พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รายนามท่านที่ร่วมบุญ
    4.คุณtawatd ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
    5.คุณnewcomer ร่วมทำบุญ 300 บาท

    โมทนาสาธุครับ
     
  2. พุทธันดร

    พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ยกคำชมให้น้อง เค้าเป็นคนถ่ายและทำกราฟฟิคค่ะ

    วันนี้เราไปวัดใกล้ๆกันเลยคุณหนุ่ม โมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309


    อนุโมทนาครับบ้านอนุสาวรีย์ ไปอย่างไรจากอนุสาวีย์ชัยต้องทำไงบ้างถึงจะไปหาบ้านหลวงพี่เล็กได้
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ผมเพิ่งกลับมา ขอร่วมบุญด้วย 300 บาท.
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    2 มกราคม 2552 06:38 PM
    #26354
    วันนี้( 2 มกราคม 2552) ผมมีงานบุญมาบอกกับชาววังหน้าทุกๆท่าน

    เนื่องในวันปีใหม่ของไทยเรา คือวันที่ 13 เมษายน 2552 ที่จะมาถึงนี้ ผมจะจัดงานสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 5 พระองค์ ( องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมเด็จพระพุทธสิกขีที่1(สมเด็จองค์ปฐม) , องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกกุสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม โกนาคมนะ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม กัสสปะ และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ) ,พระอรหันต์ ไม่น้อยกว่า 30 พระองค์ (มีพระธาตุพระอรหันต์สมัยพุทธกาล ,หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า และพระธาตุหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด) ,พระบูชา (พระพุทธรูป ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี)

    การจัดงาน ผมจะแจ้งวันและเวลาอีกครั้ง(ผมจะแจ้งโดยตรงถึงพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านเอง) ในงานสรงน้ำครั้งนี้ ผมจะนิมนต์พระอาจารย์นิล และพระอาจารย์ผม มาฉันเพล เมื่อเสร็จสิ้นการถวายเพล และการสรงน้าแล้ว ผมจะมีการแจกพระสมเด็จให้กับทุกๆท่านที่มาร่วมงาน ผมจึงมาบอกบุญกับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน

    การร่วมทำบุญมีหลักเกณฑ์ดังนี้
    1.ร่วมทำบุญ 100 บาท พระสมเด็จจำนวน 1 ชุด(ขอไม่แจ้งจำนวนองค์) แต่รับพระสมเด็จ 1 องค์
    2.ส่วนที่เหลือผมจะแบ่งไปสำหรับการมอบพระสมเด็จให้กับท่านที่ไปร่วมงานสรงน้ำ
    3.ในส่วนที่แจกทุกๆท่านที่ไปร่วมงาน หากยังมีเหลือ ผมจะนำไปมอบให้กับพี่ใหญ่ เพื่อมอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญกับทุนนิธิท่านอาจารย์ประถม อาจสาครครับ
    4.จะนำไปบรรจุที่พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง
    5.จะนำไปบรรจุที่พระเจดีย์ที่พระอาจารย์ผมจะดำเนินการสร้างขึ้น

    หากผมนำไปบรรจุในพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งไม่ทัน ผมจะขอนำไปบรรจุที่พระเจดีย์ที่พระอาจารย์ผมจะดำเนินการสร้างขึ้นนะครับ

    แต่หากว่ามีท่านที่ร่วมทำบุญมากกว่าพระสมเด็จที่มีอยู่ ผมจะนำพระพิมพ์อื่นๆมาเพิ่มเติม ในส่วนนี้ผมจะนำไปบรรจุในพระเจดีย์เพียงอย่างเดียว จะไม่มีการนำมามอบให้นะครับ

    ระยะเวลาในการร่วมทำบุญ ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2552
    สิ้นสุดวันที่ 15 มกราคม 2552 เวลา 18.00 น.

