คุณเป็นมนุษย์...ที่มีภูมิจิตระดับใด ?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย azalia, 28 พฤษภาคม 2009.

  1. azalia

    azalia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    626
    ค่าพลัง:
    +579



    [​IMG]

    ;aa52 ได้อ่านบทความเกี่ยวกับ ประเภทของมนุษย์ หลายแหล่ง .. ทั้งกระทู้ในเวบและหนังสือหลายเล่ม เลยสรุปเอามาฝาก...
    สรุปเนื้อหามาจาก : รวมมาจากหลายแหล่งตาม link
    ̓Ԃ?Ã???ը 29
    ?؉¬ ??ǡ
    <A href="http://www.geocities.com/thaniyo/phraputto0345.html" target=_blank>?Ð?ط⸦lt;/a>


    <O:pคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “กรรมจำแนกสัตว์ให้ประณีตและเลวทราม”
    <O:pแต่อุปนิสัย หรือสันดานเดิมของมนุษย์ ล้วนเกิดจากการสั่งสมมาหลายชาติภพ ...
    <O:pและขณะเดียวกัน ร่างกายที่มองภายนอกเป็นมนุษย์เหมือนๆกัน ...
    <O:pแต่จิตข้างในทำให้มนุษย์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง...<O:p
    แท้จริงสิ่งปรุงแต่งภายนอกล้วนเป็นมายา แต่คุณธรรมในจิตต่างหาก<O:p
    ที่เป็นเครื่องจำแนกให้มนุษย์มีชนชั้นที่แตกต่างกัน ....

    คำว่า มนุษย์ (สันสกฤต) และ มนุสสะ (บาลี) แปลว่า ผู้มีใจสูง คำว่าสูงในที่นี้คงหมายความว่าสูงด้วยสติ ปัญญา <O:p
    สามารถคิดเหตุผลได้ดีกว่าสัตว์ชั้นต่ำ ๔ ชั้น ในอบายภูมิ คือสัตว์ดิรัจฉาน อสุรกาย เปรต นรก
    <O:pซึ่งจะได้พูด ถึงในตอนต่อ ๆ ไป คงไม่ได้หมายถึงคุณธรรม เพราะมนุษย์ไม่ได้มีคุณธรรมสูงเท่าเทียมกันหมด
    <O:pมนุษย์บางคน บางพวก มีคุณธรรมต่ำยิ่งกว่าสัตว์ดิรัจฉานก็มี
    มนุษย์ในฝ่ายพราหมณ์หรือฝ่ายภาษาสันสกฤตอาจจะแปลได้อีกอย่าง หนึ่งว่า .....
    "เผ่าพันธุ์ของพระมนู ผู้เป็นมนุษย์คนแรกที่พระพรหมสร้างขึ้น"


    มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีร่างกายหยาบ ประกอบด้วยธาตุ ๔ คือ ดิน (ของแข็ง) น้ำ (ของเหลว) ลม (แก๊ส) และไฟ (พลังงานความร้อน) เพราะฉะนั้นจึงสัมผัสรับรู้ได้ด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย มีน้ำหนัก และมีการกินพื้นที่ เช่นเดียวกับ สัตว์ดิรัจฉานที่อยู่ในโลกเดียวกัน
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 พฤษภาคม 2009
  2. azalia

    azalia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    626
    ค่าพลัง:
    +579

    ศาสนาพุทธได้จำแนก มนุษย์ออกเป็น ๕ ประเภท โดยใช้คุณภาพทางจิตใจเป็นเกณฑ์ในการจำแนก ซึ่งทางพระพุทธศาสนามิได้ถือเผ่าพันธุ์สีผิวเป็นเครื่องจำแนกประเภทมนุษย์ แสดงว่าสีผิวเผ่าพันธุ์ไม่ใช่เรื่อง สำคัญคนในโลกมีฐานะเท่าเทียมกันหมด แตกต่างกันแต่ในด้านคุณภาพ อันเป็นผลแห่งกรรมคือการกระทำ ของแต่ละคนเท่านั้นดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้

