พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    <TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>6 สุดยอดอาหารบำรุงสมอง </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> 1. ปลาทะเลน้ำลึก อย่างปลาแซลมอน : รู้หรือเปล่า? สมองมีไขมันเป็นส่วนประกอบมากกว่า 60%เชียวนะคะ ซึ่งมันหมายความว่าเราต้องการไขมันชั้นดีอย่างโอเมก้า 3 นั่นเองค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> 2. แครนเบอร์รี่ : จากการศึกษาพบว่าสารในแครนเบอร์รี่ช่วยต่อต้านอาการป่วยเรื้อรังของสมอง อย่างอาการความจำเสื่อม

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> 3. ขมิ้น : เครื่องเทศสำคัญที่เอาไว้ใส่ในแกงกะหรี่แสนอร่อยนี่ล่ะค่ะ สีเหลืองของมันช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ(ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ความจำเสื่อมได้)

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> 4. ข้าวไม่ขัดสี : ข้าวกล้องดีต่อสุขภาพเสมอ นอกจากข้าวกล้องจะเป็นแหล่งพลังงานชั้นดีแล้ว ยังให้โปรตีนที่ผลิตกรดอะมิโนที่เป็นตัวส่งสารอาหารไปยังสมองด้วย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> 5. สตรอเบอร์รี่ : จากการทดลองให้สตรอเบอร์รี่กับหนูที่อายุมาก พบว่ามันช่วยพัฒนาทั้งประสิทธิภาพในการเรียนรู้และประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อสมอง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> 6. ผักโขม : ช่วยชะลอปัญหาในเรื่องประสิทธิภาพของสมองส่วนกลาง และการรับรู้ที่เสื่อมลงไปตามวัย สลัดผักขมสักชามให้โฟเลทสูงด้วยนะคะ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    ระวังกิน'กลอย' หน้าฝนมีพิษมาก

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>กลอย...พืชชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาทำอาหารได้ทั้งคาวและหวาน มีคนนิยมบริโภคกันเป็นจำนวนมาก

    ชาวบ้านแบ่งประเภทของกลอยตามลักษณะของลำต้นและตามสีในเนื้อหัวกลอยคือ กลอยข้าวเจ้า ลักษณะของเถาและก้านใบสีเขียว ส่วน กลอยข้าวเหนียว เถาเป็นสีน้ำตาลอมดำ เมื่อนำหัวกลอยมาปอกเปลือกและหั่นเป็นแว่นบาง ๆ พบว่ากลอยข้าวเจ้ามีเนื้อสีขาวนวลและเนื้อหยาบกว่ากลอยข้าวเหนียว ซึ่งมีสีเหลืองอ่อนถึงเหลืองเข้ม เนื้อเหนียวและรสชาติดีกว่ากลอยข้าวเจ้า ดังนั้นคนจึงนิยมรับประทานกลอยข้าวเหนียวมากกว่า

    อย่างไรก็ตาม มีข่าวอยู่เสมอว่า มีผู้บริโภคกลอยแล้วเกิดเป็นพิษขึ้น กลอยเป็นพืชที่มีพิษอยู่บริเวณหัว

    และก็หัวกลอยนี่แหละที่นำมารับประทานกัน ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าหัวกลอยเป็นพืชที่มีพิษการกำจัดพิษออกก็ไม่ยากไม่เย็นแสนเข็ญ แต่ด้วยความที่คนเราไม่ชอบความยุ่งยากวุ่นวาย ชอบความสะดวกสบายมากกว่า...ไม่กำจัดพิษในกลอยให้มันหมดไปเสียก่อน การนำบริโภคนั้นจึงทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้ แต่โดยทั่วไปแล้ว หากคนนำกลอยมาประกอบอาหารเพื่อนำมารับประทานเองแล้ว ย่อมกำจัดพิษหมดไปได้ด้วยกลัวจะเกิดอันตรายแก่ตน แต่หากเป็นพ่อค้าแม่ค้านำกลอยที่ทำสำเร็จรูปพร้อมรับประทานมาจำหน่ายแล้ว ต้องระวังไว้ก่อนเพราะเขาอาจจะไม่ระมัดระวังอย่างพอเพียงในการกำจัดพิษให้หมดสิ้นไปก่อนนำมาจำหน่าย ในเรื่องการนำกลอยมารับประทานนี้มีหลายหน่วยงานออกมาเตือน...