    สำหรับท่านที่มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญ ผมขอพิจารณาเป็นรายท่านนะครับ เนื่องจากการโอนเงินร่วมทำบุญ จะต้องโอนเงินเข้าบัญชีผมเอง เมื่อผมตอบตกลงแล้ว ผมจะแจ้งหมายเลขบัญชีให้อีกครั้งครับ

    หมายเหตุ ท่านที่ร่วมทำบุญทุกๆท่าน เมื่อผมตอบตกลงแล้ว ให้แจ้ง ชื่อ - นามสกุล ของท่าน และบุคคลในครอบครัวของท่าน ที่ท่านประสงค์จะเป็นเจ้าภาพร่วมกัน ให้ผมทราบด้วย ผมจะได้นำรายชื่อไปแจ้งในงานสรงน้ำ ,มอบให้กับพี่ใหญ่(ในกรณีที่มอบพระให้กับทางทุนนิธิ) ,ถวายพระอาจารย์นิล และพระอาจารย์ผมครับ

    โมทนาสาธุครับ
    http://palungjit.org/showthrea...24#post1771424

    http://palungjit.org/showthrea...2445&page=1318

    รายนามท่านที่ร่วมบุญ
    1.คุณพุทธันดร ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
    2.คุณชวภณ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
    3.คุณพิมพาภรณ์ ร่วมทำบุญ 100 บาท
    4.คุณtawatd ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
    5.คุณnewcomer ร่วมทำบุญ 300 บาท
    6.คุณnarin96 ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
    7.คุณเพชร ร่วมทำบุญ 300 บาท

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  7. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    ลองดูรายละเอียดจาก แผนที่ ทางไปวัดท่าขนุน และบ้านอนุสาวรีย์ ครับ
    http://palungjit.org/showthread.php?t=81273
    หลวงพี่เล็กจะมาบ้านอนุสาวรีย์ วันที่ ๒-๓-๔ มกราคม ๒๕๕๒ ครับ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>งานเลี้ยงปีใหม่ อร่อยอย่างไร ไม่ให้อ้วน / เอมอร คชเสนี
    http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9510000151940
    </TD><TD vAlign=baseline align=right width=85>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย เอมอร คชเสนี</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>26 ธันวาคม 2551 11:33 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อรับชมและฟัง ในรูปแบบ Photo Slide Show

    เทศกาลปีใหม่เวียนมาถึงอีกแล้วนะคะ หลายคนคงได้รับเชิญไปงานเลี้ยงที่นั่นที่นี่ ผู้ที่ต้องควบคุมน้ำหนักอาจจะกังวลกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นได้ในช่วงนี้ วันนี้จึงนำเทคนิคกินเลี้ยงฉลองปีใหม่อย่างไรไม่ให้อ้วนมาฝากค่ะ

    จัดงานอย่างฉลาดหากคุณเป็นเจ้าภาพ
    สามารถใช้วิธีดัดแปลงสูตรอาหารบางสูตร เช่น ใช้นมพร่องมันเนยแทนกะทิ ใช้ซอสผลไม้แทนครีมซอส เพิ่มเมนูผักให้มากขึ้น และใช้วิธีอบหรือย่างแทนการทอด

    เลือกจัดงานตอนกลางวันในวันหยุด แทนที่จะจัดในช่วงค่ำๆ ซึ่งหลังงานเลี้ยงก็เป็นเวลาเข้านอน อาหารที่กินเข้าไปจึงถูกเก็บสะสมไว้ในร่างกาย อีกเรื่องที่ต้องระวังคืออย่ากินของเหลือเพราะเสียดายของ

    เน้นสังสรรค์มากกว่าอาหาร
    คนที่ไปงานเลี้ยงส่วนใหญ่มักตั้งเป้าว่าจะกินอาหารให้มากที่สุด โดยคิดว่า “ต้องให้คุ้ม” ซึ่งมักจะต้องมานั่งเสียใจภายหลังเมื่อน้ำหนักเพิ่ม ก่อนอื่นจึงควรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ว่าการไปงานเลี้ยงนั้นก็เพื่อพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงมากกว่า

    รองท้องก่อนไปงานเลี้ยง
    ในวันที่ต้องไปงานเลี้ยง ควรกินอาหารให้ครบมื้อแต่เปลี่ยนเป็นอาหารที่เบาขึ้น เน้นโปรตีนไขมันต่ำ เช่น ปลา ไข่ เต้าหู้ เพิ่มผักผลไม้ให้มากขึ้น และดื่มน้ำเปล่าตลอดวัน เพื่อเฉลี่ยกับอาหารแคลอรี่สูงในงานเลี้ยง

