พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จีนเตือนสมุนไพรมรณะ ขายเกลื่อนเมืองไทย

    http://hilight.kapook.com/view/29753

    [​IMG]



    จีนประกาศเตือนอันตรายยาสมุนไพรชื่อดัง หลังมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน สั่งโรงพยาบาล-คลินิกทั่วประเทศรายงานผลข้างเคียง บริษัทเต้นขายยามา 30 ปี ไม่มีปัญหา ย้ำเป็นยาตัวใหม่ ไม่มีผลข้างเคียง เผยเป็นยาที่ขายเกลื่อนเมืองไทย

    เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม สำนักงานอาหารและยาของจีน ออกประกาศเตือนในเว็บไซต์ ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน หลังได้รับการฉีดยาที่ได้จากการสกัดออกมาจากสมุนไพรที่มีชื่อว่า "ฉื้ออู่เจีย" หรือ "ฉึ้งโหวงเกีย" ซึ่งเป็นโสมไซบีเรีย ผลิตโดยบริษัท แวนดาซาน ฟาร์มาคูติคอล โดยสำนักงานอาหารและยา คัดแยกยาที่เป็นปัญหา 2 กลุ่ม และสั่งให้โรงพยาบาลและคลินิกทั่วประเทศรายงานผลข้างเคียงจากการใช้ยาตัวนี้

    รายงานข่าวเผยว่า มีผู้ป่วยโรคหัวใจ 6 คนมีอาการทรุดหนัก หนาวสั่น และอาเจียน บางคนมีอาการโคม่า หลังจากที่ฉีดยาสมุนไพรชนิดนี้เข้าไป ที่โรงพยาบาลประชาชนหมายเลข 4 ในมณฑลยูนนาน และในจำนวนนี้ 3 รายเสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขส่งทีมไปตรวจสอบทั้งที่มณฑลยูนนาน และเหยหลงเจียง ​

    ด้านเจ้าหน้าที่แผนกการตลาด ของบริษัทแวนดาซานในเมืองฮาร์บิน มณฑลเหยหลงเจียง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทหยุดขายยาที่ใช้สำหรับฉีด และส่งตัวอย่าง 2 กลุ่มไปให้สำนักงานอาหารและยาตรวจสอบแล้ว พร้อมกับยืนยันว่า บริษัทใช้สมุนไพร ฉื้ออู่เจีย หรือโสมไซบีเรีย ซึ่งเป็นสมุนไพรขึ้นชื่อชนิดหนึ่งของจีน ผลิตยากว่า 10 ชนิด ทั้งในรูปแคปซูล ยาฉีด และชาสมุนไพรมานานกว่า 30 ปี ไม่เคยมีปัญหาอะไร และยาตัวนี้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ก็ยังไม่เคยมีรายงานว่ามีผลข้างเคียง ​

    ทั้งนี้ "สมุนไพรฉื้ออู่เจีย" ขึ้นชื่อชนิดหนึ่งที่มีการใช้มานานหลายศตวรรษ มีรสเผ็ด ร้อน มีฤทธิ์สู่ตับ และไต สรรพคุณช่วยขับลมชื้น บำรุงกระดูก และเส้นเอ็น นิยมใช้รักษาโรคลมชื้น ปวดเอว และหัวเข่า รักษาโรคเหน็บชา และโรคบวมน้ำ ฯลฯ สมุนไพรชนิดนี้นิยมใช้ในผู้ที่ต้องใช้กำลังมากในการทำงาน และนักกีฬา ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังสมอง ช่วยทำให้สมาธิดีขึ้น ช่วยให้ทัศนวิสัยทางสายตาดีขึ้น ช่วยปรับระบบการหายใจ

    มีรายงานว่า ในประเทศไทยสมุนไพรชนิดนี้หาซื้อได้ตามร้านขายยาจีนทั่วไป ซึ่งแพทย์จีนนิยมนำมาใช้รวมกับสมุนไพรจีนตัวอื่นๆ สำหรับรักษาอาการปวดหลังปวดเอว รักษาโรคลมเย็นชื้น ปวดชาตามแขนและขา รักษาโรคบวมน้ำมีชื่อเรียกในไทยว่า โหงวเกียพ้วยนิยมใช้ต้มดื่ม หรือทำเป็นยาดองเหล้าและยาลูกกลอน ​




    ขอขอบคุณข้อมูลจาก คมชัดลึก
    [​IMG]
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล​

    ---------------------------------------------------------​

    วิธีเก็บไข่ให้ได้นานๆ

    http://hilight.kapook.com/view/29769

    [​IMG]


    บ้านไหนที่ชอบซื้อไข่มาเก็บไว้ และอยากให้ไข่สดเสมอ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีเก็บไข่ให้ได้นานๆ มาฝากกัน...

    [​IMG] วิธีสังเกตไข่สด คือ ผิวจะมีนวลเคลือบอยู่ เมื่อจับ ผิวจะสากๆ และถ้าลองตอกออกดู ไข่แดงจะนูน ขณะที่ไข่ขาวจะเป็นลิ่มๆ ในทางตรงข้าม หากไข่ไม่สดผิวจะค่อนข้างมัน ลื่น เมื่อตอกออกดู ไข่แดงจะแบนราบ ถ้าใกล้เสีย ไข่แดงจะเละ และจะมารวมกับไข่ขาว​

    เวลาซื้อไข่มาแล้ว ห้ามล้าง เพราะจะทำให้นวลที่เคลือบอยู่ ถูกล้างออกหมด คงไว้ซึ่งเปลือกไข่ที่มีรูพรุน ทำให้เชื้อโรคสามารถซึมผ่านทางรูพรุนนี้ เข้าไปภายในไข่ ทำให้ไข่เสียเร็วขึ้น​

    การเก็บรักษาไข่ควรเก็บในช่องเก็บไข่ในตู้เย็น โดยให้ด้านป้านอยู่ด้านบน เพราะด้านป้านจะมีฟองอากาศอยู่ภายใน พอพลิกขึ้นด้านบน จะทำให้ไข่แดงไม่แตกเร็ว จึงเก็บไข่ได้นานขึ้น

    รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากมีไข่ไว้ทานนานๆ ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้





    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2008
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    บ้านเมืองรอดได้ เพราะการให้ โดย ดร.สุเมธ

    http://hilight.kapook.com/view/29761

    [​IMG]

    บ้านเมืองเรามีความขัดแย้งกันรุนแรงในวันนี้ ทำให้หวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อราวปี พ.ศ. 2517-2524

    ครั้งนั้นประเทศไทยประสบปัญหาเกิดความแตกแยกอย่างรุนแรงขึ้นในชาติ คนไทยรบราฆ่าฟันกันเอง ด้วยเหตุผลจากความแตกต่างทางความคิด ทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ฝ่ายที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงของประเทศ ก็พยายามใช้ทุกวิถีทางที่จะยุติความรุนแรงลงให้ได้ จนในที่สุดความสงบก็กลับคืนมา เหตุการณ์สงบลงได้โดยที่ไม่ได้เกิดจากการใช้อาวุธเข้ารบราฆ่าฟันกันเลย พระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสถามพวกเราคณะทำงานว่า ทราบไหมว่า เหตุการณ์ความรุนแรงสงบลงได้อย่างไร พวกเราก็ตอบว่าไม่ทราบ พระองค์จึงทรงเฉลยว่าบ้านเมืองรอดมาได้ เพราะคนไทยยัง "ให้" กันอยู่ ซึ่งผมยังจดจำมาจนถึงทุกวันนี้

