พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    16695. ‘หลวงพ่อโต’ วัดบางพลีใหญ่ใน จ.สมุทรปราการ
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16695

    [​IMG]

    ‘หลวงพ่อโต’
    วัดบางพลีใหญ่ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ


    “หลวงพ่อโต” วัดบางพลีใหญ่ใน ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
    เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย (สะดุ้งมาร) องค์พระเป็นทองสำริดทั้งองค์
    มีขนาดหน้าตักกว้าง ๓ ศอก ๑ คืบ ลืมพระเนตร
    เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดบางพลีใหญ่ใน

    ได้รับการกล่าวขวัญถึงความศักดิ์สิทธิ์
    เป็นที่เคารพสักการะของชาวบางพลีและพุทธศาสนิกชนทั่วไป

    ตามตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า ประมาณกาล ๒๐๐ กว่าปีล่วงมาแล้ว
    ได้มีพระพุทธรูป ๓ องค์ ปาฏิหาริย์ลงมาจากทางเหนือ
    ลอยมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดมา
    พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์นี้ เข้าใจว่าปวงชนในกรุงศรีอยุธยา
    คงอาราธนาท่านลงสู่แม่น้ำ เพื่อหลบหนีข้าศึก
    ด้วยในสมัยนั้นบ้านเมืองได้เกิดสภาวะสงครามขึ้นกับพม่า

    พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ ได้แสดงอภินิหารลอยล่องมาตามลำแม่น้ำ
    และบางครั้งก็แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ผุดให้ผู้คนเห็นตามลำดับ
    จนเป็นที่โจษจันกันทั่ว ถึงอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน


    ต่อมาภายหลังปรากฏว่า พระพุทธรูปองค์หนึ่งไปขึ้นประดิษฐาน
    อยู่ที่วัดบ้านแหลม (วัดเพชรสมุทรวรวิหาร) จ.สมุทรสงคราม

    ในเวลาไล่เลี่ยกันพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง
    ไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธรเทพวราราม จ.ฉะเชิงเทรา

    ส่วนอีกองค์หนึ่งได้ล่องลอยเรื่อยมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา
    ปาฏิหาริย์ลอยวกเข้ามาในลำคลองสำโรง
    ประชาชนพบเห็นต่างโจษจันกันไปทั่ว พร้อมกับได้อาราธนา
    ขึ้นที่ปากคลองสำโรง แต่พระพุทธรูปไม่ยอมขึ้น

    ในที่นั้น มีผู้มีปัญญาดีคนหนึ่ง ได้ให้ความเห็นว่า
    คงเป็นเพราะบุญญาอภินิหารของท่าน
    แม้จะใช้จำนวนผู้คนสักเท่าไรอาราธนาฉุดท่านขึ้นบนฝั่งไม่สำเร็จเป็นแน่
    ควรจะเสี่ยงทายต่อแพผูกชะลอกับองค์ท่าน
    แล้วใช้เรือพายฉุดท่าน ให้ลอยตามลำน้ำสำโรงและอธิษฐานว่า
    “หากท่านประสงค์จะขึ้นโปรดที่ใด
    ก็ขอจงได้แสดงอภินิหารให้แพที่ลอยมาจงหยุด ณ ที่นั้นเถิด”


    เมื่อประชาชนทั้งหลายได้เห็นพ้องดีกันดังนั้นแล้ว
    ก็พร้อมใจกันทำแพผูกชะลอกับองค์ท่านแล้วใช้เรือ
    ซึ่งสมัยนั้นเป็นเรือพายทั้งสิ้น ช่วยกันจ้ำพายจูงแพลอยเรื่อยมาตามลำคลอง
    เรือที่ใช้ลากจูงแพมานั้นมีชื่อแปลกต่างๆ กัน เช่นชื่อ ม้าน้ำ
    เป็ดน้ำ ตุ๊กแก และอื่นๆ เป็นต้น และจัดให้มีการละเล่นต่างๆ
    มีละครเจ้ารำถวายมาตลอดทาง และการละเล่นอื่นๆ ครึกครื้นมาตลอดทั้งลำน้ำ

    ครั้นแพลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม
    หรือวัดบางพลีใหญ่ใน แพที่ผูกชะลอองค์ท่านเกิดหยุดนิ่ง
    พยายามจ้ำและพายกันอย่างเต็มที่เต็มกำลัง แพนั้นก็หาได้ขยับเขยื้อนไม่

