สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็ต้องสืบดูครับว่า คนที่ได้รับการชี้แล้ว เขาไปหยุดเฉยๆ หรือ ว่า เขาไป
    ภาวนาต่อ เพื่อให้สภาวะนี้(ที่เห็นแล้วแว็บหนึ่ง)มันแจ่มแจ้งขึ้น

    จะปุถุชน เด็กเล็กแค่ไหน อายุแค่ไหน พระท่านก็ชี้มาตรงนี้ และมีเทคนิค
    มากมายในการกระตุ้นให้คนภาวนา

    จะอริยะชั้นไหน พระท่านก็ชี้จุดเดียวกัน และมีเทคนิคมากมายอย่างไรที่จะ
    กระตุ้นให้เลิกค้นคว้า

    ธรรมะของท่าน เป็นไปเพื่อการละ โดยการปฏิบัติเพื่อละ

    ไม่เห็นมีใครมาเรียนธรรมะแล้ว ละการปฏิบัติ อย่างที่คุณเข้าใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2009
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ผมฟังสิครับ แต่สิ่งที่ผมพูดนี้ เราพูดกันด้วยเหตุผล
    ในสมัยพุทธกาล มีชาวเมืองมากมาย ที่ตำหนิ พระ

    พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ว่า ชาวเมืองเหล่านั้นนะครับ แต่ท่านตำหนิสาวกของท่านที่มีช่องให้ ชาวบ้านตำหนิได้

    ซึ่งต้องแยกการปรามาสออกจากกรณีนี้ การปรามาสคือ การฟังธรรมของพระอริยะ หรือ การเห็นพระอริยะแล้ว ดูถูก ตำหนิ อย่างไม่มีเหตุผล เช่น คนไปว่าหลวงตามหาบัวว่า หลวงตามหาบัว ยุ่งทางโลก แบบนี้เรียกว่า ปรามาส


    ทีนี้ในส่วนของผม ผมไม่ได้ปรามาสว่า หลวงพ่อท่านไม่ดี ผมบอกว่าดี แต่ธรรมในบางจุดที่ผมฟังมานั้น มีมิจฉาทิฎฐิ ซึ่งก็ลูกศิษย์ท่านเป็นคนเอามาพูด ผมก็ว่าไปตามธรรมที่ได้ยิน

    ตรงนี้เราต้องแยก ขนาดว่า พระสารีบุตร ยังเตือนพระพุทธองค์เลยว่า พระพุทธองค์ ข้อนี้พระพุทธองค์ขวนขวายน้อย คือ พระพุทธองค์ ไม่เอาใจออก นี่มีข้อนี้อยู่

    ผมมองสรรพสิ่งเป็นกลางแล้ว ใจออกด้วยธรรม ก็ไม่กังวลอะไรครับ
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ถูกแล้ว เขาจะปฏิบัติเอง หากว่า เราไม่ไปสอนเพื่อให้เขาปิดตัวเอง และกั้นทางกุศลไว้
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อะไรคือ การปิดทางอกุศล หากดูตามที่คุณขันธ์ ชี้มาเรื่อยๆ นั้น เห็นจะ
    เป็นเรื่องการเอาจิตไปแนบกับสภาวะจิตอกุศล แล้วไม่แยก ใจ ออกมา

    ซึ่ง พระท่าน ก็บอกแล้วว่า พระท่านสอนเน้นไปทาง สักขารุเบกขาญาณ

    ก็แปลว่า ไม่ได้สอนให้แนบจิตอยู่ติดกับจิตอกุศล ท่านเน้นให้แยก ใจ ออก
    มาเป็นผู้รู้ผู้ดู พอแยกจิตออกมาเป็นผู้รู้ ผู้ดู ก็เอาผู้รู้ ผู้ดู ที่ตั้งมั่นนั้น ดูไป
    ที่สังขารจิตอกุศลนั้น จนมันดับไป เพราะ ไม่ยึด ไม่ถือ ไม่ผลัก ไม่เกิดตัณหา
    และ วิภวตัณหา ดังนั้น คำว่าดูเฉยๆ ที่คุณขันธ์คิดว่าคนที่เรียนกับหลวง
    พ่อแล้วจะเผลอทำผิดตรงนี้ ก็ลืมไปได้เลย เพราะ ...ก็ตามที่บอก ว่าเป็น
    การชี้สภาวะธรรมของสังขารุเบกขาญาณให้คนที่เรียนกรรมฐานได้รู้

    ดังนั้น เวลาเรียน จึงมีแต่คำว่า ดูเฉยๆ ไม่ผลอ(จมโมหะ) ไม่เพ่ง(แนบกับสังขารธรรม)

