พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. ชวภณ ศ.

    ชวภณ ศ. สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +19
    อร่อยจริงๆครับ โดยเฉพาะบัวหิมะ หลากรส
     
  2. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    ตลาดหลังกฟผ ก็มีขายนะครับ
     
  3. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    อ่า..มายืนยันความอร่อยด้วยคน หุหุ

    สำหรับคุณ pitichit ก็อย่าคิดอะไรเลยครับ สำหรับกระทู้นี้นั้นเป็นกลุ่มที่ศรัทธาในพระวังหน้า
    และเคารพในคำสอนของครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนมา อีกทั้งประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณ sithipong นั้นพบว่าการดูพระนั้น ต้องดูทั้ง รูปทรงพิมพ์ และ พลังอิทธิคุณ
    ดังนั้นการดูผ่านจอนั้นต้องบอกว่าทำได้ยากและทำได้เฉพาะบางท่าน และยังมีปัญหาเยอะ เช่นสีที่ถ่ายมาไม่ตรงของจริง ซึ่งหากบอกผิดไปก็จะเป็นการปรามาส ส่งผลเสียทั้งผู้พูดและผู้ฟัง ซึ่งอาจไม่ใช่คุณคนเดียวเพราะนี่คือโลก internet
    ดังนั้น นี่เป็นเรื่องของกรรม อยากให้คุณเข้าใจว่าเราไม่ได้มีเจตนาอื่นใดที่ไม่ดูให้คุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2008
  4. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    ชอบร้านเถ้าแก่ชื้อมากๆๆๆๆ โดยเฉพาะปอเปี๊ยะกุ้งทอด(เค้าเรียกแฮ่กึ๊นรึเปล่าคะ) อร่อยไม่เหมือนใคร ต้มยำกุ้งก็อร่อยอ่ะ

    เวลาไปอย่าลืมแวะเที่ยวศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน หนึ่งในโครงการพัฒนาส่วนพระองค์นะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2008
  5. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    โครงการพัฒนาส่วนพระองค์

    เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ในการจัดทำโครงการพัฒนาขึ้นบนที่ดินส่วนพระองค์ ดำเนินงานภายใต้ บริษัท มงคลชัยพัฒนา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือสำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรูปแบบตัวอย่างสนับสนุนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อช่วยฟื้นฟูสังคมไทย แก้ไขภาวะความยากจนของคนในประเทศ ใช้เป็นแหล่งทดลองค้นคว้า และแสวงหาวิธีการพัฒนาสร้างรูปแบบจริงในการประกอบอาชีพให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ให้ชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการศึกษาแก่เกษตรกร นิสิตนักศึกษา และผู้ที่สนใจทั่วไปได้เข้ามาศึกษาและนำไปปฏิบัติตาม

    โครงการเขาหินซ้อน

    พื้นที่ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เนื้อที่ 642 ไร่ สภาพพื้นที่เป็นลูกลอนและมีลำห้วยไหลผ่านพื้นที่ ลักษณะทางกายภาพของดินในบริเวณนี้เป็นดินทราย ภูมิอากาศโดยทั่วไปแห้งแล้ง

    ในอดีตพื้นที่บริเวณเขาหินซ้อนจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประ เทศไทยมีลักษณะภูมิประเทศเป็นเขาหินเล็กใหญ่ทับ ซ้อนกันอยู่ทั่วๆไป เพียงชั่วระยะเวลา 30 กว่าปีต่อมาการคมนาคมสะดวกทำให้ผู้คนเดินทางเข้าไปในพื้นที่ได้สะดวก ผลที่ตามมาคือมีการทำลายป่าเพื่อนำพื้นที่มาใช้เพาะปลูกเป็นจำนวนมาก ประกอบกับเกษตรกรส่วนใหญ่นิยมปลูกมันสำปะหลังซึ่งเป็นพืชที่ทำลายคุณภาพดินทำให้ดินเสื่อมโทรมจนทำให้ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์กลายเป็นพื้นที่เสื่อมโทรมและมีปัญหาการชะล้างพังทลายของดินสูง จนกระทั่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรพื้นที่ดังกล่าว และทรงคิดหาแนวทางในการแก้ไขเพื่อช่วยเหลือหรือบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรโดยใช้วิชาการในหลายๆด้านประกอบกัน เป็นการดำเนินการแก้ไขในลักษณะผสมผสานของหลายๆหน่วยงานจึงมีพระราชดำริให้หน่วยงานจากกรมกองต่างๆ มาร่วมกันพัฒนาพื้นที่แห่งนี้เป็นศูนย์ศึกษาตัวอย่างประโยชน์ที่เกิดขึ้นได้เป็นสองทางคือต้นทางซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ฝึกหัดการทำงานร่วมกันได้ความรู้ในการพัฒนา และปลายทางคือราษฎรได้รับความช่วยเหลือในการพัฒนาที่ดินทำกินให้มี ความอุดมสมบูรณ์ขึ้นอันเป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญในการจัดตั้งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