    ประชาชนที่มากับเรือและชาวบางพลี จึงได้พร้อมใจกัน
    อาราธนาตั้งจิตอธิษฐานว่า “ถ้าหลวงพ่อจะโปรดคุ้มครอง
    ชาวบางพลีให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขแล้ว
    ก็ขออาราธนาอัญเชิญองค์ท่านให้ขึ้นจากน้ำได้โดยง่ายเถิด”


    และเป็นที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก เพียงใช้คนไม่มากนัก
    สามารถอาราธนาท่านขึ้นจากน้ำได้โดยง่าย
    ทำให้ประชาชนต่างแซ่ซ้องในอภินิหารของท่านเป็นอย่างยิ่ง
    และได้อาราธนาท่านขึ้นไปประดิษฐานอยู่ในวิหารนั้นเรื่อยมา

    ครั้นต่อมาได้รื้อวิหารนั้นอีกเพื่อสร้างเป็นพระอุโบสถที่ถาวร
    จึงต้องชะลออาราธนาองค์ท่านมาพักไว้ยังศาลาชั่วคราว
    จนกระทั่งได้สร้างพระอุโบสถสำเร็จแล้ว
    จึงได้อาราธนาท่านไปประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ
    เพื่อเป็นพระประธานของวัดบางพลีใหญ่ใน


    เล่ากันว่า เมื่อคราวสร้างพระอุโบสถเสร็จใหม่ๆ
    ได้วัดช่องประตูพระอุโบสถกับองค์หลวงพ่อโต
    ปรากฏว่า ช่องประตูใหญ่กว่าองค์พระประมาณ ๕ นิ้ว
    ซึ่งสามารถนำองค์หลวงพ่อโตผ่านเข้าไปได้

    แต่พอถึงคราวอาราธนาจริง กลับปรากฏว่าองค์หลวงพ่อใหญ่กว่าประตูมาก
    คณะกรรมการจำนวนหนึ่งเห็นว่าควรทุบช่องประตูทิ้ง
    แต่อีกจำนวนหนึ่งเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโต
    จึงได้พร้อมใจกันอธิษฐานขอให้หลวงพ่อโตสามารถผ่านเข้าประตูได้
    เพื่อเป็นมิ่งขวัญคุ้มครองชาวบางพลีสืบไป

    เมื่ออธิษฐานเสร็จก็อาราธนาหลวงพ่อโตผ่านประตูได้โดยสะดวก

    การที่ท่านได้พระนามว่า “หลวงพ่อโต” คงเป็นเพราะองค์ของท่านใหญ่โต
    คือ ใหญ่โตกว่าองค์ที่ลอยน้ำมาด้วยกันทั้ง ๒ องค์
    จึงถือเป็นนิมิตอันดีให้ประชาชนพากันถวายนามว่า “หลวงพ่อโต”
    เป็นสิ่งที่เคารพสักการะของชาวบางพลี ตราบเท่าทุกวันนี้

    [​IMG]

    ทั้งนี้ การลำดับว่าองค์ไหนเป็นองค์พี่ องค์กลาง และองค์น้อง
    เนื่องจากลอยน้ำมาพร้อมกัน ซึ่งตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา
    เข้าใจว่าคงจะนับเอาองค์ที่อาราธนาขึ้นจากน้ำได้ก่อนเป็นองค์พี่
    ขึ้นจากน้ำองค์ที่ ๒ เป็นองค์กลาง ขึ้นจากน้ำองค์ที่ ๓ เป็นองค์น้อง ตามลำดับคือ

    หลวงพ่อวัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม
    อาราธนาขึ้นจากน้ำองค์ที่ ๑

    หลวงพ่อโสธร วัดโสธรเทพวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา
    อาราธนาขึ้นจากน้ำองค์ที่ ๒

    หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ
    อาราธนาขึ้นจากน้ำ เป็นองค์ที่ ๓ เรียงกันตามลำดับ

    นอกจากนี้ หลวงพ่อโตยังได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เจ็บป่วยทั้งหลาย
    ที่มาบอกเล่าบนบานกราบนมัสการท่าน บางท่านได้นำน้ำมนต์หลวงพ่อไป
    เพื่อความเป็นสิริมงคล ปรากฏว่าโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นนั้นหายวันหายคืน

