ประวัติ ท่านท้าวมหาพรหมชินนะบัญจะระ

ในอดีตกาลครั้งองค์สมณะโคดมเจ้า ทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ครานั้นอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวาของพระพุทธองค์ คือ พระโมคคัลลานะ ผู้เลิศในอิทธิฤทธิ์ และพระสารีบุตรผู้เลิศในปัญญา ณ แคว้นพาราณสี ปรากฏเด็กน้อยนามว่า ชินนะ บุตรของมะติโตพราหมณ์ และนางยะถานาพราหมณ์ โคตรบัญจะระ เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแห่งองค์พระศาสดาแต่ครั้งเยาว์วัย ได้บวชเป็นสามเณร และเป็นศิษย์ของพระโมคคัลลานะ สามเณรชินนะ ทรงภูมิปัญญาเป็นที่เฉลียดฉลาดเป็นยิ่ง ศรัทธาในการบิณฑบาตอย่างสงบขยันหมั่นเพียรเป็นนิจ ครั้นอายุได้เพียง 7 ขวบก็สำเร็จอรหันต์
สามเณร ชินนะ บัญจะระ นับว่ามีรูปงาม เสียงไพเราะ รู้พิธี เจ้าระเบียบ รอบคอบด้วยความสะอาด ตั้งอยู่ในศีลาจาวัตรอันงดงาม
ครั้นย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม รูปร่างของท่านชินนะ บัญจะระ ยิ่งสวยสดงดงาม ผิวขาวละเอียดประดุจหยก หน้าแดงระเรื่อสีชมพู คิ้วโก่งดังคันศร ไว้เกษาเกล้าจุก เยื้องย่างสง่างามประดุจราชสีห์ ด้วยรูปงามเป็นที่ต้องตาต้องใจของสตรีเพศ จึงมีสตรีเพศต่างหลงใหลในตัวของท่านชินนะเป็นอย่างยิ่ง ด้วยท่านชินนะนั้นยึดพรหมจรรย์เป็นสรณะจึงมีแต่ความสงบ
แล้ววันหนึ่ง ขณะที่ท่านชินนะได้ออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ ได้มีหญิงผู้หนึ่งซึ่งแอบหลงรักท่านชินนะ มิอาจยับยั้งใจเอาไว้ได้จึงได้โผผวาเข้ากอดท่านชินนะอย่างลืมตัว ท่านชินนะ เห็นอาการของผู้หญิงคนนั้นกระทำแก่ท่านดังนี้ก็บังเกิดความสังเวชอย่างใหญ่หลวง อันพรหมจรรย์ของท่านต้องมาแปดเปื้อนเสียดังนี้ ความยึดมั่นในพรหมจรรย์ของท่านต้องมาสะบั้นลง ท่านจึงดำริขึ้นว่า "ตัวท่านนี้มีรูปงามเช่นนี้ย่อมก่อให้เกิดอกุศลกรรมแก่อิตถีเพศ เป็นการสร้างบาปให้เกิดขึ้นด้วยมีกายรูปนี้เป็นเหตุ จะมีสักเท่าใดกันหนอที่ปรารถนาล่วงพรหมจรรย์ของท่านเช่นผู้หญิงคนนี้.."
ท่านชินนะ คิดดังนี้ เห็นกายเป็นเหตุ กายทำให้พรหมจรรย์จิตเสื่อมสลาย กายก่ออกุศลจิตให้เกิดเป็นบาปกับอิตถีเพศผู้ยังมัวเมาในรูป ท่านจึงถอดกายทิพย์ออกจากร่าง ทิ้งสังขารไว้เมื่อยังไม่ถึงกาล เมื่ออายุท่านเพียง 23 ปี 6 เดือน กายทิพย์ของท่านจึงไปได้แค่ชั้นพรหมโลก
ท่านชินนะ นับว่าเป็นผู้รอบรู้พิธีการต่างๆของโลกวิญญาณ ท่านสามารถสวดพระคาถาคลายพระเวทย์ได้อย่างเยี่ยมยอดยามท่านสวดพระคาถาไม่ว่าบนโลกหรือบนสวรรค์เสียงของท่านจะก้องกังวานไปทั่วนรกภูมิ และสวรรค์สามสิบสามชั้นเทพพรหมได้ยินจะสะเทือนจิตออกจากสมาบัติหมดสิ้น เพื่อรับทราบพิธีการที่ท่านชินนะจัดขึ้น
ท่านชินนะบัญจะระ มีกายละเอียดอยู่ในชั้นพรหม ขณะนี้เป็นชั้นหัวหน้ารูปพรหม 16 ชั้น ควบคุมทั้งหมด ดังด้วยว่าสตรีเพศเป็นผู้ทำลายความบริสุทธิ์ของท่านเสียก่อนดังนี้ ทำให้ท่านละสังขารก่อนถึงกาลเวลาแห่งอายุดังนี้ จึงทำให้ท่านมีกำลังบุญอยู่ในแค่ชั้นพรหม ดังนั้นท่านจึงต้องสร้างบุญในโลกมนุษย์เพื่อสร้างบุญบารมีนำท่านขึ้นไปสู่แดนอรหันต์
ดังนั้น ชินบัญชรคาถา หากท่านได้ภาวนาเป็นประจำสม่ำเสมอจักก่อให้เกิดผลดียิ่งแก่ผู้ภาวนา เพราะท่านท้าวมหาพรหม ชินนะบัญจะระ จะทรงแผ่อำนาจลงมาช่วยท่านตลอดเวลาคิดหวังอะไรย่อมสมหวังยิ่ง