    การ "ให้" ในที่นี้คือ การให้อย่างถูกต้อง ให้ในสิ่งที่เขาขาด เราเชื่อว่าทุกคนมีส่วนเกินทั้งนั้น และส่วนเกินนั้นเราสามารถให้แก่ผู้ที่ยังขาดอยู่ ไม่ใช่ให้แต่เงินทองแล้วปล่อยให้เขาไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เราต้องให้ปัญญา การให้นั้นเริ่มง่ายๆ ที่ตัวเราก่อนคือ การให้ตัวเองได้ทำความดี

    เคล็ดลับง่ายๆ คือ ให้ถามตัวเองทุกวันในตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมาว่า เมื่อวานเราได้ทำความดีอะไรบ้าง ถ้าตอบไม่ได้ก็จงรีบทำความดี เพื่อวันพรุ่งนี้จะได้ตอบได้ว่าทำความดีอะไรบ้าง ขอให้ทำอย่างนี้ทุกวัน เราก็จะได้เตือนตนอยู่ตลอดเวลาว่า ต้องทำความดีอย่างสม่ำเสมอ ส่วนการให้แก่ผู้อื่นก็จงอย่าหวังสิ่งตอบแทน ความสุขใจจะเกิดขึ้นได้ ก็เมื่อเราได้ให้สิ่งดีๆ กับผู้อื่น ไม่มีอะไรจะให้ก็ยิ้มให้ก็ได้ เท่านี้ก็ถือว่าเราได้ให้แล้ว

    ส่วนการให้ที่ถือว่าทำยากมากต้องอาศัยความกล้าหาญมากก็คือ การให้อภัยแก่ทั้งตนเองและผู้อื่น เพราะการให้อภัยนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่จะให้เราใช้ความอดทน สร้างความกล้าหาญที่จะทำดี เอาชนะกิเลสตัวเองเพื่อสร้างมิตร หยุดทะเลาะกัน หันมารักษาบ้าน หลายๆ บ้านรวมกันก็เป็นชาติของเรา เรามีบ้านที่สงบสุขอุดมสมบูรณ์ เคยเกือบจะเสียไปแล้ว จะยอมให้บ้านเมืองเราเสียไปอีกหรือ

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรากตรำพระวรกาย ทรงงานหนักมากว่า 60 ปี ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเริ่มทำความดีเพื่อพ่อ ทำดีเพื่อให้เกิดประโยชน์แล้วประโยชน์นั้นจะกลับมาตอบแทนเรา ถ้าหากเราทุกคนช่วยกันพยุงบ้านเมืองเอาไว้ ตั้งจิตอยู่ในความดี ทำแต่ความดี รักและให้อภัยกัน นี่จะเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะถวายแด่ในหลวงผู้เป็นที่รักของเรา


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด
    ภาพประกอบโดย glitter.kapook
     
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    คิก..คิก..ไม่..ไม่ทราบครับ ไม่มีเจตนา แล้วแต่วาสนาครับ งวดที่ออก 377 ซ้ำรอบที่ 2 วันนั้นมากราบนมัสการที่ศาลเทพารักษ์ทีนี่ เป็นวันที่ฝนตกหนักมากครับ พอฝนหยุดตกก็จะรีบไปทำธุระอีกที่ น้องที่เฝ้าศาลมาส่งที่หน้าประตูศาล และบอกลอยขึ้นมาแบบมั่นใจว่า ให้พี่เล่นเลขท้ายรถ taxi คันนี้ เลขนั้นเป็น 787 งวดนี้เลยได้ลาภมาพอสมควร...ไม่เชื่ออย่าลบหลู่....

    ขอโมทนาบุญทั้งปวงด้วยครับ
     
  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขอโมทนาบุญสร้าง"ไฉไบ๊"ด้วยครับ..ก่อนหน้านี้มีผู้ร่วมบุญมาบางส่วนเป็นทุนเริ่มต้นก่อนแล้วดังนี้

    -คุณ:::เพชร::: 1,000 บาท
    -คุณจาตุรงค์ 2,000 บาท
    -คุณเล็ก 500 บาท
    -คุณจิ๋ม Asia Phone 500 บาท
    -คุณสุพิตรา 1,000 บาท


    1 ) คุณnongnooo 500 บาท

    2 ) คุณake7440 500 บาท
    3 ) คุณhongsanart 1,000 บาท(สร้างบุษบก 1,000 บาท)
    4 ) คุณchannarong_wo 500 บาท
    5 ) คุณgnip (รอแจ้งการโอนเงิน)
    6 ) คุณnewcomer 200 บาท

    ยอดรวมในขณะนี้ 7,700 บาท ขออนุโมทนาด้วยครับ
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 15 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 11 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, พระสุพิน, พรสว่าง_2008+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมนำไปลงในอกาลิโกด้วยนะครับคุณเพชร
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 15 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 11 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, woottipon, พระสุพิน, พรสว่าง_2008+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    คุณเพชร มาเร็วไปเร็วนะเนี่ย
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>ดูแล "หัวใจ" ให้เป็น "อมตะ"
    http://www.komchadluek.net/2008/10/10/x_soc_s001_225280.php?news_id=225280</TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER>[​IMG]</CENTER>


    ภัยเงียบที่ไต่ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 รองจากโรคมะเร็ง คงหนีไม่พ้น "โรคหัวใจ" อย่างแน่นอน
    ตอนนี้โรคหัวใจคร่าชีวิตผู้ป่วยไปมากถึง 5 คนต่อชั่วโมงเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ ศูนย์หัวใจ รพ.วิภาวดี จึงจัดงาน "สัปดาห์รักษ์หัวใจ" ร่วมสืบสานนโยบายองค์กรอนามัยโลกกับหัวข้อ Know Your Risk คุณรู้ความเสี่ยงโรคหัวใจของคุณเองหรือไม่?? รณรงค์ให้ทุกคนตระหนักถึงภัยร้าย รวมถึงการป้องกัน และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ก่อนที่ภัยเหล่านี้จะมาถึงตัว
    นพ.กิตติ ตระกูลรัตนาวงศ์ แพทย์ประจำศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลวิภาวดี กล่าวว่า โรคหัวใจมีสาเหตุการเกิดทั้งจากปัจจัยทางพันธุกรรม และปัจจัยภายนอกร่างกาย เช่น การดำเนินชีวิต การบริโภคอาหาร การสูบบุหรี่ ซึ่งปัจจุบันพบผู้ป่วยชนิด โรคหลอดเลือดหัวใจมากเป็นอันดับ 1 สาเหตุมาจากหลอดเลือดแดงแข็งตัว เพราะมีไขมันหรือคอเลสเตอรอลมาเกาะติด เกิดเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด นำมาซึ่งสองอาการ คือ เจ็บ และ จุก แน่นบริเวณหน้าอก อึดอัดเหมือนถูกช้างเหยียบ ปวดร้าวไปที่หัวไหล่ บางรายเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหันต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงให้เร็วที่สุด เนื่องจาก "เวลา" เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    ด้าน น.อ.นพ.วรงค์ ลาภานันต์ ให้เกียรติมาสาธิตขั้นตอนการช่วยชีวิตผู้ป่วยเบื้องต้น ป้องกันการสูญเสียผู้ป่วยไปอย่างฉับพลัน น.อ.นพ.วรงค์ เล่าว่า อันดับแรกเวลาเห็นคนเจ็บหน้าอกแล้วล้มลงไป ต้องตั้งสติตัวเองเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะลงมือช่วยเหลือผู้ป่วย "ขั้นแรกให้เข้าไปเขย่าตัว หรือเรียกดังๆ ดูว่ามีการตอบสนองหรือไม่ ถ้าไม่มีค่อยเริ่มช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน โดยเปิดทางเดินหายใจ เงยหน้าผู้ป่วย มือด้านไกลกดหน้าผาก อีกมือหนึ่งใช้สองนิ้วเชยที่กระดูกคาง ตรวจการหายใจ ตาดู หูฟัง แก้มรับสัมผัส 5-10 วินาที ถ้าไม่หายใจ ช่วยการหายใจ (เม้าท์ทูเม้าท์) และปั๊มหน้าอก วางมือกึ่งกลางราวนม สันมืออยู่บนกระดูกหน้าอก แล้วกดด้วยสันมือ ตั้งฉาก แขนตรง ไม่งอศอก (จำไว้ว่าต้องกดไม่ใช่กระแทก) ตามสูตรคือ เป่าปาก 2 ครั้ง กดหน้า 30 ครั้ง ถ้ามีการเคลื่อนไหว หรือถ้าหายใจและมีชีพจร ให้จัดผู้ป่วยนอนในท่าพักฟื้น พาผู้ป่วยถึงมือแพทย์ให้เร็วที่สุด" น.อ.นพ.วรงค์แนะนำ แต่ทั้งนี้วิธีการห่างไกลโรคหัวใจที่ดีที่สุด นพ.กิตติ กล่าวว่าควรเริ่มจากการป้องกัน โดยเริ่มจากดูแลตนเอง ตรวจสุขภาพเพื่อคัดกรองความเสี่ยงทุกปี ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ที่จะทำลายสุขภาพ เช่น การเลือกรับประทานอาหาร ไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงจนเกินไป ควบคุมน้ำหนักให้พอดี และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ...เท่านี้ก็จะได้ "สวยอมตะ" ทั้ง "ตัว" และ "หัวใจ" แล้ว

