พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    [​IMG]

    ใครที่อยากพูดเพราะ วันนี้มีวิธีการฝึกพูดเพราะมาบอก...

    - พูดแต่สิ่งที่ดี ๆ เกี่ยวกับคนที่คุยด้วย ไม่ควรพูดสิ่งที่ไม่ดีของเขา

    - ห้ามพูดคำหยาบ คำ 2 คำ ก็ไม่ดีเพราะจะทำให้ติดปาก

    - จงเรียกชื่อคนด้วยเสียงที่สุภาพ นุ่มนวล เช่น ให้เรียกคนที่ไม่คุ้นเคยว่า “คุณ” อย่าเรียกคำว่า “นี่ ๆ…” หลายคนจิตใจดี แต่พูดไม่เพราะ จึงไม่ค่อยมีคนชอบ

    - ระวังอย่าให้ลูกเล็ก ๆ พูดคำหยาบ เพราะจะติดเป็นนิสัย

    - ชมคนที่พูดด้วยเสมอ เช่น วันนี้คุณน่ารักจัง …

    - เมื่อคนพูดไม่ดีมา อย่าตอบโต้ด้วยคำพูดไม่ดี

    ถ้าอยากพูดเพราะก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปฝึกพูดกัน
     
  2. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ‘ดุ-ดัง’มาแรงแซงพวก ‘ต่อหัวเสือ’ แชมป์‘แมลงมรณะ !’

    [​IMG]โดย เดลินิวส์ วัน อังคาร ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2549 10:58 น.กลายเป็นอีกหนึ่ง “สัตว์อันตราย-แมลงพิษ” ที่ค่อนข้างจะมีกิตติ ศัพท์ “น่ากลัว” มากในระยะหลัง ๆ ในฐานะ “ทูตมรณะ” จนอาจ กล่าวได้ว่าแซงหน้าเหล่าสัตว์เล็กจำพวกแมลงทั้งหลายอย่างไม่เห็นฝุ่น !!

    ทั้ง ๆ ที่ข่าวคราวอันตรายของ “ต่อหัวเสือ” ค่อนข้างจะดัง...

    ทว่า...ก็ยังมีมนุษย์ต้อง “เจ็บ-ตาย” เพราะมันต่อเนื่อง ?!?


    [​IMG]หากจะว่ากันถึงสัตว์อันตรายในส่วนของ “แมลงพิษ” ในเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ตไม่ว่าจะเป็นเว็บด้านวิชาการเกี่ยวกับแมลง หรือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเพื่อเตือนภัยผู้ที่นิยมท่องเที่ยงแบบบุกป่าฝ่าดง ก็ได้มีการนำข้อมูลมาแจกแจงไว้ไม่น้อย อย่างเช่นเว็บ www.khonbaakpae.com ที่มีการหาข้อมูลมาโพสต์ไว้ สรุปได้ว่า.....

    แมลงที่ทำอันตรายต่อมนุษย์ได้จากพิษที่มีอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของลำตัว อาจจะโดยการต่อยด้วยเหล็กใน ปล่อยพิษจากการกัด หรือหลั่งน้ำพิษจากลำตัว แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่...1. กลุ่ม Hymenoptera เช่น ผึ้ง ต่อ แตน, 2. กลุ่ม Lepidoptera เช่น หนอนบุ้ง หนอนร่าน, 3. กลุ่ม Coleop tera เช่น ด้วง

    กลุ่มแรก ก็มีหลายชนิด เช่น ผึ้ง ผึ้งเลี้ยง ผึ้งหลวง ต่อหัวเสือ แตน หมาร่า มดคันไฟ มดตะนอย ฯลฯ มีทั้งขนาดเล็ก-ใหญ่ พิษก็มีหลายแบบ โดยแยกได้เป็น 2 ลักษณะคือ อาการเฉพาะที่ ปวด บวม แดง ร้อน เป็นผื่นแพ้ ลมพิษ เกิดรอยไหม้ ทั้งนี้ ในกรณีที่ถูกต่อยใกล้คอ จมูก ตา อาจมีอาการมากกว่าปกติ และ พิษเข้ากระแสโลหิต ทำให้เกิดอาการทั่วร่างกาย เช่น คัน ลมพิษ หลอดเลือดบวม หายใจขัด เป็นลม ความดันโลหิตต่ำ ปวดท้อง เป็นต้น

    บางกรณีอาการอาจรุนแรงถึงขั้น “ช็อก” “เสียชีวิต”

    กลุ่มที่สอง พวกหนอนบุ้ง หนอนร่าน หนอนบุ้งเป็นตัวอ่อนของผีเสื้อ หลายชนิดมีขนพิษ-สารพิษบริเวณลำตัวที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ที่พบบ่อย ในไทยก็เช่น หนอนผีเสื้อกลางคืน เมื่อสัมผัสถูกขนพิษของหนอนบุ้งจะทำให้เกิดอาการแสบร้อนทันที เกิดผื่นแพ้ที่ผิวหนัง จากนั้นจะบวม ชา เป็นผื่นลมพิษ พิษจะกระจายไปบริเวณข้างเคียง ทำให้เกิดการอักเสบ บวม เช่น ที่ต่อมน้ำเหลือง อาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ชา ช็อก “เป็นอัมพาต”

    ในกรณีที่ขนพิษเข้าไปในลูกตาอาจทำให้ “ตาบอด” ได้

    กลุ่มที่สาม พวกด้วง ซึ่งพบได้ทั่วโลก อย่างด้วงน้ำมัน หรือชื่อพื้นบ้านว่าด้วงโสน-ด้วงไฟเดือน จะมีสารพิษที่เมื่อสัมผัสจะเกิดผื่นคันพุพองใน 2-3 ชั่วโมง ถ้ากินสารพิษนี้เข้าไปจะคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และก็อาจถึง “ตาย”, ด้วงก้นกระดก หรือด้วงก้นงอน มีสารพิษที่ถูกผิวหนังแล้วจะแสบคัน เป็นตุ่มน้ำใส และเกิด “แผลเป็น”, แมลงตด เจ้านี่จะปล่อยสารออกไซด์ของไนโตรเจนออกมา เมื่อถูกผิวหนังจะ “ไหม้พองเหมือนถูกกรด”

    “แมลงพิษ” ในเมืองไทยเรามีมากมายทั้งชนิดและพิษร้าย

    แต่ระยะหลัง ๆ ที่ “ดุ-ดัง” ที่สุดก็เห็นจะเป็น “ต่อหัวเสือ”


    ทั้งนี้ ว่ากันถึงแมลงอย่างต่อ-แตน จะมี “เหล็กใน” คล้าย “เข็มฉีดยา” แต่เป็น “ยาพิษ” อยู่ที่ส่วนปลายของลำตัว ต่อหนึ่งตัว “ต่อย” ปล่อยพิษ ได้หลายครั้งโดยตัวเองไม่ตาย ซึ่งในเมืองไทยนั้นมีต่อหลายชนิด เช่น ต่อหัวเสือ ต่อป่า ต่อหลวง ต่อรัง ต่อหลุม ต่อนอนวัน มักจะเรียกชื่อตามลักษณะ การทำรัง ที่อยู่อาศัย พฤติกรรม เช่นเดียวกับแตนที่ก็มี อาทิ แตนบัว แตนฝัก บัว แตนลิ้นหมา แตนกล้า แตนลาน

    อาการของคนเราที่เกิดจากการถูกต่อต่อย ก็จะขึ้นอยู่กับชนิดของต่อ ปริมาณน้ำพิษ จำนวนต่อที่ต่อย จำนวนการถูกต่อย รวมถึงปฏิกิริยาของคนแพ้- ไม่แพ้ ผู้ที่ไม่แพ้พิษแมลงมากเมื่อถูกต่อต่อย ก็อาจจะแค่รู้สึกเจ็บและบวมเพียงเล็กน้อย ไม่นานก็จะหายเองได้ ถ้าในรายที่แพ้ปานกลางก็จะปวดมากหน่อยตรงบริเวณที่ถูกต่อย อาจมีอาการหน้ามืด และเป็นลม บางกรณีจะมีเหงื่อออกมาก ตัวสั่น หาวบ่อย มีลมพิษขึ้นทั่วตัว คัน เจ็บ และอาจมีไข้

    ถ้าเป็นคนที่ “แพ้พิษต่ออย่างรุนแรง” เมื่อ “ถูกต่อย” จะหายใจลำบาก ร่างกายเขียวคล้ำ ความดันโลหิตต่ำ จนช็อกหมดสติ การไหลเวียนของโลหิตล้มเหลว และอาจจะ “เสียชีวิต” ได้ !!

    ย้อนหลังไปแค่ใน “ช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา” และเฉพาะที่ปรากฏเป็นข่าวใน “เดลินิวส์” ก็มีคนไทยทั้งเด็ก-ผู้ใหญ่ “ถูกต่อหัวเสือต่อย” จน “บาดเจ็บ+เสียชีวิตร่วม 20 คน !!” เลยทีเดียว กล่าวคือ... 4 พ.ค. ที่สมุทรปราการมีคนถูกต่อหัวเสือบนต้นโพธิ์รุมต่อย 7 ราย โดย 3 รายบาดเจ็บสาหัส, 18 มิ.ย. ที่อ่างทองต่อหัวเสือรุมต่อย 3 พี่น้อง อายุ 10 ขวบ 8 ขวบ และ 2 ขวบ โดยคนเล็ก เสียชีวิต อีก 2 คนบาดเจ็บสาหัส, 4 ส.ค. ที่กาฬสินธุ์ ชาวบ้านวัย 48 ปี รายหนึ่งจะเอาต่อหัวเสือมาเปิบ ซึ่งมันกินได้ แต่พลาดท่าเจอสู้ ถูกต่อรุมต่อยจน เสียชีวิต

