พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐกับสถานะทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ
    คอลัมน์ ระดมสมอง
    โดย เพสซิมิสต์

    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02edi03201051&day=2008-10-20&sectionid=0212


    ขณะนี้ความสนใจของคนส่วนใหญ่จะมุ่งไปสู่การผ่านกฎหมายให้อำนาจรัฐบาลสหรัฐใช้เงิน 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เข้าไปซื้อหลักทรัพย์ที่ใช้อสังหาริมทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งนี้เพื่อพยุงมิให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำลงจนเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน เพราะการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับลดลงกำลังทำให้สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้อสังหาริมทรัพย์และถือตราสารหนี้ที่อาศัยอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้รับผลขาดทุน และเมื่อต้องขายสินทรัพย์ที่มีอยู่ออกมาเพื่อล้างผลขาดทุนดังกล่าว ก็ยิ่งเป็นการกดดันให้ราคาสินทรัพย์ลดลงต่อไปอีก ส่งผลให้สถาบันการเงินต้องรับรู้ผลขาดทุนมากยิ่งขึ้น จนเป็นลูกโซ่ที่เสี่ยงต่อการทำให้ราคาสินทรัพย์ทรุดตัวลงกว่าปัจจัยพื้นฐานและจะทำให้ระบบการเงินของสหรัฐต้องชะงักงัน และส่งผลให้เศรษฐกิจจริงเข้าสู่สภาวะถดถอยที่รุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีได้ ดังนั้นจึงได้มีการตั้งความหวังเอาไว้อย่างมากว่า มาตรการ 7 แสนล้านเหรียญที่ประธานาธิบดีบุชได้ลงนามผ่านออกมาเป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมนั้นจะช่วยกอบกู้ระบบการเงินของสหรัฐอย่างทันท่วงที

    หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นใน 1-2 เดือนข้างหน้า ฝ่ายที่จะต้องรับภาระอันหนักหน่วงในการพยุงภาคการเงินของสหรัฐ ก็คือ ธนาคารกลางของสหรัฐ ซึ่งหลายคนคงจะได้อ่านข่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐได้ดำเนินการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเพิ่มสภาพคล่องกับสถาบันการเงินในประเทศและการให้สภาพคล่องกับธนาคารกลางของประเทศหลักๆ ทั่วโลก โดยในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ ธนาคารกลางสหรัฐได้เพิ่มสภาพคล่องให้กับธนาคารกลางหลักๆ ทั่วโลก คิดเป็นมูลค่ารวมเกือบ 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
    [​IMG]



    การดำเนินการของธนาคารกลางสหรัฐในการช่วยพยุงสถานะทางการเงินของสถาบันการเงินต่างๆ นั้นส่งผลให้สถานะทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอ่อนแอลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับช่วงก่อนวิกฤตสถาบันการเงินในเดือนสิงหาคม 2007

    งบดุลของธนาคารกลางสหรัฐก่อนวิกฤตทางการเงินจะเริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม 2007 เป็นงบดุลที่มีความแข็งแกร่งมั่นคง เพราะสินทรัพย์เกือบทั้งหมดคือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เป็นมูลค่ารวม 791,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่เหลือก็เป็นสินทรัพย์เงินที่ฝากเอาไว้กับรัฐบาลสหรัฐ และทองคำ ตลอดจนสิทธิในการถอนเงินจากไอเอ็มเอฟ (special drawing rights หรือ SDR) รวมทั้งสิ้นธนาคารกลางสหรัฐมีสินทรัพย์คิดเป็นมูลค่า 875,000 ล้านเหรียญ ซึ่งท่านผู้อ่านจะเห็นว่าน้อยกว่าเอไอจีและธนาคารพาณิชย์หลายแห่งของสหรัฐ ส่วนหนี้สินของธนาคารกลางสหรัฐนั้นเกือบทั้งหมดคือธนบัตรที่ธนาคารพิมพ์ออกมาเพื่อให้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ มีมูลค่าทั้งสิ้น 777,000 ล้านเหรียญ ซึ่งไม่มากนักเมื่อเทียบกับขนาดของจีดีพีสหรัฐที่มีมูลค่าประมาณ 13 ล้านล้านเหรียญต่อปี ธนาคารกลางสหรัฐมีทุนเท่ากับ 34,000 ล้านเหรียญ แม้ว่าจะไม่มากแต่ความมั่นคงของสินทรัพย์ที่ธนาคารกลางถืออยู่ทำให้ส่วนของทุนไม่นำไปสู่ข้อกังวลแต่อย่างใด

    แต่หากพิจารณาความเปลี่ยนแปลงของงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐในเดือนตุลาคม 2008 ก็จะต้องสรุปว่า งบดุลของธนาคารตกต่ำลงอย่างมาก เพราะการเข้าไปถือสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบการเงินที่ชะงักงันลงจนแทบจะหยุดนิ่ง เพราะเมื่อขาดความเชื่อมั่นในหมู่ของนักการเงินก็ทำให้สถาบันการเงินแย่งกันเพิ่มสภาพคล่องของตนและแทบจะไม่มีสถาบันการเงินใดยอมปล่อยกู้ให้กับสถาบันอื่นๆ ตรงกันข้ามสถาบันการเงินต่างๆ ในอเมริกาและยุโรปพยายามลดสินเชื่อเพื่อลดความเสี่ยงและเพื่อให้สะท้อนขนาดของทุนที่ถดถอยลง เพราะผลจากการขาดทุนจากสินเชื่อ ตราสารหนี้ และอนุพันธ์ต่างๆ ซึ่งขณะนี้รวมกันทั้งสิ้นเกือบ 6 แสนล้านเหรียญ

    หากหันมาดูงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2008 ในรายละเอียดในส่วนของสินทรัพย์ ก็จะเห็นว่า

    1.การถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (โดยธนาคารกลาง) ลดลงจาก 791,000 ล้านเหรียญเหลือเพียง 491,000 ล้านเหรียญ ถามว่าส่วนของพันธบัตรรัฐบาล 300,000 ล้านเหรียญที่หายไปนั้น หายไปไหน ก็คาดคะเนได้ว่าเป็นการนำไปแลกให้ธนาคารพาณิชย์และวาณิชธนกิจ (ที่มีปัญหาสภาพคล่องกันถ้วนหน้า) เป็นผู้ถือครองเอาไว้ เพราะเมื่อธนาคารพาณิชย์มีพันธบัตรรัฐบาลดังกล่าวก็จะสามารถกู้เงินจากระบบได้ สำหรับธนาคารกลางสหรัฐนั้นได้แลกพันธบัตรรัฐบาลดังกล่าวโดยรับเอาตราสารหนี้หลายประเภทที่ค้ำประกันโดยอสังหาริมทรัพย์มาถือครองเอาไว้แทน และในระยะหลังธนาคารกลางสหรัฐยอมรับแม้กระทั่งตราสารหุ้นมาแลกกับพันธบัตรรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือสถาบันการเงินภาคเอกชนที่ขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง

    ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐปล่อยกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์มากถึง 149,000 ล้านเหรียญ สำหรับวาณิชธนกิจนั้นก็ได้รับสภาพคล่องจากธนาคารกลางมากถึง 148,000 ล้านเหรียญ ซึ่งโดยปกติแล้วธนาคารกลางจะไม่ปล่อยกู้ให้กับวาณิชธนกิจเลยเพราะมิได้เป็นผู้รับเงินฝากจากประชาชน แต่กู้เงินโดยการออกตราสารหนี้ให้กับนักลงทุนสถาบัน ซึ่งในหลักการสามารถประเมินความเสี่ยงได้เอง ธนาคารกลางจึงไม่ควรต้องดูแลสภาพคล่องให้กับสถาบันการเงินดังกล่าว นอกจากนั้นจะเห็นได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐได้รับเอาตราสารระยะสั้นของภาคเอกชนอีกหลายประเภทมาถือครอง ซึ่งน่าจะเป็นตราสารระยะสั้นของภาคเอกชนที่ในระยะหลังนี้ไม่มีผู้ซื้อ เช่น asset backed commercial paper และ money market mutual fund จึงสามารถกล่าวโดยสรุปได้ว่าสินทรัพย์เสี่ยงที่อยู่ในมือของธนาคารกลางนั้น รวมกันแล้วมีมูลค่าอย่างน้อย 530,000 ล้านเหรียญ (เมื่อเทียบกับปี 2007 ที่ไม่ถือสินทรัพย์เสี่ยงเลย)

    คำถามต่อมาคือธนาคารกลางสหรัฐเอาเงินมาจากไหน คำตอบคือรัฐบาลสหรัฐเป็นผู้มอบพันธบัตรรัฐบาลกับธนาคารกลางคิดเป็นมูลค่ากว่า 3 แสนล้านเหรียญ นั่นคือธนาคารกลางสหรัฐได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางในการสร้างสภาพคล่องให้ระบบการเงินนั่นเอง

    ธนาคารกลางสหรัฐเสี่ยงอย่างมากต่อการต้องเผชิญกับหนี้เสีย หากเป็นเช่นนั้นจริง ธนาคารกลางสหรัฐก็อาจต้องเพิ่มทุนเพื่อรับมือกับหนี้เสียดังกล่าว ซึ่งสามารถขอให้รัฐบาลสหรัฐเพิ่มทุนให้ แต่รัฐบาลก็จะต้องลดรายจ่ายประเภทอื่นและ/หรือรัฐบาลจะต้องปรับขึ้นภาษี ซึ่งจะยิ่งทำให้ภาคเศรษฐกิจจริงต้องได้รับผลกระทบในทางลบจากการตึงตัวของนโยบายการคลัง ในอีกด้านหนึ่งหากธนาคารกลางสหรัฐเพิ่มทุนโดยการพิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้นมาให้ตัวเอง ซึ่งจะทำให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนตัวและเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลตามมาให้กับเศรษฐกิจอื่นๆ ทั่วโลก จึงควรจับตาดูสถานะทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐด้วย ไม่เพียงแต่จะดูมาตรการของรัฐบาลและเอกชนเพียงอย่างเดียว
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แบงก์ปลดโซ่ตรวน"แข่งขันราคา" ชี้ศก.ทรุด-ลงทุนหด-สินเชื่อชะลอ-กอดลูกค้าแน่น
    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02fin01201051&day=2008-10-20&sectionid=0206


    นายแบงก์ชี้สัญญาณเศรษฐกิจทรุด การลงทุนใหม่ไม่เกิด ดอกเบี้ยขาลง แบงก์โยนผ้าเลิกแข่งขันราคา ย้ำสิ่งเดียวที่ต้องทำ กอดรักษาฐานลูกค้าให้มั่น อย่าให้หลุดเข้าแบงก์อื่น สินเชื่อเดินอย่างระมัดระวัง เงินฝากเมื่อครบกำหนด-ออกผลิตภัณฑ์ใหม่สวมแทน เผย "กรุงไทย-กรุงศรีฯ" ออกเงินฝากใหม่ แค่ปกป้องลูกค้าไว้ ดอกเบี้ยไม่ได้จูงใจเหมือนครั้งก่อน



    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เริ่มมีธนาคารพาณิชย์บางแห่งได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำพิเศษเข้าสู่ตลาดอีกครั้งหนึ่ง หลังจากช่วงกลางปีได้มีการแข่งขันกันรุนแรงมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าการออกเงินฝากประจำพิเศษครั้งนี้ ในส่วนดอกเบี้ยไม่ได้สูงมากเหมือนช่วงก่อนหน้า

    นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า การที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งออกผลิต ภัณฑ์เงินฝากประจำพิเศษรูปแบบใหม่ เพื่อต้องการรักษาฐานลูกค้าของตนเองไว้ ไม่ใช่ด้วยเหตุผลต้องการสภาพคล่องทางการเงินไว้ขยายสินเชื่อ คาดว่าจะส่งผลให้ธนาคารอื่นต้องออกผลิตภัณฑ์เงินฝากใหม่เช่นกัน

    "ตอนนี้แบงก์ไม่ได้ต้องการสภาพคล่อง เพราะมองไปข้างหน้าเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว การลงทุนใหม่ไม่เกิด ก็เป็นสัญญาณให้เห็นถึงการอ่อนตัวของสินเชื่อ ทำให้การแข่งขันเพื่อระดมเงินฝากมีน้อยลง และมีผลต่อดอกเบี้ยต้องปรับลดลง"

    แหล่งข่าวในวงการธนาคารกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกรุงไทยเสนอให้กับผู้ฝากเงินประจำพิเศษครั้งนี้ ไม่ได้สูงมากเหมือนช่วงก่อนหน้าที่เคยให้ถึง 6% ในระยะเวลาฝากแค่ 3 เดือน แต่ครั้งนี้ต้องฝากถึง 125 เดือน ได้แค่ 4.75% เท่านั้น ซึ่งเหตุผลที่กรุงไทยออกเงินฝากใหม่เนื่องจากต้องการรักษาฐานลูกค้าไว้ เพราะฝากประจำพิเศษ 3 เดือน ดอกเบี้ย 6% จะครบกำหนดอายุสัปดาห์นี้