    แล้วก็ย้ำว่า ธรรมะตรงนี้ต้องได้รับการสดับ หากมีพระผู้มีความเป็นเลิศทาง
    เจโตปริญาณสามารถชี้ให้ดูได้ ควรหรือไม่ควรที่จะไปหาท่าน ให้พระท่าน
    ได้ลองชี้ดู

    ผมก็ชักชวนให้คนไป ก็เพื่อให้ได้รับการชี้ธรรมตรงนี้ พอเห็นแล้ว ทราบแล้ว
    ว่าเป็นอย่างไร ก็ไปทำให้มันเจริญขึ้น

    ไปเจริญสภาวะธรรม สังขารุเบกขาณ ให้เจริญขึ้นไปตรงยังเป้าหมาย

    หากทำเอง แล้วกะว่าจะเห็นตรงนี้ได้เอง คุณขันธ์คิดว่าเป็นไปได้
    มากน้อยแค่ไหน

    แต่ถ้าพระท่านชี้ได้ มีเจโตปริญาณชี้ลงมาเป็นปัจจุบันให้ดูได้ แล้ว
    จะดีหรือไม่ดีในการเห็น ในการนำไปเจริญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2009
  5. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    ใครอยากเรียนวิชาดูคนบ้างครับ ผมจะเปิดคอร์สสั้นๆ หุหุ
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>นิวรณ์*, โชแปง, วิมุตติ, วิษณุ12 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    พี่ นุ


    พี่ นุ เข้าสู่ความเบาปราณีต มาทางไหนมากกว่ากัน ระหว่าง

    เผลอ แล้วจึงรู้

    กับ

    รู้ว่าทำอยู่(+ทำไม่ทำ) แล้วจึงรู้
     
  7. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    หลักการเดียวกับการดูจิต
    หากดูจิตเป้นเรื่องไม่ส่งจิตออกนอก

    การดูจิตชาวบ้าน ก็เป็นสิ่งตรงข้าม
    เราแค่อยู่ในฐานจิตรู้เฉยๆ แล้วมองไปตรงๆ รู้สึกไปตรงๆ โดยปราศจากอคติปรุงแต่ง
    หรือปราศจากชอบไม่ชอบผู้ที่เราสนาทนาด้วยก่อน

    ทีนี้เมื่อใจมันว่างมันก้รับรู้ความเป็นไปรอบกายได้โดยไม่เข้าไปตัดสินอะไร แค่รู้ไปตรงๆ

    ทีนี้เมื่ออักษรปรากฎต่อหน้าเรา เราก็รู้จริงในจริง จริงในเท็จ เท็จในจริง
    รู้ว่าภพใด ภูมิใดที่ครองใจผู้นั้น
    เมื่อรู้แล้ว เราก็กล่าวธรรมได้ตรงกับสภาวะผู้นั้นเป็นธรรมดา
     
  8. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    คำถามความหมายเหมือนกันจะให้ตอบอย่างไรล่ะ มันเหมือนกัน ...

    แยกคำถามให้ขยายอีกได้มั๊ย
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อ้าว !

    อ๋อ ......

    ว่าแต่ว่า หากเราวางกาย และวางจิตลงหมด แบบนี้มีทางไหมพี่โชแปง
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    หวาดเสียวสิ หากแสดงออกมาเยอะ

    พูดแบบสั้นอีกแบบละกัน

    พี่นุ เข้าสู่สภาวะเป็นกลางต่อสังขารธรรม มาทางไหนมากกว่ากัน ระหว่าง

    จิตไม่ทรงฌาณอะไรเลย กำลังจมโลกอยู่ แล้วรู้ จึงเข้าสู่ สภาวะเป็นกลางได้

    กับ

    จิตทรงฌาณ(รูปฌาณ หรือ อรูปฌาณ) เห็นว่าทรงอยู่ /เผิกอยู่ แล้วรู้ จึงเข้าสู่
    สภาวะเป็นกลางได้
     
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    จิตทรงฌาณ(รูปฌาณ หรือ อรูปฌาณ) เห็นว่าทรงอยู่ /เผิกอยู่ แล้วรู้ จึงเข้าสู่
    สภาวะเป็นกลางได้....ผมตอบข้อนี้ ถ้าหากว่า สมาธิเล็กน้อยเรียกว่าฌาณด้วย
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อืม......