    6 ส.ค. ที่ชลบุรีชาวประมงวัย 63 ปี ถูกต่อหัวเสือที่ทำรังบริเวณสะพานท่าเทียบเรือเกาะล้านต่อยจนตกทะเลหน้ากระแทกโขดหิน บาดเจ็บสาหัส, 11 ส.ค. ที่ชุมพร สามีภรรยาชาวสวนผลไม้ถูกต่อหัวเสือในสวนรุมต่อย ภรรยา เสียชีวิต ส่วนสามีบาดเจ็บสาหัส, 30 ส.ค. ที่เพชรบุรี ผู้เฒ่าวัย 83 ปี ถูกต่อหัวเสือบนต้นตาลรุมต่อยกว่า 100 ครั้งจน เสียชีวิต และที่ศรีสะเกษ ชายวัย 50 ปี ก็ถูกต่อหัวเสือที่ทำรังในบ้านรุมต่อยกว่า 50 ครั้ง เสียชีวิต เช่นกัน และ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่อุบลราชธานี เด็กวัย 6 ขวบ 3 คน ก็ถูกต่อหัวเสือ รุมต่อยในวัด 1 ราย เสียชีวิต อีก 2 บาดเจ็บสาหัส

    ...เจ้า “ต่อหัวเสือ” ก็จัดว่าเป็นภัยที่ไม่ธรรมดา ควรจะได้ตระหนัก และย้ำเตือนบุตรหลานให้รู้พิษภัย-ให้ระวัง ซึ่งที่จริงก็มีวิธีทำลายรังและกำจัด มัน แต่แจ้งเจ้าหน้าที่-ผู้เชี่ยวชาญให้ช่วยจัดการดีกว่า... หน้านี้ถูกเปิดอ่านแล้ว 973ครั้งอ่านข่าวทั้งหมดของ เดลินิวส์ ได้ที่นี่
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  3. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ต่อ (Hornet หรือ Wasp)


    [​IMG]
    [FONT=CordiaUPC, EucrosiaUPC NARROW,CordiaUPC,EucrosiaUPC]

    [/FONT]เป็นแมลงที่อยู่ในกลุ่ม hymenoptera เช่นเดียวกับผึ้ง ต่อเป็นแมลงที่มีพิษเป็น omnivorous คือ กินตัวอ่อนแมลงอื่น ซากสัตว์ และยังดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ มีทั้งที่อยู่ลำพังหรืออยู่เป็นรังต่อขนาดใหญ่ที่พบเห็นจะมีชื่อสามัญหลายชื่อ เช่น ต่อหัวเสือ , ต่อรัง, ต่อขวด, ต่อหลวง เป็นต้น ต่อที่อยู่เป็นรัง (social wasp) และอยู่ใน genus Vespa ในประเทศไทยมีอยู่ 9 species เช่น Vespa affinis, Vespa tropica ฯลฯ1
    ต่อได้ดัดแปลงอวัยวะที่ใช้ในการวางไข่ (ovipositor) ให้เป็นเหล็กใน (sting) ที่แตกต่างจากผึ้ง โดยที่ต่อสามารถ ”ต่อย” โดยการฝังเหล็กในเข้าในตัวศัตรูหรือเหยื่อได้หลายครั้ง ในขณะที่ผึ้งสามารถทำได้เพียงครั้งเดียว
    พิษ (venom) ของต่อประกอบด้วย biogenic amines ที่มีน้ำหนักโมเลกุลน้อยเช่น acetylcholine, histamine, serotonin และ catecholamines ฯลฯ และ polypeptides และโปรตีนที่มีน้ำหนักโมเลกุลปานกลางหรือมากได้แก่ kinins, enzyme เช่น phospholipase A และ B, protease, hyaluronidase, mastoparan ที่เป็น mast cell degranulation peptide และ allergens2
    [FONT=CordiaUPC, EucrosiaUPC NARROW,CordiaUPC,EucrosiaUPC]
    [/FONT]เราสามารถแบ่งการเป็นพิษจากตัวต่อได้เป็น 3 ลักษณะ ตามกลไกการเกิดพิษ คือ
    1. การเป็นพิษโดยตรง (direct toxicity) ของพิษต่อเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั้งที่เป็นเฉพาะที่ (local) และทั่วร่างกาย (systemic) โดยที่อาการปวดจะเกิดจากสาร amines และการเป็นพิษโดยตรงมักเกิดจาก phospholipase และ protease
    2. ปฏิกริยาภูมิต้านทาน (immunological reaction) เกิดจากการกระตุ้น mast cell, การสร้าง IgG, IgE ทำให้เกิด serum sickness และ anaphylaxis
    3. กลไกที่ยังไม่ทราบ เช่น การทำอันตรายต่อระบบ ประสาท, หลอดเลือด และไต
    [FONT=CordiaUPC, EucrosiaUPC NARROW,CordiaUPC,EucrosiaUPC]
    [/FONT]อาการและอาการแสดงที่สำคัญ คือ อาการเฉพาะที่ ซึ่งจะเกิดขึ้นทันทีโดยจะมีอาการปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ถูกต่อย และอาจลามออกได้มาก3 แต่มักพบรอยถูกต่อยหลายรอย ในแต่ละรอยจะมี necrosis อยู่ตรงกลาง ในผู้ป่วยที่ถูกตัวต่อต่อยเป็นจำนวนมาก อาจเกิดอาการทั่วร่างกายได้ โดยอาจเกิดทันทีหรือเกิดในภายหลัง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน, malaise, hypotension, acute intravascular hemolysis, thrombocytopenia, rhabdomyolysis, acute renal failure, pulmonary edema ในบางรายอาจเกิดอาการตามมาภายหลังเช่น mononeuritis multiplex, thrombotic thrombocytopenic purpura, PAN-like syndrome อาการเหล่านี้ยังไม่ทราบว่าแน่ชัด เกิดจากกลไกใด แต่น่าจะเป็นจากทั้งการเป็นพิษโดยตรง ปฏิกริยา ภูมิต้านทาน และกลไกที่ยังไม่ทราบ
    จากรายงานผู้ป่วยที่ปรากฏในวารสารต่างๆ ผู้ป่วยที่มีอาการหนักส่วนใหญ่จะมี acute renal failure, acute intravascular hemolysis, rhabdomyolysis ซึ่งการเกิด acute renal failure นั้น พยาธิสภาพเป็น acute tubular necrosis เชื่อว่าเกิดจากการเป็นพิษโดยตรงจากพิษตัวต่อ, การเป็นพิษจากสารพิษที่เกิดจาก intravascular hemolysis, rhabdomyolysis, ภาวะ DIC, และ อาจมีปฏิกริยาภูมิต้านทานร่วมด้วย4-6
    ผู้ป่วยที่มีอาการหนักจะเสียชีวิตได้จากภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือด, ปอดและทางหายใจ รวมทั้งการติดเชื้อ ในประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีผู้เสียชีวิตจากแมลง hymenoptera ประมาณ 40 รายต่อปี7 สำหรับในประเทศไทยไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน แต่มีรายงานผู้ป่วยหลายรายที่มีอาการหนักและบางรายเสียชีวิต8-11
    การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ที่ควรทำในผู้ป่วยที่ถูกต่อต่อยเป็นจำนวนมากได้แก่ CBC, urinalysis, renal function test, liver function test, muscle enzymes, chest x ray และ EKG
    การวินิจฉัยได้จากประวัติการถูกกัดต่อย ในกรณีผู้ป่วยไม่ทราบหรือไม่แน่ใจ สามารถทำการวินิจฉัยได้โดยอาศัยอาการและอาการแสดงทางคลินิก เช่น รอยถูกต่อยที่มี necrosis อยู่ตรงกลาง
    การรักษาที่สำคัญคือการรักษาประคับประคองและการรักษาตามอาการ อาการเฉพาะที่ให้รักษาด้วยยาแก้ปวด, ยา antihistamines, ยาทาที่มี steroid ส่วนอาการทั่วร่างกายให้รักษาประคับประคอง ตามอาการเช่นกัน2 เช่น respiratory support, cardiovascular support, hemodialysis, hemoperfusion
    การให้ systemic corticosteroid ในผู้ป่วยที่มีอาการหนัก รวมทั้งการให้เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน ยังไม่มีข้อมูลยืนยันถึงประโยชน์ที่จะได้รับ นอกจากนี้ยังมีการลองใช้ยาต้านแคลเซี่ยม เพื่อช่วยรักษาภาวะ acute tubular necrosis ด้วย10
    <FONT face="CordiaUPC, EucrosiaUPC NARROW,CordiaUPC,EucrosiaUPC" color=#1d634e size=3>
     
  4. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ต่อหัวเสือเป็นแมลงชื่อ Vespa cincta - Paper wasp อยู่ในวงศ์ Vespidae จัดอยู่ใน Class Insecta, Order Hymenoptera ลักษณะของลำตัวมี สีดำ ปีกสีน้ำตาล ท้องมีแถบสีส้มปนเหลือง จนเห็นได้ชัดเจน มีขนาดลำตัวยาว 3.00-3.50 เซนติเมตร

    ...ตัวต่อหัวเสือมีอยู่หลายชนิดเช่น
    Vespa basalis มี หัวและอกสีเหลือง มีแผ่นรูปสามเหลี่ยม สีน้ำตาลปน ดำ ขาสีเหลืองแก่ ลำตัวสีเหลืองปนน้ำตาลหรือสีดำคล้ายเสือ

    Vespa bicolor มี หัวและหนวดสีดำ อกสีเหลือง มีแผ่นสามเหลี่ยมสีดำ สันหลัง อกและท้องสีเหลืองแก่ กับอีกชนิดหนึ่งคือ Vespa auraria หัวและขาสีเหลืองแก่ ตาสีน้ำตาลแก่ อกสีเหลืองปนดำ มีแผ่นสามเหลี่ยมสันหลังสีน้ำตาลแก่ปนดำ...และ มีแถบเหลืองพาดขวาง 3 แถบที่ท้องคล้ายลายเสือด้วย...