    นายอนุรักษ์ ตันติพิพัฒนา รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์เงินฝากและค่าธรรมเนียมธุรกิจลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การแข่งขันด้านราคาของระบบพาณิชย์น่าจะลดความรุนแรงลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี การขยายตัวของสินเชื่ออยู่บนความระมัดระวัง ซึ่งการระดมเงินฝากก็ต้องสอดคล้องกันไปด้วย

    สำหรับทิศทางดอกเบี้ยน่าจะเป็นขาลง โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าน่าจะปรับลดลง 1-2 ครั้งภายในปีนี้ และทรงตัวประมาณ ไตรมาสแรกปีหน้า

    นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล กรรมการรองผู้อำนวยการ ธนาคารทิสโก้ กล่าวว่า ภาวะขณะนี้ธนาคารทุกแห่งพยายามรักษาฐานเงินฝากของตนเอง ทำให้ธนาคารที่มีเป้าหมายขยายฐานเงินฝากรายย่อยทำได้ยาก

    อนึ่ง สัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงศรี อยุธยาออกเงินฝากประจำพิเศษ "Krungsri Super Step" 9 เดือน จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเป็นขั้นๆ ทุก 3 เดือน โดยให้ดอกเบี้ย 3% ต่อปีสำหรับการฝากต่อเนื่องในเดือนที่ 1-3 และเพิ่มเป็น 3.4% หากฝากต่อเป็นเดือนที่ 4-6 และเพิ่มเป็น 3.9% หากฝากต่อในเดือนที่ 7-9

    ด้านธนาคารกรุงไทยออก์เงินฝากใหม่ "กรุงไทยสบายใจวัยเกษียณ" สำหรับผู้มี อายุ 50 ปีขึ้นไป แบ่งจ่ายคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยทุกเดือน แบบที่หนึ่ง ระยะ 65 เดือน ฝากขั้นต่ำ 100,000 บาท ดอกเบี้ย 4.125% แบบที่สอง 125 เดือน ขั้นต่ำ 200,000 บาท เดือนที่ 1-65 จ่าย 4.125% เดือนที่ 66-125 จ่าย 4.75% และยังออกเงินฝากกรุงไทยมั่นใจ 4 เดือน ดอกเบี้ย 3.25% และกรุงไทยมั่นใจ 18 เดือน ดอกเบี้ย 3.65% ต่อปี ฝากขั้นต่ำ 10,000 บาท
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ธปท.ยอมรับการเมืองทุบ ศก. แนะตั้งรับปีหน้าเหนื่อยแน่
    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02p0103201051&day=2008-10-20&sectionid=0201

    ในที่สุดทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2551 ลงมาอยู่ที่ 4.3-5% จากเดิม 4.8-5.8% และปรับประมาณการจีดีพีในปี 2552 ลงอยู่ที่ 3.8-5% จากเดิม 4.3-5.8%

    ทั้งนี้ ธปท.ให้เหตุผลว่า การปรับลด จีดีพีลง เพราะการบริโภคภาคเอกชน คาดว่าจะขยายตัวเพียง 2.5-3.5% จากเดิม 3-4% ส่วนการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัว 4-5% จากเดิม 4.5-5.5% ขณะที่การอุปโภคภาครัฐคาดว่า จะหดตัว 1.5-0.5% จากเดิม 2-3% และการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะหดตัว 2-3% จากเดิม 3-4% สำหรับภาคต่างประเทศปีนี้คาดว่าการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 20-23% จากเดิม 16-19% ส่วนมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 28-31% จากเดิม 27-30% แต่เริ่มชะลอลง คาดว่าในปีหน้าเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าจะขยายตัวลดลงเหลือ 4.1% จาก 4.8% และกรณีเลวร้ายประเทศคู่ค้าจะโตเพียง 1.2%

    ทั้งนี้ ธปท.ให้น้ำหนักการเมืองเป็นปัจจัยกระทบความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายภายในประเทศ และปัจจัยความไม่สงบทางการเมืองกระทบการท่องเที่ยว ขณะที่การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่หดตัวมาจากราคาต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น ผู้รับเหมาทิ้งงาน และกรอบการลงทุนของรัฐวิสาหกิจไม่ชัดเจน

    นางสาวดวงมณี วงศ์ประธีป ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า กรณีเลวร้ายวิกฤตการณ์ทางการเงินสหรัฐลุกลามไปสู่ภาคเศรษฐกิจจริง ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบที่รุนแรง ยิ่งกว่าภายหลังวิกฤตฟองสบู่หุ้นดอตคอมแตกเมื่อปี 2544 ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น และเอเชีย เข้าสู่ภาวะถดถอยและฟื้นตัวช้า โดยในกรณีเลวร้ายเศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวต่ำกว่า 4%

    นอกจากนี้ในปี 2552 อัตราการเบิกจากของภาครัฐที่ตั้งไว้ 94% ของงบประมาณรายจ่าย อาจต่ำกว่าที่ประเมินไว้ หากการเบิกจ่ายภาครัฐไม่เป็นไปตามคาด อาจทำให้เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าที่คาด รวมทั้งความเสี่ยงทางการเมืองอาจกระทบต่อความรู้สึกของนักลงทุนและนักท่องเที่ยวมากกว่าที่คาด

    ด้านนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า เศรษฐกิจในปีหน้าคงชะลอลงมากกว่าปีนี้ เพราะผลพวงเศรษฐกิจโลกคงมาถึง แต่จะมาถึงเร็วช้าแค่ไหนและมากน้อยแค่ไหนคงเป็นสิ่งต้องติดตามใกล้ชิด เพราะไม่มีใครกล้าฟันธงว่าอะไรเป็นอะไร ผลที่กระทบมาน่าจะค่อยๆ มา และปีหน้าอาจมีผลมากกว่าปีนี้ แต่ต้องไม่ลืมว่า ภาวะเศรษฐกิจมีขึ้นลงเป็นประจำอยู่แล้ว อย่าไปเทียบเคียงกับกรณีหลังวิกฤตของเรา เราจะไม่ใช่ลักษณะแบบนั้น และมองว่ายังไม่กระทบการจ้างงานในปีหน้า

    นายสมบัติ นราวุฒิชัย นายกสมาคม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า จาการสำรวจ นักวิเคราะห์ครั้งที่ 5 ปี 2551 พบว่านักวิเคราะห์ได้มีการปรับประมาณการดัชนีสิ้นปี 2551 ลง มีค่าเฉลี่ย 611 จุดเทียบกับคราวก่อนอยู่ที่ 828 จุด คาดว่าจะมีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 413 จุด ส่วนตัวเลขจีดีพีอยู่ที่ 5% อัตราการเติบโตกำไรบริษัทจดทะเบียน 18.8% ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.2 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และดอกเบี้ยอาร์พี 3.54% โดยให้ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ปัญหาทางการเมืองที่ยังมีความขัดแย้ง ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กระทบเศรษฐกิจไทย และเงินทุนที่ไหลออก