    การดำเนินงานของโครงงานในระยะแรกเน้นในด้านการพลิกฟื้นสภาพที่ดินที่เสื่อมโทรม (Regenerate Soil) โดยการสร้างแหล่งน้ำและระบบชลประทานเพื่อใช้ในการเกษตร เป็นการสร้างความชุ่มชื้นให้กับสภาพแวดล้อม และเป็นการปรับปรุงบำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น เพื่อให้สามารถปลูกพืชและผลไม้ชนิดต่างๆได้ รวมทั้งการปลูกป่าเพื่อสร้างระบบนิเวศน์ให้เหมาะสมกับสภาพเดิมของพื้นที่ และช่วยป้องกันการชะล้างพังทลายของดินด้วย ปัจจุบันโครงการสามารถปลูกผักและผลไม้ได้ คือ ผักหวานบ้าน ส้มโอ เสาวรส (Passion Fruit) และผักใบ เป็นต้น
     
  6. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อดีตเด็กวิ่งเล่น(เล็กกว่าท่านโดอีก) พนมสารคาม ครับ สนุกมากนั่งซ้อนจักรยานพี่ชายไปดูเขาเลี้ยงไก่ กันมีความสุขมากครับ หุ หุ
     
  7. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  8. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ความจริงใครนำเสนออะไรผมก็เห็นงามเหมือนกันหมดเพราะล้วนมาจากความตั้งใจ
    ครั้งนี้ไม่มีรางวัลให้ จึงทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายที่จะใช้เกณฑ์ความรวดเร็วของการร่วมกิจกรรม ใครส่งเร็วกว่าผมถือว่าเร็วมาก จากนั้นใครส่งตามหลังผมมาติดๆ ถือว่ารองลงไป ผลการโหวตครั้งนี้จึงได้แก่ ....แต่น....แตน แต๊น......
    อันดับ 1 คุณ.newcomer<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1702101", true); </SCRIPT>
    อันดับ 2 คุณ.พรสว่าง_2008


    ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้าร่วมกิจกรรม ติดตามชม และโหวตให้ครับ
    ;k07_heart+love_pig_ballet<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1703158", true); </SCRIPT>
     
  9. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    welcome3 ยินดีครับ....จุ๊บๆ :z14
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ท่านผู้ร่วมโหวตกิจกรรม

    1.คุณake7440<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1707102", true); </SCRIPT>
    โหวต
    1. คุณตั้งจิต ครับ
    2. คุณ newcomer ครับ

    2.คุณnongnooo
    โหวต
    1. คุณตั้งจิต
    2. คุณ gnip

    3.คุณnewcomer
    โหวต
    1. คุณ ตั้งจิต
    2. คุณ หมอake7440

    4.คุณตั้งจิต<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1707775", true); </SCRIPT>
    โหวต
    1.คุณnewcomer<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1702101", true); </SCRIPT>
    2.คุณพรสว่าง_2008

    ขอบคุณครับ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ชำระหนี้สงฆ์ล่วงหน้าป้องกันการตกนรก
    http://palungjit.org/showthread.php?p=1707324#post1707324

    ชำระหนี้สงฆ์ล่วงหน้าป้องกันการตกนรก
    โพสโดย คุณteporrarit<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1393247", true); </SCRIPT>
    ทีมผู้ดูแลแกลเลอรี่

    พระราชพรหมยานมหาเถระ (หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง)
    <O:pรวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน จากหนังสือ ธรรมที่นำสู่ความทุกข์ (เล่ม4)


