พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ก.พ.เผยเงินเดือนใหม่ เม.ย.52 ลุ้นขึ้นปีละ 8-12% เปิดบัญชีลำดับ "แท่ง" ข้าราชการใช้แทน "ระบบซี"
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1228997812&grpid=00&catid=01


    ปิดฉากระบบซีข้าราชการ หลังใช้มา 33 ปี ก.พ.ส่งบัญชีจำแนกตำแหน่งใหม่ให้ 147 กรม แต่งตั้งลง 4 แท่งใน 30 วัน ระบุปลัด-อธิบดี-ผจว.เป็นนักบริหารระดับสูง เลขาธิการ ก.พ.เผยใช้บัญชีเงินเดือนใหม่ เม.ย.52 โปรยยาหอมลุ้นขึ้นเงินเดือนปีละ 8 - 12%

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กล่าวเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ถึงการยกเลิกระบบจำแนกตำแหน่งแบบ ซี 11 ระดับ ที่ใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2518 หรือ 33 ปีที่แล้ว ว่า ตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 กำหนดให้วันที่ 11 ธันวาคม เป็นวันดีเดย์ที่จะปรับระบบจำแนกตำแหน่งแบบใหม่ โดยสำนักงาน ก.พ.จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปพบปลัดกระทรวงหรือรองปลัดกระทรวง ที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์บริหารการปรับเปลี่ยนระบบจำแนกตำแหน่ง เพื่อนำบัญชีมาตรฐานกำหนดตำแหน่งตามลักษณะงานไปมอบให้ จากนั้นผู้บังคับบัญชาต้องออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการในกรมให้ดำรงตำแหน่งที่กำหนดขึ้นใหม่ภายใน 30 วัน


    นายปรีชา กล่าวว่า ข้าราชการพลเรือนกว่า 370,000 คน จาก 147 กรม จะถูกจัดเข้าสู่ระบบจำแนกตำแหน่ง ตามลักษณะงาน 4 ประเภท ดังนี้



    1.ประเภทบริหาร ประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงและกรม ประมาณ 1,000 ตำแหน่ง



    2.ประเภทอำนวยการ ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนัก/กอง หรือตำแหน่งที่เคยรับเงินบริหารระดับกลาง ประมาณ 4,500 ตำแหน่ง



    3.ประเภทวิชาการ ประกอบด้วย ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการซึ่งต้องมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญา ประมาณ 220,000-230,000 ตำแหน่ง



    และ 4.ประเภททั่วไปอีกกว่า 130,000 ตำแหน่ง


    นายปรีชา กล่าวว่า บัญชีเงินเดือนของข้าราชการจะมีอย่างน้อย 4 บัญชีตามสายงานต่างๆ เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2552 จะกำหนดเป็นขั้นสูง-ขั้นต่ำ และการขึ้นเงินเดือนจะคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เพราะเป็นเครื่องมือกระตุ้นผลงานและการบริหารจัดการของข้าราชการ ในอนาคตสามารถขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการได้ถึงปีละ 8-12%


    ที่กระทรวงมหาดไทย นางบุษบา กรัยวิเชียร ที่ปรึกษาระบบข้าราชการ สำนักงาน ก.พ. มอบบัญชีจัดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ต่อนายต่อพงษ์ อ่ำพันธ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย


    นางบุษบา กล่าวชี้แจงว่า ก.พ.ได้ข้อสรุปเรื่องการทำมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง จากเดิม 465 สายงาน เหลือเพียง 245 สายงาน โดยแบ่งเป็นงานบริหาร 4 สายงาน อำนวยการ 3 สายงาน วิชาการ 149 สายงาน และทั่วไป 89 สายงาน อีกทั้งร่วมจัดตำแหน่งข้าราชการเข้าประเภทตำแหน่ง ในรูปแบบของบัญชีจัดตำแหน่งข้าราชการ (บัญชีที่ 1) และบัญชีจัดข้าราชการเข้าสู่ตำแหน่ง (บัญชีที่ 2) พร้อมด้วยสำเนาประกาศ ก.พ. เรื่องการจัดทำมาตรฐานกำหนดตำแหน่งและการจัดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญเข้าประเภทตำแหน่งสายงาน และระดับตำแหน่งพร้อมทั้งแบบคำสั่งและบัญชีแต่งตั้งข้าราชการ เพื่อให้ส่วนราชการใช้ประกอบการออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการ


    นางบุษบา กล่าวว่า สำนักงาน ก.พ.จัดส่งหนังสือเวียนให้ส่วนราชการอีก 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1.หนังสือเวียนซึ่งมีกฎ ก.พ. 3 ฉบับ ระเบียบ ก.พ. 2 ฉบับ และข้อบังคับ 1 ฉบับ 2.หนังสือเวียนเรื่องมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง และ 3.หนังสือเวียนเรื่อง การบังคับใช้ พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 พร้อมกันนี้ ก.พ. จัดส่งซีดี มาตรฐานกำหนดตำแหน่งจำนวน 245 สายงานมาให้ด้วย โดย ก.พ.นำขึ้นเว็บไซต์ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา และเพื่อให้การแต่งตั้งข้าราชการเป็นไปอย่างเรียบร้อย จึงขอความร่วมมือข้าราชการตรวจสอบเลขตำแหน่งว่าตรงกันหรือไม่ ซึ่งทาง ก.พ.จะจัดชี้แจงแก่ส่วนราชการภายในสัปดาห์หน้า อีกทั้งยังเปิดศูนย์บริการข้อมูลที่เบอร์ 1786 ให้บริการในวันและเวลาราชการ


    ด้านนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยคาดว่า จะจัดรายชื่อเข้าสู่ระบบได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งหมดช่วงเดือนมกราคม ปี 2552 เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงระบบจะไม่มีปัญหา เพราะรูปแบบการทำงานเหมือนเดิม



    นายบุญธรรมกล่าวว่า ส่วนบุคคลที่มีปัญหาคงจะเป็นคนที่ยึดติดกับระบบซีเท่านั้น เพราะทุกอย่างไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม ทั้งเรื่อง เงินเดือนหรือสวัสดิการต่างๆ เพราะในกฎ ก.พ.ระบุอยู่แล้วว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เงินเดือนต้องไม่ต่ำกว่าฐานเงินเดือนเดิม และจะสูงขึ้นกว่าเดิมด้วย ส่วนขั้นที่จะได้รับในแต่ละปี ถือว่า ยกเลิกไป และเปลี่ยนเป็นระบบเปอร์เซ็นต์เหมือนกับเอกชน โดยจะใช้ฐานเงินเดือนกลางเป็นตัววัด แต่จะไม่เกิน 6 เปอร์เซ็นต์