    <O:p</O:p
    <TABLE style="WIDTH: 368pt; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" class=MsoNormalTable border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=491><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-BOTTOM: 0cm; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0cm; WIDTH: 152.75pt; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm" width=204>น ชวฺวา กสโล โหติ


    </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-BOTTOM: 0cm; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0cm; WIDTH: 215.25pt; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm" width=287>คนจะต่ำต้อยเพราะชาติก็หาไม่



    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1"><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-BOTTOM: 0cm; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0cm; WIDTH: 152.75pt; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm" width=204>น ชวฺวา โหติ พราหฺมโณ



    </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-BOTTOM: 0cm; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0cm; WIDTH: 215.25pt; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm" width=287>คนจะสูงส่งเพราะชาติก็หาไม่



    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 2"><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-BOTTOM: 0cm; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0cm; WIDTH: 152.75pt; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm" width=204>กมฺมุนา วสโล โหติ



    </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-BOTTOM: 0cm; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0cm; WIDTH: 215.25pt; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm" width=287>คนย่อมต่ำช้าเพราะกรรม



    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 3; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-BOTTOM: 0cm; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0cm; WIDTH: 152.75pt; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm" width=204>กมฺมุนา โหติ พราหฺมโณ



    </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-BOTTOM: 0cm; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0cm; WIDTH: 215.25pt; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm" width=287>คนย่อมสูงส่งเพราะกรรม



    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    <O:p
    ในพระคัมภีร์รุ่นเก่า ท่านแบ่งมนุษย์ออกเป็น ๕ ประเภท ตามคุณลักษณ์ทางจิต คือ<O:p
    ๑. มนุสฺสเทโว หมายถึงมนุษย์ชั้นสูงที่มีคุณธรรมของเทวดา ๒ ประการ ประจำใจ คือ หิริ - ความละ อายใจต่อบาป ไม่กล้ากระทำบาป ทั้งต่อหน้าและลับหลัง โอตตัปปะ - ความรังเกียจ ความขยะแขยงต่อบาป ไม่อยาก แตะต้อง บาปด้วยกาย วาจา ใจ (บางท่านแปลโอตตัปปะ ว่า ความกลัวต่อบาป หรือกลัวต่อผลร้ายที่จะเกิดจากบาป

    "ผู้เขียนไม่ ค่อยเห็นด้วยเท่าไร เพราะคนที่ไม่ทำบาปเพราะกลัวผลชั่วที่จะเกิดจากบาป ถือว่าจิตใจยังไม่สูงแท้ เหมือนคนไม่ทำความ ผิดเพราะกลัวตำรวจจับ คนประเภทนี้ ถ้าเขาเชื่อว่าไม่มีตำรวจจะมาจับเขาหรือมีแต่ตำรวจ ไม่กล้าจับเขา เขาจะทำความ ผิดทันที ถือว่ายังไม่ใช่คนดีแท้ คนดีแท้ต้องรังเกียจความชั่ว เห็นความชั่วเป็นของ น่าเกลียดดุจอุจจาระ คนประเภทนี้จะ ไม่ไป"
    <O:p</O:p





    กายเป็นมนุษย์ แต่จิตเป็นเทวดา เรียกว่า เป็นผู้มีใจสูงดุจเทวดา เพราะประกอบด้วยเทวธรรม ๗ ประการ คือ
    • บำรุงเลี้ยงมารดาบิดา
    • ประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อบุคคลผู้เจริญในตระกูล
    • พูดจาไพเราะเสนาะหู อ่อนหวาน นุ่มนวล
    • ไม่พูดส่อเสียดต่อผู้อื่น
    • ละความตระหนี่เหนียวแน่น
    • รักษาคำสัตย์
    • ไม่โกรธ
    ผู้มีจิตใจเช่นนี้ อีกนัยหนึ่งคือ ภูมิจิตเดิมอยู่ใน “ภูมิมนุษย์”หรือเกิดในภูมิที่สูงกว่ามนุษย์มาช้านาน (เช่น เทวดา พรหม เป็นต้น)