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. ทองอ้วน

    ทองอ้วน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +135
    ผมขอโอนเงินทำบุญสร้าง"ไฉไบ๊"ด้วยครับ IMG_8560_resize.JPG
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เผย
     
  10. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    ร่วมบุญไฉไบ๊ด้วย 500 บาทนะคะ
    ฝากช่วยกระทู้นี้ด้วยค่ะ

    http://palungjit.org/showthread.php?t=151897

    เคยไปกราบท่านมาครั้งหนึ่ง เห็นแล้วร้องไห้เลยค่ะ พระพุทธรูปศักที่ดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอยู่ในสถานที่อัตคัต ไม่สมพระเกียรติเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2008
  11. kwok

    kwok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +4,239
    ร่วมบุญไฉไบ๊ด้วย 500 บาทครับ
    โอนแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2008
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    Wall Street Crash of 1929

    From Wikipedia, the free encyclopedia


    Jump to: navigation, search
    <!-- start content -->"Black Tuesday" redirects here. For other uses, see Black Tuesday (disambiguation).
    "Great Wall Street Crash" redirects here. For the book by John Kenneth Galbraith, see The Great Crash, 1929.
    [​IMG] [​IMG]
    Crowd gathering on Wall Street.


    The Wall Street Crash of 1929,<SUP class=reference id=cite_ref-timesonline1_0-0>[1]</SUP><SUP class=reference id=cite_ref-1>[2]</SUP> also known as the ’29 Crash,<SUP class=reference id=cite_ref-2>[3]</SUP> the Crash of 1929,<SUP class=reference id=cite_ref-3>[4]</SUP> the Great Crash of 1929,<SUP class=reference id=cite_ref-4>[5]</SUP> the Great Crash of October 1929,<SUP class=reference id=cite_ref-5>[6]</SUP> the Great Wall Street Crash of 1929,<SUP class=reference id=cite_ref-6>[7]</SUP> 1929 Great Crash,<SUP class=reference id=cite_ref-7>[8]</SUP> or the Great Crash, was the most devastating stock market crash in the history of the United States, taking into consideration the full extent and longevity of its fallout.<SUP class=reference id=cite_ref-8>[9]</SUP>
    Three phrases—Black Thursday, Black Monday, and Black Tuesday—are used to describe this collapse of stock values. All three are appropriate, for the crash was not a one-day affair. The initial crash occurred on Black Thursday (October 24, 1929), but it was the catastrophic downturn of Black Monday and Tuesday (October 28 and 29, 1929) that precipitated widespread panic and the onset of unprecedented and long-lasting consequences for the United States. The collapse continued for a month.
    Economists and historians disagree as to what role the crash played in subsequent economic, social, and political events. The Economist writes, "Briefly, the Depression did not start with the stockmarket[sic] crash".<SUP class=reference id=cite_ref-9>[10]</SUP> In 1929, the Economist wrote, "Can a very serious Stock Exchange collapse produce a serious setback to industry when industrial production is for the most part in a healthy and balanced condition?"<SUP class=reference id=cite_ref-10>[11]</SUP> The crash in America came near the beginning of the Great Depression, a period of economic decline in the industrialized nations, and led to the institution of landmark financial reforms and new trading regulations.
    At the time of the crash, New York City had grown to be a major metropolis, and its Wall Street district was one of the world's leading financial centers.The New York Stock Exchange (NYSE) was the largest stock market in the world.<SUP class="noprint Template-Fact">[citation needed]</SUP>
    The Roaring Twenties, which was a precursor to the Crash,<SUP class=reference id=cite_ref-11>[12]</SUP> was a time of prosperity and excess in the city, and despite warnings against speculation, many believed that the market could sustain high price levels. Shortly before the crash, Irving Fisher famously proclaimed, "Stock prices have reached what looks like a permanently high plateau."<SUP class=reference id=cite_ref-12>[13]</SUP> The euphoria and financial gains of the great bull market were shattered on Black Thursday, when share prices on the NYSE collapsed. Stock prices fell on that day and they continued to fall, at an unprecedented rate for a full month.<SUP class=reference id=cite_ref-13>[14]</SUP>
    In the days leading up to Black Tuesday, the market was severely unstable. Periods of selling and high volumes of trading were interspersed with brief periods of rising prices and recovery. Economist and author Jude Wanniski later correlated these swings with the prospects for passage of the Smoot-Hawley Tariff Act, which was then being debated in Congress.<SUP class=reference id=cite_ref-wanniski_14-0>[15]</SUP> After the crash, the Dow Jones Industrial Average (DJIA) recovered early in 1930, only to reverse again, reaching a low point of the great bear market in 1932. The Dow did not return to pre-1929 levels until late 1954,<SUP class=reference id=cite_ref-yahoo_15-0>[16]</SUP> and was lower at its July 8, 1932 level than it had been since the 1800s.<SUP class=reference id=cite_ref-LiquidMarkets_16-0>[17]</SUP>
    <TABLE class=cquote style="MARGIN: auto; BORDER-TOP-STYLE: none; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; BORDER-COLLAPSE: collapse; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; FONT-WEIGHT: bold; FONT-SIZE: 60px; PADDING-BOTTOM: 10px; COLOR: #b2b7f2; PADDING-TOP: 10px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman',serif; TEXT-ALIGN: left" vAlign=top width=20>“</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 4px; PADDING-TOP: 4px" vAlign=top>Anyone who bought stocks in mid-1929 and held onto them saw most of his or her adult life pass by before getting back to even.</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; FONT-WEIGHT: bold; FONT-SIZE: 60px; PADDING-BOTTOM: 10px; COLOR: #b2b7f2; PADDING-TOP: 10px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman',serif; TEXT-ALIGN: right" vAlign=bottom width=20>”</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 4%" colSpan=3>
    <CITE style="FONT-STYLE: normal">—Richard M. Salsman<SUP class=reference id=cite_ref-salsman_17-0>[18]</SUP></CITE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=toc id=toc summary=Contents><TBODY><TR><TD>Contents

    [hide]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT type=text/javascript>//<![CDATA[ if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "show"; var tocHideText = "hide"; showTocToggle(); } //]]></SCRIPT>
    [edit] Timeline

    [​IMG] [​IMG]
    The trading floor of the New York Stock Exchange just after the crash of 1929.