    นายบุญธรรม กล่าวว่า ลักษณะชื่อตำแหน่งยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่มีระดับตัวเลขตามหลัง เช่น นิติกร 8 เป็นนิติกร ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายจะเป็นไปตามปกติ ลำดับความอาวุโสยังคงมีอยู่ เพราะจะมีการวัดที่ระดับ



    สำหรับตำแหน่งปลัดกระทรวง อธิบดี รองปลัด เป็นนักบริหารระดับสูง รองอธิบดี เป็นนักบริหารระดับต้น ผู้ว่าฯ เป็นนักบริหารงานปกครองระดับสูง รองผู้ว่าฯ เป็นนักบริหารงานปกครองระดับต้น ปลัดจังหวัด นายอำเภอ เป็นนักปกครองระดับต้น ผู้ตรวจราชการกระทรวงอยู่ในตำแหน่งประเภทบริหารงานระดับสูง สายงานตรวจราชการกระทรวง และในส่วนของผู้อำนวยการ (ผอ.) หรือหัวหน้า ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง





    อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่มีการโยกย้ายหลังวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา จะมีการปรับให้เป็นตำแหน่งปัจจุบัน แทนตำแหน่งรักษาการ ร่วมถึงตำแหน่งอธิบดี รองปลัดกระทรวง และผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย


    นายสายัณห์ อินทรภักดิ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า เห็นด้วยกับการเปลี่ยนจากระบบซี มาใช้ระบบการจำแนกตำแหน่ง หรือระบบแท่ง เนื่องจากมีความชัดเจนในสายการบังคับบัญชา ไม่สับสนเหมือนการใช้ระบบซี เพราะขณะที่ผู้มีซีเท่ากัน แต่ตำแหน่งต่างกัน เช่น รองผู้ว่าฯ ปลัดจังหวัด นายอำเภอ รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ และ ผอ.โรงเรียน ต่างเป็นข้าราชการซี 9 เท่ากัน แต่ตำแหน่งในสายบังคับบัญชาต่างกัน จึงก่อให้เกิดความสับสนในการบังคับบัญชาดังกล่าว

     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อย.เตือนระวัง"ยาแก้หวัดปลอม" แนะวิธีสังเกตุ
    http://www.matichon.co.th/prachachat/news_title.php?id=7640

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า อย.ได้รับแจ้งเหตุลักลอบขายยาแก้หวัดปลอม ให้กับร้านขายยาและสถานพยาบาล โดยผู้ขายแอบอ้างว่า ได้ยาจากผู้ผลิตโดยตรง ยาดังกล่าวมีลักษณะเป็น "เม็ดกลมแบนสีขาว" ฉลากยาไม่แสดงเลขทะเบียนตำรับยา แต่แสดงข้อความ "ใช้เฉพาะสถานพยาบาล" และแสดงสูตรส่วนประกอบยา 1 เม็ด ประกอบด้วย สูโดเอฟีดรีน (Pseudoephedrine) HCI 60 mg. และไตรโพลิดีน (Tripolidine) HCI 2.5 mg. ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ยาดังกล่าวไม่มีส่วนประกอบทั้ง 2 รายการตามที่ระบุไว้ จึงจัดเป็นยาปลอม ผู้บริโภคสามารถสังเกตลักษณะยาที่ถูกต้องได้ คือ 1.ฉลากยาต้องแสดงเลขทะเบียนยา และ 2.ไม่มีข้อความ "ใช้เฉพาะสถานพยาบาล" และเพื่อความปลอดภัย ควรซื้อยาจากร้านขายยาที่มีเภสัชกรแนะนำเท่านั้น

    นพ.พิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้ลักลอบซื้อ-ขายยา ที่มีส่วนประกอบของสูโดเอฟีดรีน ส่งออกไปยังออสเตรเลียเพื่อใช้ในทางที่ผิด เพราะต่างประเทศมีการคุมเข้มสารสูโดเอฟีดีน เช่น เมื่อซื้อต้องมีใบสั่งแพทย์ ดังนั้น หากส่งไปขายจะได้ราคาดีมาก

    "อย.กำลังเร่งรัดสืบสวนและติดตามจับกุมผู้ลักลอบกระทำผิด เพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้ผลิตมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึงตลอดชีวิต ปรับตั้งแต่ 1 - 5 หมื่นบาท และผู้ขายจำคุกตั้งแต่ 1 -20 ปี ปรับตั้งแต่ 2 พันบาท - 1 หมื่นบาท หากผู้บริโภคพบเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวสามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือที่สสจ." นพ.พิพัฒน์ กล่าว
    </SPAN>
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 19 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 17 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    .

    ว่ายังไงครับคุณเพชรที่คุยกัน ดีไม๊ครับ แรงไม๊ครับ หุหุหุ
     
  4. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 19 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 16 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>nongnooo, :::เพชร:::+, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    แรงแน่ครับ หุ หุ
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กระซิบกันมาก็ได้ครับ
    ทำอะไร อย่าไปกระโตกกระตากมาก ดูอย่างคุณเพชร ,คุณnongnooo สิครับ รู้อะไรมาก็ เงียบ เงียบ และเงียบมากครับ

    แต่ก็ดีใจด้วยครับ โมทนาสาธุครับ

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เห็นไม๊ครับ พูดถึงก็มาปั๊บเลย 55555555+++++
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กรณีต้องการอ้างอิง และ อ้างอิงซ้อน
    (การอ้างอิงข้อความของตนเอง หรือของท่านอื่น)

    จะมีปุ่มด้านล่างขวามืออยู่ 4 ปุ่ม คือ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    ปุ่มแรก [​IMG] เป็นการแก้ไขหรือลบโพสของตนเอง


    ปุ่มที่สอง [​IMG] เป็นการอ้างอิงข้อความที่เราต้องการโพส(คุย)ด้วย

    ปุ่มที่สาม [​IMG] เป็นการอ้างอิงซ้อน สามารถกดได้หลายๆโพสในครั้งเดียว

    ปุ่มที่สี่ [​IMG] เป็นการตอบรวดเร็ว ซึ่งเหมือนกับการโพสข้อความปกติครับ

    .
     
