ปฏิบัติธรรม ศีลต้องบริสุทธิ์หรือไม่

เรื่องของผลไม่จำเป็นต้องจำ แต่เรื่องของปริยัติจำเป็นต้องจำ ไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้ไขว้เขวในหมู่ชนได้ อย่าประมาทแม้เพียงน้อยนิด เพราะความประมาทไม่ใช่การกระทำของพระอริยะเจ้า

 

ปฏิบัติธรรม ศีลต้องบริสุทธิ์หรือไม่ ตอบกระทู้

อนุโมทนา

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ขันธ์
คุณ เราไม่ต่างกัน เวลาผมพูดอะไร ผมไม่เคยแก้ไข และกลับคำ ไม่จำเป็นต้องลืมหรือจำอะไร
</TD></TR></TBODY></TABLE>

คำพูดของคนมีสัจจะ

 

คงจะเป็นจำนวนศีลของพระที่มี 227 ไม่ใช่ 225
แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญของเนื้อธรรม
จะใส่ใจทำไมกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

 

ที่มา ศีล (ของพระธรรมปิฎก) จาก “เล่าเรื่องให้โยมฟัง” ชุดที่ ๑ ของพระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต)

 

งั้นรึ อืมผมจะจำคำท่านไว้อย่าดี ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง หึ

 

คุณ เราไม่ต่างกัน คุณรู้จักคำว่า ประเด็นไหม

ประเด็น ที่ผมอธิบาย คุณจับมันถูกไหม ทีนี้ การที่จะพิมพ์ผิดพิมพ์พลาด คุณควรต้องพิจารณาสิว่า โดยทั่วไปแล้ว คนเขารู้ไหมว่า ศีลของพระมีกี่ข้อ เขาก็ทราบกันดี ดังนั้นแม้ว่าจะพิมพ์ผิด หรือ พิมพ์ถูก สาระสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนั้น

แต่การที่คุณ จ้อง แต่ประเด็นนี้ แสดงให้เห็นว่า ทัสนะของคุณแคบ และคุณไม่เลือกเอาสิ่งที่มีประโยชน์ แต่กลับเลือกเอา คำว่า 225 และ 227 มาเป็นจุดบอด ในการจับผิด

ผมถามหน่อยว่า ตั้งแต่คุณเล่น อินเตอร์เน็ตมา คุณไม่พิมพ์ผิดหรือ
หรือว่า คุณจะ เอาถูกทุกอย่าง คุณรู้จักอ่านเอาความเข้าใจหรือไม่

 

ทีนี้ การหยิบ พระธรรมปิฎกมา ให้อ่าน คุณกลับมากล่าวว่า " ถึงว่าสิ "

ผมอยากจะรู้ว่า ไอ้คำว่า ถึงว่าสิ ของคุณมันมีนัยยะว่าอย่างไร คุณขยายความมาเลย

ความจริง ความหมายเหล่านี้ ทุกๆท่านที่ศึกษาธรรม ก็ทราบดี แม้ไม่ใช่เป็นข้อความของท่าน ปยุตโต ก็ต้องเป็นไปตามนี้ เพราะนั่นคือความจริง

ทีนี้ การที่ยก ท่าน ปอปยุตโตมา คุณจะไปสนใจทำไม ทำไมคุณไม่อ่านหละว่า เนื้อหาเป็นอย่างไร จริงหรือไม่

ผมว่า คุณควรหัดเลือกคัดสรรค์ ข้อมูลนะ ว่าสิ่งใดมีประโยชน์ ไม่ใช่เอาความรู้สึกมาตัดสิน

 

ooooo ?

