พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

คือเชื่อนี้เชื่อคับ ล้านเปอเซนต์ เรื่องพระบรมครูผมศรัทธายิ่ง แต่ที่สอบถามนี้คือ อยากได้มาบูชาซักองค์หนึ่ง จึงสอบถามไป อยากทราบรายละเอียดคับ เงินทองก็ไม่มีเพราะกำลังศึกษาอยู่แต่ด้วยใจศรัทธาจึงสอบถามผู้รู้ คับผม จึงสอบถามมา

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ศุภกร_ไชยนา
คือเชื่อนี้เชื่อคับ ล้านเปอเซนต์ เรื่องพระบรมครูผมศรัทธายิ่ง แต่ที่สอบถามนี้คือ อยากได้มาบูชาซักองค์หนึ่ง จึงสอบถามไป อยากทราบรายละเอียดคับ เงินทองก็ไม่มีเพราะกำลังศึกษาอยู่แต่ด้วยใจศรัทธาจึงสอบถามผู้รู้ คับผม จึงสอบถามมา

</TD></TR></TBODY></TABLE>
"ใจศรัทธาจริง" จึงได้...

"วาระ" จะเป็นของผู้ที่สามารถเชื่อมโยงกับกระแสโลกอุดรได้เท่านั้น...

หากมี "วาระ" และมีความพยายามอย่าง"สม่ำเสมอ" แม้ไม่มีเงินทองก็จะได้ครอบครองแบบได้เปล่าๆ

แม้มีเงินทอง อาจมองข้ามไป ใช่ว่าจะได้ครอบครอง เพราะคิดเองว่า "เก๊" หรือพระท่านดลจิตให้คิดไปว่า "เก๊" ท้ายที่สุดก็จะไม่ได้อยู่ดี

 

ผมละขำกลิ้ง วันนี้ได้เห็นพระสมเด็จเนื้อปูนสอ ด้านหน้าแท้ ด้านหลังปลอม งงๆ? ทำไปได้ยังไงแบบนั้น

ที่ว่าปลอมนั้น คือ"ตรายางของวัด" คล้ายๆกับผู้ไม่มีอภิญญาสมาบัติ แต่ไปรับรองพระอภิญญา ยังไงยังงั้น หรือว่ายังไงเพื่อนๆที่ได้ชมกันวันนี้

เอาของจริง มาทำให้เหมือนจริง!!! ทำไปได้ยังไงแบบนั้น

คนขุดพบ คนประทับตรายางรับรอง คนขาย ล้วนไม่มีใครทราบ แบบนี้คณะเราช๊อบ ชอบ

คนหนึ่งรู้ อีกคนไม่รู้ หามาอีกนะคุณหนุ่ม ช๊อบ ชอบ ...

ดั่งนี้ จริง คือเท็จ และเท็จ คือจริง นี่คือความลับของพระกรุวังหน้า

 

ขอบคุณครับคุณเพชร

เรื่องของการมีเงินหรือไม่มีไม่ใช่เรื่องสำคัญ
สำคัญที่ความศรัทธา ,ความเคารพนับถือ ,ความเพียรพยายาม ,ความอดทน หากมีอย่างที่ผมบอกจริงๆ ผมเชื่อว่า สักวันต้องมี
หยอดกระปุกไว้ทุกวัน นำเงินที่เราไปใช้สุรุ่ยสุร่ายต่างๆ นำมาหยอดกระปุกแล้วนำมาทำบุญ เพียงเท่านี้ก็มีโอกาสแล้วครับ

อีกไม่นาน(เกินรอ) ผมจะนำพระพิมพ์ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร และหรือสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านเมตตาอธิษฐานจิตให้ นำออกมาให้ร่วมทำบุญกันอีกครับ

.