    แม้แต่กระทั่งรูปเหรียญหลวงพ่อโต ชาวบ้านทั้งใกล้ไกลต่างพากัน
    ห้อยคอให้แก่บุตรหลานของตน เพราะเมื่อเด็กเผลอพลัดตกน้ำ
    เด็กนั้นกลับลอยได้เป็นที่น่าอัศจรรย์ ตลอดทั้งพระเครื่องราง
    ที่ทำเป็นรูปขององค์หลวงพ่อ ก็มีอภินิหารป้องกันภยันตรายต่างๆ ได้

    ทุกวันนี้ชาวบางพลีต่างเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และบารมีของหลวงพ่อโต
    ที่คุ้มครองชุมชนบางพลีให้ปลอดภัยจากอัคคีภัย
    ในขณะที่ชุมชนโดยรอบ อาทิ ตลาดบางบ่อ ตลาดจระเข้
    ตลาดคลองด่าน ล้วนแต่ประสบกับอัคคีภัยมาแล้วทั้งนั้น

    [​IMG]
    ชุมชนหน้าวัดบางพลีใหญ่ใน จ.สมุทรปราการ
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    16693. ‘หลวงพ่อวัดไร่ขิง’ วัดไร่ขิง จ.นครปฐม
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16693

    [​IMG]

    ‘หลวงพ่อวัดไร่ขิง’
    วัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม


    “หลวงพ่อวัดไร่ขิง” เป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดไร่ขิง
    (วัดมงคลจินดาราม) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม

    เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๔ ศอก ๒ นิ้ว สูง ๔ ศอก ๑๖ นิ้ว
    ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี ๕ ชั้น มีผ้าทิพย์ปูทอดลงมา ผินพระพักตร์สู่ทิศเหนือ
    องค์พระงดงาม เป็นการผสมผสานงานพุทธศิลป์ ๓ สมัย
    คือ เชียงแสน อู่ทอง และสุโขทัย แต่ไม่ปรากฏหลักฐานใครสร้างขึ้นเมื่อไหร่

    จากหนังสือประวัติของวัด ระบุว่าเรื่องราวของหลวงพ่อวัดไร่ขิงซึ่งไปเกี่ยวข้องกับ
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมราชานุวัต
    ตั้งแต่ครั้งเป็นวัดศาลาปูนวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

    [​IMG]

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) นั้น พื้นเพของท่านเป็นชาวนครชัยศรี
    เล่ากันเป็นสองนัยว่า ท่านเป็นผู้สร้างวัดไร่ขิง เมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๔
    แล้วอาราธนาพระพุทธรูปจากพระนครศรีอยุธยามาเป็นพระประธาน
    กับอีกความหนึ่งว่า วัดไร่ขิงเดิมมีพระประธานอยู่แล้วแต่องค์เล็ก
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) จึงบอกให้ไปนำพระพุทธรูปจากวัดของท่าน
    ซึ่งผู้คนจากวัดไร่ขิงก็พากันขึ้นไปรับ เชิญลงแพไม้ไผ่ล่องลงมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา
    เข้าแม่น้ำท่าจีนจนถึงวัด ก่อนอัญเชิญขึ้นประดิษฐานในพระอุโบสถ
    ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน 5 ตรงกับวันสงกรานต์ในปีนั้นพอดี

    เล่ากันว่า ขณะที่อัญเชิญหลวงพ่อวัดไร่ขิงขึ้นจากน้ำสู่ปะรำพิธี
    เกิดความมหัศจรรย์ แสงแดดที่แผดจ้ากลับพลันหายไป
    ความร้อนระอุในวันสงกรานต์กลางเดือนห้า บังเกิดมีเมฆดำทะมึน
    ลมปั่นป่วน ฟ้าคะนองก้องในนภากาศ บันดาลให้ฝนโปรยลงมา
    ทุกคนในที่นั้นเกิดความยินดี พากันอธิษฐานจิต
    “ขอหลวงพ่อจักทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข
    ดับความร้อนคลายความทุกข์ให้หมดไป
    ดุจสายฝนที่เมทนีดลทำให้ชุ่มฉ่ำ เจริญงอกงามด้วยธัญญาหาร”


    [​IMG]

    จึงถือเป็นวันสำคัญ จัดให้มีงานเทศกาลนมัสการปิดทองประจำปี
    หลวงพ่อวัดไร่ขิง สืบต่อมาถึงทุกวันนี้