    ฟันธงปีหน้าส่งออกเหนื่อย

    ด้านนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยการค้าระหว่างประเทศใน 9 เดือน ปี 2551 ว่า การส่งออกเดือน ก.ย.ขยายตัวเพิ่มขึ้น 19.4% มูลค่า 15,868.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการนำเข้าขยายตัว 39.4% มูลค่า 15,735.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เกินดุลการค้า 133.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการส่งออก 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) 2551 ขยายตัว 23.9% มูลค่า 135,926 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้าขยายตัว 35.8% มูลค่า 138,668.6 ล้านเหรียญสหรัฐ

    โดยสัดส่วนการส่งออก 9 เดือนไปตลาดหลัก 51.4% ของการส่งออกทั้งหมด ขยายตัวเพิ่มขึ้น 17.8% จากช่วงเดียวกันของ ปีก่อน จากการส่งออกไปตลาดสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.5% ญี่ปุ่น 16.5% สหภาพยุโรป 10% และอาเซียน 32.5% ส่วนตลาดใหม่สัดส่วน 48.6% ขยายตัวเพิ่มขึ้น 31% อินโดจีน 55.5% ตะวันออกกลาง 34.5% แอฟริกา 65.1% ยุโรปตะวันออก 35% ละตินอเมริกา 29.7% จีน 22.4% และอินเดีย 26.9%

    "ปีหน้าจะต้องหารือกับภาคเอกชนเพื่อกำหนดเป้าหมายส่งออกรายสินค้าปีหน้า แต่ยอมรับว่าเหนื่อยกว่าปีนี้แน่นอน"

    บีโอไอเร่งดันลงทุน

    ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์การลงทุนในประเทศไทยว่า ปัจจุบันมีโครงการที่รอการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอทั้งสิ้น 434 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 272,385 ล้านบาท และเมื่อ 17 ตุลาคม ได้มีการประชุมบอร์ดบีโอไอที่นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติอนุมัติส่งเสริมการลงทุน 5 โครงการ มูลค่ารวม 11,663 ล้านบาท ได้แก่ 1.บริษัท เมโทร ปาร์ติเกิล จำกัด 2.บริษัท ขอนแก่นกล๊าส อินดัสทรี จำกัด 3.บริษัท สยามอุตสาหกรรมยิปซัม (สระบุรี) จำกัด 4.นายฮิโรโนริ นิชิกูชิ 5.บริษัท พีทีที ยูทิลิตี้ จำกัด

    ขณะนี้นักลงทุนที่ขออนุมัติส่งเสริมการลงทุนกับโครงการที่ค้างอยู่กว่า 30 โครงการ มูลค่าลงทุนประมาณ 1.6 แสนล้านบาท ส่วนจะอนุมัติได้แค่ไหนอยู่ที่สถานการณ์เศรษฐกิจ นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาส่งเสริมการลงทุนชุดใหม่ จากเดิมที่มีนายประวิช รัตนเพียร เป็นประธาน ปรับเปลี่ยนมาให้นางอรรชกา สีบุญเรือง บริลเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นประธานแทน โดยคณะอนุฯนี้สามารถอนุมัติโครงการไม่เกิน 750 ล้านบาทได้
     
  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    สงสัยผมเบลอเองครับคุณน้องนู๋ จะส่งไปให้คุณน้องนู๋อีกครั้งหลังวันที่ ๓ พ.ย. นะครับ เนื่องจากติดงานที่ต่างจังหวัดช่วง๓-๔ วันนี้
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ผู้ที่ยังไม่ได้แจ้งชื่อที่อยู่เพื่อการจัดส่งพระสมเด็จวังหน้าไปให้ ขอให้แจ้งให้ผมทราบทาง PM ด้วยนะครับ จะได้ดำเนินการในช่วงหลังวันที่ ๓ พ.ย. ๒๕๕๑ ครับ..

    มีงานบุญอยู่งานหนึ่งที่อยากบอกบุญมายังเพื่อนๆคณะศิษย์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทุกท่านที่ปรารถนาจะสร้างกุศลกับหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร กรมพระราชวังบวรสถานมงคลทั้ง ๕ พระองค์ เทพเทวาที่ปกปักรักษาสยามประเทศมาแต่ครั้งการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์...

    งานบุญที่ว่านี้คือ การสร้าง"ไฉไบ๊" เป็นผ้าไหมทอมือจากประเทศจีนที่ติดไว้เหนือเพดานในศาลเทพารักษ์ "ไฉไบ๊"ของเดิมนี้ได้อยู่ประจำศาลนี้มาร่วมร้อยปีแล้ว บัดนี้ด้วยกาลเวลาจึงทำให้ผ้าไหมเก่า และเสียหายขาดชำรุด จึงถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยน"ไฉไบ๊"ผืนใหม่ซึ่งภายในศาลมีจำนวนรวมด้วยกัน ๓ ผืน งบประมาณที่ได้ไปสอบถามร้านค้าแถววัดเล่งเน่ยยี่ที่เป็นการทอมือทั้งผืน ไม่ใช่การปัก และแปะ จะอยู่ที่ ๓๐,๐๐๐ บาท ผมเห็นว่าการสร้างครั้งนี้เป็นการสร้างครั้งที่ ๒ ซึ่งอีกร้อยปีจึงจะสร้างผืนที่ ๓ ได้ ถือเป็นของสูงที่อยู่ภายในศาลเทพารักษ์แห่งนี้ การบอกบุญก็จะใช้เวลาเพียงประมาณ ๒๐ วันเท่านั้น เพื่อให้ทันวันที่ ๓ พ.ย. ๒๕๕๑ ซึ่งตรงวันสวรรคตของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ...