    เรื่องแผลจกการกินของสงฆ์
    <O:p</O:p
    ในอดีตหลวงท่านเคยอนุญาตไว้กับพี่นนทาความว่า อนุญาตให้คนที่มาอาศัยวัดอยู่ แล้วช่วยทำงานวัด มาเบิกนมข้น กาแฟตึกริมน้ำ(ที่พักของหลวงพ่อ) ผมรู้และรับทราบจากหลวงพ่อโดยตรงว่า หลวงพ่อพ่อผู้ไม่ประมาณ ท่านจึงชำระหนี้สงฆ์ไว้ล่วงหน้าก่อนทุกๆปี ด้วยเงินจำนวนหนึ่งเพื่อป้องกันคนที่มาวัดตกนรก เพราะเที่ยวไปเก็บของวัดไป จะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ดี ล้วนแต่มีโทษทั้งสิ้น เช่น เก็บดอกไม้, ผลไม้ ที่มีอยู่ในวัด เป็นต้น ท่านทำตามอาจารย์ของท่าน คือหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ( ในประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคก็มี กรุณาหามาอ่านได้) แต่ในปัจจุบันหลวงพ่อท่านไม่อยู่แล้ว เป็นอดีตธรรมไปแล้ว แต่ในปัจจุบันไม่มีใครทราบว่า เจ้าอาวาสองค์ใหม่พระครูปลัดอนันต์ ท่านปฏิบัติตามหลวงพ่อหรือเปล่า จึงไม่ควรจะเสี่ยงกับนรก ครั้งหนึ่งหน้ามะม่วง มะม่วงของวัดออกลูกเต็มต้น หลวงพี่องค์หนี่งท่านขยันนำลูกน้องของท่านมาสอย เอามาเป็นประโยชน์ด้วยความปรารถนาดี แล้วท่านก็นำมาแจกคนในวัดรวมทั้งผมด้วย ผมก็ต้องรับความปรารถนาดีของท่านแต่ผมไม่ค่อยแน่ใจเรื่องการกินของสงฆ์ ซึ่งกินแล้วเป็นแผลที่ที่ใจ หากปล่อยไว้นานจะรักษายาก จึงนำเงินไปชำระหนี้สงฆ์เสีย แผลที่ใจก็หายได้สนิท คนโง่มองไม่เห็นเพระความโลภบังตา (ตาปัญญา) ยิ่งมานะสูง คิดว่าตนเองแน่ แผลที่ใจก็เป็นเรื้อรังรักษาได้ยาก

    <O:p</O:p
    วิธีชำระหนี้สงฆ์ ผมจำมาจากเพื่อนผู้ร่วมปฏิบัติธรรมมากับผมว่า 20 ปีแล้ว ท่านทำดังนี้คือ ว่างๆ ท่านก็นำเงินไปใส่ตู้ชำระหนี้สงฆ์ของวัดแล้วอธิษฐานว่าข้าพเจ้าชำระหนี้สงฆ์ไว้ล่วงหน้าจนกว่าจะถึงพระนิพพาน เพราะความตายไม่มีนิมิตเครื่องหมาย แต่ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ซึ่งนับว่าเป็นอุบายที่ดี ใครเห็นด้วยก็นำไปใช้ท่านไม่ไม่หวง การชำระหนึ้สงฆ์จึงเป็นการรักษาแผลที่ใจได้อย่างดี


    พระราชพรหมยานมหาเถระ (หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง)
    <O:pรวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน จากหนังสือ ธรรมที่นำสู่ความทุกข์ (เล่ม4)
    หน้าที่99-100
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เพิ่งจะได้เข้ามาดู มาตามอ่านกัน...พรุ่งนี้ผมจะส่งพระเครื่องพระสมเด็จวังหน้าไปให้ผู้ร่วมบุญสร้างไฉไบ๊ที่ยังค้างอยู่เนื่องจากติดภารกิจที่ปลีกตัวไม่ได้ วันพรุ่งนี้จะรีบไปดำเนินการเลยครับ ขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ...

    วันนี้ผมได้พบกับคุณลุงท่านหนึ่ง..คุณลุงท่านนี้ปกติเขาก็อายุเยอะจริงๆเลยครับ แต่แปลกที่ดูหนุ่มตลอดกาล(55555) ท่านได้มอบพระพิมพ์ปางบำเพ็ญเพียรทุกรกิริยาลอยองค์สนิมเขียวให้ผมองค์หนึ่ง ท่านได้ห้ามไม่ให้ผม post ให้ผู้ใดชม แต่ผมขอท่านว่าขอ post ให้ชมแบบลางๆคงไม่เป็นไร ท่านก็หัวเราะ (ผมเข้าใจเอาเองว่า ท่านน่าจะอนุญาตนะ..คิดเอง..เออเอง..) จากนั้นอีกราวครึ่งชั่วโมงผมได้แวะทำธุระที่ห้างแห่งหนึ่ง(ดูใบแจ้งของทางวัดเองครับ) เห็นลานกว้างๆจัดกิจกรรมทำบุญหล่อพระพุทธรูปปางบำเพ็ญเพียรทุกรกิริยา ผมก็เลยรีบร่วมบุญหล่อพระพุทธรูปในครั้งนี้เพื่อเป็นการชำระหนี้สงฆ์ไปในตัวสำหรับการรับมอบพระพิมพ์โบราณนี้ด้วย ก็ขอเชิญอนุโมทนาบุญกันนะครับ..

