สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    ขอแทรกหน่อยนะครับ

    เรื่องความโกรธ คุณห้าคงศึกษามาน้อย จึงไม่ทราบว่า ต้องพระอนาคามีจึงจะละได้เด็ดขาด เป็นสมุจเฉท
    ดังนั้นจะสรุปว่า ถ้ายังโกรธอยู่ แปลว่า ไม่รู้ธรรมเห็นธรรม แบบนี้ไม่ถูกต้อง นับว่ามีทัสนะที่คับแคบมาก!

    ส่วนเรื่องมีเรามีเขา มันเป็นเรื่องธรรมดาในการสนทนา แม้แต่พระพุทธเจ้า เวลาแสดงธรรม ก็มีการเอ่ยอ้างคำว่า เราตถาคต เธอ(สาวกทั้งหลาย) อยู่บ่อยๆ
    นี่เรียกว่า สมมติสัจจะ เป็นความจริงที่ใช้กันในสมมติ เพื่อสื่อความหมายให้เข้าใจ ตามที่ตกลงกัน หรือ บัญญัติกันไว้
    ความจริงอีกส่วนหนึ่งเรียกว่า ปรมัติสัจจะ จะเน้นการกล่าวถึง จิต เจตสิก รูป นาม ขันธ์ อายตนะ ธาตุ โดยหลีกเลี่ยงการเอ่ยถึงตัวตนบุคคลเราเขา แต่ก็ยังต้องอาศัยภาษาสมมติอยู่ดี

    คุณห้าต้องศึกษาให้มากกว่านี้ ฉลาดกว่านี้เมื่อไหร่ ค่อยออกมาผยอง ถ้ายังโง่อยู่ ควรเจียมเนื้อเจียมตัว แล้วภาวนาให้มาก...
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ ห่า ก็ผมบอกแล้วไงครับว่า

    คนโกรธ ดีกว่า คนโง่ ครับ
     
  3. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    การถอนที่ถูกต้องของคุณ
    ต้องไปถอนต้นไม้เหรอ ถึงจะถูกต้อง
    เพราะต้นไม้มีอยู่มากมาย อยู่ข้างนอก ไม่แคบ แต่กว้าง
    ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปถอนตนไม้สิ โลกนี้จะได้ไม่มีอัตตาเหลืออยู่
    เพราะทุกคนต่างถอนอัตตาในตัวตนเสร็จ ก็ไปถอนต้นไม้ต่อ โลกนี้จะได้ไม่มีอัตตา

    เหตุเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น
    เหตุเกิดที่ใจก็ดับที่ใจ

    เมื่อเราไม่ติดเรา
    แล้วเราก็ไม่ติดคนอื่น

    คุณก็ปฏิบัติไปก่อนแล้วกัน
    ให้มันถึงจุดนี้ก่อนเดี๋ยวหายสงสัยเอง
     
  4. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ไม่ไปให้คำแนะนำแกหน่อยหรอ
    เพื่อจะช่วยสร้างพละจิตให้แกได้นะ
    ไม่มากก็น้อยล่ะตามวาสนานิสัย ตามภูมิส่งและภูมิรับ ลองอ่านกระทู้นี้ดู

    [​IMG] <!-- end thumb //-->
    การผจญภัยของ กระเทยปฏิบัติธรรม
    ประสบการณ์เรื่องเล่าจาก สมาชิก
     
  5. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    อย่าผูกขาดจองขาดในธรรมะทั้งปวง

    เดี๋ยวหมู่จะไม่มาแว เปิดใจให้กว้าง
    อย่าทำเป็นคนจิตใจคับแคบ

    ตระหนี่ในธรรมะ ซึ่งไม่ใช่ประเพณีที่พระอริยะเจ้าเบื้องสูงเค้าประพฤษปฏิบัติ.
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณเป็นพระอริยเจ้าแล้วหรือ จึงรู้ว่าประเพรีพระอริยะเข้าดำเนินอย่างไร
    ตัวเอง มุสามาตลอด เตือนไม่ได้ ตนเองก็ไม่ยอมรับ แบบนี้ยังไม่เรียกว่า คับแคบหรอกหรือ
     
