ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Thongkerd

    Thongkerd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +152
    สวัสดีปีใหม่ครับทุกท่านในเวบบอร์ดนี้ ขอให้ทุก ๆ คนสุขภาพกายแข็งแรง จิตใจผ่องใส อารมณ์ดี ขยัน ๆ มีเงินทองใช้ตลอดปี ตลอดชาติ ผมติดตามอ่านกระทู้นี้มานาน มาตลอด ตอบบ้างเป็นบางครั้ง เวบบอร์ดนี้แปลก ท้าทายดี รอลุ้นดี เริ่มต้นปีใหมไทยเรานี้ด้วยข่าวร้ายของซานติก้าผับ ลับไปแล้ว 59 คน ทนทรมานเป็นร้อย สงสารเหลือเกิน แต่ต้องอุเบกขา เพราะช่วยอะไรเขาไม่ได้ เป็นกรรมของเขา ที่ต้องชดใช้ไป วันเคาน์ดาว ข้าพเจ้าก็เคาน์ดาวกับคนข้างบ้านอยู่ประมาณ 20 กว่าคนสนุกมาก แต่หลังจากเคาน์ดาวเสร็จรู้สึกว่าลมหนาวได้พัดเข้ามาเย็น และหนาวมาก ๆ สมัยแต่ก่อนตอนเป็นเด็กถ้าลมแรง ๆ เย็นมาก ๆ ผิดสังเกต ยายผมจะบอกว่าจะมีคนตายโหงเยอะมาก และก็จริงไม่มีวันก็มีงานศพหลาย ๆ หมู่บ้าน รถชนตายบ้าง ตกน้ำตายบ้าง สารพัดที่จะตาย ข้าพเจ้านั่งนึกถึงคำสอนบอกของยายในคืนเคาน์ดาวนั้นพอหนาวมาก ๆ เริ่มมึนแล้วก็ขอลาเข้าไปนอน
    พอเช้าวันที่ 1 ตื่นประมาณ 4 โมงเช้าเปิดทีวีดูแทบช๊อก "ซานติก้า 59 ศพ" พระเจ้าช่วย
    ตนไทยทำไมตายทรมานอย่างนี้ ความรู้สึกของข้าพเจ้ากับลางสังหร ที่ยายเคยสอนไว้เป็นจริงหรือเปล่านี่หรือเป็นเรื่องบังเอิญ ..?? แต่ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าพวกเขามากันแล้ว...
    มาพร้อมกับลมแห่งความโหดร้าย เยือกเย็น พร้อมพรากคนที่รักไปทุกเมื่อ พวกเขามามาก
    กว่าปีที่ผ่านมาอีก ใครที่อ่านอย่าประมาทนะ มีสติเท่านั้น ที่จะช่วยเราได้
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จ.สุราษฎร์ธานีเตือนภัยน้ำป่าไหลหลาก-ดินถล่ม

    [​IMG]

    สุราษฎร์ธานี 2 ม.ค.-เกิดพายุฝนกระหน่ำที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้จังหวัดประกาศเตือนภัยน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม

    ฝนที่ตกหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ทำให้ถนนหลายสาย เช่น ถนนสายสุราษฎร์-พุนพิน เกิดน้ำท่วมมระดับสูงกว่า 20 เซนติเมตร เป็นความยาวกว่า 1 กิโลเมตร ขณะที่สภาพอากาศยังปิด มีเมฆปกคลุมหนาแน่น และฝนยังตกต่อเนื่อง ส่งผลให้คลื่นลมในทะเลแรงสูงกว่า 3 เมตร ทั้งนี้ จังหวัดได้ประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก และดินนโคลนถล่ม และเตือนเรือประมง เรือเฟอร์รี่ เรือโดยสาร ให้ระมัดระวัง ส่วนเรือสปี๊ดโบ๊ทที่รับส่งนักท่องเที่ยวระหว่างเกาะ แก่ง เรือนำเที่ยว และเรือประมงขนาดเล็กให้งดออกจากฝั่ง เพื่อความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

    2009-01-02 10:20:56

    นักท่องเที่ยวแห่หนีกลับจากเกาะสมุย-พะงันหลังเจอฝนถล่ม

    [​IMG]

    สุราษฎร์ธานี 1 ม.ค.-นักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องเดินทางออกจากเกาะสมุย และเกาพะงันหลังเจอพายุฝนและคลื่นลมแรงกระหน่ำหนัก ป้องกันภัยเตือนเรือต่าง ๆ เดินเรืออย่างระวังเป็นพิเศษช่วงนี้

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีพายุฝน คลื่นลมแรงสูงกว่า 3 เมตร พัดกระหน่ำเข้าใส่เกาะสมุยและเกาะพะงัน เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติต่างทยอยเดินทางออกจากแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะสมุยและเกาะพะงัน เพื่อเดินทางไปหาแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดอื่น และต้องการหลบหนีพายุฝนและคลื่นลมแรง ซึ่งเป็นอุปสรรคการท่องเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่

    ด้านป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกาศเตือนเรือประมง เรือเฟอร์รี่ เรือโดยสาร ให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง ส่วนเรือสปีดโบ๊ท ที่รับส่งนักท่องเที่ยวระหว่างเกาะ พร้อมเรือนำเที่ยว และเรือประมงขนาดเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ พร้อมทั้งขอให้ประชาชนเฝ้าติดตามการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด. -สำนักข่าวไทย

    2009-01-01 13:30:15

    ตากหมอกจัดเตือนขับขี่ระมัดระวังผ่านแม่สอด-อุ้มผาง

    [​IMG]

    ตาก,พิษณุโลก 2 ม.ค.- แหล่งท่องเที่ยวยอดภูพื้นที่ภาคเหนือคึกคัก ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ปภ.ตาก เตือนใช้เส้นทางแม่สอด-อุ้มผาง สู่น้ำตกทีลอซู ขับขี่ระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะหมอกลงจัดเช่นเดียวกับพิษณุโลก ย้ำระวังทางลาดชันขึ้นภูหินร่องกล้า

    พ.ต.ต.ศรีพูล วงศ์ละ ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 347 และฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด จ.ตาก ออกตรวจตราการจราจรตามเส้นทาง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งภาพอากาศในจังหวัดตากเช้าวันนี้ (2 ม.ค.) มีหมอกลงจัด โดยเฉพาะถนนสายแม่สอด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ถูกแล้วครับคนเราต้องมีสติมากๆ ยิ่งในเวลาคับขัน
    ดูไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ ญาติที่เขาช่วยอุทิศบุญให้ผู้ตายก็ควรจะอุทิศให้มากๆ

    ฟังจากคนที่หนีรอดมา คนที่หนีไม่ทันคือคนที่เมามากๆครับ

    ตายตอนที่กําลังทําผิดศีลข้อ 5 ...ไม่อยากจะคิดเลยครับว่าไปไหนต่อ
    ดูไว้เป็นอุทาหรณ์ อย่าประมาทครับ ดั่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย

    RIP.(Rest in peace)ครับ
    ขอไว้อาลัยด้วย
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อิสราเอลยังโจมตีฉนวนกาซาต่อเนื่อง

    [​IMG]

    กาซา 2 ม.ค. - ทหารอิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกหลายคน

    ทหารอิสราเอลยังปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ทิ้งระเบิดถล่มเป้าหมายกองกำลังกลุ่มฮามาสในพื้นที่ฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง การทิ้งระเบิดระลอกล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดี ระเบิด 2 ลูก ตกลงใกล้รถยนต์ของผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์อัล-อัคซา ทำให้ช่างภาพได้รับบาดเจ็บ และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล นอกจากนั้น ยังมีผู้บาดเจ็บด้วยอีกหลายคน รถยนต์ถูกไฟไหม้เสียหายยับเยินหลายคัน
    ขณะเดียวกัน ทหารอิสราเอลยังเปิดฉากโจมตีกลุ่มฮามาสจากนอกชายฝั่งทะเล ทั้งยังเตรียมใช้กำลังทหารภาคพื้นดินบุกเข้าฉนวนกาซา หวังปราบปรามกองกำลังฮามาสให้สิ้นซาก ทั้งนี้ เหตุรุนแรงตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 400 คน บาดเจ็บมากกว่า 1,600 คน. - สำนักข่าวไทย

    2009-01-02 02:13:58

    หลายชาติประท้วงอิสราเอลไม่หยุดโจมตีกาซา

    [​IMG]

    อัฟกานิสถาน 2 ม.ค. - ชาวบ้านในหลายประเทศต่างเคลื่อนไหวประท้วงอิสราเอล กรณีไม่หยุดโจมตีกลุ่มฮามาสในพื้นที่ฉนวนกาซา

    ผู้คนในหลายประเทศ ตั้งแต่อัฟกานิสถานไปจนถึงเคนยา ต่างเคลื่อนไหวประท้วงอิสราเอล กรณียังโจมตีกลุ่มฮามาสในพื้นที่ฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายร้อยคน ผู้ประท้วงมีการชูป้ายประณามอิสราเอล เผารูปประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้นำสหรัฐ เผารูปนายกรัฐมนตรีเอฮุด โอลเมิร์ต แห่งอิสราเอล รูปประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัก แห่งอียิปต์ รวมถึงกษัตริย์อับดุลเลาะห์ แห่งซาอุดีอาระเบีย ในฐานะผู้สนับสนุนอิสราเอล

    ขณะเดียวกัน กลุ่มนักศึกษาหัวรุนแรงในอิหร่าน ร้องขอให้รัฐบาลอิหร่านเปิดรับอาสาสมัครมือระเบิดฆ่าตัวตาย ร่วมปฏิบัติการตอบโต้อิสราเอล แต่ผู้นำอิหร่านไม่แสดงท่าทีตอบสนองข้อเรียกร้องดังกล่าว. - สำนักข่าวไทย