  8. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  9. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ข้องใจด้วยคนสิครับ คุยอารายกาน ม่ายรู้เรื่องเลยยย หุหุ
     
  10. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    อ้าว...รอบนี้ตอบอย่างนี้ ผิดคาดแฮะ หุหุ
     
  11. narin96

    narin96 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +28
    เรียน คุณ sithiphong
    ได้รับหนังสือแล้ว
    ขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
     
  12. narin96

    narin96 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +28
    เรียน คุณ aries2947
    ได้รับแล้วครับ ที่นำของส่วนตัวมาร่วมบุญ โดยเฉพาะเบี้ยแก้
    ขอขอบคุณ และขออนุโมทนาด้วยครับ
     
  13. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">นำบทความดีๆมาฝากกันจะได้ให้ท่านปาทานได้พักผ่อนบ้าง

    รอรับปีฉลู กับเรื่องน่ารู้ของตำนานวัว [21 ธ.ค. 51 - 20:14]


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านไทยรัฐ ซันเดย์ สเปเชียล โดยทีมงานต่วย'ตูน ทุกท่าน
    อีกไม่กี่วันแล้วนะคะ ที่เราจะต้องโบกมือลาปีหนู เข้าสู่ปีฉลู วัว ปีที่ว่ากันว่า น่าจะยังมีเรื่องให้ กลุ้มอกกลุ้มใจกันต่อไปอีกสักระยะ โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจโลก แต่ บรรดาเกจิหลายท่านก็ออกมาบอกกันแล้วว่า เรื่องร้ายๆ น่าจะคลี่ คลายได้ก่อนสิ้นปีหน้า ปีฉลูที่กำลังจะมาถึง จึงจะเป็นปีแห่งความหวังอีกปีหนึ่งค่ะ
    พูดถึงปีวัวแล้ว ก็ขอพักเรื่องไม่สบายใจ และหยิบยกเรื่องสนุกๆของวัวมาเล่าสู่กันฟัง อันว่าวัวนั้น เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ค่ะ หลายประ- เทศก็เลยให้การนับถือวัว ในฐานะสัตว์ที่นำมาซึ่งความสุข และบางแห่งก็ถึงกับยกให้วัวเป็นเทพเจ้า
    ในความเชื่อของอียิปต์โบราณ เทวีฮาเธอร์ เทพนารีแห่งความอุดมสมบูรณ์ก็ทรงมงกุฎเป็นรูปเขาวัว และบางครั้ง วัวก็เป็นสัญลักษณ์แทนพระนางด้วย ในขณะที่ชาวฮินดูก็ให้การนับถือวัวในฐานะของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โคนนทิ พาหนะของพระศิวะ ซึ่งมีการบูชากันอยู่โดยทั่วไป
    ทางด้านยุโรป วัวเป็นต้นกำเนิดของชื่อสถานที่สำคัญๆ หลายแห่งเลยทีเดียวค่ะ ชื่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรป ก็เห็นจะเป็นคำว่ายุโรปเอง ซึ่งก็มีที่มาอันเกี่ยวพันกับวัวแสนงามตัวหนึ่ง
    ตำนานเล่าว่า มหาเทพซุสเกิดต้องพระทัย หลงรักสาวงามนางหนึ่ง นามยูโรปา และด้วยความที่อยากจะได้เชยชมนาง จอมเทพจึงแปลงร่างเป็นวัวกระทิงหนุ่มที่มีลักษณะนุ่มนวลงดงาม จนยูโรปาอดใจไม่ไหว ต้องเข้ามาเล่นกับเจ้าวัวตัวนี้ ก่อนที่วัวแปลงจะหมอบลงแทบเท้านาง เชิญชวนให้ขึ้นขี่หลัง
    พอยูโรปาหลงกลขึ้นนั่งบนหลังแล้ว วัวหนุ่มเจ้าเล่ห์ก็โผนทะยานออกไปสู่ฝั่งทะเล เหินขึ้นเหนือท้องน้ำ ก่อนจะแสดงตนว่าเป็นองค์มหาเทพ แล้วพายูโรปาไปสมรสสมรัก ณ เกาะครีต ว่าแล้ว ทวีปที่นางถูกพาวิวาห์เหาะข้ามมาจากเอเชีย จึงได้ชื่อตามสาวงามผู้มากับวัวว่า ยุโรป
    อ่านตำนานนี้แล้ว ชาวเอเชียอย่างเราๆก็น่าจะภูมิใจนะคะว่า ที่แท้แล้ว ยุโรปก็เป็นลูกของเอเชียนั่นเอง เพราะนางยูโรปานั้น แม้จะไปได้ดิบได้ดีอยู่ที่เกาะครีต แต่นางก็เป็นเชื้อสายชาวเอเชียแท้ๆล่ะค่ะ
    [​IMG]
    และด้วยความที่ซุสเห็นคุณงามความดีของวัวที่ทำให้ได้สาวงามมาเชยชม พระองค์จึงได้เนรมิตให้เกิดกลุ่มดาววัวขึ้นบนฟากฟ้าด้วย
    แต่วัวก็ไม่ได้เป็นเครื่องหมายแห่งความสุขสม ของจอมเทพบิดรและบรรดาสาวๆของพระองค์เสมอไป มีอยู่คราวหนึ่งเหมือนกันที่วัวเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่ทุกข์ระทม เมื่อซุสจอมเจ้าชู้เกิดไปหลงรักสาวงามอีกนางหนึ่ง นามไอโอ ก็เลยเร้นกายจากพระชายา มหาเทวีเฮราไปพบกับนาง
    แล้วก็เหมือนผู้ชายเจ้าชู้ส่วนใหญ่ค่ะ มหาเทพซุสนั้น แม้จะเก่งกาจสารพัด แต่เป็นโรคกลัวเมียเข้าขั้น ดังนั้น ระหว่างที่กำลังพลอดรักกับไอโอแล้วเทวีเฮราเกิดเสด็จลงมาโดยไม่ได้นัดหมาย ซุสเลยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการแปลงร่างไอโอให้กลายเป็นแม่วัวสาว ขาว สวย ก่อนจะทำไม่รู้ไม่ชี้
    [​IMG]แต่แหม...เจอมาหลายหนแล้ว มีหรือที่เฮราจะไม่รู้ทัน แต่ไหนๆซุสก็อุตส่าห์ลงทุนแปลงร่างสาวงามแล้วทำเป็นผิวปากไม่รู้ไม่เห็นแล้ว เฮราก็เลยเล่นเกมต่อบทกับพระสวามี ด้วยการทำทีเป็นชอบแม่วัวตัวงาม แล้วเอ่ยปากทูลขอ โดนไม้นี้เข้าไป มหาเทพจอมเจ้าชู้ก็เลี่ยงไม่ออก ต้องยกแม่วัวไอโอให้มหาเทวีไปกลั่นแกล้งทรมานสารพัด