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ***อาจานเกสท์ คุณกับผมสงสัยคงเป็นหนังชีวิตเรื่องยาวซะแล้วซิ
    เริ่มเรื่องแรกก่อนเลย คำว่า
     
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192


    ***อาจานเกสท์ คุณถามว่าผมพอใจมั้ย?
    มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความพอใจหรือไม่พอใจหรอก
    ถ้าการศึกษาพุทธศาสนาต้องขึ้นอยู่กับความพอใจหรือไม่พอใจแล้วละก้อ
    สู้ไปเรียนวิธีทำอาหารกินยังจะดีกว่ามั๊ง ได้อิ่มท้องด้วย
    พระพุทธศาสนานั้นขึ้นอยู่กับการปฏิบัติให้รู้เห็นตามความเป็นจริง(อริยสัจจ๔)

    สรุป ใช่จิตเห็นรูป-นาม เกิด-ดับมั้ย?
    เมื่อเห็นการเกิด-ดับแล้วไม่ใช่ไตรลักษณ์จะให้เรียกว่าอะไร?
    เมื่อเห็นเกิดดับแล้ว ต้องสอนจิตของเราว่าที่เกิดดับน่ะ เป็นอนัตตา นะ
    ใครกันที่เห็นการเกิด-ดับ? ใครกันที่สอนจิต?

    อาจานเกสท์เอาอะไรมาพูดว่า
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เอาประวัติครูบาอาจารย์มาให้อ่านกันครับ

    พระอาจารย์จวนได้เริ่มฝึกหัดสวดมนต์ ไหว้พระ และทำวัตร
    ตลอดจนนั่งสมาธิบริกรรม พุทโธ พุทโธ พุทโธ
    จนกระทั่งปรากฏว่า จิตของท่านในขณะนั้นรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับอารมณ์

    จิตกับกายแยกกันไม่เหมือนกัน "จิตอยู่เฉพาะจิต" " กายอยู่เฉพาะกาย" เวทนาใดก็ไม่มีปรากฏเลย
    ท่านพระอาจารย์จวนเล่าว่า เวลานั้นก็ไม่รู้จักอะไรลึกซึ้ง เพราะว่าหัดเอง ทำเอง ตามลำพังแต่เพียงคนเดียว
    ไม่มีผู้รู้ผู้ใดมาสอนให้ก้าวหน้าขึ้น ก็ได้แต่รู้สึกว่า


    เมื่อได้นั่งสมาธิแล้วก็สบายดี กายเบา จิตขาวนิ่มนวลผ่องใส เหมือนนั่งนอนอยู่บนอากาศอันนิ่มนวล ทำให้จิตใจดูดดื่มมาก
    นึกอยากจะภาวนาอยู่เสมอ ๆ วันใดถ้าจิตใจไม่สบายเป็นต้องเข้าที่นั่งภาวนาให้จิตสงบอยู่เสมอ ๆ

    ท่านพระอาจารย์จวนได้ฝึกหัดปฏิบัติภาวนาพุทโธตามแบบฉบับในหนังสือ ไตรสรณาคมน์ ของท่านพระอาจารย์สิงห์นี้
    จนกระทั่งท่านเรียนจบ และออกมาช่วยครอบครัวประกอบอาชีพแล้ว
    ท่านก็ยังได้ฝึกหัดปฏิบัติอยู่เช่นนั้น


    อ่านต่อที่นี่ครับ


    ;aa24
     
  10. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ผมเคยเตือนสติคุณอยู่เสมอว่า

    ภูมิธรรมต่ำกว่า ไปอ่านภูมิจิตที่สูงกว่าตนไม่ได้
    ถึงรู้ก็ไปไม่ถึงไหนจอด .
     
