สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ไม่ลืมตา ก็คลำทางไม่ถูกสิครับ เดินชนนั่นชนนี่ เกิดไปชนสาวๆขึ้นมาว่าไง
    ตอนอึดอัดอยากออกจากสมาธิ ดูทุกครั้งเลย มันเร่าร้อนกระสับกระส่ายไปหมด
    พอลุกขึ้นปุ๊บ หายเลย หุๆๆๆ ตามใจกิเลสมัน แต่เราก็ได้เห็น ไม่เสียหลาย
    โลกที่มีแต่จิต ผลุบๆ โผล่ๆ เกิดบ่อยครับ สมาธิยิ่งกล้า ยิ่งเห็นชัด
    เมื่อก่อนก็ถือเป็นตุเป็นตะ ตอนนี้เฉยๆ เห็นมันธรรมดา ไม่มีอะไรพิสดาร
    ท่านแนะนำดีครับ รู้เลยว่าปฏิบัติมาไม่น้อย ไม่ได้มั่วๆเอา หุๆๆๆๆๆ ไว้มีสภาวะแปลกๆ จะเอามาแชร์แล้วกันนะครับ ศิษย์พี่...แนะนำศิษย์น้องให้มากๆนะครับ
     
  2. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    กามราคะนี่ มันไม่สนใจหรอกครับ ว่าเด็กว่าแก่
    เวลามันต้องการคนแก่ก็สวยได้เหมือนกัน

    ถ้ามองแต่หนัง หุ้มเนื้อแดง หุ้มกระดูก หุ้มของสกปรกในร่างกายเรา
    ก็หลงอยู่อย่างนั้นล่ะครับ

    ต้องมองทะลุหนังเข้าไปครับ
    พิจารณาเข้าไปหาอาการ 32
    แยกชิ้นแยกส่วนแต่ละอาการให้เห็นว่าเป็นยังไงข้างในหนังที่ห่อหุ้มอยู่

    อย่างนี้ถึงจะแก้กันได้ครับ

    มัวแต่มองคนแก่ไม่มองคนสาว
    เดี๋ยวจะว่าคนแก่ก็สวยเหมือกันนะครับ
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ทุกข์สัจจแห่งจิตก็อยู่ตรงนั้น ตรงนั้นแหละผิสดารที่สุดแล้วที่ปุถุชนเห็นได้

    หากมันสัดส่าย กะเทือน ก็จะมีสองอย่างเท่านั้นที่ปรากฏ คือ กดข่มด้วย
    สมาธิต่อไป(ได้ทั้งรูป และอรูป) หรือ เห็นมันสัดส่ายออกไป เร้าร้อน แทบทนไม่ได้ จนกระ
    ทั่งยอมตามมันไป นี่คือ ถ้า ไม่ปรุ่งแต่งมาทางฝ่ายดี ทำสมาธิ ก็จะหลุด
    ไปจมโลกปรุ่งชั่ว ข้างหนึ่งเป็น กุศล อีกข้างเป็นอกุศล

    วิธีดู ก็คือ ตอนเห็นมันสัดส่าย ให้เห็มจิตมันพุ่งไหลออกไปข้างกิเลส หากรู้ทันมันพุ่ง
    ออกไป มันไหลออกไป จะทางซ้าย หรือทางขวา หากรู้ทุกข์สัจจทัน จิตก็จะ
    กว้างไกลออกไป เกิดความพอดี รู้ว่าเบาโดยไม่ได้ยึดความเบานั้น

    หากดูไม่ทัน ก็จะปล่อยออกไป จนกระทั่ง กิเลส(วิภวตันณหา)แทรก กลายเป็น
    ประคองด้วอรูปฌาณก็ได้ จิตจะเบาโดยรู้ว่าเบา เอาความเบา


    อีกทางหนึ่ง ตอนเห็นจิตสัดส่าย ก็เข้าประคองจิตที่นิ่งไว้ เข้าประคองจิตฝ่าย
    นิ่งไว้ จิตมันจะหดเข้า ไม่ใหญ่เกินเม็ดผักกาดอยู่กลางอก หากรู้สึกทัน ช่อง
    เข้าของจิตกว้างไกล ก็อยู่ตรงนี้ได้อีกทาง เกิดความพอดี รู้ว่าเบาโดยไม่ได้ยึดความเบานั้น

    หากดูไม่ทัน ก็จะประคองอยู่อย่างนั้น จนกระทั่ง กิเลส(ภวตัณหา)แทรก กลายเป็น
    ประคองด้วยความยินดี จิตจะเบาโดยรู้ว่าเบา เอาความเบา

    ไม่เผลอ ไม่เพ่ง

    ไม่ปล่อย ไม่ทำ

    เห็นไปแบบนี้ เนืองๆ ก็จะเข้าใจ "ปล่อยรู้"