    ต่อหัวเสือ...ในบ้านเราพบได้ทั่วไปทุกภาค...อีสานเรียกว่า ต่อนอนเว็น หรือ ต่อนอนวัน เพราะอุปนิสัยที่ชอบซ่อนตัวอยู่ในรังเพื่อ...หลับนอนเวลากลางวัน (ชาวอีสานเรียกกลางเว็น) และออกหากินในเวลากลางคืนนั่นเอง

    ส่วนทางใต้เรียก “ต่อรัดพัดผ้าแดง” อาจจะมาจากรูปร่างสีสันในตัวของมัน...นั่นเอง

    จัดเป็นแมลงที่มีพิษมีอันตราย เนาองจากมีเหล็กใน (sting) เหล็กในคือส่วนที่อยู่ตรงปลายสุดของลำตัว มีลักษณะคล้ายเข็มฉีดยา เนื่องจากต่อหัวเสือมีลักษณะการต่อยคือ เมื่อต่อยลงบนผิวหนังแล้วจะถอนเหล็กในออกได้อย่างรวดเร็ว และต่อยซ้ำๆ กันได้หลายๆ ครั้งติดต่อกัน ซึ่งต่างจากผึ้งจะต่อยได้แค่ครั้งเดียวแล้วก็ฝังเหล็กในไว้บนผิวหนังและตัวมันเองก็ตาย
    สำหรับอาการของผู้ที่ได้รับพิษจากต่อก็จะมีความแตกต่างกันไป ตั้งแต่คันตรงบริเวณผิวหนังที่ถูกพิษ ไปจนถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งอาการเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของต่อที่ต่อย ปริมาณพิษที่ได้รับ และจำนวนครั้งที่โดนต่อต่อย รวมถึงปฏิกิริยาของผู้ที่ถูกต่อยด้วยว่าแพ้หรือไม่

    สำหรับผู้ที่ไม่แพ้แมลง (non-allergic) หลังจากถูกต่อต่อย อาจรู้สึกเจ็บและบวมเพียงเล็กน้อย ต่อมาจะหายเองได้

    ในรายที่มีปฏิกิริยาปานกลาง หรือรุนแรง จะปวดมากบริเวณที่ถูกต่อต่อย มีอาการหน้ามืด และเป็นลมได้ บางรายเหงื่อออกมาก ตัวสั่น หาวบ่อยครั้ง อาจมีลมพิษทั่วตัว คัน เจ็บและมีไข้ ผมจะหงอกเป็นสีขาวในบางราย

    รายที่เกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรง ผู้ป่วยจะหายใจลำบาก เขียวคล้ำ ความดันโลหิตต่ำจนช็อกเกิดภาวะการไหลเวียนของโลหิตล้มเหลว และจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

    ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ถูกตัวต่อต่อยก็จะเป็นลักษณะการถูกรุมต่อยโดยต่อหลายๆ ตัว ซึ่งก็จะยิ่งเพิ่มปริมาณพิษให้กับผู้ถูกต่อย โอกาสที่ผู้ถูกต่อต่อยจะเสียชีวิตก็จะมีมากขึ้น
    อาการเมื่อถูกต่อต่อยก็จะแสดงออกได้ 2 ลักษณะ คือ

    1.อาการเฉพาะที่ ได้แก่ ปวด บวม แดง ร้อน หรือเป็นผื่นแพ้ ลมพิษตรงบริเวณที่ถูกต่อย ในคนที่ได้รับอยู่บ่อยๆ พิษจะไปกระตุ้นการหลั่งฮีสตามีนจากเนื้อเยื่อ ทำให้บริเวณที่ถูกต่อยเกิดรอยไหม้ ในกรณีที่ถูกตาอาจมีอาการมากกว่าปกติได้

    2.พิษที่ไปตามกระแสโลหิต ทำให้เกิดอาการทั่วร่างกาย เช่น คัน ลมพิษ หลอมลมบวม หายใจขัด ความดันโลหิตต่ำ และท้องบวม

    บางรายอาจมีอาการหน้ามืดเป็นลม มีเหงื่อออกมาก ตัวสั่น หาวบ่อย ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการช็อกนั่นเอง
    บางรายอาจมีอาการมีลมพิษขึ้นตามตัว คัน เจ็บ และมีไข้ ส่วนในรายที่เกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจลำบาก เขียวคล้ำ ความดันโลหิตต่ำจนช็อก เกิดภาวการณ์ไหวเวียนของโลหิตล้มเหลวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

    วิธีการหากินของตัวต่อจะเข้าไปต่อยตัวหนอนให้ สลบแล้วจึงอุ้มตัวหนอนนั้นมาวางไว้ตามช่องภายในรังเพื่อเป็น อาหารลูกอ่อนของตัวต่อที่จะเกิดขึ้นมา... อาหารของต่อส่วนใหญ่จะเป็นพวกเนื้อสัตว์ แต่มันก็ยังกินน้ำหวานเพิ่มเติมด้วยเพื่อใช้ในการเผาผลาญให้เกิดพลังงานแก่ร่างกาย แหล่งที่เป็นพลังงานสำคัญของต่อคือ น้ำหวานจากผลไม้สุกและเกสรดอกไม้ ในการกินเกสรดอกไม้ของต่อหรือผึ้งก็จะเป็นประโยชน์กับต้นไม้ เพราะเป็นการช่วยผสมเกสรให้ดอกไม้ไปในตัว


    อย่างไรก็ตาม ต่อก็จัดเป็นแมลงที่ช่วยทำประโยชน์ให้กับมนุษย์ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในการกินซากเนื้อสัตว์ของต่อก็เป็นการสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศน์ ส่วนในภาคการเกษตรกรรม ต่อเป็นประโยชน์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากมันช่วยเกษตรกรในการกำจัดศัตรูของพืชผักที่ปลูก เช่น หนอนผีเสื้อ ตัวอ่อนตั๊กแตน และเพลี้ยอ่อน โดยมันจะจับแมลงเหล่านี้กินเป็นอาหารและยังขนกลับไปกินที่รัง แต่มันจะไม่มีพฤติกรรมการสะสมอาหาร เนื่องจากอาหารที่กินส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อสัตว์ ก็จะทำให้เกิดการเน่าเสียขึ้นในรังได้

    การป้องกันกำจัดต่อเสือ
    สามารถทำได้โดยใช้สารเคมีบางชนิด
    เช่น bendiocarb, carbaryl, diazinon, DDVP หรือ malathion ฉีดพ่นเข้าไปในรัง การทำลายรังต่อเสือจึงต้องกระทำอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ วิธีที่ปลอดภัยมากที่สุดในการทำลายรังต่อเสือ จะกระทำในเวลากลางคืน เมื่อตัวต่อทุกตัวอยู่ภายในรัง รังของต่อเสือจะสร้างทางเข้าออกเพียงทางเดียวมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-3 นิ้วต่อเสือทำรังโดยการใช้ใบพืชที่เคี้ยวกับน้ำลายจนเหนียวแล้ว จึงปั้นเป็นแผ่นบางๆ...คล้ายกระดาษเรียงเป็นชั้นๆ...ๆ...ๆ

    ก่อนฉีดสารเคมีเข้าไปในรังต่อ จำเป็นต้องอุดทางเข้าออกของรังต่อด้วยสำลี อุดที่รู ตัวต่อจะไม่สามารถหนีออกจากรังได้ จึงใช้สารเคมีชนิดบรรจุกระป๋องอัดก๊าซชนิดที่ปลายหัวฉีดมีท่อยาวเล็ก ๆ สวมบนหัวฉีด พยายามใช้หัวฉีดเจาะบริเวณข้าง ๆ ของรังต่อแล้วฉีดพ่นสารเคมีเข้าไปภายในรัง ทำเช่นนี้จนรอบรังต่อ จะทำให้ต่อในรังตายทั้งหมด หากจำเป็นต้องกำจัดรังต่อในเวลากลางวันต้องสวมใส่เสื้อผ้าหนาหรือหลายชั้นเพื่อป้องกันต่อต่อยและต้องสวมถุงมือที่หนา รองเท้าบู้ท และสวมหมวกเพื่อป้องกันต่อรุมต่อย

    แต่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรไปทำลาย หากมีความจำเป็นต้องกำจัดก็ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ

    ข้อควรปฏิบัติเมื่อถูกแมลงที่มีพิษต่อย

    1.เมื่อถูกแมลงเหล่านี้ต่อย ควรรีบเขี่ยออกทันทีก็จะช่วยลดปริมาณพิษลง และยังป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงได้
    2.อย่าแหย่หรือทำลายรังของแมลง เพราะจะเป็นการเสี่ยงต่อการถูกต่อย โดยแมลงทีละจำนวนมากๆ เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง หรืออาจทำได้โดยผู้ที่มีความชำนาญ

    การรักษาเมื่อได้รับพิษจากแมลงกัดต่อย หากพิษไม่มีความรุนแรง เช่น มีอาการผื่นคัน มีตุ่มน้ำ เป็นจุดแดงๆ เล็กๆ หรือมีอาการคัน ก็อาจใช้สมุนไพรบรรเทาอาการได้ แต่ก็ไม่ควรใช้สมุนไพรอย่างเดียวในการรักษา สมุนไพรที่นำมาใช้ เช่น

    ขมิ้นชัน โดยนำเหง้ายาวประมาณ 2 นิ้ว ฝนกับน้ำต้มสุกทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ผงขมิ้นโรยบริเวณที่มีอาการแพ้อักเสบ

    ตำลึง นำใบสดประมาณ 1 กำมือ ตำคั้นน้ำและนำน้ำมาทาบริเวณที่มีอาการปวดแสบปวดร้อนและคัน เมื่อแห้งแล้วให้ทาซ้ำอีกจนกว่าจะหาย

    ผักบุ้งทะเล นำใบและเถาสดต้มน้ำอาบแก้อาการคันและบวม

    พญายอ นำใบสด 10-15 ใบ ตำให้ละเอียด เติมเหล้าขาวพอชุ่มยา แล้วนำมาพอกบริเวณที่มีอาการปวด บวม แดง ร้อน และทาซ้ำบ่อยๆ จนกว่าจะหาย ในการรักษาด้วยพญายอนั้นต้องมีความแน่ใจว่าผู้ถูกพิษไม่มีอาการไข้

    เสลดพังพอน นำใบ 1 กำมือ ตำให้ละเอียด คั้นเอาน้ำทาบริเวณที่มีอาการแพ้อักเสบ
    ในรายที่ได้รับพิษแล้วมีอาการแพ้อย่างรุนแรงนั้น ไม่แนะนำให้ใช้สมุนไพรมารักษา เนื่องจากมีความเสี่ยงเกินไป และทางที่ดีที่สุดคือ ให้รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นแล้วผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้