  11. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    คุณ haha4959 ถ้าโง่แล้วเค้าขยัน

    ก็อันตรายสำหรับคุณขันธ์นะครับ

    เพราะคนอย่างคุณ haha4959 นี่แหละจะสำเร็จมรรคผลก่อนคุณ เค้ามองเห็นความมืดสีขาวจุดเล็กเท่าปลายเข็มของคุณขันธ์ . อย่างที่ผมเห็น

    อัสมิมานะในตัวคุณขันธ์ คนที่ภูมิจิตต่ำกว่าคุณขันธ์เค้าจะไม่เห็น ต้องคนที่ภูมิธรรมสูงกว่าคุณจึงจะสอนคุณได้
    ไม่งั้นกิเลสมันฟูไม่ยอมลง

    อัสมิมานะ หมายถึง ความถือตัวว่าเป็นเรา ความถือเขาถือเรา จัดเป็นกิเลสอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเราเกิดความหยิ่งผยองตน หรือเกิดความหดหู่ท้อแท้ เป็นตัวขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของคน

    อัสมิมานะ มี ๓ อย่าง คือ

    ๑. ถือตัวว่าเด่นกว่าคนอื่น อันเป็นเหตุให้ยกตนข่มท่าน ทระนงตน ดูถูกคนอื่น

    ๒. ถือตัวว่าด้อยกว่าคนอื่น อันเป็นเหตุให้ดูถูกตัวเอง เกิดความท้อแท้ ไม่คิดต่อสู้ยอมแพ้ต่อชะตากรรม

    ๓. ถือตัวว่าเสมอกับคนอื่น อันเป็นเหตุให้ไม่ยอมคนอื่น หยิ่งยะโส ยึดถือตัวเป็นใหญ่ <!--MsgFile=0-->
     
  12. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    คุณยังไม่เคยเห็นการเกิดดับของขันธ์
    จึงไม่เข้าใจ ก็เป็นธรรมดาของผู้ที่ยังปฏิบัติไม่ถึง
    จิตเห็นอาการเกิดดับนี่นะจะบอกให้
    จะเห็นด้วยการมีสติเฉย ๆ มีแต่สติ ปัญญายังไม่ก้าวเดิน
    วิธีการเดินปัญญา เมื่อเห็นการเกิดดับแล้ว จึงพิจารณาว่าการเกิดดับเป็นอนัตตา
    เมื่อปัญญาพิจารณาจิตจะรับรู้ แล้วค่อย ๆ ปล่อยวางการยึดถือ
    นี่คือภาคปฏิบัติเป็นอย่างนี้
    ภาคปริยัติอย่างที่คุณกล่าว
    เมื่ออ่านมาก็ได้แต่ด้นเดาไปเรื่อยอย่างนี้นี่ล่ะ
    ด้นเดาให้ตายก็รู้ไม่ได้หรอกถ้ายังไม่รู้เองเห็นเอง
    จำเอาไว้นะ
    คุณยังไม่เคยเห็นของจริง
    ยังไม่รู้จริงเห็นจริง
    จึงไปเอาตำรามากล่าว
    “หสิตุปปบาท”ที่คุณยกมาเป็นเรื่องของพระอรหันต์
    สิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องของปุถุชนผู้ปฏิบัติ
    เมื่อออกจากอุเบกขา จิตจะถอยมาที่สุข
    คนเราเมื่อสุขมันก็ยิ้มน่ะสิ จะให้ร้องไห้เหรอ
    เมื่ออ่านธรรมต้องมีปัญญาพิจารณาให้ออกเป็นขั้นเป็นตอน
    ว่าขั้นใดภูมิใดที่ผู้ปฏิบัติด้วยกันท่านกล่าวถึง
    ไม่เช่นนั้นก็ขายโง่ตัวเองอยู่ร่ำไป
    จำเอาไว้นะ
    จิตจะทำลายก้อนอัตตาไม่ได้
    สิ่งที่จะช่วยทำลายได้คือ ปัญญา รู้จักมั้ยปัญญา ฆ่ากิเลส
    หากไม่รู้จักก็พึงสังวรไว้ด้วย
    และเครื่องมือของปัญญา ที่จะทำลายอัตตา ก็คือ อนัตตา นั้นล่ะ