    ดร.เฉลิมพล เกิดมณี หัวหน้าห้องปฏิบัติการสรีรวิทยาและชีวเคมีด้านพืช ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ในหัวกลอยมีแป้งมากและมีสารพิษที่ชื่อว่าไดออสคอรีน (Dioscorine)

    พิษชนิดนี้จะมีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งประสาทส่วนกลางมีผลต่อการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ ตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัสทางกาย ดังนั้นคนที่รับประทานกลอยที่มีสารพิษเข้าไปจึงมักมีอาการ คันที่ปาก ลิ้น คอ คลื่นไส้ อาเจียน และเมื่อประสาทส่วนกลางบีบหัวใจทำให้เกิดอาการมึนเมา วิงเวียน ใจสั่น ตาพร่า อึดอัด และเป็นลมได้ในที่สุด ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับพิษจะมีอาการรุนแรงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปริมาณสารพิษ ความต้านทานของแต่ละคน โดยมีรายงานการศึกษาพบว่าปริมาณสารพิษของหัวกลอยในแต่ละฤดูกาลจะแตกต่างกัน มีการศึกษาพบว่ากลอยจะมีพิษมากในช่วงที่กลอยออกดอก คือช่วงหน้าฝนประมาณเดือนสิงหาคม-ตุลาคม และจะลดลงเมื่อกลอยเริ่มลงหัวในช่วงฤดูร้อนประมาณเดือนเมษายน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ด้าน นายแพทย์นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ปริมาณสารพิษจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับฤดูกาลที่เก็บ หากเป็นช่วงฤดูฝนโดยเฉพาะเดือนสิงหาคมกลอยมีพิษมากที่สุด

    ส่วนในฤดูร้อน โดยเฉพาะเดือนเมษายนกลอยมีพิษน้อยที่สุด ดังนั้น กลอยที่จะนำมาใช้ประกอบอาหารจะต้องผ่าน ขั้นตอนการกำจัดสารพิษอย่างเพียงพอและถูกวิธี ด้วยการปอกเปลือกทิ้งแล้วหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ นำมาแช่ในน้ำเกลือประมาณ 3 วัน ระหว่างนี้ให้เปลี่ยนน้ำเกลือหลาย ๆ ครั้ง หรือแช่ในน้ำไหลใช้เวลาประมาณ 3-7 วัน หรือมากกว่านี้ เพื่อให้น้ำชำระสารพิษออกให้หมดแล้วนำไปนึ่งให้สุกเพื่อประกอบอาหารต่อไป ที่สำคัญ อย่ารับประทานดิบ ๆ เป็นอันขาด

    จากจุลสารสมุนไพร ของ ม.มหิดล เรื่อง “กลอย...พืชพิษที่รับประทานได้”


    โดย ศิริพร เหลียงกอบกิจ บอกถึงการกำจัดพิษในหัวกลอยไว้ว่า วิธีเอาสารพิษ Dioscorine ออกจากกลอย วิธีการทั่ว ๆ ไปคือปอกเปลือกหัวกลอยให้สะอาด หั่นเป็นแว่น แต่ละแว่นหนาประมาณ 1-1.5 ซม. ให้นำชิ้นกลอยที่หั่นแล้วลงไปในภาชนะหนาประมาณ 10 ซม. โรยเกลือให้ทั่วหน้า 1-2 ซม.แล้วใส่ชิ้นกลอยลงไปทำสลับกับเกลือ จนกว่าจะหมดทิ้งไว้ค้างคืน วันรุ่งขึ้นให้นำกลอยที่หมักออกมาล้างน้ำจนสะอาด จากนั้นใส่ชิ้นกลอยที่ล้างแล้วลงไปในถุงผ้าดิบหรือผ้าขาวบาง นำของหนักทับไว้เพื่อไล่น้ำเบื่อเมาของกลอยออกให้หมด ต่อไปให้นำชิ้นกลอยจากถุงผ้าเทกลับลงไปในภาชนะเดิมแล้วใส่น้ำให้ท่วมเนื้อกลอย ทิ้งไว้ค้างคืนรุ่งเช้าจึงนำชิ้นกลอยมาล้างให้สะอาดและทำซ้ำเช่นเดิม ประมาณ 5-7 วัน จึงจะปลอดภัยจากสารพิษและนำมาบริโภคหรือปรุงอาหารได้ หรือจะผึ่งแดดให้แห้งเก็บตุนไว้เมื่อจะบริโภคจึงนำชิ้นกลอยมาแช่น้ำก่อนนำไปนึ่งหรือปรุงอาหาร