    ครั้งหนึ่ง เฮราส่งฝูงเหลือบมาตามกัดแม่วัว จนนางหนีเตลิดวิ่งข้ามทะเลไป ว่าแล้ว ทะเลที่ไอโอวิ่งผ่าน จึงได้ชื่อตามนางว่า ไอโอเนียน ในขณะที่ช่องแคบที่นางข้ามจากเอเชียไปยุโรป ก็ได้ ชื่อว่า ช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งหมายถึงบริเวณที่โคข้ามผ่านไป เพื่อเป็นการระลึกถึงนาง
    นอกจากสาวงาม และวัวในตำนานจะก่อให้เกิดสถานที่สำคัญๆหลายแห่งในยุโรปแล้ว ชื่อของพวกเธอยังได้ขึ้นไปอยู่บนฟากฟ้าด้วย เพราะฝรั่งเขาตั้งชื่อดาวพฤหัสบดี ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยจักรวาลว่า จูปิเตอร์ อันเป็นพระนามแบบโรมันของซุสนั่นเอง และเมื่อมีการพบดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหัสหลายดวง จึงมีการตั้งชื่อดวงจันทร์ดวงใหญ่ของจูปิเตอร์ว่า ยูโรปาและไอโอ เพื่อให้พวกนางได้อยู่ร่วมกับมหาเทพบนฟากฟ้าด้วย
    เห็นวัวเกี่ยวพันกับสาวงามในตำนานแล้ว อย่าเพิ่งคิดว่า ชาวกรีกโบราณเห็นวัวเป็นเรื่องดีและเกี่ยวพันกับความงามเพียงด้านเดียวเท่านั้น อีกทางหนึ่ง พวกกรีกก็มองวัวเป็นอสุรกายด้วย เช่น ในกรณีของมิโนทอร์ ลูกครึ่งมนุษย์กับวัวกระทิง
    มิโนทอร์ เป็นโอรสของพาซิฟาเอ ชายาของกษัตริย์ไมนอสแห่งเกาะครีต ซึ่งเกิดไปหลงรักวัวกระทิงที่ได้รับประทานมาจากเทพโพไซดอน และความรักต่างเผ่าพันธุ์นี้ ก็ให้กำเนิดเกิดเป็นมิโนทอร์ หัวเป็นวัว ตัวเป็นคน สัตว์สยองที่ถูกกษัตริย์ไมนอสขังไว้ในเขาวงกต และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของความโหดร้าย
    [​IMG]
    ย้อนกลับมาทางเอเชียของเราบ้าง หากพูดถึงวัวแล้ว เราจะพบว่า มีผู้คนจำนวนมากทีเดียวที่ไม่ รับประทานเนื้อวัว บางคนให้เหตุผลว่า เป็นสัตว์ใหญ่ เป็นสัตว์ที่มีบุญคุณ เพราะช่วยทำไร่ไถนาและส่วนหนึ่งเป็นเพราะนับถือเจ้าแม่กวนอิม
    เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า เจ้าแม่กวนอิมเป็นพระโพธิสัตว์ในพระพุทธศาสนา มีตำนานเล่าว่า แต่เดิมเจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน พระธิดาของฮ่องเต้ เมี่ยวจวงมีศรัทธาในศาสนา ได้บำเพ็ญเพียร และมีเมตตาต่อมวลมนุษย์ ในขณะที่พระบิดาไม่ค่อยจะเห็นดีเห็นงามด้วย แถมยังทรงกลั่นแกล้งพระธิดาต่างๆนานา
    ต่อมาเมื่อเจ้าหญิงสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ที่ประชาชนนับถือ พระบิดาผู้สร้างแต่อกุศลกรรมก็ได้ไปบังเกิดเป็นวัวเพื่อชดใช้กรรม ชาวบ้านที่นับถือเจ้าแม่จึงละเลิกการบริโภคเนื้อวัว เพราะกลัวจะไปรับประทานโดนพระบิดาของเจ้าแม่เข้า นับแต่นั้นมา จึงมีผู้ไม่กินเนื้อวัวกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในหมู่ชาวจีนและบุตรหลาน
    นอกจากเจ้าแม่กวนอิมแล้ว วัวยังมีความเกี่ยวข้องกับพระโพธิสัตว์อีกเรื่องหนึ่ง ในเรื่องนันทวิศาลชาดก เมื่อพระโพธิสัตว์ได้เสวยชาติเป็นโคในเมืองตักศิลา
    โคนันทวิศาลเป็นโคที่มีกำลังมาก วันหนึ่งพ่อโคได้บอกแก่พราหมณ์ผู้เป็นเจ้าของว่า ให้ไปท้าพนันกับเศรษฐีว่า โคนันทวิศาลสามารถลากเกวียนได้ถึงร้อยเล่ม แล้วจะได้ชัยในการพนัน แต่เมื่อพนันแล้ว พราหมณ์กลับออกคำสั่งด้วยคำพูดหยาบคายเป็นต้นว่า ไอ้โคโง่ โคขี้เกียจ จงลากเกวียนไปเดี๋ยวนี้ เมื่อได้ยินดังนั้น โคนันทวิศาลจึงยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ทำให้พราหมณ์เป็นฝ่ายเสียพนัน
    เมื่อกาลเป็นดังนั้น พราหมณ์เสียใจมาก แต่โคนันทวิศาลได้มาบอกว่า ให้ไปท้าพนันใหม่ ด้วยเงินมากกว่าเดิม แต่ขอให้พูดดีๆ แล้วจะลากเกวียนให้ พราหมณ์จึงไปท้าพนันกับเศรษฐีอีกครั้ง และคราวนี้ก็ไม่พลาด พราหมณ์กล่าววาจาอ่อนหวาน ให้โคนันทวิศาลลูกรักช่วยลากเกวียนไป แล้วก็ได้สมประสงค์ เกิดเป็นคำสอนของพระพุทธองค์ว่า คำหยาบ ไม่เป็นที่ชอบใจของใคร
    ปีใหม่ที่จะเข้ามาถึงนี้เป็นปีวัว เรื่องของโคนันทวิศาลจึงจะเป็นเรื่องเตือนใจ ให้ได้คิดดี พูดดี ทำดี แล้วจะเกิดมีความมงคลแก่ตัวและคน รอบข้างในปีฉลู นักษัตรแห่งความอุดมสมบูรณ์ที่กำลังรอวันย่างก้าวเข้ามาเยือน.
    ทีมงาน ต่วยตูน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขอขอบคุณบทความดีๆจาก [​IMG]
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ ผมได้บอกกับหลายๆท่านว่า ใครก็แล้วแต่พูดว่า ผมไม่รู้ ผมไม่ทราบ นั่นแหละครับ เป็นผู้ที่ทั้งมีและทั้งรู้ และเก็บเงียบครับ

    .
     