    ท่านจึงได้กล่าวว่านิพพานไม่ใช่อัตตา และ อนัตตา
    เพราะอนัตตา มีไว้ แก้ อัตตา
    เมื่อถึงนิพพานก็วางทั้ง อัตตา และ อนัตตา

    คุณปฏิบัติไปก่อนเถอะเมื่อถึงเวลาจะพึงรู้เองเห็นเอง
    เวลากล่าวจะได้ไม่ต้องอ้างตำรานั้นตำรานี้
    หรืออ้างคำกล่าวของพระอรหันต์องค์นั้นองค์นี้
    เพราะการที่คุณหยิบคำของพระอรหันต์ท่านมา
    ไม่ได้ฟังจากปากท่านเอง
    ก็เป็นข้อมูลประเภท secondary data
    เจือไปด้วยอคติของผู้นำมาแสดง
    ดังเช่นคุณที่นำคำกล่าวของท่านมาแสดงอยู่เดี๋ยวนี้

    ใช่มั้ยคุณธรรมภูต นักตัดต่อ
    ตัดต่อเพื่อหาความถูกต้องให้ตนเอง.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2009
  13. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    นี่ก็เพ้อเจ้อไปเรื่อย
    เรื่องไม่มีอะไรมากแต่เขียนได้ซะยาวยืด

    อยากเป็นจานเป็นชามก็เป็นไปเถอะ
    เพ้อเจ้อไปคนเดียวแล้วกัน

    ท่าจะเพี้ยนกว่าเก่า......
     