    มีคำแนะนำที่ควรปฏิบัติตามอย่างยิ่งคือ ปัจจุบันยังไม่มีระบบการตรวจสอบสารไดออส คอรีนในกลอยก่อนนำออกไปจำหน่ายแก่ผู้บริโภค

    ดังนั้นสิ่งที่ประชาชนพึงระวังคือไม่ควรรับประทานกลอยในช่วงฤดูฝนแล้วหันมารับประทานในช่วงฤดูร้อนซึ่งปลอดภัยกว่า และควรบริโภคจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือได้ มีการแจ้งแหล่งผลิตชัดเจน ตรวจสอบได้ และที่สำคัญหากรับประทานแล้วเกิดอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์ทันที

    ฝากบอกไปยังพ่อค้า-แม่ค้าว่า …ต้องกำจัดพิษออกจากกลอยให้ถูกวิธี ก่อนนำไปประกอบ อาหาร เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    เตือน! บดยาเม็ดก่อนทาน อาจอันตรายถึงชีวิต

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษเตือนว่า การบดยาเม็ดเพื่อให้ทานง่ายขึ้น อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เพราะไปทำลายสารเคลือบเม็ดยา ที่มีผลต่อการปล่อยยาในร่างกาย

    ผู้เชี่ยวชาญที่ประกอบด้วยเภสัชกร และทนายความเผยว่า คนชราร้อยละ 60 มีปัญหาในการกลืนยา มีงานวิจัยพบว่า พยาบาลตามสถานพยาบาลถึงร้อยละ 80 ใช้วิธีบดเม็ดยาเพื่อช่วยให้คนชรากลืนยาง่ายขึ้น แต่ละปีมียาที่สั่งจ่ายโดยแพทย์และเกิดผลข้างเคียงทางลบประมาณ 75 ล้านชุด ยาที่ไม่ควรบดได้แก่ ทาม็อกซิเฟนที่ใช้รักษามะเร็งเต้านม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีมีครรภ์

    ขณะที่มอร์ฟีนไม่ควรบดเพราะอาจทำให้ยาถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเร็วถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต ส่วนไนเฟดิพีนที่ใช้รักษาความดันโลหิตสูงหากบดจะทำให้มึนงง ปวดศีรษะ เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจหรือหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ ยาเม็ดยังมีสารเคลือบพิเศษที่ช่วยให้ยาถูกดูดซึมในเวลาที่นานขึ้น ผู้ป่วยจึงทานยาเพียงวันละ 1 เม็ด ไม่ต้องทานวันละหลายครั้ง หากยาถูกบดก็จะถูกดูดซึมเร็วกว่าที่ต้องการ


    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แพทย์และพยาบาลจะถูกดำเนินคดี และตั้งข้อหาประมาทเลินเล่อ หากแนะนำให้ผู้ป่วยบดเม็ดยาหรือแกะแคปซูลที่หุ้มยาไว้ พร้อมแนะนำว่าแพทย์ควรสอบถามผู้ป่วยก่อนสั่งจ่ายยาว่า มีปัญหาในการทานยาเม็ดหรือไม่ เพื่อสั่งจ่ายยาในรูปแบบอื่นแทน เช่น ยาน้ำ แผ่นแปะ หรือยาที่ใช้สูดดม

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>


    ผมขอตัวไปทำการบ้านอ่านหนังสือนะครับ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เอ! ไม่ได้ updated ชื่อพี่อ้อยhongsanart หรือ..ตายละวา.. ขออภัยด้วยครับพี่อ้อย สงสัยจะแก่จริงๆอย่างที่คุณหนุ่ม(น้อยซะที่ไหน)บอกแล้วครับ จะแก้ไขให้นะครับ...
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาย้ำให้แล้วนะครับ พี่ใหญ่สั่งไว้
    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    และนี่คือวาระ และรายชื่อของผู้ที่ได้รับพระเปิดโลกไปในโอกาสต่างๆ กรณีของคุณหมอเอกนี่ถือว่าพิเศษสุดเพราะเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มอบให้ผู้ใดอีกแล้ว..