 

อ่านแล้วงงจังครับ บรรลุอรหันต์... แล้วใยยังเป็นเพียงท้าวมหาพรหม...

ผิดพลาดประการใดชี้แนะด้วยครับ

 

บรรลุอรหันต์นั้น อาสวะกิเลสสิ้น อวิชชาสิ้น แต่ร่างกายยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
เมื่อจะละกายคลายสังขาร ธาตุพลันถึงกาลแตกแยกก่อน ต่อมาขันธ์ 5 จะเสื่อมลง
แล้วเปรเปลี่ยนเกิดใหม่ในภพต่างๆ หากไม่ดับขันธ์ 5 ตอนตาย ก็ไม่ไปสู่นิพพาน
แต่ถ้าดับขันธ์ 5 ทันทีตอนอรหันต์ ก็ตายแบบพระอรหันต์ที่ไม่ครองเหลือง (ไม่เกิน
7 วัน พลันม้วยมรณา)

ท่านท้าวมหาพรหมณ์ชินนะ ปัญจระ บรรลุธรรมแล้ว แต่ถอดกายทิพย์ออกไป ทิ้ง
สังขารร่างไว้ จึงมิทันได้ดับขันธ์ 5 จึงมิได้ดับขันธปรินิพพาน แต่อรหันต์แล้ว
และจุติชั้นพรหมณ์ด้วยการเจริญพรหมณ์วิหารสี่ถึงพรหมณ์จรรย์ หญิงใดจะข่มขืน
แต่จิตไม่ปราถนาร่วมก็หาได้ทำลายพรหมณ์จรรย์นั้นได้ไม่

หญิงนั้นมิอาจทำลายพรหมจรรย์ของท่านชินนะ ปัญจระ ได้เลยหนึ่ง
บุญมากน้อยไม่เกี่ยวกับการไปนิพพาน เรื่องนิพพานเป็นเรื่องจิตละ
กิเลสอาสวะและอวิชชาดับสูญ เรื่องหลังตายไปไหน เป็นเรื่องการ
ดับขันธ์ จะดับขันธ์ปรินิพพานก็ได้ ไม่ดับขันธ์แล้วไปจุติที่สุขาวดี
พุทธเกษตรแบบพระอวโลกิเตศวรกวนอิมก็ได้ คนลเรื่องกัน อย่าท่อง
จำ พิจารณาธรรม ตามอิทัปปัจยตาครับ