  15. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    อ่าว...ไหงท่านปาทานไปบอกอย่างงั้นละคร้าบ แต่ไม่เป็นไร เพราะผมมะรู้จริงๆ หุหุ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เมื่อลูกถูกรังแก..พ่อแม่จะช่วยอย่างไร
    http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9510000149098
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>19 ธันวาคม 2551 11:08 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> คงจะน่าตกใจไม่น้อย ถ้าหากวันหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกกลับมาจากโรงเรียนพร้อมกับเสื้อผ้าชำรุด ร่างกายมีบาดแผลฟกช้ำ สมุดหนังสือเสียหาย เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่า ลูกกำลังเผชิญกับปัญหาการรังแกกันในโรงเรียน

    ปัญหาการรังแกกันของเด็ก ๆ ในโรงเรียน หรือในละแวกบ้านใกล้เคียงมีมาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นการรังแกทางร่างกาย เช่น การชกต่อย หรือการรังแกทางคำพูด ด้วยการล้อเลียน การแซว หรือการประชดประชันในหมู่เด็กผู้หญิง

    จากผลการสำรวจนักเรียนในชั้นประถมและมัธยมประมาณ 3,000 คนทั่วประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2549 พบว่า มีการรังแกกันในโรงเรียนสูงประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ เด็กผู้ชายจะถูกรังแกมากกว่าเด็กผู้หญิง และเด็กส่วนใหญ่จะไม่อยากเล่าให้ครู หรือผู้ปกครองฟัง ส่วนหนึ่งเพราะเด็กไม่อยากถูกมองว่าขี้ฟ้อง

    ดังนั้นผู้ปกครองควรเป็นคนช่างสังเกตและหมั่นใส่ใจในพฤติกรรมของลูกอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อลูกมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปเช่น มีเพื่อนน้อย มีท่าทางเศร้า หดหู่ กลัวการไปโรงเรียน ไม่อยากทานอาหาร เพราะเด็กที่โดนรังแกจากเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนมักจะมีปัญหาทางด้านจิตใจตามมา เช่น รู้สึกว่าตนเองไร้ค่า เพื่อน ๆ ไม่คบ มีความน้อยเนื้อต่ำใจ เหงา และทำให้ผลการเรียนตกต่ำในที่สุด

    แนวทางแก้ไข

    1. เริ่มต้นจากคุยกับลูก โดยอาจใช้การตั้งคำถาม เช่น พ่อแม่เป็นห่วงลูกนะ มีใครที่โรงเรียนรังแกลูกหรือเปล่า, ลูกมีเพื่อนสนิทที่โรงเรียนบ้างไหม เขาเป็นใครเหรอ, มีใครที่โรงเรียนที่ลูกไม่ชอบบ้าง ทำไมถึงไม่ชอบเขา เขารังแกหนูหรือเปล่า

    2. คุยกับคุณครู โดยอาจจะสอบถามถึงความสัมพันธ์ของลูกกับเพื่อน ๆ ในห้อง หรือการใช้เวลาว่างของลูก ซึ่งถ้าสอบถามจากคุณครูแล้วไม่สงสัยว่าลูกถูกรังแก ก็ต้องเล่าความไม่สบายใจของท่านให้คุณครูฟังด้วย เผื่อคุณครูจะช่วยสอดส่องให้เพิ่มเติม

    สิ่งที่ควรทำถ้าแน่ใจว่าลูกถูกรังแก

    - แสดงความเห็นอกเห็นใจลูก เพราะเด็กเองนั้นกว่าจะกล้าเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังก็ต้องรวบรวมความกล้ามากแล้ว (เพราะตัวเขาไม่ต้องการถูกมองเป็นคนขี้ฟ้อง) ดังนั้นเมื่อลูกเล่าปัญหาการรังแกให้ฟัง ควรจะบอกให้ลูกรู้ว่า คุณดีใจที่เขาเล่าให้ฟัง และอย่าตำหนิ หรือวิจารณ์วิธีที่ลูกใช้เมื่อถูกรังแก

    - อย่าสนับสนุนให้ลูกตอบโต้ด้วยการใช้กำลัง รวมถึงต้องรู้จักระงับอารมณ์ ตรึกตรองให้ถี่ถ้วนว่าจะทำอย่างไรต่อไป

    - ติดต่อกับทางโรงเรียนเพื่อขอความช่วยเหลือ อาจจะเป็นครูประจำชั้น หรือครูใหญ่ ให้ข้อเท็จจริงโดยไม่ใส่อารมณ์ ถ้าต้องการติดต่อผู้ปกครองของอีกฝ่ายควรให้โรงเรียนเป็นผู้ประสานงาน ไม่ควรติดต่อไปเอง เพราะเหตุการณ์อาจรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม

    เติมความมั่นใจให้ลูก

    - สำหรับเด็กที่ถูกรังแก พ่อแม่สามารถช่วยได้ด้วยการมองหาความสามารถพิเศษ หรือสิ่งที่ลูกถนัดและส่งเสริมให้เต็มที่ การทำเช่นนี้จะช่วยให้ลูกมีความมั่นใจมากขึ้น เมื่ออยู่ท่ามกลางหมู่เพื่อน และเด็กที่มั่นใจในตัวเองจะมีท่าทางที่ทำให้เด็กคนอื่นไม่อยาก หรือไม่กล้ารังแก

    - ให้ลูกมีโอกาสพบปะกับเพื่อนใหม่ ๆ ที่เป็นมิตร ทั้งในและนอกห้องเรียน หรืออาจจะหากิจกรรมวันหยุดเสาร์อาทิตย์ทำ เพื่อเปิดโลกทัศน์

    อ้างอิงข้อมูลจากโครงการส่งเสริม สนับสนุน และคุ้มครองสุขภาพและสิทธิมนุษยชนด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นาฬิกาโคตรแพง หนึ่งเดียวในไทย
    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNeE13PT0=&day=TWpBd09DMHhNaTB5TVE9PQ==


    คอลัมน์ เป็นไปได้




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    วันก่อนมีงานมหกรรมนาฬิกายี่ห้อดังจากทั่วโลก จัดที่บริเวณชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ไปเป็นประธานเปิดงาน

    ชื่องานคือ เดอะ มอลล์ โคราช วอตช์ เฟสติวัล (THE MALL KORAT WATCH FESTIVAL) ครั้งที่ 1 จัดขึ้นถึงวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา

    ในงานมหกรรมนาฬิกาครั้งนี้มีการนำนาฬิกายี่ห้อหรือแบรนด์ต่างๆ จากทั่วโลกมาจัดแสดงและจำหน่ายเป็นจำนวนมาก