    สามารถร่วมบุญด้วยการโอนปัจจัยที่ผมก็ได้ครับ เพื่อความสะดวก และสามารถดำเนินการจัดซื้อได้ทันตามกำหนดเวลาที่

    บัญชีคุณอภิวัฒน์ ชัฎอนันต์
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาซอยไชยยศ
    บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 040-2-25999-6

    ผมขอมอบพระผงวังหน้า ซึ่งหลวงปู่พระอุตรเถระเจ้าเสก เมื่อท่านได้ร่วมบุญสร้าง"ไฉไบ๊"ประจำศาลวังหน้าทุกๆ ๕๐๐ บาท
    <LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ผ้าผืนนี้นี้ไงครับ
    [​IMG]













    รับทราบ และขอโมทนาบุญสร้าง"ไฉไบ๊"กับคุณสำรวจโลกด้วยครับ

    ก่อนหน้านี้มีผู้ร่วมบุญมาบางส่วนเป็นทุนเริ่มต้นก่อนแล้วดังนี้

    -คุณ:::เพชร::: 2,500 บาท(จากการให้บูชาพระสมเด็จปัญจสิริจำนวนหนึ่ง เพื่อตั้งองค์กฐิน วัดถ้ำเอราวัณ จ.ลพบุรี)
    -คุณจาตุรงค์ 2,000 บาท
    -คุณเล็ก 500 บาท
    -คุณจิ๋ม Asia Phone 500 บาท
    -คุณสุพิตรา 1,000 บาท

    1 ) คุณnongnooo 500 บาท
    2 ) คุณake7440 500 บาท
    3 ) คุณhongsanart 1,000 บาท(สร้างบุษบกฯ 1,000 บาท)
    4 ) คุณchannarong_wo 500 บาท
    5 ) คุณgnip 500 บาท(สร้างบุษบกฯ 200 บาท)
    6 ) คุณnewcomer 500 บาท(เพิ่มเติมจาก 200 บาท เป็น 500 บาท)
    7 ) คุณทองอ้วน 500 บาท
    8 ) คุณkaticat 500 บาท
    9 ) คุณkwok 500 บาท
    10) คุณdragonlord 1,000 บาท
    11) คุณพิมพาภรณ์ 300 บาท
    12) คุณksriuta 500 บาท
    13) คุณnarin96 500 บาท
    14) คุณคัง 500 บาท
    15) คุณพรสว่าง_2008 500 บาท
    16) คุณพุทธันดร 1,560 บาท(น้องท่านหนึ่งร่วมด้วย 60 บาท)
    17) คุณshinray01 500 บาท
    18) คุณตั้งจิต 500 บาท
    19) คุณสันติ 500 บาท
    20) คุณสำรวจโลก (รอแจ้งการโอนเงินในวันที่ 24 ต.ค. 2551)

    ยอดรวมในขณะนี้ 17,860 บาท ขออนุโมทนาด้วยครับ
     
  6. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    สิ่งที่สร้างความปิติในการร่วมกันสร้าง"ไฉไบ๊" จำนวน ๓ ผืน ถวายหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร และกรมพระราชวังบวรสถานมงคลทั้ง ๕ พระองค์ในสมัยรัตนโกสินทร์นี้ มีวัตถุประสง์ด้วยกัน ๓ ประการ

    ๑) เป็นการสร้างเมื่อวาระการเปลี่ยนเครื่องบวงสรวงชั้นสูงเป็นป้ายที่สถิตย์ของ ๘ เซียน เกิดความเก่าขาดชำรุดตามกาลเวลา ในอีก ๑๐๐ ปีข้างหน้า ก็จะมีผู้มาจัดสร้างกันอีกครั้ง

    ๒) ผู้ที่มีวัตถุมงคลของวังหน้าไม่ว่าจะองค์เดียว หรือแสนองค์ ได้ร่วมบุญชำระหนี้วัด หนี้วัง ถือเป็นส่วนหนึ่งของการชำระหนี้สงฆ์ ที่ใช้เป็นสถานที่ปลุกเสกพระวังหน้า ศาลนี้ได้ย้ายมาจากตรงท่าพระจันทร์ราว ๘๐ ปีแล้ว

    ๓) การนำวัตถุมงคลที่เกี่ยวเนื่องกับวังหน้ามามอบให้ผู้ร่วมบุญครั้งนี้ ถือเป็นการคืนสมบัติของพระองค์ท่านส่วนหนึ่งกลับมาในรูปการสร้างถาวรวัตถุกลับคืนมาให้ศาลวังหน้า หรือศาลเทพารักษ์แห่งนี้โดยตรง และเป็นแห่งเดียวที่สามารถจะร่วมบุญได้อย่างตรงประเด็นมากที่สุดการชำระหนี้สงฆ์โดยนัยนี้จึงได้ผลโดยตรงกว่าการชำระหนี้สงฆ์ยังสถานที่อื่นๆซึ่งเป็นทางอ้อม เพราะไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับวัด และวังที่สร้างพระวังหน้า แล้วเราท่านได้ครอบครองพระวังหน้าแต่ประการใดโดยตรง อีกทั้งการเข้าไปยังโบสถ์วังหน้าในวิทยาลัยนาฏศิลป์นั้นก็ทำได้ยากยิ่ง ต้องจัดทำหนังสือเข้าชมเป็นรายคณะขึ้นไปเท่านั้น

    หากพลาดการจัดสร้าง"ไฉไบ๊"ครั้งนี้ ก็ต้องไปรอจัดสร้างใหม่อีกร้อยปีข้างหน้าอย่างแน่นอน หากเกิดขึ้นได้บ่อยๆ ก็คงจะไม่เรียกว่า"โอกาส"..
     
  7. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    6 ทิปส์ จิบกาแฟเพื่อสุขภาพ

    [​IMG]
    อัพเดทความรู้ใหม่ และสลัดความเชื่อเก่าที่ผิดๆ เรื่องกาแฟทิ้ง...เพราะมันให้คุณมากกว่าโทษ ถ้าคุณรู้จักดื่ม และนี่คือ 6 ข้อเท็จจริงที่เราเอามาบอก

    ไม่จริง ว่าการดื่มกาแฟทำให้เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิต เป็นหมัน ทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์แท้งได้ ส่งผลให้ทารกแรกคลอดน้ำหนักน้อย เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งรังไข่ ซีสต์ในเต้านม และกระดูกพรุน ถ้าคุณดื่มเพียงวันละ 1-2 ถ้วย

    ไม่รู้ใช่มั้ย...กาแฟช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคพาร์คินสัน ลดอันตรายจากตับในผู้ที่มีความเสี่ยงโรคตับ ลดอาการหอบในผู้ที่มีโรคหอบหืด เพิ่มความจำ และสำหรับนักกีฬาจะช่วยเพิ่มความทนและความอึดในกีฬาที่ต้องใช้เวลานาน

    ต้องดื่มบ่อยๆ...สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพราะต้องการแก้ง่วง แนะนำให้ดื่มปริมาณน้อยๆ แต่กระจายการดื่มออกไปตลอดวัน เช่น แทนที่จะดื่มถ้วยใหญ่ 16 ออนซ์ (500 มล.) ในตอนเช้า ให้ดื่มเพียงครั้งละ 2-3 ออนซ์ (60-90 มล.) แต่บ่อยขึ้น กาแฟจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 15 นาที และจะอยู่ในร่างกายนานหลายชั่วโมง และต้องใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงกว่าที่จะถูกขจัดออกจากร่างกาย

