วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775

    หนังสือมีแจกให้ฟรีเป็นธรรมทานครับ

    http://palungjit.org/threads/ลงชื่อรอรับ-วิชชาที่จะทำให้อยูรอดฯ-ฉบับพื้นฐานค่ะ.119110/

    แจ้งชื่อ นามสกุล และที่อยู่ในการจัดส่ง ได้ครับ

    ต้องโมทนาบุญอย่างที่สุด ต่อบุญของผู้ให้อันไม่มีประมาณครับ

    ขอให้เจริญในธรรมทั้งผู้ให้ธรรมทาน และผู้ใฝ่ใจในธรรมครับ
     
  2. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775

    ภัยพิบัติที่ว่า นี่คือ "ภัยจากสงสารวัฏฏ์"ครับ

    ที่กลืนกินสรรพสัตว์อยู่ทุกลมหายใจ
     
  3. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ผมคิดว่าเป็นกำหนดปริศนาวันเวลาที่จะเกิดมหันตภัยกวาดล้างโลก

    เพราะเหตุที่มหันตภัยจะเกิดขึ้นเพื่อล้างโลกแล้ว จึงกล่าวว่าเป็นธรรมคู่กับภัย
     
  4. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864

    [​IMG]


    ...และการปรึกษาหารือกับพระ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์องค์ไหนก็ตาม พรหม เทวดา นางฟ้าก็ได้
    ที่ท่านมีความดี มีความรู้ยิ่งไปกว่าเรา
    เราศึกษากับท่าน ท่านบอกอะไร เราเชื่อ


    แต่จงจำไว้ว่า เทวดา นางฟ้า พรหมก็ตาม และรูปพระที่เราเห็นก็ตาม
    เขาจะต้องสอนตามพระไตรปิฎก ถ้าสอนผิดจากพระไตรปิฎกนั้นไม่ใช่
    เป็นมาร
    ต้องระวังมารให้มาก
    (คำว่า มาร แปลว่า ผู้ฆ่า)

    เขามาทำลายความดี


    มารนี่รบกวนไม่ว่าใคร แม้แต่องค์สมเด็จพระจอมไตร คือพระพุทธเจ้า
    มารก็เคยเข้าไปรบกวนอยู่เสมอๆ



    คัดลอกจาก ใจความตอนหนึ่ง ขณะที่หลวงพ่อฤาษีเรียนพระกรรมฐานกับหลวงพ่อเนียม
    ในหนังสือ "หลวงพ่อธุดงค์" หน้า ๑๑๔


    อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ :˹ѧ��� ��ǧ��͸ش��� �� ��ǧ��;���Ҫ�����ҹ �Ѵ��ҫا
     
  5. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มาร ท่านแปลว่า ผู้ฆ่า ผู้ทำลายความดี ดังนั้นหากเราตั้งใจจะทำความดี แต่ก็มีเหตุผลในใจเราให้ เราเลื่อน เราึขี้เกียจหรือเลิกล้มความตั้งใจของเราในการทำความดี ก็คือ มารเขาก็มาลวงไม่ให้เราทำดีเสียแล้ว

    หากเราสังเกตุดูให้ดีนั้นเราจะพบ ว่า ความชั่ว ทำได้ง่าย แต่ความดีทำได้ยาก หรือ มีอุปสรรคมากกว่า

    และหากเราพิจารณาดูให้ดีๆอย่างแท้จริงแล้ว เราเองก็จะพบว่า อุปสรรคที่แท้จริงเกิดจาก "กิเลสมาร"ในจิตใจของเราเองนั้นล่ะ ที่หาเหตุผลเข้าข้าง ให้เราล้มเลิกในการทำความดี


    ทำไมนั่งดูหนัง ดูละคร ดูบอล สองชม. สามชม. หรือยันสว่างไม่นอนเลย เราทำได้

    แต่หากให้เราปฏิบัติอุกฤษ ทำสมาธิทั้งคืน ไม่นอนเลย ทั้งคืน ช่างยากเย็น นั่งสมาธิแค่ ครึ่งชั่วโมงก็เมื่อยแล้ว เป็นเพราะอะไร



    คราวนี้เราลองมาดูธรรมอันเป็นปรปักษ์ ธรรมอันเป็นตรงข้าม ธรรมอันเป็นเครื่องแก้ ในเรื่องของมารดุบ้าง


