สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ประเด็นคือ ทำไมผมต้องพูดเรื่องนี้ ให้เหตุผลดังนี้

    1 คนที่ไม่เข้าใจในธรรมที่แท้จริงก็จะติดดูจิต อย่างเดียว เข้าใจผิดๆ
    2 เพราะว่า หากเรามองเป็นกลางในการถกธรรม โดยคำนึงแต่ความรู้และปัญญา เราจะเห็นว่า นี่คือสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจกันและต้องถกกันเพราะว่า มันมีความผิดแปลกจาก ครูบาอาจารย์ท่านสอน แต่ทำไมบางคนจึงทำแล้วได้ผล และ สงบได้ ซึ่งนำไปสู่การเข้าใจที่ไม่ตรงกัน
    3 คนที่เข้าใจผิด ก็จะปฏิบัติแบบผิดๆ จนนำไปสู่้ การไม่ทำสมาธิ การไม่สู้กับกิเลส ซึ่งเป็นการประมาทอย่างมาก จนนำไปสู่การเสียเวลาในชาตินี้ เพราะปฏิบัติผิด

    เอาสามข้อ ในเหตุผลที่ผมพูด

    ทีนี้ ก็มีการแก้ต่างว่า สมาธิใครๆ ก็ทำ ก็ตอบว่า ถูกต้องใครๆ ก็ทำ แต่ทำไมจะต้องมีการบอกว่าให้ดูเฉยๆ อย่างเดียว โดยไม่อธิบายให้ครอบ เรียกว่า เอาเทคนิคมาจับเป็นหลักใหญ่แบบนี้ ไม่ถูกต้องนะครับ

    ผมสงสารคนที่เขาทุกข์จริงๆ แล้วพอไปได้รับความรู้แค่เพียงดูเฉย มันก็ทำให้เขาทุเลา แต่มันจะไม่มีทางทำให้เขาได้พ้นทุกข์ที่ถาวรเลย เพราะมันแก้ผิดทาง ทางที่ถูกคือ ต้องศึกษา และ เปิดทางให้เขาได้มีภูมิที่มากขึ้นอย่าไปปิดทาง ให้พิจารณาธรรม เรียกว่า ธรรมวิจยะด้วยตนเอง เพราะธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัตตัง โดยจะต้องปูพื้นฐานที่ถูกต้อง คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
     
  2. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ท่านนิวรณ์มั่นใจแค่ไหนว่า ที่ผมบอกว่า งง เป็นเพราะผมไม่รู้จักแนวทางของท่านดีพอ หรือ อาจเป็นเพราะ ธรรมที่ท่านแสดง มันสับสนอยู่แล้วในตัว?

    อ นิวรณ์ยังชี้ไปที่ ซีดี เหมือนเดิม ผมจึงแน่ใจว่า มรรคญาณท่านไม่แจ่มแจ้งเท่าที่ควร เนื้อธรรมที่แสดงก็ออกมาจากซีดีทั้งนั้น ดูท่านจะเชื่อมั่นซีดีอยู่มากทีเดียว

    ในขณะที่ ธรรมของ อ ขันธ์ และ ศิษย์พี่โชแปง ผมอ่านแล้วแจ่มแจ้ง ชัดเจน แทนที่จะสับสนเหมือนอ่านคำแนะนำของ อ นิวรณ์ กลับอ่านแล้วชุ่มชื่น ปลอดโปร่ง ทบทวนแล้วก็เห็นตามนั้นจริง นำไปปฏิบัติได้จริง

    ผมจึงสรุปตอบท่านไปก่อนหน้านี้ว่า ขอดูอย่างเดียว ยังไม่เชื่อตาม เพราะธรรมยังขัดกับใจอยู่มาก จึงต้องฟังไว้แบบกลางๆก่อน คงไม่ว่ากระไรนะท่าน

    ส่วนแนวทาง ฝืน สู้ ทวน กิเลส ผมยังเห็นด้วยเหมือนเดิม มันต้องสู้ ต้องละ ต้องเอาชนะมันให้ได้ ตายกันไปข้างหนึ่ง ดังที่หลวงตามหาบัวเทศน์สอนอยู่เสมอๆ กว่าจะถึงวันนั้น ก็ต้องอาศัยกำลังใจที่มีอยู่เต็มเปื่ยม...
     