    ทำไมบังเอิญขนาดนี้??? พระพุทธรูปปางนี้จะหล่อกันบ่อยๆก็หาได้ไม่ และตรงกับวาระของการรับมอบพระพิมพ์อีกต่างหาก มันแปลกดีนะ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010312.JPG
      P1010312.JPG
      ขนาดไฟล์:
      319.6 KB
      เปิดดู:
      40
    • P1010309.JPG
      P1010309.JPG
      ขนาดไฟล์:
      268.9 KB
      เปิดดู:
      51
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    อ่าว..ใจตรงกันอีกแล้ว post บอกเรื่องชำระหนี้สงฆ์เหมือนกันในเวลาที่ห่างกันเพียง 1 นาทีด้วยนา..อิ...อิ....
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทำไมต้องชำระหนี้สงฆ์ โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    http://palungjit.org//showthread.php?t=141808

    ทำไมต้องชำระหนี้สงฆ์ โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    โพสโดย คุณteporrarit<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1393247", true); </SCRIPT>
    ทีมผู้ดูแลแกลเลอรี่

    การชำระหนี้สงฆ์
    <TABLE width="100%" border=1><TBODY><TR><TD align=left width="13%">ผู้ถาม</TD><TD width="87%">
    ทำกรรมอะไรถึงลง อเวจี คะ........?


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">หลวงพ่อ </TD><TD width="87%">

    อเวจีนี่ทำกรรมหนักมากมันจึงจะลง ก็มีอนันตริยกรรม อาจิณกรรม ขโมยของสงฆ์ ของสงฆ์ นี่แตะนิดเดียว ลงอเวจีเลยนะ แม้แต่เศษเล็ก ๆ


    (เรื่อง อนันตริยกรรม เช่น ฆ่าพ่อแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ยุให้สงฆ์แตกกัน เป็นต้น พระยายมมาบอกหลวงพ่อว่า "ทุกคนอย่าได้ทำเด็ดขาด ท่านช่วยไม่ได้เลย" ส่วน อาจิณกรรม เช่น แม่ครัวทุบหัวปลา แกงเป็นประจำ เป็นต้น สำหรับ ขโมยของสงฆ์ หลวงพ่อได้ยกตัวอย่างให้ฟังดังนี้)


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">หลวงพ่อ </TD><TD width="87%">
    มีญาติพระเจ้าพิมพิสาร เป็นทายกในตอนต้นก็ดี ซื่อตรงต่อการบุญการกุศล แต่มาตอนกลาง ๆ มือถึงท้ายมือไม่ค่อยดี เริ่มหยิบแล้วทีแรกก็เป็น ทายก ต่อมาก็เลย


    เป็น ทายัก ของอะไรดี ๆ ก็ยังเอาไปเสียบ้าง เอาไว้ให้ลูกให้เมียเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียบ้าง ของที่เขาจะถวายสงฆ์ เขาตั้งใจจะทำอาหารถวายสงฆ์ เนื้อ ดี ๆ ก็ยักเอาไว้บ้าง แกงดี ๆ ก็ยักเอาไว้บ้าง บางทีไม่ยกของสด ไอ้ของที่สำเร็จรุปที่เขาไม่ทันจะถวายพระ ก็ยักเอาไว้เสียบ้าง ญาติของพระเจ้าพิมพิสารเป็นทายักแบบนี้ ตายแล้วลงนรกสิ้นระยะเวลา ๑ กัป พ้นจากนั้นแล้ว ก็มาตก ยมโลกียนรก คือผ่าน นรกบริวาร ๔ ขุม แล้วก็มาตกยมโลกีนรกตามลำดับมาเป็น เปรต ๑๑ จำพวก สุดท้ายก็เป็น เปรตพวกที่ ๑๒ สมัยพระพุทธเจ้าของเรานี้ จำไว้ด้วยนะ ของสมบัตินิดหนึ่งน่ะ แม้จะเป็นก้อนดินก้อนหนึ่ง กระเบื้องหัก ๆ ก้อนหนึ่งก็ตาม ถ้าเราถือเอาเข้าบ้านด้วย อาการของขโมย เสร็จ สะเด็ดไม่เหลือ ลูกหมากรากไม้ที่มีอยู่ในวัด เราจะไปขอเด็กขอพระไม่มีประโยชน์ ของสงฆ์สงฆ์ต้องประชุมกัน เมื่อประชุมกันแล้วตกลงกันว่ายังไง ต้องปฏิบัติตามนั้นขายหรือให้ใครต้องปฏิบัติตามนั้นนะแม้แต่ ดอกไม้บูชาพระ ก็เหมือนกัน ถ้าท่านผู้ปลูกยังมีชีวิตขอเฉพาะท่านได้ ถ้าท่านผู้ปลูกตายไปแล้วหรือสึกไปแล้ว อันนี้เป็นของสงฆ์ ต้องเป็นเรื่องของสงฆ์วินิจฉัย ไม่ใช่พระองค์ใดองค์หนึ่งเป็นผู้ให้ หรือไปขอเก็บเด็กวัดอันนี้ไม่ถูกต้อง ลงอเวจี
    และอีกเรื่องหนึ่ง กากะเปรต สมัยที่เกิดเป็น กา แย่งข้าวในขันที่เขานำไปจะถวายพระ ข้าวสุกนั้นเขานำไปยังไม่ถึงพระ ยังไม่ใช่ของสงฆ์ จะถือว่าเป็นของชาวบ้านก็ไม่ได้ เพราะเขาตั้งใจถวายสงฆ์แล้วกรรมเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ตายไปแล้วไปลง อเวจี แล้วแถมมาเกิดเป็น เปรต



    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">ผู้ถาม</TD><TD width="87%">
    หลวงพ่อครับ คนที่กินข้าวที่พระอนุญาติแล้ว ทำไมถึงตกนรก และพระที่ให้ก็ต้องตกนรกด้วยครับ....?