 

อย่างที่คุณเพชรบอก

ผู้ที่รู้
กับ
ผู้ที่ไม่รู้

มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

อย่างที่ผมบอก

ผมดีใจที่ไม่มีคนที่รู้เยอะ ,รู้มาก และวงการซื้อขายพระนิยม คณะเราจึงมีโอกาสได้สิ่งที่ดี สิ่งที่วิเศษ และสิ่งที่พิเศษ มาไว้เพื่อสักการะบูชา

เพราะเหตุเหล่านี้ ผมจึงไม่ลงรูปพระพิมพ์ ผมปล่อยให้คนเหล่านั้นไม่รู้ ,ไม่เห็น และ ไม่ทราบ ต่อไป

แต่สำหรับหลายๆท่านในคณะ ผมต้องบอก ต้องคุยกัน ต้องนำไปให้ได้เห็นของจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร เมื่อไปเจอ จะได้เก็บรวบรวมกันไว้

.

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เผยในรอบ 24 ปี “ข้าราชการ” อายุ 30-44 ปี ติดเอดส์หลายหมื่นราย ชี้กทม.- เชียงใหม่ พบผู้ป่วยมากสุด
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000005593
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 มกราคม 2552 11:35 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> สธ.เผยสถานการณ์โรคเอดส์ของไทยในรอบ 24 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2527-2551 มีผู้ป่วยโรคเอดส์สะสม 337,989 ราย ในจำนวนนี้เป็นข้าราชการ 10,278 ราย ส่วนใหญ่อายุ 30-44 ปี กทม.-เชียงใหม่ มีผู้ป่วยมากสุด สาเหตุหลักติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ ส่วนผลการเฝ้าระวังการติดเชื้อเอชไอวีใน 8 กลุ่มเสี่ยง ล่าสุดในกลางปี 2550 พบกลุ่มชาย-หญิงขายบริการทางเพศ กลุ่มชายที่ตรวจกามโรคมีอัตราติดเชื้อสูงขึ้น

นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคเอดส์ของไทย ว่า ตั้งแต่ พ.ศ.2527 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2551 รวม 24 ปี สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข คาดว่ามีผู้ติดเชื้อประมาณ 1 ล้าน 2 แสนราย มีผู้ป่วยโรคเอดส์สะสมทั้งหมด 337,989 ราย เป็นชายมากกว่าหญิงในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 เสียชีวิตแล้ว 92,111 ราย หรือประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ป่วยทั้งหมด


นพ.สุพรรณ กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคเอดส์มีทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะข้าราชการซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีการศึกษา มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมค่อนข้างสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ จากการวิเคราะห์พบว่าตั้งแต่ พ.ศ.2527 เป็นต้นมาจนถึง 30 กันยายน 2551 มีข้าราชการป่วยจากโรคเอดส์สะสมทั้งหมด 10,278 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ของผู้ป่วยโรคเอดส์ทั้งหมด เป็นชาย 9,043 ราย หญิง 1,235 ราย เพศชายป่วยสูงกว่าเพศหญิงในอัตราส่วน 7 ต่อ 1 เสียชีวิตไปแล้ว 2,448 ราย โดยผู้ป่วย 1 ใน 3 เป็นกลุ่มข้าราชการพลเรือน อีกประมาณ 1 ใน 10 เป็นทหาร ตำรวจ


สาเหตุใหญ่ของการติดเชื้อเอดส์ เกือบร้อยละ 90 เกิดมาจากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยกลุ่มนี้ ย่อมมีผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างมาก เนื่องจากโรคเอดส์เป็นโรคติดต่อเรื้อรัง ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลค่อนข้างสูง ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันป้องกันดูแล โดยการแก้ไขปัญหาเอดส์ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายเน้นการป้องกัน ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ได้ผลดีที่สุดขณะนี้และเป็นนโยบายหลักก็คือ ถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสามารถป้องกันโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ทุกชนิด และป้องกันการตั้งครรภ์ได้

