สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไฉนท่านศรีจึงกล่าว พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็น สรณะ เป็นที่พึ่งหละ

    ในเมื่อคำถามก่อน ถามเรื่องกตัญญูกตเวที เป็นของคู่ควรสำหรับนักศึกษา
    ธรรมะของพระพุทธองค์

    ท่านศรีกลับบอกปัดว่าเป็นเรื่องของสาวก แต่ตอนนี้ แม้แต่ตัวท่านเองก็แสดง
    วาจาชัดว่า มีที่พึ่งอันเดียวกันกับสาวก แต่กลับบอกว่า ไม่ต้องกตัญญูสำหรับตัว
    ท่าน

    มาเรื่องภิกษุณอรหันต์มาลองใจท่านผู้ปฏิภาณว่าเป็นโสดาบันเอกพีซี ซึ่งจะต้อง
    ละสักกายทิฏฐิได้แล้ว จะเห็นแล้ว่าไม่มีตัวตน ไม่มีคน ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีใคร
    เป็นเจ้ากองบุญอะไร ไม่มีใครยกอริยทรัพย์ให้ใครได้

    หากรู้สักนิดว่า ภิกษุณีอรหันต์ที่มากอดปล้ำท่านนั้น ไม่มีวันที่จะทำอะไรท่านจริง
    ไม่มีทางที่จะเอาจิตของท่านที่บริสุทธิ์แล้วไปแปดเปื้อนสิ่งโสโครก ดังนั้น วาทะ
    ที่ท่านกล่าวอ้างว่า จะโดนปล้ำทำผัวนั้น เป็นการคิดไปเอง เป็นอาการของคนหลง
    ไปในความคิด มีโมหะมูลจิต

    หลังจากนั้น ก็ยังเห็นว่าตัวเองเป็นตัวเป็นตน เป็นเจ้าของกองบุญ เป็นเจ้าของพรหจรรย์
    อันโลภรักหวงแหนยิ่ง จนกระทั่งลืมว่า อริยะทรัพย์ยกให้กันไม่ได้

    แต่นี้โดนกรรโชกทรัพย์ ก็เหมือนคนถอดผ้าถอดผ่อน เอาตัวรอด ยกกองบุญที่คิด
    ว่าตัวเองมี เพราะเห็นว่าตัวเองเป็นตัวเป็นตน ปรากฏชัดว่า มีสักกายทิฏฐิ แถมยัง
    ลังเลสงสัยทางอันเป็นเรื่องการรักษาสติ แถมยังคิดว่าพรหมจรรย์นั้นเป็นเรื่องของ
    การได้เสียเป็นผัวยึดมั่นถือศีลแบบผิดๆ แทนที่จะดูลงที่ใจที่ไม่อยู่ปรกติที่ฐานของ
    สติตามหลักสติปัฏฐาน จิตส่งออกนอกไปวุ่นวายไปหมด เห็นแต่ทิฏฐิคิดไปเองเป็น
    จำนวนมาก

    การมาพิสูจน์ของภิษุรีอรหันต์ มาทดสอบท่านแล้ว เราเห็นว่าท่านไม่ผ่าน แต่ท่าน
    กลับเห็นว่าเป็นวีรกรรมอันเลิศ อันพึงอ้างอิงได้ ที่เราเห็นว่าไม่ผ่าน เพราะสังโยชน์3
    ไม่เห็นมีตัวไหนพร่องหายไปจากจิตคุณเลย กริยาพนันเชิงแลกบุญไถ่ตัว นั้นล้วนเกิด
    จากสังโยชน์3 ทั้งสิ้น

    ท่านหละเห็นอย่างเราไหม.....

    คงไม่เห็น.......
     