    สรุปรายชื่อของผู้จองพระเปิดโลก ๙ องค์ ตามลำดับของแต่ละวัน

    องค์ที่ ๑ วันเสาร์ที่ ๕ ก.ค. คุณkhunsa
    องค์ที่ ๒ วันอาทิตย์ที่ ๖ ก.ค. คุณchantasakuldecha
    องค์ที่ ๓ วันจันทร์ที่ ๗ ก.ค. ไม่มีผู้ได้รับ
    องค์ที่ ๔ วันอังคารที่ ๘ ก.ค. คุณgnip
    องค์ที่ ๕ วันพุธที่ ๙ ก.ค. คุณkato_king
    องค์ที่ ๖ วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ก.ค. คุณnaraiyana
    องค์ที่ ๗ วันศุกร์ที่ ๑๑ ก.ค. ไม่มีผู้ได้รับ
    องค์ที่ ๘ วันเสาร์ที่ ๑๒ ก.ค. ไม่มีผู้ได้รับ
    องค์ที่ ๙ วันอาทิตย์ที่ ๑๓ ก.ค.ไม่มีผู้ได้รับ

    ความจริงพระเปิดโลกได้เคยมอบไว้ให้จนถึงวันนี้ครบ ๑๙ ท่านแล้ว
    ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นการมอบให้ผู้ที่ร่วมบุญธรรมทานจำนวน ๑๐ ท่านซึ่งได้มอบเพิ่มเติมให้เป็นกรณีพิเศษรวม ๑๐ ท่าน
    ๑) พี่แอ๊ว
    ๒) คณdragonn
    ๓) คุณพุทธันดร
    ๔) คุณdragonlord
    ๕) คุณnaraiyana
    ๖) คุณศิษย์ต่างแดน
    ๗) คุณประนังโชค
    ๘) คุณkwok
    ๙) คุณchaipat
    ๑๐)คุณPichet-m

    รอบที่ ๒ มี ๑ ท่านคือ
    ๑๑)คุณnongnooo

    รอบที่ ๓ มี ๓ ท่านคือ
    ๑๒)คุณ aries2947
    ๑๓)คุณจันทร์ใฝ่ธรรม
    ๑๔)คุณhongsanart

    รอบที่ ๔ รอบสุดท้ายนี้มีผู้ที่ได้รับอีก ๕ ท่าน
    ๑๕)คุณkhunsa
    ๑๖)คุณchantasakuldecha
    ๑๗)คุณgnip
    ๑๘)คุณkato_king
    ๑๙)คุณnaraiyana

    รวม ๑๙ ท่านที่ได้รับพระเปิดโลกไป...

    ขอโมทนาบุญกรรมฐานกับทุกท่านด้วยครับ
     
  8. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    หุหุ เรียนโปรแตสแต้น เหมือนกันครับ เด็กๆเช้าๆก็เคยนำสวดกับเขาบ้าง (สมัยเด็กๆรู้สึกว่าโก้ดี แต่ไม่รู้หรอกว่ายังไง หุหุ)
    คำสอนนี้ก็อยู่ในพระคัมภีร์ครับ จริงๆแล้วศาสนาคริสต์นั้น คำสอนหลายๆอย่าง เขาสอนให้นำมาใช้ได้ทันทีครับ เหมาะมากสำหรับผู้ที่ชอบแบบสำเร็จรูปครับ
    แต่ก็ทำให้หลงติดอยู่ในภาวะพึ่งพาได้มากทีเดียวครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทำงานเป็นทีม
    http://women.kapook.com/work00069/

    [​IMG]
    การทำงานในยุคนี้ บุคคลจำเป็นยิ่งที่ต้องทำงานแบบเชิงรุก (Proactive) มิใช่ทำงานแบบเชิงรับ (Reactive) เหมือนยุคก่อนโน่นอีกต่อไป นอกจากต้องมีวิสัยทัศน์ คือ รู้จักคิดกว้าง ไกล กลม กลับ ก่อ แล้ว ยังจำเป็นที่สุดที่ต้องร่วมด้วยช่วยกันทำ ที่ว่า ทำงานอย่างเป็นทีม หรือ Team Work นั่นคือ ยังต้องนำสมองซีก 3 ขึ้นมาใช้ให้มากอยู่ดี