นพ.สุพรรณ กล่าวต่อว่า ข้าราชการที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ ร้อยละ 63.8 อายุระหว่าง 30-44 ปี มากที่สุดคือ อายุ 30-34 ปี พบร้อยละ 24 ผู้ป่วยส่วนใหญ่ ร้อยละ 61 แต่งงานแล้ว โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับรายงานผู้ป่วยเอดส์ที่เป็นข้าราชการรายแรกเมื่อ พ.ศ. 2530 มีรายงานป่วยสูงสุด 940 ราย ในปี 2539 หลังจากนั้นเริ่มลดลงอย่างช้าๆ ในปี 2551 นี้ ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน มีรายงานผู้ป่วย 303 ราย

จังหวัดที่มีข้าราชการป่วยเป็นโรคเอดส์สะสมสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร 1,622 ราย ส่วนต่างจังหวัดพบมากที่สุด 5 จังหวัดแรกคือ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา นนทบุรี และชลบุรี โดยโรคฉวยโอกาสที่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคเอดส์ที่พบมากที่สุดทุกกลุ่ม คือ วัณโรคปอด พบ 1 ใน 5 ของผู้ป่วย กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งป้องกันโดยในปี 2552 นี้ จะเน้นการตรวจหาเชื้อวัณโรคและรักษาควบคู่กับยาต้านไวรัสเอดส์ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยโรคเอดส์มีสุขภาพแข็งแรง สามารถทำงานได้เหมือนคนปกติทั่วไป

ด้านแพทย์หญิงพัชรา ศิริวงศ์รังสรร ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กล่าวว่า สำนักโรคเอดส์ฯ ได้เฝ้าระวังสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีในประชาชนกลุ่มต่างๆ ทุกปี เพื่อประเมินผลการรณรงค์ป้องกัน โดยผลการเฝ้าระวังในปี 2550 ใน 8 กลุ่ม ใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ ปรากฏผลดังนี้

1.กลุ่มหญิงขายบริการทางเพศ พบหญิงขายบริการทางเพศตรง ติดเชื้อร้อยละ 5.57 จังหวัดที่มีความชุกติดเชื้อสูงสุดได้แก่ ลำปาง ร้อยละ 28.75 รองลงมาคือ สุโขทัย ร้อยละ 24 และสมุทรสงคราม ร้อยละ 18.32 ส่วนกลุ่มหญิงขายบริการทางเพศแอบแฝง ติดเชื้อร้อยละ 3.35 พบสูงสุดที่จังหวัดชุมพร ร้อยละ 25.71 รองลงมาคือ ปัตตานี ร้อยละ 21.95 2. กลุ่มชายที่มาตรวจกามโรค มีความชุกติดเชื้อร้อยละ 4.55 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากเดิมที่เคยพบร้อยละ 3 ในช่วงปี 2544 เป็นต้นมา กลุ่มอายุ 30 ปีขึ้นไป มีอัตราติดเชื้อค่อนข้างสูง ร้อยละ 5.46

3.กลุ่มโลหิตบริจาค พบร้อยละ 0.21 4.กลุ่มหญิงฝากครรภ์ พบอัตราการติดเชื้อร้อยละ 0.76 5.กลุ่มชาวประมง มีอัตราติดเชื้อร้อยละ 1.25 6.กลุ่มแรงงานต่างชาติมีอัตราติดเชื้อร้อยละ 0.84 และ 7.กลุ่มชายขายบริการทางเพศ พบอันตราติดเชื้อร้อยละ 9.89 โดยกลุ่มที่มีอัตราการติดเชื้อสูงขึ้นในกลุ่มนี้คือ อายุน้อยกว่า 20 ปี พบร้อยละ 9 และ 8.กลุ่มฉีดยาเสพติดเข้าเส้น มีอัตราติดเชื้อร้อยละ 25.62