    After an amazing five-year run when the world saw the Dow Jones Industrial Average (DJIA) increase in value fivefold, prices peaked at 381.17 on September 3, 1929.<SUP class=reference id=cite_ref-18>[19]</SUP> The market then fell sharply for a month, losing 17% of its value on the initial leg down. Prices then recovered more than half of the losses over the next week, only to turn back down immediately afterwards. The decline then accelerated into the so-called "Black Thursday", October 24, 1929. A record number of 12.9 million shares were traded on that day. At 1 p.m. on Friday, October 25, several leading Wall Street bankers met to find a solution to the panic and chaos on the trading floor. The meeting included Thomas W. Lamont, acting head of Morgan Bank; Albert Wiggin, head of the Chase National Bank; and Charles E. Mitchell, president of the National City Bank. They chose Richard Whitney, vice president of the Exchange, to act on their behalf. With the bankers' financial resources behind him, Whitney placed a bid to purchase a large block of shares in U.S. Steel at a price well above the current market. As amazed traders watched, Whitney then placed similar bids on other "blue chip" stocks. This tactic was similar to a tactic that ended the Panic of 1907, and succeeded in halting the slide that day. In this case, however, the respite was only temporary.
    Over the weekend, the events were covered by the newspapers across the United States. On Monday, October 28, the first "Black Monday",<SUP class=reference id=cite_ref-blogs1_19-0>[20]</SUP> more investors decided to get out of the market, and the slide continued with a record loss in the Dow for the day of 13%. The next day, "Black Tuesday", October 29, 1929, about 16 million shares were traded.<SUP class=reference id=cite_ref-20>[21]</SUP><SUP class=reference id=cite_ref-ref1_21-0>[22]</SUP><SUP class=reference id=cite_ref-22>[23]</SUP> The volume on stocks traded on October 29, 1929 was "...a record that was not broken for nearly 40 years, in 1968."<SUP class=reference id=cite_ref-ref1_21-1>[22]</SUP> Author Richard M. Salsman wrote that on October 29—amid rumors that U.S. President Herbert Hoover would not veto the pending Hawley-Smoot Tariff bill—stock prices crashed even further."<SUP class=reference id=cite_ref-salsman_17-1>[18]</SUP> William C. Durant joined with members of the Rockefeller family and other financial giants to buy large quantities of stocks in order to demonstrate to the public their confidence in the market, but their efforts failed to stop the slide. The DJIA lost another 12% that day. The ticker did not stop running until about 7:45 that evening. The market lost $14 billion in value that day, bringing the loss for the week to $30 billion, ten times more than the annual budget of the federal government, far more than the U.S. had spent in all of World War I.<SUP class=reference id=cite_ref-23>[24]</SUP>
    An interim bottom occurred on November 13, with the Dow closing at 198.6 that day. The market recovered for several months from that point, with the Dow reaching a secondary peak at 294.0 in April 1930. The market embarked on a steady slide in April 1931 that did not end until 1932 when the Dow closed at 41.22 on July 8, concluding a shattering 89% decline from the peak. This was the lowest the stock market had been since the 19th century.<SUP class=reference id=cite_ref-Liquid_Markets_24-0>[25]</SUP>

    [edit] Economic fundamentals

    [​IMG] [​IMG]
    Dow Jones Industrial, 1928-1930


    The crash followed a speculative boom that had taken hold in the late 1920s, which had led hundreds of thousands of Americans to invest heavily in the stock market, a significant number even borrowing money to buy more stock. By August 1929, brokers were routinely lending small investors more than 2/3 of the face value of the stocks they were buying. Over $8.5 billion was out on loan,<SUP class=reference id=cite_ref-25>[26]</SUP> more than the entire amount of currency circulating in the U.S.<SUP class="noprint Template-Fact">[citation needed]</SUP> The rising share prices encouraged more people to invest; people hoped the share prices would rise further. Speculation thus fueled further rises and created an economic bubble. The average P/E (price to earnings) ratio of S&P Composite stocks was 32.6 in September 1929,<SUP class=reference id=cite_ref-26>[27]</SUP> clearly above historical norms. Most economists view this event as the most dramatic in modern economic history. On October 24, 1929 (with the Dow just past its September 3 peak of 381.17), the market finally turned down, and panic selling started. 12,894,650 shares were traded in a single day as people desperately tried to mitigate the situation. This mass sale is often considered a major contributing factor to the Great Depression.<SUP class=reference id=cite_ref-27>[28]</SUP> Some hold that political over-reactions to the crash, such as the passage of the Smoot-Hawley Tariff Act through the U.S. Congress, caused more harm than the crash itself.<SUP class="noprint Template-Fact">[citation needed]</SUP> According to "Thomas K. McCraw, a professor at the Harvard Business School," the Smoot-Hawley Tariff Act "...exacerbated the problem by preventing Europeans from selling enough goods in the United States to earn enough dollars to pay off their debts from World War I.<SUP class=reference id=cite_ref-nytimes1_28-0>[29]</SUP>

    [edit] Official investigation of the Crash

    In 1931, the Pecora Commission was established by the U.S. Senate to study the causes of the crash. The U.S. Congress passed the Glass-Steagall Act in 1933, which mandated a separation between commercial banks, which take deposits and extend loans, and investment banks, which underwrite, issue, and distribute stocks, bonds, and other securities.
    After the experience of the 1929 crash, stock markets around the world instituted measures to temporarily suspend trading in the event of rapid declines, claiming that they would prevent such panic sales. The one-day crash of Black Monday, October 19, 1987, however, was even more severe than the crash of 1929, when the Dow Jones Industrial Average fell a full 22.6%.<SUP class=reference id=cite_ref-blogs1_19-1>[20]</SUP> (The markets quickly recovered, posting the largest one-day increase since 1932 only two days later.)