ส่วนท่านสมเด็จพุฒาจารย์โต ท่านแสดงเทศนาไว้อย่างไรก็อย่างนั้น
ให้เราทำดีไว้ ทำบุญไว้เป็นดี อย่าไปยึดติดอะไรผิดอะไรถูกเลยครับ

 

ความรู้ใหม่ สาธุ แต่งง บรรลุอรหันต์ จิตก็เป็นอรหันต์ แต่อยู่ชั้นพรหม

 

เรื่องราวของเสด็จพ่อท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ ที่มีคนพูดถึงเกิดจากการที่หลวงพ่อโต มาตั้งสำนักปู่สวรรค์ในโลกมนุษย์ แล้วท่านก็เชิญหลวงปู่ทวดมาเป็นประธาน ต่อมาโดนสำนักสายดำ และมารแกล้งโดยตลอดหลวงพ่อโตจึงเชิญเสด็จพ่อท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ เจ้าพิธีการของโลกวิญญาณ ตำแหน่งผู้พิชิตมาร ลงมาช่วยหลวงปู่ทวด

เมื่อหลายปีก่อนนี้พระพยอมได้ออกมาโจมตี ด่าว่าสำนักปู่สวรรค์หลอกคน ท้าวมหาพรหมชินนะไม่มีอยู่ในพระไตรปิฏก
จนกระทั่งมีนักวิชาการท่านหนึ่งออกมายืนยันว่า ไปเจอพระไตรปิฏกของอินเดีย กล่าวถึงสามเณรชินนะที่สำเร็จอรหันต์ 7 ขวบ

หรือแม้แต่หนังสือที่ออกโดยวัดพิบพลี ที่มีโบราณวัตถุมากมาย ก็พบรูปปั้นท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ ด้วย

สาเหตุที่ท่านเป็นพรหมเพราะว่าเหตุที่ท่านถอดจิตทิ้งสังขารก่อนอายุขัย
โลกวิญญานถือว่าท่านตายก่อนอายุขัย
ถึงแม้จิตจะเป็นอรหันต์แล้ว แต่ไม่สามารถเข้าแดนอรหันต์ได้

สมัยที่เจ้าแม่กวนอิมยังบำเพ็ญโพธิ์สัตว์ เสวยพระชาติเป็นพระนางเมี่ยวซัน เสด็จพ่อท้าวมหาพรหมชินนะ ท่านก็เกิดเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ท่านคอยคุ้มครองเจ้าแม่กวนอิมจนสำเร็จเป็นพระโพธิ์สัตว์

เสด็จพ่อท่านเคยอธิษฐานจะขอพิทักษ์พระพุทธศาสนา
คำอธิษฐานนี้จึงทำให้หญิงผู้นี้มากอดท่าน ท่านจึงถอดจิตทิ้งสังขารก่อนอายุขัย

วัดจีนทุกวัดจะมีเทพถือกระบองหันหน้าเข้าวัด นั่นคือเสด็จพ่ออีกปางหนึ่ง

ชาวจีนเรียกท่านว่า ฮูฮวบซิ้ง บ้างก็เรียก พระเวทโพธิ์สัตว์

ชาวญี่ปุ่นนับถือท่าน จนเกิดเป็นนิกายชินโต

เวลาท่านเสด็จไปไหนรัสมีท่านจะแรงกล้าสว่างกว่าพระอาทิตย์ เสียดายที่พระอาจารย์อริยวังโสภิกขุร่างทรงของเสด็จพ่อ ท่านละสังขารแล้วจึงไม่มีโอกาศเฝ้าท่านอีก

 

<table border="0" width="580"><tbody><tr><td valign="top">คุณลักษณะท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
ยิงใหญ่
เทพพรหมนั้นมีมากมายกว่าเมล็ดทรายในท้องมหาสมุทร แต่มีพรหมที่มีตบะแรง พรหมที่มีอวุโส มีตำแหน่งในพหรมโลกนั้นมีไม่กี่องค์
ในพรหมโลกมีพระพรหม ๔ องค์ที่เป็นใหญ่ในพรหมโลก มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับพรหมโลก คือ