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">หลวงพ่อ </TD><TD width="87%">ถ้าอาหารที่พระให้ต้องเป็นของญาติโยมที่ถวายเฉพาะองค์นั้น ไม่มีโทษแน่ แต่ที่เป็นอย่างนี้ต้องเป็นอาหารที่เขาถวายเป็นส่วนกลาง คือเป็นของสงฆ์ ของสงฆ์นั้นพระองค์ใดองค์หนึ่งไม่มีสิทธิ์ให้ นอกจากสงฆ์จะประชุมตกลงให้พระองค์นั้นเป็นผู้จ่ายแทนสงฆ์ ตัวอย่างของสงฆ์เช่น อาหารวันพระ ที่มีข้าวใส่บาตรเหลือมากๆ แล้วทายกใส่ถ้วยเอาไปกินบ้าน โดยที่คณะสงฆ์ไม่มีส่วนรู้เห็น อย่างนี้ แม้แต่เจ้าอาวาสเองยังไม่มีสิทธิ์ให้ต่มลำพัง
    บางทีกินอาหารที่พระฉันเหลือ ถ้าพระอนุญาติแล้วไม่มีโทษ(สำหรับโยมที่ไปในงาน ทางวัดเขาตั้งใจเลี้ยงก็ไม่เป็นไร) แต่บางท่านก็หยิบของที่พระฉันแล้วเอามาเฉยๆ บางท่านก็ขอเอาดื้อๆ ให้หรือไม่ให้ก็ตาม ออกปากขอแล้วยกไปเลย พระยังไม่ทันอนุญาติ ท่านทายกประเภทนี้ ท่านช่วยยกคนที่กินกับท่านลงอเวจีแบบสะดวก เมื่อจะขอต้องดูว่าอาหารมากไหม ถ้ามากจนเหลือเฟือ ก็ขอให้พระท่านให้ตามความพอใจของท่าน เพราะท่านอาจมีกังวลนำอาหารไปให้ใครก็ได้ ที่ท่านมีภาระต้องเลี้ยง ถ้าถือเอาตามความพอใจก็ต้องถือว่าแย่งอาหารจากพระมีโทษ 100 เปอร์เซ็นต์

    และอาหารถวายพระพุทธรูป ก็เหมือนกัน อาหารประเภทนี้ดูเหมือนจะเป็นเหยื่อล่อให้ทายกลงอเวจีสะดวกสบายมาก อาหารที่เขานำมาวัด เขาตั้งใจถวายพระสงฆ์ การนำไปถวายพระพุทธรูปนั้นเป็นความดี เพราะเป็นพุทธานุสสติด้วย เป็นพุทธบูชาด้วย แต่อาหารประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องใช้มาก เพราะพระพุทธรูปไม่ได้ฉัน ท่านจะฉันหรือไม่ฉันก็ตาม อาตมาคิดว่าทายกทายิกาไม่มีสิทธิ์จะกิน หลายวัดหรือส่วนใหญ่ ทายกมักจะเอาอาหารดีๆ และมากๆ ไปทุ่มเทถวายพระพุทธรูป

    เมื่อพระฉันเสร็จแล้ว ต่างก็ยกเอามากิน ตอนนี้ไม่ถูกด้วยประการทั้งปวง ต้องเอาไว้ถวายพระตอนเพลจึงจะถูก ทายกทายิกาจะกินได้เฉพาะอาหารที่เหลือเป็นแดนจากพระฉันเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์สถาปนาตนเองเป็น ลูกศิษย์พระพุทธรูป แต่ประการใด

    รวมความว่า ของที่ถือว่าเป็นของสงฆ์นั้น คือของในวัดทุกประการที่เขาถวายเป็นของสงฆ์แล้ว แม้แต่ดอกไม้ ผลไม้ในวัดเศษไม้ที่คิดว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว เอามาทำฟืนบ้าง ทำอย่างอื่นเล็กๆน้อยๆบ้าง จงอย่าคิดว่าไม่มีบาป แม้แต่เศษกระเบื้องที่ทิ้งแล้ว ก็เป็นของสงฆ์ มีผลเสมอกัน เว้นไว้แต่ดอกไม้ผลไม้ที่พระหรือท่านผู้ใดปลูกในวัด ถ้าท่านเจ้าของยังอยู่ในเขตวัดนั้นและท่านอนุญาติ อย่างนี้เอามาได้ไม่บาป ด้วยท่านเจ้าของมีสิทธิ์สมบูรณ์ให้ได้ รับมาได้ไม่มีโทษ ถ้าท่านผู้ปลูกออกไปจากวัดนั้นหรือตายไปแล้ว ของนั้นเป็นของสงฆ์โดยตรง ไปเอามามีโทษตามกำลังบาป ขโมยของสงฆ์