    ความหมายง่ายๆ ของการทำงานอย่างเป็นทีม ก็คือ คนจำนวนหนึ่ง (โดยปกติ คือ 6 -10 คน หรืออย่างมากสุด ต้องไม่เกิน 25 คน) ซึ่งมีทักษะความสามารถที่ต่างกันไป แล้วตกลงใจมาทำงานร่วมกัน โดยจัดสรรตำแหน่งหน้าที่ให้ลงตัวตามความถนัดของแต่ละบุคคล เพื่อจะบรรลุสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้ร่วมกันตั้งไว้
    ฝรั่งเขาเล่นคำของเขาได้น่ารัก โดยแยกคำว่า TEAM ย่อออกมาอย่างนี้
    T ย่อมาจากคำว่า Together
    E ย่อมาจากคำว่า Everyone
    A ย่อมาจากคำว่า Achievement
    M ย่อมาจากคำว่า More
    รวมแล้ว ได้ความหมายว่า Together Everyone Achievement More
    ฝรั่งเขาว่าไว้อย่างนี้
     
  10. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    อ๊ะ! ทำไมพูดเหมือนใจเลยแฮะ แต่ต่างกันนิดนึงตรงที่เวลาทำสมาธิไม่ได้กำหนดกสิณค่ะ
     
  11. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    มาแอบเติมให้เป็นไทยๆครับ อันนี้มันงานวิจัยต่างชาติ เปลืองเงินครับของบ้านเราบางอย่างดีกว่าเขาอีกหนังสือพิมพ์มันไม่ลง

    1. ปลาที่มีโอเมก้า 3 มากๆ บ้านเราก็ ปลาทู ครับ มีเพียบ

    2. ข้อนี้มีประโยชน์จากหลายๆอย่าง สรุปง่ายๆว่าผลไม้ใช้ได้เกือบหมดครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นพวก เบอรี่ ที่มีวิจัยมาในไทยก็ กล้วย ครับ ใช้ได้เลย

    3. สารต้านอนุมูลอิสระนี้ ในผักผลไม้ทุกชนิดมีครับ เพราะมันก็คือสารพวก เกลือแร่ และ วิตามินนั่นเองครับ

    4. อันนี้ดีครับ ประหยัดพลังงานด้วย เหอๆ

    5. อันนี้ก็เป็นการพูดถึงสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งผมก็กล่าวไปแล้วข้างต้น เอามาพูดซ้ำทำไมสงสัย จะขายของ

    6. อันนี้ก็เป็นการพูดถึงสารต้านอนุมูลอิสระครับสำหรับเรื่องสมองเสื่อม แต่ถ้าโฟเลท นี่เลยครับ มากกว่าผักขม บ้านเราต้อง คะน้า แน่นอนสุดครับ

    โฟเลทนี่ดีนะครับ สะสมไว้มากๆสำหรับคุณผู้หญิง เวลาตั้งครรภ์เด็กจะฉลาดครับ
     
  12. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นำมาฝากกัน ช่วงยามค่ำนี้

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=left border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ส่วนน้ำ(เปล่าหรือน้ำอัดลม)หาทานกันเองครับ
    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    คุณเพชรคะ ได้รับพระพร้อมทั้ง CD DVD แล้วค่ะ ขอบพระคุณมากนะคะ ส่งEMSไปให้วันนี้พร้อมกับน้องหมอแล้วเหมือนกันค่ะ
     
  15. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    โอเมก้า 3 ตัวนี้หากใช้ในกรณีตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก กับ 3 เดือน สุดท้ายก่อนคลอดนี่ไม่แนะนำครับ เพราะ omeg3 นี้ทำให้เกิดการแท้งได้ เพราะละลายลิ่มเลือด การใช้ควรที่จะใช้ในช่วงเดือนที่ 4-6 เพื่อเพิ่มการสร้างแขนงสมองของเด็กในครรภ์

    คุณหมอเอกเห็นด้วยไม๊ครับ..
     
  16. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    คุณ nongnooo ครับ ตาลุงบ้านตรงข้ามอยู่ไหมครับ ผมอยากถามแกว่า ช่วงนี้มีปัจจัยบวกอะไรทำไมหุ้นไทยขึ้นตั้ง 32 จุดแน่ะครับ
     
  17. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    โอ้โห...นับถือครับ ถูกต้องครับผม เขาเรียกช่วง second trimester ครับ อ้อ พอหลังคลอดแล้วก็ให้ลูกทานด้วยนะครับ คุณแม่อย่าทานเพลินคนเดียว หุหุ เพราะสมองเด็กมีการสร้างเซลล์เพิ่มเติมจนถึงแค่ 3 ขวบครับ หลังจากนั้นแทบไม่มีแล้วครับ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ตลาดไทยเวลาขึ้นก็ขึ้นช้ากว่าชาวบ้านเขา เวลาลงก็ลงก่อนชาวบ้านเขา อีกทั้งเวลา trade ไป มันก็ไปเหลือบดูข้างบ้านเรา เน้น Hang Seng กับ Nikkei