    กาแฟดีกว่าไวน์และชาสมุนไพร...เมล็ดกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวถึง 4 เท่า และยังมากกว่าโกโก้ ชาสมุนไพร และไวน์แดง ที่มากกว่าเพราะผู้บริโภคดื่มกาแฟมากกว่าเครื่องดื่มอื่นๆ แต่สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟแต่ละถ้วยและแต่ละยี่ห้อนั้นก็ไม่เท่ากัน ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของกาแฟ


    ระวังไว้นิดก็ดี...องค์ประกอบหลักของกาแฟคือ สารกาเฟอีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นที่มีผลต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น หรือเต้นผิดปกติในบางครั้ง และเพิ่มความดันโลหิต งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยโทรอนโทเปิดเผยว่า การดื่มกาแฟมากอาจเพิ่มความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันในผู้ที่มียีนขจัดกาเฟอีนช้า
    ทำให้กาเฟอีนอยู่ในกระแสเลือดนานขึ้น แต่สำหรับคนที่มียีนปกติที่ขจัดกาเฟอีนได้เร็วกาแฟก็จะไม่มีผล

    ดีแคฟ...ไม่ช่วยอะไร ผู้ที่ดื่มกาแฟสกัดกาเฟอีน อาจคิดว่าปลอดภัย แต่นักวิจัยเตือนว่า กาแฟสกัดกาเฟอีนอาจเพิ่มระดับกรดไขมันในเลือดให้สร้างแอลดีแอล ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลตัวร้ายได้ เพราะในกระบวนการสกัดกาเฟอีนจะสกัดเอาสารเฟลโวนอยด์ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและสารอื่นๆ ที่ให้รสชาติกาแฟแท้ๆ ออกไปด้วย ดังนั้น การดื่มดีแคฟนอกจากจะอร่อยน้อยลงแล้ว ยังมีผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย
    ที่มา : 247freemag
     
  8. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    อยากฝันหวานต้องดมกุหลาบ

    [​IMG]
    นักวิทยาศาสตร์เมืองเบียร์แนะนำว่า ถ้าหากอยากนอนหลับฝันหวาน ต้องหาดอกไม้กลิ่นหอมๆไว้ในห้องนอน


    พวกเขาได้พบในการศึกษาทดลองดูกับอาสาสมัครที่กำลังหลับลึก ซึ่งเป็นช่วงที่คนเรามักจะฝัน แล้วเอาดอกไม้หอม ๆ ไปแกว่งล่อที่จมูกนานสัก 10
    วินาที แล้วจึงปลุก หลังจากนั้น 1 นาที ให้เล่าความฝันโดยละเอียดให้ฟัง

    ศาสตราจารย์บอริส สตัค แห่งโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมันไฮม์หัวหน้าคณะนักวิจัย รายงานต่อที่ประชุมแพทย์โสตศอนาสิกแห่งอเมริกาว่า อาจเป็นได้ว่ากลิ่นหอมอาจช่วยให้คนเราฝันดีขึ้นได้ เพราะเมื่อทดลองใช้กลิ่นเหม็น ๆ เช่น ไข่เน่าให้ดมแทน อาสาสมัครกลับฝันร้ายขึ้น จึงคิดจะไปศึกษาต่อกับผู้ที่นอนฝันร้ายบ่อยดูบ้าง



    ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการศึกษาพบว่า สิ่งกระตุ้นประสาทอย่างอื่น อย่างเช่น เสียง อาการสั่นไหว ความกดบีบ ก็มีอิทธิพลต่อเรื่องและอารมณ์ความรู้สึกของความฝันเหมือ

     
  9. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    อาหารจำเป็นของการมีอายุขัยยั่งยืน อย่าให้ขาด ชา กาแฟและโกโก้
    [​IMG]
    นักวิทยาศาสตร์โภชนาการเอกสั่งว่า ถ้าอยากมีอายุขัยให้ยืนยาวและสุขภาพแข็งแรง ควรจะต้องดื่มชา และกาแฟ ไม่ก็โกโก้ทุกวัน

    ในปริมาณที่สมควรและไม่มากเกินไป อย่าให้ขาด
    ศาสตราจารย์แกรี วิลเลียมสัน มหาวิทยาลัยลีดส์ แห่งอังกฤษ มีความเห็นว่า ผู้ที่อยากมีอายุยืนสุขภาพแข็งแรง จะขาดชา กาแฟ และโกโก้ ไม่ได้ เพราะมันเป็นอาหารและเครื่องดื่มที่สำคัญ เครื่องดื่มทั้งสามนี้ รวมอยู่ในรายการที่เขาให้ชื่อว่า “สิ่งที่ใช้เป็นอาหารอันจำเป็นของการมีอายุขัยยืนยาว” ที่กำลังรวบรวมอยู่ ทั้งหมด 20 อย่างด้วยกัน

    เขายกย่องว่าอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้ ไม่ แต่เพียงจะช่วยชะลอความแก่ชราให้เท่านั้น

    หากยังจะช่วยถนอมรักษาเซลล์ไม่ให้เสื่อมโทรมลงตามธรรมชาติของกาลเวลาด้วย
    อาจารย์แกรีบอกต่อไปว่า จากการศึกษาทางระบาดวิทยา ได้ผล ต่างพากันสนับสนุนพวกอาหารที่อุดมด้วยสารโพลีฟีนอล ในการปกป้องคุ้มครองร่างกาย ผู้ที่กินผักและผลไม้น้อยจะขาดสารนี้ เป็นเหตุให้เสี่ยงกับการเจ็บป่วยมากขึ้น “เพราะมันเป็นสิ่งจำเป็นกับที่จะได้บรรลุอายุขัยได้สูงสุด จึงต้องถือ ว่ามันเป็นพื้นฐานของการมีอายุขัยยั่งยืน” อย่างแท้จริง.
    ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]
     
  10. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    กาแฟทำให้อกผู้หญิงหด หากดื่มมากเกินกว่าวันละ 3 ถ้วย

    [​IMG]
    คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยลันด์ ในสวีเดน ได้ริศึกษาขึ้น

    พบว่า คอกาแฟสตรี ที่ซดคาเฟอีนเข้าไปเกินกว่ากาแฟวันละ 3 ถ้วย อาจจะรู้สึกว่าขนาดของยกทรงขนาดลดลงก็ได้
    นักวิจัยซึ่งเป็นนักวิจัยด้านมะเร็ง ได้พบว่า ครึ่งหนึ่งของกลุ่มผู้หญิงในการศึกษา 300 คน ต่าง มียีนส์ที่ทำให้มีความเกี่ยวพันระหว่างทรวงอกกับกาแฟขึ้น