 

กำลังใจในการปฏิบัติธรรมให้ได้ผลนั้นไล่จากกำลังน้อยที่สุดคือรักษาศีล 5
กำลังใจมากขึ้นไปเพื่อได้ผลสูงขึ้นอีกคือรักษาอารมณ์สมาธิให้จิตพ้นจากนิวรณ์ชั่วคราว
กำลังใจมากที่สุดเพื่อผลสูงสุดคือรักษาอารมณ์วิปัสสนาญาณ ตัดกิเลสออกจากจิตไปเรื่อยๆจนหมด

กำลังใจในการรักษาศีล จึงเน้นคุมของหยาบ คือการประพฤติชั่วทางกาย วาจา
ถ้ากำลังใจในการคุมของหยาบเรายังรักษาให้ทรงตัวไม่ได้

จิตก็จะไม่มีกำลังพอที่จะปฏิบัติเพื่อคุมของละเอียดกว่า คือทำสมาธิ
หรือวิปัสสนาให้ได้มรรคผลได้

การรักษาศีลให้บริสุทธิ์จึงจำเป็น อุปมาเช่นเดียวกับการออกกำลังกายให้แข็งแรงไว้เสมอ
จึงจะมีกำลังไปเล่นกีฬาที่ต้องใช้กำลังสูงกว่า ให้ได้ผลสำเร็จได้

 

<TABLE class=tborder id=post1562258 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>nuttadet<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1562258", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Mar 2007
อายุ: 24
ข้อความ: 790
ได้ให้อนุโมทนา: 5,220
ได้รับอนุโมทนา 10,748 ครั้ง ใน 765 โพส
<IF condition="">
</IF>พลังการให้คะแนน: 415


</TD><TD class=alt1 id=td_post_1562258 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ถ้ายังรักษาศีลได้ไม่ตลอดเวลา ก็เอาแค่ระยะเวลาที่เราปฏิบัติก่อนก็ได้จ้า

หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ขยับขยาย ทำแล้วไม่ฝืนตัวเอง ทำแล้วสบายใจ

จะทำได้นาน ไม่ต้องฝีนตัวเองมากจ้า
<!-- / message --><!-- sig -->__________________
แจก cd สอนสมาธิเบื้องต้น ไปจนถึง มโนมยิทธิ และกสิณ ตามแนวทางหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านใดสนใจ pm มาครับ จัดส่งฟรีถึงบ้าน
<!-- / sig --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --> <!-- / controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>
ดิฉันสนใจอยากศึกษาวิธีการทำสมาธิที่ถูกต้อง เพื่อเข้าถึงการหลุดพ้นที่แท้จริง คือนิพพาน ดิฉันจะสมมารถติดต่อได้ที่ไหนค่ะ ดิฉันสงสัยไม่ทราบว่า pm หรืออะไรหรอค่ะ เพราะดิฉันไม่ค่อยเข้าใจศัพท์ทางวิชาการเท่าไหร่
ดิฉันทำสมาธิกี่ครั้ง ต่อ กี่ครั้งก็ไม่สามารถเข้าถึงความสงบที่แท้จริง หลับตานั่งสมาธีก็เกิดอาการกลัวผี หรือสิ่งที่มองไม่เห็น เลยทำให้จิตไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จะทำอะไรก็กลัวเสียหมด กลายเป็นคนคิดมาก คิดอะไรไม่รู้ไร้สาระ คิดถึงอนาคต การศึกษาเรียนต่อ สุขภาพ แอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง จนเกิดอาการนอนไม่กลับในเวลากลางคืน และจะนอนหลับในเวลากลางวัน ดิฉันเป็นทุกข์กับเรื่องนี้มาก ดิฉันอยากจะพ้นทุกข์ ดิฉันควรจะทำยังไงดีกลับชีวิตค่ะ

 

ทุกอย่างอยู่ที่จิตนั้น ศีลไม่ครบท่านก็ทำให้ครบได้เช่นกัน ค่อยๆฝึกไป กิเลสทำให้เบาบางลงไม่ใช่การตัดโดยทันทีเหมือนยางลบลบดินสอ ทุกสิ่งที่อย่างอยู่ที่ความเพียรครับ...