    ธรรมนั้นก็คือ "บารมี" คำว่า บารมีนี้ ท่านหมายถึง กำลังใจ นั่นคือกำลังใจในการทำความดี กำลังใจในการฟันฝ่าอุปสรรค

    ดังนั้น บารมี สามสิบทัศน์นั้นหมายถึง กำลังใจ ในการสร้างความดี อันมี สิบอย่าง นับตั้งแต่กำลังใจเบื้องต้น กำลังใจขั้นกลาง จนไปถึงกำลังใจในระดับสูงหรือ ขั้นปรมัตถ์

    ที่ว่าเป็นกำลังใจนั้น เรามาดูตัวอย่างแบบง่ายๆ ได้ เช่นการ ให้ทานนั้น ท่านผู้มีบารมีสูง กำลังใจสูง ท่านสามารถตัดใจ สู้กับกิเลสในการให้่ทาน ที่เป็นทานอันสูงกว่าที่ตนใช้ หรือสามีทาน ได้

    บางท่านตั้งกำลังใจว่า จะต้องทำทาน ใส่บาตรทุกวัน

    ในระดับสูงขึ้น ท่านก็สามารถ สละเลือด สละอวัยวะเป็นทานได้ ซึ่งเป็นทานที่ต้องใช้กำลังใจสูงกว่าปกติ

    บางท่านยอมเหนื่อย ยอมลำบากในการทำบุญโดยไม่บ่น ไม่ว่า รักษากำลังใจให้มีความสุข ความปิติในความดี ที่ตนเองทำได้อย่างสบายใจ

    อุปมาดั่ง ผู้มีกำลังกายเข้มแข็งมาก สามารถยกของที่น้ำหนักมาก ได้โดยไม่แสดงอาการหนักล้าแต่ประการใด ผู้มีบารมีสูง มีกำลังใจกล้าแข็ง ก็ย่อมสามารถทำความดี ที่ทำได้ยากยิ่งสำหรับคนทั่วไป ได้โดยไม่ปรากฏอาการอ่อนล้าหรือมีจิตใจท้อถอยแต่ประการใด เช่นกัน


    ดังนั้น หากเราจะต่อสู้กับจิตใจ กับกิเลส แล้ว เราต้องเพาะบ่ม ความเข้มแข็งของจิตใจ ในการทำความดีให้ มาก

    ทำให้จิตของเรามีความเพลิน มีความสุขปิติยินดี กับความดีที่เราได้ทำ มีจิตมุทิตา แสดงความยินดีกับความดีของท่านผู้อื่น ให้มาก ให้เป็นปกติ

    จงจำเอาไว้ หากจิตเราเกิดปิติในธรรมในความดีเมื่อใด ขึ้นชื่อว่า ความเหน็ดเหนื่อยทางกาย ย่อมไม่มีผลกับจิตใจของเรา แต่อย่างไร

    มีแต่จะยิ่งทำความดีให้มากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่า บารมีก็ยิ่งเข้มแข็ง เป็นปกติ ยิ่งตามไปด้วยเช่นกัน


    ขอให้บารมี ความดีทั้งปวงจงเข้มแข็ง และงอกงามในจิตใจทุกๆดวง
     
  6. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384

    สาธุ สาธุ สาธุ... กราบขอบพระคุณค่ะ อ.คณานันท์...
     
  7. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471



    อนุโมทนา สาธุการเช่นกันค่ะ


    [​IMG]


    พร้อมนี้ เนื่องใน "วันอัฏฐมีบูชา" ขอเชิญชวนทุก ๆ ท่าน ปฏิบัติบูชา น้อมรำลึกพระพุทธคุณ พระบรมศาสดาพระสมณโคดมเจ้า พระผู้ชี้ทางและทิ้งคำสอนเพื่อรื้อขนเหล่าเวไนยสัตว์ ในวันพระ -วันเสาร์ที่ ๑๖ พ.ค. นี้กันนะคะ สาธุค่ะ


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    ปัจฉิมโอวาท



    "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนท่านทั้งหลาย
    สังขารทั้งหลายมีความเสื่อม ความสิ้นไปเป็นธรรมดา
    ท่านทั้งหลาย จงบำเพ็ญไตรสิกขา คือศีล สมาธิ ปัญญา
    ให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.584068/[/MUSIC]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ประตูสู่ทางสว่าง