    2009-01-02 01:17:32

    พระสันตะปาปาขอสันติในกาซา เนื่องในวันปีใหม่

    [​IMG]

    นครวาติกัน 1 มค. - สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก แสดงความหวังว่า เหตุรุนแรง ความเกลียดชัง และความไม่ไว้ใจกัน จะหมดไปในปี 2552 โดยเฉพาะที่ตะวันออกกลาง

    พระสันตะปาปาตรัสเนื่องในวันปีใหม่และวันสันติภาพโลก 1 มกราคม ของนิกายโรมันคาทอลิก โดยมีแนวคิดคือ การต่อสู้กับความยากจนและสร้างสันติภาพว่า เหตุรุนแรง ความเกลียดชัง และความหวาดระแวงกัน เป็นบ่อเกิดของความยากจน นอกจากนี้พระองค์ยังประณามเหตุรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา โดยเรียกร้องให้ประชาคมโลกช่วยผ่าทางตันให้ทั้งสองฝ่าย

    ทั้งนี้ ยอดผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลในฉนวนกาซา มีจำนวนถึง 400 คน แล้วในวันนี้ ซึ่งเป็นการโจมตีของอิสราเอลติดต่อกัน เป็นวันที่ 6 และเป็นปฏิบัติการทหารครั้งใหญ่ที่สุด ที่มีต่อดินแดนปาเลสไตน์ในรอบหลายทศวรรษ.-สำนักข่าวไทย

    2009-01-01 18:51:23

    รถยนต์ถูกเผากว่า 400 คัน ในคืนวันขึ้นปีใหม่ที่ฝรั่งเศส

    [​IMG]

    ปารีส 1 มค. - กระทรวงมหาดไทยและตำรวจฝรั่งเศส รายงานว่า มีรถยนต์อย่างน้อย 445 คัน ถูกจุดไฟเผาในคืนก่อนวันขึ้นปีใหม่ที่ฝรั่งเศส ซึ่งนับว่ามีมากกว่าปีที่แล้วราวร้อยละ 20

    ทั้งนี้ก ารเผารถยนต์กลายเป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส หลังจากที่เคยเกิดเหตุจลาจลรุนแรงเมื่อปี 2548 และเหตุวุ่นวายในกรีซล่าสุด ยิ่งทำให้กังวลกันว่าวิกฤตเศรษฐกิจจะก่อให้เกิดการจลาจลขึ้นอีก ดังนั้นทางการฝรั่งเศสจึงระดมกำลังตำรวจ 35,000 นาย ในคืนวันขึ้นปีใหม่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วราว 7,000 นาย

    เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า มีรถยนต์ถูกเผา 445 คัน มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 372 คัน และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 288 ราย มากกว่าเดิมที่มี 259 ราย เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2550 โดยมีรายงานการจุดไฟเผาที่ต่าง ๆ ในเมืองสตราส์บูร์ก ตูลูส และนองส์.-สำนักข่าวไทย

    2009-01-01 17:47:54

    ยอดคนตายในญี่ปุ่นพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

    [​IMG]

    โตเกียว 1 ม.ค.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สถานที่ศักดิ์สิทธิ์เนืองแน่น ผู้คนแห่นมัสการขอพรปีใหม่

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ฉะเชิงเทรา, เชียงใหม่ 2 ม.ค.- การจราจรสู่เมืองแปดริ้วคับคั่ง นักท่องเที่ยวหลั่งไหลนมัสการหลวงพ่อโสธรเป็นสิริมงคลในวันปีใหม่ เช่นเดียวกับเชียงใหม่ผู้คนล้นหลามพากันขึ้นนมัสการพระบรมธาตุดอยสุเทพ

    ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากวัดโสธรวราราม อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ยังคงคลาคล่ำไปด้วยประชาชนนับแสนคนที่มาทำบุญและนมัสการขอพรหลวงพ่อพระพุทธโสธรในเทศกาลปีใหม่ ทำให้บริเวณวัดทั้งภายพระอุโบสถหลังใหม่และพระอุโบสถชั่วคราวหลังเก่าแน่นขนัด รวมทั้งถนนทุกสายในเขตตัวเมืองฉะเชิงเทราเป็นอัมพาต เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ต้องปิดถนนตรงบริเวณจุดตัดทางแยกหลายจุด เพื่อลดความแออัดของการจราจรในเส้นทาง

    โดยเฉพาะบริเวณสามแยกโรงเรียนเทศบาล 2 จุดตัด ถนนฉะเชิงเทรา-บางปะกง กับถนนเทพคุณากร เส้นทางผ่านหน้าวัดโสธร และมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง มีแผงเหล็กและกรวยยางมากั้นถนนไว้ เพื่อให้รถที่จะเข้าตัวเมืองผ่านเลยไปเข้าตัวเมืองยังจุดอื่น และสามารถระบายรถออกจากบริเวณหน้าวัดได้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันทางวัดขยายเวลาปิดพระอุโบสถทั้งสองแห่งเป็นเวลา 17.30 น. จากเดิม 16.00 น.ของทุกวัน แต่ถ้ายังมีประชาชนหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องอาจเปิดไปจนกว่าประชาชนจะเบาบาง

    ส่วน จ.เชียงใหม่ เนืองแน่นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะพระบรมธาตุดอยสุเทพ ส่งผลให้ลานจอดรถหน้าวัดเต็มพื้นที่ ส่วนรถรางที่เคลื่อนไปนมัสการพระบรมธาตุมีคิวรอยาวเหยียดมาตั้งแต่เช้า นอกจากนี้ ยังส่งผลให้การจราจรตลอดถนนสายห้วยแก้ว ตั้งแต่สี่แยกรินคำที่เป็นเส้นทางไปแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั้งพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ หมู่บ้านม้งดอยปุย วัดพระธาตุดอยสุเทพ และสวนสัตว์เชียงใหม่ การจราจรเคลื่อนตัวไม่สะดวก.-สำนักข่าวไทย

    2009-01-02 18:21:57

    ใต้ห่วงเที่ยวปีใหม่ชายทะเลระวังคลื่นลมแรง

    [​IMG]

    ภูมิภาค 2 ม.ค.- นครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานียังมีฝนตกต่อเนื่อง ทะเลคลื่นสูงกว่า 2 เมตร เตือนนักท่องเที่ยวและเรือโดยสารระมัดระวัง ย้ำเรือเล็กงดออกฝั่งระยะนี้

    นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในพื้นที่ยังมีฝนตกหนักตลอด ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ฝนจะตกหนักไปถึงวันที่ 4 ม.ค.นี้ และมีคลื่นลมแรงสูงถึง 2-3 เมตร จึงกำชับอำเภอชายทะเลเฝ้าระวังความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจากคลื่นซัดเข้าชายฝั่ง เพราะช่วง 2 วันที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวถูกคลื่นซัดเสียชีวิต 2 ราย ที่ อ.สิชล รายล่าสุดเย็นวานนี้ (1 ม.ค.) ที่หาดหินงาม อ.สิชล คลื่นซัดเด็กชาย 2 คน และได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย

    ด้านจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกาศเตือนประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมรับมือป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมาฝนยังตกต่อเนื่อง และขณะนี้มีเมฆปกคลุมหนาแน่น ส่วนทะเลคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ขอให้เรือประมง เรือเฟอร์รี่ เรือโดยสารเดินเรือด้วยความระมัดระวัง สำหรับเรือสปีดโบ๊ตรับ-ส่งนักท่องเที่ยวระหว่างเกาะ รวมถึงเรือประมงขนาดเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ เพื่อความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

    2009-01-02 11:00:26

    วางระเบิดป่วนใต้ไม่สงบหมายซ้ำทำร้าย ชรบ.นราฯ

    [​IMG]

    นราธิวาส 2 ม.ค.- พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ประสานหน่วยทหารและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบพื้นที่ถนนสายตันหยงมัส-ซีโปร์ บ้านกำปงปาเซ ม.2 ต.เฉลิม หลังเกิดเหตุระเบิดเมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา (2 ม.ค.)

    จึงใช้เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ทุกระบบก่อนเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องแบบเคโม น้ำหนัก 6 กิโลกรัม ใส่ไว้ในกล่องเหล็กวางซุกไว้ใต้ต้นมะเดือใช้เศษใบไม้กิ่งไม้วางทับไว้ และจุดชนวนระเบิดด้วยสัญญาณโทรศัพท์มือถือ โดยก่อนเกิดเหตุชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) จำนวน 6 นาย เข้าตรวจกล่องต้องสงสัยที่จุดดังกล่าวตามที่ได้รับแจ้ง ซึ่งพบว่าเป็นเพียงถุงบรรจุดิน จึงถอนกำลังออก ระหว่างนั้นเกิดระเบิดขึ้นอีกลูก แต่ระเบิดถูกฝั่งไว้ต่ำกว่าระดับถนน สะเก็ดระเบิดจึงปลิวไปฝังดิน ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนสาเหตุเชื่อว่าเป็นสร้างสถานการณ์ไม่สงบ.-สำนักข่าวไทย

    2009-01-02 14:19:31

    ระเบิดอีกลูกดักทำร้ายชุดตรวจสอบนราธิวาส

    [​IMG]

    นราธิวาส 2 ม.ค.- เมื่อเวลา 12.20 น.วันนี้ (2 ม.ค.) พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส นำกำลังตรวจสอบเหตุระเบิดรถยนต์หน้าบ้านเลขที่ 20 ถนนเทศบาล 8 เขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส อ.ระแงะ ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟตันหยงมัส เป็นรถยนต์สีเทา ทะเบียน กข 2223 นราธิวาส ซึ่งผู้ก่อเหตุใช้ซุกซ่อนระเบิดได้รับความเสียหายทั้งคัน รวมทั้งรถกระบะตราโล่ หมายเลข 9311 ของเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.ภ.จว.นราธิวาส ด้านซ้ายถูกไฟเผาทั้งแถบ และรถตู้ของเจ้าหน้าที่กองวิทยาการภูธรจังหวัดกระจกแตก ตัวรถเป็นรูพรุนด้วยสะเก็ดระเบิด