    แต่ที่สร้างความฮือฮาแก่ผู้ที่เข้าชมงานคือ บริเวณบูธของนาฬิกายี่ห้อโฆรุ่ม (CORUM) จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำนาฬิกาแบบผู้ชาย รุ่นปฏิทิน 100 ปี มาแสดง

    โดยตัวเรือนทำด้วยทองคำชมพู ส่วนตัวเครื่องเป็นระบบจักรกลที่สามารถบอกวันที่ สัปดาห์ เดือน ปี พร้อมทั้งสามารถเปลี่ยนวันที่ข้ามเดือนได้เองโดยอัตโนมัติ

    ตัวเครื่องแกะสลักด้วยมือเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกา และด้านหลังจะเปลือยให้เห็นตัวเครื่องภายใน

    นายเสริมศักดิ์ อวัสดากร ผจก.ฝ่ายขายนาฬิกาบริษัทโฆรุ่ม กล่าวว่า บริษัทโฆรุ่ม ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ใช้เวลาผลิตนาฬิการุ่นนี้เรือนละ 6 เดือน และนาฬิการุ่นนี้ทั่วโลกมีทั้งหมด 25 เรือน ส่วนเรือนที่นำมาแสดงและจำหน่ายในประเทศไทยเรือนนี้เป็นเรือนที่ 5 ของโลก และเป็นเรือนเดียวในประเทศไทย

    สำหรับราคาที่วางขายอยู่ที่ 2,420,300 บาท

    อ่านออกเสียงคือสองล้านสี่แสนสองหมื่นสามร้อยบาทถ้วน

    แพงได้ใจจริงๆ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เพื่อความเข้าใจถูกต้องเกี่ยวกับหลักกรรม 9 ตัวอย่างวิบากแห่งกรรม
    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01bud02211251&sectionid=0121&day=2008-12-21
    คอลัมน์ รื่นร่ม รมเยศ

    โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>วันนี้ขอ "จับเข่าคุย" กันถึงเรื่องราวเก่าๆ ที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์บ้าง เณรคัมภีร์บ้าง เอ๊ย ที่ได้รับบอกเล่ากันมาบ้าง สักสองสามเรื่องนะครับ

    เรื่องที่หนึ่ง สาวๆ ควรจะรับฟังเป็นอย่างยิ่ง พระนางโรหิณี พระกนิษฐภคินี (น้องสาวคนเล็ก) ของพระอนุรุทธะเถระ เป็น "หยิน" ที่มีพระสิริโฉมงดงามเป็นอย่างยิ่ง วันหนึ่งเกิดโรคผิวหนังขึ้นแก่พระนาง แรกๆ ก็คันตามผิวหนังธรรมดาๆ แต่พอเกาๆ ไป ผิวหนังก็แตกเป็นแผลพุพองไปเรื่อยๆ เกือบทั่วร่างกาย รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ในที่สุดพระนางก็มิได้ออกสังคม คงเก็บตัวอยู่แต่ในห้องด้วยความเศร้าพระทัยว่า ทำไมนางจึงเคราะห์ร้ายอย่างนี้

    ในช่วงที่เกิดเรื่องนี้ พระอนุรุทธะเชษฐาของนาง ได้ออกบวชเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้า ได้ติดตามพระพุทธเจ้าไปเผยแผ่พระศาสนายังเมืองต่างๆ หลายปี มิได้กลับมายังเมืองมาตุภูมิเลย ท่านจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวคนสวยของท่าน

    วันหนึ่งท่านอนุรุทธะเดินทางกลับมายังเมืองกบิลพัสดุ์ บรรดาพระญาติทั้งหลายได้นิมนต์ท่านไปฉันภัตตาหารที่ตำหนักเก่าของท่าน ไม่เห็นกนิษฐภคินีมาคุยด้วย จึงถามหา พระญาติทั้งหลายเรียนท่านว่า "นางโรหิณี ขลุกอยู่ในห้อง ไม่กล้ามาหาท่าน"

    "ทำไมล่ะ" พระเถระถาม

    "นางเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง คงจะอายกระมัง" พระญาติทั้งหลายบอก

    พระเถระจึงให้คนไปตามนางมาหา บอกแก่นางว่า "โรคนี้เป็นผลของกรรมเก่าที่นางได้กระทำไว้ ขอให้นางจงทำบุญกุศลเพื่อ "ลบล้าง" กรรมเก่าตั้งแต่บัดนี้เถิด"

    เมื่อถามว่าจะให้ทำบุญอะไรบ้าง พระเถระบอกว่า ไม่ต้องทำอะไรมากมายให้สร้าง "อุปัฏฐานศาลา" (หอฉัน) แล้วให้ปัดกวาดเช็ดถู ตั้งน้ำฉัน น้ำใช้ไว้สำหรับพระสงฆ์ ตลอดจนล้างถ้วยล้างชาม กวาดลานวัดให้สะอาดเสมอ

    นางก็ได้ปฏิบัติตามที่พระเถระผู้เป็นเชษฐาแนะนำ เวลาล่วงไปหลายเดือน โรคผิวหนังที่เป็นมาหลายปีก็หายยังกับปลิดทิ้ง เป็นที่น่าอัศจรรย์

    เมื่อพระอนุรุทธะกลับมายังมาตุภูมิอีกครั้ง นางโรหิณีได้มานมัสการพระเชษฐา เล่าเรื่องราวให้ทราบด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ที่ได้กลับมาเป็น "หยิน" ที่สดสวยน่ารักเหมือนเดิม พร้อมเรียนถามพระพี่ชายว่า ชาติก่อนตนทำกรรมอะไรไว้ จึงเสวยผลเช่นนี้

    พระเถระเล่าว่า ในอดีตกาลนานแล้ว นางโรหิณีเป็นพระมเหสีของพระราชาพระองค์หนึ่ง ไม่พอใจที่พระสวามีไป "ติด" นางรำคนหนึ่ง จนกระทั่งไม่สนพระทัยต่อพระนางซึ่งเป็นพระมเหสี

    หึง ว่าอย่างนั้นเถอะ เมียมีทั้งคนไม่สน ไปหลงอีนางรำต่ำต้อย มันน่านัก (ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงนึกถึงเป็ดขึ้นมาตะหงิดๆ ว่าเป็ดมันคงหิว น่าจะหาอาหารให้มันกินสักหน่อย ว่าอย่างนั้นเถอะ บรื๊อส์)

    นางทำทีว่าเมตตารักใคร่นางรำคนโปรดของพระสวามี เรียกมาสนทนาพูดคุยอย่างสนิทสนมทุกวัน ข้างฝ่าย "พระเอก" ก็ดีพระทัยว่า บ้านใหญ่กับบ้านเล็กเข้ากันได้ดี โนพลอมแพล็มดีแท้ มันจะสุขใจอะไรปานนั้น