    นอกจากนี้ ควรหาอะไรเบาๆ รองท้องก่อนไปงาน เช่น แซนด์วิชทูน่ากับโยเกิร์ต หรือสลัดสักจาน จะทำให้คุณกินอาหารในงานเลี้ยงได้น้อยลง การปล่อยให้ตัวเองหิวจะทำให้ขาดความยับยั้งชั่งใจ และกินมากเกินไป

    ชิมอย่างละคำสองคำ
    สำหรับงานเลี้ยงโต๊ะจีน อาหารจะทยอยนำมาเสิร์ฟ หากคุณอยากชิมอาหารทุกชนิด ก็ควรรอชิมอย่างละนิดอย่างละหน่อยเท่านั้น

    สำหรับงานเลี้ยงบุฟเฟต์ ให้เดินดูอาหารทั้งหมดก่อน แล้วจึงเลือกตักอาหารที่คุณอยากกินจริงๆ เลือกให้หลากหลาย แต่พอประมาณเช่นกัน

    ข้อสำคัญ คือ ความพอดี วิธีนี้จะทำให้คุณสามารถอร่อยกับอาหารได้หลายชนิด แต่ไม่มากจนเกินไป

    สำหรับงานเลี้ยงที่มีบริกรมาตักเสิร์ฟ อย่าลืมกำชับเขาด้วยว่านิดเดียวพอ และไม่เติมอีก

    พยายามเลือกอาหารเพื่อสุขภาพก่อน
    ก่อนอื่นให้เริ่มด้วยการตักซุปใสหรือน้ำแกงมากินก่อนสัก 1-2 ถ้วย แล้วจึงตามด้วยอาหารจานหลักอื่นๆ จะช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้น

    ควรเลือกอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ ไขมันน้อยๆ เช่น อาหารประเภทยำและย่าง ซุปใส สลัด ส้มตำ และหลีกเลี่ยงอาหารทอด สำหรับของหวานควรเลือกผลไม้สด ดีกว่าเค้กหรือไอศกรีม แต่ถ้าอดใจไม่ไหว ก็อย่าลืมกฎชิมอย่างละคำสองคำ

    รับประทานช้าๆ
    ค่อยๆ ลิ้มรสชาติอาหารทุกคำ เพราะไม่ว่าจังหวะการกินของคุณจะเร็วหรือช้าแค่ไหนก็ตาม สมองจะสั่งให้อิ่มในเวลาประมาณ 20 นาทีนับตั้งแต่เริ่มกิน ดังนั้นการกินช้าๆ คุณจะรู้สึกอิ่มทั้งๆ ที่กินเข้าไปไม่มาก ตรงข้ามกับคนที่กินเร็ว กว่าจะอิ่มก็กินเข้าไปมากแล้ว ดังนั้นอย่าก้มหน้าก้มตากิน ให้สลับด้วยการพูดคุยหรือเดินทักทายกับเพื่อนฝูง

    ดนตรีมีผลต่อการกิน
    มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ เคยศึกษาถึงอิทธิพลของเสียงดนตรีที่มีต่อการกิน พบว่า ดนตรีสนุกๆ จะกระตุ้นให้กินเร็วขึ้น ขณะที่ดนตรีช้าๆ ในจังหวะผ่อนคลาย จะทำให้กินคำเล็กลง เคี้ยวอาหารนานขึ้น จังหวะการกินช้าลง และยังรู้สึกสบายใจมากกว่า ดังนั้น อย่าปล่อยให้ดนตรีมากระตุ้นให้กินมากเกินไปนะคะ

    นั่งใกล้คนกินช้า
    ถ้าเลือกได้ ให้เลือกนั่งใกล้คนที่กินช้า การนั่งใกล้คนที่กินเร็วหรือกินเก่ง มีส่วนทำให้คุณกินมากตามไปด้วย

    นั่งให้ไกลอาหาร
    หากมีอาหารล่อตาอยู่ใกล้ๆ คุณก็คงตักกินไปเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าเลือกได้ การนั่งให้ไกลอาหาร ย่อมกินได้น้อยลง