    ชาวบ้านมักจะชอบกินตัวอ่อนของต่อ..เมื่อได้ตัวอ่อนมาแล้วการบริโภค ทำได้ทั้งย่าง-เผาไฟ-นึ่ง หรืออาจจะกินดิบๆก็มีรสชาติหวานมันจึงมีอาชีพเลี้ยงต่อขายรังเป็นอาชีพไม่มีใครกล้าทำไม่มีคู่แข่งเลี้ยงง่ายไม่ต้องให้อาหาร แต่ว่าต้องเสี่ยงภัยอาศัยอยู่กับตัวต่อหัวเสือที่ดุร้าย ที่สักวันมันจะทำร้ายเรา
    วิธีการเอารังต่อที่ก่อรังธรรมชาติมาเลี้ยงไว้ที่บ้านจะต้องทำในเวลากลางคืน หลังจากที่ตัวต่อเข้ารังหมดแล้ว โดยนำสำลีมาอุดรูทางเข้าออกตัวต่อไว้ก่อน จึงตัดกิ่งไม้ที่ต่อทำรังออกนำพลาสติกหุ้มรังต่อไว้อีกชั้นหนึ่งเพราะหากตัวต่อสามารถหลุดออกมาได้นั้นหมายถึงว่าไม่ใครคนใดคนหนึ่งจะต้องโดนต่อยแน่นอน...ไม่ไช่กำปั่นนะครับแต่เป็นไรพิษจะเจ็บปวดทรมารไปหลายวัน การขนย้ายรังต่อต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้กระทบกระเทือนอาจปริแตกได้แล้วนำมาตั้งไว้ตามจุดต่างๆในบริเวณบ้าน เลือกในจุดที่ผู้คนและสัตว์ไม่ค่อยผ่านเข้าถึง เพราะอาจโดนต่อยได้ จากนั้นเปิดรูที่อุดไว้ออก ตัวต่อก็จะออกหาอาหารตามปกติในวันรุ่งขึ้น

    วงจรชีวิตของตัวต่อแต่ละรังแรกเริ่ม จะมีขนาดเล็กเท่ากำปั้นมือ ซึ่งจะถูกก่อสร้างขึ้นเรื่อยๆจนโตเด็มที่ราวๆเดือนสิงหาคมถึงตุลาคมช่วงนี้แหละครับจะสามารถเก็บเอาตัวอ่อนในรังมาขายหรือปรุงอาหารไม่ว่าจะเป็น ต้ม ยำ ทำแกงก็ได้ทั้งนั้น รสชาติอร่อยไม่แพ้ไข่มดแดงเชียวครับ หลังจากตัวต่อสร้างรังจนโตเต็มทีแล้ว พอถึงช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ตัวต่อทั้งหมดก็จะอพยพทิ้งรังจนร้างไปในที่สุด ชาวบ้านก็นำรังไปขายต่ออีกทอดหนึ่งในราคารังละ 300 บาท ซึ่งในแต่ละปีชาวบ้านที่นี่จะเลี้ยงต่อไว้ครอบครัวละ 20-30 รัง ปีไหนมีน้อยลูกค้าต้องวางเงินมัดจำไว้หากต้องการ
    • 8 เดือน ผ่านไป
    ที่มา:

    สาระน่ารู้ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

    WHO. Chemical methods for the control of arthropod vectors and pests of public health importance. Geneva, 1984: 74-6.

    บุญเยือน ทุมวิภาต. พิษจากแมลง. ใน:ไพโรจน์ อุ่นสมบัติ, ประพันธ์ เชิดชูงาม, บก.เวชศาสตร์ป้องกัน. กรุงเทพ ฯ:สหประชาพาณิชย์, 2532:821-41

    http://www.thaitv3.com/becnews/backissue/k_knowthai/kno99.html

    http://www.khonbaakpae.com/xboard/post.php?action=reply&fid=16&tid=408&repquote=t%7C40810

    http://www.dek-d.com/board/view.php?id=634890
     
  5. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    พอแค่นี้ดีกว่าเดี๋ยวกลายเป็นกระทู้เกี่ยวกับแมลงไปแทน แต่ที่นำมาโพสให้อ่านกันเพราะอยากให้กลับไปโหลดไฟล์ผมมาอ่านกันทุกๆท่านครับ
    เมืองไทยมีอยู่รอบตัวครับสำหรับแมลง หากเราไม่มีความรู้ ยิ่งคนยุคใหม่วัยไอที ไม่ค่อยรู้จักป่า หรือ สัมผัสธรรมชาติ
    ภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษก็สูญหายไป แต่เรื่องของผึ้ง ต่อ แตน นี่ ผมเห็นว่าเป็นภัยใกล้ตัวครับ ยิ่งเดี๋ยวนี้เราชอบปลูกต้นไม้กันมาก ก็มีโอกาสที่จะมีรังพวกนี้ได้มากขึ้นครับ
    บ้านผมยังเคยมีเลยครับ เล่นเอาเสียวเหมือนกัน และจะบอกว่าเราไม่ไปกวนเขา แล้วเขาจะไม่ทำร้ายเราก็ไม่ได้นะครับ
    วันนี้คนไข้ผมไปวางเหยื่อปลาครับ โดนต่อหัวเสือต่อยมา 11 รอย อาการหนักทีเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2008
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ชีวิต...การงาน...ความรัก

    http://hilight.kapook.com/view/30033


    [​IMG]


    เมื่อสามีภรรยาต้องทำงานร่วมกัน เมื่อพ่อลูกต้องทำงานที่เดียวกัน ดูเหมือนการงาน ความรักจะแยกกันไม่ออก ทะเลาะกันเรื่องงานก็พานทำให้กินข้าวติดคอ โกรธเรื่องส่วนตัวก็พลอยทำให้ไม่พูดคุยเรื่องงาน โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กช่วงก่อร่างสร้างตัว 3-5 ปีแรก นับว่าไม่ง่ายเลยที่จะประคองงานให้รอด รักให้หวาน แต่ข้อเสนอแนะนี้ถ้าเข้าใจ พูดคุยตกลงกันได้ ยินยอมทำตาม รับรองว่าลดปัญหาไปได้เยอะ

    [​IMG] เรื่องงานให้พูดในที่ทำงาน ห้ามนำกลับมาบ้าน ถ้าใช้บ้านเป็นสถานที่ทำงาน ใช้วิธีกำหนดช่วงเวลาเอา เช่น วันหยุดหยุดคุยเรื่องงาน

    [​IMG] หากทำตามข้อ 1 ไม่ได้ เมื่ออยู่ร่วมกันแล้วจะต้องพูดคุยเรื่องงานเสมอ ให้หาวิธีเปลี่ยนความสนใจ ทำกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ เช่น ออกกำลังกาย ไปดูหนัง หรือกิจกรรมนอกสถานที่เป็นครั้งเป็นคราว

    [​IMG] ทำความเข้าใจในเป้าหมายร่วม งานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตครอบครัว เป้าหมายใหญ่ครอบครัวเป็นสุข งานเป็นหนทาง อย่าให้ความเห็นต่างในวิธีการสร้างความขัดแย้งที่อาจกระทบเป้าหมาย

    [​IMG] หากจำเป็นต้องคุยเรื่องงานที่บ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้เปิดโต๊ะพูดคุยอย่างเป็นทางการ เพื่อดึงความสนใจให้อยู่ที่จุดเดียวกัน เพราะถ้าไม่พูดคุยอย่างเป็นทางการ คนหนึ่งอยากพูด คนหนึ่งไม่อยากฟัง จะก่อให้เกิดปัญหาความไม่พึงพอใจติดตามมา งานก็ไม่ได้ บ้านก็ไม่สงบ

    [​IMG] อย่าลืมแนวทาง "รู้รัก สามัคคี" ให้ความรักนำทาง สร้างสรรค์ความดี หนักบ้างเบาบ้างอภัยให้แก่กัน อย่าอาฆาตมาดร้ายเป็นทุกข์ในใจ



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เครื่องใช้ไฟฟ้า ฉลากประสิทธิภาพสูงประหยัดไฟมากกว่าเบอร์ 5

    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=180018&NewsType=1&Template=1

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    นับตั้งแต่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เริ่ม โครงการฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2536 ออกฉลากรับรองให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า 7 ประเภทได้แก่ ตู้เย็น เครื่องปรับ อากาศ หลอดตะเกียบ บัลลาสต์ พัดลม หม้อหุงข้าว โคมไฟ และล่าสุด ข้าวกล้อง (ขบวนการผลิตข้าวขาวใช้พลังงานไฟฟ้าในการขัดสีมาก) โดยทำในลักษณะประชาร่วมใจ ใช้วิธีหารือระหว่างผู้ประกอบการ ไม่ได้ใช้หลักวิชาการเข้าไปรับรองอย่างเป็นมาตรฐาน

    จากปี 2536 เป็นต้นมา เคยมีคำถามไหมว่าทำไมไม่ปรากฏเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นที่จะได้รับฉลากเบอร์ 5 เพิ่มนั้นเพราะ จากการคำนวณของการใช้พลังน้ำในเขื่อนในการผลิตกระแสไฟฟ้า ในช่วงพีค คือระหว่าง 6 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม ประชาชนจะใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น การผลิตไฟฟ้าก็เร่งสูงเพิ่มขึ้น ระหว่างนั้น กฟผ.สูญเสียต้นทุนการผลิตไปแล้ว เมื่อใช้ไฟไม่หมด ไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกปล่อยทิ้ง

    เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 จะมารองรับกระแสไฟฟ้าที่กำลังถูกปล่อยทิ้งดังกล่าว เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้ง 7 ชนิดมีการใช้มากสุดในช่วงพีค ขณะเดียวกันยังช่วยลดการสร้างโรงไฟฟ้าออกไป ซึ่งต้นทุนต่อการสร้างโรงไฟฟ้า 1 โรงใช้เงินถึง 300-500 ล้านเหรียญสหรัฐ

    อย่างไรก็ตาม 10 กว่าปีที่ผ่านมาของการทำโครงการฉลากประหยัดไฟ กฟผ. ใช้เงิน 1,000 ล้านบาท ถือว่าคุ้มกว่าการจะลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าที่ 1 เมกะวัตต์ใช้เงินประมาณ 1-1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งโรงไฟฟ้าต้องมีกำลังผลิตอย่างต่ำ 300 เมกะวัตต์

