สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

กลางอกเป็นฐานของใจที่ผมรู้สึกสบาย หากมันจะคิดจะนึกออกไปนอกวงกาย

ก็ดึงมาที่กลางอก ถ้าจะให้ตั้งฐานของใจตำแหน่งอื่นผมก็ไม่สบายใจทำไม่ดี เท่าดึงจิตที่ส่งนอกมาที่กลางอก โน้มเข้ามาดูที่กายเรา นอกกายไร้ซึ้งธรรมะที่แท้จริง...
​

ที่ท่านศรีฯ กล่าวมาผมว่ายังอยู่ในส่วนของสมถะอยู่ ยังไม่เป็นวิปัสนา....การดึงมาที่กลางอกเป็นการทำสมถะไว้ เป็นการรวมด้วยจงใจ จะยังไม่ทำให้เห็นไตรลักษณ์ ... แต่หากเมื่อไรรู้ทันว่าส่งออก กลับกลายเป็นวิปัสนาผมเข้าใจอย่างนี้น่ะ...เมื่อมีสติตามรู้ ว่ามันส่งออกบ้าง เข้าในบ้าง นิ่งๆบ้าง จะเริ่มเห็นว่า มันไม่เที่ยง เราบังคับไม่ได้ตลอด ว่าต้องนิ่ง ห้ามส่งนอก ห้ามส่งใน ต้องให้จิตมันเห็นจิตเอง

​

 

สมถะก็ถูกอยู่ แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าจิตทรงฌาน 4 ก็ยกขึ้นสู่วิปัสสนา
สามารถยกฌานเป็นบาทขึ้นสู่วิปัสสนาญาณเพื่อให้เห็นเป็นไตรลักษณ์ เพื่อให้พากันพิจารณาทุกข์ จนละทุกขเวทนาในจิต

ถ้าโง่ละก็ ทรงฌาน 4 ไม่ยกขึ้นสู่ภูมิวิปัสสนาญาณ ก็จะไปสมาบัติแปด
ติดอยู่ในความว่างที่เจ็บปวด ไม่ใช่ว่างในจิตแบบพระอริยเจ้า

แต่เป็นความว่างนอกตัว

เพราะไม่มีขันธ์ 5 ให้พิจารณาให้เห็นทุกข์
มีแต่จิต จึงไม่สามารถบรรลุธรรมได้ .

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิษณุ12*, sriaraya5 </TD></TR></TBODY></TABLE>
สวัสดีตอนเช้าครับท่านศรีฯ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>นิวรณ์*, sriaraya5 </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

*อาจานเกสท์ จำเอาไว้นะ....ขอบอก
การที่พยายามด้นเดาอวดโชว์ภูมิรู้
เดาเอาว่าคนนั้นคนนี้ได้แค่นั้นแค่นี้
เพียงเพื่อให้คนอื่นยอมรับเท่านั้น
อย่าทำเลยแค่คิดก็ผิด...จำไว้นะ

แม้แต่ครูบาอาจารย์ผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว
ท่านทั้งหลายเหล่านั้นท่านอบรมสั่งสอนให้ภาวนาอบรมฝึกฝนจิต
เพื่อให้เข้าถึงการทวนกระแสสู่ธรรมอันยิ่ง
ไม่เคยสอนให้ลูกศิษย์ลูกหา

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิษณุ12, ธรรมภูต </TD></TR></TBODY></TABLE>
สวัสดีตอนเกือบเย็นครับท่านธรรมภูต

 

คุณธรรมภูมิ

ผมไม่จำเป็นต้องให้คุณหรือใครที่ไม่ปฏิบัติตาม มารับรองในธรรมะที่เราตรัสรู้แล้ว เราตกลงใจแล้วว่าจะเคราพธรรมะที่เราตรัสรู้เอง .

คุณจะเชื่อไม่เชื่อ ก็ไม่ได้มีผลทำให้มรรคผลที่ได้ถอยกลับ
ไปสู่โคตรของปุถุชน .

 

คุณธรรมภูต​

บาปแต่ดั้งเดิม​

คือความไม่รู้จริง
​

​

ใครดีใครชั่วสืบได้ด้วยกรรม​

 

สวัสดีครับ คุณวิษณุ สบายดีครับ
โอกาสดีๆคงได้พบหน้าพบตา สนทนากันครับ

;aa24

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิษณุ12*, sriaraya5 </TD></TR></TBODY></TABLE>
สวัสดีตอนเย็นคุณวิษณุ 12

 

คุณศรีฯ คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนล๊อกอินเนมให้ผมหรอกครับ "ธรรมภูติ"
ผมและคนอื่นๆก็ไม่จำเป็นต้องทำตามที่คุณพูดนิครับ
แล้วเรื่ออะไรเหรอครับที่ผมและอื่นๆต้องไปรับรองให้คุณด้วย

คุณเองก็เพียรพยายามที่จะรับรองตนเองอยู่แล้วนิครับ
ว่าเป็นนั่นเป็นนี่ โดยคนที่ไม่เห็นด้วยมีอยู่มากมายไปหมด