    เลือกจานและช้อนให้เล็กเข้าไว้
    จานใบเล็กจะทำให้คุณตักอาหารน้อยลงถึง 20% เพราะคุณจะเห็นเลยว่าอาหารที่ตักมานั้นเต็มจานแล้ว จากการศึกษาพบว่า คนที่ใช้จานใบเล็กจะกินน้อยกว่าคนที่ใช้จานใบใหญ่ถึง 59% ส่วนการใช้ช้อนเล็กๆ ก็เพื่อให้กินได้ในปริมาณน้อยลง เมื่อเทียบกับการใช้ช้อนขนาดธรรมดา

    เลือกแก้วทรงผอมสูง
    แก้วทรงผอมสูงดีกว่าแก้วทรงเตี้ยอ้วน เพราะมีส่วนช่วยลดปริมาณเครื่องดื่มลงได้มากกว่า

    วางช้อนส้อมบ้าง
    เมื่อกินเสร็จในแต่ละคำ ให้วางช้อนส้อมทุกครั้ง การถือช้อนส้อมไว้ในมือ มักจะทำให้กินมากเกินไป เพราะจะตักอยู่ตลอดเวลา

    ทิ้งเศษอาหารไว้บนจาน
    จากการศึกษาพบว่า การเก็บกระดูกไก่ ก้างปลา หรือกระดาษห่อ ไว้บนจาน มีส่วนช่วยให้กินอาหารได้น้อยลง

    กินด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด
    ข้อนี้ลำบากหน่อย แต่ได้ผลแบบไม่ต้องอธิบาย

    หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม
    ถ้าคุณตั้งใจจริงจะพบว่า คุณสามารถสนุกสนานกับเพื่อนๆ ได้ แม้จะดื่มเพียงน้ำเปล่า ข้อนี้อาจทำได้ยาก เพราะบางงานเลี้ยงไม่มีน้ำเปล่าให้ด้วยซ้ำ อย่างน้อยขอให้เป็นน้ำผลไม้หรือพันช์ จะดีกว่าน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    ใช้เสื้อผ้ากับลิปสติกเป็นตัวช่วยสุดท้าย
    หากรู้ตัวว่าห้ามใจตัวเองไม่ให้กินเยอะๆ ไม่ได้แน่ๆ ขอให้เลือกใส่ชุดสวยที่ฟิตเข้ารูป ซึ่งจะจำกัดการกินของคุณไปในตัว และทาปากสีสวยๆ เข้าไว้ จะได้กินอย่างระมัดระวัง

    อย่าสนุกเพลินจนดึกเกินไป
    มีการวิจัยพบว่า คนที่นอนหลับพักผ่อนน้อย ร่างกายจะเร่งการเผาผลาญมากขึ้น ทำให้รู้สึกหิวมากกว่าปกติ ดังนั้นถ้าคุณสนุกกับงานเลี้ยงจนดึก วันรุ่งขึ้นคุณอาจจะกินมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    ชดเชยด้วยการออกกำลังกาย
    เช้าวันรุ่งขึ้นอย่าอ้างว่าเพลีย ให้ลุกขึ้นมาออกกำลังกายตามปกติ แต่ไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองจนเกินกำลัง คุณอาจสัญญากับตัวเองว่า อาทิตย์นี้จะเพิ่มการใช้พลังงานในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น เช่น เดินให้มากขึ้นแทนการใช้รถ ใช้บันไดแทนลิฟต์ ทำงานบ้านด้วยตัวเองมากขึ้น หรือหยุดกินขนมหวาน 1 อาทิตย์ และถ้าหากทำได้ ให้ลองทำต่อไปอีก 1 อาทิตย์หรือนานกว่านั้น มีหรือจะอ้วนกว่าเดิม

    ไม่ยากเกินไปใช่ไหมคะกับเคล็ดลับที่นำมาฝากกัน อย่ากังวลจนหมดสนุกกับงานเลี้ยงก็แล้วกันนะคะ ถ้าเป็นอาหารที่คุณชอบ ก็จงอร่อยกับมัน เพียงแต่อย่าตามใจปากจนเกินไป ถ้าอร่อยกับอาหารคุณภาพต่ำแล้ว ก็ต้องรู้จักเติมอาหารที่ดีมีประโยชน์ให้กับตัวเองด้วย และอย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อขจัดพลังงานส่วนเกิน หากทำได้อย่างนี้ ไม่ว่าจะต้องไปงานเลี้ยงสักกี่งาน ก็ไม่อ้วนค่ะ