    นอกจากนี้ ยังมีรถกระบะสีเทา ทะเบียน ขฉ 2121 นราธิวาส ของชาวบ้านที่จอดอยู่ใกล้กับรถยนต์ซุกซ่อนวัตถุระเบิด และบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ขณะเดียวกันมีผู้บาดเจ็บ 7 ราย ส่วนใหญ่มีอาการแน่นหน้าอก หูอื้อ และจากการกระแทกพื้นถนน เป็นเจ้าหน้าที่ 4 นาย และชาวบ้าน 3 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลระแงะ ล่าสุดแพทย์อนุญาตให้กลับได้แล้วทั้งหมด

    การตรวจสอบพบว่าผู้ก่อเหตุนำระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 40 กก. ใส่ไว้ในถังดับเพลิง 2 ใบพ่วงติดกัน ซุกไว้ใต้เบาะรถยนต์ด้านหลังแล้วนำมาจอดทิ้งไว้ที่หน้าบ้านดังกล่าว ก่อนจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ เพื่อดักทำร้ายชุดเจ้าหน้าที่เดินทางกลับจากตรวจเหตุระเบิดก่อนหน้านี้ในพื้นที่บ้านกำปงปาเซ ม.2 ต.เฉลิม อ.ระแงะ.-สำนักข่าวไทย

    2009-01-02 16:56:17

    ที่มา http://news.mcot.net/local/

    ชาวบ้านอลหม่าน! หนีตายแผ่นดินทรุด

    [​IMG]

    ตะลึงแผ่นดินทรุด พระและชาวบ้าน อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา ริมแม่น้ำป่าสัก กุลีกุจอขนย้ายข้าวของเครื่องใช้โกลาหล หลังดินถล่มทรุดตัวยาวถึง 300 เมตร กว้างประมาณ 50 เมตร บ้านพัง 4 หลัง ศาลาท่าน้ำวัดอีก 1 หลัง สงสัยสาเหตุเกิดจากการดูดทรายในแม่น้ำป่าสักเป็นจำนวนมาก อาจทำให้พื้นกระแสน้ำเปลี่ยนทิศ หรืออาจเกิดจากเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่วิ่งในแม่น้ำป่าสัก

    เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่พระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก หมู่ 11 ต.ศาลาลอย อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ต้องเร่งขนย้ายสิ่งของภายในศาลาริมน้ำและบ้านเรือนอย่างโกลาหล หลังจากพื้นดินริมแม่น้ำป่าสักทรุดตัวลงเป็นแนวยาว 300 เมตร กว้างประมาณ 50 เมตร ลักษณะเป็นแนวดิ่งเกือบ 2 เมตร ทำให้บ้านที่อยู่ริมแม่น้ำ 4 หลังทรุดตัวพังเสียหายอย่างน่ากลัว ชาวบ้านทั้งหมดเกิดความหวาดกลัวว่าจะเกิดการทรุดตัวเพิ่มขึ้นและสร้างอันตรายมากกว่านี้

    นางทองพูล จันทร์บัณฑิต อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ 11 ต.ศาลาลอย ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนกล่าวว่า เมื่อ 2 วันก่อนเห็นรอยแยกของแผ่นดิน และรอยแตกตามผนังบ้าน แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดเสียงดังลั่นขึ้นตามตัวบ้าน ตกใจตื่นขึ้นมาดู และพบรอยร้าวของตัวบ้านแยกตัวออก จึงเรียกคนในบ้านลุกขึ้นมาเก็บสิ่งของเครื่องใช้ออกจากบ้านโดยด่วน เพราะเกรงว่าบ้านจะถล่มลงมา อีกทั้งเมื่อวิ่งออกมาดูที่ด้านนอกบ้าน พบว่าตลิ่งทรุดตัวลงเป็นแนวยาว บ้านเรือนใกล้เคียงอีก 3 หลังเกิดการแตกร้าว และทรุดตัวลงเช่นกัน นอกจากนี้ ศาลาทรงไทยอายุกว่า 50 ปี ซึ่งเป็นท่าน้ำหน้าวัดศาลาลอยทรุดตัวลงเช่นกัน พระสงฆ์และสามเณรต้องออกมาช่วยกันรื้อเอาวัสดุที่ใช้ได้ไปเก็บรักษาไว้ก่อน

    ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สาเหตุที่ตลิ่งพังดินทรุดตัวจนบ้านได้รับความเสียหายครั้งนี้ น่าจะเกิดจากเมื่อหลายปีก่อนมีการดูดทรายในแม่น้ำป่าสักเป็นจำนวนมาก อาจทำให้พื้นกระแสน้ำเปลี่ยนทิศและส่งผลให้เกิดการทรุดตัวลง หรืออีกสาเหตุอาจจะมาจากในรอบหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ เช่น เรือขนส่งน้ำมัน เรือบรรทุกแร่ และเรือบรรทุกปูนซีเมนต์ ใช้แม่น้ำป่าสักเป็นเส้นทางผ่านเพื่อรับส่งสินค้า ทำให้เกิดคลื่นในแม่น้ำกัดเซาะตลิ่งอย่างสะสม ชาวบ้านอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์เพื่อหาทางแก้ไขหรือป้องกันโดยด่วน

    ที่มา http://www.dmr.go.th/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    2 ม.ค. 2552
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ที่ปลอดภัย...ของท่าน
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ขอสวัสดีปีใหม่กับท่านสมาชิกและท่านผู้อ่านทุกท่าน สิ่งใดที่ท่านทั้งหลายหวังไว้ในปีใหม่นี้ขอให้สมความปรารถนาทุกท่าน
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    วันนี้ผมจะขอแนะนำเพิ่มเติมจากท่าน เกษม ที่ได้ชี้แนะเกี่ยวกับสถานที่ๆปลอดภัย ว่าจะมีลักษณะอย่างไร?
    <O:p</O:p<O:p</O:p
    พื้นที่ๆได้กำหนดไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นวัดที่มีรอยพระพุทธบาท เมื่อท่านได้ทราบแล้ว ผมอยากให้ท่านที่คิดว่าจะไปหลบภัยยังสถานที่นั้น ลองไปดูสถานที่ให้แน่นอนว่าท่านสามารถจะพาครอบครัวไปอาศัยอยู่ได้หรือไม่ ? เสียแต่เนิ่นๆ และ เจ้าที่จะอนุญาตท่านหรือไม่ ? เจ้าที่ของผมหมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลอยู่ ณ. สถานที่นั้น
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ที่ผมแนะนำให้ เพราะจากประสบการณ์ที่ผมพาผู้ที่อยากรู้ ไปดูพื้นที่ 3 ราย แต่ผ่านสายตาผมได้แค่รายเดียว ที่ผมกล้าพูดเช่นนี้เพราะจะมีสัญญาณเตือนให้ผมรู้ว่า คนใดควรอยู่ที่นี่ คนใดไม่เหมาะสำหรับที่นี่
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    บางราย ในที่นี้หมายถึงบุคคลทั่วไปที่อยากจะขึ้นไปบนวัด ขนาดรู้ว่าวัดนี้อยู่ตรงไหน ? เมื่อขับรถไปถึงตีนเขาของวัดยังไม่สามารถขับรถขึ้นเขาได้เลย ต้องโทรฯ ขึ้นไปนิมนต์เจ้าอาวาสลงมารับถึงจะขึ้นเขาได้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ที่เป็นเช่นนี้ เพราะบารมีหรือบุญของคนๆนั้น ยังมากไม่พอสำหรับที่นั้น แต่ก็อย่าเสียใจหรือจิตตก พยายามสร้างบารมีของตัวเอง และหาที่อื่นๆ ต่อไปจนกว่าจะพบ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ผมและผู้ร่วมเดินทางจะขึ้นไปทำรางน้ำ บนวัดนี้ ตามที่ผมเคยลงบทความไปแล้ว เพื่อไว้รองรับน้ำฝนในหน้าฝน แต่ถ้าภายในปีนี้มีเหตุการณ์ไม่ดี คนไหนที่เชื่อก็จะซื้อแท็งค์น้ำขึ้นไปไว้แล้วผมจะต่อระบบเชื่อมต่อถึงกัน
    <O:p</O:p
    ช่วงเวลานั้นจะมีสมาชิกท่านหนึ่งตามผมขึ้นไปดูพื้นที่ด้วย
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สิ่งที่ผมเขียนมานี้ ผมไม่อยากให้ท่านเสียเวลาและปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป และอย่าฝืน ถ้ารู้ว่าอยู่ไม่ได้ก็หาที่อื่นต่อไป<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2009
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ม้าวิเศษของพระเจ้าจักรพรรดิราช
    [​IMG]

    กำเนิดม้าสำคัญของไทยเรานั้น ก็มีที่มาจากวรรณคดีอินเดียนั่นเอง ในวรรณคดีอินเดียกล่าวไว้ว่า พระพายหรือเจ้าแห่งลมพายุเป็นผู้สร้างบังเกิดม้า 4 ตระกูลคือ 1. ม้าวลาหก 2. ม้าอาชาไนย 3. ม้าสินธพ 4.ม้าอัสดร


    ม้าสำคัญอีกตัวหนึ่งของชาวพุทธก็คือ ม้ากัณฐกะ กล่าวคือ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงตั้งพระทัยที่จะออกบรรพชาเพื่อแสวงหาพระโพธิญาณ ได้ให้นายฉันนะไปผูกม้าพระที่นั่งเตรียมไว้ ดังมีข้อความพรรณนาไว้ว่า

