่อให้เกิด ศีลวิสุทธิ์ เป้นกำลังในการทำสมาธิ กรรมฐานสี่สิบทำให้คนเจริญสมาธิจนเกิดฌาณ เพื่อให้เป็น จิตวิสุทธิ์ แล้วจึงนำจิตวิสุทธิ์ก้าวเข้าสู่สติปัฎฐานเพื่อนำจิตเข้าสู่ทิฎฐิวิสุทธิ์แล้วจึงจะเกิดวิสุทธิมรรค เกิดญาณสิบหกเมื่อผ่านแล้วจึงเข้าถึงวิสุทธิผลแล้วนำตนผ่านเข้าถึงโลกุตระธรรม แล้วจิตจึงจะเข้าสู่ โครตภูญาณใช่มั้ยครับ...แล้วอนุตรธรรมนี่อยู่ตรงไหนครับ
    4. ไม่ทราบว่าคนสอนคุณให้เชื่อจนเกิดศรัทธาแรงกล้าเหนือเหตุและผล(เรียกง่ายๆว่า หลง) ท่านผู้นั้นมีออร่าออกรอบหัวมั้ยครับ???
    5. เรื่องขัดใจมากคือขอความกรุณานะครับ อินเตอร์เน็ตก็ใช้เป็น อายุก็ล่วงเลยมาจนวัยรุ่นแล้ว ใช้ภาษาไทยให้ถูกด้วยครับ
     
  11. roongruang

    roongruang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +16
    พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ครับ

    ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าแสดงธรรมโดยมีพระสงฆ์ที่พระองค์ทรงบวชให้ ในครานั้นท่านยังไม่ตรัสแสดงธรรมอันใด แต่ได้ชูดอกบัวขึ้นที่พระพักต์แล้วหมุนปัดไปมา พระมหากัสสปะได้รับรู้ถึงความแยบยลนี้จึงได้ยิ้มออกมา พระพุทธองค์ทราบว่าพระมหากัสปะบุญวาระถึงได้รับรู้ความแยบยลนี้จึงทรงมอบ บาตรและจีวร แก่พระมหากัสปะดูแลพระศาสนาต่อมา จนถึงรุ่นที่ 18 พระโพธิธรรมหรือที่เรารู้จักว่าท่านในนามปรมจารย์ตั้กม้อท่านได้นำสิ่งแยบยลนี้ไปที่ประเทศจีน ท่านไปโดยไม่นำพระไตรปิฎกหรือคัมภีร์ใดๆไปเลยเพราะท่านต้องการไปหาผู้ที่สืบช่วงต่อ ได้รับความแยบยลนี้ ตรัสรู้ได้แบบฉับพลัน ท่านเสินกวงฝ่าซือ ถึงขนาดยอมตัดแขนข้างหนึ่งเพื่อหนีการเกิดตาย เมื่อท่านได้รับรู้ความแยบยลนี้ท่านจึงได้รับบาตรและจีวรต่อจากท่านตั้กม้อ เป็นสังฆราชองค์แรกของจีนและสืบทอดต่อมาเรื่อยๆ คนมักเรียกนิกายนี้ว่า เซ็น สอนแบบตรัสรู้โดยฉับพลัน หาอ่านได้จากพระสูตรท่านเว่ยหลางของท่านพุทธทาส หรือศิษย์โง่ไปเรียนเซ็นของทีรทาส
    นั่นแสดงให้เห็นเป็นนัยว่าพระพุทธศาสนาที่แตกแขนงนั้นมีหลายสาย ทั้งเถรวาท มหายาน วัชรญาณ ดังนั้นที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ควรหามาศึกษาไว้เนื่องจากที่เราได้เรียนรู้ในตำราเรียนไม่ครบถ้วนถ่องแท้ เรื่องที่เราไม่รู้มีอีกมาก พระพุทธองค์ทรสั่งสอนคนนั้นก็เป็นแค่เพียงใบไม้ในกำมือในป่าใหญ่เท่านั้นเอง
    อยากถามว่ากายสังขารพ่อแม่เป็นผู้มอบให้กับเรา แล้วจิตวิญญาณของเราล่ะครับใครเป็นผู้มอบมา แม่ของจิตญญาณในทุกสรรพสิ่งในมหาอนันตจักรวาลคือใคร ทุกศาสนากล่าวไว้ชัดเจนว่าพระเจ้าบ้าง พระอัลเลอะห์บ้าง เต๋าบ้าง กิมบ๊อบ้าง ถึงแม้พระพุทธองค์ไม่กล่าวไว้ชัดเจนแต่ก็ตรัสถึงคำว่าอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณหรืองค์ธรรมะอันยิ่งใหญ่ก่อกำเนิดสรรพสิ่งท่านผู้ทรงปัญญาโปรดพิจารณาให้ถ้วนถี่เถิด
     