    เครื่องใช้ไฟฟ้าฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นแนวทางหนึ่งของการลด ใช้ไฟฟ้าของประเทศลงได้ แต่ความรู้ด้านวิชาการกลไกด้านวิศวกรรมศาสตร์ สามารถเข้าไปจัดการ กำหนดให้เครื่องใช้ไฟฟ้าดังกล่าว สามารถประหยัดไฟลงได้จนถึงระดับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 4

    นอกจากนี้ยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น เตารีด เครื่องทำน้ำอุ่น กระติกน้ำร้อน คอมพิวเตอร์ ทีวี เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เป็นต้น กำหนดให้เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดไฟลงได้โดยออกฉลากควบคุมเฉกเช่นเบอร์ 5 ใช้มาตรฐานทางวิชาการรับรองรวมทั้งอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้พลังงาน น้ำมัน แก๊ส เป็นต้น เหล่านี้เป็นเป้าหมายสำคัญของการลดการใช้พลังงานรวมทั้งประเทศ

    เป้าหมายการใช้พลังงานของประเทศเน้นให้ใช้น้อยลง แต่คงมีประสิทธิ ภาพและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนคนไทยเหมือนเดิม ตาม พ.ร.บ.อนุรักษ์พลัง งาน พ.ศ. 2535 โดย กรมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน มีหน้าที่กำหนดกฎกระทรวง ควบคุมเครื่องจักรและอุปกรณ์คุณภาพสูงเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน

    ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ศึกษาและจัดทำแผนส่งเสริมการใช้อุปกรณ์ที่ใช้งานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น รวมถึงอุปกรณ์ครื่องจักรที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหมด ซึ่งได้รวบรวมไว้ทั้งหมด 80 รายการ

    บรรยงวุฒิ จุลละโพธิ หัวหน้าโครงการที่ปรึกษาทางวิศวกรรมศาสตร์ และรองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่าเพื่อหาค่าประหยัดไฟให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้อยู่ในเบื้องต้นได้นำร่องกับเตาแก๊สความดันต่ำซึ่งใช้ภายในครัวเรือน และอุปกรณ์ความเร็วรอบมอเตอร์หรือวีเอสดี (VSD) ซึ่งใช้ควบคุมความเร็วมอเตอร์ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อลดการใช้พลังงานเกินความจำเป็น

    กำหนดว่าเตาแก๊สต้องมีประสิทธิภาพความร้อนอยู่ที่ร้อยละ 53 ขึ้นไป นั่นหมายความว่าเตาแก๊ส ที่มีค่าร้อยต่ำกว่าร้อยละ 53 จะห้ามขาย ในเบื้องต้นจะผลิตเตาแก๊สฉลากประสิทธิภาพออกสู่ท้องตลาด 1 แสนเตา บริษัทผู้ผลิตต้องไปปรับเปลี่ยนระบบการผลิต เช่น ปรับลมหนู ปรับการจ่ายแก๊ส เพื่อให้ได้มาตรฐานฉลากประสิทธิภาพสูง

    จากการคำนวณหาค่าความประหยัด จะทำให้ประหยัดแก๊สได้ 24 กิโลกรัมต่อเตาต่อปี (คำนวณราคาแก๊สที่ 20 บาทต่อกิโลกรัม)

    หัวหน้าโครงการที่ปรึกษาทางวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวต่อว่า ในปีหน้าจะเดินหน้าออกฉลากประสิทธิภาพสูงให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้ากับโหมดสแตนด์บาย ได้แก่เครื่องแฟกซ์ คอมพิวเตอร์ ทีวี อุปกรณ์เหล่านี้ กินไฟ ชั่วโมงละ 10 วัตต์ในการใช้งานเฉลี่ย 1 วันราว 7-8 ชั่วโมง ต้องเสียค่าไฟฟ้าฟรี ๆ ระหว่างเสียบปลั๊กทิ้งไว้ราว 180-200 บาทต่อปี ฉลากประสิทธิภาพกำหนดระบบการผลิตให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าดังกล่าวใหม่ต้องกินไฟไม่เกิน 1 วัตต์ ทำให้ประชาชนประหยัดค่าไฟระหว่างเสียบปลั๊ก ลงเหลือปีละ 20 บาท จากเดิมอยู่ที่หลัก100 บาท

    “ตอนนี้อัตราครอบครองทีวี 40 ล้านเครื่อง จัดอยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าโหมดสแตนด์บาย คำนวณค่าไฟฟ้าแล้วตัวเลขมหาศาล ในต่างประเทศกำลังตื่นตัวออกมาจัดทำมาตรฐานให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้ แม้กระทั่งจีนเองก็ตื่นตัวที่จะทำเครื่องใช้ไฟฟ้าโหมดสแตนด์บายก่อนเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวอื่น”

    นานาเรื่องการประหยัดพลังงานนอกจากตัวบทกฎหมายจะใช้ควบคุมระหว่างต้นทางการผลิต แต่ในระดับผู้บริโภคต้องฝังจิตสำนึกรู้ใช้ให้คุ้มค่าควบคู่ไปด้วย เพื่อชะลอสถานการณ์วิกฤติพลังงานในอนาคตออกไปให้ยาวขึ้น.
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันปิยมหาราช
    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01you10191051&sectionid=0122&day=2008-10-19

    คอลัมน์ เกร็ดความรู้


    อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสำคัญของไทยอีกหนึ่งวัน คือวันที่ 23 ตุลาคม เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ.2396 และเสด็จสวรรคตในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2453 สิริรวมพระชนมพรรษา 57 พรรษา รวมเวลาที่อยู่ในสิริราชสมบัตินับได้ 42 ปีเศษ ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติ พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่างๆ มากมาย บ้านเมืองได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงและถือเป็นรากฐานสำคัญในการปกครองบ้านเมืองมาจนปัจจุบัน ด้วยพระปรีชาสามารถและพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลจึงทรงนำพาประเทศให้ผ่านพ้นการเป็นอาณานิคมของต่างชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมกับนานาอารยประเทศอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

    ทางราชการได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นวันที่ระลึกสำคัญของชาติ และกำหนดให้หยุดราชการในวันปิยมหาราช ซึ่งต่อมาสำนักพระราชวังได้จัดตกแต่งพระบรมราชานุสาวรีย์ ตั้งราชวัติ ฉัตร 5 ชั้น ประดับโคม ไฟ ราวเทียม กระถางธูป ทอดเครื่องราชสักการะที่หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน

    ที่มา-หอสมุดกลาง ม.รามคำแหง และสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
     
  9. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ยังไม่ได้ห้อยครับ อยู่หน้าจอเวลาเบื่อๆจะหยิบขึ้นมาส่องครับ หุ หุ
     
  10. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  11. จักราธร

    จักราธร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +180
    อยากได้พระวังหน้ามาบูชา..

    กระผม ด.ต.จักราธร ไวยอาภา ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่ บ้านเลขที่ 175/305 แฟลตสน.มีนบุรี แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี 10501 โทร 089-0417545 ขอ
    เรียนถามท่านผู้มีพระวังหน้าของพระครูเทพโลกอุดร ผมได้ทราบเรื่องราวของพระครูเทพโลกอุดรตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆย่างเข้าวัยรุ่น จากหนังสือโลกทิพย์ โลกลี้ลับ ที่คุณแม่ของผมท่านซื้อมาอ่านเป็นประจำ ผมสนใจเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์
    ของพระวังหน้า และติดตามข่าวทุกครั้ง แต่ไม่เคยได้เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดอย่างจริงจังเลย ปัจจุบันนี้ผมทำบุญมาตลอดทุกครั้งที่มีโอกาส และตั้งมั่นว่าในวันหนึ่งๆจะถือศิลห้าให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ การทำบุญของผมนั้นเป็นเงินไม่มาก แต่ทำบ่อยมาก ทำบุญทุกเดือนๆละหลายๆครั้ง
    ขอเข้าเรื่องเลยนะครับ..ผมมีความศรัทธาในพระวังหน้า และเรื่องราวของท่านพระครูเทพโลกอุดรเป็นอย่างมาก อยากมีไว้เพื่ออาราธนาติดตัว และเพื่อเตือนสติตนเองในยามที่จะประพฤติมิชอบใดๆ มีวิธีใดบ้างที่ผมจะได้รับพระวังหน้ามาบูชา หากทำบุญจำนวนหลายพันบาทในคราวเดียวผมคงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะผมทำบุญได้แค่ครั้งละ 200-300 บาท ในโอกาสสำคัญๆก็ 1000 บาท แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงแล้วคือผมขอร่วมทำบุญในทุกโอกาสที่ตนเองสามารถทำได้
    กราบขอความกรุณา ช่วยตอบจดหมายให้ผมได้ทราบด้วยเถิดครับ ว่าผมจะมีโอกาสได้พระวังหน้ามาบูชาบ้างไหม บุญบารมีของผมมีพอหรือไม่ ผมใฝ่สูงเกินตัว หรือเปล่า เรื่องคอม..กับอีเมล์..ผมไม่เก่งเลย ขอรบกวนเพียงเท่านี้แหละครับ หวังในความกรุณาช่วยตอบจดหมายให้ผมได้ทราบด้วย จะเป็นพระคุณแก่ตัวผมอย่างยิ่ง ขอบคุณครับ
     
  12. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    รอท่านปาทานมาตอบละกันครับ แต่หากคุณตั้งใจจริง ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ยากเกินไปนักที่จะได้มาบูชาสักองค์ครับ ในเวปนี้ก็มีกระทู้หลายกระทู้ที่ให้ทำบุญแล้วได้รับพระวังหน้าไปครับ
    ลองหาอ่านดูดีๆ แม้แต่กระทู้นี้ถ้าลองอ่านดูดีๆก็จะเห็นรายละเอียดครับ จริงๆผมจะตอบเลยก็พอได้ แต่ผมอยากให้อ่าน ให้ศึกษาดีๆก่อนครับ ข้อมูลหลายๆอย่าง ต้องอ่านสักนิดครับ
    เพราะผมก็ไม่รู้ว่าจะลืมพูดส่วนใดไปบ้างครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2008
  13. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    [​IMG][​IMG][​IMG] ชาวจีนว่างงานหลายพันคนหลังโรงงานของเล่นปิดตัว[​IMG]07:11 น.