    ติดตามฟังรายการ “สภาพสุข สุขภาพ”
    ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-12.00 น.
    ทางคลื่นยามเฝ้าแผ่นดิน FM 97.75 MHz
    และ
    www.managerradio.com
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    ทำไมหนทางถึงลึกลับขนาดนี้อ่ะครับ แผนที่บอกไม่ละเอียดผมหลวงแน่กลัวไปเสียเที่ยวจริงๆวันไหนจะไปหาจุดนัดพบพาผมไปมั่งได้ไหมครับ หลงแน่นอนผมยิ่งเอ๋อไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่
     
  10. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    แล้วก็ผมอยากไปโรงพยายบาลสงฆ์อาพาธแต่ไปไม่เป็น - -"
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โรงพยาบาลสงฆ์ ตามนี้ครับ

    แผนที่โรงพยาบาลสงฆ์
    http://www.pantown.com/board.php?id=9774&area=1&name=board1&topic=6&action=view
    [​IMG]

    โดยคุณ S o l a r c e l l [16 ส.ค. 49 11:01] ( IP A:203.151.46.132 X: )


    ความคิดเห็นที่ 1
    อีกอันครับเพื่อชอบ
    [​IMG]

    โดยคุณ peace [19 ธ.ค. 50 23:15] ( IP A:125.24.80.60 X: )
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.6 KB
      เปิดดู:
      8,689
    • 6-20071219231514.jpg
      6-20071219231514.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.1 KB
      เปิดดู:
      25,717
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แผนที่โรงพยาบาลสงฆ์ รามา และราชวิถี
    http://www.pantown.com/board.php?id=9774&area=1&name=board1&topic=5&action=view

    [​IMG]

    โดย: S o l a r c e l l [16 ส.ค. 49 10:50] ( IP A:203.151.46.132 X: )
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.6 KB
      เปิดดู:
      1,276
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทรงแนะนำทักษะรักการอ่าน
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=186785&NewsType=1&Template=1

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ในการเสด็จฯทรงวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนรวมและปฏิบัติการทางการแพทย์ พร้อมทอดพระเนตรแบบจำลองการก่อสร้างอาคารและนิทรรศการ จิตอาสาและการรักการอ่าน ณ รพ.ชลประทาน (ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เนื่องใน “วันสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้งที่ 22” สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยาย เรื่อง “ภาษาไทยเข้มแข็ง และรักการอ่าน” ว่า การเรียนภาษาใช้ทักษะทั้ง การพูด ฟัง อ่าน เขียน การพูดสื่อสารสู่ผู้ฟังอีกคนหนึ่ง หรือแม้แต่การสื่อสารกับตนเอง ถ้าไม่มีภาษา ไม่มีความคิด ไม่สามารถบอกเล่าอดีต อนาคตได้ เมื่อคนพูดเป็น คนฟังต้องฟังเป็นด้วย และภาษาพูดเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละสังคมไม่เหมือนกัน
    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับสั่งว่าภาษาเขียน มีหลายแบบ วาดรูปก็เป็นการเขียนแบบหนึ่ง เช่น รับสั่งภาษาจีนได้แต่สื่อสารได้ไม่หมด จึงทรงต้องวาดภาพประกอบช่วยให้คนจีนเข้าใจ เมื่อเขียนแล้วต้องมีคนอ่าน บางคนสมองเต็มจำไม่ได้ต้องจดเอาไว้ เมื่อมาอ่านทบทวนแล้วจำได้ ในการนี้ทรงยกตัวอย่างว่า “เพื่อนคนหนึ่งโกรธหรือโมโหใคร จะเขียนลงในไดอารี่ พอนานวันเข้าลืมกลับมาอ่านใหม่ก็โมโหขึ้นมาอีก” หรือเขียนเพื่อเป็นการเตือน เช่น “อย่าเทน้ำลงกระโถน” เมื่อคนเขียนได้ คนอ่านก็ได้ บางทีอ่านซึ้งจนน้ำตาไหล บางครั้งอ่านแล้วคลื่นไส้ การเขียนทางวิทยาศาสตร์ก็ย่อเป็นสมการ เขียนแผนผัง แผนที่ ไดอะแกรม หรืออักษรเบรลล์ สำหรับคนตาบอด