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><THEAD><TR><TH class=first>Symbol</TH><TH class=second>Name</TH><TH>Last Trade</TH><TH>Change</TH><TH class=last>Related Info</TH></TR></THEAD><TBODY><TR><TD class=first>^AORD</TD><TD class="second name">All Ordinaries</TD><TD>4,169.80 <NOBR>10:22PM ET</NOBR></TD><TD>[​IMG] 3.20 (0.08%)</TD><TD class=last>Components, Chart, More</TD></TR><TR><TD class=first>^SSEC</TD><TD class="second name">Shanghai Composite</TD><TD>1,706.70 <NOBR>2:00AM ET</NOBR></TD><TD>[​IMG] 13.07 (0.76%)</TD><TD class=last>Chart, More</TD></TR><TR><TD class=first>^HSI</TD><TD class="second name">Hang Seng</TD><TD>14,384.34 <NOBR>4:19AM ET</NOBR></TD><TD>[​IMG] 39.97 (0.28%)</TD><TD class=last>Components, Chart, More</TD></TR><TR><TD class=first>^BSESN</TD><TD class="second name">BSE 30</TD><TD>10,526.43 <NOBR>4:19AM ET</NOBR></TD><TD>[​IMG] 188.75 (1.83%)</TD><TD class=last>Chart, More</TD></TR><TR><TD class=first>^JKSE</TD><TD class="second name">Jakarta Composite</TD><TD>1,369.79 <NOBR>4:33AM ET</NOBR></TD><TD>[​IMG] 17.07 (1.26%)</TD><TD class=last>Components, Chart, More</TD></TR><TR><TD class=first>^KLSE</TD><TD class="second name">KLSE Composite</TD><TD>899.35 <NOBR>4:02AM ET</NOBR></TD><TD>[​IMG] 35.74 (4.14%)</TD><TD class=last>Components, Chart, More</TD></TR><TR><TD class=first>^N225</TD><TD class="second name">Nikkei 225</TD><TD>9,114.60 <NOBR>9:30PM ET</NOBR></TD><TD>[​IMG] 537.62 (6.27%)</TD><TD class=last>Chart, More</TD></TR><TR><TD class=first>^NZ50</TD><TD class="second name">NZSE 50</TD><TD>2,844.31 <NOBR>10:01PM ET</NOBR></TD><TD>[​IMG] 12.35 (0.43%)</TD><TD class=last>Components, Chart, More</TD></TR><TR><TD class=first>^STI</TD><TD class="second name">Straits Times</TD><TD>1,829.69 <NOBR>4:10AM ET</NOBR></TD><TD>[​IMG] 54.06 (2.87%)</TD><TD class=last>Components, Chart, More</TD></TR><TR><TD class=first>^KS11</TD><TD class="second name">Seoul Composite</TD><TD>1,153.35 <NOBR>10:22PM ET</NOBR></TD><TD>[​IMG] 24.27 (2.15%)</TD><TD class=last>Components, Chart, More</TD></TR><TR><TD class=first>^TWII</TD><TD class="second name">Taiwan Weighted</TD><TD>4,992.63 <NOBR>10:22PM ET</NOBR></TD><TD>[​IMG] 2.43 (0.05%)</TD><TD class=last>Chart, More</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    โฟเลทในสตรีช่วงตั้งครรภ์จำเป็นจริงๆ แต่หากในกรณีปกติ ทานมากไป ตัวนี้จะไปสะสมที่ตับ อีกทั้งการทานก็สามารถจะทานจากอาหารประจำวันเช่นผักโขม คะน้า อย่างที่คุณหมอแนะนำนั่นแหละครับ ไม่จำเป็นต้องไปทานอาหารเสริมมากมาย คือดูจากชีวิตประจำวันว่าขาดหรือเปล่า เพราะมันไม่ได้ขาดแคลนเลยทีเดียว อีกทั้งการทานอาหารเสริม ทางโภชนาการก็แนะนำทานเพียงวันละ ๑ เม็ดเท่านั้น อันนี้ถูกต้องไม๊ครับ คุณหมอเอก
     

แชร์หน้านี้

Loading...