    “ได้ทัศนาเห็นพระยาม้ากัณฐกอัศวราช อันมีกายโดยยาวตั้งแต่คอจนท้ายมีประมาณได้ 18 ศอก โดยสูงก็สมควรกับกายอันยาว สีขาวบริสุทธิ์ดุจสังข์ อันขัดใหม่ ศีรษะนั้นดำดุจสีแห่งกา มีเกศาในมุขประเทศขาวผ่องดุจไส้หญ้าปล้องงามสะอาดกอปรด้วยพละกำลังมาก สมควรเป็นราชพาหนะพระที่นั่งทรงองค์บรมจักรพรรดิ”

    เจ้าชายสิทธัตถะทรงม้ากัณฐกะ ออกจากเมืองมาด้วยการช่วยเหลืออย่างลับๆ ของเทพยดาจนถึงแม่น้ำอโนมา “พระยากัณฐกอาชาก็เผ่นโผนข้ามแม่น้ำอโนมานที อันมีประมาณโดยกว้างได้ 8 อุสุภ คือ 14 เส้น ไปตกลงยังฝั่งฟากโน้น” นี่ก็แสดงถึงพลังมหาศาลของม้ากัณฐกะ

    เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงบรรพชาแล้วก็มีรับสั่งให้นายฉันนะพาม้ากัณฐกะกลับกรุงกบิลพัสดุ์ ม้ากัณฐกะก็แสดงความเศร้าโศก “แลบชิวหาออกเลียพื้นฝ่าพระบาทมีโอภาสอันแดงดุจปาวารพัสตรรัตตกัมพลเช็ดสุคนธเรณู แล้วเพ่งดูดวงพระพักตร์ พระโพธิสัตว์มิได้วางตา” เมื่อนายฉันนะจูงม้ากันฐกะเดินไป “ม้านั้นก็ผันหน้ากลับมาดูพระพักตร์ เพ่งพิศจนลับเนตรพันเขตต์ทัศนวิสัย บมิได้วายอาลัยในพระมหาบุรุษราช มีศออันเหือดแห้งขาดเขฬะความโศกปะทะปิดทางอัสสาสบัสลาสเดินไปหน่อยหนึ่ง ดวงหฤทัยก็ทำลายออกเป็นเจ็ดภาค”

    ดูเอาเถิดความจงรักภักดีของม้าที่มีต่อเจ้าของ ถึงแก่หัวใจแตกสลายด้วยผลบุญอานิสงส์ ม้ากัณฐกะก็ไปเกิดเป็น “กัณฐกเทพบุตร” อยู่ในวิมานทองสูง 12 โยชน์ ในดาวดึงส์เทวโลก

    ที่มา http://movie.mthai.com/

    ตำนานถ้ำเชียงดาวโดยย่อ


    ประวัติเดิมของถ้ำหลวงเชียงดาว ในสมัยแรกนั้นมีฤาษีรูปหนึ่งนามว่า พรหมฤาษี เป็นผู้วิเศษด้วยฌานอันแก่กล้า ได้ประชุมเทวดา อินทร์ , พรหม , ยักษา , อสูร และนาคราช ฯลฯ แล้วพากันเนรมิตสิ่งต่างๆ ขึ้นไว้หลายอย่างเช่น
    1. พระพุทธรูปทองคำ
    2. เจดีย์ทองคำ
    3. ต้นโพธิ์ทองคำ
    4. ช้างวิเศษ
    5. ดาบวิเศษ
    6. ผ้าทิพย์
    7. อาหารทิพย์
    8. ม้าวิเศษ
    ม้าวิเศษนี้มิได้อยู่ในถ้ำเชียงดาว นัยว่าเอาไปไว้ในถ้ำอำเภอฝาง แต่ไม่ทราบว่าถ้ำใดแน่ เคยออกมา ๓-๔ ครั้งแล้ว สิ่งวิเศษเหล่านี้ นัยว่ามีไว้สำหรับ พระเจ้าทรงธรรม (ธรรมมิกราช) อันจะมาปราบอธรรมในวันข้างหน้า ในเมื่อมนุษย์ปราบไม่ไหวแล้ว แต่ไม่ใช่มาแย่งมนุษย์ปราบศาสนา ศีลธรรมจะร้างจากโลกเมื่อไร ก็นั้นแหละกองทัพของพระเบื้องบนจึงจะลงมาปราบโลก ในระหว่างนี้ได้มีเทวดาผู้จดรายนามฝูงมนุษย์ ผู้กระทำความดีและความชั่วถึง ๔ แสนองค์แล้ว เพื่อนำรายนามของมนุษย์ขึ้นเสนอพระผู้เป็นเจ้า(พระอินทร์) ในวันตัดสินโลก

    ถ้ำหลวงเชียงดาวนี้ ตำนานได้กล่าวไว้ว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ปกาสิตให้เทวยักษ์ตนหนึ่งมีนามว่า “เจ้าหลวงคำแดง” กับบริวาร ๑๐,๐๐๐ มารักษาของวิเศษดังกล่าว นามเดิมของเจ้าหลวงคำแดงคือ “สุวรรณ คำแดง” ได้มาเฝ้ารักษาดอยหลวงเชียงดาวอยู่นานถึง ๖๐๐ ปีกว่าแล้ว เทวธิดา ซึ่งเป็นชายาของเจ้าหลวงคำแดงมีนามว่า จอมเทวี เธอสถิตย์ อยู่ที่ดอยนางทางเฉียงเหนือของดอยเชียงดาวอันมีเขตติดต่อกัน ต่างฝ่ายก็รักษาศีล ๘ จึงแยกกันอยู่คนละแห่ง ไม่ได้อยู่ร่วมกันมานานแล้ว ​


    [​IMG]
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>หนังสือวิวรณ์ 19:11-16 พูดไว้อย่างละเอียดเกี่ยวกับการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซู:


    “แล้วข้าพเจ้าได้เห็นสวรรค์เปิดออก และดูเถิด มีม้าขาวตัวหนึ่ง พระองค์ผู้ทรงม้านั้นมีพระนามว่า "สัตย์ซื่อและสัตย์จริง"พระองค์ทรงพิพากษาและกระทำสงครามด้วยความชอบธรรม พระเนตรของพระองค์ดุจเปลวไฟและบนพระเศียรของพระองค์มีมงกุฎหลายอันและพระองค์ทรงมีพระนามจารึกไว้ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้จักเลย นอกจากพระองค์เอง

    พระองค์ทรงฉลองพระองค์ที่จุ่มเลือด และพระนามที่เรียกพระองค์นั้นคือ "พระวาทะของพระเจ้า" เหล่าพลโยธาในสวรรค์สวมอาภรณ์ผ้าป่านเนื้อละเอียด ขาวและสะอาดได้นั่งบนหลังม้าขาวตามเสด็จพระองค์ไป มีพระแสงคมออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้ทรงฟันฟาดบรรดานานาประชาชาติด้วยพระแสงนั้น และพระองค์จะทรงครอบครองเขาด้วยคทาเหล็ก พระองค์จะทรงเหยียบย่ำบ่อองุ่นแห่งพระพิโรธอันเฉียบขาดของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด พระองค์ทรงมีพระนามจารึก ที่ฉลองพระองค์และที่ต้นพระอูรุของพระองค์ว่า "พระมหากษัตริย์แห่งมหากษัตริย์ทั้งปวงและเจ้านายแห่งเจ้านายทั้งปวง”

    ที่มา http://www.endtimewarning.net/modules.php?name=FAQ&myfaq=yes&id_cat=1&categories=#1

    [​IMG]

    ในศาสนาอิสลามและศาสนาฮินดู ที่เป็นศาสนาหลักของโลกเช่นกัน ก็แทบไม่มีอะไรแตกต่างไปจากศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะศาสนาอิสลามที่มีหลายสิ่งหลายอย่างคล้ายกับศาสนาคริสต์อยู่ไม่น้อย ไม่ว่าการแสดงความยอมรับต่อศาสดาที่เรียกว่านบีคนเดียวกันก่อนที่จะมาถึงท่านนบี มูฮัมหมัด ไม่ว่าจะเป็นอับราฮัม, มูซาหรือโมเสส, อีซาหรือพระเยซู ซึ่งในช่วงเวลาที่ก่อนที่ ”ท่านมะฮุดี” ซึ่งคล้ายๆ กับพระเมสซิอาห์ของชาวคริสต์ หรือพระศรีอาริยะเมตไตรยของชาวพุทธจะเสด็จมา

    ศาสนาอิสลามถึงกับบอกไว้ว่า อะไรต่างๆ ในโลกจะเสื่อมลงจนผู้ที่ยังยึดมั่นในความเชื่อ ความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า ต่อพระอัลเลาะห์ หรือยังยึดมั่นกับมาตรฐานและค่านิยมแบบผู้คนในยุคอดีตนั้น…จะเหลืออยู่น้อยมากจนแทบนับเป็นรายหัวได้เลย หรือจะต้องอึดอัดอดทนกับมาตรฐานหรือค่านิยมใหม่ๆ กันแบบแทบเป็นแทบตาย

    สำหรับศาสนาฮินดูนั้น มีการคาดคะเนไว้ล่วงหน้าถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะนำไปสู่ความเสื่อมกันถึงขนาดที่เรียกว่าจะเกิดยุคที่ “มนุษย์จะต่ำช้าสามานย์” อย่างถึงที่สุด จนกระทั่งพระวิษณุที่เคยอวตารลงมาปราบยุคเข็ญของโลกในยุคต่างๆ ติดต่อกันมาแล้วถึง 9 ยุค ยังเกิดอาการจนปัญญา ถึงขั้นที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว นอกจากจะต้องทำลายมนุษย์ทั้งหลายทิ้ง แล้วสร้างโลกขึ้นมาใหม่ อย่างที่เรียกว่า “กัลกียุค” หรือยุคที่พระวิษณุอวตารลงมาเป็น “กัลกี” วีรบุรุษขี่ม้าขาว มือขวาถือดาบแห่งการทำลายล้าง ก่อนที่ “ยุคใหม่” จะถือกำเนิดขึ้น