    อย่างไรก็ดี เฮเลนา เจมสโตรม หัวหน้าคณะ ก็ปลอบว่า สตรีทั้งหลายไม่ต้องเป็นทุกข์ ด้วยเหตุ ว่า “คอกาแฟหญิงไม่ต้องกลัวว่า ทรวงอกจะหดจนหายไปชั่วข้ามคืน มันอาจจะเล็กลงไปบ้าง แต่ ก็ไม่ถึงกับจะหายกลับเข้าไปในอกจนเกลี้ยง ใครที่นึกว่าจะสามารถบอกได้ว่าผู้หญิงคนไหนเป็นคนกินกาแฟ ชั่วแต่เห็นทรวงอก จะต้องหน้าหงาย เพราะการจะวัดขนาดยกทรงรู้มีอยู่เพียง 2 ทางเท่านั้น คือรู้เบอร์ยกทรงกับขนาดวัดโดยรอบเท่านั้น”.
    ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]
     
  11. เชน

    เชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +1,037
    รูปหลวงปู่เทพ โลกอุดร

    รูปหลวงปู่เผื่อท่านใดต้องการนำไปสัการะบูชา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตลาดทองป่วน ราคาผันผวนแรง
    http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/23/news_305590.php

    [​IMG]
    :
    ตลาดทองคำป่วน ผู้ค้าไม่กล้ารับออเดอร์ หลังราคาในตลาดโลกผันผวนหนัก แค่เดือนเดียวราคาวูบกว่า 1 พันบาท ขณะที่วานนี้ราคาลดฮวบกว่า 3 รอบ ทองคำแท่งลดจาก 13,000 เหลือ 12,900 บาท
    กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าผู้ทองคำ ให้ความเห็นถึงความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นกับตลาดทองคำช่วงนี้ว่า ตลาดผันผวนมาก จนทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้ารับคำสั่งซื้อทองคำแท่งกับลูกค้า เพราะบางวันปรับราคาขึ้นลงถึง 6 ครั้ง ล่าสุดวานนี้ (22 ต.ค.) ราคาทองปรับตัวลดลงถึง 3 ครั้ง โดยราคาทองคำแท่งลดลงจาก 13,000 บาท เหลือ 12,900 บาท
    "สาเหตุที่ทำให้ร้านทองไม่กล้ารับออเดอร์จากลูกค้า เพราะราคาผันผวนมาก และที่สำคัญเทรดเดอร์อ้างว่า ทองคำขาดตลาด ทำให้เราจำกัด ออเดอร์ลูกค้าสามารถซื้อได้รายละ 10-20 บาท เท่านั้น เพราะกังวลจะส่งมอบให้ลูกค้าไม่ได้"
    นายจิตติ กล่าวว่า ขณะนี้ความต้องการซื้อทองคำเพื่อลงทุนมีมากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาดหุ้น และการลงทุนผ่านทองคำมีความมั่นคงมากกว่า เมื่อเทรดเดอร์อ้างทองคำขาดตลาด ทำให้ผู้ประกอบการทองคำไม่กล้ารับออเดอร์จากลูกค้า แม้จะมีคำสั่งซื้อเข้ามามาก
    การซื้อทองคำแท่งช่วงที่ผ่านมา กำหนดให้ลูกค้าจองซื้อและวางมัดจำเต็มจำนวนเงินที่สั่งซื้อ จึงส่งมอบภายหลัง โดยร้านทองคำที่รับจองซื้อจะส่งมอบให้กับลูกค้าภายใน 7-10 วัน
    นายจิตติ กล่าวว่า ตลาดทองคำที่ผันผวนขณะนี้ เพราะการเก็งกำไรมากกว่า ซึ่งความเป็นจริงทองคำไม่ขาดตลาด แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากผู้ค้าต่างประเทศไม่ยอมขาย หรือปล่อยทองคำออมมาสู่ตลาด โดยเฉพาะส่วนเทรดเดอร์ ที่เข้ามาปั่นราคา ทำให้ค่าพรีเมียมขยับตัวขึ้นสูง จากเดิมค่าพรีเมียมอยู่ที่ 2 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขึ้นมา 10-15 ดอลลาร์ต่อออนซ์
    ส่วนการเคลื่อนไหวราคาทองคำแท่ง และทองคำรูปพรรณ ระหว่างวันที่ 1-22 ตุลาคมที่ผ่านมา ราคาปรับตัวลดลงกว่า 1,000 บาท
    โดยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ทองคำแท่ง ขายออก 14,050 บาท ซื้อคืน 13,950 บาท ทองคำรูปพรรณ ขายออก 14,450 บาท ซื้อคืน 13,750 บาท ล่าสุดเมื่อวานนี้ (22 ต.ค.) ราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ 12,900 บาท รับซื้อ 12,800 บาท และราคาทองคำรูปพรรณ ขายออก 13,300 บาท ซื้อคืน 12,613 บาท เทียบกับภาคเช้า ทองคำแท่งขายออก 13,000 บาท ซื้อคืน 12,900 บาท ทองคำรูปพรรณ ขายออก 13,400 บาท ซื้อคืน 12,719 บาท
    "นักลงทุนควรระมัดระวัง เพราะราคาทองคำตลาดโลกมีความผันผวน เพราะต่างประเทศ มีการกักทองคำ และไม่ระบายออกสู่ตลาด ซึ่งตามความเป็นจริงหากทองคำขาดตลาด ราคาน่าจะปรับตัวสูง" นายจิตติ กล่าว


    -----------------------------------

    ความคิดเห็นที่ 1 แจ้งลบ
    ราคาทองคำแท่งที่ทางสมาคมค้าทองคำตั้ง ทุกวันนี้จะสูงกว่าราคาทองคำในตลาดโลกอยู่ 300 ถึง 500 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาท เพราะฉะนั้นนักลงทุนหรือนักเก็งกำไร ยังไม่ควรซื้อทองในตอนนี้ แต่ควรขายมากกว่า ไม่ทราบเหมือนกันว่า สคบ. จะเข้ามาดูหรือไม่ว่า การตั้งราคาทองคำแท่งของสมาคมฯ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ เข้าใจว่าสมาคมฯรู้ดีว่า พอทองลง คนจะแห่ไปซื้อ จึงตั้งราคาสูงกว่าความเป็นจริง เพราะรู้ดีว่า มีคนอยากซื้อมากกว่าอยากขาย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คนแห่ไปขายมากกว่า ราคาทอง สมาคมฯจึงจะตั้งราคาทองเป็นไปตามความเป็นจิรง นักเล่นทอง , E-mail : thongkam@hotmail.com 04:08:54
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมชอบฟังทัศนะของผู้เขียนเรื่องครับ