  3. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ศิษย์น้องเล็กแว๊ด ให้ฟังศิษย์พี่โชแปงไว้ให้มากๆ หากไม่เคลียร์ ให้ถามศิษย์พี่วิมุตติอีกที ถึงแม้ศิษย์พี่โชแปงจะถนัดธรรมเบื้องลึก แต่ในการอธิบายธรรม ยังเป็นรองศิษย์พี่วิมุตติอยู่เล็กน้อย หุๆๆๆ
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สวัสดีท่านวิมุตติ ปฏิบัติให้มากนั่นแหละ ดีแล้ว

    คอยพิจารณาเวลา ที่มันมีทุกข์ นั่นคือ เราติดในภพนั้นแล้ว เมื่อติดในภพแห่งทุกข์ ก็พยายามมองไตรลักษณ์ ในภพนั้นให้เจอ ด้วยการพิจารณา ว่าทำไมมันจึงติด ทำไมมันจึงมีอาการเช่นนั้นเช่นนี้เกิดขึ้น แล้วลองเดินไปที่อื่นบ้าง ด้วยการสลัดใจไปทางอื่นบ้าง มันจะเห็นว่า สภาวะทุกข์ที่ติดอยู่นั้น เป็นไตรลักษณ์นี่ และ สามารถดับมันได้โดยฉับพลัน แต่เพราะเหตุใด เมื่อใจนั้นเผลอก็มักจะหลุดไปติดที่เดิม จะทำอย่างไร จะเอาให้เห็นไตรลักษณ์ได้อย่างไร

    ตัวมหาเหตุจริงๆ คืออวิชชา เราจะติดเป็นชั้นๆ ไป จะต้องพิจารณาบ้าง ต่อสู้บ้าง ให้สมุนของมันค่อยๆ หายไป แล้วเราจึงจะเจอตัวละเอียดได้

    นี่แหละ คือมรรค ทำให้มันค่อยๆแจ้ง เถอะ จิตนี้จะเบาตัวเบาใจ จะทุกข์ก็แค่ผัสสะแต่ไม่มีทางถึงอุปทาน คร่ำครวญได้เลย
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    จำเอาไว้ ว่า มรรคญาณนั้นเหมือนก้นหอย ตรงนี้จำให้ดี

    พระพุทธองค์ท่านมีทุกอย่างเป็นดังก้นหอยนะ

    เหมือนก้นหอยนั้นมีลักษณะอย่างไร คือ รอบใหญ่ๆ จะหมุนวนเข้าสู่ปลายสุด ซึ่งปลายสุดของก้นหอยไม่มีอะไร มันจะหมุนไปสู่ความว่าง นั่นแหละ คือผล

    รอบใหญ่ของมรรค คือ วิถีชีวิตในรอบใหญ่คือ รอบปี รอบเดือน รอบวัน รอบระยะเวลา จนถี่ที่สุดคือ ทุกลมหายใจ วิถีที่ถูกต้องจะต้องค่อยๆ อบรมให้ถูกต้องจากรอบใหญ่มาจนถึงรอบเล็ก รู้ทุกขั้น ว่าก้นหอยนั้นควรเดินอย่างไรให้ตรงตามแนวก้นหอย แล้วมันจะพุ่งเข้าสู่ความว่างเอง

    นี่สุดยอดแล้วนะ จำเอาไว้
     
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ก้นหอย นี่ มันหมุนตามเข็ม นาฬิกา หรือ ทวนเข็ม นาฬิกาครับ
     
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ทำไมท่านขันธ์ ไม่ไป สนทนากับ หลวงพ่อท่านเลยครับ ทั้งๆที่ท่านเองก็ ยังคงอยู่ ตอบคำถามได้ มาทำแบบนี้มันเหมือน
    วิพากวิจารย์ฝ่ายเดียว ทั้งๆที่หลวงพ่อท่านไม่ได้มาแก้ต่าง ผู้ไม่รู้มาอ่านจะตีความไปกันใหญ่
     
