สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ก็นั่นไง ทำไมถึงแบ่ง 84000 พระธรรมขันธ์

พระธรรมขันธ์ เหล่านั้น คือ จริตๆแต่ละอย่างใช่ไหม

ไหน สุดโต่งไปแบ่งนิกาย คิดไปได้อย่างไร

 

ไหนว่าให้ตามรู้ดูไป ตอนนี้ตรึกธรรม เป็นเรื่องธรรมดาแล้วใช่ป่าว
แต่ที่สำคัญ ต้องแยกให้ได้นะ ระหว่าง ตรึกธรรม กับ ฟุ้งธรรม
ทุกอย่างมันเกิดแต่เหตุและปัจจัยด้วยกันทั้งนั้น
ต่างกันตรงที่ มีสติปัญญาเข้าไปร่วมแค่ไหน
กุศล อกุศล ดึงรั้งกันไป ถ้ายังไม่เข้าที่เข้าทาง ก็ไม่ควรประมาท
ถ้ายังไม่เห็นแจ้ง ก็อย่าเที่ยวสอนอะไรที่เกินตัวด้วยการอนุมานเอา...

 

อ้าว เถียงแบบนี้ มันเข้าท่าไหมนั่น

พระไตรปิฎก เนื้อหา 84000 พระธรรมขันธ์ เป็น หนึ่งเดียว
แต่ ธรรมของคุณไม่เป็นหนึ่ง

 

555 งาน อ ขันธ์ ดูท่าทางจะหนักกว่าผมอีกนะ 555

 

เรากล่าวตามที่เราเห็น เราเพียงแต่หัด สังเกต ตัวเอง ให้มากขึ้น ตามวิธีของเรา
คนที่เข้าใจในสิ่งที่เราพูด คือคุณนิวรณ์ เขารู้ว่า เราทำอะไร เพื่ออะไร

เหมือนคุณเอง พูดอย่างหนึ่ง แต่มีคนอื่นเข้าใจไปอีกอย่างหนึ่ง ก็มีแต่คุณที่รู้ว่า ตนเองพูดถึงอะไร และคนอื่นพูดถึงอะไร มีความหมายตรงกัน หรือต่างกัน

 

คำตอบของคุณ ผมเข้าใจ
ต่างคนต่างความคิด แนวทาง การพูดใช้ภาษา

วันก่อน ณ ห้องพักอาจารย์ มีการพูดคุยกันถึงเหตุการณ์หนึ่ง มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง ลืมของไว้ในห้องเรียน พอกลับมาเอา ห้องถูกล็อกไว้แล้ว นักศึกษาจึงทำลายประตูเข้าไปเอาของที่ลืมไว้ แล้วโทรบอกแม่ให้ส่งคนมาจัดการซ่อมประตู
เหตุผลที่ทำลายประตู คือ ลืมของ ต้องไปเอา
เอ่อ เด็กมันก็มีเหตุผลของมัน
เอ่อ เด็กมันก็มีแนวคิดของมัน
ที่ทำแบบนั้น ก็ถูกในความคิดของเด็ก
อาจารย์คงจะไม่เข้าใจ แต่เพื่อนๆนิสัยแบบเดียวกัน คงจะเข้าใจได้...

 

ถ้าคุณเข้าใจเรื่อง เด็กพิเศษ ที่มีความคิดพิเศษจริงๆนะ คุณจะประหลาดใจกว่านี้ ว่ามันคิดของมันไปได้ยังไง

 

แนวทางการพูด การใช้ภาษานั้นไม่สำคัญเลย หากว่า มาทางที่ถูกต้องเหมือนกัน
มันต้อง เรียนรุ้ ศึกษา ไม่ใช่ปิดกั้น
ผมให้หลักธรรมเอาไว้อย่างหนึ่ง คือ ธรรมอันใดปิดกั้น ต้องปิดกั้นอกุศล
ธรรมอันใดเปิด ต้องเปิดทางกุศล

แต่ถ้าธรรมอันใดปิดกั้น ทางกุศล ธรรมอันใดเปิดทางอกุศล ธรรมนั้นไม่ใช่ธรรม
เทียบดูให้ทุกเรื่องที่ คุณมีอยู่ในใจ ในหัว ในสัญญา แล้วทิ้งธรรมที่ไม่ใช่ธรรมให้หมด

 

กินน้ำโนนิดีกว่า...