    ๒. มนุสฺสมนุสโส หมายถึงมนุษย์ที่มีคุณธรรม ๕ ประการ ที่เป็นเหตุให้เขามีศิล ๕ ประการ คือ
    • มีเมตตาธรรม มีความรักและปรารถนาดีต่อคนอื่น สัตว์อื่นอันเป็นเหตุให้เขางดเว้นจากการเบียด เบียนชีวิต ร่างกายของผู้อื่น
    • มีการประกอบสัมมาอาชีวะ อันเป็นเหตุให้เขางดเว้นจากการเบียดเบียนทรัพย์สินของผู้อื่น
    • มีสทารสันโดษ คือ ความรัก ความพอใจ ความยินดี และความภักดีต่อภรรยา (สามี) ของตนอันเป็น เหตุ ให้เว้นจากประพฤติผิดทางกามในภรรยา(สามี) ของผู้อื่น
    • มีความรักในสัจจะ ซื่อตรงต่อความจริง เกลียดคำโกหกหลอกลวงอันเป็นเหตุให้เว้นจากคำเท็จและ พูดแต่คำ สัตย์จริง
    • มีความรักในสติ คือความตื่นตัวรู้ทั่วพร้อม ความรอบคอบ ระมัดระวังอันเป็นเหตุให้งดเว้นจากการ เสพสิ่งมึน เมาที่จะมาทำลายสติ ก่อให้เกิดความประมาทมัวเมา
    ท่านกล่าวว่า ธรรม ๕ และ ศิล ๕ นี้เป็นมนุสสธรรม คือ ธรรมที่ทำให้คนเป็นมนุษย์ ถ้าไม่มีธรรม ๕ ศิล ๕ นี้ จะเป็น "คน" (สัตว์ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า "คน") ไม่ใช่มนุษย์ ตายไปแล้วจะไปเกิดในอบายภูมิ ๔ ภูมิใด ภูมิหนึ่ง แต่ถ้าทีศิล ๕ ธรรม ๕ ตายไปแล้ว จะไปเกิดในมนุสสภูมิ เป็นอย่างต่ำ

    <O:p</O:p

    กายเป็นมนุษย์ และจิตก็เป็นมนุษย์ หรือบางแหล่งก็เรียกว่า “มะนุสสะภูโต” เป็น มนุษย์แท้ ๆ คือ เป็นคนเต็มตัวได้แก่ บุคคลผู้เกิดมาเป็นคนแล้ว ได้รักษาศีล ๕ มั่นเป็นนิตย์ มิได้ขาด มิได้ประมาทต่อศีล เพราะถือว่าเป็นมนุษยธรรม คือเป็นธรรมประจำมนุษย์ ธรรมที่ทำให้คนเป็นคน แต่มิได้บำเพ็ญกุศลจริยาอย่างอื่นอีก เช่นไม่ได้ให้ทาน ไม่ได้ฟังธรรม เป็นต้น มนุษย์อย่างนี้ ท่าขนานนามว่า มนุสสะภูโต แปลว่า มนุษย์แท้ ๆ คือ เป็นคนเต็มคน เพราะมีคุณธรรมของคนคือศีล
    ผู้มีจิตใจเช่นนี้ อีกนัยหนึ่งคือ ภูมิจิตเดิมอยู่ใน “ภูมิมนุษย์” เกิดเป็นมนุษย์มาช้านานหรือเคยอยู่ในภูมิที่สูงกว่าภูมิมนุษย์
    <O:p</O:p

    ๓. มนุสฺสติรจฺฉาโน หมายถึงมนุษย์มีค่าเท่ากับสัตว์ดิรัจฉาน เพราะเขาปราศจากธรรม ๕ ศิล ๕ ดังกล่าวแล้ว เมื่อตายไป เขาจะได้ไปเกิดในกำเนิดสัตว์เดียรฉานเป็นอย่างดีที่สุด
    <O:p</O:p