  8. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ชัดเจนครับท่าน เห็นด้วยตามนั้น หลวงตามหาบัวก็กล่าวทำนองนี้อยู่เสมอๆ คือ ให้พิจารณา ถอนกิเลสออกไปโดยการลดทอนกำลังมันลงทีละน้อย ทีละน้อย เมื่อตัวหยาบๆหมดไป ตัวละเอียดจึงค่อยๆปรากฎ ให้ทวนญาณต่อไป ซึ่งระหว่างการเดินทางที่ผ่านมา ก็ได้ฝึกฝน อบรมจิต มาพอสมควรแก่ธรรมนั้นๆแล้ว
    การอธิบายอะไรต่างๆที่ดูเยิ่นเย้อเหมือน อ นิวรณ์ ดูมันยังติดในกฎเกณฑ์วิธีการยังไงไม่รู้ เป็นการสร้างอะไรต่อมิอะไรให้วุ่นวายไปหมด ว่าต้องอย่างนั้นนะ อย่างนี้นะ
    ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เราควรหยุดเสียทั้งหมด จึงจะพบทางออก ตรงนี้อาจเป็นเพียงสภาวะธรรมหนึ่ง แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของทางสายกลาง

    ดังนั้น ปฏิบัติให้ถูก ให้ตรง และ ให้มาก โดยไม่ต้องคิดมากวิเคราะห์มาก ดูเหมือนจะเวิร์คกว่า จากประสบการณ์เฉพาะตัว ก็เห็นชัดๆว่า ปัญญาเกิดจากการปฏิบัติแล้วพบเห็นสภาวะ แล้วจิตตัดสินความรู้ สิ่งต่างๆ มันก็แจ้งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ส่วนการอ่านศึกษาปริยัติ ไม่ว่าจะพิศดารขนาดไหน ก็ไม่เกิดปัญญาในส่วนนี้ขึ้นมาได้เลย จะเห็นว่า ภาวนามยปัญญา สำคัญมาก ถ้าปฏิบัติถูก เห็นผลได้จริง

    ทีนี้จะถาม อ ขันธ์ ต่อ ในส่วนที่ว่า ให้ลองเดินไปที่อื่น หรือ สลัดใจไปที่อื่น
    ตรงนี้ฟังดูเหมือนการเอาสภาวะอื่นมาแทนที่สภาวะเดิม ซึ่งสภาวะเดิมดับไปก็จึง แต่ดับไปด้วยอำนาจของสภาวะใหม่ หาใช่กำลังของมันหมดลงเองไม่ ตรงนี้ไม่รู้ว่าจะมองเป็นไตรลักษณ์ได้หรือไม่ จึงหยิบมาถกกัน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2009
  9. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    จิตที่ปรุงแต่งออกไป ก็เงี้ยแหล่ะ ศิษย์หลวงพ่อปราโมทย์ ต้องตามรู้ให้ทันนะ หุๆๆ
     
  10. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    บาปกรรม ... เกี่ยวอะไรกับหลวงพ่อครับ
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็ถ้าท่านมาพูดเองที่นี่ ผมก็จะพูดที่นี่
    แต่นี่มีลูกศิษย์ท่านมาพูดที่นี่ ผมก็พูดกับศิษย์ท่านที่นี่
    ผมไม่ใช่พวกร้อนรนที่จะต้องวิ่งไปทางนั้นทีทางนี้ที เพื่อกระทำอะไรไปตามตัณหานี่ครับ
    แล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องไปตามล้าง ตามเช็ดเพื่อให้เกิดสัมมาทิฎฐิทั้งโลก
    หรือ ต้องตามไปหาพระเพื่อที่จะถก มันไม่ใช่เรื่อง