    หารู้ไม่ว่ามารยาหญิงนั้น หลายร้อยรถบรรทุกก็บรรทุกไม่หมด พระมเหสีสั่งซื้อชุดแต่งตัวอย่างสวยงามให้นางรำใหม่ชุดหนึ่ง สำหรับให้นางใส่ออกงานสำคัญต่อหน้าพระที่นั่ง เป็นปลื้มทั้งแก่พระสวามี และนางรำคนโปรดเป็นอย่างยิ่ง

    วันเฉลิมฉลองใหญ่ก็มาถึง นางรำคนสวยร่ายรำอยู่ในชุดที่หรูหรางดงามยิ่ง ท่ามกลางมหาสันนิบาตที่มีพระราชา และพระมเหสีประทับเป็นประธาน และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

    นางรำเกิดอาการคันที่ร่างกาย ทีแรกก็คันเพียงเล็กน้อย แต่ยิ่งนานไปก็ยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ยิ่งเกาก็ยิ่งคัน จนกระทั่งทนร่ายรำไปไม่ไหว เพราะมันปวดแสบปวดร้อนไปทั่วสรรพางค์กาย เปลี่ยนจากท่าร่ายรำมาเป็นท่าลิงเกาหิดไปโดยอัตโนมัติ ในขณะที่สายตาอำมหิตคู่หนึ่งจ้องมองด้วยความสะใจ

    พระมเหสีของพระราชานั้นเอง

    พระนางได้เอาผง "หมามุ่ย" โรยไว้ทั่วชุดแต่งตัว ทำให้ผู้สวมใส่เกิดอาการคะเยอไปทั่วสรรพางค์ ยังผลให้นางรำเกิดเป็นโรคผิวหนังรักษาอยู่ตั้งนานกว่าจะหาย หายแล้วก็ยังเป็นรอยกะดำกะด่างผิวไม่สวยงามเหมือนเดิมอีกต่างหาก

    "พระมเหสีนางนั้น มาเกิดเป็นน้องหญิงโรหิณีในบัดนี้ เพราะกรรมที่ทำไว้ครั้งนั้นด้วยจิตอิจฉาริษยาต่อผู้อื่น มาบัดนี้จึงเกิดเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังรักษาไม่หาย" พระอนุรุทธะเถระเจ้าสรุป

    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระสูตรหนึ่ง ความอิจฉาริษยาทำให้ผิวพรรณไม่สวย มองได้ทั้งผลในปัจจุบัน และผลที่ข้ามภพข้ามชาติ ผลในปัจจุบันเห็นได้ครับ ถ้าเราอิจฉาตาร้อนใคร จิตใจเราจะไม่มีความสุขสงบภายใน มีแต่ความร้อนรุ่ม นั่งก็ไม่เป็นสุข นอนก็ไม่เป็นสุข วันๆ คิดแต่จะสาปแช่งให้ (ไอ้ อี) คนที่เราไม่ชอบขี้หน้ามันฉิบหายวายป่วง

    คนที่เราอิจฉาตาร้อน สาปแช่งทุกวันนั้น เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย เขายังสุขสบายดีตามประสาของเขา แต่เราสิครับ ยิ่งเห็น ยิ่งได้ยินว่าเขายังสบายดี ไม่เป็นอะไรอย่างที่เราต้องการให้เขาเป็น เราก็ยิ่งเร่าร้อนภายในยิ่งขึ้น

    คนที่ใจไม่สงบสุข ร้อยทั้งร้อยใบหน้าก็ไม่ผุดผ่องสดใส หน้านิ่วคิ้วขมวดยังกับเหม็นขี้ตลอดทั้งวัน ไม่เป็นที่สบายใจของผู้พบเห็น

    ใบหน้าไม่ผุดผ่องสดใส นึกว่าผิวพรรณจะผุดผ่องสดใส ผิวหน้าฉันใด ผิวกายก็ฉันนั้นแหละ

    เพราะฉะนั้นใครอยากสดสวยตลอดเวลา ก็อย่าริเป็นคนอิจฉาริษยาโกรธเคือง หรืออาฆาตพยาบาทคนอื่น ขอให้มีจิตเมตตากรุณา รักและปรารถนาดีต่อทุกคนด้วยใจบริสุทธิ์

    ในแง่การให้ผลข้ามภพข้ามชาตินั้น ปุถุชนอย่างเราท่านรู้ไม่ได้ เมื่อไม่รู้ ก็ฟังท่านผู้รู้ไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้รู้ที่ว่ามิใช่คนธรรมดา เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง ได้ตรัสไว้ในพระไตรปิฎก

    พระองค์ตรัสไว้ว่า มีเรื่องอยู่ 4 เรื่องที่ปุถุชนไม่ควรคิด ขืนคิดมากมีแต่ทางจะเป็นบ้า เรื่อง 4 เรื่องคือ

    1.พุทธวิสัย เรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ก็ไม่พึงคิดหาเหตุผลเอาเองว่า ทำไมพระโพธิสัตว์ประสูติแล้วจึงพูดได้เดินได้ ทำไมพระพุทธเจ้าจึงทรงมีสัพพัญญุตญาณ เหนือบุคคลอื่น ทรงมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหนือคนอื่น

    2.ฌานวิสัย เรื่องราวเกี่ยวกับฌานสมาบัติ ผู้ได้ฌานแล้วสามารถบันดาลฤทธิ์ต่างๆ เป็นที่อัศจรรย์ได้

    3.กัมมวิปาก เรื่องราวเกี่ยวกับกรรมและผลของกรรม ว่าทำกรรมอะไรไว้ มันจะได้ผลอย่างไร เมื่อใด

    4.โลกจินตา การคิดเกี่ยวกับโลก เช่นโลกนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ตั้งแต่เมื่อใด มันจะแตกสลายไปอย่างไร เมื่อไร

    เรื่องเหล่านี้ปุถุชนคนมีกิเลส ไม่มีใครรู้จริงดอกครับ ถึงจะมีบางกลุ่มบัญญัติว่าโลกมีคนนั้นคนนี้สร้าง โลกมันจะดับเมื่อนั้นเมื่อนี้ ก็ "คิดเอาเอง" ทั้งนั้น ไม่ได้บัญญัติด้วยความรู้เห็นแต่อย่างใด ถ้าใครมามัวคิดหาคำตอบในสิ่งที่ "เหลือวิสัย" อย่างนี้