    -----------------------------------------
    ทัศนะวิจารณ์
    จับกระแส
    23 ตุลาคม พ.ศ. 2551 07:24:00

    โชคดีที่เป็นขี้เรื้อน? สีซอให้ควายฟัง : วีระ ธีรภัทร

    กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ในบรรดานักธุรกิจที่อยู่ในภาคเศรษฐกิจจริง ตัวจริงเสียงจริง ผมสดับตรับฟังความเห็นอยู่คนหนึ่ง บอกชื่อไปก็ร้องอ๋อกันทั้งบ้านทั้งเมือง
    คุณอนันต์ อัศวโภคิน หรือคุณตึ๋งแห่งแลนด์แอนด์เฮ้าส์
    อ่านจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจไม่รู้ว่าแกไปพูดที่ไหน แต่คำพูดของแกที่ไปพูดถึงประเทศไทยสังคมไทยในเวลานี้ น่าเอามาบอกซ้ำให้คุณๆ ทราบ
    คุณอนันต์พูดอย่างนี้ครับ
     
  14. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    เรียน คุณ sitiphong กระผมร่วมทำบุญมหากฐินสร้างเจดีย์ชัยผาผึ้งอีกครั้งครับ รายละเอียด PM ให้แล้วครับ
     
  15. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    อยากอ่านเรื่องนี้อยู่พอดีเลยครับ ขอบคุณครับ ตอนแรกคิดว่ากระแสหุ้นปั่นป่วนจะทำให้นักลงทุนหันมาเก็งกำไรทอง และ ด้านอื่นเพื่อกระจายความเสี่ยง
    แต่งวดนี้ราคาตกเอาๆ นี่ก็ทำเอางงเหมือนกัน หรือว่าเขาเริ่มกลัววิกฤตกันเลยหันไปถือเงินสดหว่า รบกวนเซียนการเงินมาให้ความเห็นกันครับ อยากได้ความรู้แหะๆ
     
  16. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    UPDATE 1-S.Korea says economy hurting, unveils more measures

    Wed Oct 22, 2008 11:35pm EDT


    Email | Print | Share
    | Reprints | Single Page | Recommend (0)
    [-] Text [+]


    Market News


    Oil rises above $67 after sharp fall; eyes on OPEC
    Asia stocks at 4-yr low as global economy slows
    Nikkei sinks to 5-1/2 year low but pares losses
    More Business & Investing News...




    Featured Broker sponsored link


    [​IMG]
    Trading will never be the same.









    By Park Jung-youn and Seo Eun-kyung
    SEOUL, Oct 23 (Reuters) - South Korea warned on Thursday that that Asia's fourth biggest economy was already showing significant weakness as authorities added to a raft of measures to protect it from a looming global recession.
    In its latest measure, the central bank increased the ceiling on cheap loans to smaller companies, which account for the bulk of jobs in South Korea, to 9 trillion won ($6.61 billion) from the current 6.5 trillion won. The increase was bigger than expected and the first rise in seven years.
    The Bank of Korea also said it could inject extra won liquidity into the financial system by buying bonds issued do local commercial banks. [ID:nSEO21264]
    Fears of an economic slide, which trounced U.S. share prices overnight, also hit South Korean financial markets with shares tumbling to their lowest in over 3 years, while the won <KRW=> was at one stage was down 5 percent.
    "Of course there are some price-push pressures from the (weakening) won, but the domestic economy has considerably weakened in the third quarter," Central Bank Governor Lee told a parliamentary committee. Third quarter gross domestic product data will be announced on Friday.
    He added that the decline in growth would be taken into account when deciding monetary policy -- certain to be taken as a broad hint of more interest rate cuts to come after this month's first cut since late 2004.
    "We expect the domestic economy to be considerably weak this year and through the first half of next year. International raw material prices have fallen sharply. We will operate interest rate policy taking into account these elements," he said.
    The government has already pledged more than $130 billion to help liquidity-squeezed banks and construction companies stay afloat in what President Lee Myung-bak has said threatens to be an even more sever crisis than the Asian financial meltdown a decade ago that almost derailed the South Korean economy.

    มาแล้วครับ ข้อมูลจากรอยเตอร์ ของเกาหลีใต้ ใครสนใจรายละเอียดมีต่อครับ 3หน้า
    เอาเฉพาะสุปตัวอย่างก่อนนะครับ ทางการเกาหลีใต่อัดฉีดเงินเข้าไปช่วยในระบบการเงิน 1.3แสนล้านเหรียญสหรัฐ แล้วยังมีทีท่าว่า อุตสาหกรรมรายกลางและเล็กๆ ก็ยังขาดสภาพคล่องตามมาซึ่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้กำลังจะนำเป็นเรื่องด่วน เข้าสู่การประชุมเอเซียซัมมิทเพื่อหามาตรการช่วยเหลือครับ ก็ต้องติดตามครับว่าอะไรจะตามมาหลังจากคนเริ่มขาดความเชื่อมั่นครับ
    ส่วนเรื่องทอง มันเป็นเรื่องของการเก็งกำไรของกองทุนที่เรียกว่าเฮจฟันด์ครับ เป็นธรรมดาครับเมื่อขาดทุนจากหุ้น และน้ำมัน ย่อมต้องมาขายเงินลงทุนที่ยังกำไรอยู่นั่นคือทองคำครับ ถามว่าจะปถึงไหนผมก็ต้องถามกลับครับว่า คนส่วนมากยังอยากซื้อก็ยังจะลงครับ หุ หุ
     
  17. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ผมตอบให้แล้วครับ(หน้าก่อน) พี่เอก หุ หุ
     
  18. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    เหอๆ เป็นคำที่น่าคิดมากๆครับ "ถ้าคนส่วนมากยังอยากซื้อก็ยังจะลง" แปลว่าจริงๆแล้วกราฟจะดิ่งลงเรื่อยๆ เพียงแต่อาจจะมีการแกว่งตัวดีดกลับบ้างเป็นบางระยะใช่ไหมครับ อย่างว่ารายย่อยย่อมทำให้ตลาดเปลี่ยนแปลงสู้รายใหญ่ไม่ได้ (เข้าใจถูกเปล่าหนอ)
    โหย อย่างนี้เก็งยากมากมายครับ ผมว่าจะไปลงทุนเสียหน่อยสงสัยถอยดีกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2008
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    แหมพี่เอกนี่เก่งจริงๆครับ ครูพักลักจำ เรียนรู้ได้ไวจริงๆครับ พี่ หุ หุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...