    ประตูสู่ทางสว่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +1,173
    ขอคำแนะนำครับ
    ผมพึ่งเริ่มนั่งสมาธิไม่นาน ตอนเวลานั่งไปสักระยะตัวเอนไปเอนมา บางทีก็เอนนอนไป จะต้องทำอย่างไรต่อไปครับ
    ขอบคุณครับ
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ธรรม สัจจะ ***

    การปฏิบัติของมนุษย์...
    จบลงด้วย....ทำได้ กับ ทำไม่ได้

    ถ้าทำได้...ก็อยู่กับผู้ที่ทำได้
    ถ้าทำไม่ได้....ก็อยู่กับผู้ที่ทำไม่ได้

    ธรรมของพระพุทธเจ้า...คือ การกระทำของพระพุทธเจ้า ที่ตัดลดนิสัยได้จริง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697

    สาธุอนุโมทนาค่ะ ขอขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะที่ได้อธิบายชี้ทางสว่างในข้อธรรม ที่ตอนนี้กำลังติดขัดทำให้เข้าใจมากขึ้น จะพยายามขัดเกลากิเลสในใจให้เบาบางลง และจะตั้งใจทำความดีให้มากขึ้นค่ะ
     
  12. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    สำหรับ อาการที่ปรากฏนี้ คืออาการของปิติครับ
    วิธีจัดการ กับปิติ ก็คือ ขอจงอย่าได้ไปสนใจอาการทางกายครับ


    ให้จิตของเราจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออกเอาไว้ สังเกตุดูอาการที่ลมค่อยๆสงบ ระงับลง สั้นลงครับ เพื่อให้จิตเกิดสมาธิ

    หากใจเราสบายขึ้น ลมหายใจเบาลง และคำภาวนาหายไปหยุดไป ก็จง ให้จิตมาจดจ่อกับลมหายใจอย่างเดียวครับ


    ปฏิบัติในขั้นนี้ไปก่อนครับ


    ขอโมทนาบุญกับความสนใจในการปฏิบัติธรรม ทำความดีด้วยครับ
     
  13. Augeas

    Augeas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +222
    พึ่งมาอ่านกระทู้เมื่อวานนี้เองครับไม่รู้ว่าจะทันการหรือไม่ครับอีกไม่กี่ปีเอง
    เวลาผมนั่งสมาธิจะสัปปะหงกครับทั้งๆที่ไม่ได้ง่วงผมจึงต้องนั่งหลังพิงฝาผนังไว้ถึงนั่งได้นาน ผมก็ไม่ทราบอีกนั่นเหละครับว่าผมได้ปฏิบัติไปถึงไหนแล้ว
     
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ค่อยๆอ่าน ศึกษาไปทีละน้อยครับ

    ไม่ช้าก็จะเกิดผลในการปฏิับัติ ครับ
     
  15. ประตูสู่ทางสว่าง

    ประตูสู่ทางสว่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +1,173
    ขอบคุณครับ
     
  16. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    เอามาให้อ่านเป็นกำลังใจสำหรับผู้ที่ปรารถนาพระนิพพานครับ

    อ้างอิงจาก http://palungjit.org/threads/ไม่เคย...เองสื่อได้-คล้ายๆจะมาทางด้านนี้.177072/page-4
     
  17. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีคนเล่าเรื่อง สามเณรปรารถนาพุทธภูมิ แล้วไม่รู้นึกยังไง เก็บไปฝัน
    เป็นเรื่องเป็นราวต่อ ก็เลยนำมาเล่าให้ฟังกันครับ

    เนื้อเรื่องเดิม
    ก็เริ่มจาก มีพระอาจารย์เจ้าอาวาสวัดเดินนำ พระในวัดเดินบิณฑบาต ยามเช้า ระหว่างทางที่เดิน
    สามเณรได้ตั้งจิตปรารถนาที่จะสร้างบารมีตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อพระอาจารย์รู้วาระจิตเข้าจึง
    ได้เดินไปท้ายแถวเพื่อบอกให้สามเณรน้อย ไปเดินนำหน้าแถวเพื่อจะสอนสามเณรว่า การที่จะ
    ปรารถนาพระโพธิญาณนั้นจะต้องเป็นผู้นำ และต้องเสียสละ เมื่อสามเณรคิดอยู่ครู่นึงจึงเปลี่ยนใจ
    ขอเป็นสาวกภูมิดังเดิม พระอาจารย์จึงเดินกลับมานำหน้าขบวนบิณฑบาต เช่นเดิม