  12. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    สิ่งที่ผมรู้...เป็นสิ่งที่ธรรมดาครับ เป็นความธรรมดา
     
  13. namaste

    namaste Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +55
    คนอ่านเค้าอ่านแล้วรู้สึกขัดใจน่ะค่ะ ถ้ารุ่นน้องๆคิดแบบนี้กันหมด
    คิดดูว่าจะเกิดอะไรกับภาษาเขียนของไทยคะ
    เคารพคนที่ประดิษฐ์ตัวหนังสือให้ชาวไทยได้ใช้กันหน่อยนะคะ
    ถ้าอยากเขียนสบายๆแบบนี้ เขียนคุยใน msn นะคะ
    เว็บบอร์ดเป็นของสาธารณะ เป็นที่ๆเราต้องอนุรักษ์ภาษาไทยค่ะ

    ...............................................................................

    เด็กน้อย เพิ่งลืมตาดูโลกมา17ปี

    เชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งที่ตัวเองได้รับรู้มาเป็นความจริง

    พยายามบอกให้คนอื่นเปิดใจยอมรับความจริงของตัวเอง

    แต่ที่หนูเขียนมามันเป็นความเชื่อค่ะ

    ความเชื่อ กับ ความจริง ต่างกันตรงไหนรู้ไหม

    ถ้าหนูยังแยกระหว่างความเชื่อกับความจริงไม่ออก

    นั่นแหละ กำลังหลงทางอยู่

    ความจริงคือ ปัจจุบันขณะนี้ กำลังรู้สึกอย่างไร หายใจเข้าหรือออก

    การปฏิบัติธรรมเพื่อถึงนิพพานเป็นเรื่องง่ายๆค่ะ อยู่กับกายใจของตัวเอง

    ไม่ต้องออกไปไหน ทำพิธีอะไรทั้งสิ้นนะคะ


    ;k05
     
  14. cmhadtong

    cmhadtong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2008
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +2,034
    การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ถือว่าเป็นของดี และไม่ใช่เรื่องง่าย
    เมื่อเกิดมาแล้วได้มีโอกาศพบพระพุทธศานายิ่งเป็นเรื่องที่ยาก
    แล้วยิ่งได้มีโอกาศศึกษาและปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น
    ตามแนวทางที่ถูกต้องยิ่งยากที่สุด
    ในบารมี 10 ในหัวข้อปัญญาบารมี
    ปัญญาบารมี คือจิตที่พร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหารกิเลส
    และความหลงผิดให้พินาศไป
    เพราะฉะนั้นเมื่อมีความตั้งใจ มีความศรัทรา ก็ต้องมีปัญญาในการพิจารณา
    ควบคู่กันไปด้วย จึงจะรู้ว่าการปฏิบัติธรรมของเรามาถูกทางแล้ว
    ใช้ปัญญาบารมีเป็นเครื่องตรวจสอบนั่นเอง

    ปล.ไม่ได้บอกว่าสิ่งไหนดี หรือสิ่งไหนไม่ดี
    บนโลกนี้ไม่มีคนดี หรือคนไม่ดี มีแต่คนที่เป็นไปตามกรรม โลกก็เป็นเช่นนี้แล
     
  15. จื่อหลิง

    จื่อหลิง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +698
    ไม่ทราบว่าหามาแต่ไหนเหรอครับข้อมูลนี้
    ผมไม่ได้สนใจนะว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไรหรือศาสนาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
    หรือจะรวมศาสนากี่ศาสนาเข้าด้วยกันก็ช่าง
    ผมขอแค่นับถือศาสนาพุทธที่มีพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาพุทธเจ้าและขอนับถือทุกชาติไปจนกว่าจะเข้าถึงสภาวะธรรมอันเเท้จริง;aa36
     