  2. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    นี่ละน้า พระศาสดานึกท้อพระทัยไม่คิดสั่งสอนเวไนยสัตว์
    ก็เพราะพิจารณาดูแล้วธรรมนี้เป็นของอันลึกซึ้ง
    ยากแก่ผู้มีนิสัยกักขฬะจะรู้ได้โดยง่าย แต่อาศัยความกรุณา
    โยโสมนสิการดูแล้ว เมื่อก่อนเราก็มีนิสัยกักขฬะ ก็ยังรู้ธรรมเห็นธรรมได้ ก็เลยตกลงใจที่จะแสดงธรรม .

    และวาสนาและนิสัยส่วนตัว เล่าไปแล้วจะไม่มีใครเชื่อก็ไม่ได้กังวน มาบั่นทอนสุขภาพจิต ข้อเท็จจริงมันก็อยู่ในประสพการณ์ที่เล่ามา ทำได้เท่าที่เล่าหรือแสดงไป เราเปื้องความสงสัยคนที่อ่านแล้วคอยจับผิดไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ มีแต่จะไปสร้างตัวเหตุให้เกิดทุกข์เพิ่มขึ้น
    ถามในเรื่องที่ออกจากกองทุกข์ดีกว่าครับ ไม่ใช่เลี่ยงไม่ตอบ
    ตอบไปก็เกิดภูมิรู้ของท่าน เวลาผมสนทนากับคุณผมก็ต้องลดกำลังความคิดให้อยู่ในระดับประคับประคองไม่ให้คุณ ออกนอก
    กรอบอจินไตย ๔
    ๑.
    พุทธวิสัย
    วิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ใครๆ อย่าคิด
    ถ้าใครคิด เป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า
    ๒.
    ฌาณวิสัย
    วิสัยของผู้ได้ฌาณ หรือ ญาณ แน่ ต้องขออภัย
    ๓.
    กัมมวิบาก
    กรรมและผลกรรม
    ๔.
    โลกจินตา
    คิดเรื่องโลก


    เรื่องที่สำควรถามก่อนที่คุณจะตายจากโลกนี้ไป
    จะกระทำที่สุดแห่งกองทุกข์ได้อย่างไร เอาตัวท่านก่อน
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ ดังนั้น หากพี่ศรีแสดงธรรมไม่ได้โดยง่าย
    เห็นเป็นของยาก ก็ให้ หยิบจับมาแบบตัดแปะนั้นแหละ ดีอยู่แล้ว
    ไม่จำเป็นต้องโดนกระแสยั่วยุ ให้แสดงธรรมอันเป็นส่วนปัจจัตตัง
    ออกมา แสดงออกมาแล้ว มันก็มีที่พร่องให้คนอ่านที่ไม่อาจเข้าใจ
    มิสามารถเข้าใจได้ สุดท้ายท่านก็คิดว่าเขาเป็นบ้าที่บังอาจมาคิด
    เรื่องฌาณวิสัย พุทธวิสัย กัมมวิบาก

    และการยก เรื่องฌาณวิสัย พุทธวิสัย กัมมวิบาก เป็นเรื่องไม่ควรคิด ก็ย่อม
    หมายถึง เป็นเรื่องไม่ควรกล่าวอ้าง หากกล่าวอ้างว่าตนเป็น ก็คือคิด ในขณะ
    ที่คุณคิด คุณไปไล่บอกว่าอย่าฟังที่ฉันกล่าวอ้างนะ ขอให้ฉันกล่าวอ้าง หรือ
    คิดถึงเรื่องพุทธวิสัยนี้ไปเพียงคนเดียว ..... แบบนี้ผมก็จะสวดส่งให้ด้วย ถ้า
    อยู่ใกล้ๆ ก็จะช่วยถวายงานเขย่าขวดยาหากท่านเจ็บป่วยกายหรือใจ

    เอานะ ตอนนี้ก็ตามสบาย ท่านก็แสดงธรรมของท่านไปเถอะ อะไรที่แสดงมา
    ยาวๆ แบบว่า ต้องไปตัดแปะจากพระสูตรมานั้น ผมพอจะสรุปลงสั้นๆได้ ท่าน
    พูดสั้นๆไม่ได้ เห็นเป็นของยาก ก็ยกของยากนั้นให้ ผม กับ ผู้อ่านเขาทำไป
     
