โลกคือพระเจ้า...รู้หรือไม่...

ก็ถ้า โลกคือพระเจ้า ตามความหมายของเจ้าของกระทู้

ตอนเราสิ้น เขาก็เอาไปเผา แล้วเอาเท้าไปลอยอังคาร
ตอนนั้นก็ร่างอันวิจิตร ระบบประสาทอันพิศดาร งามดั่งราชรถ
อันเขาตบแต่งไว้อย่างดี มันก็สลายไปอยู่กับโลก ซึ่งคนเขลา
เท่านั้นที่เห็นแบบนี้ สำหรับบัณฑิตผู้รู้แจ้งจะไม่ติดข้องอยู่ด้วย
โลกทัศนแบบนี้

 

ฮ่าๆๆ....งั้นผมขอเป็นลูซิเฟอร์นะ โหดเลวดี ชอบๆๆ

 

......



.........!!!

 

โอ้...เฮลล์บลูบอย...ปีศาจน้ำแดง ถูกใจมากครับ ท่านนิวรณ์ หุหุหุ

 

ทุกสิ่งล้วนเป็นหนึ่งเดียว ปราศจากการแบ่งแยก

เธอชอบโยนความศักดิ์สิทธิ์ไปให้กับสิ่งที่เรียกว่ารูปเคารพ สิ่งที่แทนสวรรค์เบื้องบน
และแผ่นดินโลกเบื้องล่าง
หากวันหนึ่ง รูปเคารพที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมา และคุยกับเธอ เธอจะมองสิ่งนั้นว่าอัศจรรย์
และเหลือเชื่อที่สุด แต่กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว แผ่นดินโลกอ้างว้าง แต่ดินที่เป็นธุลี
และฝุ่นผง กลับมีความงอกงาม และเป็นมนุษย์ขึ้นมา
ชื่อเธอเป็นสิ่งที่ใช้แทนตัวเธอแต่มันกลับไม่ใช่เป็นชื่ออะตอม และโมเลกุลที่ประกอบเป็นตัวเธอ
หากเซลล์ไม่รู้ว่า ไม่รู้ว่ามันจะแบ่งตัวหรือทำงานอย่างไรมันก็ไม่อาจรวมกันเป็นตัวเธอได้ หากอิเล็กตรอน ไม่รู้ว่ามันจะต้องวิ่งรอบนิวเคลียสอย่างไรอะตอมก็จะเป็นอะตอมไม่ได้ หากพลังงานไม่รู้ว่า มันจะรวมตัวกันอย่างไรเพื่อได้เป็นอะตอม มันก็จะเป็นอะตอมไม่ได้

จงจดทุกสิ่งที่เธอรู้ใส่แผ่นกระดาษ มันย่อมได้หลายบรรทัด หลายหน้า หลายเล่มหลายหมวดหมู่

จงดู สิ่งที่อยู่เบื้องหลังการก่อเกิด จงดูว่า สิ่งเหล่านี้บังเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ใครเล่าสร้างมันขึ้นมา

พระเจ้า จึงมีหลายตัว ตน หลายรูป หลายมิติ หลายชาติภพ หลายภูมิภพ

และเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า และเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่ง

พระเจ้าคือทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกสิ่งทุกอย่างก็ประกอบด้วย"ความรู้"

 

วิชชา คือ อะไร?
นั่งสมาธิได้ณาณ เรียกว่า ได้วิชชาไหม
ได้ตาทิพย์ เรียกว่า มีวิชชาไหม

 

เห็นคำว่า จิตตั้งมั่นสงบนิ่ง
แบบนี้ต้องไปทำสมาธิเพิ่มไหม
ข้อวัตรใดที่ช่วยให้จิตตั้งมั่นสงบนิ่ง

 

คุณวิมุตติ น่าจะถามในส่วนที่สงสัย หรือติดขัด มันอาจจะได้ประโยชน์ต่อท่านมากกว่า ^-^

 

โลกไม่ใช่พระเจ้าแต่โลกคือเจ้านายของผม

 

ผมไม่ได้ติดขัดตรงไหน หนทางก็ชัดเจนดี
เห็นท่านเอ่ยวาจาเพียงเล็กน้อย ฟังแล้วมันสั้น ห้วน เกินไป
ถ้าขยายให้ชัดเจน ก็คงได้ปัญญา ได้ประโยชน์กันมากกว่านี้

เช่น ท่านกล่าวว่า ทำวิชชาให้แจ้ง
มันสั้นไป
ไม่เข้าใจว่า ทำยังไง
นั่งสมาธิเฉยๆหรอ
ดูจิตอย่างเดียวหรอ
เดินจงกรมอย่างเดียวหรอ
เพ่งดวงกสิณอย่างเดียวหรอ
มันทำยังไงกันแน่

ถ้าท่านจะเมตตาแสดงแนวทางให้แจ่มชัด ผู้อ่านคงได้ประโยชน์มากกว่านี้
ไม่ใช่พูดมาทีละคำสองคำ แล้วมันจะไปรู้เรื่องอะไรเล่า??????
^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^^-^

 

สั้นไปเหรอ ผมว่าครอบคลุมได้พอสมควรแล้ว ถ้าจะให้ชัดเจนกว่านี้คงไม่ได้ ผมไม่อาจกล่าวได้ชัดแจ้ง ครบถ้วน ถ้าจะครบจริง ต้องเปิดสูตร ที่ศาสดากล่าว ^-^

 