    หมายเหตุ

    จากการที่ผมได้รวบรวมข้อมูล ของพระเจ้าจักรพรรดิราช(พระศรีอาริย์) มานี้ก็รู้สึกแปลกใจมากว่า เรื่องของพระเจ้าจักรพรรดิ์ มีการบอกกล่าวเอาไว้ตรงกันหมด ไม่ว่าจะเป็นจากศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ก็บอกไว้ว่าพระเจ้าจักรพรรดิ์ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ จะมาปรากฎในฐานะจอมกษัตริย์ของโลก ที่ทรงขี่ม้าขาวเป็นพาหนะ มีพระเกียรติยศยิ่งใหญ่ที่คนทั้งโลก ให้การเคารพยกย่องบูชา ​

    ถ้าเรื่องของพระเจ้าจักรพรรดินี้เป็นเรื่องเพ้อฝัน เหตุไฉนจึงได้มีการบอกเล่าสืบต่อกันมานานนับเป็นพันๆ ปีเช่นนี้ และความรู้เรื่องพระเจ้าจักรพรรดินี้ก็มาจากส่วนต่างๆ ของโลกที่อยู่ห่างไกลกันอย่างมาก ยิ่งในสมัยก่อนการคมนาคมยังไม่สามารถติดต่อถึงกันด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดเล่าจึงสามารถบอกกล่าว รูปร่าง ลักษณะ ความยิ่งใหญ่ ของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ได้ตรงกันหมดเช่นนี้ จึงนับเป็นเรื่องนาอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง​

    ***********************************************​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2009
  8. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    พระนิตยโพธิสัตว์องค์ที่หนึ่ง (พระศรีอาร์ฯ) บารมีเต็มแล้ว
    จิตหลักทรงรอตรัสรู้อยู่ข้างบน ไม่ลงมาเปื้อนกรรมอีก แต่
    ทรงเมตตาแบ่งภาคลงมาคอยช่วยอยู่

    พระนิตยโพธิสัตว์องค์ที่สอง จะบารมีเต็มในชาตินี้ และรออยู่
    ข้างบนเหมือนกัน (เมื่อตายเสร็จกิจจากชาตินี้) เกิดเป็นคน
    ธรรมดาเพราะกรรมน้อยดี รับวิบากกรรมชดใช้อยู่เพื่อชำระตน
    เองให้พร้อมกับการตรัสรู้

    พระนิตยโพธิสัตว์ องค์ที่ สามและสี่ กำลังบำเพ็ญพ้นภูมิแห่ง
    กษัตริย์แล้ว

    พระนิตยโพธิสัตว์ องค์ที่ห้าขึ้นไป และผู้บำเพ็ญบารมีท่านอื่นๆ
    จำนวนมาก กำลังบำเพ็ญในภูมิกษัตริย์แข่งขันกันเป็นเจ้าจักรพรรดิ์
    โดยมีมหาโพธิสัตว์องค์ใหญ่ สำคัญๆ คอยดูแล ไม่ให้กระทบ
    กระเทือนต่อโลกมากไป พระเยซู อายุได้ประมาณ 20 แล้ว
    พระนาราย ไม่แน่ใจว่าอายุเท่าไร ใกล้ๆ กัน องค์อื่นๆ ก็ต่าง
    บำเพ็ญในภูมินี้ คงยากที่จะห้ามสงคราม ยกเว้นว่ามหาโพธิสัตว์
    รุ่นพี่จะหาวิธีจัดสรรให้พอดี พอเพียง โดยไม่ขวางการบำเพ็ญ
    ของรุ่นน้องๆ เขาด้วยครับ


    ฟังเล่นๆ กันครับ...
     
  9. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    [​IMG]


    องค์นี้จะมาเป็นกรรมการจัดสรรแบ่งให้และ
    คงมาทำหน้าที่เป็นสังฆราชโลกด้วยครับ
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พระสังฆราชของโลก

    [​IMG]
    หลวงปู่อุปคุต

    เท่าที่ผมทราบมา พระอุปคุตมหาเถระเจ้า จะมาเป็นหนึ่งใน "สามร่มโพธิ์ศรี" มาเป็นพระสังฆราชของโลก ในยุคพระศรีอาริย์(พระเจ้าจักรพรรดิ์)ในกึ่งพุทธกาลนี้ครับ

    อ้างอิงจาก พระฯ ท่านพยากรณ์ว่า

    หลวงปู่อุปคุตที่จำพรรษาอยู่กลางสะดือทะเล อันเป็นวังใหญ่ของพญานาค ซึ่งเป็นสถานที่เก็บถาดทองคำ (ภาชนะที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ฉันข้าวมธุปายาสก่อนตรัสรู้) ของพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ ในกัปนี้ จะออกมาให้ชาวโลกได้พบและทำบุญ

    อ้างอิงจากพุทธทำนาย ในศิลาจารึกที่ประเทศอินเดีย

    พระธรรมจะเริ่มเปล่งรัศมีฉายแสง ส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อมี ธรรมิกราชโพธิญาณ บังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของ พระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องต้นตะวันออกของมัชฌิมประเทศ จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคต ให้รุ่งเรืองสืบไปถึง ๕,๐๐๐ พระวัสสา ​

    อ้างอิงจากคุณอัญญาสิทธิ์

    ถึงคุณ เกษม เรื่อง "สามร่มโพธิ์ศรี" นั้นที่จริงคือเรื่องของพระจักรพรรดิ์ ที่พระศรีฯ จะลงมายกยอพระศาสนา ที่พระศรีฯท่านมาเป็นพระยาธรรมิกราช ปกครองโลก พระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่งทำหน้าที่เป็นคล้ายพระสังฆราชของโลก และพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่งทำหน้าที่คล้ายนายกของโลก โดยมีเหล่า อัญญาสิทธิ์ และ อัญญาธรรม ซึ่งเป็นผู้ที่ลงมาทำหน้าที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ปฎิบัติรอพระจักรพรรดิ์ กันทั้งนั้นและมักอยู่ในที่ลี้ลับ แต่ถ้าปฏิบัติจิตถึงก็สื่อกันได้

    อ้างอิง จากคุณ คณานันท์

    สำหรับอานิสงค์ในการจัดสร้างพระอุปคุต เพื่ออัญเชิญท่านไปเพื่อเป็นสิริมงคลและช่วยคุ้มครองประเทศไทยของเรา ให้ปลอดภัยจากภัยพิบัติครับ เพราะท่านเอง เป็นพระมหาเถระผู้ทรงอภิญญาฤทธิ์ ที่ทรงอิทธิบาทสี่มีอายุมานับพันปีแล้ว ท่านได้อธิษฐานอยู่ช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ครบห้าพันปี เป็นที่เคารพสักการะของบรรดาพญานาคทั้งปวง(โดยเฉพาะที่ได้ อธิษฐานทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วยเช่นกัน บางท่านก็อยู่ช่วยในภพแห่งนาค บางคนก็ขึ้นมาเกิดเป็นมนุษย์อยู่ ณ ปัจจุบันนี้ ที่รู้ตัวอยู่ก็มาก ที่เริ่มจำกันได้ระลึกชาติกันได้ก็มาก)


    **********************************************
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Upacut.jpg
      Upacut.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.9 KB
      เปิดดู:
      2,565
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2009
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ตำแหน่งพระเจ้าจักรพรรดิ์นั้น จะบังเกิดในโลกมนุษย์ได้คราวละ 1 พระองค์ เท่านั้นครับและไม่สามารถแย่งกันเป็น หรือแบ่งกันเป็นเหมือนตำแหน่งประธานาธิปดีนะครับ แต่โลกมนุษย์เราสามารถมีพระพุทธเจ้าและพระเจ้าจักรพรรดิ์ พร้อมกันในวาระเดียวกันได้

    ตำแหน่งพระเจ้าจักรพรรดิ์ เป็นตำแหน่งที่จะคงอยู่ไปจนกว่า ผู้มีบุญตามวาระนั้นๆ จะหมดอายุขัยไปหรือทรงออกผนวชตลอดชีวิต พระเจ้าจักรพรรดิ์องค์อื่นๆ จึงจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งนี้ได้ต่อไปได้ ซึ่งอาจะมีต่อเนื่องกันไป 5 - 6 พระองค์ก็ได้ ตามความเหมาะสมของโลกมนุษย์ในยุคนั้นๆ ครับ

    เรื่องพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเต็มแล้ว จะไม่มาบังเกิดบนโลกมนุษย์นี้อีก เป็นความคิดที่ผิดนะครับ เพราะพระโพธิสัตว์ท่านมีจิตที่มุ่งจะสงเคราะห์สัตว์โลกอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พระองค์เห็นสัตว์โลกประสพกับความทุกข์อยู่แล้ว จะทรงทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว เสวยความสุขแต่เพียงลำพังเพียงพระองค์เดียว

    ขึ้นชื่อว่า"พุทธวิสัย" นั้นเป็นอจินไตยครับ พระองค์สามารถจะเนรมิตตัวแทนของพระองค์ขึ้นมาไว้ในที่ใดๆ ในเทวโลกหรือในโลกนี้ก็ได้ ทรงสามารถจะแบ่งกาย(อวตาร) ไปอยู่ในสถานที่ต่างๆ ได้พร้อมกันในเวลาเดียวกันก็ได้ การปักใจเชื่ออยู่อย่างเดียวว่า ท่านอยู่บนสวรรค์ยังไม่ได้บังเกิดในโลกมนุษย์นี้ จึงเป็นความคิดของมนุษย์ที่ยังเข้าไม่ถึง"พุทธวิสัย" ของพระโพธิสัตว์ท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2009
  12. tanakrit1977

    tanakrit1977 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +71
    สวัสดีปีใหม่ท่านสมาชิกเวปพลังจิต ขอให้ทุกท่านจงมีแต่ความสุข สมหวัง คิดสิ่งหนึ่งสิ่งใด จงสมประสงค์ ในสิ่งที่ตั้งใจและหวังไว้ ในปีนี้และปีต่อๆ ไป
    โมทนาสาธุ
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อิสราเอลยังโจมตีกาซ่าล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2