    พระผู้ตรัสรู้เท่านั้นที่จะรู้ว่า มันคืออะไร มันเป็นอย่างไร เรื่องกรรมและผลของกรรมนี้เป็น "พุทธวิสัย" โดยเฉพาะพระผู้ตรัสรู้เท่านั้นจึงรู้ เมื่อพระองค์ทรงรู้แล้วก็ทรงสั่งสอนให้เหล่าสาวกฟัง สาวกที่ยังไม่ "ตรัสรู้ตาม" ก็รับฟังและปฏิบัติตามที่ทรงสั่งสอน

    เมื่อพระผู้ตรัสรู้ตรัสสอนว่า ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว เราก็พึงเชื่อท่าน

    แต่การเชื่อนี้มิใช่เชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตา หรือเชื่อแบบมืดบอด เราเชื่ออย่างมีปัญญากำกับด้วย นั่นก็คือ พิจารณาเห็นความจริงบางอย่างที่สอดคล้องกับคำสอนนั้นด้วย

    ที่ว่าทำดีได้ดี เราอาจใช้ปัญญาพิจารณาว่า "ได้ดี" สองระดับคือ

    - ได้ดีในปัจจุบัน

    - ได้ดีข้ามภพข้ามชาติ

    ได้ดีระดับข้ามภพข้ามชาติ เกินวิสัยที่ปุถุชนคนไม่ตรัสรู้อย่างเราจะรู้ได้ แต่ที่เราสามารถรู้ได้แน่ๆ คือ "ได้ดีในปัจจุบัน" เราลองพิจารณาดีๆ จะเห็นว่า

    1) เวลาเรามีจิตศรัทธา ทำบุญตักบาตร หรือถวายทานแก่พระสงฆ์จิตใจเรามีความผ่องใส สดชื่น ในขณะที่ทำและหลังจากทำแล้ว นึกขึ้นมาทีไรก็มีแต่ความปลื้มใจ สุขใจ นี้คือเรา "ได้ดี" ในปัจจุบัน ดีอะไรเล่าครับที่จะเท่าความสุขใจใช่ไหม

    2) เวลาเราเห็นคนอื่นตกทุกข์ได้ยาก หรือประสบทุกข์ภัยบางอย่าง เรามีความกรุณาสงสารเขา อยากให้เขาพ้นจากความทุกข์ยาก เราช่วยเหลือเขาได้ เมื่อเห็นเขามีความสุข เพราะความช่วยเหลือของเรา เราก็มีความสุขด้วย และมีความภูมิใจที่สามารถช่วยเหลือคนอื่น นี้ก็คือการ "ได้ดี" ในปัจจุบันเช่นเดียวกัน

    3) เห็นคนอื่นเขากำลังจะถลำลงสู่ความตกต่ำบางอย่าง ช่วยฉุดเขาขึ้นมาได้ ผู้ช่วยเหลือเขาก็มีความสุข ยิ่งเห็นคนที่ตนช่วยเหลือนั้น เจริญก้าวหน้าในชีวิต ก็ยิ่งมีความสุขใจเพิ่มทวีคูณ นี้ก็คือการ "ได้ดี" ในปัจจุบันเหมือนกัน

    มีเรื่องจริงเรื่องหนึ่ง เด็กวัดสุทัศน์ อาศัยพระและวัดอยู่ และเรียนหนังสือระดับมหาวิทยาลัยด้วย เปิดเทอมจะต้องเสียค่าเทอมจำนวนหลายร้อย ดูเหมือนจะสองหรือสามร้อยสมัยก่อน ไม่มีเงินจะเสียค่าเทอม เพื่อนเด็กวัดด้วยกันออกความคิดว่า ให้จับนกพิราบที่เกาะอยู่หลังคาโบสถ์ไปขาย จับได้สักห้าสิบตัวก็จะขายได้เงินจำนวนหนึ่ง รวมกับที่มีอยู่บ้างก็คงจะพอเสียค่าเทอม โดยเพื่อนรับอาสาคอยดูทางให้

    เด็กโข่งคนนี้ก็ขึ้นไปจับนกพิราบ ใส่กระสอบได้ครบตามต้องการผูกปากกระสอบแล้ววางไว้หน้าห้อง กะว่าพรุ่งนี้เช้าจะรีบตื่นแต่ตีห้านำไปขายให้ร้านอาแปะข้างวัด

    เช้าขึ้นมา ปรากฏว่ากระสอบปากถุงเปิดอ้าอยู่ นกพิราบหายไปหมดเกลี้ยง แทบลมจับ แต่พอเอามือล้วงเข้าไปในกระสอบ ปรากฏว่ามีเงินวางอยู่ 500 บาท ไม่ทันคิดว่าเงินได้มาอย่างไร ด้วยความดีใจ จึงรีบไปเสียค่าเทอม เรียนหนังสือจนสอบจบเป็นบัณฑิตทางรัฐศาสตร์ รับราชการเป็นปลัดอำเภอ นายอำเภอ และรองผู้ว่าฯ ซึ่งอนาคตจะต้องเป็นถึงผู้ว่าฯ แน่นอน วันหนึ่งเขาคิดถึงหลวงพ่อที่วัดขึ้นมา จึงเดินทางไปนมัสการท่าน เล่าเรื่องนกพิราบให้ท่านฟัง พลางรำพึงว่า "ไม่ทราบว่าใครเอาเงินไปวางไว้ให้"

    หลวงพ่อเขกกบาลศิษย์พลางพูดว่า "ข้าเอง เห็นเอ็งจะทำบาป ข้าก็เลยช่วยฉุดเอ็งจากขุมนรก" แล้วท่านก็บอกต่อไปว่า

    "เมื่อเห็นเอ็งไปดี ทำงานเจริญก้าวหน้าไปตามลำดับ ข้าก็มีแต่ความสุขใจ ที่ได้ช่วยเหลือเอ็งครั้งนั้น"

    นี่แหละครับการ "ได้ดี" เพราะทำดีไว้ เห็นได้ในปัจจุบันนี้ เมื่อทำดีได้ดีในปัจจุบัน ชาติหน้าก็ย่อมจะได้ดี (ตามที่พระท่านบอก) แน่นอน

    ว่าจะเล่าสักสองสามเรื่อง เล่าได้เรื่องเดียวก็หมดหน้ากระดาษแล้ว เอาไว้ต่อฉบับหน้าก็แล้วกัน
     
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ก้อม่ายรู้จิงๆก้อม่ายเชื่อนีครับ ผมบอกแล้วอารายก้อต้องท่านปาทานครับ ว่าแต่กรมการค้าภายในอยู่ไหน????? หุ หุ
     
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    <!-- / next / previous links --><!-- currently active users --><TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 20 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 15 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>nongnooo, ake7440+, guawn, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    หวาดดีครับ พี่ๆฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ หุ หุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...