    ชาวจีนว่างงานหลายพันคน ได้ไปรวมตัวกันอยู่ที่เมืองตงกวน ซิตี้ มณฑลกวางตุ้ง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อขอรับค่าครองชีพจากรัฐบาล หลังจากโรงงานของเล่นขนาดใหญ่ 2 แห่ง ทางตอนใต้ของจีน ปิดตัวลงเมื่อต้นสัปดาห์ ทำให้พวกเขาไม่ได้รับค่าแรง โดยเมื่อ 3 วันก่อน แรงงานเหล่านี้ ได้เรียกร้องค่าแรงที่ติดค้างจากที่บริษัท สมาร์ท ยูเนียน กรุ๊ป (โฮลดิ้งส์ ) จำกัด ของฮ่องกง ที่มีโรงงาน 3 แห่งในเมืองตงกวน
    โรงงานได้ปิดตัวเมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่บริษัทแจ้งไปยังตลาดหุ้นฮ่องกงว่า ขอระงับการซื้อขายหุ้น เพื่อรอการประกาศความคืบหน้าต่อไป สถานีโทรทัศน์กวางตุ้ง รายงานว่า รัฐบาลได้
    จ่ายเงิน 24 ล้านหยวน หรือราว 119 ล้านบาท เป็นค่าแรงสำหรับเดือนสิงหาคม ให้แรงงานที่ตกงานกว่า 6 พันคน มาตั้งแต่ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา
    หนังสือพิมพ์เซาท์เธิร์น เมโทโปรลิส ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในกวางตุ้ง รายงานในเว็บไซท์เมื่อวันพฤหัสบดีว่า แรงงานต่างพากันประหลาดใจที่โรงงานปิดตัวลง มีหลายคนระบุว่า โรงงานยังเปิดตัวปกติเมื่อวันพฤหัสบดี และไม่มีสัญญาณว่าจะปิดตัวแต่อย่างใด รัฐบาลท้องถิ่น ได้เข้าไปควบคุมอาคารและอุปกรณ์ภายในโรงงาน พร้อมกับเรียกร้องให้บรรดาเจ้าของกิจการอื่น ๆ ควบรวมกิจการเพื่อความอยู่รอด
    การเกิดภาวะผันผวนของเศรษฐกิจโลก ได้เริ่มส่งผลกระทบอย่างหนักต่อโรงงานในจีน สำนักข่าวซินหัว รายงานในสัปดาห์นี้ว่า ผู้ส่งออกของเล่น 3,631 รายในจีน หรือ 52.7เปอร์เซ็นต์ของอุตสาหกรรมทั้งหมด ต่างพากันปิดตัวไปในปี 2551 เนื่องจากมูลค่าการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ค่าแรงเพิ่มขึ้น และเงินหยวนแข็งค่าขึ้น โรงงานที่ได้รับผลกระทบเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดย่อม ซึ่งทางการจีนได้โทษว่า เป็นเพราะวิกฤติความผันผวนในตลาดเงินสหรัฐที่ทำให้ยอดส่งออกของจีนไปยังสหรัฐ ลดลง 5.2 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2551





    นำมาฝากกันครับ จากข่าวด่วนเนชั่นครับ และแล้วโรงงานจะค่อยๆทยอยปิดตัวเองหรือหยุดการผลิตเนื่องจากความต้องการในสินค้าลดลงมากซึ่งต่อไปย่อมหนีไม่พ้นการลดคนงานลงครับ
     
  14. ksriuta

    ksriuta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,049
    ค่าพลัง:
    +2,966
    มีอิทธิบาทสี่แบบอื่นที่ใช้ดำรงอายุขัยหรือครับ
     
  15. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    อิทธิบาท 4 เป็นธรรมที่สำคัญอย่างยิ่งในการจะประกอบกิจใดให้ลุล่วงครับ ในความเข้าใจของผมนั้น
    หากเราต้องการบรรลุธรรม จำเป็นต้องน้อมเอาอิทธิบาท 4 เป็นตัวพลักดันให้สำเร็จ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับการต่ออายุครับ
    เพียงแต่เมื่อท่านยึดอิทธิบาท 4 แล้วท่านบรรลุธรรมขั้นสูง ก็ทำให้ท่านสามารถดำรงอยู่ได้ในรูปอื่นที่ไม่ใช่กายเนื้อครับ (เป็นความเข้าใจเท่าที่ปัญญาผมพอจะมีในตอนนี้นะครับ อย่ายึดว่าจริง เพราะผมก็ไม่ได้รู้มากครับ)
     
  16. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    วิกฤติลามเร็วจริงๆครับ แต่ก็เป็นที่คาดได้ เพราะสหรัฐเป็นตลาดขนาดใหญ่ ตอนนี้รายใหญ่เริ่มสะเทือนแล้ว เดี๋ยวรายย่อย ก็จะตามกันไปเป็นแถวๆ
    ชาติไทยตอนนี้เจอมรสุมมากจริงๆครับ ไม่รู้ว่าจะได้สติวางอาวุธ หันมา ถืออิฐก่อปูนสร้างกำแพง เพื่อป้องกันความสูญเสียกันเมื่อไร ช้าไปก็เจ็บหนักครับงานนี้
     
  17. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ผมมีข่าวมาแจ้งสำหรับผู้ใจบุญและมีสุขภาพดีครับ ช่วงนี้สภากาชาดไทย ขาดแคลนเลือดอย่างหนักอีกแล้วครับ
    เพราะมีเหตุการณ์ปะทะกันที่ผ่านมาทำให้ใช้เลือดไปค่อนข้างมาก วันนี้ที่รพ.ผม เลือดหมดครับ
    ติดต่อขอไปที่กาชาด เขาก็ว่ายังไม่มีเลือดครับ เพราะขาดแคลนมาก ใครพอช่วยได้ก็อยากรบกวนให้ช่วยกันบริจาคเลือดนะครับ
    โมทนาสาธุครับ
     
  18. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ผมขออนุญาต นำข้อมูลที่ท่านปาทานเคยโพสไว้มาลงอีกครั้งนะครับ เห็นวันก่อนพูดเรื่องการพิเคราะห์หาพระห้อยคอกัน

    ศิลปการใช้พระเครื่อง



    โดย อ.ประถม อาจสาคร
    สงวนลิขสิทธิ์



    คนไทยนิยมใช้และบูชาพระเครื่องพระพิมพ์มาช้านานไม่มีวันเบื่อหน่ายคลายจาง ทั้งนี้น่าจะเริ่มในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีหลังหลุดพ้นจากอิทธิพลของขอมแล้ว นิยมสร้างพระเครื่องพระพิมพ์บรรจุกรุตามเจดีย์และศาสนสถานต่าง ๆ โดยการนำขององค์พระมหากษัตริย์และคณาจารย์ต่างๆ นับเป็นต้นฉบับสืบเนื่องกันต่อมาทุกยุคสมัย เช่น สมัยอยุธยาตอนต้นที่เราเรียกกันว่าสมัยอู่ทอง สมัยอยุธยากลาง สมัยอยุธยาปลาย จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ยุคปัจจุบัน พระเครื่องนับว่ามีบทบาทเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยจนแทบจะกำหนดได้ทุกครัวเรือนที่เป็นชาวพุทธ ยามสงบก็ใช้พระเครื่องเป็นสิ่งคุ้มกันในการผจญภัยต่าง ๆ ใช้เป็นสื่อในการทำมาค้าขาย ในยามสงครามใช้สำหรับปกป้องคุ้มครองประเทศชาติ เพราะเป็นการรบแบบประชิดตัวในดงหอกดงดาบ ใครดีใครอยู่ ใครไม่ดีก็ตายไป ทำให้เกิดกำลังใจอันห้าวหาญ เป็นพละปัจจัยในการสู้รบ พระเครื่องจึงอาจมีบทบาทในการทำสงครามกู้ชาติขับไล่อริราชศัตรู

    ศิลปการใช้พระเครื่องในสมัยโบราณนิยมอมไว้ในปาก จนมีคำพังเพยว่า "ถึงอมพระมาพูดก็ไม่อยากเชื่อ" ใช้ผูกแขนด้วยผ้าประเจียด ใช้คล้องสะพายแบบสังวาลย์ หรือคล้องคอ ใช้บรรจุในมงคลคาดศีรษะสำหรับพวกแทงกระบี่ตีกระบอง เคยมีการค้นพบพระวัดตะไกรพิมพ์หนึ่ง นิยมซ่อนอยู่ในมงคลคาดศีรษะ เลยนิยมเรียกกันว่า พระวัดตะไกรหน้ามงคล เป็นต้น สมัยต่อมาใช้วิธีถักด้วยเชือกหรือลวดเงิน ทอง ทองแดง หรือเลี่ยมเปิดหน้าหลัง หรือบางทีก็เจาะด้านหลังเป็นรูปใบโพ สอบถามได้ความว่าเพื่อจะให้สัมผัสกับธาตุทั้ง ๔ ในกายตัว ที่เจาะเป็นรูปใบโพเรียกว่า "พระเจ้าเปิดโลก" และปรากฏประสบการณ์สูง แต่ในด้านการอนุรักษ์แล้วใช้การไม่ได้ สุนทรีภาพขององค์พระจะสึกกร่อนมาก

    ในสมัยปัจจุบันพระเครื่องที่อยู่ในเกณฑ์นิยม กลายเป็นสินค้าราคาแพงจนน่าใจหาย ยิ่งแพงยิ่งเป็นสิ่งที่นิยมชมชอบ แม้จะไม่มีปัญญาเป็นเจ้าของก็ยังสนับสนุน ประกอบกับพระเครื่องโบราณชักฝืดและหายาก จึงคิดอนุรักษ์สุนทรีภาพขององค์พระด้วยการเลี่ยมตลับอย่างดี หรือบางที่ก็ใช้พลาสติคอย่างหนาเลี่ยมปิดสนิทแบบน้ำไม่เข้าลมไม่ออก แต่การใช้พระไม่ประสบผล คือถ้าเกิดอุบัติเหตุหากไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตทุกรายไป เป็นเพราะปราศจากวิทยาการในการใช้พระเครื่อง ไม่ศึกษาถึงรังสีของพระเครื่อง และเรื่องของธาตุรู้หรือวิญญาณธาตุย่อมต้องเดินในอากาศธาตุ เมื่อไปปิดกั้นพลังคุ้มครองซึ่งเสมือนสนามแม่เหล็กพลังจึงไม่สามารถกระจายออกได้ จึงทำให้ลดคุณภาพจนถึงปราศจากคุณภาพ