    [edit] Impact and academic debate

    Together, the 1929 stock market crash and the Great Depression "...was the biggest financial crisis of the" 20th Century. <SUP class=reference id=cite_ref-29>[30]</SUP> "The panic of that October day has come to serve as a symbol of the economic contraction that gripped the world during the next decade."<SUP class=reference id=cite_ref-nytimes1_28-1>[29]</SUP> "The crash of 1929 caused 'fear mixed with a vertiginous disorientation', but 'shock was quickly cauterized with denial, both official and mass-delusional'."<SUP class=reference id=cite_ref-30>[31]</SUP> "The falls in share prices on October 24 and 29, 1929 ... were practically instantaneous in all financial markets, except Japan."<SUP class=reference id=cite_ref-ref2_31-0>[32]</SUP> The Wall Street Crash had a major impact on the U.S. and world economy, and it has been the source of intense academic debate—historical, economic and political—from its aftermath until the present day. "Some people believed that abuses by utility holding companies contributed to the Wall Street Crash of 1929 and the Depression that followed."<SUP class=reference id=cite_ref-timesonline1_0-1>[1]</SUP> "Many people blamed the crash on commercial banks that were too eager to put deposits at risk on the stock market. "<SUP class=reference id=cite_ref-32>[33]</SUP>
    The "1929 crash brought the Roaring Twenties juddering to a halt."<SUP class=reference id=cite_ref-33>[34]</SUP> As "tentatively expressed" by "economic historian Charles Kindleberger", in 1929 there was no "...lender of last resort effectively present", which if it existed and was "properly exercised", would have been "key in shortening the business slowdown that normally follows financial crises."<SUP class=reference id=cite_ref-ref2_31-1>[32]</SUP> The crash marked the beginning of widespread and long-lasting consequences for the United States. The main question is: Did the "'29 Crash spark The Depression",<SUP class=reference id=cite_ref-nytimes2_34-0>[35]</SUP> or did it merely coincide with the bursting of a credit-inspired economic bubble? The decline in stock prices caused bankruptcies and severe macroeconomic difficulties including business closures, firing of workers and other economic repression measures. The resultant rise of mass unemployment and the depression is seen as a direct result of the crash, though it is by no means the sole event that contributed to the depression; it is usually seen as having the greatest impact on the events that followed. Therefore the Wall Street Crash is widely regarded as signaling the downward economic slide that initiated the Great Depression.
    True or not, the consequences were dire for almost everybody. "Most academic experts agree on one aspect of the crash: It wiped out billions of dollars of wealth in one day, and this immediately depressed consumer buying."<SUP class=reference id=cite_ref-nytimes2_34-1>[35]</SUP> The failure set off a worldwide run on US gold deposits (ie, the dollar), and forced the Federal Reserve to raise interest rates into the slump. Some 4,000 lenders were ultimately driven to the wall. Also, the "uptick rule",<SUP class=reference id=cite_ref-35>[36]</SUP> which "...allowed short selling only when the last tick in a stock’s price was positive", "...was implemented after the 1929 market crash to prevent short sellers from driving the price of a stock down in a bear run."<SUP class=reference id=cite_ref-36>[37]</SUP>
    Many academics see the Wall Street Crash of 1929 as part of a historical process that was a part of the new theories of boom and bust. According to economists such as Joseph Schumpeter and Nikolai Kondratieff the crash was merely a historical event in the continuing process known as economic cycles. The impact of the crash was merely to increase the speed at which the cycle proceeded to its next level.
    Milton Friedman's "monumental 'A Monetary History of the United States,' written with Anna Schwartz, makes the now standard interpretation of what made the 'great contraction' so severe. It was not the downturn in the business cycle, trade protectionism or the 1929 stock market crash that plunged the country into deep depression. It was the collapse of the banking system during three waves of panics over the 1930-33 period."<SUP class=reference id=cite_ref-37>[38]</SUP>
    <SUP>หามาจาก วิกิพีเดียมาฝากแต่ไม่แปลนะครับ อันนี้เป็นผลที่เกิดจริงๆแล้วมีปรากฎการณ์ก่อนนั้นและ ผลพัฒนาต่อไปในอีกหลายๆปีครับ.......</SUP>
     
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    มี PM แจ้งการร่วมบุญจากคุณ dragonlord มาที่ผม จำนวน ๑,๐๐๐ บาท

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ dragonlord
    สวัสดีคะคุณเพชร

    ขอร่วมทำบุญด้วยคนคะ
    ไม่รู้ทำไมนะค่ะ มีความรู้สึกว่าที่นี่มีพลังงานที่แรงมากเลย ส่วนตัวเป็นคนที่ไม่เคยสัมผัสกับพลังอะไรได้เลยนะค่ะ แต่สำหรับที่นี่ทำไมถึงมีความรู้สึกได้ชัดเจนมากก็ไม่ทราบค่ะ

    จำนวน 1000 บาท


    บัญชีคุณอภิวัฒน์ ชัฎอนันต์
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาซอยไชยยศ
    บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 040-2-25999-6
    จากเอทีเอ็มธ.กรุงไทย วันที่ 10/10/51 เวลา 19.16 น.


    ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
    กลับไทยไปหนนี้ต้องไปไหว้ที่นี่ซะแล้วค่ะ
    อุ้ม

    </TD></TR></TBODY></TABLE>สวัสดีครับ คุณอุ้ม

    ขอโมทนาบุญถวาย "ไฉไบ๊" และอื่นๆที่เคยได้ร่วมบุญกันมาแต่ต้นโดยเฉพาะการสร้างบุษบกประดิษฐานพระโมคคัลลานะ และเครื่องไทยทานถวายพระองค์ท่าน

    ผมไม่ได้เข้ามาที่เวบนี้ระยะหนึ่งสืบเนื่องจากติดธุระ เมื่อมีงานบุญดีๆ เลยคิดว่า โอกาสแบบนี้เขาบอกบุญสร้างไฉไบ๊เรามาเป็นการเฉพาะเจาะจง สามารถทำได้โดยลำพัง แต่อาจจะมีปัจจัยที่จำกัด และเห็นว่าหากทุกร้อยปีเปลี่ยน ๑ ครั้ง เราก็ควรจะถวายของสูงนี้ด้วยสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าจำนวนปัจจัยย่อมสูงตามคุณภาพไปด้วย และอีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อครั้งที่พระมหาอุปราชวังหน้าทุกๆพระองค์ในทุกยุคทุกสมัย ย่อมมีความใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะที่ผูกพันกับคนไทยในยุคสมัยของราชวงศ์จักรีนี้ ต้องนับให้พระมหาอุปราชวังหน้าองค์แรกนี้คือ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท มีบุญคุณกับประเทศไทย หรือสยามประเทศมาแต่ครั้งก่อนสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ตลอดมาจนการรบในครั้งสงคราม ๙ ทัพ ท่านเป็นผู้วางแผนทำลายทัพพม่าครั้งนั้นจนแตกทัพไป ดังนั้นการถวายไฉไบ๊ยังศาลเทพารักษ์แห่งนี้ด้วยเงินจำนวนเพียง ๓๐,๐๐๐ บาทนี้ ผมก็ยังเห็นว่ายังไม่สมกับบุญคุณที่พระองค์ท่านทุ่มเทเสียสละกำลังความคิด กำลังพระวรกาย อีกทั้งเวลามากมายตลอดพระชนมชีพของพระองค์ท่าน สมควรที่คนไทยโดยเฉพาะคณะศิษย์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรจะมาร่วมกันทำนุบำรุงบางส่วนของศาลเทพารักษ์แห่งนี้ร่วมกัน อย่างน้อยก็เป็นสำนึกของคนไทยที่เป็นศิษย์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรกลุ่มหนึ่ง และของสูงนี้ก็มีวาระของการเปลี่ยน ไม่ใช่ว่าจู่ๆผู้ใดจะไปยกลงมาเปลี่ยนกันบ่อยๆ และง่ายๆ หากครั้งนี้ได้ร่วมบุญไฉไบ๊กันแล้ว อีกร้อยปีข้างหน้าก็จะมีบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่มีวาระต้องกันมาทำนุบำรุงเองตามโอกาส