    การปล่อยรู้ คือ ไม่ยึดทั้ง กุศล และ อกุศล เป็นกลางเห็นอย่างนั้นได้ เพราะมีองค์ปัญญา

    สิ่งที่ ทรงอยู่ โดยการปล่อยรู้ ตรงนี้ เรียก สมาธิ ในทางพุทธศาสนา

    และ สมาธิจิตตัวนี้ คือ ตัวสมาธิที่พระอาจารย์ปราโมทย์ชี้เข้ามาให้เห็นโดยตรง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2009
  4. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พร่องมาพร่องไป
    พร่องมาเต็มไป
    เต็มมาพร่องไป
    เต็มมาเต็มไป ​
     
  5. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิษณุ12*, sriaraya5 , นิวรณ์*, </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิษณุ12*, sriaraya5 , นิวรณ์*, </TD></TR></TBODY></TABLE>

    .........................^
    ..........................|
     
  7. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    น้องชายเอาซีดีหลวงพ่อปราโมทย์

    มาให้ฟังแล้วถามว่าฟังแล้วเป็นไงบ้าง

    เราบอกน้องชายเราว่าท่านยังแก้อารมณ์ยังไม่ตรง
    เหมือนลอกเรียนครูบาอาจารณ์ท่านมา

    แต่ก็หนักไปทาง อภิธรรมแบบ อ.สุจินต์บรรยายพระอภิธรรม .
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456

    อ้าวพี่ศรี ทำไมฟังธรรมแล้วยังคิดเปรียบเทียบกับสมมติบัญญัติได้อยู่อีกหละ

    ฟังธรรมไม่เป็นนี่ ยังมีองค์ประกอบ วิตก วิจาร อยู่เลย

    ลองไปฟังใหม่สิ ฟังแบบ วิตก วิจาร ดับ ไม่มีการตรึกนึกคิดเปรียบเทียบดูนะ
     
  9. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ครับท่านเกสท์
    โดยปกติ คงไม่มีใครไม่ยอมรับว่า ในแต่ละวันย่อมต้องมีความเผลออยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย
    การมองคนมีอายุ เลี่ยงที่จะมองเด็กสาวๆ ก็ช่วยได้เยอะทีเดียว ตรงนี้ผมว่าใช้ได้ดีทีเดียว
    ส่วนที่ท่านเกสท์แนะนำ คือ พิจารณาอาการ 32
    ก็ควรทำบ้างตามโอกาส แต่คงยากที่จะพิจารณาตลอดเวลาเมื่อเห็นรูปหญิง

    ขอสรุปง่ายๆ ศิษย์พี่โชแปงแนะนำได้ดีในชีวิตประจำวัน ช่วยระงับกามราคะได้เยอะ เพราะเห็นผู้สูงอายุ ย่อมไม่เกิดอารมณ์ได้ง่ายเหมือนเห็นสาวๆแน่นอน
    ส่วนท่านเกสท์ ก็แนะนำดี เมื่อต้องการพิจารณาให้ถึงธรรมตามแนวกายคตาสติ
    ตามแต่โอกาสหน่ะครับ...ขอบคุณครับ
     
  10. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ขอบคุณอาจารย์นิวรณ์ที่อุตส่าต์สละเวลาให้
    อ่านแล้วก็งงๆดี
    สมถะ ผมไม่เชี่ยวเท่าไหร่นะ รูปฌาณยังยาก อรูปฌาณ ไม่ต้องพูดถึง
    สถาวะ ขอดูอย่างเดียว ไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไร
    ให้จิตมันตัดสินความรู้ด้วยญาณสัมปยุตเองแล้วกัน...
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็คาดว่าคงต้องงง ตอนแรกเห็นคุณตอบกับโชแปงแล้ว เรื่องการเห็น
    ความสะเทือน ความเร้าร้อน ทำท่าเข้าใจ ทำท่าว่าเห็น

    แต่พอผมเห็นคุณตอบ เรื่อง แก่ กับ สาว ผมก็เห็นแล้วว่า คุณต้อง งง

    ก็กลับไปเห็นตามที่คุณโชแปงชี้นั้นแหละครับ เรื่อง เร้าร้อน เรื่องสะเทือน

    ดูอันนั้นให้ครบรอบ 3 สัจจญาณ กิจญาณ กตญาณ ก็จะเข้าใจเอง

    แต่ถ้าไม่ถนัดรูปฌาณจริง หรือแม้แต่อรูปฌาณ เพราะ ติดมีคิด

    ก็ไปฟัง cd ดีกว่า พระท่านชี้ไปตรงๆ เลย

    เพราะสภาวะธรรม สมาธิที่ใช้ภาวนานั้น มีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน

    คุณขวัญ เขาไปหาพระ พระท่านชี้ให้เห็น สมาธิ ตัวนี้ไปแล้ว ที่เหลือ
    จึงเป็นเรื่องของการ เริ่มบทภาวนาในทาง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2009
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    แล้วฟัง cd ก็อย่าไปฟังเอาเนื้อหา ให้ฟังตามที่อาหลงชี้ให้ดู

    ดูความเร้าร้อน ทนไม่ได้ ฟังไปเรื่อยๆ แล้วระลึกดู จิตมันเร้าร้อน
    ทนไม่ได้ ดูเนืองๆ ให้ครบรอบ สัจจญาณ กิจญาณ กตญาณ ของ
    สภาวะธรรม โดยอาศัยเสียงใน cd เป็นเครื่องระลึก ไม่ใช่เพื่อฟัง
    เอาเนื้อเรื่อง

    พอเห็น จิต เร้าร้อน เนืองๆ ครบรอบสาม จะเริ่มเข้าใจเอง ว่าเขาฟัง
    cd กันเพื่อเห็นอะไร แล้วเอาอะไรมาใช้เป็นเครื่องมือ ภาวนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2009
  13. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    นิวรณ์ก็เหมือนเราดูเพชร

    ก็ต้องมีเพชรแท้กับเพชรปลอม

    อย่างบางคนไม่ได้มีมากอย่างที่คุย
    แต่ก็ทำทีว่าตัวเองรวย

    แต่ก็ที่รวยจนใช้เท่าไหร่ ก็ไม่รู้จักหมด

    ก็ย่อมดูคนออกว่ามั่วแต่ กินบุญเก่าใช้ของเก่า
    ไม่นานของที่สั่งสมมาก็ย่อมต้องหมด

    จะเอาไปเปรียบเทียบกับผู้ที่รวยไม่รู้ว่าจะรวยอย่างไร
    นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะกำหนดเอาได้ ด้วยการตรึกไปตามอาการ

    พระธรรมของพระพุทธเจ้านั้นละเอียดลึกซึ้ง ไม่อาจจะรู้ได้ด้วยการตรึกจดอารมณ์ .
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456

    ถูกแล้ว ที่คุณระลึกได้ว่า "พระธรรมของพระพุทธเจ้านั้นละเอียดลึกซึ้ง
    ไม่อาจจะรู้ได้ด้วยการตรึกจดอารมณ์"

    ดังนั้น คนที่ฟังธรรมเป็น เขาจะไม่มีจิตคิดเอาไปเปรียบเทียบ เพราะการ
    ที่ไปเปรียบเทียบได้แปลว่า กำลังตรึก กำลังดังสัญญา และเวทนาขึ้นมา
    แล้วยังเติม วิตก วิจาร เข้าไปอีก ทำให้สัญญาขันธ์ และเวทนาขันธ์ ทำหน้า
    ที่ร่วมกับวิตก วิจาร จนเกิดเป็นโมหะมูลจิต(เกิดอกุศลจิตไปแล้ว) กลายเป็น
    ความคิด สุดท้ายก็เปรียบเทียบธรรมได้ ตกภูมิวิปัสสนาไปแล้ว ฟังธรรมไม่
    เป็นไปแล้ว

    เพราะอะไร พี่ศรี จึงตรึก จึงทำสิ่งที่ตรงข้ามกับที่พูด ว่าต้องไม่ใช้การจดจำ
    อารมณ์

    ก็เพราะ คิดตั้งโจทย์ในการ หาเพชร

    ทำให้ การฟังธรรมในครั้งนั้น เป็นไปเพื่อสนองการควานหาเพชร เกิดการใช้
    ตรรกะ เกิดการใช้การจดจำธรรมะของพระพุทธองค์ที่คุณลักจำมา แต่บอก
    ว่ามันมีอยู่แล้ว เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของธรรมนั้น

    การควานหาเพชร จึงเกิดการศึกษาธรรมะด้วย ตรรกวิทยา ผิดทางไปแล้ว

    ฟังธรรมไม่เป็นขึ้นมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2009
  15. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    [๑๖๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    ข้อที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าสองพระองค์
    จะพึงเสด็จอุบัติขึ้นพร้อมกันในโลกธาตุเดียวกันนั้น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาสที่จะมีได้

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    แต่ข้อที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียว
    จะพึงเสด็จอุบัติขึ้นในโลกธาตุอันหนึ่งนั้น เป็นฐานะที่จะมีได้

    (smile) อัฏฐานบาลี
     
  16. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิษณุ12*, ธรรมะสวนัง , กระจกเงา24</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    เอ่อ..ศิษย์พี่ทั้งสอง อย่าลืมน้องเล็ก มีสภาวะอะไร หรืออะไร ๆ แนะนำศิษย์น้องเล็กมั่ง นะค๊าป (ความรู้ยังด้อยเร่งศึกษา อิอิ)