    สำหรับเรื่องนี้ได้อธิบายมานานปีแล้ว มีบุคคลเชื่อเป็น ๒ ฝ่าย ส่วนช่างเลี่ยมพระจะไม่แนะนำอะไร เพียงแต่รับเลี่ยมอย่างเดียว หากสั่งให้เจาะก็จะทักท้วงว่าไม่มีใครเขาเจาะกัน ดีไม่ดีเชยแหลก การกล่าวเช่นนี้ผมจัดว่า "เป็นสื่อมัจจุราชสี่มุมเมืองทีเดียว" คือเป็นเหตุให้ผู้จ้างเลี่ยมพระนั้นได้ตายสนิทไม่มีทางแก้ไข ผู้ที่คบคุ้นกับผมจะเชื่อโดยเหตุผลและประสบการณ์ ผมเองก็ได้มีผู้หวังดีมาแนะนำอบรมสั่งสอนเพื่อคลายสโลแกนที่ว่า "เปิดไว้ปลอดภัยกว่า" ซึ่งตัวผมเองก็คิดคำนึงว่ามันเปรียบเสมือนมีดสองคม หากผู้คิดมิชอบนำไปใช้ก็จะเป็นเรื่องน่าหนักใจ เพราะอิทธิคุณที่บรรจุไว้ท่านมักตรงไปตรงมา ยัดใส่ปากปลาก็คุ้มกันมีดได้ แขวนคอสุนัขก็เคยลองกันยิงได้ ท่านคุ้มหมดเว้นแต่ถึงคราวจะสิ้นอายุขัยจริง ๆ

    อันศิลปการใช้พระเครื่องของขลังมีอยู่มากมายหลายประการ สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนที่จะนำพระแขวนคอฝากชีวิตกันต้องศึกษาหาความรู้ว่าพระที่จะนำมาแขวนคอมีอิทธิคุณคุ้มครองทางด้านใด หรือมีผลทางด้านไหนสูง เช่น แคล้วคลาด เมตตามหานิยม อยู่ยงคงกระพัน ฯลฯ การตรวจพระมิใช่ตรวจเพียงวัตถุธาตุหรือรูปธรรม คุณพระหรืออิทธิคุณเป็นนามธรรม สร้างจากจิตจึงจำเป็นต้องตรวจด้วยจิตอย่างปฏิเสธมิได้ การตรวจด้วยแว่นส่องเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเห็นหรือทราบอิทธิคุณได้ แม้จะมั่นใจว่าพระที่ได้มาเป็นของแท้ เพราะได้มาจากวัดหรือรับมาจากมือก็ไม่ควรประมาท จากประสบการณ์อันยาวนานพบว่า พิมพ์ใช่ถูกต้อง แต่พลังไม่มี เพราะเหตุใด? ที่นี่มีคำตอบคือ
    ๑. ฤกษ์ในขณะสร้างพระ พิมพ์พระ ปั๊มพระ ไม่ถูกต้อง ตรงกับฤกษ์ไม่ดีที่เรียกว่าลูกพิษ แม้จะผ่านการปลุกเสกนานเท่าใดก็ปราศจากอิทธิคุณ คือยังมีค่าเท่ากับศูนย์เช่นเดิม
    ๒. สร้างพระไว้เกินจำนวนมิได้ผ่านพิธีปลุกเสก แอบสร้างเกินไว้เพื่อหวังผลทางพาณิชย์
    ๓. เป็นพระเสื่อม หมดพลัง ไม่มีเทพรักษาคุ้มครอง เพราะผู้ใช้นำไปสู่สถานที่อันไม่สมควร
    ๔. เป็นของทำเลียนแบบ ไม่ผ่านการปลุกเสก เรียกว่าเก๊นอก เก๊ใน
    ๕. เป็นของทำเลียนแบบ แต่ผ่านการปลุกเสก สำหรับผู้ที่เชี่ยวชาญทางปรจิตจะทราบได้ว่าพลังต่างจากของแท้ และบางครั้งมีอิทธิคุณสูงไม่แพ้ของเดิม หรือพลังสูงกว่าก็ยังมี แต่ทางรูปเขาบอกว่าเก๊

    ดังนั้นการใช้พระเครื่องจึงเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ละเอียดลึกซึ้ง ไม่ใช่มีแว่นส่องพระจำชื่อพระจำรูปจำแบบจำโค๊ดก็ถือว่าเก่งแล้ว คราวนี้ถ้าเรามีพระดีมีอิทธิคุณและใช้ให้ถูกต้องย่อมได้รับผลสูงสุด การใช้พระเครื่องแต่ไม่ได้เข้าอยู่ในหลักวิชา เพียงนึกคิดเอาเองหรือทำตาม ๆ กันไป เช่นบางคนแขวนพระคี่ คือ ๑, ๓, ๕, ๗, ๙ บางคนถือว่าพระปิดตาเป็นพระที่ขัดลาภ เช่นนี้ก็ควรทดสอบดู คือผู้ใดมีพระปิดทวารวัดหนังสักร้อยองค์ พระปิดตาวัดทองสุวรรณารามอีกร้อยองค์ เป็นพระแท้ทั้งสิ้น รับรองบันไดบ้านไม่แห้งแน่ ก็ลองเอาหลักแสนคูณด้วย ๒๐๐ ดูเถอะ หรือพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี รุ่นปลดหนี้ ก็ไม่รู้ปลดหนี้คนขายหรือคนซื้อ บางท่านก็ยึดถือพระพิมพ์ประจำวันเกิดเป็นหหลัก ทีนี้พระนอกวันเกิด เช่น พระลีลา พระควัมปติ พระปิดทวารทั้งเก้า พระปางมารวิชัย พระตรีกาย พระนารายณ์ทรงปืน จะจัดกันอย่างไร ก็เห็นใช้กันไปตมเขานิยม ตามหลักวิชาที่ทดสอบด้านรังสีแล้ว พระหมวดคงกระพันเข้ากันได้ พระหมวดเมตตาก็เข้ากันได้เป็นสมังคีธรรมไป หากไปจัดแบบเบญจภาคีเข้า รังสีพระจะขัดกัน ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต เพราะพระแต่ละชนิดประกอบด้วยพลังต่างกัน ถ้าอยู่ในองค์เดียวกันย่อมไม่มีการขัดแย้ง เปรียบเสมือนเรามีทีวีเครื่องหนึ่ง จะเปิดช่อง ๓, ๕, ๗, ๙ จะไม่มีช่องอื่นมาแทรกและเลือกเปิดได้ทีละช่อง การใช้พระหลายองค์ที่ไม่อยู่ในแนวทางเดียวกัน เปรียบเสมือนมีทีวีหลายเครื่อง เปิดหลายช่องไม่ทราบจะดูช่องไหนดี การที่โบราณกล่าวว่า "พระท่านเกี่ยงกัน" น่าจะเป็นข้อคิด มิใช่คำพูดที่ตลกขบขัน ดังนั้นการใช้พระองค์เดียวที่มีพลังครบทุกด้านจึงให้ผลสูงสุด เพราะผู้ใช้จะมีจิตเป็นหนึ่งเป็นสมาธิ เมื่อประสบเหตุก็มีจิตตั้งมั่นไม่ซัดส่าย หากท่านใดคิดจะศึกษาศิลปการใช้พระเครื่องก็ควรใช้หลักโหราศาสตร์ เป็นเครื่องประกอบ เพราะหลักโหราศาสตร์มีความสัมพันธ์อันแนบแน่น ตั้งแต่การสร้าง การเสก การประกอบพิธีปลุกเสก ฯ

    ก่อนอื่นทำความรู้จักกับ พระประจำวัน สีประจำวัน สีที่ควรเว้น
    ๑. วันอาทิตย์ พระปางถวายเนตร สีบริวารสีแดง สีที่ควรเว้นคือสีฟ้า
    ๒. วันจันทร์ พระปางห้ามญาติ สีบริวารสีเหลือง สีที่ควรเว้นคือสีแดง
    ๓. วันอังคาร พระปางไสยาสน์ สีบริวารสีชมพู สีที่ควรเว้นคือสีเหลือง
    ๔. วันพุธ พระปางอุ้มบาตร สีบริวารสีเขียว สีที่ควรเว้นคือสีชมพู
    ๕. วันพฤหัส พระปางสมาธิ สีบริวารสีน้ำตาลหรือสีส้ม สีที่ควรเว้นคือสีดำ
    ๖. วันศุกร์ พระปางรำพึง สีบริวารสีฟ้า สีที่ควรเว้นคือสีน้ำเงินและสีม่วง
    ๗. วันเสาร์ พระปางนาคปรก สีบริวารสีดำหรือสีเทา สีที่ควรเว้นคือสีเขียว
    ๘. วันราหู (วันพุธกลางคืน) พระปางปาลิไลยก์ สีบริวารสีน้ำเงินหรือสีม่วง สีที่ควรเว้นคือสีน้ำตาล

    วันคู่มิตรที่ใช้แทนกันได้
    ๑. อาทิตย์เป็นมิตรกับครู พระปางถวายเนตรกับพระปางสมาธิ
    ๒. จันทร์โฉมตรูพุธนงเยาว์ พระปางห้ามญาติกับพระปางอุ้มบาตร
    ๓. ศุกร์ปากหวานอังคารรับเอา พระปางรำพึงกับพระปางไสยาสน์
    ๔. ราหูกับเสาร์เป็นมิตรแก่กัน พระปางนาคปรกกับพระปางปาลิไลยก์