  16. roongruang

    roongruang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +16
    พระพุทธองค์ทรงสอนทางนิพพานด้วยอริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค มรรคคือวิธีและการปฏิบัติเพื่อการดับทุกข์ ซึ่งหากมรรคมีองค์ 8 ครบถ้วนสมบูรณ์แล้วจึงได้ดวงตาเห็นธรรมหรือธรรมจักษุ ซึ่งมรรคมีองค์ 8 ประกอบด้วย
    [SIZE=-1]1. สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ
    [/SIZE][SIZE=-1]2. สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ
    [/SIZE][SIZE=-1]3. สัมมาวาจา เจรจา หรือวาจาชอบ
    [/SIZE][SIZE=-1]4. สัมมากัมมันตะ การงานชอบ ทำงานชอบ
    [/SIZE][SIZE=-1]5. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ
    [/SIZE][SIZE=-1]6. สัมมาวายามะ ความเพียรชอบ
    [/SIZE][SIZE=-1]7. สัมมาสติ ความระลึกชอบ
    [/SIZE][SIZE=-1]8. สัมมาสมาธิ ตั้งมั่นชอบ สมาธิชอบ
    จะเห็นได้ว่าการปฏิบัติเพื่อเข้าสู่นิพพานนั้นไม่ได้อยู่ที่การนั่งสมาธิ เจริญสติอย่างเดียวจึงจะได้นิพพาน การใช้ชิวิตประจำวันต้องมีความคิดดี พูดดี ทำดี ปฏิบัติดี หาเลี้ยงชีพดี มีความเพียรดีด้วยจึงจะสมบูรณ์ ผู้บำเพ็ญธรรมในอนุตรธรรมเช่นกันล้วนบำเพ็ญธรรมจากกุศลกรรมภายในและบุญจากภายนอก [/SIZE][SIZE=-1]กุศลกรรมภาย[/SIZE][SIZE=-1]คือการสำรวมจิต ไม่คิดยินดีในความดีและยินร้ายในความไม่ดีหรือความทุกข์ อยู่เหนือสภาวะจิตที่เรียกว่า ทวิภาวะ นั่นคือขาวกับดำ หรือหยินกับหยางนั่นเอง (จิตนิพพานต้องอยู่เหนือหรืออยู่ท่ามกลางสภาวะนี้นั่นคือทางสายกลาง) ย้อนมองส่องตนในข้อผิดพลาด บุญจากภายนอกคือการฉุดช่วยเวไนยสัตว์ดุจมหาปณิธานแห่งพระโพธิสัตว์ การใช้ชีวิตที่มีคุณธรรมตามคุณธรรม 8 และคุณสัมพันธ์ 5 ยามจิตสงบจะสำรวมจิตให้สงบนิ่ง(จิตแห่งอนัตตา) ยามจิตขยับก็ออกฉุดช่วยเวไนยชน(จิตแห่งอัตตา) ทั้งสองอย่าง[/SIZE][SIZE=-1]ผู้บำเพ็ญธรรมในอนุตรธรรมล้วนถือปฏิบัติควบคู่กัน แล้วอย่างนี้จะมีความแตกต่างกับมรรคมีองค์ 8 กันด้วยประการใด เราจึงพบเห็น[/SIZE][SIZE=-1]ผู้บำเพ็ญธรรมในอนุตรธรรมล้วนแต่เป็นสามัญชนไม่ใช่นักบวชนุ่งผ้ากาสาวพัตรแต่เน้นที่การบวชใจ บำเพ็ญธรรมสำรวมสติจากการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ได้นั่งสมาธิเป็นกิจวัตร จึงมักถูกมองว่าเป็นพวกนอกรีต นอกลัทธิ แต่จริงๆ แล้วจุดหมายปลายทางก็เพื่อพาโลกสู่สันติสุขเป็นโลกแห่งดอกบัวบาน โลกของพระศรีอาริย์ และนำพาให้สรรพชีวิตไปสู่แดนนิพพานพ้นการเวียนว่ายตายเกิดด้วยกันดั่งมหาปณิธาณแห่งพระศาสดาทุกพระองค์ พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ มหาเทพและมหาเซียนทุกพระองค์ที่ทำงานร่วมกัน ขอผู้เจริญปัญญาโปรดพิจารณาด้วยเถิด สาธุ
    [/SIZE]
     