คุณตกลงใจคุณเองว่าจะหลอกตัวเองต่อไปเรื่อยๆ
อันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครช่วยเหลือคุณได้หรอกครับ
เพราะคุณตกอยู่ในอำนาจของสิ่งเหล่านั้นที่คิดขึ้นเอง

เมื่อมีใครมาทักท้วงคุณด้วยข้อข้อใจใคร่รู้
คุณเองควรต้องตอบข้อซักถามให้หายข้อใจใคร่รู้
เพื่อเป็นประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านเท่านั้น

ไม่ใช่เพียงบอกว่าจะเชื่อก็ได้หรือไม่เชื่อก็ได้แค่นั้น
จะทำให้ภูมิธรรมของคุณเพิ่มขึ้นหรือลดลงเลย
อันนี้เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของทุกๆคนอยู่แล้วว่าจะเลือกเชื่อหรือไม่เชื่อดี

ในเมื่อคุณตกลงใจที่จะอยู่กับความเชื่อของคุณเองว่าตรัสรู้เอง
คงไม่มีใครว่าอะไรคุณได้หรอก แต่คุณก็ต้องแสดงสื่งที่คุณคิดว่าตรัสรู้เองมาสิ
แต่เท่าที่เห็นคุณแสดงออกมาก็เป็นธรรมะที่มีคนพูดหรือแสดงมาก่อนหน้าแล้วทั้งนั้น
แบบนี้เรียกว่าตรัสรู้เองไม่ได้หรอก


;aa24

 

คุณศรีฯ​

บาปแต่ดั้งเดิมนั้นเกิดเพราะความหลงโดนอวิชชาครอบง่ำ​

คือความรู้ผิดจากความเป็นจริง​

รู้ถูกไม่หลง รู้ผิดจึงหลง​

ใครดีใครชั่วกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา​

;aa24​

<!-- / message --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>

​

 

พระพุทธองค์ท่านทรงมีครูบาอาจารย์มั้ย?

ในขณะที่ตรัสรู้ไม่มี ไม่มีครูบาอาจารย์
แต่ก่อนหน้าที่จะตรัสรู้มี ครูบาอาจารย์

 

คุณธรรมภูตในขณะที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้ถ้ามีครูบาอาจารย์ก็ให้ท่านตรัสรู้แทนพระพุทธเจ้าซิครับ

แต่ความจริงก็ครูบาอาจารย์ของพุทธเจ้ายังไม่ได้ตรัสรู้

แล้วจะไปเอาธรรมะที่ลึกซึ้งที่ไหนมาสอนพระองค์

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิมุตติ, sriaraya5 </TD></TR></TBODY></TABLE>

วันหยุดไม่ไปพักผ่อนที่ไหนหรือครับ ท่านสี
อย่าหมกหมุ่นกับธรรมมากเกินไปล่ะ...

 

ในสิ่งไม่เที่ยงว่าเที่ยง
ในทุกข์ว่าสุข
ในสิ่งมิใช่ตนว่าตน
ในสิ่งไม่งามว่างาม

พักผ่อนที่ไหนหรือครับคุณวิมุตติ​

 

มันจะคนละทางกับที่ พระพุทธองค์ หรือ ครูบาอาจารย์
ทรงตรัส หรือ กล่าวไว้ ได้อย่างไร

ผมปฏิบัติเข้าไป ก็เจอเข้าจัง ๆ
เหมือนกับที่พระพุทธองค์ หรือ ครูบาอาจารย์
ทรงตรัส หรือ กล่าวไว้ ทั้งนั้น

ที่คนละทางกับ พระพุทธองค์ หรือ ครูบาอาจารย์
น่ะ เป็นคุณ ไม่ใช่ ผม

คุณไปอ่านปริยัติ มันก็ได้แต่ความจำ ไม่ใช่ความจริง
อ่านไป อ่านไป ก็คอยด้นเดาไป ว่าเห็นจะเป็นอย่างนั้น เห็นจะเป็นอย่างนี้
ผิดไปเรื่อย

คุณเร่งปฏิบัติให้ก้าวหน้าเถอะ
อย่ามัวมาถกมาเถียงกับคนนั้นคนนี้อยู่เลย
ไม่มีประโยชน์หรอก

เอาให้รู้เองเห็นเอง ก็หมดคำถาม ก็เท่านั้น
ถามไปตอนนี้ก็งงไปเท่านั้น
เพราะธรรมะของพระพุทธองค์
รู้ตามได้ยากนะ

 

ชอบที่ไหน ก็ไปที่นั่น นั่นแหล่ะครับ
หรือที่คนนิยมเรียกว่า ไปที่ชอบที่ชอบ ไงครับ หุๆๆๆ

 

ไม่เด๋วหรอกครับ เริ่มเบื่อแล้ว แต่ยัง11โมง เป็นพักๆ
ถ้าให้แต่งงาน ไม่เอาเด็ดขาด วุ่นวายมากๆ
มองเด็กๆ ถ้าไม่ประมาท ก็ได้ประโยชน์
มองผู้มีอายุ จะประมาทหรือไม่ประมาท ยิ่งได้ประโยชน์มากกว่า