    และอีกประการหนึ่ง วัดร้างที่ไม่มีพระอยู่ แต่มีสภาพเป็นวัด กับที่ของสงฆ์ที่เป็นไร่นาไปแล้ว ไม่มีสภาพเป็นวัด ถ้าเราไปนำมานิดเดียวแม้แต่หญ้าต้นเดียว เขาถือว่า เป็นหนี้สงฆ์ อันนี้อันตรายมาก สมัยหลวงพ่อปาน ท่านก็แนะนำให้คน ชำระหนี้สงฆ์ บาทสองบาทสลึงสองสลึง บางคนไม่มีเงืนเอามาทำงานแทน ทำอะไรก็ได้ไม่บังคับ คือ ดายหญ้าก็ตามไม่เอาค่าแรง



    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">ผู้ถาม</TD><TD width="87%">
    หลวงพ่อครับ พระเครื่อง ที่เขาไปขโมยมาแล้วเราเอามาห้อยคอ อย่างนี้จะบาปไหมครับ.....?


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">หลวงพ่อ </TD><TD width="87%">
    เดี๋ยวก่อน พูดเรื่อง พระเครื่อง ก่อนพระที่คุณห้อยน่ะ ไม่มีเครื่อง หรอก พระเครื่องต้องอย่าง ฉันนี่เดินได้ วิ่งได้ ใช่ไหม.......อย่างนั้นเขาไม่เรียกพระเครื่อง เขาเรียก พระห้อย

    เขาขโมยมาจากใครล่ะ.......?


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">ผู้ถาม</TD><TD width="87%">
    ก็ไม่ทราบแน่ครับ อาจจะขโมยเจาะกรุมาก็ได้ครับ


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">หลวงพ่อ </TD><TD width="87%">
    เสร็จ ไอ้นี่พังแน่


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">ผู้ถาม</TD><TD width="87%">
    อย่างนี้จะบาปไหมครับ......?


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">หลวงพ่อ </TD><TD width="87%">
    รับของโจรมันก็บาปซิ


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">ผู้ถาม</TD><TD width="87%">
    แต่ถ้าเราไม่ทราบนี่คงไม่เป็นไรนะครับ


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">หลวงพ่อ </TD><TD width="87%">
    เราไม่ทราบก็บาป เราทราบก็บาป ไอ้บาปนี้เขา แปลว่าชั่ว คนไปขโมยมาจากกรุ กรุมันเป็นของสงฆ์ ลักษณะของอาการมันเป็นของชั่ว ถ้าเราเอาของชั่วมาอยู่กับเราก็ชั่วด้วย อย่างใน มงคลสูตร ข้อหนึ่ง ท่านบอกว่า "อเสวนา จ พาลานัง" อย่าคบคนพาล ถึงแม้นตัวราจะไม่พาล ถ้าเราเดินกับคนพาลเขาก็คิดว่าพาลไปด้วย" และท่านก็มีข้อเปรียบเทียบ ท่านบอกว่า

    "ใบตองนี่ ไอ้ความเน่าของเนื้อสัตว์มันจะไม่ซึมลง แต่ว่าถ้าเราเอาใบตองห่อของเน่า แล้วเอา ของเน่าทิ้งไปแต่กลิ่นเน่าเหม็น มันยังติดใบตองอยู่" "ทีนี้การรับของโจร ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้ ก็ต้องถือว่าเราร่วมมือด้วยโดยไม่เจตนา ก็ต้องเอาเหมือนกัน"


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">ผู้ถาม</TD><TD width="87%">
    ของหนูก็มีพระที่ขโมยมาเหมือนกันค่ะ เป็นพระบูชาแต่ว่าอยากเอาไว้ที่บ้านเอาไว้บูชา ถ้าเราชำระหนี้สงฆ์จะได้ไหมคะ.......?


