สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

คือ มันมีทางเข้า ทางเห็น สภาวะสังขารุเบกขาญาณ หลายมุมครับ

หากอยากฟัง ก็คงต้องดูว่า คุณเหมาะจะรู้มุมไหน โดยการเกริ่นมา
เล็กน้อยเกี่ยวกับจังหวะที่จิตเกิดความสงบตั้งมั่นในการรู้ทุกข์ หาก
คุณแสดงทางเข้า ทางเห็นสภาวะจิตตั้งมั่น ผมก็จะทำการระลึกดูว่า
มีมุมมองอย่างไรได้ หากมุมที่คุณทำผมยังไม่เคยปฏิบัติมาก่อนก็
คงอธิบายไม่ได้ ผมคงไม่เอามุมมองที่ตนถนัดเป็นหลักใหญ่ในการ
ชี้ช่อง

กรณีที่ผมอธิบายไม่ได้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีคนอื่นที่ปีนเขามาทางเดียว
กับคุณจะแสดงธรรมให้บันเทิง อาจหาญได้

 

โทษนะคุณวิมุตติ
ก็ผมบอกอยู่ว่าบุคคลทั่วไป 1 คน "เดิม" ชื่อ ไฟสถิตย์
ปัจจุบันนี้ไม่ใช่แล้ว ชื่อไฟสถิตย์ผมให้คุณเอกวีร์เขาเอาไปใช้สมัยโน้นตอนที่สันโดษกำลังเพ่งชื่อเอกวีร์อยู่
ชื่อไฟสถิตย์ตอนนี้ถานัดหรือใครใช้อยู่ผมก็ยังไม่ทราบเลย คงจะกลายเป็น public domain ไปแล้วมั้ง
คุณวิมุตติจะไปติดใจอะไรกับชื่อ สัญญามันหลอกลวงเราได้ร้อยแปด
เอามาปะติดปะต่อเป็นเรื่องราวเดียวกันมันก็สร้างจินตนาการภาพของคนอื่นได้ร้อยแปด
หากเรามีสติดีอยู่นะ เราก็เห็นแล้วว่ามันจะมีใครบ้ามาโต้ตอบกันเองโดยใช้ชื่อหลายชื่อ
ความผิดปกติล้วนเกิดในใจเรา หาใช่ข้างนอกไม่
ก็ดูลงไปที่ข้อความที่เขาโพสเหมือนอย่างที่คุณขันธ์คอยสอนอยู่เสมอสิ
อย่าไปดูที่ชื่อ หรือไปดูที่ตัว ใจมันก็ไม่สับสนแล้ว

ส่วนเรื่องกัลยาณมิตร ผมก็เห็นคนในนี้เป็นกัลยาณมิตรทั้งนั้น อาจจะมีหลงบ้างแจ้งบ้างไปตามเรื่องตามราวของปุถุชน
แต่หากท่านวิมุตติจะจำกัดว่าคนแจ้งคือกัลยาณมิตร ส่วนปุถุชนที่ยังหลงเป็นเดียรถีย์ ไม่ควรคบ
อันนี้ก็ยากที่จะไปแก้ไขความเชื่อของท่านแล้วหล่ะ

 

สังขารุเบกขาญาณเป็นญาณอันสุดยอดของโลกียญาณ ก็ยังจัดได้ว่า เป็นการวางเฉยในรูปนามแบบมีได้ เสื่อมได้ เพราะเป็นโลกียฌาณ
ขาดสติแลอยู่เห็นอยู่ . จึงไม่ใช่มหาสติ มหาปัญญา

ส่วนอุเบกขาสัมโพชฌงค์ย่อมปราณีตกว่าละเอียดอ่อนกว่า สังขารุเบกขาญาณ
อุเบกขาสัมโพชฌงค์
ความเป็นผู้วางตนเป็นกลางในสัตว์
ความเป็นผู้วางตนเป็นกลางในสังขาร
การหลีกเว้นบุคคล ผู้ผูกพันในสัตว์สังขาร
การคบหาบุคคลผู้วางตนเป็นกลางในสัตว์สังขาร
ความเป็นผู้น้อมไปในอุเบกขาสัมโพชฌงค์นั้น
ย่อมเป็นไปเพื่อความเกิดขึ้นแห่งอุเบกขาสัมโพชฌงค์​

 

เป็นข้อสอบเหรอ
สังขารุอุเบกขาญาญ=สังขาร+อุเบกขา+ญาญ

 

อุเบกขาสัมโพชฌงค์ เป็นโลกียะ หรือ โลกุตตระ

 

ถ้าเพื่อนท่าน สอนธรรมที่ไม่ตรง ท่านจะทำอย่างไร...?

 

ดูให้ทัน แรก ๆ ก็จับ จับก็ร้อน ร้อนไปสักพัก ก็ถึงรู้ว่าที่แท้เราไปจับ เมื่อร้อนมาก ๆ โง่จึงฉลาด ไหนลองปล่อยดูซิ ^-^

 

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.548372/[/MUSIC]

 

มันส์ !!! นี่ก็มุมหนึ่ง

 

เห็นโทษภัยของสังขาร จึงปล่อยวางสังขาร ไม่หลงยึดสังขารอีก
เพราะไม่รู้แท้ๆ...

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ขันธ์
คืนนี้หลับสบายครับผม อย่าลืม เรื่อง สังขารุเบกขาญาณหละครับ

ไม่ใช่ว่า นั่งรู้ดูเฉย ให้มันเป็นไตรลักษณ์ไปหมด
ผมอยากจะฟังคำตอบ ตามนั้น
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ช่วยเพื่อน นิดหน่อย ไม่รู้เข้าใจถูกรึป่าวนะ ตรงสีแดง ใช่ไหมคุณนิวรณ์ คำตอบของคุณ

 

โดน..เลยครับ


....แต่สุดท้าย...มันก็ผ่านไป....

 

ว่าแต่ว่า ผ่านไปแบบไหนหละครับ

ผ่านแบบมีการตัดสินโดยจิตอิ่ม

หรือหล่นลงมานับ 0 ใหม่เพราะยังไม่อิ่ม

จะได้อนุโมทนาตามได้

 

"ผู้รู้ ผู้รู้ สงสัยอะไร...."

 

กระทู้ไป 112 หน้า สัมมาทิฐิเป็นไฉน(ไม่ธรรมดา)

หัวข้อตั้งผิดแน่เลยต้องสัมมาทิฐิเป็นไฉน(เรื่องธรรมดา)

เลยตอบกันประเด็นเบี่ยงไปหมด ไม่ตรงคำถามกันสักที

 

อ่านด้วยสติ อย่าใช้อารมณ์อ่าน พยายามอยู่ แต่ก็เผลออยู่เป็นประจำ นะ
(หมายถึงฉันเองแหละ ไม่ได้หมายถึงใคร)

 

ธรรม ไม่จำเป็นให้มีผู้ใดมาปกป้อง ไม่จำเป็นต้องมารักษาหรอก ของมันเป็นอย่างนั้นอยู่ ศาสดาท่านเห็น ท่านก็มาบัญญัติ โปรดเวนัยสัตว์

สวัสดีแพน้อย สบายดีไหม ไปเพียรที่ไหนมาบ้าง ^-^

 

เกี่ยวกันมั้ยล่ะเนี้ยะ....

 

ตัวฉันก็เป็นบ่อยๆนะ ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนกันบ้างหรือเปล่านะ
ถ้าไม่มีเผลอเลยนี่ คงจะแปลกทีเดียวนะ อิอิ

 

...หล่นลงมา นับ0 ครับ..

...ยังไม่..แจ้งใจดีนัก....