ถ้าให้คำตอบอธิบายแก่คนธรรมดาสามัญไม่ได้ ศรัทธา ก็จะกลายเป็นแค่ งมงาย

มีคนจำนวนมาก ต้องเจอกับสิ่งเหล่านี้ ไม่ครั้งใดก็ครั้งหนึ่งในชีวิต
หรือไม่ก็เจอกับมันทั้งชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายกันไปข้างนึง
สิ่งที่ว่าคือ
อีตอนทำดี เช่นเสียสละ ถือศีล หรือทำสมาธิ ดันเจอแต่เรื่องร้ายๆจนแทบจะอยากฆ่าคน
แต่พอหยุดทำ กลับมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นมาในชีวิต

แน่นอนว่ามีหลายๆคน ซึ่งหลายคนที่ว่านี่ก็ถือเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่เสียด้วยนะ ให้คำตอบอธิบายว่า ตอนได้รับสิ่งดีๆ เพราะผลกรรมดีที่เคยทำมาตลอด ให้ผลตอบแทนงัยล่ะ ตอนเจอแต่เรื่องร้ายๆเพราะกรรมเลวมันส่งผล
ก็มักจะมีคำถามอยู่ในใจผู้ถาม(แต่ไม่ได้ถามออกมาเป็นคำพูดเพราะกลัวโดนด่า)ว่า แล้วทำไมกรรมดีต้องมาตอบสนองตอนหยุดทำ อีตอนทำ ทำไมไม่สนอง
แต่ก็ยังไม่วายมีอีกหลายๆคนกล้าที่จะถามออกมาให้คนตอบรับรู้คำถาม(หลายๆคนที่ว่าก็เช่นผมคนนึงล่ะ)เพราะยอมโดนด่าเพื่อให้ได้คำตอบ
เมื่อถามออกไปแล้ว
ถ้าผู้ตอบสามารถอธิบายได้ ก็คงจะดี แต่โดยส่วนใหญ่ ให้คำตอบไม่ได้นี่สิ จึงแบ่งผู้ตอบออกเป็นสองกลุ่มด้วยกัน
กลุ่มหนึ่ง เกิดความโมโหขึ้นมา และด่าแม่งมันไปเลย ว่าไอ้คนถามนี่แหละคือ ซาตาน(ถ้าผู้ตอบเป็นนักสอนศาสนาในศาสนาอื่น)
หรือไม่ก็อีกกลุ่มหนึ่งบอกว่าไอ้คนถามนี่มันเป็นมารศาสนาโดยแท้(ถ้าผู้ตอบเป็นสาวกพระพุทธเจ้า) สมควรเวียนว่ายตายเกิด หรือไปสู่อบายภูมิมันไปเลย!!!อยากมาค้านคำสอนของพระพุทธเจ้าดีนัก
ในบันทึก พระพุทธเจ้าไม่เคยด่าใคร ตรงข้าม พระพุทธเจ้าสามารถให้คำตอบอธิบายได้อย่างแจ่มแจ้มทุกเรื่อง
ถ้าตัดสินใจไม่เชื่อพระพุทธเจ้าแล้วลงอบายภูมิ ก็สมควรหรอก
แต่ถ้าไม่เชื่อเพราะต้องการพิสูจน์ ทำให้ต้องลงสู่นรก คนแรกที่ต้องลงก็น่าจะเป็นพระสารีบุตรโน่นแหละ

แต่ถ้าเหตุการณ์เป็นแบบข้างต้นที่กล่าวถึง คือ ตอนทำไม่ได้รับ ตอนรับไม่ได้ทำ มันเหมือนกับการได้พิสูจน์แล้ว และผลการพิสูจน์คือไม่จริงตามที่ว่ามา
นี่เป็นปัญหาคาใจหลายๆคน ที่ถามไปแล้ว ผู้ตอบต้องเงียบไปเพราะไม่รู้จะตอบยังงัย ถ้าจะอ้างพระไตรปิฏก มันก็ไม่ต่างกับการอ้างเรื่องราวในพระคำภีร์หรือในอัลกุละอาน คือมีแต่เพียงเรื่องเล่า ไม่เหมือนการเสียบปลั๊กหลอดไฟ
"จะคนรวยหรือคนจน พระราชาหรือยาจก คนดีหรือชั่ว มีศีลครบหรือไม่มีแม่งสักข้อ แต่พอเสียบปลั๊ก หลอดไฟก็สว่างได้ทันที หรือถ้าไม่สว่าง ก็อธิบายได้ว่า เพราะหลอดไฟไส้ขาด หรือเพราะไฟฟ้าดับ"
ดังนั้นแล้ว ถ้าไม่สามารถให้คำตอบคำอธิบายเรื่องราวข้างต้นได้
จากศรัทธาในความดี ก็จะกลายเป็นเพียง งมงายในความดี
ก็ อืม นะ ใช่ มโนมยิทธิ กับ ทิพย์จักขุญาณ ให้คำตอบได้ เรื่องผลของกรรม
แล้วมีสักกี่คนที่มีสิ่งเหล่านี้ ที่ร้ายไปกว่านั้น ไอ้คนที่มีหลายๆคนก็ยังปักใจเชื่อว่าเป็นอุปทานคิดไปเอง ยกเรื่องนี้ผ่านไป
คนหมื่นคน มีทิพย์จักขุญาณ ทั้ของใหม่และของเก่า รวมแล้ว น่าจะ 1 คน แล้วที่เหลือ 9,999 คนล่ะ จะให้คำตอบคนเหล่านั้นว่าอย่างไร
เป็นไปได้หรือไม่ที่ คน 9,999 คน จะมาเชื่อคนเพียง 1 คน น่ากลัวว่าไอ้คน 1 คน จะถูก คน 9,999 คน หาว่า บ้า หรือ งมงายอย่างที่พูดถึงเนี่ยแหละ

แน่นอน ชัวร์ป้าบ ตอนนี้ ผมถูกคนในเว็บนี้มากกว่าครึ่ง ด่าว่าเป็นมาร ปีศาจ หรือซาตานไปแล้ว
ก็ถึงได้ตั้งชื่อตัวเองว่าซาตานคลั่งนี่แหละ
เพื่อจะยกด้านมืดของใจตัวเองให้คนอื่นดู คนจะได้เห็นได้ง่ายๆว่า ควรจะเช็ดทำความสะอาดตรงไหน จะได้เข้ามาช่วยกันขัดถูให้สว่างได้ง่ายขึ้น
ไม่อยากยกด้านสว่างให้คนอื่นชมแล้วเก็บงำด้านมืดเอาไว้ไม่ให้ใครรู้

ชั่งเถอะ ผมไม่ขอพูดถึงเรื่องบารมีของผมนะ ว่าจะหลุดพ้นหรือเวียนว่ายตายเกิด หรืออบายภูมิ เอาเป็นว่า ตอบคำถามให้ได้ก็พอ หรือถ้าตอบไม่ได้ จนปัญญาจริงๆก็ค่อยประนามว่าผมเป็นมาร หรือปีศาจ หรือซาตาน ลูซิเฟ่อ สาวกเทวทัต อะไรก็ว่ากันไป

 

ผมบางหรือจ๊ะ น้อยใจไปได้ ถ้าแค่บ่นก็คงไม่เป็นไร บททดสอบมีมาเรื่อย ๆ นะ ทำใจให้ดี ๆ อย่ากลัวอย่ากังวล พยายามค่อย ๆ พิจารณาไป แล้วจำให้แม่น ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป....

 

ข้อความโดนใจผมจัง ขอมหาโมทนา สาธุการครับ