    เรื่องที่ฝันต่อ
    แต่ถ้าหากสามเณรระหว่างที่เดินนำขบวนอยู่นั้น เดินเร็วไป จนพระที่เดินตามมาตามไม่ทัน
    บ้างก็มี หลงทางไปบ้าง หายไประหว่างทางบ้าง กว่าสามเณรองค์นั้นจะรู้ตัว ก็เมื่อหันกลับมาดู
    แล้วข้างหลังตนเองนั้นเหลือพระที่เดินตามทันไม่กี่องค์ สาเหตุที่เณรไม่รู้สึกว่าตนเองเดินเร็วไป
    หรือยังรู้สึกว่าพระรูปอื่นๆ ยังตามทัน เพราะ รอบๆ ข้างทาง ที่สามเณรเดินผ่านนั้นล้วนเต็มไปด้วย
    ผู้คน ชาวบ้าน เต็มไปหมด แต่เมื่อสามเณรเดินผ่าน จากจุดที่ผู้คนและชาวบ้านอยู่เยอะ จึงทำให้
    สามเณรรู้ตัวว่า พระรูปอื่นๆ ที่เดินตามมานั้น ตามไม่ทัน และได้หลงทางและหายไปบ้าง

    ปล.เรื่องที่นำมาเล่า อาจจะตกหล่นไปบ้าง ไม่ถูกต้อง 100% ใครอ่านแล้วได้มุมไหน ก็อนุโมทนาด้วยครับ
     
  18. illanzer

    illanzer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +840
    สามเณรนั้นคงต้องฝึกวิชา 'ขันติ' กับวิชา 'รอ' ใช่มั้ยครับ คุณnuttadet
     
  19. ประตูสู่ทางสว่าง

    ประตูสู่ทางสว่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +1,173
    คิดไปเองหรือไม่
    พอนั่งสมาธิไปสักพัก เห็นเป็น ดอกบัวที่พ้นน้ำขึ้นมา 1 ก่อ แล้วแวปหายไป
    (หรือเรากำลังจะเป็นบัวที่พ้นน้ำ)
     
  20. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471

    แวะเข้ามาเยี่ยมค่ะ
    อนุโมทนา สาธุการทุก ๆท่านค่ะ

    พร้อมนี้ ขออนุญาตท่าน อ. คณานันท์ เสริมข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ
    ด้วยได้รับการศึกษาเรียนรู้ จากครูบาอาจารย์ผู้สอนกรรมฐานท่านแรก คือ ท่านเจ้าคุณพระธรรมวิสุทธฺกวี (พิจิตร ฐิตวัณโณ) เจ้าอาวาสวัดโสมนัสวิหาร ว่าแนวปฏิบัติกรรมฐานวิถีพุทธ อาการดังกล่าวเรียกว่า วิปัสนูกิเลส ๑๐ ประการ

    หากท่านใดผ่านอาการเหล่านี้ นับได้ว่า เกิดการรวมกำลังจิตได้เข้าขั้นละเอียดบ้างแล้ว และเป็นอาการคลายตัวของธาตุขันธ์ อาสวะที่สั่งสมดองในขันธสันดาน ขอสาธุการนะคะ