    กายเป็นมนุษย์ แต่จิตเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ได้แก่มนุษย์ผู้ที่ขวางศีล ขวางธรรม มีโมหะคือความหลงมาก ไม่รู้จักบาป ไม่รู้จักบุญ ไม่รู้จักคุณ ไม่รู้จักโทษ ไม่รู้จักประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ ไม่รู้จักบุญคุณของผู้มีพระคุณ เช่น บิดามารดา ครูบาอาจารย์ เป็นต้น เป็นมนุษย์ผู้ไร้ศีลธรรม ดื่มเหล้า ดื่มสุรา สูบฝิ่นสูบกัญชา ทำอะไรทางกาย วาจา ใจ ก็ขวาง ๆ ผิดทำนองคลองธรรม ท่านจึงได้ขนานนามว่า มนุสสะติรัจฉาโน แปลว่า มนุษย์สัตว์ดิรัจฉาน ท่านแปลว่า ผู้ไปขาวง คือ เดินทอดตัว ไม่ได้เดินตั้งตัวเหมือนคน คนดิรัจฉานก็ฉันนั้น ทำอะไร ก็ขวางธรรมขวางวินัย คือ ผิดศีลธรรมอยู่เสมอ ๆ
    ผู้มีจิตใจเช่นนี้ อีกนัยหนึ่งคือ ภูมิจิตเดิม มักเกิดมาจาก “ภูมิของสัตว์” เกิดเป็นสัตว์มานาน ก่อนมาเกิดเป็นมนุษย์ มักสอนยาก ชักสูงให้ถือศีลปฏิบัติธรรมยาก ไม่ค่อยสนใจสร้างบุญกุศล แสวงหาแต่ความสุขที่ตอบสนองแต่กิเลสตัณหาส่วนตัวอย่างเดียว มัวเมาในกาม บางทีสมสู่ไม่เลือกหน้าว่าเป็น พ่อ-แม่-ลูก หรือพี่-น้อง
    <O:p</O:p

    ๔. มนุสฺสเปโต หมายถึงมนุษย์ที่มีลักษณะคล้ายเปรต ลักษณะสำคัญประจำตัวเปรต คือมีความอด อยากหิว กระหายอยู่เป็นนิตย์ ดังที่ท่านกล่าวเปรียบเทียบไว้ว่า มีท้องเท่าภูเขา มีปากเท่าเข็ม ความอดอยากมี ๒ ทาง คือ อดอยาก ทางกาย กับอดอยากทางใจ อดอยากทางกาย หมายถึง คนยากจนเข็ญใจไร้ทรัพย์ ไม่มีอาหาร พอกิน ต้องอดมื้อกินมื้อ ต้องขอทานเขากินพอประทังชีพไปวัน ๆ อดอยากทางใจ หมายถึง คนที่มีพออยู่พอกินแล้ว แต่ยังอยากได้อยากมีมากยิ่ง ๆ ขึ้นไป กระเสือกกระสนดิ้นรนต่อไป บางคนก็มีมากถึงขึ้นเป็นเศรษฐี อยู่ในคฤหาสน์ หลังใหญ่โตมโหฬาร แต่ยังกระหาย ดิ้นรนอยากมีมากกว่าเดิมจิตใจของเขายังหิวกระหายหาความสงบสุขมิได้จิตใจ ของเขาจึงไม่แตกต่างจากคนยากจนแต่ อย่างใด คนประเภทนี้ พอจะเทียบได้กับเปรตชั้นสูงที่เรียกว่าเวมานิกเปรต เปรตที่อยู่ในวิมานแต่ยังทุกข์ทรมานด้วย ความหิว
    <O:p</O:p

    กายเป็นมนุษย์แต่ใจเป็นเปรต ได้แก่ มนุษย์ผู้มากไปด้วยความโลภ มากไปด้วยตัณหา ชอบลักเล็กขโมยน้อย โลภเอาของผู้อื่นมาเป็นของตนแย่งชิงว่างราว เป็นต้น แม้พวกที่เที่ยวขอทาน มีบาดแผลเกรอะกรัง ก็สงเคราะห์เข้าในประเภทนี้ด้วย
    ผู้มีจิตใจเช่นนี้ อีกนัยหนึ่งคือ ภูมิจิตเดิม มักเกิดมาจาก “ภูมิของเปรต” เมื่อชดใช้กรรมหมดจึงมาเกิดเป็นมนุษย์ ดังนั้นจึงติดนิสัยดั้งเดิมอยู่ คือ เปรตมักจะหิวโหยตลอดเวลา โลภไม่มีสิ้นสุด มีเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ... คอยแต่จะแย่งของผู้อื่น และจ้องคดโกงผู้อื่นตลอดเวลา ร้อนรุ่มไม่มีที่สิ้นสุด
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 พฤษภาคม 2009
  3. azalia