จากการประเมินพบว่ากลุ่มที่มีแนวโน้มติดเชื้อลดลงได้แก่ กลุ่มหญิงฝากครรภ์ กลุ่มโลหิตบริจาค กลุ่มชาวประมงและกลุ่มแรงงานต่างชาติ แต่กลุ่มที่มีแนวโน้มติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้แก่ กลุ่มหญิงขายบริการทางเพศตรงและแฝง กลุ่มชายที่มาตรวจกามโรคและกลุ่มชายขายบริการทางเพศ โดยกลุ่มชายที่มาตรวจกามโรค เป็นกลุ่มสำคัญในการนำเชื้อเอชไอวีจากหญิงขายบริการทางเพศมาสู่กลุ่มหญิงทั่วไปได้ จึงต้องเน้นการสร้างพฤติกรรมการใช้ถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ โดยในปีงบประมาณ 2552 กรมควบคุมโรคได้จัดซื้อถุงยางอนามัยจำนวน 20 ล้านชิ้น บริการกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ เพื่อใช่ในการป้องกัน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ก่อนแก่เกินวัย ทำอย่างไรดี
http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9520000005526

</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 มกราคม 2552 11:23 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจาก www.boingboing.net</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ และการเมืองที่ดูยุ่งเหยิงในปัจจุบัน อาจส่งผลให้คนในครอบครัวมีอารมณ์บูดเบี้ยว บึ้งตึงกับคนรอบข้างได้อย่างไม่รู้ตัว ซึ่งการที่คนเรามีอารมณ์ที่ไม่สดใสนั้น มักทำให้หน้าตาดูซีดเซียว ไม่สดใสเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นเราลองมาดูกันว่า เคล็ดลับดีๆที่จะทำให้เราดูเด็กลงมีอะไรกันบ้าง

1.“ลืมตัวเลขต่างๆที่ไม่สำคัญไปบ้าง” ไม่ว่าจะเป็นอายุ น้ำหนัก และความสูงที่ใครหลายคนต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันในเรื่องของความไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี เพราะฉะนั้นหากเราไม่ให้ความสำคัญไปกับมันอาจเป็นผลดีที่ทำให้เราดูอ่อนเยาว์ขึ้นก็เป็นได้

2.“คบแต่เพื่อนที่สดใสร่าเริง” คนหดหู่ ซึึมเศร้ามีแต่จะดึงให้เราเศร้าไปตามๆกัน (และเตือนตัวเองสำหรับข้อนี้เสมอหากเราเป็นคนหดหู่เสียเอง)

3.“เรียนรู้อยู่เสมอ” ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเรียนรู้ ดังนั้นควรใฝ่เรียนรู้เรื่องรอบตัวทุกอย่าง เช่น คอมพิวเตอร์ งานฝีมือ ทำสวนและงานอื่นๆ ระวังอย่าให้สมองเฉื่อยชา สมองเฉื่อยชาคือตัวการร้ายที่จำทำให้นำไปสู่โรค “อัลไซเมอร์”

4.“มีความสุขกับสิ่งง่ายๆในชีวิต” ไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อย หรือคิดมากจนเกินไป การที่เรามองโลกในด้านบวกบ้าง โลกอาจคืนกำไรให้เราเป็น รอยยิ้มอุ่นๆ กว้างๆ และงดงามกลับมา

5.“หัวเราะ” ให้บ่อยๆ ยาวๆ ดัง (จนแทบหายใจไม่ทัน) ถ้าเรามีเพื่อนที่ทำให้เราหัวเราะได้แบบนี้ เราต้องใช้เวลาอยู่กับคนๆนั้นให้มากๆ เพราะเชื่อว่ามีไม่กี่คนที่จะได้หัวเราะสุดเสียงอย่างมีความสุขได้ตลอดเวลา


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>6.“หาเวลาอยู่กับคนที่เรารัก” คนเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว เพื่อน สัตว์เลี้ยง ของที่ระลึก ต้นไม้ งานอดิเรก อะไรก็ได้ที่ทำให้เวลาเหล่านั้นเป็นเวลาที่เราได้พักผ่อนและผ่อนคลายจริง แล้วหาเวลาไหว้พระ เข้าวัดบ้างก็เป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย เพราะศีล สมาธิ ปัญญาที่อยู่ในสาสนาจะเป็นตัวขัดเกลาจิตใจเราได้ดีที่สุด