    [​IMG]

    กาซ่า ซิตี้ 3 ม.ค.- เครื่องบินรบของอิสราเอลยังคงโหมกระหน่ำโจมตีกาซ่าในวันนี้ ซึ่งถือเป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้วที่อิสราเอลเปิดศึกโจมตีกาซ่า และยังไม่มีแนวโน้มจะยุติปฏิบัติการ ขณะที่แกนนำกลุ่มฮามาสในซีเรีย ออกโรงเตือนอิสราเอลจะถูกตอบโต้ ถ้าส่งกองกำลังภาคพื้นดินบุกกาซ่า

    ด้านสหรัฐเปิดทางให้อิสราเอลเคลื่อนพลบุกกาซ่าได้อย่างเต็มที่ โดยโฆษกทำเนียบขาว บอกว่า การใช้ปฏิบัติการทางอากาศ หรือใช้กองกำลังภาคพื้นดินบุกเข้าไป ล้วนแล้วแต่เป็นปฏิบัติการในรูปแบบเดียวกัน และทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของอิสราเอล แต่ถ้ากลุ่มติดอาวุธฮามาสในกาซ่า ยอมยุติการยิงจรวดเข้าโจมตีอิสราเอลอย่างถาวร ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีข้อตกลงหยุดยิงเกิดขึ้น

    ขณะที่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันกดดันกลุ่มฮามาส ให้ยุติการยิงจรวดเข้าไปโจมตีอิสราเอล เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงเป็นไปอย่างยั่งยืน ทั้งยังระบุว่า กลุ่มฮามาสในกาซ่า ควรต้องรับผิดชอบกับเหตุรุนแรงล่าสุดที่เกิดขึ้น ผู้นำสหรัฐยังไม่เห็นด้วยที่อิสราเอลจะทำข้อตกลงหยุดยิงแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะเท่ากับเปิดโอกาสให้กลุ่มฮามาสยิงโจมตีอิสราเอลได้อีก.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    อ้างอิงจากที่คุณ tamsak กับคุณ อัญญาสิทธิ์ โพสไว้นะครับ



    เรื่องราวของพระศรีฯ มีผู้คนกล่าวถึงกันมาก แต่ก็เป็นความรู้ความคิดที่ยากจะยืนยันเพราะคนส่วนใหญ่ยังขาดความเข้าใจในเรื่องของประเพณีพุทธภูมิ ว่าท่านทำบารมีมาอย่างไร ที่นำมาเล่าสู่กันฟังนี้ก็เพื่อคนที่สนใจจริงและลงมาเพื่อการสั่งสมบารมีเท่านั้น สำหรับท่านที่อ่านแล้วไม่เข้าใจก็ขอให้วางจิตเป็นกลางๆแล้วก็ผ่านไปครับ เท่าที่เราได้รับฟังมาจากครูบาอาจารย์นั้นเป็นดังนี้ครับ

    ในยุคพุทธกาลพระศรีฯท่านจุติลงมาเป็นพระอชิตะภิกขุ เมื่อท่านรับพุทธทำนายจากพระสมณโคดมแล้ว ท่านก็ตัดคอถวายพระพุทธเจ้า(ตรงนี้ตำราไม่บันทึกไว้) แต่ครูบาอาจารย์ท่านรับรองว่าเป็นอย่างนั้น

    ที่จริงพระศรีฯ ท่านลงมาสงเคราะห์โลก อยู่หลายวาระหลังจากสมัยพุทธกาลมา รวมทั้งชาติที่เป็นพระศรีอาริย์ วัดไลย์ นั่นก็ใช่ของท่านชาติหนึ่ง ชาตินั้นเมื่อเผาร่างของท่านแล้วก็กลายเป็นก้อนทองแดง เขาจึงนำมาผสมหล่อเป็นองค์พระศรีอาริย์ วัดไลย์ <O:p

    หลังจากชาติพระศรีอาริย์ วัดไลย์ จ.ลพบุรี แล้ว พระศรีฯท่านลงมาอีกหลายวาระ ชาติหนึ่งมาเป็นกษัตริย์ฝั่งลาว(ยุคอยุธยา) ชาตินั้นท่านจุติลงมาเป็นพระไชยเชษฐาธิราชพระมหากษัตริย์ชองลาว (ผู้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาจากเมืองเชียงใหม่) และชาติที่เป็นกษัตริย์ทั้งฝั่งไทย(คือพระพุทธเจ้าหลวง) <O:p</O:p

    ตามตำนานแล้วพระไชยเชษฐาฯ เมื่อตอนที่บุเรงนองส่งกองทัพมาตีเมืองเวียงจันทร์ พระไชยเชษฐาฯไม่ต้องการให้ประชาชนล้มตาย ท่านเลยขี่ม้าเสด็จออกจากเมืองเวียงจันทร์ เพียงพระองค์เดียว เพื่อไปรับมือกองทัพพม่า และท่านได้ทำฤทธิ์ เขียนชื่อท่านลงบนกระดาษเป็นพันๆแผ่น แล้วก็เสกเป็นตัวพระไชยเชษฐาฯขึ้นมา เป็นพันๆคนเข้าต่อสู้กับทหารพม่า เมื่อทหารพม่าฆ่าพระไชยเชษฐาฯ(ตัวปลอม)ตายก็กลายเป็นกระดาษทั้งสิ้น แต่ตัวจริงของพระไชยเชษฐาฯ ท่านขี่ม้ามาล้มลง ณ เมืองรามลักษณ์ ปัจจุบันเป็นสถานที่แห่งหนึ่งในจังหวัดหนองคาย เมื่อท่านสวรรคตแล้วร่างกายของท่านได้กลายเป็นพระพุทธรูปสามสี เทวดาเขาสวยสรงกันอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ณ เมืองรามลักษณ์ กลางวันมีน้ำไหลออกจากฝ่าเท้าเป็นสีทอง กลางคืนมีน้ำไหลออกจากฝ่าเท้าเป็นสีเงิน <O:p</O:p
    <!-- / message -->และในยุคร่วมสมัยปัจจุบันนี้ท่านลงมาบวชเป็นพระท่านบอกว่าเป็นชาติสุดท้ายพระศรีฯท่านจุติลงมาที่บ้านพระเจ้าในราวปี2457 ที่จังหวัดร้อยเอ็ดท่านบวชเณรตั้งแต่สมัยเป็นเด็กจากนั้นก็อุปสมบทเป็นพระสงฆ์ในปี2477 บวชได้2 พรรษาท่านมาอยู่กับหลวงปู่เสือโก้ก(พระครูสุนทรสาธุกิจ) ที่จ. มหาสารคามในสมัยนั้นในวัดมีพระสงฆ์อยู่ประมาณ700 รูปเมื่อไปจำพรรษาที่นั่นหลวงปู่เสือโก้กให้พระสงฆ์40 พรรษามาปรนนิบัติท่านไม่ให้ท่านออกบิณฑบาตแต่ให้พระสงฆ์ในวัดบิณฑบาตมาให้ฉันเมื่อมีการชุมนุมพระสงฆ์ในวัดหลวงปู่เสือโก้กจะปูอาสนะแยกต่างหากให้ท่านนั่งเป็นประธานสงฆ์ทางขวามือของหลวงปู่เสือโก้กเสมอครูบาอาจารย์ท่านเล่าว่าในสมัยนั้นพระครูลุน(สำเร็จลุน) แห่งนครจำปาศักดิ์ท่านจะนั่งรวมอยู่กับพระในแถวด้านหน้า


    จากนั้นท่านก็ธุดงค์ไปในที่ต่างๆผ่านภูทอกและภูเขาต่างๆมากมายทั้งในฝั่งไทยและลาวและเมื่อท่านข้ามไปฝั่งประเทศลาวปู่ฤษีประไลยโกฏิท่านมารับไปปฏิบัติที่ภูเขาควายท่านไปปฏิบัติอยู่ที่นั่นนานหลายปีท่านเล่าว่าท่านบำเพ็ญอดอาหารเป็นเวลา4 ปีและท่านบอกว่าบางครั้งท่านได้ลงไปโปรดสัตว์ในนรกเมื่อท่านลงไปในนรกไฟนรกจะดับลงชั่วคราว

    <O:pเมื่อสำเร็จขั้นโลกอุดรทุกประการตามบารมีแล้วท่านก็เข้าไปปฏิบัติธรรมต่อในภูเขาควายชั้นในซึ่งต้องอาศัยบารมีและฌานสมาบัติอันแก่กล้าจึงจะผ่านภูเขากระเดื่องเข้าไปได้ท่านว่าถ้าบารมีไม่ถึงไม่มีฌานสมาบัติขั้นสูงสุดก็ตายสถานเดียวมีพระสงฆ์ไทยเพียงไม่กี่รูปที่ท่านบอกว่าผ่านเข้าไปที่ภูเขาควายชั้นในได้เช่นหลวงปู่ทวดหลวงปู่สีทัตย์หลวงปู่ยีและรวมถึงพระสงฆ์บางรูปในฝั่งลาวเราจำชื่อไม่ได้แล้วครับ

    <O:pเมื่อสำเร็จธรรมขั้นของพระมหาโพธิสัตว์แล้วท่านก็ไปโปรดสัตว์อยู่ในฝั่งลาวหลายปีรวมทั้งไปอธิษฐานเปิดพิพิธภัณฑ์ที่พระธาตุหลวงประเทศลาวที่ในอดีตกษัตริย์องค์สำคัญของลาวคือพระไชยเชษฐาธิราชท่านสร้างและอธิษฐานไว้ว่าพิพิธภัณฑ์ที่ท่านสร้างซึ่งมีผนังเป็นหินนั้นห้ามผู้ใดเปิดได้ยกเว้นเมื่อผู้สร้างเขามาเกิดใหม่แล้วเขาจะเป็นผู้เดียวที่สามารถเปิดพิพิธภัณฑ์นั้นได้หลวงปู่บอกว่าท่านก็ไม่ได้ทำอะไรมากท่านแค่ยกมือยื่นมือไปขางหน้าประตูลับก็เปิดออกข้างในมีเครื่องสูงของกษัตริย์ลาวมากมาย