    azalia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    626
    ค่าพลัง:
    +579
    ๕. มนุสฺสเนริยโก หมายถึงมนุษย์ที่มีลักษณะคล้ายสัตว์นรกลักษณะสำคัญประจำตัวสัตว์นรก คือการ ถูกคุมขังในที่อันจำกัด ไม่มีอิสรภาพถูกควบคุมและถูกทรมานอย่างหนักโดยนายนิริยบาล ผู้ควบคุมและลงโทษสัตว์ นรก

    มนุษย์สัตว์นรกในโลกนี้คือนักโทษที่ถูกคุมขังและถูกลงโทษอยู่เรือนจำนั่นเองผู้คุมนักโทษเปรียบเทียบ เหมือน นายนิริยบาล นักโทษดังกล่าวมานี้เป็นนักโทษทางกาย เป็นสัตว์นรกทางกาย ยังมีคนบางคนเป็นนักโทษทางใจ คือคนที่ กระทำความผิดแล้ว ตำรวจจับไม่ได้ เพราะเขาหลบหนีหรือซ่อนตัวเก่งจึงไม่ได้ถูกขังไว้ในเรือนจำ แต่เขาก็มีความทุกข์ ทรมานทางใจอย่างมาก เพราะกลัวตำรวจหรือคนที่เป็นศัตรูจะมาเห็นเข้า ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ จิตใจเต็มไปด้วยความกลัว ความหวาดระแวง ความละอายใจ และความทุกข์ เพราะฉะนั้นแม้จะไม่ถูกคุมขังโดยเจ้าหน้าที่ ก็เท่ากับคุมขังตัวเอง จึง จัดเป็นนักโทษและเป็นสัตว์นรกเหมือนกัน

    <O:p</O:p
    กายเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นสัตว์นรก ได้แก่ มนุษย์ผู้ดุร้ายหยาบคาย เที่ยวฆ่าสัตย์ตัดชีวิตเขา เที่ยวจี้ปล้นเอาทรัพย์สมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตน ด้วยอาการทารุณดุร้าย เช่นฆ่าเจ้าของทรัพย์ตายบ้าง ทุบตีจนบาดเจ็บสาหัสบ้าง ข่มขืนแล้วฆ่าบ้างเบียดเบียนผู้อื่นสัตย์อื่น ทรมานผู้อื่นสัตย์อื่น โดยอาการทารุณโหดร้าย นานาประการ รวมความว่า เป็นคนไร้ศีลธรรม ไม่มีมนุษยธรรม คือ ศีล ๕ ประจำตัวเลย เป็นมิจฉาทิฏฐิ ท่านจึงขนานนามว่า มะนุสสะเนระยิโก แปลว่ มนุษย์สัตว์นรกคือ เป็นมนุษย์แต่ ชื่อ ส่วนความประพฤติทางกาย วาจา ใจ นั้น เลวทรามต่ำช้า ดุร้ายหยาบคาย เหมือนสัตว์นรกฉะนั้น
    ผู้มีจิตใจเช่นนี้ อีกนัยหนึ่งคือ ภูมิจิตเดิม มักเกิด มาจาก “ภูมินรก” เป็นสัตว์นรกที่ใช้กรรมหมดแล้วมาเกิดเป็นมนุษย์ จึงมีนิสัยโหดร้ายเพราะได้รับการทารุณในนรกมานาน จนจิตเห็นเป็นเรื่องปกติ นิยมการใช้กำลังรุนแรง โหดเหี้ยม


    พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย) ได้กล่าวไว้ว่า....
    “เรามีกาย มีรูปร่างเป็นมนุษย์ เราทดสอบดูจิตใจของเราเองว่าเราเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์หรือไม่ ....โดยนิสัยของมนุษย์ จะต้องมีความเมตตา มีความปรารถนาดีต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตด้วยกัน นี้เป็นประการหนึ่ง มนุษย์มีความปรารถนาที่จะช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ยากลำบากให้คนอื่นและสัตว์อื่น นี้เป็นคุณสมบัติของมนุษย์ เมื่อสรุปแล้วมนุษย์ผู้มีศีล ๕ สมบูรณ์เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก ใครก็ตามมีศีลมีธรรม มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มีความรัก ความปรารถนาดีในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผู้นั้นร่างกายเป็นมนุษย์ ใจก็เป็นมนุษย์สมบูรณ์ ตามหลักพระศาสนาท่านว่า ศีล ๕ คือ มนุษยธรรม คือธรรมที่ทำบุคคลให้เป็นมนุษย์
     
  4. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาครับ พยายามทำทั้ง 7 ข้ออยู่ครับ

    ผมทำเป็นกระทู้แนะนำให้แล้วนะครับ
     
  5. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    โมทนาุกับท่าน จขกท. กับธรรมทานดี ๆ เช่นนี้ค่ะ
     
  6. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
     
  7. kaioueng

    kaioueng Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +27
    ขออนุโมทนา ผมตั้งใจจะทำให้ได้ทั้งเจ็ดข้อ

    ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติอย่างจริงจัง
     
  8. น้oJwoใจ

    น้oJwoใจ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +20
    อนุโมทนาสาธุ.....บางคนร่ำรวยเงินทองแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะมีภูมิจิตสูงนะ และบางคนยากจนแต่ก็ไม่ได้ความว่าภูมิจิตเค้าจะต่ำต้อยตามฐานะ นะคะ
     
  9. วิมลรัตน์

    วิมลรัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +302
    พยายามอยู่ตั้งใจอยู่มิให้ขาดจากการเป็นมนุษย์ที่สมบูญ ขอเชิญชวนทุกท่านประพฤติดีเทอญ
     
  10. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ปฏิบัติอยู่ค่ะ แต่เรื่องไม่โกรธนี่ ยากสุด ๆ แม้ระงับได้ด้วยกาย วาจา แต่ใจยังกระเพื่อมอยู่ ยังสอบไม่ผ่าน ยังสู้ต่อไปค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับน้อง azalia ด้วยค่ะ


    Numsai
    fishh_
     
  11. koon y

    koon y สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +4
    อนุโมทนาครับ
    หากเราเห็นก็สักว่าเห็น
    ได้ยินก็สักว่าได้ยิน
    ได้กลิ่นก็สักว่าได้กลิ่น
    รู้รสก็สักว่ารู้รส
    สัมผัสก็สักว่าสัมผัส
    คิดก็สักว่าคิด
    ในเมื่อเราได้ระลึกรู้ทันทุกสภาวะธรรมแล้ว ย่อมพ้นทุกข์
     
  12. แค่ดู

    แค่ดู สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +6
    อนุโมทนา...สาธุ ครับ<!-- google_ad_section_end --> เป็นข้อคิดที่ดีมากครับ ผมก็พยายามยึดมั่นในศีล๕ อยู่ครับ
     
  13. Mrs.Kim

    Mrs.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +2,306
    ขอบพระคุณสำหรับบทความเตือนสติค่ะ...ขออนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ
     
  14. comeonsweet

    comeonsweet สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +3
    ตั้งใจทำด้วยความมีสติในทุกวันที่ลืมตาตื่น
     
  15. Peace in mind

    Peace in mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +370
    ละความตระหนี่เหนียวแน่น นี่คือไม่ให้เป็นคนขี้เหนียวใช่ป่าว เราก็ไม่เหนียวนะ แต่หยิบออกจากกระเป๋ายาก แต่ทำบุญให้ทานบ่อย เอ๊ะขัดกันมั๊ย คือ ซื้อข้าวให้หมาแมว ให้ทานคนที่ไม่มีกิน ทำบุญบริจาคแก่วัดที่ต้องการปัจจัย แต่ถ้าเรื่องที่คนในบ้านออกปากขอให้ซื้อโน่นนี่ ในสิ่งที่เห็นว่าไม่จำเป็น มักต้องมีปากเสียง เรียกว่าเป็นคนตระหนี่รึป่าวเนี่ยะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...