  4. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พระเจ้าเหลียงบู๊ตี้ ได้ตรัสถามพระอาจารย์ตั๊กม๊อว่า
    "ตั้งแต่ข้าพเจ้าครองราชย์มา ได้สร้างวัดวาอาราม โบสถ์วิหาร และพระคัมภีร์มากมาย อีกทั้งอนุญาตให้ผู้คนได้บวช โปรยทาน ถวายภัตตาหารเจแด่พระภิกษุสงฆ์ ตลอดจนทะนุบำรุงพระศาสนามากมาย ไม่ทราบว่าจะได้รับกุศลมากน้อยเพียงใด? "
    พระอาจารย์ตั๊กม๊อ ตอบว่า
    "ที่มหาบพิตรบำเพ็ญมาทั้งหมด เป็นเพียงบุญกิริยาทางโลกเท่านั้น ยังมิใช่กุศลแต่อย่างใด"

    การที่ท่านตอบเช่นนั้น ก็เพราะพระเจ้าเหลียงบู๊ตี้มีความเข้าพระทัยผิด ดั่งที่แม้ปัจจุบันผู้คนก็จะคิดว่า "บุญ" และ "กุศล"เป็นอย่างเดียวกัน จึงเรียกสับสนปนเปกันไป
    แท้ที่จริง การให้ทานเงินทอง วัตถุสิ่งของ อาหาร หรือสร้างวัดวาอาราม ฯลฯ เรียกว่า "บุญ" หมายถึง ส่งที่ทำให้ฟูใจทำให้ใจมีปิติอิ่มเอมเท่านั้น ส่วน "กุศล" หมายถึงสิ่งที่จะช่วยขจัดเครื่องกางกั้น ช่วยให้จิตหลุดรอดไปจากสิ่งครอบคลุมห่อหุ้ม"พุทธะจิตธรรมญาณ" ฉะนั้นกุศลที่แท้ คือ ความรู้แจ้งทางจิตใจคือปัญญาอันผ่องแผ้วสมบูรณ์ เป็นความว่าง สงบจากกิเลส

    http://thai.mindcyber.com/modules.ph...tid=230&page=5
     
  5. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พี่ถามน้องนิวรณ์บำเพ็ญสาวกภูมิหรือบำเพ็ญพุทธภูมิ
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ฟังเพลง ก้อนหินละเมอ เล่นๆกัน

    [music]http://www.dseason.com/coolsong/songs/2575.dcs[/music]


    บทจะกล่าวไปตามตำนานเรื่อง ศิลาเปรต

    ศิลาเปรต แท้จริงแล้วเป็นเปรต ที่เป็นเปรตเพราะ สมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน
    หน้าสมัยพระสมณะโคดมสองสมัย มีชายผู้หนึ่ง เข้าบวชในบวรพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติ
    ไปแล้วก็พบความคิดที่ว่า "ธรรมทั้งหลายเป็นของกลาง มีอยู่แล้ว ไม่มีใครเป็นเจ้าของ"

    พอเกิดความคิดดำริได้อย่างนั้น ก็เที่ยวหยิบนู้น หยิบนี้เอาไปใช้ จะข้าวของเครื่องใช้
    บุญ กรรม ธรรม ก็เที่ยวหยิบเอาไปใช้ ตู่เอาไปใช้ว่า ตนพบ ตนเห็น และไม่มีใครเป็น
    เจ้าของใครจะมาอ้างความเป็นเจ้าของไม่ได้ เรียกว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยืนต่อ
    หน้าในสมัยนั้นก็อ้างความเป็นเจ้าของไม่ได้ ทั้งๆที่ยังไม่ปรินิพพาน ก็ถึงกาละว่ายุค
    ของพระพุทธองค์ในสมัยนั้นได้หมดลงแล้ว ทั้งๆที่ยังยืนสงบนิ่งอยู่ต่อหน้า ทั้งสาวก
    ของท่านเองก็ยืนอยู่ตรงหน้า ทั้งพระธรรมคำสั่งสอนที่ได้ชื่อว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ค้นพบยังเผยแผ่อยู่ พระผู้เป็นศิลาเปรตนั้นก็อ้างว่า หมดยุคท่านแล้ว