โอเคครับ^-^

ขอฝากคำพูดนิสนึง
กัลยาณชนผู้มีธรรมเยี่ยงท่าน หากแสดงธรรมได้อย่าง อ ขันธ์
ผมว่า คงจะเป็นประโยชน์ต่อวงการพุทธจักร มิใช่น้อย
หัดๆ ไว้บ้างก็ดี อนาคตจะได้เป็นที่พึ่งให้กับโลก
การย่นย่อธรรม การขยายธรรม นับเป็นความสามารถอันทรงคุณค่ายิ่ง...^-^

 

โอ้...ตอนนี้ความมีในความไม่มีเกิดกับผมแล้ว มีความหิวทั้งที่ไม่เห็นตัวหิว หุหุหุ ไปกิน

ข้าวดีกว่า...ปฎิบัติธรรมจริงแค่ หายใจเข้าออก กินข้าว นอนหลับใช้ชีวิตไปวันๆก็ทำได้แล้ว

เจอกันหรือยังเอ่ยความเป็นธรรมดาน่ะ หรือว่ายังเอาความเป็นธรรมดามาเป็นความไม่

ธรรมดากันอยู่เอ่ย หิว=ทุกข์ อาหารเก่าย่อยหมดละ=สมุทัย อิ่ม=นิโรธ ได้กินข้าว=

มรรค...เอ...มันก็ธรมดาๆนี่เอง ไหนหว่าพระเจ้า ไหนหว่าทางหลุดพ้น ไหนหว่านิพพาน อิอิ

อิ

 

นี่รูปท่านพี่จินนี่ใช่ไหม
นับว่าพอใช้ได้ แต่ความหล่อยังน้อยกว่าผมอยู่สององศาเซ็นติเกรด อิอิ ^-^

 

ผมกล่าวว่าให้รู้ตัว การรู้ตัวเป็นวิชชา ทำให้อวิชชาชะงัก หรือหมดไปได้ ชาติภพลดน้อยลง เมื่อเกิดน้อย ทุกข์ก็ย่อมน้อย

ท่านวิมุตติ มองผู้อื่นแล้วกล่าว คนโน้นอย่างนี้ คนนี้ต้องอย่างนั้น นี่แหล่ะ ความอยากให้เป็นไปอย่างที่ต้องการ ความไม่อยากได้ในสิ่งที่เผชิญ พยายามดูต้วเองให้มั่น ให้เห็นในสิ่งที่เกิด ดูต้องการปรุงอยากนี้ให้ดี ส่วนโทสะที่เกิดตามหลังไม่ต้องดูมาก ดูตรงก่อนโทสะเกิดให้ทัน

สงสารวัฏเวียนวนไม่รู้จบ ปฎิจจสมุปบาทก่อเกิดไม่ขาดสาย แต่ใช่ว่าจะไม่มีทางออก ^-^

 

อย่าเสียเวลาไปคุยเลย พี่จินนี่ อะไรคือ สภาวะของ จิตตื่น ที่เราพูดกัน
เขาก็ไม่รู้จักประจักษ์ด้วยตนหรอก เขาก็เอาแต่คิดว่า เป็นการนึกคิด เห็น
เป็นวิปัสสนึกอยู่อย่างนั้น ยึดทิฏฐิตามช้างที่ขี้เอาไว้ แล้วก็ดิ้นรนไปเรื่อยๆ
เพื่อรักษาขี้ช้างไว้ให้หอม

พอตั้งใจมาก ก็เอาแต่มองคนอื่น สงสัยอะไรนอกตัว ถามอะไรนอกตัวอยู่
อย่างนั้น

วันดีคืนดี ก็สงสัยว่า เขาไม่มีศีล

วันดีคืนดี ก็สงสัยว่า เขาไม่มีศรัทธา

วันดีคือดี ก็สงสัยว่า เขาภาวนาไม่เป็น

วันดีคืนดี ก็สงสัยว่า เขาทำความสงบไม่เป็น

มีแต่ข้อสงสัยไม่เป็นหลัก เขวไปเขวมา เอนไปเอนมา ไม่รู้จะทักอะไร
ข้อไหนดีแน่ ก็สุ่มสี่สุ่มห้าทักไปอย่างนั้น พูดง่ายๆ คือ ไม่เข้าใจว่า
เขาปฏิบัติอย่างไร นั่นเอง

แล้วก็ทำตัวเป็นผู้ทัก เป็นไม้หลักปักเลน สลับไปสลับมาอยู่อย่างนี้
ทุกครั้งที่เห็นข้อความสั้นๆ ของผู้อื่น

 

ข้อความสั้นๆ บางครั้งก็ฟันดาบเดียว ไม่มีบิ่น

 

"ไม่เคยตื่น"





.

 

ไม่น่าเป็น ข้อ ถกกันเลยนะ

รักกันนะคนไทยเหมือนกัน
จุ๊บจุ๊บ

 

เห็นว่ามีหลายวิธีนะ มีทั้งในรูปแบบนั่งสมาธิ เดินจงกรม
หรือทำนอกรูปแบบแล้วแต่จริตของแต่ละบุคคล
ส่วนตัวเราไม่ได้เน้นทำในรูปแบบ เราก็อาศัยฟังเทศน์ ฟังธรรม
ระลึกถึงศีลที่ทำไว้ดีแล้ว ฟังสวดมนต์ ทำบุญทำทาน
ระวังรักษาศีล5 สำรวมกายวาจาใจ ทำความดี ละเว้นกรรมชั่ว
ทำสิ่งที่ใจรู้สึกสบาย เป็นสุข ใจเป็นปกติ ทำแล้วใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน
เราศรัทธาแบบนี้ ก็ทำแบบนี้