1. ท้าวมหาพรหมชินะปัญจะระ
2. ท้าวอัปราพรหม
3. ท้าวจตุรพรหม
4. ท้าวมหาพรหมสามภพ

พระ พรหมชินนะนี้ เป็นผู้พร้อมทุกอย่าง เขาเรียกว่าเป็นผู้สำเร็จสมัยองค์สมณโคดม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นพรหมที่ไม่ขึ้นต่อพรหมโลก เขาเรียกว่าเป็นพรหมเอกเทศในพรหมโลกและมีบารมีแห่งฌานสมาบัติอันแก่กล้า พรหมองค์นี้ไม่ใช่พรหมที่จะติดสินบนกับมนุษย์ ทรงไว้ด้วยความยุติธรรม และเป็นผู้รอบรู้สรรพสิ่ง เรียกว่าเจ้าพิธีการของโลกวิญญาณ เป็นหัวหน้ารูปพรหมทั้ง ๑๖ ชั้น เป็นพระพรหมที่เรียกว่าเทวดาผู้หญิงหล พรหมผู้หญิงที่ฝึกยังไม่ถึงชั้น ๕ พรหมชั้น ๔ ยังติดกาเม ก็ยังหล แต่มีกฎว่าผู้ใดถูกแม้แต่เท้าพระพหรมชินนะ ผู้นั้นจะต้องถูสาปมาเป็นเกิด เพราะว่าเป็นพรหมที่เกลียดสตรีเพศ
พรหมองค์นี้เป็นพรหมที่มติสามโลกเอื้อมไปไม่ถึง ท่านเป็นคนเจ้าระเบียบ เป็นคนมีวินัย รักความสะอาด สงบเสงี่ยม สุขุมคัมภีรภาพ มีความเฉลียวฉลาด
เป็นพรหมยิ่งใหญ่ของพรหมโลกที่ขจัดมารได้ทั่วภิภพ... ตอนออกรบจะพิชิตมาร หมายความว่าพรหมโลกเกิดเรื่องยุ่งก็ดี เทวโลกเกิดยุ่งก็ดี ยมโลกเกิดยุ่งก็ดี มารโลกเกิดมาเรื่องมาก เขาช่วยกันไม่ได้ เขาก็ต้องมาเชิญองค์พระพหรมชินนะ พระพหรมชินนะจะออกศึกก็มีพาหนะ
พาหนะ
เท้าขวาเหยียบเต่า ท้ายซ้ายเหยีบพญานาค เป็นพาหนะประจำตำแหน่ง พาหนะเหล่านี้เป็นวิญญาณทิพย์เป็นวิญญาณที่จำศีล เตรียมตัวเกิดเป็นสาวกในยุคพระศรีอริยเมตไตรย เต่ามีอายุยืนนานและแข็งแกร่ง ท้าวขวาท่านหนักมาก ถ้าเหยียบพยานาครับรองว่าแบน ก็เอาเต่ามารอง เท้าซ้ายไม่ค่อยหนักก็เอาพญานาคเหยียบ เต่านั้นถือว่าเป็นสัตว์บก พญานาคเป็นสัญลักษณ์ของน้ำ เหยีบพญานาคหมายถึงเหยียบสมุทร แสดงว่าทั้งบกทั้งน้ำอยู่ใต้ตีนข้า เวลาท่านประทานน้ำมนต์อาบคนใข้ สองหน่อนี้ก็มาช่วยอยู่
วรกาย
พระวรกายมีแสงดั่งพระอาทิตย์ จิตใจงามเหมือนพระจันทร์ คิ้วโก่งเหมือนคันศร นัยน์ตางามและคมเหมือนเหยี่ยว ผิวกายละเอียดเหมือนหยกขาว ผมเกล้าจุกขมวดไว้บนพระเศียร เศียรมีปิ่นเพชร ปิ่นเพชรมีสีทอง
พระพรหมชินะ ไม่ยอมอธิษฐานแปลงกายแห่งกายทิพย์ของตนให้เป็นแปดหน้าสี่กร หรือสี่หน้าแปดกร
การที่พระพหรมมีหลายๆหน้า เพราว่าท่านมีหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของพรหมโลก และต้องดูแลในการจัดการที่จะมาต้านของเหล่ามาร ที่จะมารังควานในการนั่งสมาธิของพรหม อันนี้อาจจะถามว่า แล้วเหตุไฉนพระพรหมชินนะจึงไม่ต้องมีหลายหน้า เพราะว่าพระพหรมชินนะนั้นมีรังสีแห่งวรกายของแก้ว ๗ ชั้นคลุมอยู่ จึง ไม่ต้องใช้หน้ามาก เพียงแต่เปล่งรัศมีแผ่ไป พรหมเขาก็รู้พวกมารหรืออะไรเขาก็รู้นี่พรหมองค์นี้มา ก็คือสัญลักษณ์ของท้าวมหาพรหรหมองค์นี้มา ท่านจึงไม่ได้เนรมิตในร่างกายให้ผิดแปลกกว่าเขา