    หลังจากที่พระท่านนี้ได้มรณะลง ก็เกิดเป็นศิลาเปรต และจะต้องผ่านไปถึง 4 พุทธันดร
    โดยให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาประทับฝ่าพระบาทลงบนศิลาเปรต ศิลาเปรตถึงจะ
    หมดกรรมที่กล่าวตู่เรื่องสมัย และสมบัติอริทรัพย์นั้นว่าเป็นของตน
     
  7. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    กระแสนิพพานที่ท่านตกเป็นอย่างไรกันครับ ^-^
     
  8. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    อีกอย่างผมถามเรื่อง พระโสดาบัน ที่แยกย่อยอีก 3 ประเภท ดูเหมือนว่าท่านยังไม่ตอบ ^-^
     
  9. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ขออนุญาติจูนตรงนี้นิดนึง

    3 รอบ ของคุณสีอานคือ ญาณทั้ง3 ในอริยสัจสี่ จึงเรียกว่า รอบ3 อาการ12

    ส่วนจำนวนรอบของคุณจิน น่าจะหมายถึง รอบตามโลกุตตรภูมิ ซึ่งมีอยู่4

    คงมองต่างมุมกัน ไม่มีอะไร

    เชิญต่อได้เลยครับ...
     
  10. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เป็นละอองธรรมะที่สงบเย็น เหมือนฝนตก
    ถูกต้องเนื้อตัวก็ไม่เปียกจิตก็เบากายเบา
    แบบไม่มีตัวตนจิตกับกายแยกกันคนละส่วน ทาน ศีล ภาวนาที่เคยทำมาในอดีตจิตรวมใหญ่ในปัจจุปันรวมเป็นจิตหนึ่ง พุทธะเกิดขณะนี้เอง
    แล้วจะเกิดญาณหยั้งรู้ว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
    เอาเป็นว่าธรรมจักรหนุมฆ่ากิเลสจะไม่หยุดหนุน
    ถ้ากิเลสไม่ตายไปจากหัวใจ
     
  11. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    เท่าที่ตามอ่านมา ผมล่ะงงกับท่านสีอานจริงๆ

    เดิมที่ก็แสดงออกว่า เป็นพระศรีอารย์
    ต่อมาก็ดูเหมือนจะกลายเป็น พระโพธิสัตว์
    ไปๆมาๆก็ดูเหมือนจะกลายเป็น พระอรหันต์
    และล่าสุด กลายเป็นว่าเพียงตกกระแส เป็นพระโสดาบัน แบบที่เรียกว่า เอกพีซี

    แล้วข้อความล่าสุดที่อ้างอิงนี้ บอกว่าเกิดญาณหยั่งรู้ว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย

    เอายังไงแน่ครับ ท่านสี ให้มันชัดเจนหน่อย เวลาอ่านจะได้อนุโลมได้ถูก จะได้ทราบว่าท่านมีใบประกาศชนิดไหน...
     