    <O:pก่อนปีพ.ศ. 2500 ท่านก็ข้ามมาฝั่งไทยแล้วธุดงค์โปรดสัตว์ไปเรื่อยๆจากจ.นครพนมจนมาอยู่ณที่วัดแห่งหนึ่งเมื่อปี 2500 และเป็นวัดที่ท่านใช้เป็นสถานที่ละสังขารเมื่อ7 มีนาคม2544 ท่านสั่งให้คณะของเรามีหน้าที่ดูแลรักษาสังขารของท่านไว้คณะเราได้บรรจุร่างท่านไว้ในหีบแก้วบูชาด้วยหัวน้ำหอมและเครื่องสูงอีกหลายอย่างเพื่อจะได้อานิสงส์บุญกุศลทำนองเดียวกันกับที่พ่อพระอินทร์ท่านดูแลร่างของพระมหากัสสปะไปจนถึงยุคพระศรีฯซึ่งร่างพระมหากัสสปะขณะนี้อยู่ที่เขาสามภูทางตอนใต้ของประเทศอินเดียนั่นเอง

    <O:pก่อนละสังขารท่านบอกว่าเราว่าปู่จะไปทำธุระเดี๋ยวปู่กลับมาใหม่เท่าที่เราเข้าใจครูบาอาจารย์ท่านไม่มาเกิดแบบคนทั่วไปอีกแล้วเพราะท่านสำเร็จธรรมระดับโลกอุดรเพราะฉะนั้นท่านสามารถกลับมาในร่างของโลกอุดรที่ท่านใช้อยู่ถึง12 ร่างได้ทุกเวลาที่ท่านต้องการท่านกลับจะมาแน่นอนในช่วงเวลาตั้งแต่ปี2549 - 2560 ท่านบอกว่าให้ปฏิบัติรอท่านซึ่งเราคิดว่าท่านจะกลับมาเมื่อคณะของเราสร้างปราสาทพระเจ้า5 พระองค์เสร็จซึ่งประกอบด้วยปราสาท5 หลังหลังหนึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตจำลองหน้าตัก3.80 เมตร1 องค์(เป็นสัญญลักษณ์ของพระศรีฯ) อีกสี่หลังเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตจำลองหน้าตักองค์ละ3.50 เมตร 4 องค์(เป็นสัญญลักษณ์ของพระพุทธเจ้าอีก4 พระองค์) ซึ่งขณะนี้กำลังก่อสร้างหอพระแม่ธรณี(หอพระจักรพรรดิ์) ตอนนี้ใกล้จะเสร็จแล้วและจะถวายเข้าเป็นสมบัติของพระศาสนาในวันออกพรรษาปีนี้หอนี้เป็นส่วนด้านหน้าของปราสาทพระเจ้า5 พระองค์ทั้งนี้เพื่อรองรับบารมีพระศรีฯที่ท่านจะลงมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ในไม่กี่ปีข้างหน้านี้<O:p</O:p


    <TABLE class=tborder id=post185284 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>tamsak<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_185284", true); </SCRIPT>
    ทีม พระไตรปิฏก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Sep 2004
    สถานที่: Bangkhen, Bangkok
    อายุ: 45
    ข้อความ: 5,048
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 6051 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_185284 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Aunyasit
    สำหรับเรื่องภัยพิบัติของกรุงเทพฯ นั้น บางอย่างเป็นความลับสวรรค์ เปิดเผยมาก ก็ไม่ดีต่อตนเอง เอาเป็นว่าหากใครปฏิบัติตัวอยู่ในศีลธรรม ก็จะได้อยู่ดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับกรุงเทพฯ ผมเองพยายามหาทางชักจูงและย้ายที่อยู่ของญาติๆจากภาคใต้ไปอยู่ทางภาคอีสานให้เสร็จภายใน 3 ปี เพราะเวลาของการเปลี่ยนแปลงใกล้เข้ามามากแล้วครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ดูรายการเรื่องเล่าเช้านี้เมื่อสองวันก่อน ที่พูดถึงลอยเลื่อนศรีสวัสด์ที่อาจทำให้เขื่อนเขาแหลมและเขื่อนศรีนครินทร์พังได้ และผลที่จะตามมาคือ ทำให้น้ำท่วม 17 จังหวัดในภาคกลางซึ่งรวมทั้ง กทม. ด้วย ภายในเวลา 35 ชั่วโมง (ไม่แน่ใจว่าจำนวนเวลาถูกต้องหรือไม่) พอมาอ่านที่ คุณ Aunyasit พูดถึงไว้ ก็เลยคาดเอาว่าภัยพิบัติของ กทม. อาจจะมาจากสาเหตุนี้ก็เป็นได้

    ด้วยความที่เป็นคน กทม. มาแต่กำเนิด ก็คอยติดตามข่าวคราวภัยพิบัติต่างๆ ที่จะมีผลกระทบต่อ กทม. มาตลอด ช่วงแรกก็วิตกกังวลมากเหมือนกัน อยากจะย้ายและอพยพครอบครัวและญาติพี่น้องขึ้นไปทางภาคเหนือ หรือภาคอีสาน แต่พอมาดูสตางค์ในกระเป๋า และดูว่าถ้าย้ายไปแล้วจะไปประกอบอาชีพอะไรดี ก็ร้องเฮ้อ..อยู่ในใจ ในที่สุดก็เริ่มปล่อยวาง คิดว่าถ้าหากถึงวาระ ก็คงต้องไปตามวาระ คงหนีไม่พ้น ก็เลยพยายามทำความชั่วให้น้อยลงและพยายามทำสิ่งดีๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ในขณะเดียวกันก็ทำใจให้ยอมรับความตายที่เข้ามาใกล้ทุกขณะ (ความตายในที่นี้อาจจะเกิดจากเหตุอื่นๆ ก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นภัยพิบัติอย่างเดียว)

    ถึงอย่างไรก็ตาม แม้จะทำใจได้อย่างนั้นแล้ว ก็ยังอยากรู้ อยากทราบเรื่องราวภัยพิบัติต่างๆ ที่จะบังเกิดแก่ กทม. อยู่ดีนั่นแหละ ทำไงได้ละครับ ยังเป็นปุถุชนธรรมดาที่ยังอยากรู้ อยากเห็น เรื่องราวของผู้อื่น ของสิ่งอื่นๆ อยู่นี่นา เผื่อว่า หากเกิดขึ้นจริง และถ้าหนีหรืออพยพได้ทันก็จะได้เตรียมตัวและบอกกล่าวญาติมิตรให้ทราบทั่วกัน

    หากคุณ Aunyasit เห็นว่า มีส่วนไหนที่พอจะเปิดเผยเรื่องภัยพิบัติของ กทม. ได้ ก็อยากให้ช่วยบอกเล่าเก้าสิบสู่กันฟังบ้าง โดยไม่ผิดกฎของสวรรค์ ผมเชื่อว่า ชาว กทม. นับแสนนับล้านคนก็คงอยากรู้ชะตาชีวิต และชะตาบ้านเมืองของตนเหมือนกันครับ และช่วงเวลาที่ว่าควรอพยพไปภายใน 3 ปี นั้น 3 ปี ที่ว่าเริ่มต้นนับตั้งแต่ พ.ศ.ใด และจะสิ้นสุดลงในปี พ.ศ.อะไรครับ
    <!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>



    <TABLE class=tborder id=post186025 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Aunyasit<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_186025", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2005
    ข้อความ: 709
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 607 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_186025 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->คุณ tamsak

    ผมนับหนึ่งในเดือนมกราคม 2549 ถึงมกราคม 2552 ผมก็คงจะเผ่นแล้วครับ จะไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่ รอกาลเวลาน่ะ ในระหว่าง 3 ปีนี้ก็จะเร่งทำบารมีให้เข้มข้นกว่าเดิมและก็คาดว่าจะมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย

    เวลาเหตุการณ์เกิดนั้นคงจะมาทุกแนว จะมีภัยพิบัติทาง ดิน น้ำ ลม ไฟ อุบัติเหตุ/ภัยสงคราม และโรคระบาด ครับ

    ใครมีบุญวาสนาดีก็จะได้อยู่ดูยุคพระยาธรรมิกราชหรือพระจักรพรรดิ์ครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    จากกระทู้ http://palungjit.org/showthread.php?t=13361 ครับ
     
  15. pmntr

    pmntr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +2,244
    ขอให้ทุกคน พิจารณา มรณานุสติกันได้แล้วนะครับ
    สิ่งใดก็ไม่แน่นอน
    ภัยพิบัติอาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้
    แต่ความตายนั้นเกิดแน่นอน
    ขอจงอย่าประมาทในชีวิต
    จงมีสติ และปัญญาในการดำเนินชีวิตอยู่เสมอๆนะครับ

    ช่วงนี้ผมรบกวน ให้มีการแนะนำการป้องกันอันตราย จากฝุ่นกัมมันตรังสี และอากาศพิษอีกสักครั้งนะครับ คือไม่มีอะไรหรอกครับ แต่อยากให้แนะนำแบบเต็มรูปแบบอีกสักครั้ง
    ประมาณว่าซ้อมใหญ่น่ะครับ หรือว่าจะเป็นไปได้ไหมครับว่ามีการแนะแนว หรือการซ้อมใหญ่ สมมุติว่าเกิดสงครามใหญ่ ประมาณว่าใช้นิวเคลียร์เป็นอาวุธน่ะครับ ย้ำนะครับว่าแนะนำแบบเต็มรูปแบบ ขอแค่ให้มีคนรู้มากที่สุดก็พอครับ
    ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น เราทำได้แค่นี้
    555 ไม่ต้องคิดมาก ขำๆน่ะครับ แต่เอาจริง
    อยากให้แนะนำอีกสักครั้งจริงๆ
    ขอบพระคุณล่วงหน้านะครับ
     