    เรื่องราวความเป็นมาของหลวงพ่อวัดไร่ขิง
    ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับน้ำอยู่ตามสมควร
    ในประวัติพระพุทธรูปหลายสำนวนก็นับท่านรวมอยู่ใน
    พระพุทธรูปห้าองค์พี่น้องที่ลอยน้ำมาจากทางเหนือ
    ประกอบด้วย หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม จ.ฉะเชิงเทรา,
    หลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทรวรวิหาร จ.สมุทรสงคราม
    บางแห่งก็เพิ่มหลวงพ่อวัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรี
    และหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน จ.สมุทรปราการ
    และขึ้นประดิษฐาน ณ ที่ต่างๆ กันด้วย

    หลวงพ่อวัดไร่ขิง มีเสียงเล่าลือกันจากปากต่อปากของประชาชนทั่วไป
    จากเหนือสู่ใต้ว่าหลวงพ่อมีอิทธิฤทธิ์และอภินิหารต่างๆ มากมายเป็นอเนกประการ
    แต่ละคนที่มีศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อวัดไร่ขิง
    มีเรื่องที่น่าอัศจรรย์ปรากฏแก่ตนเองเกือบทุกคน

    [​IMG]

    พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสไร่ขิง ได้นำอภินิหาร
    และอิทธิฤทธิ์บางส่วนจากผู้ศรัทธาหลวงพ่อ
    มาบันทึกไว้ในหนังสือประวัติวัดและหลวงพ่อวัดไร่ขิง อาทิ

    - หลวงพ่อวัดไร่ขิง มีอภินิหารปิดทองไม่ติด
    ทั้งที่ในแต่ละปีมีประชาชนมาปิดทองหลวงพ่อเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน

    - หลวงพ่อวัดไร่ขิง มีความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหาร
    ในการป้องกันสิ่งต่างๆ ตามความรู้สึกของแต่ละคนที่ตั้งใจปรารถนา

    - น้ำมันและน้ำมนต์ของหลวงพ่อ รักษาโรคภัยต่างๆ ได้สมใจปรารถนา

    - หลวงพ่อวัดไร่ขิง ช่วยให้รอดพ้นจากความตาย เพียงแค่ตั้งจิตถึงหลวงพ่อ

    - หลวงพ่อวัดไร่ขิง ปิดตาขโมยได้ ป้องกันไฟไหม้

    - หลวงพ่อวัดไร่ขิง เป็นทุกอย่างได้ตามแรงอธิษฐานของคนอยากให้เป็น

    [​IMG]

    หลวงพ่อวัดไร่ขิง ประดิษฐานเป็นที่เคารพกราบไหว้อยู่ ณ วัดไร่ขิง
    มาเป็นเวลานานเป็นที่รู้จักเรียกขานในนามหลวงพ่อวัดไร่ขิง
    คนในท้องถิ่นต่างเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์
    และมักกราบไหว้บนบานเมื่อมีทุกข์โศกโรคภัยต่างๆ

    สำหรับคาถาบูชาหลวงพ่อวัดไร่ขิง ตั้งนะโม ๓ จบ
    “กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา มะเหสักขายะ เทวะตายะ
    อะธิปาถิตัง อิทธิปาฏิหาริกัง มังคะละจินตารามพุทธะปะฏิมากะรัง
    ปูชามิหัง ยาวะชีวัญจะ สุกัมมิโก สุขะปัตถิตายะ”


    ชาวบ้านเชื่อศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อวัดไร่ขิง
    ว่าสามารถปัดเป่าทุกข์โรคภัยไข้เจ็บทั้งปวงได้อย่างอัศจรรย์
    ทั้งยังอำนวยโชคลาภให้แก่ผู้ที่เดินทางมาสักการะ

    โดยเฉพาะในงานประจำปี ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕
    มีมหรสพ ๙ วัน ๙ คืน พุทธศาสนิกชนแห่นมัสการสักการะ
    และบนบานศาลกล่าวด้วย “ว่าวจุฬา”
    เชื่อว่าหลวงพ่อชอบเป็นพิเศษ รองลงมา คือ ประทัดและละครรำ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    16694. ‘หลวงพ่อทอง’ วัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรี
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16694

    [​IMG]

    ‘หลวงพ่อทอง’
    วัดเขาตะเครา อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี


    “หลวงพ่อทอง” วัดเขาตะเครา เป็นพระพุทธรูปแบบนั่ง
    พระพุทธลักษณะปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ หล่อด้วยสำริด ศิลปะเชียงแสน
    มีขนาดหน้าตักกว้าง ๒๑ นิ้ว และสูง ๒๙ นิ้ว ปิดทองคำเปลวอร่ามทั้งองค์

    ไม่มีหลักฐานระบุสร้างปีใด ใครเป็นผู้สร้าง มีเพียงตำนานเอ่ยถึง
    โดยเรื่องที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด มีรายละเอียด ดังนี้
    มีพระสงฆ์ ๒ รูป สามเณร ๑ รูป ทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน
    และมีฤทธิ์เดชเวทมนต์แรงกล้ามาก ทั้ง ๓ ได้ทดลองวิชา
    โดยพระรูปแรกได้ทำน้ำมนต์ไว้ และสั่งพระรูปที่ ๒ ว่า
    “เดี๋ยวจะกระโดดลงน้ำแล้วจะกลายเป็นพระพุทธรูปลอยขึ้นมา
    แล้วให้ใช้น้ำมนต์รดลงไปก็จะกลับเป็นพระสงฆ์ตามเดิม”

    แต่เมื่อพระรูปแรกกระโดดลงไปแล้วลอยขึ้นมาเป็นพระพุทธรูป
    พระรูปที่ ๒ ก็ไม่รดน้ำมนต์ให้ โดยบอกว่า “เมื่อพี่ทำได้เราก็ทำได้”
    และได้สั่งให้สามเณรรดน้ำมนต์ให้
    แล้วก็กระโดดลงน้ำกลายเป็นพระพุทธรูปลอยขึ้นมาอีก

    [​IMG]

    ด้านสามเณร เมื่อเห็นว่าพระทั้ง ๒ รูปทำได้ เราก็ทำได้เหมือนกัน
    จึงกระโดดลงน้ำแล้วกลายเป็นพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์
    โดยที่ไม่มีใครนำน้ำมนต์รดให้ จึงกลายเป็นพระพุทธรูปลอยน้ำอยู่เช่นนั้น

    ต่อมาได้แสดงอภินิหารโดยลอยทวนน้ำไปขึ้นที่ ช.พัน ๒ ทหารช่างอยุธยา
    ภายหลังเรียกว่า คุ้ง ๓ พระทวน ปัจจุบันเรียกเพี้ยนไปเป็น สัมประทวน

    ช่วงเวลาต่อมา ได้ลอยน้ำโดยเอาเศียรวน ไปอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา
    ชาวบ้านเห็นและมีผู้นำสายสิญจน์ไปผูก พร้อมปลูกศาลเพียงตา
    อาราธนาอัญเชิญองค์กลางขึ้นไว้ได้ ๑ องค์ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่
    วัดโสธรวราราม มีชื่อเรียกว่า “หลวงพ่อโสธร” จ.ฉะเชิงเทรา

    เหลืออีก ๒ องค์ ลอยมาโผล่ที่ชายทะเลแถบ จ.สมุทรสงคราม
    ชาวบ้านจึงได้ใช้เชือกจำนวน ๓ เส้น ผูกพระพุทธรูปเพื่อดึงขึ้นฝั่ง
    แม้จะใช้คนจำนวนมาก ก็ไม่สามารถดึงขึ้นได้ จนเชือกขาดทั้ง ๓ เส้น
    พระพุทธรูปจึงจมน้ำหายไป ต่อมาชาวบ้านจึงได้เรียกบริเวณนั้นว่า
    สามเส้น และต่อมาเรียกเพี้ยนไปเป็น สามเสน

    ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๓๐๒ สมัยปลายกรุงศรีอยุธยาก่อนเสียกรุงต่อพม่า
    ชาวบ้านแหลม จ.เพชรบุรี ได้อพยพหนีพม่าไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่
    ปากคลองแม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ใกล้กับวัดบ้านแหลม
    หรือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร
    ซึ่งวัดนี้ในอดีตมีชื่อว่าวัดศรีจำปา