อนุโมทนา

 

ขอยืนยันว่า การปฏิบัติธรรมให้ก้าวหน้าต้องมี ศีล5 บริสุทธิ์เป็นอันดับแรกครับ
ถ้าศีล5 ไม่บริสุทธิ์ มันก็เหมือนอ่านหนังสือแล้วเข้าใจรู้หมดแต่สัมผัสไม่ได้โดยเฉพาะ
คำว่านิพพาน เหมือนคนรู้ทางไปแต่ไปไม่ถูกเพราะใจเรายังหยาบอยู่ ต้องฝึกให้ใจละเอียดขอยกคำที่หลวงพ่อได้เคยสอนไว้ดังนี้ครับ
หลักสำคัญในการทรงอารมณ์ดีขั้นต้นของผู้ปฏิบัติธรรม
1. เลิกสนใจกับความดีความชั่วของคนอื่น สนใจแต่อารมณ์ของตนเองให้ทรงอยู่ในความดีโดยเฉพาะ
2. ทรงศึล 5 บริสุทธิ์ตลอดกาล
3. ระงับนิวรณ์ 5 คือ
3.1 กามฉันทะ(ความยินดี พอใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส)
3.2 พยาปาทะ (ความโกรธ)
3.3 ถีนมิทธะ (ความท้อถอย ง่วง เหงา หาว นอน)
3.4 อุทธัจจะ กกุกุจจะ(ความฟุ้งซ่าน รำคาญใจ )
3.5 วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย ความไม่แน่ใจ )
4. พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ให้ครบถ้วนตลอดเวลา
ที่มีลมหายใจอยู่ และให้ทรงได้เป็นปกติด้วย ต่อจากนั้นให้ไปจับนิมิตด้วยกสิณ
อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ เพ่งไฟ เพ่งสีขาว เพ่งแสงส่วาง (ดีที่สุด)ไม่เกิน7 วันก็
จะทรงนิมิตเป็นฌานได้อย่างสบาย และใช้นิมิตเป็นสื่อ นรก สวรรค์ และพรหม
โลกและเมื่อใดที่ทรงวิปัสสนาญาณ ได้ อารมณ์ถึง โคตรภูญาน(อยู่ระหว่างโลกี
ยะกับโลกุตระ)เป็นอย่างน้อย ก็จะพิสูจน์ได้ว่านิพพานมีจริงหรือไม่ ถ้าจะให้ดี
อีกสักนิด ชัดอีกสักหน่อยก็พยายามละ โลกธรรม 8 ประการเสียเลยเรื่อง ได้ลาภ
เสื่อมลาภ ได้ยศเสื่อมยศ สุข ทุกข์ สรรเสริญ นินทา จงปล่อยไป ไม่สนใจเอา
มาเป็นอารมณ์ ฯลฯ

 

ยังไง ก็เชื่อพระพุทธองค์ ศีล สมาธิ ปัญญา

 

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

"เธอจงทำเบื้องต้นในกุศลธรรมทั้งหลายให้หมดจดก่อน

อะไรเป็นเบื้องต้นแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย คือ

ศีลที่บริสุทธิ์ และความเห็นที่ตรง

เมื่อใด ศีลของเธอจักบริสุทธิ์ดี และความเห็นตรง
เมื่อนั้น เธออาศัยศีล ดำรงอยู่ในศีลแล้ว พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ ประการ...

เมื่อใดเธออาศัยศีล ดำรงอยู่ในศีลแล้ว แล้วเจริญสติปัฏฐาน ๔ ประการอย่างนี้
เมื่อนั้น เธอพึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายตลอดคืนหรือวันจักมาถึง ไม่มีความเสื่อมเลย"

อ้างอิงจาก-พระไตรปิฎก (มจร.) เล่มที่ ๑๙ ข้อที่ ๓๘๑ หน้าที่ ๒๓๖.

 

เสื้อสกปรก ต้องซักด้วยน้ำ
ใจคนสกปรก ต้องซักด้วยศีล

เจริญศีล เพื่อขจัดกิเลสอย่างหยาบ คือ การละโลภะ โทสะ โมหะ
เจริญสมาธิ เพื่อขจัดกิเลสอย่างกลาง คือ การละนิวรณ์ห้า
เจริญวิปัสสนา เพื่อขจัดกิเลสอย่างละเอียด คือ การละสังโยชน์สิบ

หรือเจริญวิปัสสนา-กรรมฐานแบบควบคู่กันไปก็ได้
โดยฝึกทั้งในห้องเรียนและในชีวิตประจำวัน

บริสุทธิ์จริงแท้ คือผู้ไม่เกิดในสังสารวัฎแห่งนี้