  16. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130

    ในชาดก บันทึกอดีตชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้าและพระอานนท์ไว้ว่า


    ทั้งสองได้ครองสมบัติเป็นเจ้าจักรพรรดิ์ มีทุกอย่างเสมอกันหมด
    พระอานนท์และพระพุทธเจ้า อยู่มาวันหนึ่งปรารถนาจะท่องเที่ยว
    ไปให้สุดแดนดินของตน ให้คนขับรถม้าไปยังสุดแดนนั้น ก็ได้พบกัน


    พระพุทธเจ้ามีคนขับรถคือพระสารีบุตร
    พระอานท์มีคนขับรถคือ พระโมคัลลานะ


    ทั้งคู่จะต้องมี 1 ท่านที่หลีกทางให้อีกฝ่ายไปก่อน ดังนั้น ต่างก็ว่า
    ขอให้อีกฝ่ายหลึกทางไปก่อนให้พระเจ้าจักรพรรดิ์ได้เดินทางไปก่อน
    ทว่า ทั้งคู่ก็เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ และครองอำนาจ สมบัติเท่ากัน ดังนั้น
    พระโมคัลลานะจึงว่า ถ้าเช่นนั้น คุณธรรมใครมากกว่าผู้นั้นได้ทางก่อน


    จึงสรรเสริญคุณธรรมของพระอานท์ว่า
    "เอาชนะคนตระหนี่ด้วยความตระหนี่มากกว่า
    เอาชนะคนมักโกรธด้วยความโกรธมากกว่า
    เอาชนะ..." (โดยย่อประมาณนี้นะ)


    พระสารีบุตรจึงสรสริญคุณ นายของตน คือ พระพุทธเจ้าขึ้นว่า
    "เอาชนะคนตระหนี่ ด้วยการให้
    เอาชนะคนมักโกรธ ด้วยการอภัย
    เอาชนะ..." (โดยย่อประมาณนี้นะ)


    แล้วพระอานนท์ก็จำต้องหลีกทางให้พระพุทธเจ้าไปก่อน

    ...................................................................

    สรุปชาดกเรื่องนี้ เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่า "มหาจักรพรรดิ์มีมากกว่าหนึ่งได้"
     
  17. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    ถ้า "จิตภาคแบ่งของพระศรีอาร์ฯ" ที่บำเพ็ญได้แล้วคนนั้น
    เอาความเป็นจักรพรรดิ์ ก็จะได้เป็นถึงขั้น "บรมจักรพรรดิ์"
    แม้สวรรค์ 6 ชั้น อีกพรหมโลก สุขาวดีโลก ก็ยังต้องเกรงใจ
    แต่เป็นทางอ้อม ทำให้มีกรรมมาก ไม่อาจตรัสรู้ได้เร็ว


    แต่ถ้าสละเสียซึ่งสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ก็จะสามารถ
    รอตรัสรู้เป็น "องค์ที่สอง" ถัดจากพระศรีอาร์ฯ ที่เป็นจิตหลัก
    ได้ เป็นพระพุทธเจ้าแบบ "ปัญญาธิกะ" คือ แบ่งภาคจากจิต
    ของผู้ที่พร้อมตรัสรู้ แล้วบำเพ็ญลัดครบทศบารมีสามสิบทัศ
    ในชาติเดียว


    ดังนี้ พระพุทธเจ้าสมณโคดม จึงแสดงปาฏิหาริย์วันหนึ่งด้วย
    ดวงอาทิตย์ขึ้น 1 ดวงทางตะวันออก ดวงฉัพพรรณรังสีของ
    พระองค์ที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อทางทิศตะวันตก เพื่อสื่อถึง
    ความนัยปริศนาธรรมนี้ (พระอาทิตย์กำลังขึ้น คือ เจ้าจักพรรดิ์)
     
  18. namjaii

    namjaii เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +276
    จริงๆแล้ว ถ้าไม่เห็นด้วย ก็ไม่ควรเข้ามาในห้องนี้ ตัวป่วนจริงๆ นึกว่าจะหายแล้วนะนิสัยนี้ อยากเห็นหน้าตา คุณจังเลย จะได้ถอยให้ห่าง
     
  19. Thongkerd

    Thongkerd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +152
    จากต้นปี 2551 เราไม่เคยรู้ว่าอะไรจะเกิดระหว่างปี 2551 แม้แต่หมอดู โหรดังยังทำนายไม่แม่นพอ แต่ที่แน่ ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ภัยพิบัติที่พม่า เมืองจีน แม้แต่มนุษย์ฆ่ากันเองที่รัสเซียทำกับเพื่อนบ้านที่ติดกัน เมืองไทยก็ใช่ย่อย แหล้ง น้ำท่วม ล่าสุดหนาวถึงกระดูกดำเลยก็ว่าได้ นี่คือธรรมชาติ กำลังมองหาความสมดุล ผมกำลังย้อนรำลึกถึงหนังเรื่อง The day The Earth stood still มนุษย์ต่างดาวผู้ทรงปัญญา กล่าวว่า โลกนี้เป็นโลกของสิ่งมีชีวิต มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิต โลกนี้ไม่ใช่โลกมนุษย์ ทุกอย่างมนุษย์ตู่เอาเองทั้งนั้น แพร่ประชากร ใช้ทรัพยากรมากเกินไป ขาดการควบคุมชาติที่ดี ทำให้ธรรมชาติเสียสมดุล ดังนั้นมนุษย์ผู้ทรงปัญญาจึงต้องทำลายมนุษย์ซึ่งเป็นตัวปัญหาทิ้ง เพื่อโลกยังคงยืนอยู่ต่อไป Stood still เพื่อให้สรรพชีวิตทุกชนิดยังคงอยู่ต่อไป อาจจะรวมมนุษย์ที่ยังคงเหลือเล็กน้อยก็ได้
    1.คำถามต่อมาคือ ในความเป็นจริง มนุษย์สามารถเปลี่ยนตัวเองได้จริงหรือ ?????
    2.การเปลี่ยนตัวเองของมนุษย์ทุกผู้ทุกเหล่าจะต้องได้รับการกระตุ้นจากธรรมชาติก่อนไหม ??? ถ้าธรรมชาติกระตุ้นมนุษย์ด้วยภัยธรรมชาติ มนุษย์จะเหลือรอดสักกี่คน
    3.หรือจะมีผู้ทรงปัญญา ทรงอำนาจอย่างพระจักรพรรดิ ที่มีอำนาจ และฤทธิ์ มาเปลี่ยนมนุษย์ ด้วยศัทธาตามคติความเชื่อของแต่ละศาสนา
    หากจะตอบแล้ว ผมคิดว่า ข้อ 2 เป็นข้อแรกที่จะต้องเกิดขึ้นเป็นจริงและแน่นอนที่สุด
    แต่ที่แน่ ๆ มนุษย์ไม่สูญพันธ์ แน่นอน มนุษย์เปลี่ยนแปลงตัวเองยากมาก และชอบรอคอยคนมีบุญมาโปรด แต่การถูกกระตุ้นจากธรรมชาติ ทำให้มนุษย์เราเปลี่ยนมารักกันมากขึ้น
    ช่วยกันมากขึ้น และมองย้อนความผิดพลาดที่เคยได้ทำไว้เป็นบทเรียนในอนาคต เอาละงั้นเรามามองดูอนาคตกันเริ่มต้นปี 2552 นี้ ว่าระหว่างปีจะเกิดเหตุการณ์ดัง ๆ อะไรบ้าง ไม่นับที่ซานติก้านะ หมอดู โหรดังก็ทำนายแล้ว การเมืองก็แย่ เศรษฐกิจก็จะเน่า สังคมก็ยุ่งแน่ละเพราะคนทุกคนไม่ยอมเปลี่ยนแม้แต่ผมเองก็เหอะ ยากมากกับการลดน้ำหนักของตัวเอง
    หวังว่าบอร์ดนี้คงอยู่นำข่าวใหญ่ ข่าวดัง เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกระทู้นี้มาเล่า เตือน บอกสู่กันฟัง
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ๕. พหุธาตุกสูตร (๑๑๕)
    (คัดลอกมาเฉพาะเรื่องของพระพุทธเจ้าและพระเจ้าจักรพรรดิ)

    พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้

    (๑๐) ย่อมรู้ชัดว่า ข้อที่มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส คือ พระอรหันต-*สัมมาสัมพุทธ ๒ พระองค์ พึงเสด็จอุบัติในโลกธาตุเดียวกัน ไม่ก่อนไม่หลังกัน นั่นไม่ใช่ฐานะที่มีได้ และรู้ชัดว่า ข้อที่เป็นฐานะมีได้แล คือ พระอรหันต-*สัมมาสัมพุทธพระองค์เดียว พึงเสด็จอุบัติในโลกธาตุเดียว นั่นเป็นฐานะที่มีได้ ฯ

    (๑๑) ย่อมรู้ชัดว่า ข้อที่มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส คือ พระเจ้าจักรพรรดิ ๒ องค์ พึงเสด็จอุบัติในโลกธาตุเดียวกัน ไม่ก่อนไม่หลังกัน นั่นไม่ใช่ฐานะที่มีได้ และรู้ชัดว่า ข้อที่เป็นฐานะมีได้แล คือ พระเจ้าจักรพรรดิพระองค์เดียว พึงเสด็จอุบัติในโลกธาตุเดียว นั่นเป็นฐานะที่มีได้ ฯ

    ที่มา http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=14&A=3432&Z=3646
     

แชร์หน้านี้

Loading...