    ระหว่างที่ชาวประมงได้ออกเรือหาปลา ได้ลากอวนไปติดพระพุทธรูป ๒ องค์
    โดยองค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปแบบนั่ง และอีก ๑ องค์เป็นพระพุทธรูปแบบยืน
    จึงได้ช่วยกันนำพระพุทธรูปปางยืน ไปประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม
    ต่อมาชาวบ้านได้เรียกชื่อพระพุทธรูปว่า “หลวงพ่อวัดบ้านแหลม”

    ส่วนพระพุทธรูปอีก ๑ องค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางนั่งสมาธิ
    ได้มอบให้ชาวบางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี
    เนื่องจากเป็นพี่น้องในย่านน้ำเดียวกัน ชาวบางตะบูนจึงได้นำมาประดิษฐาน
    ไว้ที่ วัดเขาตะเครา และเรียกชื่อว่า “หลวงพ่อวัดเขาตะเครา”

    พระมงคลวชิราจารย์ (หลวงพ่อสุข) เจ้าอาวาสวัดเขาตะเครา
    ได้เล่าถึงที่มาของชื่อหลวงพ่อทองแห่งวัดเขาตะเครา ว่า
    เดิมชาวบ้านจะเรียกพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ว่า หลวงพ่อวัดเขาตะเครา
    เป็นที่เคารพบูชาของชาวประมงเป็นอย่างมาก แต่ได้มาเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น
    “หลวงพ่อทองวัดเขาตะเครา” หลังจากที่เกิดปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์ขึ้น
    เมื่อตอนกลางคืนของวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๗
    ขณะที่อาตมาจำวัด ได้ฝันว่า มีพระอายุมากรูปหนึ่งนำถุงบรรจุทองคำยื่นให้
    พร้อมกับพูดว่า ‘เอาไป’ หลังจากนั้นท่านก็หายไป

    ต่อมาเวลาประมาณ ๒๑.๐๐ น. เศษ ของวันศุกร์ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีชวด
    ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๗ ได้เกิดไฟลุกไหม้ท่วม
    องค์หลวงพ่อวัดเขาตะเครา ขณะนั้นประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ
    ขณะไฟลุกไหม้ทำให้ทองคำหลอมไหม้ไหลออกมาจากองค์หลวงพ่อทอง
    เมื่อนำทองคำทั้งหมดมาชั่งน้ำหนัก ปรากฏว่าได้น้ำหนักถึง ๙ กิโลกรัม ๙ ขีด

    หลวงพ่อจึงได้นำเอาทองไปจัดทำเป็นลูกอมทองไหลหลวงพ่อทอง
    แล้วแจกจ่ายให้พุทธศาสนิกชนนำไปติดตัวและบูชา
    ได้ปัจจัยมาทั้งหมด ๑๑ ล้านบาท เพื่อนำมาสร้างมณฑป
    โรงเรียน และศาสนสถานอื่นๆ สำหรับลูกอมหลวงพ่อทอง

    ต่อมาได้เกิดปาฏิหาริย์มากมาย โดยเฉพาะทางด้านแคล้วคลาด
    ทำให้ประชาชนเคารพศรัทธามากขึ้น
    และเรียกหลวงพ่อทองวัดเขาตะเครา ตลอดมาถึงปัจจุบัน

    สำหรับ วัดเขาตะเครา ก็ไม่ปรากฏหลักฐานระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อใด
    แต่เดิมพระอุโบสถอยู่บนยอดเขา ต่อมาย้ายพระอุโบสถลงมาเชิงเขา
    เพื่อความสะดวกเวลาปฏิบัติศาสนกิจ แล้วอัญเชิญองค์หลวงพ่อทอง
    ลงมาประดิษฐานที่ศาลาการเปรียญ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนกราบสักการะ

    หลวงพ่อทองวัดเขาตะเครา เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยึดเหนี่ยวทางจิตใจชาวเพชรบุรี
    และพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ เล่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์เรื่องโชคลาภ
    ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ผู้ที่สมัครเรียน สมัครงาน ฯลฯ
    มักจะมาบนบานขอให้ได้ตามประสงค์ ผู้เจ็บไข้ได้ป่วยก็มักมาบนบานขอให้หาย

    สำหรับคาถาบูชาหลวงพ่อทองวัดเขาตะเครา
    “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” (๓ จบ)