7.“อดทน” เมื่อมีน้ำตา อดทนไว้ ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า เพราะคนเดียวที่จะอยู่กับเราตลอดชีวิตก็คือ “ตัวของเราเอง” เพราะฉะนั้นจงใช้ชีวิตทั้งหมดที่เรามีอยู่ให้คุ้มค่า ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจอยู่

8.“รักษ์สุขภาพ” รักษาสุขภาพของเราให้ดี ถ้าสุขภาพยังดีอยู่ ให้รักษามันไปเรื่อยๆ ถ้าสุขภาพไม่เข้าที่เข้าทางนักให้ซ่อมแซมเสีย และถ้าอะไรๆชักจะเกินความสามารถ ก็ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้าง อย่าลืมว่า เรายืมร่างเขามาใช้ ถ้าไม่ดูแลอะไรเลย อาจจะใช้ร่างได้ไม่นาน

9.“ท่องเที่ยว” หาเวลาไปท่องเที่ยวเสียบ้าง (แต่เฉพาะในที่ที่ควรไป) อาทิ เดินห้าง ไปต่างจังหวัด ไปต่างประเทศ ฯลฯ ที่สำคัญควรงดเว้นการท่องเที่ยวในที่ “อโคจร”เป็นดีที่สุด

10.“บอกรัก” บอกคนที่เรารักว่า เรารักเขา ทุกครั้งที่มีโอกาส อย่าได้ปล่อยให้ช่วงเวลาที่ดีๆได้หล่นหายไป หรือสายเกินไปที่จะบอก เพราะ “ความรัก”เปรียบเสมือนยาชูกำลังขนานเอกที่ทำให้ทุกคนมีแรงที่จะก้าวเดินต่อไป

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงกลเม็คเคล็ด(ไม่)ลับ ที่นำมาฝากคุณผู้อ่านเพื่อนำไปสู้กับวิกฤติและปัญหาต่างๆที่จะถาโถมเข้ามาในอนาคต อย่างไรก็ดี ของให้ทุกคนระลึกอยู่เสมอว่า “ปัญหาทุกปัญหามีทางออก ทุกข์และปัญหามีไว้ให้เห็น ไม่ได้มีไว้ให้เป็น”

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สำหรับการร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ เมื่อวานนี้พระอาจารย์นิล ท่านได้แจ้งว่า งานสร้างพระเจดีย์ตอนนี้ลุล่วงไปแล้วประมาณ 80% ยังคงเหลืองานอยู่อีกประมาณ 20 % พระอาจารย์นิลท่านดูแลและตรวตสอบในทุกๆขั้นตอนของการสร้างเอง ทุกๆอย่าง ทุกๆเรื่อง ต้องทำด้วยความปราณีต

เมื่อวันเสาร์ท่านเดินทางจากภูเก็ต หลังจากที่ท่านได้นำจรเข้ไปขอความเมตตาจากหลวงปู่สุภาอธิษฐานจิต และในวันอาทิตย์(เมื่อวานนี้) ท่านรับนิมนต์ผมไปฉันเพลที่บ้านท่านอาจารย์ประถม พอหลังจากเที่ยง ท่านก็เดินทางไปทำธุระต่ออีกแห่งหนึ่ง

ผมจะบอกว่า พระอาจารย์นิล ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่สุภาครับ

การสร้างพระเจดีย์ ยังขาดงบประมาณในการก่อสร้างและตกแต่งอีกประมาณ 1.5 ล้านบาทครับ มาร่วมด้วยช่วยกันร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศกันครับ

โมทนาสาธุครับ

 

ในส่วนของผม ไว้ผมนำไปให้คุณเพชรอีกครั้งนะครับ สำหรับพระพิมพ์ในส่วนของผม จะได้มอบกันให้ครบตามที่คุณเพชรแจ้งมาครับ

.

 

ลองไปตั้งกระทู้ในชมรมพระวังหน้า เพื่อราบรวมสาระสำคัญไว้ก็ดีนะครับ

.