กายนั้นเปล่งรัศมีรอบวรกายเป็นพระอาทิตย์ขาวขึ้น ในภาวการณ์ที่เรียกว่า ถ้าพระพหรมองค์นี้ไปไหน เทวดาเห็นเป็นพระอาทิตย์เคลื่อนที่มีรัศมี ๕๐๐ เส้น เทพพรหมจะรู้ว่าท้าวมหาพรหมชินนะมา แต่พวกอมรมนุษย์ เทพ พวกรุขเทวดาเหล่านี้ยังไม่รู้จัก เพียงแต่คิดว่า เอ๊ะ พรหมองค์นี้มีรัศมีมากเพียงพอหนอ
เครื่องแต่งกาย
การแต่งกายของโลกวิญญาณนั้น เสื้อผ้าที่แต่งนั้นเป็นของทิพย์ พอใจก็นุ่งชุดนี้ตลอดกาล ทีนี้การแต่งตัวของท้าวมหาพรหมชินนะเขาเรียกว่าแต่งแบบครึ่งกึ่งพระกึ่งพรหม คือ ทั้งชุดที่นุ่งนั้นเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เพราะว่ากายเนื้อทิพย์ของพระพรหมชินนะเป็นเนื้อหยกขาว ชุดที่นุ่งนั้นก็เป็นชุดขาวละเอียด พระวรกายก็เป็นสีที่เรียกว่าขาวอย่างมีสีนวล เปล่งรัศมีไกลถึง ๕๐๐ เส้น
คฑา
มือขวาถือคทาเรียกว่า “คฑาพรหม” เป็นจามจุรีทิพย์หัวคทามีแสงพุ่งออกมาเป็นรัศมีเป็นรุ้ง ๓ สี
วิมาน
วิมาน ท่านอยู่พรหมโลกชั้นที่ ๑๓ วิมานนั้นเนรมิตสร้างขึ้นด้วยแก้วมรกต พื้นวิมานปูด้วยทองคำบริสุทธิ์รอบในหลังคามุงด้วยเพชร บรรทมด้วยสิงห์ ไม่มีคนใช้ไม่มีบริวาร ส่วนมากอยู่เอกเทศเพียงองค์เดียว ไม่ชอบพูดกับใคร ไม่มีใครกล้าเหยียบวิมานโดยพลการ
พหรมเอกเทศหมายความว่า ไม่ขึ้นกับพหรมโลก จะอยู่ในพรหมโลกก็ได้ ไม่อยู่ก็ได้ แล้วแต่ความพอใจ วิมานมีหลายแห่ง
ลัทธิชินโตโนะ
ในประเทศญี่ปุ่นนับถือท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระมาก เขานับเป็นพระอรหันต์ในตำราของเขา แล้วชินนะปัญจะระชินศรีเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง เพราะฉะนั้นในญี่ปุ่นเขานับถือท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระมาก แต่เขาเรียกเป็น “ชินโตโนะ” หรือ ศาสนาชินโตโนะ คือบูชาพระอาทิตย์ ที่เขาบูชาพระอาทิตย์เพราะ ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระก่อนจะปรากฏร่าง จะต้องเป็นแสงอาทิตย์ เรียกว่ารัศมีพุ่งเป็นรุ้ง ฉะนั้นในญี่ปุ่นเขานับถือเป็นลัทธิหนึ่ง คือ ลัทธิชินโตโนะ
ผู้พิชิตมารทั่วพิภพ
ท้าว มหาพรหมชินนะ ท่านเป็นพระพรหมที่มีฤทธิ์เดช ที่เรียกว่าพญามารหรือมารทั้งหลายกลัว ในด้านของมารโลเก โลกของมารของพวกวิญญาณ ดังนั้นก็เรียกว่า ท่านมีรูปของท้าวมหาพรหมชินนะอยู่ในบ้านก็คิดว่าอุปสรรคในการกลั่นแกล้งของ วิญญาณ พวกที่เรียกว่ารุกขเทพก็ดี พวกอมรมนุษย์ก็ดี พวกผีเปรตอสุรกายก็ดี คิดว่าไม่กล้าย่างกราย