    “กาเยนะ วาจายะ มะยะเจตะสา มาระวิชะยัง สุวัณณะมานัง
    มะหาเตชัง มะหาลาภัง พุทธะปะฏิมัง เมตตาจิตตัง นะมามิหัง
    โอมะ ศรี ศรี ชัยยะ ชัยยะ สัพพะทุกขา อุปัททะวา สัพพันตะรายา
    สัพพะโรคา วินาสสันติ สะทาโสตถี ภะวันตุ เม” (แล้วอธิษฐาน)

    หากบนแล้วได้สัมฤทธิ์ตามที่ขอ จะต้องแก้บน
    โดยเป็นชายจะบนบวชพระแก้ ถ้าเป็นหญิงจะบนบวชชีพราหมณ์
    บ้างจุดประทัดถวาย หรือไม่ก็เลี้ยงอาหารแก้บน
    โดยเฉพาะในวันหยุดหรือวันสำคัญต่างๆ วัดเขาตะเคราจะคลาคล่ำ
    ไปด้วยพุทธศาสนิกชนที่หลั่งไหลมากราบสักการะ
     
  4. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 12 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ตั้งจิต, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->
    <!-- popup menu contents -->จ๊ะเอ๋ ท่านปาทาน พอดีตื่นขึ้นมารีดเสื้อน่ะเลยแวะเข้ามาหน่อย เริ่มง่วงอีกแล้ว ราตรีสวัสดิ์ก่อนนะคร๊าบ
     
  5. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมจะฝากรีดด้วยตัวนึง ไม่รู้ว่าจะฝากทันหรือเปล่า แต่สงสัยว่า ไม่ทันแล้ว ไว้คราวหน้านะครับ

    .
     
  9. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    แรงครับ ดึกๆลมหนาวยิ่งแรงครับ 55555555 หุ หุ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมว่า ไม่หนาว ถ้ามีท่านโดไปด้วย กอดแล้วอุ่นจริงๆ

    .
     
  11. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD style="PADDING-RIGHT: 20px"><TABLE class=ProductPictureBorder height=150 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=150 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=ProductPictureBorder height=150 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=150 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD><TD> พระสมเด็จรุ่นนี้ พระอาจารย์สำราญ ได้จัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2513 โดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยหลายรูปมาร่วมกันปลุกเสก มวลสารภายในจะมีผงสมเด็จวัดระฆังที่แตกหัก ผงวิเศษของท่านพระอาจารย์สำราญ ตลอดจนผงวิเศษของพระกรุต่าง ๆ นำมาบดผสมเข้ากัน ประสบการณ์คนพื้นที่ว่ากันมาปากต่อปากหลายปีแล้วครับ มีทั้งเมตตา แคล้วคลาด มหานิยม จริง ๆ แล้วพระสมเด็จที่สร้างขึ้นในปี 2513 นั้นมีหลายพิมพ์ แต่พิมพ์สะดุ้งกลับเป็นพิมพ์ที่นิยมสุด เพราะเชื่อกันว่า "กลับร้ายให้กลายเป็นดี"










    ผมขอยืมรูปและข้อความจาก ร้านพรนา นะครับ พิมพ์นี้คนเพชร หวงและหากันแบบสุดๆครับ ตาลุงแกก็มีองค์ครับ มีไปหมดเลยแฮะ หุ หุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ผมว่ากอดแม่ท่านโด อุ่นกว่าเยอะครับ หุ หุ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    วันนี้ ถ้าท่านใดว่างเว้นจากภาระกิจ ไปกราบหลวงพ่อโสธรกันนะครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?p=1653639#post1653639

    <TABLE class=tborder id=post1650657 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> เมื่อวานนี้, 12:23 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1547 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>pat3112<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1650657", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 01:00 AM
    วันที่สมัคร: Aug 2005
    สถานที่: nontabury
    อายุ: 24
    ข้อความ: 365
    ได้ให้อนุโมทนา: 2,792
    ได้รับอนุโมทนา 5,606 ครั้ง ใน 343 โพส
    พลังการให้คะแนน: 330 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1650657 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->โมทนาด้วยครับคุณสิทิพง กับท่านที่ร่วมบุญด้วย ขอให้สำเร็จไวๆเร็ว
    พรุ่งนี้จะโอนไปให้ห้าร้อยบาทครับ โอนแล้วนะครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->__________________

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ____________________________________

    โมทนาสาธุครับ

    ผมรบกวนขอ ชื่อ - นามสกุล และที่อยู่ มาให้ผมทาง pm ด้วยครับ ผมจะจัดส่งพระพิมพ์ไปให้ครับ