 

กรั่ก กรั่ก กรั่ก

ท่าน ขัน จุ๊ก กรู

อ๊วก แตก ออก มา แล้ว ก็ โกย กิน อย่าง ทัน ท่วง ที

 

ไปถึงไหนแล้ว

 

คุณยังอยู่ที่ประเด็นเล็กๆ
ที่ผมพูด คือภาพรวม

 

คุณ นิวรณ์ ผมจะต้องไปรู้ทำไม ว่าคนพิเศษของเขาหมายถึงใคร
ประเด็นคือ อะไร คุณจับประเด็นหน่อย

 

จิ้ม ก้น ซะ หนึ่ง ที

ไม่ พูด ตรง ตรง ซะ หนึ่ง ที

จะ ได้ ไม่ ต้อง พูด อ้อม อ้อม หลาย หลาย ที

 

พูดถึง คนที่อยู่ในวงการศึกษา อย่างคุณหัตถ์ มีโอกาสได้สัมผัสเด็กนักเรียน นักศึกษา หลายๆประเภท อาจได้เจอเด็กที่มีความคิดพิศดาร บ้างก็ได้ ก็เลยให้ข้อสังเกตเขาไปว่า เด็กพิเศษ มีได้ทุกที่ เด็กที่ก้าวร้าว มากๆ บางทีก็มีความคิดสร้างสรรค์แปลกๆ และถ้าเข้าใจเด็กพวกนี้ได้ ก็จะช่วยเด็กพวกนี้ให้เข้าใจตนเอง และอาจมีประโยชน์ต่อสังคมได้

 

มันไม่ได้เกี่ยวกับการก้าวล่วงเลย

ผมจะยกอะไรให้คุณดูในกระทู้นี้นะ

คุณขวัญพูด ในเรื่อง การทำตัวดังพระอรหันต์ เรื่องนี้ก็เข้าใจกันว่าหมายถึงใคร
แต่ ก็ไม่เอ่ยมาพูด ผมก็พูดให้
ในส่วน กระทู้ เรื่องเด็กวิเศษ อะไรนั้น ตัวคุณขวัญเองก็ หยิบบทความสอดแทรกความเห็นตน แม้จะกระทบใครก็ตามมันไม่สำคัญ
มันสำคัญ ที่พูดในสิ่งที่ไม่ใช่ธรรม ซึ่งผม ก็เอาธรรมที่ตัวคุณขวัญบอกกับคนอื่นว่า คนเราคิดไปตามความคิดตน นั่นแหละบอกว่า เช่นเดียวกัน
แต่ก่อนหน้านี้ คุณขวัญพูดจาไปเรื่อยเปื่อย เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร มันไม่ใช่เฉพาะเดี๋ยวนี้

คุณนิวรร์ คุณไปเป็นใจคุณ ขวัญตั้งแต่เมื่อไร จึงได้ออกมาบอกว่า คุณขวัญเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
รู้จิตรุ้เจตนาเขาตั้งแต่เมื่อไรมิทราบ

 

ไม่เห็นจะเข้าใจยากนี่ครับ

ก็แค่สนทนากัน อย่ากังวลนักเลย

ถ้ากลัวกรรมมาก ก็หยุดเล่นเสียเลยดีกว่ามั๊ง...

 

อะไรของคู๊น
ปิดกิเลส นี่มันปิดไม่มิดนะ
เอาเรื่องเด็ก มา กลบทำไม

 

พิจารณากาย หรือกิเลสที่เรียกว่ารูปราคะ ^-^

 

เด็กหรือคนที่เป็นประเภทคนส่วนน้อย ของสังคม ไม่เหมือนคนอื่น เป็นเหตุให้คนอื่นมองพวกเขาเป็น คนประหลาด ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นปมด้อย เพียงเพราะเขาเห็นและมองโลก ไม่เหมือนคนอื่น ถ้าเราสังเกตและให้โอกาสทำความเข้าใจ สิ่งที่คนพิเศษพวกนี้มีนั้น อาจจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้

สิ่งที่เรานึกไม่ถึงในโลกนี้มีมากมายนัก
อย่างเช่น เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น LD หรืออ่านเขียนบกพร่อง คนสมัยก่อน ก็ไม่รู้ หมอก็ไม่รู้
ว่า เด็กนั้น มองเห็นไม่เหมือนเรา เช่น เห็น d เป็น b เพราะ สมองส่งสัญาณผิด เด็กก็ตอบผิด จำผิด คนอื่นเห็นอย่างหนึ่ง แต่พวกเขาเห็นอย่างหนึ่ง ก็เรียนรู้กันไม่ได้อย่างเด็กปกติ ครูก็จะบอกว่า เด็กพวกนี้โง่ ปัญญาทึบ เรียนหนังสือไม่จำ หรือจำแต่ผิดๆ แต่สมัยนี้หมอและครู จะมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเด็กพิเศษมากขึ้น เพราะวิจัยมานาน จนรู้ว่าเด็กพวกนี้มีสมองซีกขวา ที่เกี่ยวกับภาพและความคิดสรรค์ทำงานมากกว่าสมองซีกซ้าย ที่ทำงานเกี่ยวกับอ่านเขียน ตัวอักษร ความจำ คำนวณ

คุณหัตถ์เป็นครู รู้เรื่องพวกนี้บ้างไหม ตามสถิติในประเทศไทยมีกลุ่มนี้ 5-10%