  14. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ก่อนหน้านั้นที่จะถึงกิเลสนิพพาน
    ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอนก็จะมีฝนนี้เรียกว่าฝนโบกขรพรรษสีเม็ดน้ำฝน แดงเรื่อเหมือนแก้วทับทิม
    ผู้ใดปรารถนาให้เปียกก็เปียกผู้ไม่ปรารถนาแม้ละอองก็ไม่สัมผัสผิวกายตกกระทบกายแต่ไม่เปียกแต่ก่อให้เกิดความชุ่มชื่นเย็นของสายฝนที่ผัสผัสผิวกาย
    เป็นอยู่อย่างนี้นานทีเดียวนอนหลับเป็นเห็นเทพเทวาพากันมารดน้ำสังข์ประกอบกับเห็นนิมิตรูปเจดีย์สีขาวล้อมรอบไปด้วยไม้กางเขน มีอักษรจารึกเป็นคำว่าเจดีย์พระคุณแม่
    จนวันที่ผมทิ้งสำนักเดินทางไปหาวิเวกที่วัดป่าเขาเจริญธรรมผมก็ขึ้นไปอยู่บนยอดเขาตั้งสัจจะไม่ทานข้าวทานแต่น้ำ เร่งความเพียนเพื่อเผากิเลสให้หมดในชาตินี้ แต่ก็มีเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่ผมลงมาปักกลดข้างล้างกุฏิ
    ผมก็นอนภาวนาจนหลับดิ่งลึกมาตื่นเอาตอนหูได้ยินเสียงปีกนกตีกับอะไรก็ไม่ทราบเสียงปีกของนกตีถี่มาก
    จนผมต้องถอนจิตออกจากฌาน ลืมตาขึ้นดูก็เห็นนกกางเขนคู่หนึ่งบินลงมาจิกตีงูสิงที่เลื่อยมาทางกลดที่ผมปักอยู่
    พอนกกางเขนเห็นว่าผมตื่นแล้วผมก็เข้าใจทันที่ว่านกกางเขนเค้ามาให้ความคุ้มครองเราในขณะที่นอนภาวนา ผมได้บอกขอบใจนกกางเขนที่เขามาปกป้องเราไม่ให้ได้รับอันตรายจากงูสิงตัวใหญ่และผมก็ใช้ด้ามกลดเขี่ยงูให้ออกพ้นทางจนมันเลื่อนเข้าไปในป่า
    ผมมารู้ทีหลังว่าผมไปปักกลดปิดทางเข้ารูของงูสิงตัวใหญ่
    พ้นเรื่องงูไปผมก็มาพบเห็นวิญญาณจากนักซิ่งมอเตอร์ไซด์ตายคารถญาติก็เอามาฝากไว้ที่วัดผมก็ลงไปชักอนิจจา
    เวลา 2 ทุ่มก่อนเดินจากซากมอเตอร์ไซด์ก็เกิดวิตกว่าไม่มีชิ้นดีอย่างนี้ใครจะขับไปได้
    กลางดึกสะงัดในฝันได้ยินเสียงวัยรุ่นมาตะโกนเรียกหน้ากุฏิ หลวงพี่ ๆไปขี่มอเตอร์ไซด์เล่นกัน
    ผมก็ออกมาจากกุฏิอ้าวมอเตอร์ไซด์มันพังไปแล้วทำไมมันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ละ
    วิญญาณก็บอกว่าคนที่ตายแล้วสามารถรวบรวมสสานและพลังงานที่อยู่รอบๆตัวเป็นวัตถุต่างๆได้อย่างสบายแล้วผมกับวิญญาณก็นั่งรถไปเที่ยวพอมีบ้านขวางอยู่ข้างหน้าผีก็ไม่หลบพระก็ซ้อนท้ายไปพอสมควรชนจะๆ กันเห็นๆ
    ก็กลายเป็นความว่างเปล่าขับไปแหวไปไม่มีสิ่งกรีดขวางหวาดเสียวไปหมด
    จนขับมาส่งที่หน้ากุฏิแล้วหมุ่นนักบิดเมืองผีก็กล่าวอำลาจากไป
    หลังจากที่ผีนักซิ่งหายลับตาไปแล้วก็สะดุ้งตื่นลุกออกมาเข้าทางจงกลมต่อ
    เดินไปก็พิจารณาธรรมะ ไปจนเป็นเช้าวันใหม่ ก็ไปวางดอกไม้จันทน์ให้ผีนักซิ่ง
    และก็ร่วมเผาจนเก็บกระดูกและก็ขึ้นเขาไปปฏิบัติธรรมต่อแต่คืนนี้ว่าจะไม่เดินเอาแค่นั่งสมาธิกับนอนภาวนาเท่านั้น คืนนี้ได้รับคำตักเตือนจากจ้าวป่าเจ้าเขามาให้ปัญญา ท่าน ๆ การอดนอนผ่อนอาหารเอาแค่พอดี
    อย่าทำให้มันเกินเลย พุทธเจ้าในอดีตก็ไม่กิเลสนิพพานด้วยการอดอาหาร สังขารต้องการอาหาร
    แม้แต่ผมก็ยังมีอาหารทิพย์ทานส่วนท่านนั้นไม่พักผ่อนก็ไม่เป็นไรแต่ร่างกายต้องการอาหาร
    การภวนามันจึงจะเป็นไปในมรรคผลเสียงเจ้าป่าท่านนี้ดังมาจากแท่นศิลาอาสน์นั่งคู่กับมเหสีแต่งองค์ด้วยชุดกษัตริย์โบราณกำลังเสวยอาหารทิพย์อยู่บนฟ้าสวรรค์ที่แหวกเป็นชั้นๆ ฟ้ามองมาที่โลกมนุษย์ บอกให้สติพระอยู่
    เมื่อตนพิจารณาตามก็เห็นว่ากำลังตกอยู่ในความประมาทตามคำบอกของบัณฑิตทางธรรม
    ก็ละความเพียรอันทำให้ตนลำบากเปล่า
    ลงจากเขาไปหามะกูดเชื่อมทานเพื่อให้ร่างกายได้มีกำลังกลับคืนมา
    และก็ลงจงกลมต่อในขณะที่เดินไปก็คิดไปว่า อภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ในครั้งพุทธกาลพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสด็จไปโปรดพุทธมารดา ได้ยกพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์เพื่อตอบแทนพระคุณของมารดา
    ผมก็ได้เอามาย่นย่อลงเหลือแค่การเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสัจจะปรมัตถ์แล้วไม่มี เหตุเพราะความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นมนุษย์