 

การมอบพระวังหน้าให้ในหลายครั้ง และแต่ละครั้ง เราก็มอบกันแบบไม่ต้องมีเงิน ไม่ต้องมีทอง ไม่เห็นว่าจะต้องใช้เงิน ใช้ทองกันเลยที่จะได้ครอบครองพระของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ที่บอกว่าไม่มีเงิน ไม่มีทอง แล้วเป็นเหตุของการไม่ได้พระหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรนั้น เห็นทีจะตกไป เพราะเหนือกว่าเรื่องเงินทองนั้นคือเรื่องบุญ วาสนา และวาระโอกาส ผมก็บอก"ให้อ่านเยอะๆ หาข้อมูลความรู้เยอะๆ" มากกว่าที่จะให้"ไปหาพระเยอะๆ"

ล่าสุดคุณหมอเอก และคุณหมอเปิ้ล รับมอบพระวังหน้าไปไม่ต่ำกว่า ๓๐ องค์ และไม่ต้องเสียเงินเสียทองแม้แต่สลึงเดียว...

ผมก็ไม่ได้หมายความว่า ผม และคณะมีบุญ มีวาสนาได้ครอบครองพระของหลวงปู่ฯ แต่วาระมาถึง ก็จะได้รับเอง แล้วแบบนี้จะให้เรียกว่าอะไร

ผมไม่รู้ ผมไม่เห็น ผมไม่ทราบ...หากจะถามอะไรต่อ...

 

เมื่อวานนี้พระอาจารย์นิลได้สังเกตที่เท้าอาจารย์ปู่ เห็นว่าบวมแดงมาก ผมก็ไม่ได้สังเกต ที่พวกเราเดินทางไปกราบเยี่ยมปู่กันทุกเดือนนี่ สงสัยจะไม่ได้ไปกราบเท้าปู่กัน จึงสังเกตกันไม่เห็น พระอาจารย์นิลท่านมีจิตที่ละเอียดมาก สังเกตอากัปกิริยาของปู่ และแนะนำถึงการนวดเท้า ผมเคยเรียนมาบ้างเลยลงมือนวดเท้าปู่ ปู่ชอบใจใหญ่ ครั้งหน้าตั้งใจจะไปนวดเท้าปู่กันอีก ในฐานะลูกหลานปู่ ก็ขอให้พวกเราห่วงใยสุขภาพของปู่กันบ้างนะครับ

 

ในวันนัดพบกันในครั้งหน้า ผมจะนำพระพิมพ์(พระอุปคุต) ไปมอบให้นะครับ

แต่ถ้าพลาด อดเหมือนกับครั้งนี้ที่ผมแจกพระพิมพ์(พระสมเด็จ)ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านอาราธนาพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กุกกุสันโธ อธิษฐานจิตพระสมเด็จในชุดนี้

อีกเรื่อง ผมจะแจ้งล่วงหน้า "งานสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 5 พระองค์( องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมเด็จพระพุทธสิขีทศพลที่ 1(สมเด็จองค์ปฐม) ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กุกกุสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม โกนาคมนะ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กัสสปะ และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม) ,พระปัจเจกพุทธเจ้า ,พระธาตุพระอรหันต์(สมัยพุทธกาล ,เป็นเอคทัตตะ) ,พระธาตุหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ,พระธาตุหลวงปู่ทวด (วัดช้างไห้) ,พระบูชา (สมัยรัชกาลที่ 4) ,พระบูชาหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,พระบูชาสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี

ในงานนี้ ผมจะแจกพระสมเด็จ(เนื้อปูนสอ) ให้กับทุกๆท่านที่ไปร่วมในงานบุญนี้ครับ

โมทนาสาธุครับ
.