    ศาลเทพารักษ์แห่งนี้ เล่าไปแล้วมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่มาก แม้ตั้งใจไปก็อาจจะหาไม่พบ ขับรถผ่านไปมา ไม่ทันได้สังเกตก็มี ดังนั้นควรตั้งจิตอธิษฐานด้วยความศรัทธา และเชื่อมโยงกระแสโลกอุดร เมื่อมีโอกาส มีวาระ จะได้ไปกราบนมัสการอย่างแน่นอน เมื่อราว ๒ ปีก่อน ผมได้มาพบที่นี่ด้วยการแนะนำของพี่ท่านหนึ่ง นับดูแล้ววันนั้นเป็นวันพระราชสมภพของพระองค์ท่าน วันที่ ๘ กันยายน และวันนั้นเองที่ผมได้บูชารูปหล่อกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทถวายดาบซึ่งปลายด้ามมีรูปหัวสิงห์ทำด้วยทองอยู่ในฝักไม้คร่ำทองให้ประดิษฐานเป็นราวเทียนหน้าพระประธานอันศักดิ์สิทธิ์ของวัดพระศรีสรรเพชญ หรือวัดสลัก หรือวัดมหาธาตุ และเป็นการจัดสร้างโดยมูลนิธิในนามของพระองค์ท่านภายในวัดมหาธาตุนั่นเอง ก็เป็นเรื่องที่แปลก และน่าจะเป็นวาระของการได้รับวัตถุมงคลนี้

    เอาไว้ให้คุณอุ้มกลับมาเมืองไทย ก็จะได้รับรู้ และสัมผัสกับเรื่องราวนี้เอง และจะได้อัญเชิญพระร่วงหลังรางปืน และพระสมเด็จปัญจสิริที่ค้างอยู่ที่ผมนี้ไปมอบให้ด้วยครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2008
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขออนุญาตคุณหนุ่ม และเพื่อนๆแจ้งยอดการร่วมบุญ"ไฉไบ๊"นี้เป็นระยะๆนะครับ

    ขอโมทนาบุญสร้าง"ไฉไบ๊"ด้วยครับ..ก่อนหน้านี้มีผู้ร่วมบุญมาบางส่วนเป็นทุนเริ่มต้นก่อนแล้วดังนี้

    -คุณ:::เพชร::: 1,000 บาท
    -คุณจาตุรงค์ 2,000 บาท
    -คุณเล็ก 500 บาท
    -คุณจิ๋ม Asia Phone 500 บาท
    -คุณสุพิตรา 1,000 บาท

    1 ) คุณnongnooo 500 บาท
    2 ) คุณake7440 500 บาท
    3 ) คุณhongsanart 1,000 บาท(สร้างบุษบก 1,000 บาท)
    4 ) คุณchannarong_wo 500 บาท
    5 ) คุณgnip (รอแจ้งการโอนเงิน)
    6 ) คุณnewcomer 200 บาท
    7 ) คุณทองอ้วน 500 บาท
    8 ) คุณkaticat 500 บาท
    9 ) คุณkwok 500 บาท
    10) คุณdragonlord 1,000 บาท

    ยอดรวมในขณะนี้ 10,200 บาท ขออนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ผ้าผืนนี้นี้ไงครับ

    [​IMG]
     
  15. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    นำบทความ บทกวีของคุณพุดจากthaipoem.com ที่เห็นว่ามีประโยชน์มาให้อ่านกันเพื่อความเข้าใจในพระราชประวัติของพระองค์ท่านบางส่วน และตรงกับมหกรรมหนังสือที่เริ่มจัดกันอย่างเป็นทางการกันในวันนี้เป็นวันแรก เผื่อจะไปหาซื้อกันมาอ่านนะครับ..

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=558 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD style="WIDTH: 558px; WORD-WRAP: break-word" align=middle height=40>แผ่นดินของเรา!</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 20px" vAlign=top align=right height=30>พุด</TD></TR><TR><TD align=middle><TABLE width=518 border=0><TBODY><TR><TD class=font-th-content style="RIGHT: 0px; LEFT: 0px; WIDTH: 518px; WORD-WRAP: break-word">
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song510.html
    (แผ่นดินของเรา)
    .................


    ตลับเพชร.....
    ตัดสินใจมาที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ..

    และ...
    ที่นี่..ที่..วัดสลักหรือวัดมหาธาตุ
    ในยามตะวันชิงพลบ...



    เธอคนดี
    กำลังนั่งทอดตาเหว่ว้า
    ใต้ลีลาวดีใบเขียวไพลดอกพราวใกล้ๆลานโล่งกว้าง
    และ..
    นัยน์เรียวตาอันแสนอ้างว้าง...
    ราวเพิ่งผ่านพ้นเรื่องรานโศกสะเทือนใจมา..มิช้านาน
    ราวกับมีหยาดเพชรละออคลอซึมค้าง
    ดั่งหยาดน้ำค้างใสพร่างรอร่วงพรู



    เธอ....
    ตัดสินใจ มาที่นี่ มาตามหารอย..*วีรบุรุษในดวงใจ*
    และ..คงเป็นของคนไทยทั้งชาติ..หากมิพลาดอ่าน



    หนังสือนวนิยายแสนดีอิงประวัติศาสตร์
    ชื่อว่า*รัตนโกสินทร์ กำเนิดกรุงเทพ
    โดยคุณปองพล อดิเรกสาร
    ให้จบลง.........



    และ...
    นาทีนี้เธอ..
    อยากแนะนำให้ทุกดวงใจ
    * กระวีกระวาด**นักอยากจะเขียน*ในร่มรัก
    ได้ซื้อหามาอ่านผ่านตา
    เพราะจะมีคุณค่าทางด้านจิตวิญาณบ้านภายใน




    ให้เราทุกดวงใจ
    ได้รำลึกรู้ถึงความยิ่งใหญ่
    ในความเสียสละของบรรพบุรุษไทย...บรรพชนของเรา
    ผู้พลีเลือดทุกหยดรินรดลงหลั่งชะโลมหล้า
    เพื่อปกบ้านป้องเมืองไว้ให้เราลูกหลานไทย


    ได้มีแผ่นดินไท มิใช่ทาส ..
    ได้หยัดยืนอย่างองอาจภาคภูมิในแผ่นดินทองของเรา

    ให้รู้กตเวทิคุณและภูมิใจในสายเลือดนักรบไทย ผู้ทรนงและหาญกล้า
    สอนให้เรารู้ซึ้ง...ถึงค่าคำว่ากตัญญูรู้คุณต่อผืนแผ่นดิน



    และ...
    รู้จักจดจำมิสร้างประวัติศาสตร์ชาติให้ชอกช้ำย้ำรอยเดิม

    ให้รู้จำคำว่าสงครามนั้น..
    หากตราบใดที่กระโจนลงมาในสนามภูมิรบกัน
    ก็จะมีทั้งวันพ่ายแพ้แลชนะ

    ใครพลาดท่าก็จะตกเป็นฝ่ายย่อยยับอัปราชัย..!!

    ให้เกิดความโศกเศร้าสะเทือนใจ..ที่สุดแสนเทวษถวิล..!!!
    อย่างในยามที่เราสิ้นกรุงศรีอยุธยา ..!


    ในคืนที่ฟ้าไทในกรุงศรีอยุธยาแดงโชติช่วงฉายฉาน
    ปานประหนึ่งอาบท่วมไปด้วยเลือด เลือด..และเลือด..!!!!!

    มีเพียงม่านควันไฟลุกโพลงโหมไหม้
    ทำลายบ้านเรือนวัดวาอาราม
    ที่แสนมลังเมลืองอลังการปานทิพยวิมานสวรรค์สรวงมาเยือนหล้า...อย่างย่อยยับ..!!!!!
    เหลือ...เพียงทรากปรักหักพังในชั่วพริบตา.....!!!!


    ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง
    อันโหยหวน เสียงอาวุธ กระทบกัน ทั้ง หอก ดาบ ปีนคาบศิลา

    และ..
    ที่ตามมา...คือ...กลิ่นคาวเลือด...และซากศพนับหมื่นพัน
    ทั้งไทยพม่าที่ฟาดฟันกันอย่างไร้ปรานี..ปล่อยให้ชีวีหลุดลอยปลิดปลิว
    ตายไปในสมรภูมิรบ..ราวใบไม้ร่วง
    ถมซ้อนทับกัน..จนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร..!!!!!