  12. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ขอบคุณครับ ^-^
     
  13. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    จริง แว๊ดก็งง เหมือนกัน
     
  14. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ความสับสน มันออกมาจากใจของคนผู้นั้น

    เพียงแค่นี้ก็ชี้ให้เห็นแล้วว่า ยังไม่มีหลักธรรมในใจอย่างแท้จริง

    สงสารเค้าเนอะ รู้ว่าไม่รู้ ย่อมดีกว่า ไม่รู้ว่าไม่รู้ แล้วดันคิดว่ารู้ หุๆๆๆๆ
     
  15. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ผมได้เรียนให้ทราบแล้ว ผมจะต้องลดภูมิธรรมลง
    เพื่อให้ทันกัน จะได้คุยกันเข้าใจ

    ก็เพื่อนเราไม่ใช่พระอรหันต์นี่ครับ ถ้าทุกคนเป็นพระอรหันต์กันหมดโลก
    ผมนั่งดูดีกว่าจะต้องไปแสดงธรรมให้พระอรหันต์ฟังทำไม

    สู้ไปแนะนำคนที่เค้ายังไม่สำเร็จจะได้เกิดประโยชน์ท่านมากกว่านะครับ
    นี่ก็เห็นต่างก็มาศึกษาหาความรู้ใส่ตัว เพื่อไปฝึกตนพึ่งตนเองกันทั้งนั้น
    นะครับ .
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ผมว่าคุณ เพ้อเจ้อเกินไปแล้วครับ ผมว่าคุณควรไปคุยกับ คนดีโลกลืม หรือ นโมโพธิสัตว์
    นั่นแหละ พอเข้ากันได้

    ผมไม่ต้อนรับ พวกปัญญาอ่อนครับ พูดจาเรื่อยเปื่อยเป็นเด็ก 3 ขวบแบบนี้อย่ามาคุยแถวนี้เลย
     
  17. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    คุณสีอานดูดราก้อนบอลมากไปหรือเปล่าครับ
    มีการลดระดับภูมิธรรมลง ทำหยั่งกะลดพลังลง จะได้ฟิวชั่นกันได้ หุๆๆๆ
    พระอรหันต์อย่างท่านสี ยังแบ่งลำดับชั้นอยู่อีกหรือครับ ฮานาก้า....
     
  18. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ;ปรบมือ
    ผมจะตอบแต่เอกพิชี เป็นพระโสดาบันที่มีปัญญามากฉลาดหลักแหลมคม กว่าในหมู่พระโสดาบันด้วยกัน แต่พระพุทธเจ้าก็ตำหนิว่า พระโสดาบันมีปัญญาน้อย
    มากเมื่อนำมาเทียบกับ พระอริยะเจ้าเบื้องสูงมีพระอนาคามีเป็นต้น เพราะพระโสดาบันเห็นแต่สภาวะดับทีเกิดดับทุกขณะ แต่ยังละโทษะไม่ได้ ซึ่งจะพบว่ากำลังเดินมรรคเพื่อละโทษะ ต่างกับพระอนาคามีเห็นโทษของโทษะก็ละ
    แต่ก็จะไปติดสุขจากฌานและต้องต้อนรับแขกนอกที่จำพวกที่มีกายทิพย์ ทำให้กระทำพระนิพานไม่แจ้ง ดังนี้ .

    นอกนั้นบารมียังอ่อนจะไม่กล่าวถึง
    คุณสามารถไปศึกษาเอาเองได้อีกต่อหนึ่ง .


    ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
    ได้ตรัสเรียกเหล่าภิกษุ มาถาม
    ภิกษุทั้งหลาย ดินในมือตถาคต กับดินที่เป็นของโลกอย่างไหนมีจำนวนมากกว่ากัน พระภิกษุทูลว่า ในมือของพระองค์ มีจำนวนน้อยกว่ามหาปัฏพี

    ดูก่อนเวลานั้นเอง

    พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นตรัสกับเหล่าภิกษุ ว่า

    ดินในมือตถาคต ก็เปรียบได้กับกิเลสของพระโสดาบันก็ยังมีกิเลสน้อยกว่า

    ส่วนที่ไม่ได้อยู่ในกำมือพระตถาคต

    ส่วนดินที่เป็นมหาปัฏพีโลก ก็เท่ากับกิเลสของปุถุชน คนขวางโลก .
     