  17. sassyblue

    sassyblue Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +52
    ขอ -ออ - บอ- =ขอบ คุน= คุณ ทุก=ทุก คน=คน ที่=ที่ สอน=สอน เน้อ


    เขียนถูกยังหว่า -w-
     
  18. roongruang

    roongruang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +16
    ศึกษาร่วมกันครับ ธรรมะจะได้เจริญก้าวหน้า ร่วมฟื้นฟูจิตเดิมแท้ในใจตน
     
  19. จีโอ14

    จีโอ14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +262
    เรื่องแผนที่นี้ นักวิทยาศาตร์ เขาทำมาตั้งนานแล้ว โดยคำนวนจากอัตราการสูงขึ้นของน้ำทะเลปานกลางต่อปี มาผนวกกับระดับภูมิประเทศ ก็ได้แผนที่อย่างที่เห็นนี้แหละ

    ส่วนอนุตรธรรมอะไรนี้..ก็ตามสะดวกแล้วกัน มีเยอะครับ มาดัดแปลงพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ แอบเข้ามาเงียบ ๆ ตอนแรก ก็อ้างพุทธะ หลอกคนพุทธที่งมงายอยู่ เอาของง่ายมาล่อ แค่รับแสงหรือรับอะไรไม่รู้ก็สามารถเห็นธรรมได้ ไม่ต้องไปทำสมาธิ ภาวนา ให้เมื่อย คนง่ายก็ชอบของง่าย เป็นธรรมดาของคน จริงไหม ? ไป ๆ มา ๆ เป็นอะไรก็ไม่รู้

    พวกดัดแปลง บิดเบือนพระธรรมคำสอน มีทั้งแบบรู้ตัวกับ และแบบไม่เจตนา ลงนรกหมดครับ ไปถามที่นรกซิครับ มีเยอะ พวกที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่ ก็พลอยติดร่างแหนรกเข้าไปด้วย น่าสงสารพวกติดร่างแห นะครับ เพราะเขาไปได้อาจารย์ผิด เพราะเขาไม่รู้ตัวเดียว แท้ ๆ น่าสงสารยิ่งครับ

    ดังนั้นเหล่าบุคคลที่พระรัตนตรัยมั่นคงแล้ว เรามาช่วยแผ่เมตตา อุทิศ ความดี ไปให้เขาเหล่านี้ได้กลับมาสู่ทางที่ถูกต้องกันดีกว่านะครับ ดีกว่าไปทับถม ดูถูก ดูแคลน เมตตาให้มาก กรุณาให้มาก ถ้าเขาไม่รับ เราก็อุเบกขาให้มาก ได้แค่นี้แหละครับ
     
  20. CHOTIYA

    CHOTIYA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +359
    แค่แผนที่ก็มุสาวาทแล้วท่านเอย ไม่ต้องลึกไปถึงธรรมคำสอนที่ฟัดกันมั่วมานาน ใช้มันสมองวิเคราะห์ อย่าใช้ไขสันหลังวิเคราะห์ รักจะโกหกก็ต้องหาข้อมูลให้มากกว่านี้ จากแผนที่ดูที่จ.กาญจนบุรี จมอยู่ใต้น้ำ พี่แกไม่ได้ใช้spinalcordวิเคราะห์เลยว่าจังหวัดนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเท่าไร แต่ภาคใต้กับสิงคโปรดันไม่จมน้ำ มันก็โมเมหลอกเด็กประถมต้นให้ตื่นเต้น ถ้ากาญจนบุรีอยู่ใต้น้ำ อิสานก็เกือบหมด เหนือก็จะเหลือเลกำแพงเพชรขึ้นไป กลางใต้ มาเล สิงคโปร์ เขมรฯจะมีที่ใหนโผล่พ้นน้ำ ให้ส่งคนปล่อยข่าวนี้ไปเรียนภูมิศาสตร์ใหม่ อ้อถ้าเป็นยายกิมเตี้ยว ตากงฉังก็แก่จนเลอะเลือนออกมาเตือนสะเปะสะปะ tell a lie
     

แชร์หน้านี้

Loading...