    (ช่วงนี้งานยุ่ง ๆ อาจจะได้แค่เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้);aa38
     
  18. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    อานิสงส์การฟังธรรม 5 ประการ

    ๑.จะได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยได้ยินได้ฟัง<o></o>
    ๒.สิ่งที่เคยได้ยินได้ฟังแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจชัดจะได้เข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นมา<o></o>
    ๓.จะบรรเทาความสงสัยเสียได้<o></o>
    ๔.จะทำความเห็นให้ถูกต้องได้<o></o>
    ๕.จิตผู้ฟังย่อมสงบผ่องใส
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เรื่องของการเบาๆ กลางอก เป็นอาการของสมาธิ ที่ค่อยๆ ย่นอายตนะทั้งๆหลายค่อยๆ หดสั้นลง

    ทีนี้ มันต้องคอยดูว่า อายตนะนั้น แม้หดลงแล้วยังมีอยู่ ยังมีที่ตั้งแสดงว่า เรามีเทียบกับ อัตตภาพนี้อยู่

    ต้องละตำแหน่ง ละตัวรู้ พอรู้ตรงไหน ก็ละตรงนั้น รู้ตรงไหนละไปจุดนั้น มันจะเห็นว่าเกิดตรงนั้นดับตรงนั้น เรื่องแช่อยู่ไม่มีสักที่หนึ่ง

    จนปรากฎทัสนะที่ชัดเจนมากกว่าเดิม คือ ไม่มีที่ตั้ง นั่นแหละจึงจะเรียกว่า วิมุตติ

    ตัวผมเองยังไม่แจ้งตรงนี้เลย มันไวจริงๆ เพราะฉะนั้นถ้าเรามองทุกสรรพสิ่งเป็นไตรลักษณ์แล้ว เราจะไม่แช่ ไม่จ่อ ไม่ติดอยู่

    บางคน สลัดไม่ออก มันติด ตรงตัวติดนี้แหละ เรียกว่า อกุศลมันบังไตรลักษณ์อยู่
    ก็อย่าเผลอตัวไป หาทางแก้มันหละ มันเป็น สีลพตรปรามาส

    ก็คาดว่า ตรงนี้แหละ ที่ หลวงพ่อปราโมทย์พยายามพูดว่าอย่าไปทำอะไร
    แต่นั่นคือ การที่ ยังไม่รอบคอบ เพราะนั่นคือ ธรรมเฉพาะจุดมากๆ การที่ไม่ทำอะไรเลย นั้นคือ การไม่ตามกิเลสเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะแก้ไขได้ในระยะยาว
    เรียกจุดที่ไม่ทำอะไรเลย เรียกว่า จุดแห่งสมาธิ จุดแห่งหลักใจ เพื่อเอาไว้พัก เพราะว่าปัญญามันหมุนตัวมามากเกินแล้ว มันจะหมุนผิดไปในทางกิเลสมาปนบ้าง เป็นนิวรณ์เป็นอุทธัจจะบ้าง วิจิกิจฉาบ้าง

    การปฏิบัติที่ถูกต้องนั้น ปุถุชน ควรจะต้องรู้ว่า จิตนี้ ถ้าหมุนไปทางทุกข์แล้ว ควรหยุดพิจารณา ให้มีสติคอยกำกับเท่านั้น

    นั่นแหละ คือแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ ซึ่งเป็นธรรมเฉพาะเกินไป และไม่กระจ่างไม่ครอบ

    ตรงนี้ฟังผมให้มากเถอะ ผมเห็นแล้วผ่านมาแล้วทั้งหมด รู้ว่าใครกำลังติดจุดไหน
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็อย่างที่บอกว่า วิธีที่ดูเฉยๆ เป็นวิธีที่แก้ปลายทาง พวกที่คิดมากจึงชอบเพราะตัวเองใช้ปัญญาหมุนมาจนเหนื่อย พอบอกให้ดูเฉยๆ มันเลยหยุด นิวรณ์ได้

    ไปหาดูได้ว่า มีแต่พวกที่ คิดมาก ฟุ้งมากนั่นแหละจะทำแล้วได้ผลดี แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ระยะยาว เพราะว่า มันไม่ได้ดับที่เหตุ มันยังไม่ได้ถอนกิเลสเลยสักตัว พอหมุนแล้วจึงตามรู้ แต่จริงๆ แล้ว จิตที่ไม่หมุนต่างหาก ครองจิตด้วย ฌาณ แทบตลอดเวลานั้นแหละ คือ ผล ที่ถูกต้อง แล้วจึงค่อยๆ อบรมให้วิถีชีวิต ย่นเข้ามาอีก มันจึงจะดับกิเลสได้ครบ

    ลองพิจารณาดูแล้วกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...