    ไหนจะเสียงร้องระงม...ตามหากันจ้าละหวั่น
    เพื่อให้หนีภยันตรายอันหมายถึงชีวิตให้พ้นผองภัย

    ทั้งเด็กผู้หญิงที่จักถูกเข่นฆ่าอย่างไร้ความปรานี
    อย่างที่มิสามารถจะปกป้องตนเองได้

    ความโหดร้ายเหี้ยมเกรียม ทารุณในสนามรบ .!
    ไฟที่กำลังคุโพลง..!สว่างจ้า ราวกลางวัน

    หากทว่าในดวงใจไททุกดวงราววัน*แห่งอาทิตย์อับแสง..!!! *
    แฝงด้วยความโศกาอาดูรพูนเทวษ

    จนน้ำตาก็ไร้ค่ามิพอที่จะหลั่งรินสังเวย..ทั่วทั้งปฐพี!!!!


    มีเพียงใจดวงหนาวร้าวระกำช้ำลึกอย่างยากที่จะเยียวยา..!!!!

    ราวกับสิ้นทั้งโลกหล้า
    ฟ้า แล ดิน..สิ้นอินทร์พรหม ยมพญา
    พลอยพากันวิปโยคโศกสะเทือน...โหยไห้..ร่ำหา..ครางครวญ
    อวลกลบกลืนไปทั้งผืนฟ้า........อยุธยาธานี

    ที่ ณ..บัดนี้..ร้างไร้...
    คล้ายเหลือเพียงจิตวิญญาณ

    ที่ลอยล่อง อย่าง...เจ็บช้ำ เจ็บแปลบ แสบแสน ในโศกนาฎกรรมนี้

    ที่มิอาจพลี จิตร่างรักษาเมืองไว้ให้ลูกหลานได้.....!!!!!
    ....................
    ..............................



    ตลับเพชร ....
    ราวได้ยินเสียงบทรำพันอันอาดูรสูญสิ้นแล้ว..... จากนิราศนรินทร์

    ที่รำพึงถวิลถึงอดีตอันแสนงามตราตรึง..
    ในคะนึงใน ลอยแว่วแผ่วโหยเศร้า...เคล้าสายหนาวลมหลังฝนมาณ..นาทีนี้
    .............



    ศรีสิทธิ์พิศาลภพ เลอหล้าลบล่มสวรรค์ จรรโลงโลกกว่ากว้าง เผยแผ่นผ้างเมืองเมรุ ศรีอยุธเยนทร์แย้มฟ้า แจกแจงจ้าเจิดจันทร์ เพียงพิพรรณผ่องด้าว ขุนหาญห้าวแหนบาท สระทุกข์ราษฎร์รอนเสี้ยน สายเศิกเหลี้ยนล่งหล้า ราญราบหน้าเภริน เข็ญข่าวยินยอบตัว ควบค้อมหัวไหว้ละล้าว ทุกไทน้าวมาลย์น้อม ขอออกออมมาอ่อน ผ่อนแผ่นดินให้ผาย ขยายแผ่นฟ้าให้แผ้ว เลี้ยงทแกล้วให้กล้า พระยศไท้เทิดฟ้า เฟื่องฟุ้งทศธรรม ท่านแฮ




    อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
    สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บรร เจิดหล้า
    บุญเพรงพระหากสรรค์ ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ
    บังอบายเบิกฟ้า ฝึกฟื้นใจเมือง

    เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น พันแสง
    รินรสพระธรรมแสดง ค่ำเช้า
    เจดีย์ระดะแซง เสียดยอด
    ยลยิ่งแสงแก้วเก้า แก่นหล้าหลากสวรรค์

    โบสถ์ระเบียงมรฑปพื้น ไพหาร
    ธรรมาสน์ศาลาลาน พระแผ้ว
    หอไตรระฆังขาน ภายค่ำ
    ไขประทีปโคมแก้ว ก่ำฟ้าเฟือนจันทร์

    เสร็จสารพระยศซ้อง สรรเสริญ
    ไป่แจ่มใจจำเริญ ร่ำอ้าง
    ตราตรอมตระโมจเหิน หวนสวาท
    อกวะหวิวหวั่นร้าง รีบร้อนการณรงค์

    แถลงปางบำราศห้อง โหยครวญ
    เสนาะเสน่ห์กำศรวล สั่งแก้ว
    โอบองค์ผอูนอวล ออกโอษฐ์ อรเอย
    ยามหนึ่งฤาแคล้วแคล้ว คลาดคล้ายขวบปี

    รอยบุญเราร่วมพร้อง พบกัน
    บาปแบ่งสองทำทัน เท่าสร้าง
    เพรงพรากสัตว์จำฝัน พลัดคู่ เขาฤา
    บุญร่วมบาปจำร้าง นุชร้างเรียมไกล

    จำใจจากแม่เปลื้อง ปลิดอก อรเอย
    เยียวว่าแดเดียวยก แยกได้
    สองซีกแล่งทรวงตก แตกภาค ออกแม่
    ภาคพี่ไปหนึ่งไว้ แนบเนื้อนวลถนอม

    โอ้ศรีเสาวลักษณ์ล้ำ แลโลม โลกเอย
    แม้ว่ามีกิ่งโพยม ยื่นหล้า
    แขวนขวัญนุชชูโฉม แบกเมฆ ไว้แม่
    กีดบ่มีกิ่งฟ้า ฝากน้องนางเดียว

    โฉมควรจักฝากฟ้า ฤาดิน ดีฤา
    เกรงเทพไท้ธรณินทร์ ลอบกล้ำ
    ฝากลมเลื่อนโฉมบิน บนเล่า นะแม่
    ลมจะชายชักช้ำ ชอกเนื้อเรียมสงวน

    ฝากอุมาสมรแม่แล้ ลักษมี เล่านา
    ทรามสวยมภูวจักรี เกลือกใกล้
    เรียมคิดจบจนตรี โลกล่วง แล้วแม่
    โฉมฝากใจแม่ได้ ยิ่งด้วยใครครอง

    บรรจถรณ์หมอนม่านมุ้ง เตียงสมร
    เตียงช่วยเตือนนุชนอน แท่นน้อง
    ฉุกโฉมแม่จักจร จากม่าน มาแฮ
    ม่านอย่าเบิกบังห้อง หับให้คอยหน

    สงสารเป็นห่วงให้ แหนขวัญ แม่ฮา
    ขวัญแม่สมบูรณ์จันทร์ แจ่มหน้า
    เกศีนีนิลพรร โณภาส
    งามเงื่อนหางยูงฟ้า ฝากเจ้าจงดี

    เรียมจากจักเนิ่นน้อง จงเนา นะแม่
    ศรีสวัสดิ์เทอญเยาว์ อย่าอ้อน
    อำนาจสัตย์สองเรา คืนร่วม กันแม่
    การณรงค์ราชการร้อน เร่งแล้วเรียมลา
    ....................................




    ตลับเพชร...ตะลุยอ่านนวนิยายแสนงามนั้น
    ที่มีทั้งหมด638หน้า...ภายในไม่กี่ชั่วคืน

    และ..ทุกนาทีที่สายตาพาสายใจ
    และจิตวิญญาณผ่านเข้าไปราวกับอยู่ในเหตุการณ์นั้น
    ดวงใจ..ก็ไหว ก็หวั่น...ราวขวัญหาย



    ยามได้อ่านพบ...
    บทที่*บุญมา*(กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท)
    หลบหนีภัยออกมากับสามสหาย จากอยุธยา
    ก่อนที่กรุงจะแตก....