    ขออีกคำถามละกัน

    จากสิ่งที่พี่นุเลือก พี่นุ เห็นว่า สอดคล้องกับ อรรถในพยัญชนะนี้ไหม

    "เผลอ แล้วรู้"
     
  13. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    สอดคล้องกันนะ ที่ผมให้ท่านนิวรณ์ ขยายความคำถาม จะได้เข้าใจมากขึ้น

    เผลอ ก็คือ โมหะ
    หลงก็คือโมหะ
    ลืม ก็คือโมหะ

    มันก็เป็น วีธีการที่เรียก สื่อภาษาที่ส่ง ต่างกันที่พญัชนะแต่อรรถเหมือนกัน

    แต่ที่เรียก ในการพิมพ์ บางครั้งมันก็ไม่สื่อถึงความเข้าใจที่ตรงกันเหมือนการคุยต่อหน้า
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไวถึงขนาดเห็นเป็นโมหะ เลยเหรอนี่

    [​IMG][​IMG][​IMG]
     
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ผมถามท่านนิวรณ์ ซักข้อ ครั้งนึงมันรู้เหมือน เป็น สโลโมชั่น ตัวตุ่นมันวิ่ง...ไปตามรู้ที่ แข็น แว๊ปนึง มันวิ่งไปแต่ เราเหลือบไปเห็น เร็วจริงๆ...อันนี้เรียกว่าอะไรน่ะครับ หรือว่าอันนี้ไม่เกี่ยวอะไร
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    รู้สึกว่า ไม่เกี่ยวอะไรกับ การสุดทาง เพราะวางมัน มันดีกว่า

    แล้วจะเห็นว่า มันต้องเหลือบๆเอา แล้วตัณหาจะเป็นตัวพาไปดูต่อ

    แต่ตรงนี้ก็ดูๆ อยู่เหมือนกัน ตรงนี้มีกิเลสหลายตัวทีเดียว มาหลอก
    เต็มไปหมด จนสับสนเลยว่า ตกลงต้องดูมันไหม ถ้าน้อมมาทางโลก
    จะเห็นเลยวา มันจะเหลือบไปดูมากขึ้น

    อันนี้ตามที่ผมเห็นนะ น่าจะมีเรื่องบารมีมาเกี่ยวข้องในการถลำ

    ดังนั้น ดี หรือ ไม่ดี ไม่ฟันธงนะครับ พี่ดูเอาเอง
     
  17. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ขอบคุณครับ
     
  18. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ถกกันในเรื่องเดียวกัน แตกต่างเพียงสุดทางช้าและไว เหมือนขึ้นรถไฟที่เดียวกัน จุดหมายเดียวกัน แต่จ่ายค่าตั๋วไม่เท่ากัน บางขึ้นรถธรรมดา บางขึ้นรถเร็ว บางขึ้นรถด่วน ... ^-^
     
  19. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    เหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกัน
    แต่จริง ๆ กลับเป็นคนละเรื่อง

    คนละเรื่องเดียวกัน?
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ผมเห็นว่า ท่านนิวรณ์ก็ปรับทิฎฐิท่าน ค่อนข้างมากแล้ว
    ก็ ไม่มีอะไรจะพูดมาก เพียงแต่ ให้ระวังในเรื่อง ที่ว่าอย่า
    แต่ให้เปิดทางกุศล และ ปิดทางอกุศลให้มาก

    ในส่วน ธรรมที่อันเป็นทัสนะ นั้น ให้ชี้ให้เห็นรูปนาม
    ในส่วนที่จะดับทุกข์ และ วิจิกิจฉา และอุทธัจจะ นั้นให้เจริญสมาธิ

    ในส่วนที่จะให้เกิดโคตรภูญาณ ให้เจริญ มรรคในรอบที่เร็วที่สุด คือ อะไรเกิด ผ่าน อะไรดับก็ผ่าน ให้ปล่อยตัวที่จับ ไปจับตัวใหม่ ปล่อยตัวใหม่ทันที แล้วหันไปจับอีกตัว ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เอาให้เร็วและมีกำลังให้ทัน แล้วจะพบ กับ ความว่างอันเป็นทัสนะเริ่มต้น ตามแนวของหลวงพ่อปราโมทย์

    ในส่วนของมรรคญาณ ตัวนี้สำคัญที่สุด คือ ต้องศึกษาอบรม อย่าติดแม้กระทั่งทัสนะ อบรม ฝืน ละ พิจารณากิเลสให้มากที่สุด แล้วเมื่อไร มีภูมิรู้ เขาจะเรียกว่า แจ้ง คือ รู้จนรอบจนเต็มในส่วนนั้นๆ จึงเรียกว่า ญาณ หรือ ประจักษ์ขึ้น แล้วถึงตรงนี้แหละ จะเรียกว่า อริยบุคคล ปิดอบายทันที ทำให้ได้ถึงตรงนี้กันเถิด
     

แชร์หน้านี้

Loading...