    สัตว์สิ่งของมันจึงผิดจากวิมุติที่พ้นสมมุติบัญญัติ
    เมื่อปัญญาญาณสามารถแยกสมมุติบัญญัติจริงตามสมมุติ วิมุติตามจริงวิมุติออกจากกัน
    เป็นเอกเทศก็ลงจากทางจงกลมเดินขึ้นกุฏินั่งภาวนาจนได้นิมิตในระนาบเดียวกันกับผู้มีความบริสุทธิ์หลุดพ้นไปแล้วก่อนหน้าพระเสียงหัวเราะกับคำแสดงความชื่นชม
    ดังเข้ามาในกุฏิ หุหุหุพระอมิตาภะรูปนี้นั่งตรัสรู้ไม่เหมือนใครและมีเสียงกำชับว่ารู้รึยังว่าท่านเป็นใคร
    ผมรู้สึกได้ถึงเสียงที่ตั้งคำถามเสียงที่ทรงอำนาจนั้นผมตอบว่าไม่รู้ครับ เสียงนั้นก็นำทางกระแสจิตอีกว่า ระลึกดี ๆว่าท่านเป็นใคร

    ผมพยายามระลึกชาติจนทำใจให้นิ่งได้แล้วก็มองเห็นภาพเบื้องหน้าเป็นพระเยซูคริสต์
    แขวนบนไม้กางเขน การเห็นเห็นเป็นภาพ 3 มิติ มีรูปที่ตรึงกับไม้กางเขนกับภาพนั่งคุกเข่าลงบนก้อนหินสวดภาวนาและภาพยืนภาวนา ส่วนภายไต้ไม้กางเขนลงมามีลูกแกะแยกออกจากความมืดและก็มีเสียงกำกับว่า
    รู้ภพชาติของตนแล้วซินะผมตอบว่าทราบแล้วครับว่าผมเป็นพระเยซูคริสต์กลับมาเกิด
    และพร้อมกับคำเชิญชวนให้ออกมาข้างนอกจะพาไปดูของดีและผมก็เดินลงมาหาเจ้าของเสียงที่ทรงพลังทันใดนั้นผ้าม่านที่มีคนหามเกี้ยวก็เปิดออกให้เห็นใบหน้า ที่แท้เกี้ยวหามหลวงปู่มั่นภูริทัตโตท่านเรียกให้เข้าไปนั่งกับท่านพอท่านพูดจบตัวผมก็เข้าไปนั่งในเกี้ยวหามพร้อมท่านพระอาจารย์มั่นคนหามเกี้ยวก็ทะยานออกจากป่าเดินเหินอากาศจนมาลงที่อำเภอหนองไผ่และท่านอาจารย์มั่นกับผมก็ลงจากเกี้ยวและท่านก็ชี้ให้พระดู
    ขุมทองคำอยู่ไต้พสุธาเป็นทองคำทั้งสิ้นดูแล้วก็ไม่ได้เกิดความโลภขึ้นมาเลยและท่านก็พาเดินดูทรัพย์ไต้ดินจนได้เวลากลับท่านก็บอกให้คนหามเกี้ยวพระไปส่งพระที่กุฎิและท่านก็ลาจากไปพร้อมกับคนหามเกี้ยวพระ
    เมื่อท่านอาจารย์มั่นจากไปไม่นานก็มองเห็นพระเดินออกมาจากทะเลทรายแล้วท่านก็บอกว่า
    ผมพระพระมหากัสสปะทราบว่าท่านพ้นทุกข์เข้าถึงแดนอำมตะแล้วก็เลยนำเอาพระอบทองคำที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุมามอบให้ท่านเก็บรักษาก่อนผมจะกลับไบในทีที่ผมมาผมก็จะมอบหนังเท้าของผมให้ท่านไป
    ผมมาพบความหมายของหนังเท้าท่านไม่ยึดติดตัวอักษรคัมภีร์
    แต่ก็ไม่ทิ้งตัวอักษรคัมภีร์
    อยู่เหนือการยอมรับ และเหนือการปฏิเสธ
    นั่นแหละ คือ ธรรมะที่แท้จริงและพระพระมหากัสสปะก็เดินทางเข้าทะเลทรายห่างออกไป ๆจนลับตาผมละ สังโยขน์เบื้องสูง ๕ อย่าง