    ในประสบการณ์การอ่าน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับสั่งถึงครั้งทรงดนตรีกับเพื่อน ๆ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฟังแล้วรับสั่งว่า เล่นไม่ถูก จากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานโน้ตดนตรี จึงกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ทรงนำวางไว้โก้ ๆ เท่านั้น แต่ความจริงแล้วอ่านตัวโน้ตไม่ออก

    “คนปัจจุบันไม่ค่อยรักการอ่าน เพราะมีเรื่องตื่นเต้น กิจกรรมอย่างอื่นให้ทำมากกว่า เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เดี๋ยวนี้คนอ่านสั้นลง การเขียนก็สั้นลง เขียนเป็นนิยายไม่ได้เหมือนแต่ก่อน การเขียนนิยายเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่ต้องอาศัยความสามารถ มีอาจารย์ท่านหนึ่งเกษียณอายุราชการแล้ว กราบทูลถามว่าทรงอ่านหนังสือจบเล่มบ้างไหม จึงทรงลองจดดู พบว่าปี ๆ หนึ่งอ่านได้ประมาณ 40 เล่ม แต่ปีนี้อ่านได้ 20 เล่มเท่านั้น”

    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับสั่งว่า ครู คือ นักเรียนตลอดชาติ ตลอดชีวิต ครูต้องรักการอ่าน ไม่อย่างนั้นไม่มีอะไรมาสอนนักเรียน ชั่วโมงเรียนในปัจจุบันมีเพียง 7-8 คาบ คาบละ 50 นาที แต่ความรู้ในโลกมีมากมาย จึงต้องหาอ่านนอกตำราเอง การอ่านที่ดี ต้องอ่านเร็วและจับใจความให้ได้ โดยเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ทรงอ่านตามถุงกระดาษฝรั่งดอง ถุงกล้วยแขก สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงสอนเวลาเสด็จฯชนบท ให้ช่วยทบทวนประชาชนเรื่องการอ่าน เพราะเราไปเยี่ยมเขาไม่ได้ตลอดเวลา บางครั้งส่งหนังสือเรื่องทำมาหากินไป ต้องสามารถอ่านได้เอง

    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงยกตัวอย่างประโยชน์ของการอ่านว่า รุ่นน้องทรงขอให้ช่วยทำสนามบอล สนามวอลเลย์ บอล ทรงทำไม่เป็น แต่ไปอ่านหนังสือแล้วทรงช่วยทำ อ่านแล้วก็รู้ทำได้ แต่บางคนเขียนหนังสืออ่านไม่รู้เรื่อง ผู้อ่านไม่เข้าใจ เพราะละทิ้งส่วนสำคัญ จึงต้องเขียนให้ละเอียดให้กระจ่าง ส่วนการอ่านหนังสือให้ฝึกทุกวัน วันละเล็กละน้อย สำหรับเด็กต้องสอนตั้งแต่เล็ก เด็กบางคนรักการอ่าน เพราะเกิดในครอบครัวที่พ่อแม่รักการอ่าน บางครอบครัวพ่อแม่ทำงานไม่มีเวลาสอน ต้องเป็นหน้าที่ครูที่จะช่วยเป็นตัวอย่าง

    “ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ว่าควรเริ่มต้นอ่านตั้งแต่อายุน้อย หรืออายุมากเสียหน่อยจะดีกว่ากัน บางโรงเรียนว่าอ่านเร็วดี บางโรงเรียนว่าควรเตรียมทักษะขั้นพื้นฐานก่อน สมองจะได้ไม่ล้า จึงหาคำตอบได้ไม่แน่ชัด เป็นสองทฤษฎีที่ฉีกกันอยู่”.
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร มรดกวัฒนธรรม
    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdNUzB3TXc9PQ==


    รู้ก่อนเที่ยว

    อาทิตย์ สุวรรณโชติ




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    กำแพงเพชร เป็นเมืองผ่านในเส้นทางขึ้นสู่ภาคเหนือตอนบน หลายคนขับรถผ่านไปไม่คิดจะแวะเข้าเมืองกำแพง ทั้งที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และสมบูรณ์สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของไทย นั่นคือโบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร

    โบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร นับเป็นงานสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแห่งหนึ่งของเมืองไทย มีหลักฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท แห่งอาณาจักรสุโขทัย ร่วมสมัยกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย

    กรมศิลปากรได้ดำเนินการเปิดอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรอย่างเป็นทางการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ.2534 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จฯ เป็นประธาน

    อุทยานประวัติศาสตร์แห่งกำแพงเพชร เป็นงานสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ ทั้งในด้านการใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุก่อสร้าง รูปแบบทางศิลปกรรมเป็นของแท้ดั้งเดิมที่แสดงถึงฝีมือและความเชื่อของบรรพชนในอดีต ตลอดจนโบราณสถานรวมกลุ่มหนาแน่นในบริเวณป่าธรรมชาติ ซึ่งยังคงบรรยากาศพุทธสถานเขตอรัญวาสีดังเช่นในอดีต
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ทั้งนี้มีโครงการอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ซึ่งมุ่งเน้นการอนุรักษ์และพัฒนากลุ่มโบราณสถานทั้งภายในเมืองเนื้อที่ 503 ไร่และเขตอรัญญิก เนื้อที่ 1,611 ไร่ เพื่อป้องกันมิให้ถูกทำลายหรือทำให้เสื่อมค่า พัฒนาโบราณสถานและบริเวณเพื่อให้เป็นแหล่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรม เกิดความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติ

    มิใช่เพียงความภูมิใจของคนไทยเท่านั้น คณะกรรมการมรดกโลก แห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก ยังได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานของจังหวัดกำแพงเพชร เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่เมืองคาร์เธจ ประเทศตูนีเซีย เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2534 นับเป็นมรดกโลกตามบัญชีในลำดับที่ 574 ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย

    เป็นการขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลก ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการพิจารณามรดกโลกวางไว้คือ ข้อ 1 ในฐานะที่เป็นตัวแทนที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ด้านศิลปกรรมที่มีความงดงามและเป็นผลงานชิ้นเอกที่ได้รับการสร้างสรรค์จากอัจฉริยภาพด้านศิลปะอย่างแท้จริง ข้อ 3 เป็นตัวแทนที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ด้านที่หาได้ยากยิ่ง หรือเป็นหลักฐานแสดงขนบธรรมเนียมประเพณีหรืออารยธรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ หรือสูญหายไปแล้ว

    มรดกโลกที่ได้รับกันส่วนใหญ่จะได้ผ่านหลักเกณฑ์เพียงข้อเดียวเท่านั้น แต่อุทยานประวัติศาสตร์มรดกโลกของกำแพงเพชร ผ่านหลักเกณฑ์ถึง 2 ข้อจากทั้งหมด 6 ข้อ ซึ่งทั่วโลกมีเพียง 20 กว่าแห่งเท่านั้นที่ผ่านหลักเกณฑ์ถึง 2 ข้อ

    โบราณสถานของเมืองกำแพงเพชร เกือบทั้งหมดเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนา ลัทธิเถรวาทแบบลังกาวงศ์ มีอายุไม่เก่าไปกว่าพุทธศตวรรษที่ 19 หรือสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท พุทธศาสนาในสมัยนั้นมีพระสงฆ์ 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายคามวาสีหรือวัดที่อยู่ในเมือง และอรัญวาสีหรือฝ่ายที่อยู่นอกเมืองไม่น้อยกว่า 40 วัด

    สิ่งปลูกสร้างทุกอย่าง เช่น ตัววัด เจดีย์ วิหาร พระพุทธรูป กำแพง เสาอาคาร กุฏิ แม้กระทั่งถานหรือส้วม ล้วนแล้วแต่ใช้ศิลาแลงทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นโบราณสถานเพียงแห่งเดียวในประเทศและอาจจะแห่งเดียวในโลก ที่ใช้ศิลาแลงมาก่อสร้าง เป็นเอกลักษณ์หาจากที่อื่นไม่ได้ และจังหวัดกำแพงเพชรเป็นจังหวัดเดียวที่ใช้เอกลักษณ์ของโบราณสถานมาตั้งเป็นชื่อจังหวัดนั้นคือ กำแพงเพชร