    ************************************************


    วิปัสสนูกิเลส คือภาวะธรรมารมณ์ (อาการสัมผัสอารมณ์ทางใจ) ที่เกิดขึ้นกับผู้ได้วิปัสสนาอย่างอ่อน เมื่อดวงจิตเข้าอยู่ระหว่างการรวมตัวและมีภาวะละเอียด ในลำดับญาณที่เรียกว่า อุทยัพพยญาณอ่อนๆ มี ๑๐ รูปแบบ คือ
    <O:p
    ๑) โอภาส แสงสว่าง อันเกิดการแผ่ซ่านออกจากร่างกาย<O:p</O:p
    ๒) ญาณ ความรู้ เห็นนามรูปแจ่มชัด มีความรู้สึกเกิดขึ้นว่า ตนมีความรู้ปราดเปรื่อง หมดจดไม่เคยมีมาก่อน<O:p</O:p
    ๓) ปิติ ความอิ่มใจ เกิดความซาบซ่าไปทั่วตัว ซึ่งบางครั้งเกิดขึ้นมาก ยากที่จะหาสิ่งใดมาเทียบได้ มีรูปแบบต่างๆ นานา ๕ อย่าง คือ<O:p</O:p
    ๓.๑) ขุททกาปิติ ปิติเล็กน้อย เช่น ขนลุกชูชัน หรือน้ำหูน้ำตาไหลพราก เป็นต้น<O:p</O:p
    ๓.๒) ขณิกาปิติ ปิติชั่วขณะ มีลักษณะเหมือนฟ้าแลบแปล๊บ ๆ นัยน์ตา แต่เกิดขึ้นชั่วขณะ<O:p</O:p
    ๓.๓) โอกกันติกาปิติ ปิติเป็นพัก ๆ มีลักษณะเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง เช่น ตัวโยก ตัวโคลง เป็นตัน<O:p</O:p
    ๓.๔) อุพเพงคาปิติ ปิติโลดโผน มีลักษณะทำให้ตัวเบา หรือตัวลอบจากพื้นก็มี<O:p</O:p
    ๓.๕) ผรณาปิติ เย็นวาบ ปิติซาบซ่าน มีลักษณะซาบซ่านเอิบอิ่มไปทั่วสรรพางค์กาย<O:p</O:p
    ๔) ปัสสัทธิ ความสงบเย็น คือมีความรู้สึกสงบกายสงบใจ อย่างไม่เคยมีมาก่อน<O:p</O:p
    ๕) สุข ความสุขสบายใจ คือ ความรู้สึกว่าเป็นสุขอย่างที่สุด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีความสุขเท่านี้<O:p</O:p
    ๖) อธิโมกข์ ความเชื่อมั่นที่มีกำลังกล้า คือเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ และอาจารย์อย่างแรงกล้า<O:p</O:p
    ๗) ปัคคาหะ ความเพียรที่สม่ำเสมอ คือ มีความเพียรไม่ยิ่งหย่อน ประครองจิตไว้ด้วยดีในอารมณ์<O:p</O:p
    ๘) อุปัฏฐาน สติตั้งมั่นแน่วแน่ คือสติมีกำลังกล้า รักษาไว้อย่างมั่นคง ทำให้ปรากฎชัดเหมือนกับผู้ได้ทิพจักษุ<O:p</O:p
    ๙) อุเบกขา ความมีจิตวางเฉย ไม่ยินดียินร้ายในสังขารทั้งปวง<O:p</O:p
    ๑๐) นิกันติ ความติดหรือความพอใจในวิปัสสนา คือ เกิดตัณหา มานะ และทิฐิ อันละเอียดขึ้น โดยมีความรู้สึกว่า กิเลสต่างๆ ที่เกิดขึ้นแก่ตน (จิตทิฐิ) เป็นของน่าชม (จิตมานะ) และตนรู้สึกชื่นชมยินดี (จิตตัณหา) <O:p</O:p
    <O:p
    วิปัสนูกิเลส นี้ ท่านจัดว่าเป็นกิเลสของ ภูมิจิตวิปัสสนา ก็เพราะทำให้ผู้ที่เข้าถึงหลงติดในสิ่งเหล่านี้ แล้วหยุดการพัฒนาสัจสภาวะแห่งจิตขั้นต่อ ๆ ไป จนขาดความก้าวหน้า เพราะเข้าใจว่าตนบรรลุมรรคผลแล้ว แต่ถ้ารู้เท่าทันความเป็นจริงว่า มันเป็นเพียงลักษณะของจิตที่ผ่านเข้าสู่ญาณ อุทยัพพยญาณอ่อนๆ นี้ เท่านั้น และยังไม่ใช่มรรคผล ยังต้องดำเนินการปฏิบัติเพื่อบรรลุต่อมรรคผลไป ถ้าเข้าถึงได้และเรียนรู้เข้าใจรู้จักวิปัสสนูกิเลส นับว่าเป็นบุญ เป็นโชคดีของผู้ได้ประสบการณ์<O:p</O:p
    <O:p
    วิปัสสนูกิเลสทั้ง ๑๐ ข้อนี้ ๙ ข้อแรก เป็นกุศล เพราะเป็นธรรมฝ่ายดี ส่วนข้อสุดท้าย คือ นิกันติ ถือเป็นตัวกิเลส เป็นอกุศลโดยตรง<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...