    ได้แก่ ๖ . รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต
    ๗. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม
    ๘. มานะ ความถือตนว่าตนเป็นนั่นเป็นนี่
    ๙. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน
    ๑o.อวิชชา ความไม่รู้จริง
    การตัดสังโยชน์ 10 เป็นพระอรหันต์
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]

    นิวรณ์*, ธรรมะสวนัง
     
  16. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    [​IMG]
     
  17. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">
    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิษณุ12, ธรรมะสวนัง </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
     
  18. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ครั้งหนึ่งนานมาแล้วในจักรวาลของจิต
    กระผมถอดจิตเข้าไปหา ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ในวิมานของท่าน
    พบสามเณรยืนข้างๆท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ พระอาจารย์มั่นท่านแนะนำให้รู้จักครูบาเณร และบอกว่า เณรองค์นี้เป็นพระอรหันต์นะ ท่านพูดจบ ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาท่านโดยอัตโนมัติ ว่าท่านน่ารัก ทำไมฉลาดมากๆ
    สิ้นกิเลสในสภาพเด็กน้อย สภาพที่เห็นโดยรวมท่านเป็นเณรอรหันต์ที่ไม่ถือเนื้อถือตัว เคยรับใช้ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ เช่นไรก็ ไม่ยกตนข่มท่านอาจารย์มั่น ไม่ดีตัวเสมอพระอาจารย์มั่น พระอาจารย์มั่นถามปัญหาเชาว์กระผมว่า ระหว่าง ฆ้อนกับ หนังสติก ท่านจะเลือกอะไร ฆ้อนมีค่า = ๕
    หนังสติก = ๙
    ก็เลยกราบเรียนท่านว่าผมเลือก ฆ้อนครับ ท่านก็ว่าตกลงท่านเลือกฆ้อนแล้วนะ ครับผมเอาฆ้อน ทั้งผมท่านพระอาจารย์มั่นและเณรก็หายไปจากจักรวาลที่พระอาจารย์มั่นจำวัดอยู่ ลำดับเหตุการณ์ ฆ้อน ๕
    รู้แล้วท่านพระอาจารย์มั่น ๕=พระเจ้าห้าพระองค์
    ๙=นวโลกุตตระธรรมทั้ง 9 แยกได้สมาบัติแปด + 1 = นิพพาน(รู้แจ้งโลก)
    [​IMG]

    บรรพชิต ควรพิจารณาเนืองๆ ว่าคุณวิเศษของเรามีอยู่หรือไม่ ที่จะไม่ให้เราเป็นผู้เก้อเขินในเวลา เพื่อนบรรพชิตถามในกาลภายหลัง .
     
  19. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ท่านศรีฯ แสดงว่า ผู้ที่ถอดจิตไปนี่ บรรลุอรหันต์แล้วใช่ไหมครับ ถึงไปพบ หลวงปู่มั่นได้....
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เป็นไงหละครับ คุณ ห่า haha เห็นสนับสนุนกันดีไม่ใช่หรือ
    เริ่มเห็น ฤทธิ์ คนปัญญาอ่อนหรือยัง

    ดีนะที่มันยังไม่เป่ายิ่งฉุบกับพระอาจารย์มั่น
     

แชร์หน้านี้

Loading...