</td> </tr> <tr> <td>

เมื่อจะระลึกถึงท่าน กล่าวพระคาถาบูชา
ชินนะ ปัญจะระ ๓ จบ



​

</td> </tr> <tr> <td> </td></tr></tbody></table>

 

อนุโมทนากับทุกๆท่านที่ช่วยกันเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับองค์ท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญชระ

สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ทรงสร้างพระรูปองค์ท่านท้าวมหาพรหมฯ ไว้สมัยองค์สมเด็จฯท่านยังมีสังขารอยู่

ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ งดงามมาก คำเทศนาขององค์สมเด็จฯท่านที่มีผู้นำมาโพสต์ไว้ในกระทู้ก่อนหน้า

ผมอยากช่วยยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงครับ เรื่องราวแห่งองค์ท่านท้าวมหาพรหมฯ ไม่ใช่ตำนาน

สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต ทรงสร้างวัตถุไว้เป็นหลักฐานไว้ให้ผู้ใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษาได้รู้ความจริง

เพื่อความรู้และความเป็นจริงหลายอย่าง จะได้ไม่เลือนหายไปกับกาลเวลา

เป็นความเมตตาขององค์ท่านที่มีให้ต่อชนรุ่นหลังอย่างมหาศาลครับ

 

ครับท่านใดสงสัยเชิญไปที่วัดพลิบพลี อยุ่ในตัวเมืองจังหวัดเพชรบุรี
ที่นี่เป็นอีก 1 ที่
ที่นี่มีโบราณวัตถุมากมาย ตั้งแต่สมัยทราราวดี โดยเฉพาะโบราณวัตถุสมัย
พระเจ้าตะวันอธิราช (อดีตชาติของหลวงพ่อโต) เป็นผู้ครองนคร
เก็บมาจนถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์

มีภาพถ่าย องค์สมมุติ เสด็จพ่อท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัย ร.5 ด้วยครับ

 

http://www.konmeungbua.com/forum/topic6968.html

ไปเจอที่คนพูดถึงหนังสือ เล่มนึงที่กล่าวถึงวัดพลิบพลีด้วย เสียดายสั้นไปหน่อย
หนังสือเล่มนี้เพื่อนผมเคยบอกให้ไปอ่านนานแล้ว แต่ผมหาไม่เจอ
ท่านใดมี หรือทราบแหล่งขายบอกผมด้วยนะครับ

อ้อ มีคนบอกว่า หลวงปู่อ่ำ ท่านเคยเกิดในยุค พระเจ้าตะวันอธิราช ท่านจึงแปล ตัวอักษรที่อยู่ในกระเบื้องจารออก น่าสนใจนะครับ ประวัติศาสตร์แบบนี้

 