    ขอบคุณครับ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ

    ตั้งแต่วันนี้( วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2551 ) ผมขอมอบพระสมเด็จ(สร้างในฤกษ์ อัศจรรย์โกลาฤกษ์) จำนวน 3 องค์ (คงเหลือ 2 องค์)

    สำหรับท่านที่ร่วมทำบุญในคร้งนี้ จำนวนเงินที่ร่วมทำบุญ 7,000 บาท(เจ็ดพันบาทถ้วน) ผมมอบให้ 1 องค์(สำหรับท่านที่เคยร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิมาแล้ว

    แต่สำหรับท่านที่ไม่เคยร่วมทำบุญมาก่อน ต้องทำบุญ 150,000 บาท(หนึ่งแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) ผมมอบให้ 1 องค์

    1.คุณkaticat ร่วมทำบุญและจอง 1 องค์


    การโอนเงินร่วมทำบุญนี้ สามารถจองไว้ก่อนได้ (สำหรับท่านที่ไม่เคยทำบุญมาเลย ผมขอสงวนสิทธิ์ในการจอง)

    หลังวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2551 หากไม่มีใครร่วมทำบุญ ผมขอเก็บกลับมา และหากจะมอบให้กับผู้ร่วมทำบุญอีก จำนวนเงินที่ร่วมทำบุญมากกว่านี้แน่นอนครับ

    [​IMG]

    ขออธิบายเล็กน้อย ฤกษ์ "อัศจรรย์โกลาฤกษ์" นั้น เป็นฤกษ์ที่ใน 1 ปีมีเพียง 1 - 2 ครั้ง และเป็นฤกษ์ที่ใช้ในการสร้างวัตถุมงคลให้กับพระมหากษัตริย์เท่านั้น ฤกษ์นี้มีประมาณ 18 - 19 นาทีเท่านั้นครับ

    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ 2 หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชา เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไปครับ


    ----------------------------------------------


    หมายเหตุ หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป และเป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    หมายเหตุ 1 พระวังหน้า ที่ผมนำมามอบให้กับผู้ที่ทำบุญในกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ และผมได้บอกบุญในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้ เป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    แต่หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่งเรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ

    http://palungjit.org/showthread.php?t=68899&page=78

    http://palungjit.org/showthread.php?t=22445&page=1197

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ผมกราบขอพรหลวงพ่อโสธรที่บ้านพักให้เกิดความสงบสุขแล้วครับ
     
  17. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    เมื่อคืนนี้ง่วงจริงๆเลยครับ เพิ่งเปิดเทอมใหม่ๆก็ยังงี้แหละครับผมปรับตัวไม่ทัน

    อ้อ.ลืมไป ฝากรีดกี่ตัวก็ได้ ส่งems มานะครับ อิอิ
    :z1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2008
  18. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  20. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    คราวก่อนโน้น..ไปล่องเรือเที่ยวแม่น้ำบางปะกง ลงเรือที่หลังวัด ไกด์เรือบอกว่า ถ้าจะขอพรหรือบนบาน(ผมไม่แน่ใจว่าเขาใช้คำไหน)องค์หลวงพ่อโสธร มี 3 สิ่งที่เขาไม่ขอกัน อะไรเอ่ยรู้มั้ย ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก...

    ..................
    ...........................
    .......................................
    ..................................................
    ...............................................................


    ตอบเลยดีกว่านะ เดี๋ยวผมลืม

    1.ขออย่าให้ติดทหาร ......... เพราะหลวงพ่อชอบทหาร ท่านจะได้ใบแดงทันที
    2.หากเป็นหนุ่มสาวไปขอให้ได้ครองคู่กัน...........กลับจากวัด หากท่านไม่ใช่คู่แท้กัน จะมีอันต้องเลิกกันในเร็วพลัน
    3.คนที่ไม่มีลูกไปขอลูก............ก็จะได้ดังหวัง แต๋เดี๋ยวก่อน ลูกที่ท่านได้นั้นจะดื๊อแสนดื้อ เลี้ยงยากน่ะ


    เขาว่ามานะ เลยมาบอกต่อกันจ้ะ


    หมายเหตุ
    จำผิดจำพลาดมาบอกกันเพียงไร ไม่ขอรับผิดชอบ
    หากไม่เชื่อ ก็ลองดูได้ ไม่ว่ากัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...