    ชื่อเดิมของกำแพงเพชร คือเมืองชากังราว คำว่าชากังราวเป็นภาษามอญ แปลตรงตัวว่ากำแพงเพชร เพราะกำแพงเมืองมีความแข็งแรงเหมือนเพชรนั่นเอง ปัจจุบันกำแพงเมืองที่หลงเหลืออยู่ในประเทศไทยจำนวน 70 เมือง กำแพงเมืองของจังหวัดกำแพงเพชรเป็นกำแพงเมืองที่สวยที่สุด สมบูรณ์ที่สุดหนึ่งเดียวของเมืองไทย

    ขากลับจากภาคเหนือ หากมีเวลาลองแวะเข้ากำแพงเพชรเที่ยวชมเมืองโบราณ อาจจะรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้มาก่อนหน้านี้ก็ได้
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ปะคำที่ทำจากกระดูกช้าง และหลวงปู่อิเกสาโรอธิษฐานจิตครับ

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หนีให้ไกลภัย อะฟลาท็อกซิน
    http://www.thairath.co.th/news.php?section=technology&content=117486

    [​IMG]“อะฟลาท็อกซิน” เอ่ยคำนี้ขึ้นมา หลายคนคุ้นหูว่ามีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับมะเร็ง และถั่วลิสง แต่ไม่ใช่แค่นั้น วันนี้เราจะมาขยายความกันต่อว่ามันไม่ได้อยู่แค่ในถั่วลิสงอย่างเดียว
    ฉลาดซื้อ เดือนธันวาคมที่ผ่านมา วารสารของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค รายงานเรื่อง สารพิษอะฟลาท็อกซิน เอาไว้ บอกว่า สารพิษตัวนี้เกิดจากเชื้อราที่จะเจริญได้ดีในอาหารที่มีความชื้นมากๆ ถ้าสังเกตด้วยตาเปล่าจะเห็นเป็นสีเขียวอมเหลือง หรือเขียวเข้ม
    วิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการไม่รับสารพิษตัวนี้คือ หากพบว่ามีอาหารหรือถั่วที่ขึ้นราสีเขียวอม เหลือง ก็จัดการทิ้งไปให้หมด อย่านึก เสียดายด้วยการปาดส่วนที่มีเชื้อราออกแล้วนำส่วนที่เหลือมาปรุงอาหาร เพราะตอนนั้นสารพิษได้กระจายไปยังส่วนอื่นของอาหารแล้ว
    [​IMG]อาหารที่มีแนวโน้มเกิดเชื้อราได้นั้น ไม่ได้มีแต่ถั่วลิสง อย่างพริกแห้ง กระเทียม เครื่องเทศ เหล่านี้มีสิทธิเกิดเชื้อราได้ทั้งนั้น ไม่ควรซื้อมาเก็บในปริมาณมาก ถ้าจะเก็บก็ต้องไว้ในที่แห้งสนิทไม่เกิดความชื้น ควรหลีกเลี่ยงถั่วลิสงคั่วที่ดูเก่าหรือมีความชื้น มีกลิ่นหืน เพราะมีโอกาสปนเปื้อนอะฟลาท็อกซิน ได้สูงมาก ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ควรกินบ่อยหรือในปริมาณมาก
    อาหารที่เกิดเชื้อราได้ง่ายควรซื้อจากแหล่งผลิตที่ไว้ใจได้ หีบห่อต้องมิดชิดและสดใหม่ ไม่ค้างไว้นานหลายเดือน อย่าซื้ออาหารที่มีกลิ่นอับหรือกลิ่นหืน ที่แสดงถึงความเก่าเก็บหรือการเก็บรักษาที่ไม่ดี
    อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคืออุปกรณ์เครื่องครัว รวมทั้งเขียงที่ใช้ควรล้างให้สะอาด ในระหว่างเตรียมควรซับให้แห้งอยู่เสมอ อย่าให้มีราขึ้น
    นั่นก็เป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่บอกกันไว้เพื่อให้หลีกไกลจากภัยของอะฟลาท็อกซิน.
     
  19. kwok

    kwok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +4,239
    ร่วมบุญด้วย 500 บาทครับ
     
  20. drmetta

    drmetta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +752

    ผมขอร่วมทำบุญด้วยครับ ๑,๐๐๐ บาท
     

แชร์หน้านี้

Loading...