นมัสการครับพระคุณเจ้า
หลวงพ่อโต หลังจากสิ้นจากโลกมนุษย์จิตท่านไปที่พรหมโลก
ไม่ได้เข้านิพพานอย่างที่หลายท่านเข้าใจ ตอนที่ท่านยังมาทรงงานท่าน
กล่าวถึงพระเกจิอาจารย์ วีรกษัตริย์ไทยในอดีต ไว้เยอะมาก
ซึ่งก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หลายท่านเชื่อ

แต่พูดไปก็เท่านั้นไม่ได้มีประโยชน์อันใด ต้องการแค่อยากให้ทุกท่านมาศึกษาที่สำนักปู่สวรรค์ดูครับ
กราบนมัสการครับ

 

ถ้าท่านนักรบโบราณ มีลิงค์ หรือภาพถ่ายของเสด็จพ่อ ช่วยกรุณาลงให้หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ

 

​

ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ

 

คุณ aodbu ครับ ผมมีแต่พระรูปองค์ท่านท้าวมหาพรหม ชินนะปัญชระสูงราว 1 ศอก
ใต้ฐานฝังพระสมเด็จเนื้อทองโบราณ สร้างไว้สมัยองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสีบูชาอยู่ครับ
เรื่องราวอย่างอื่นที่พอจะเผยแพร่ มีครับ แต่ผมจะพิจารณามากหน่อย
โดยเฉพาะในที่สาธารณะ ไม่อยากให้ผู้อื่นที่ไม่เห็น ไม่เชื่อ...ก่อกรรมปรามาสทั้งเจตนาและไม่เจตนา
บางเรื่องผมพบทั้งรูป ทั้งนาม สิ่งที่เรารู้ เราเคารพอยู่ ก็จะระวังมากขึ้น
"เบื้องสูง" นะครับ แค่เอ่ยพระนามถึงท่าน ก็พึงระมัดระวังแล้ว

 

คุณนักรบโบราณครับ เรื่องปรามาสท่านนี่ก็น่ากลัวจริงๆครับ
ยังไงผมจะรออ่านนะครับ ขอบคุณครับ

 

ที่ผมพอทราบพอจะพบ หลายเรื่องที่หลวงปู่โต เทศน์ผ่านสังขารท่าน อ.สุชาติ
เป็นเรื่องจริงของการทำงานในโลกวิญญาน หลวงปู่โตได้สร้างวัตถุมงคลหลายอย่างไว้ด้วยสมัยท่านยังมีสังขารอยู่
แต่ในสายนั้น กลุ่มคนเหล่านั้น ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือหน้าที่ในการเผยแพร่ด้านวัตถุมงคล
ต่างคน ต่างเวลา ต่างลงมาทำหน้าที่ของแต่ละคน จุดหมายคืองานศาสนาและบำเพ็ญจิตตน

เช่นหลวงปู่โตธุดงค์ไปเมืองกาญจนบุรีก็นิมิตรพบท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญชระมาบอกบางสิ่ง
ก็พบสิ่งที่ท่านท้าวมหาพรหมฯ บอกไว้จริงตามนิมิตร จึงสร้างวัตถุมงคลไว้เป็นหลักฐาน
และอีกเรื่อง องค์พระเยซู ที่ท่านเทศน์ไว้ ก็เพราะมีความเกี่ยวข้อง วัตถุหลักฐานก็มี...ฯลฯ เอาแค่นี้ก่อนครับ
ปัจจุบันมีการปรามาสคำเทศน์หลวงปู่โต ที่ผ่านสังขารท่าน อ.สุชาติมีทั่วไป เท่ากับหากรรมใส่ตัวเพราะไม่รู้ความจริง
ไม่ต้องการให้ใครไม่รู้ ไม่เชื่อ ก่อกรรม แต่คุณ aodbu ดูคงเป็นศิษย์ของที่นั่น...ผมจึงพูด
มีสิ่งใดก็แลกเปลี่ยนความรู้กันได้ครับ ผมมีคติของหลวงปู่โตท่านประจำใจเช่นนี้
"เมื่อทำงานให้พระศาสนา จงอย่ายึดติดสำนัก อย่าติดนิกาย รายได้ไม่มี ผลตอบแทนคิดกันเมื่อกลับสู่โลกวิญญาน"