  19. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ตถาคตทุกองค์ รู้พุทธภูมิ และสาวกภูมิ

    แสดงธรรม ภูมิพระโสดาบัน-ภูมิพระอรหันต์แล้วจากภูมิพระอรหันต์กลับมาภูมิพระโสดาบัน เปรียนได้กับตัวเราขึ้นไปยืนอยู่บนยอดเขาย่อมมองเห็น

    ตั้งแต่เบื้องต่ำขึ้นมาเบื้องสูง และยังย้อนกลับจากสูงไปต่ำได้อย่างสบาย
    ตามกำลังทศพลญาณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2009
  20. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พระพุทธเจ้า ทั้งหลายก็ทรงไว้ซึ่งทศพลญาณ มีอาการเหมือนอย่างเรา ตถาคตนี้ทุกๆ องค์ บุคคลจำพวกใดเข้าใจว่าพระพุทธเจ้า ต่างกันด้วยศีล ด้วยฌาณ ด้วยญาณ ด้วยอิทธิ บุคคล จำพวกนั้นเป็นคนหลง ผู้ที่ได้นามว่าพระพุทธเจ้านั้น ต้องมี ทศพลญาณสำหรับขับขี่เข้าสู่พระนิพพานด้วยกันทุกองค์ จะได้เป็นพระพุทธเจ้าแต่เราพระองค์เดียวนั้นหามิได้ ผู้ใด มีทศพลญาณ ผู้นั้นได้ชื่อว่าพระพุทธเจ้าด้วยกันทุกองค์ ไม่ควรจะมีความสงสัย ญาณ ๑๐ ประการนั้นเป็นเครื่องหมาย ของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่มีญาณ ๑๐ ประการแล้ว จะรู้ดีมีอิทธิ ดำดินบินบนได้อย่างไรๆ ก็ตาม ก็ไม่เรียกว่าพระพุทธเจ้า ถ้ามีญาณ ๑๐ ประการแล้ว จะไม่มีอิทธาศักดานุภาพ อย่างไรก็ตาม ก็ให้เรียกท่านผู้นั้นว่าพระพุทธเจ้า เพราะ ทศพลญาณ ๑๐ ประการเป็นเครื่องหมายของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่มีเครื่องหมายอย่างนี้ ผู้ใดมีฤทธิ์มีเดชขึ้น ก็จะตั้งตัว เป็นพระพุทธเจ้าเต็มบ้านเต็มเมือง ก็จะเป็นทางแห่งความ เสียหายวุ่นวายโลกเท่านั้น ดูกรอานนท์ ทศพลญาณ ๑๐ ประการนั้น เป็นของสำคัญตั้งอยู่สำหรับโลก ไม่มีผู้ใดตั้งแต่ง ขึ้น เป็นแต่เราตถาคตเป็นผู้รู้ผู้เห็นก่อนแล้วยกออกตีแผ่ ให้โลกเห็น พระพุทธเจ้าทั้งหลายบำเพ็ญญาณ ๑๐ ประการ ได้แล้ว ก็ขับขี่เข้าสู่พระนิพพาน เมื่อถึงพระนิพพานแล้ว ก็ปล่อยวางญาณนั้นไว้แก่โลกตามเดิม หาได้เอาตัวตน เอาจิตใจเข้าสู่พระนิพพานด้วยไม่ เอาจิตใจไปได้เพียงนรก และสวรรค์ และพรหมโลกเท่านั้น ส่วนพระนิพพานนั้น ถ้าดับจิตใจไม่ได้แล้วก็ไปไม่ได้ ถ้าเข้าใจว่าจักเอาจิตไป เป็นสุขในพระนิพพานแล้ว ต้องหลงขึ้นไปเป็นอรูปพรหม เป็นแน่

    http://thai.mindcyber.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=271&page=14
     

แชร์หน้านี้

Loading...