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">หลวงพ่อ </TD><TD width="87%">
    ทีนี้วิธีชำระหนี้สงฆ์ เขาให้มีค่าเสมอของเดิมนะ เสมอของเดิมหมายความว่า ไม่ใช่พระรุ่น แบบนี้ เหมือนกับอย่างเขาเล่นกันนะ เขาไม่ใช้นะ ไปดุว่าที่ร้านเจ๊กหน้าตักขนาดนี้เขาขายเท่าไร แล้วเอาเงินไป ชำระหนี้สงฆ์ตามราคานั้น ถ้ามากกว่านั้นไม่เป็นไรนะ เท่านั้นก็ใช้ได้ เอาไปวัดใดวัดหนึ่งขอชำระหนี้สงฆ์ ขอมอบ เงินจำนวนนี้และขอเอาพระไปบูชา ก็เท่านี้แหละ เป็นอันว่าไม่มีอะไรผิด (ใครก็ตามได้รู้อย่างนี้ก็ใจเสียแล้ว เวลาไปเอามาไม่รู้เท่าไหร่ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ก็มีคนหัวดี กล้าถามหลวงพ่อว่า ถ้าจะชำระหนี้สงฆ์ทั้งหมด ตั้งแต่ที่เคยทำมาตั้งแต่ต้นจนปัจจุบันนี้ จะทำอย่างไร เราจึงได้รู้เรื่องการสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ขึ้นมา)




    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    การสร้างพระชำระหนี้สงฆ์

    <TABLE width="100%" border=1><TBODY><TR><TD align=left width="13%">ผู้ถาม</TD><TD width="87%">
    แล้วเรื่องพระชำระหนี้สงฆ์มีความเป็นมาอย่างไรครับ...?


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">หลวงพ่อ </TD><TD width="87%">
    เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ฉันไปที่ศรีราชา ญาติโยมเขาถาม เรื่องพระชำระหนี้สงฆ์ ถ้าหลายๆ ชาตินี้เราไม่รู้เอาอะไรมาบ้าง ถามว่าจะทำอย่างไรฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน พอตอบไม่รู้ก็เห็นพระท่านลอยมา ท่านบอก "ถ้าจะชำระให้ครบถ้วน เป็นเงินเท่าไรก็ไม่พอ ให้สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอก" พระหน้าตัก 4 ศอก ถือว่าเป็นพระประธานมาตรฐาน ท่านบอกว่า "พระพุทธรูปนี่ไม่มีใครตีราคาได้ ใช้ในการชำระหนี้สงฆ์ หนี้สงฆ์ที่แล้วๆ มาถือเป็นการหมดกันไป"


    ฉันพูดแล้วก็กลับมาวัด ต่อมาพวกนั้นก็มาถามใหม่ว่า "สร้างพระองค์เดียวได้คนเดียวหรือกี่คน" ฉันก็ไม่รู้อีกซิ ก็นึกถึงท่าน ท่านก็มาใหม่ ท่านบอกว่า ฺ"ถ้าไม่ปิดทองได้คนเดียว ถ้าปิดทองครบถ้วนได้ทั้งคณะ" หมายความว่าบุคคลหลายคนก็ได้ ตัดบาปเก่า ถ้าสร้างใหม่อีกนะ สร้างหนี้ใหม่ต่อเป็นหนี้ใหม่เหมือนกันนะ



    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">ผู้ถาม</TD><TD width="87%">
    ถ้าหากว่าเรามีสตางค์น้อยๆ แล้วถวายพระจะได้ไหมครับ....?


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">หลวงพ่อ </TD><TD width="87%">
    ถ้าเรามีสตางค์น้อยๆ ก็ใส่ซองเขียนหน้าซองว่า "ชำระหนี้สงฆ์"คือว่าไม่ได้จำกัด ทำไปเรื่อยๆ ให้ใจสบาย บาทสองบาทตามกำลังที่พึงทำได้ เขาไม่ได้เกณฑ์ว่าจะสร้างพระ หลวงพ่อปานท่านทำอย่างนี้มาก่อน เรื่องสร้างพระนี่เขาถามก็บอก ท่านมาบอกอัตรานี้โละกันเลยนะ คือไม่ใช่จะเกณฑ์ให้ไปสร้างพระเพราะทุไม่พอใช่ไหม เราก็ทำไปเรื่อยใจสบาย มีสตางค์รับเงินเดือนมาที่ ทำ 5 บาท ใส่ซองถวายพระบอก "ขอชำระหนี้สงฆ์" ท่านไม่รู้ท่านใช้ผิด ท่านลงนรกเอง ไม่ต้องห่วง ถ้าไปกินเป็นส่วนตัวละเรียบร้อย เงินชำระหนี้สงฆ์มันมีค่ากว่าเงินสังฆทานและวิหารทาน ถ้าไปใช้เป็นส่วนตัวไม่ได้ ต้องใช้เป็นส่วนกลาง อันตรายกับพระ แต่ช่างเถอะ ถ้าบวชแล้วอยากโง่ให้ลงนรกไป ใช่ไหม...."




    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">ผู้ถาม</TD><TD width="87%">
    ถ้ามีญาติโยมเอาเงินไปถวายพระ แต่ก็เอาเงินไปปลูกบ้านบ้าง ให้ญาติโยมไปออกดอกออกช่อบ้าง อยากทราบว่าผลบุญที่ลูกได้ทำแล้ว จะมีอานิสงส์สมบูรณ์แบบหรือไม่เจ้าคะ...?