 

เมื่อทำงานให้พระศาสนา จงอย่ายึดติดสำนัก อย่าติดนิกาย รายได้ไม่มี ผลตอบแทนคิดกันเมื่อกลับสู่โลกวิญญาน"

คตินี้หลวงพ่อท่านพูดให้กำลังใจลูกศิษย์ประจำครับ
คุณนักรบโบราณ คงเคยมาศึกษาที่นี่มากพอตัวแน่ๆ เลยนะครับ
ใช่ครับผมเ็ป็นศิษย์ที่นี่่ ผมมาศึกษามาคลุกคลีที่นี่ จนเชื่อมั่น เพราะจริยวัตร ปฎิปทา อภินิหาร อันมากมาย
เพราะผมไม่ใช่ คนที่แค่ฟังเค้าเล่ามา เค้าบอก แล้วก็เชื่อ

จริงครัีบทีว่าทุกวันนี้มีคนมากมายปรามาส หลวงพ่ออริยวังโสภิกขุ อ.สุชาติ โกศลกิติวงศ์
ทั้งสื่อ ทั้งผุ้มีอำนาจรัฐ และรัฐบาลยุคก่อนนุ้น
คนก็เชื่อทั้งๆที่ไม่เคยเห็นไม่เคยไปศึกษา ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าท่านก็ให้หลักกาลามสุตรไว้
ให้พิจารณา

ขอบคุณ คุณนักรบโบราณที่มาเล่าสุ่กันฟังนะครับ จะรอฟังอีกครับ

ใครสงสัยเรื่องลึกๆก็คลิกที่ลายเซนผมนะครับ เวปเพิ่งทำรายละเีอียดยังไม่มาก

 

อจินไตย 4 (เรื่องที่ปุถุชนไม่ควรคิดเพราะไม่อาจจะรู้ด้วยการอ่านและคิดอย่างเดียว)
1.พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
2.ญาณวิสัยของผู้ได้ญาณ
3.วิบากแห่งผลกรรมของสัตว์โลก
4.ความคิดเรื่องโลก(โลกเกิดมาได้อย่างไรใครเป็นผู้สร้าง)

 

อจินไตย 4 (เรื่องที่ปุถุชนไม่ควรคิดเพราะไม่อาจจะรู้ด้วยการอ่านและคิดอย่างเดียว)
1.พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
2.ญาณวิสัยของผู้ได้ญาณ
3.วิบากแห่งผลกรรมของสัตว์โลก
4.ความคิดเรื่องโลก(โลกเกิดมาได้อย่างไรใครเป็นผู้สร้าง)

 

อยากรู้....อยากถาม...ให้มากให้ละเอียด เกี่ยวกับ ท้าวมหาพรมชินนะปัณชะระ รวมถึง โอวาท วิชา

 

แนะนำว่าให้ซื้อหนังสือเล่มนี้อ่านเลยครับ ซื้อโดยตรงหรือทางไปรณีย์ก็ได้
รายละเีอียดโทรไปที่ สำนักปู่สวรรค์โดยตรงเลยครับ

ในหนังสือจะมีประวัติคร่าวๆ แล้วก็เป็นธรรมะ ตอนที่่ท่านมาทรงงานที่สำนักปู่สวรรค์
ตอนที่่ท่านมาทรงงานตลอดเวลาเป็ฺนสิบๆปี ท่้านไม่เคยใช้ภาษามนุษย์ ท่้านจะเขียนเป็นภาษาไทย ท่านไม่ต้องการพูด
เวลาสั่งงาน หรือบอกวิถีแก้กรรม ท่านจะเขียนครับ

ส่วนภาษาไทยนั้น สมเด็จโตเป็นผู้สอนท่านครับ




http://www.poosawan.org/book.html