    หากไม่พิจารณาให้ดีแล้วจะเห็นว่าเป็นไปได้ยาก คณาจารย์ใดจะจัดสร้างพระสีพิสดารอะไรเช่นนั้น การที่ลงไว้ก็เพื่อให้ครบสูตร สิ่งที่ว่านั้นมีอยุ่หรือหาทดแทนกันได้ และพระพิมพ์ที่สร้างจากพระราชวังหน้าก็มีครบแทบทุกปางทุกสี ต้องศึกษาค้นคว้าด้วยความละเอียดอ่อน อย่ามองข้ามพระสี อย่าดูถูกว่าพระลิเก พระนอกระบบ ปราชญ์โบราณท่านฉลาดรอบรู้ ท่านบรรจงสร้างด้วยจิตวิญญาณ แต่ลูกหลานไม่สนใจ มองข้ามด้วยสายตาที่ดูแคลน ถ้าเห็นใครแขวนพระสีก็ว่าเชย ไม่มีคุณค่า ไร้ราคา ฯลฯ
     
  19. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ศิลปการใช้พระเครื่อง
    โดย อ.ประถม อาจสาคร
    สงวนลิขสิทธิ์
    (ต่อ)

    สีแห่งธาตุวิเศษ ๕ ประการ

    ธาตุวิเศษ ๕ ประการของนักปราชญ์จีนในสมัยโบราณ กำหนดไว้ ๕ ธาตุด้วยกันคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ทอง จัดเป็นอาถรรพ์และมงคลสูงสุด และนับถือสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
    ๑. ธาตุดิน สีเหลือง ตรงกับความหมายของคำว่า "ซิ่ว" อายุวัฒนะยืนยาว
    ๒. ธาตุน้ำ สีดำ ตรงกำความหมายว่า "ซิ่ว" อายุวัฒนะยืนยาว ปกติ ดิน ทราย น้ำ ย่อมเป็นสิ่งคู่กันตามธรรมชาติ ดินมีอายุยาวนาน น้ำก็มีอายุยาวนาน เปรียบอายุของคนดุจเพียงดาวกระพริบแสง
    ๓. ธาตุลม ไม่มีสี จึงใช้ธาตุไม้สีเขียวแทน ตรงกับคำว่า "ลก" บริวาร
    ๔. ธาตุไฟ สีแดงหรือสีแสด ตรงกับความหมายของคำว่า "ฮก" บารมีเกริกไกร ดาวในจักรวาลดวงใดเล่าจะมีอิทธิพลเท่าดวงอาทิตย์
    ๕. ธาตุทอง สีขาว ตรงกับความหมายของคำว่า "ลก" บริบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ควบคู่กับบริวาร

    รวมคุณวิเศษทั้งหมดเข้าสู่องค์พระ งามดั่งจิตกรรมฝาผนัง ศิลปแห่งมรดกไทย เป็นปริศนาธรรมอันลึกล้ำ สนองภูมิปัญญาของผู้ที่เรียกตนเองว่านักพระเครื่อง ซึ่งจะได้ช่วยอนุรักษ์มรดกไทย ผมถวายพระนามพระชนิดนี้ว่า "พระสมเด็จปัญจสิริ" นับเป็นโบราณวัตถุอันทรงคุณค่ายิ่ง

    เพื่อให้ครบหลักเกณฑ์ทางวิชาการ จำเป็นต้องเข้าใจกับทักษาพิศดารให้เข้าใจก่อน คำว่าทักษาคือ บริวาร อายุ เดช ศรี มูละ อุตสาหะ มนตรี กาลกิณี มีอยู่ด้วยกัน ๘ อย่าง จัดเป็นมูลพยากรณ์ในการใช้พระอย่างพิศดาร หากพิจารณาให้ลึกซึ้งจะเห็นว่าให้ผลดีเลิศกว่าการใช้พระแบบทั่วไป

    บริวาร หมายถึงผู้แวดล้อมคอยรับใช้ ผู้ห้อมล้อมติดตาม ผู้ไกล้ชิดและบริวารทั่วไป สิ่งอยู่รอบตัวเรารวมถึงเสื้อผ้าของใช้ ตรงกับความหมายว่า "ลก"
    อายุ หมายถึงความแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ความยั่งยืน ตรงกับความหมายว่า "ซิ่ว" อายุยืนยาว
    เดช หมายถึงอำนาจ ความงาม ความสุกใส ชื่อเสียงเกียรติยศ ความสง่างาม ตรงกับคำว่า "ฮก" บารมีเกริกไกร
    ศรี หมายถึงความงาม ความดี ความน่ารัก ความเจริญ ความร่ำรวย ความสำเร็จ มงคล ความเป็นใหญ่ อำนาจ ราชศักดิ์
    มูละ หมายถึงทุนทรัพย์ เหตุ ที่ตั้ง มีพื้นฐานมั่นคง สถานที่ประกอบธุรกิจ สถานที่อยู่อาศัย
    อุตสาหะ หมายถึงความพยายาม ความขยัน ความอดทน การประกอบอาชีพการงาน
    มนตรี หมายถึงมีผู้คอยช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำหรือเป็นที่ปรึกษา
    กาลกิณี หมายถึงความชั่วร้าย ความสูญเสีย ความบกพร่อง อุปสรรค โรคร้าย

    สรุปต้องทำความเข้าใจกับตัวเองก่อน ว่าเราคือใคร มีอาชีพความเป็นอยู่อย่างไร ต้องการอะไรให้กับชีวิต แล้วมาพิจารณาว่าสมควรใช้พระแบบไหน สีอะไร ประการแรกให้ตัดสีที่เป็นกาลกิณีออกไป แล้วค่อย ๆ ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองดู ก็จะประสบความสำเร็จขั้นสูงสุดในศาสตร์และศิลป์การใช้พระ

    สำหรับผู้ที่ศึกษาแล้วเกิดความท้อแท้ โบราณท่านกล่าวว่า รู้มากยากนาน รู้น้อยพลอยรำคาญ เรื่องอะไรที่เราไม่คุ้นเคยมันก็ดูยากไปทุกเรื่อง หาพระสีที่ต้องการไม่ได้ พระประจำวันก็หาลำบาก เคยเห็นพระกำลังแผ่นดินไหม ทำไมต้องเป็นปางสมาธิสีน้ำตาล พระองค์ท่านเป็นปราชญ์ทรงรอบรู้สารพัดศาสตร์ ทรงพิจารณาแล้วว่าสีน้ำตาลนี่แหละที่สะดวกเข้าได้ทั้ง ๗ วัน ยกเว้นราหูก็ช่วยตนเองหน่อย เพื่อความสะดวกเป็นตัวอย่างให้พิจารณาดังนี้

    ผู้เกิดวันอาทิตย์ พระปางสมาธิสีน้ำตาลจัดเป็นอุตสาหะ ปางสมาธิสีแดง/ชมพูจัดเป็นเดช(ฮก)
    ปางสมาธิเป็นบริวาร(ลก) ปางสมาธิสีนวล/เหลืองเป็นอายุ(ซิ่ว) พระสมเด็จปัญจสิริ สีแดง ชมพู ขาว เหลือง ฯ เว้นสีฟ้า
    ผู้เกิดวันจันทร์ พระปางสมาธิสีน้ำตาลจัดเป็นมูละ ปางสมาธิสีเขียวเป็นเดช(ฮก)
    ปางสมาธิสีนวล/เหลืองเป็นบริวาร(ลก) ปางสมาธิสีเหลือง/ชมพูเป็นอายุ(ซิ่ว)
    พระสมเด็จปัญจสิริ สีเขียว ขาว เหลือง ชมพู ฯ เว้นสีแดง
    ผู้ที่เกิดวันอังคาร พระปางสมาธิจัดเป็นศรี ปางสมาธิสีแดง/ดำเป็นเดช(ฮก)
    ปางสมาธิสีชมพูเป็นบริวาร(ลก) ปางสมาธิสีเขียวเป็นอายุ(ซิ่ว)
    พระสมเด็จปัญจสิริ สีแดง ดำ นวล ชมพู เขียว ฯ เว้นสีเหลือง
    ผู้ที่เกิดวันพุธ พระปางสมาะสีน้ำตาลเป็นเดช(ฮก) ปางสมาธิสีเขียวเป็นบริวาร(ลก)
    ปางสมาธิสีดำเป็นอายุ(ซิ่ว)
    พระสมเด็จปัญจสิริ สีแดง น้ำตาล ขาว เขียว เหลือง ดำ ฯ เว้นสีชมพู
    ผู้ที่เกิดวันพฤหัส พระปางสมาธิสีฟ้าจัดเป็นเดช(ฮก) ปางสมาธิสีน้ำตาลเป็นบริวาร(ลก)
    ปางสมาธิสีน้ำเงินเป็นอายุ(ซิ่ว)
    พระสมเด็จปัญจสิริ สีแดง ฟ้า ขาว น้ำตาล เหลือง น้ำเงินเข้ม ฯ เว้นสีดำ
    ผู่ที่เกิดวันศุกร์ พระปางสมาธิสีน้ำตาลเป็นมนตรี ปางสมาธิสีเหลืองเป็นเดช(ฮก)
    ปางสมาธิสีฟ้าเป็นบริวาร(ลก) ปางสมาธิสีแดงเป็นอายุ(ซิ่ว)
    พระสมเด็จปัญจสิริ สีแดง เหลือง ขาว ฟ้า ฯ เว้นสีน้ำเงินเข้ม/ม่วง
    ผู้ที่เกิดวันเสาร์ พระปางสมาธิสีน้ำตาลเป็นอายุ(ซิ่ว) ปางสมาธิสีน้ำเงินเป็นเดช(ฮก)
    ปางสมาธิสีดำเป็นบริวาร(ลก)
    พระสมเด็จปัญจสิริ สีแดง น้ำเงินเข้ม ขาว ดำ เหลือง น้ำตาล ฯ เว้นสีเขียว
    ผู้เกิดวันราหู (วันพุธกลางคืน) พระปางปาลิไลยก์ ปางอุ้มบาตร หรือปางนาคปรก สีแดงเป็นเดช(ฮก)
    สีน้ำเงินเป็นบริวาร(ลก) สีฟ้าเป็นอายุ(ซิ่ว) เว้นสีน้ำตาล
     
  20. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405

แชร์หน้านี้

Loading...