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">หลวงพ่อ </TD><TD width="87%">
    เขาถวายเป็นของสงฆ์ใช่ไหม เขาถวายเข้าไปในวัดใช่ไหม แล้ววัดไม่ได้ทำอะไร แต่คนในวัดเแาไปปลูกบ้าน เงินนั้นไปที่อื่นใช่ไหม เขาถวายอานิสงส์ มันได้ตั้งแต่ถวาย มีอานิสงส์ครบถ้วน นั่นเขาครบ 100 เปอร์เซ็นต์เลยนะ คนอื่นเอาไปใช่ไหม อย่าไปยุ่งกับเขาเลยนะ อานิสงส์มันได้ตั้งแต่เริ่มให้ ยิ่งให้ก็ยิ่งอานิสงส์หนักขึ้นเวลาให้ต้องให้ด้วยตนเองใช่ไหม ขณะที่พระรับก็เกิดธรรมปิติอิ่มใจ อานิสงส์มันเพิ่ม แต่ว่าคนที่นำเอาไปใช้พิเศษคนนั้นลงอเวจีแน่




    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">ผู้ถาม</TD><TD width="87%">
    โอ้โฮ...หนักถึงขนาดนั้นเลยหรือครับหลวงพ่อ.....?


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">หลวงพ่อ </TD><TD width="87%">
    ยังเบานะ ถ้า 2-3 คราว ลงโลกันต์


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">ผู้ถาม</TD><TD width="87%">
    นี่ดีนะที่สึกออกมาก่อน ไม่งั่นไปอยู่ใต้พระเทวทัตแน่ๆ


    </TD></TR><TR><TD align=left width="13%">หลวงพ่อ </TD><TD width="87%">
    ใต้พระเทวทัตน่ะไม่มีความทุกข์นะ ความทุกข์มันอยู่แค่อเวจี ต่ำกว่าอเวจีก็ไม่ถึงโลกันต์


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญญาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 1
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาสาธุครับ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาสาธุครับ
    ;aa13
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 19 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 17 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ่านอย่างมีสติและมีความสุขกันครับ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    4 อาหารสลายพุง

    http://hilight.kapook.com/view/31584

    [​IMG]


    ด้วยวัฒนธรรมการกินที่เปลี่ยนไป ทำให้หนุ่มสาววัยใสที่กินไม่ระวังเริ่มตุ้ยนุ้ยก่อนวัยอันควร ใครกำลังหนักใจ เรามีอาหารที่มีการศึกษาว่าช่วยสลายไขมัน โดยเฉพาะไขมันรอบเอวได้อย่างมีประสิทธิภาพมาฝาก ลองกินตามสูตรนี้ดูนะคะ

    [​IMG] 1. อะโวคาโด อะโวคาโดอุดมไปด้วยสารเบตาซิสโตสเตอรอล ซึ่งช่วยในการดูดซึมคอเลสเตอรอล มีเส้นใยอาหาร ทั้งชนิดที่ละลายน้ำ ซึ่งช่วยขจัดคอเลสเตอรอลส่วนเกินออกจากร่างกาย และชนิดที่ไม่ละลายน้ำซึ่งช่วยป้องกันอาการท้องผูก ปริมาณแนะนำต่อวัน: &frac14; ถ้วย​

    [​IMG] 2. บรอกโคลี่ นักวิจัยระบุว่าสารอาหารอย่างแคลเซียมช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีที่จะสะสมไว้เป็นไขมันส่วนเกินได้ และบร็อกโคลี่ก็มีดีที่เป็นแหล่งแคลเซียมซึ่งไม่มีไขมัน ปริมาณแนะนำ: 1 1/2 ถึง 2 ถ้วย​

    [​IMG] 3. ถั่วและเมล็ดพืชต่างๆ มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน มีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนักได้ โดยเฉพาะถั่วเปลือกแข็ง และเมล็ดพืชต่างๆ เช่น อัลมอนด์ มะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดฟักทอง พิสทาชิโอ ปริมาณแนะนำต่อวัน: 2 ช้อนโต๊ะ​

    [​IMG] 4. น้ำมัน เลือกกินน้ำมันที่มีประโยชน์ช่วยลดน้ำหนักได้ น้ำมันพืชต่างๆ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันชา น้ำมันถั่วเหลือง ปริมาณแนะนำต่อวัน: 1 ช้อนโต๊ะ ​

    นอกจากดูแลเรื่องอาหารการกินแล้ว ก็ต้องออกกำลังกายเป็นประจำด้วยนะคะ



    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ต้องไปหามาดูมั่ง ปกติหน้งของอัลนี่พลาดไม่ได้อยู่แล้วนะ หากคุณ nongnooo ชื่นชอบนี่คงไม่ธรรมดานะ สงสัยจะชวนให้ติดตามชมเหมือนทำให้อยากแล้วจากไป..
     

แชร์หน้านี้

Loading...