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
อย่างที่คุณเพชรบอก

ผู้ที่รู้
กับ
ผู้ที่ไม่รู้

มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

อย่างที่ผมบอก

ผมดีใจที่ไม่มีคนที่รู้เยอะ ,รู้มาก และวงการซื้อขายพระนิยม คณะเราจึงมีโอกาสได้สิ่งที่ดี สิ่งที่วิเศษ และสิ่งที่พิเศษ มาไว้เพื่อสักการะบูชา

เพราะเหตุเหล่านี้ ผมจึงไม่ลงรูปพระพิมพ์ ผมปล่อยให้คนเหล่านั้นไม่รู้ ,ไม่เห็น และ ไม่ทราบ ต่อไป

แต่สำหรับหลายๆท่านในคณะ ผมต้องบอก ต้องคุยกัน ต้องนำไปให้ได้เห็นของจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร เมื่อไปเจอ จะได้เก็บรวบรวมกันไว้

</TD></TR></TBODY></TABLE>

สำหรับท่านที่มีโอกาสได้ครอบครองพระพิมพ์ของหลวงปู่ ผมยังยืนยันว่ามีเยอะ บางท่านมีมากจนตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวก็มี เพียงแต่ท่านเหล่านั้นไม่ได้นำออกมาให้ผู้คนทั้งหลาย ได้เข้าไปศึกษาและเรียนรู้ ที่สำคัญเก็บกันเงียบ รู้แต่เฉพาะกลุ่มเท่านั้น

มีแต่คณะผมเท่านั้น ที่นำออกมาเปิดเผยกัน ซึ่งก็แล้วแต่ว่า ใครจะเชื่อหรือไม่ ผมไม่ได้บังคับให้เชื่อ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์เอง "ของจริงต้องพิสูจน์ได้" ที่ผมบอกมา(หลายครั้ง)ว่า ผมยังยืนยันว่า "ผมดีใจที่วงการซื้อขายพระเครื่อง ไม่นิยม จึงทำให้ผมและคณะ ได้มีโอกาส มีวาสนา ได้ครอบครองพระพิมพ์และวัตถุมงคลที่ล้ำค่านี้"

โมทนาสาธุครับ

.

 

คุณเพชร อย่าลืมนะครับ

ผมขอให้คุณเพชร อัญเชิญพระบูชาสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ปางพรมน้ำมนต์ (ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2397) ไปด้วยนะครับ

ผมเองมีแต่ว่า จะเป็นการสร้างในช่วงปี พ.ศ.2451 ครับ

.

 

โมทนาบุญกับทุกท่านด้วย ครับ
โดยเฉพาะคุณหนุ่ม ที่เสียสละ ทั้งกำลังทรัพย์ และ เวลา ในงานบุญนี้ ครับ

 

ขอบคุณคุณเพชรนะครับ

แต่ใส่ปะคำมือหลวงปู่ศุขเลยนะครับ
ผมจะบอกว่า ดีมากนะครับ หลวงปู่ศุขท่านอธิษฐานจิตไว้เยี่ยมมาก


.

 

พระบูชาหลวงปู่โต ปางประพรมน้ำมนต์ จะเป็นนิมิตหมายเป็นสิริมงคลสำหรับผู้ไปร่วมงานครับ ขอโมทนาบุญ..

 

คุณnongnooo รู้สึกว่า จะชอบพิมพ์ราชกุมารมากนะครับ

พี่ใหญ่สั่งให้ผมนำไปให้ดู สำหรับอีกเนื้อนึง

ผมต้องพยายามควานหา และกวาดเก็บให้เรียบ ไม่ให้เหลือ เพื่อพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านจะได้มีกันไว้ครับ

 

เป็นพิมพ์โลหะทองเหลืองใช่ไม๊ครับ หากใช่ พิมพ์นี้เป็นปางขัดสมาธิเพชร มีพลังคุ้มกันดีมาก ทั้งนี้เป็นพระองค์แทนของพระเกตุ ปกติไม่ค่อยมีผู้สร้างพระเกตุกัน เห็นจะมีแต่ที่วัดพิกุลทองเท่านั้น พระรูปสำหรับพกพาก็ไม่ค่อยพบเห็นกัน..