    คุณต้องเข้าใจว่า ที่ไหนก็เกิดมิจฉาทิฎฐิได้ เพียงแต่จะยอมฟังยอมถกกันหรือเปล่า ก็ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้สนใจ จนมีกลุ่มบุคคลที่ตั้งตนเป็นลูกศิษย์พระแล้ว ออกมาแสดงธรรม ธรรมแท้ก็ควรต้องยอมรับการพิสูจน์ ในเมื่อ ตอบไม่ได้ธรรมนั้นก็ต้องตกไป

    เมื่อตกไปแล้ว ก็เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องไปตามล้าง ตามถกเพื่อให้พังกันไปข้างหนึ่ง

    พูดเท่านี้พอเข้าใจใช่ไหม
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    จริง แล้วผมไม่อยากให้เอาหลวงพ่อในเชิงเยาะเย้ย

    แต่ให้พูดในเชิงวิชาการ ท่านวิมุตติ พิจารณาเรื่องนี้หน่อย
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คำว่า ตำหนิ คือ การพูดให้เขาเข้าใจ และเห็นจุดผิด
    การ เปรียบเทียบธรรม ในคู่ตรงข้าม คือ การแสดงธรรม
    การเยาะเย้ย หรือ มีกลิ่นของความเยาะเย้ย นั้นมันรู้สึกกันได้

    ผมไม่เคยเยาะเย้ยใคร ตรงนี้ พิจารณาให้มากครับ
    เพราะมันมาจากใจ
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คุณขันธ์อุตาสาห์อธิบาย แต่ก็นั้นแหละครับ ยังยึดทางเห็นของตน เลย
    คิดว่าที่ผมอธิบายไม่มีส่วนใดตรงกับคุณ คุณเลยอธิบายซ้ำ แต่ก็เปลี่ยน
    คำพูดไปเท่านั้น หากอ่านดีๆ ผมแสเดงทางหมุนที่ผิด ที่ถูกไว้แล้ว

    คุณวิมุตติ หากคุณคิดว่าผมเอามาจาก cd อันนั้นก็แล้วแต่คุณครับ คุณ
    บอกว่าคุณเข้าใจทางผมดีกว่า แต่พอคุณขันธ์อธิบายมาก็เหมือนๆกัน
    กลับแยกแยะว่าผมจำมาเท่านั้น

    หลวงพ่อปราโมทย์ท่านมีเจโตปริญาณ เวลาสอนคนรายบุคคล ก็ชี้ลง
    มาที่จุดนั้น ในขณะปัจจุบันเลย ดังนั้น ธรรมนี้พอเห็นแล้วจะเข้าใจทัน
    ทีว่า

    เพ่ง ก็เกิดวิบาก
    ปล่อย ก็เกิดวิบาก
    เผลอ ก็เกิดวิบาก
    แกล้งปล่อย ก็เกิดวิบาก
    รู้ ก็เกิดวิบาก

    แต่ละคนเวลาถูกชี้ ก็จะเห็นลงมาในจุดนี้ทั้งนั้น พอรู้แล้วก็เอาไปเจริญ
    ต่อ เพราะเห็นชัดว่ามันมีเป็นขณะๆ เหมือนคนที่เห็นเป้าหมายแล้ว ก็
    ไปฝึกเดินต่อเอาเอง ไม่มีคนไหนหยุดการเจริญภาวนาด้วยตัวเองแต่
    อย่างใด ใครคนไหนต้องทำสมาธิมากๆ เพื่อเห็นสภาวะนี้ ก็ทำไป ใคร
    ต้องผลิกแผลงอย่างไร ก็ทำไป
     
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ผมจะพิจารณาที่ท่านขันธ์ แนะนำ

    และผมจะแนะนำบ้าง ...ไม่ฟังไม่เป็นไรครับ...การกล่าว ไปถึงพระท่าน ซึ่งเรายังไม่รู้แจ้ง ไม่รู้ซึ่งฐานะได้ จะเป็นบาปกรรม ผมก็ตักเตือนเพราะเป็นเพื่อนนักปฏิบัติด้วยกัน
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    จะเรียกว่า ผมเอาทางเห็นของผมไม่ได้ เพราะว่า ผมไม่ได้เอาเทคนิคเฉพาะของผมขึ้นแสดง แต่เป็น ธรรมที่ครอบอยู่

    คุณนิวรณ์ ต้อง เข้าใจ คำว่า ปิดทางกุศล และ เปิดทางอกุศล นั้นไม่ใช่ธรรม
    ธรรมอันใดที่เป็นธรรมคือ ต้องเปิดทางกุศล และ ปิดทางอกุศล

    เราก็มาดูกันว่า ธรรมของผมปิดทางกุศลหรือไม่ หรือ เปิดทางอกุศลหรือไม่
    คำว่า เปิดทางอกุศล คือ ชี้ชวนให้มีการสร้างอกุศลได้
    ปิดทางกุศล คือ ชี้ชวนให้เลิกหรือละ ในการทำกุศลใดๆ ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2009
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456

    การดูตามจริง ก็คือ ดูตามความเป็นจริงที่มันเกิด ของมันเกิดของมันอยู่แล้ว
    ตามเหตุปัจจัย

    การเจริญสติ ก็คือ การดูมันตามความเป็นจริง ตามที่มันเกิดอยู่แล้ว ธรรมะ
    มันปรากฏอยู่แล้ว

    เราก็อาศัยสิ่งที่เกิดอยู่แล้วมาดู ไปเรื่อยๆ

    หากเรามีจตนาอย่างใดอย่างหนึ่ง จะปล่อย จะจับ ก็คือ คว้าเอามาดู ไม่ใช่
    การดู แต่เป็นคว้าเอามาดู หากไปคว้าเอามาแล้ว เอามาทำนู้นทำนี่ เอา
    มาตัด ก็เรียกว่าไม่ได้ดูตามความเป็นจริงแล้ว แต่ไปปรุงดีให้มันเกิด การ
    ปรุงดีให้เกิด ก็คือกรรม มีการกระทำของจิต เป็นความทุกข์ของจิต

    เกิดขึ้นเพราะการยึดถือจิต รักจิต เลยทำจิตให้มันดี แทนที่จะดูไปตาม
    ที่มันเป็นจริงของมัน
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ผมก็ชี้ไปแล้วว่า หลวงพ่อท่านชี้เข้ามีที่ สังขารุเบกขาญาณ และอนุโลมญาณ

    ซึ่งสภาวะเหล่านี้มีปรากฏอยู่แล้วตามธรรมชาติของจิต พระท่านเห็นมันเกิด
    ดับอยู่ในบุคคลที่กำลังรับการสอน ท่านก็ชี้ลงไปตรงนั้น

    สภาวะที่เป็น สังขารุเบกขาญาณ ก็คงไม่ต้องบอกว่าตอนนั้น จิตต้องเดินอย่างไร

    คุณขันธ์คงรู้ว่า สภาวะนี้คือ สภาวะที่เป็นกลางต่อ กุศล และ อกุศล

    การเป็นกลางต่อ กุศล และ อกุศล ทั้งคู่ เสมอกัน นั้นราบเรียบ และเป็นมหากุศล
    แค่ไหน
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็นั่นคือคิดนี่ แต่คิดไม่รอบ
    ให้มองให้เห็นลักษณะ ไม่ใช่ไปยึดสิ่งใหม่ แต่ให้เห็นว่า สิ่งเดิมนั้นดับไปได้

    และสำหรับ การปล่อยให้มันหมดกำลังเอง นั้นไม่มีทาง เพราะแม้แต่สัตว์นรกมันยังไม่หมดกำลังเลย
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    แล้วท่านไม่รู้หรือว่า นั่นก็เป็น อกุศลได้ ถ้าหากว่า ในวิถีใหญ่นั้นเขาไม่ทำอะไร
    นั่นเป็นวิถีเล็ก ทำได้ในปฏิบัติ แต่วิถีใหญ่นั้นเขาไ่ม่ทำอะไร มันก็จะอยู่ที่เดิม
     

แชร์หน้านี้

Loading...