    ภาพจากการรจนาบรรยายความไห้โหยที่แสนโศกสะเทือนใจ
    ภาพที่*บุญมา* ผจญภัยสร้างวีรกรรม
    ภาพที่ได้ถวายตัวรับใช้พระเจ้าตาก
    และ....
    ได้เคียงบ่าเคียงไหล่
    กับสมเด็จพระเชษฐาธิราช*นายทองด้วง(สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก)
    ออกสู้รบนับไม่ถ้วน...



    อย่างหาญกล้า
    อย่างยอมพลีสิ้นทั้งจิตวิญญาณ...จนเลือดหยาดสุดท้าย
    และ...
    แม้นในยามบั้นปลาย
    ที่ยังมิยอมพ่าย...สังขาร..ดั่งชายชาติเสือ(พระนามท่านอีกนาม)



    ท่านก็ยัง..ได้เสด็จ..ไปทำสงครามอีก
    ทั้งๆที่ร่างกายเริ่มป่วยด้วยโรคนิ่วที่แสนทรมาน
    จน...กระทั่ง...ทนไม่ไหว..



    และ
    ถึงภาพนี้...
    ที่*ตลับเพชร*ยังตราจำมาในคะนึง
    ด้วยรานร้าวเศร้าใจอย่างใหญ่หลวง..
    *****



    ในเดือนกรกฏาคม
    กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
    ทรงรู้สึกว่าพระอาการดีขึ้นและความเจ็บปวดทุเลาลงบ้างแล้ว


    จึงมีพระราชประสงค์
    ที่จะเสด็จไปนมัสการ...พระประธาน...ที่วัดพระศรีสรรเพชญ
    หรือวัดสลัก...
    ที่พระองค์ได้ถวายคำปฎิญาณต่อพระประธานในอุโบสถ
    เมื่อครั้งที่เสด็จหนีพม่าออกมาจากกรุงศรีอยุธยา...



    พระองค์รู้สึกผูกพันกับวัดนี้มาก...
    และเมื่อทรงรับราชการ...เป็นเจ้าพระยาสุรสีห์ในรัชกาลของพระเจ้าตาก
    ก็ได้ทรงสร้างบ้านอยู่ใกล้กับวัดสลัก
    และ...
    ได้เป็นองค์อุปัฎฐากทำนุบำรุงวัดนี้มาตลอด



    ในวันนั้น....
    จึงทรงสั่งให้เตรียมพระแคร่หาม
    และ...
    เมื่อเสด็จมาถึงหน้าพระอุโบสถของวัดพระศรีสรรเพชญ
    เสด็จลงจากพระแคร่และเสด็จพระดำเนินอย่างช้าช้า
    ขนาบข้างด้วยพระองค์เจ้าชายลำดวนและพระองค์เจ้าชายอินทปัต
    เข้าไปในพระอุโบสถ โดยมีเจ้าอาวาสและพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่คอยรับเสด็จ



    กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท...
    ทรงคุกพระชานุลงบนพื้นพระอุโบสถ และกราบนมัสการพระประธาน

    ทรงรำลึกถึงพระบารมี...ที่ได้หลบหนีพม่าเข้ามา
    กราบพระประธานองค์นี้...เป็นครั้งแรก..เมื่อสามสิบปีที่แล้ว



    เมื่อ ทรงกราบแล้ว
    ก็ทรงประทับพับเพียบพนมหัตถ์สวดนมัสการพระรัตนตรัย
    และ
    ทรงอธิษฐานอยู่ต่อหน้าพระประธานอยู่นานพอควร..




    *ไปเอาดาบของข้ามา *พระมหาอุปราชทรงลืมพระเนตรขึ้น
    แล้วหันมาตรัสกับนายทหารราชวัลลภ


    *ดาบคู่บุญบารมีมาช้านาน...ที่ข้าได้ปกป้องแผ่นดินนี้จากอริราชศัตรู
    ต่อแต่นี้ไป ข้าจะไม่มีวาสนาจะได้ใช้มันอีก
    ข้าจะขอถวายดาบเล่มนี้เป็นพุทธบูชา...
    ให้ประดิษฐานเป็นราวเทียนหน้าพระประธานอันศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าเคารพนับถือองค์นี้*



    นายทหารราชวัลลภคลานเข้ามาในพระอุโบสถ
    อัญเชิญดาบซึ่งปลายด้ามมีรูปหัวสิงห์ทำด้วยทองอยู่ในฝักไม้คร่ำทอง
    มาถวายต่อพระหัตถ์สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท



    กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
    ทรงรับพระแสงดาบมาถือไว้ตามยาวในพระหัตถ์ทั้งสองข้าง
    แล้วกระโหย่งพระองค์ลงบนพระชานุ และประทับลงบนสันพระบาท
    ยกพระหัตถ์พร้อมพระแสงดาบสูงขึ้นจนจรดพระอุระ
    และ
    ตรัสต่อหน้าพระประธานด้วยพระสุรเสียงอันดังและหนักแน่น



    *ข้าพระพุทธเจ้าบุญมา กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
    พระมหาอุปราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
    ขอถวายดาบคู่ใจองค์นี้เป็นพุทธบูชารับใช้ปรนนิบัติองค์พระประธาน
    และพระพุทธศาสนาแทนกายข้าสืบไป
    โดยตั้งไว้เป็นราวเทียนหน้าองค์พระประธานนี้*



    ทรงเว้นระยะและตรัสต่อ...
    *บาปกรรมใดใดที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ก่อขึ้นแล้ว...ด้วยการฆ่าฟันอริราชศัตรู
    ผู้เป็นเสี้ยนหนามต่อแผ่นดินนี้

    ขอโปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้า
    ขอให้ชำระล้างหมดสิ้นไปด้วยน้ำตาจากเทียนทุกหยด
    ที่ปักบูชาพระประธานและไหลลงบนดาบที่พาดถวายเป็นราวเทียนองค์นี้

    เมื่อถึงคราวที่ข้าพระพุทธเจ้าจะต้องละสังขารจากโลกนี้
    ขอให้จากไปอย่างสงบ ขอให้พบพระนิพพาน ในกาลข้างหน้าเทอญ..*


    กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงจับพระแสงดาบคู่ชีพไว้แน่น
    ทรงรู้สึกน้อยพระทัยที่ได้ทรงลำบากยากเข็ญเอาเลือดและเนื้อพลีเพื่อพิทักษ์แผ่นดิน
    หมายใจว่า....
    ในยามที่ทรงพระชราจะได้เสวยสุขสราญและเป็นที่พึ่งแก่พระราชวงศ์
    และพระบวรวงศ์น้อยใหญ่ได้


    ทันใดนั้นพระอาการนิ่วและพิษไข้ก็กำเริบรุนแรงหนัก
    จนต้องใช้ปลายฝักดาบยันกับพื้นพระอุโบสถ
    เพื่อพยุงพระองค์ไว้มิให้ทรงล้มคว่ำพระพักตร์ลง


    ทรงขบพระทนต์แน่นเพื่อสู้กับความเจ็บปวด
    พระเสโทไหลท่วมพระองค์และพระพักตร์อันซีดเซียว

    *ข้าทนความเจ็บปวดต่อไปไม่ไหวแล้ว!*
    กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงร้องลั่นออกมา
    *ข้าขอถวายชีวิตต่อหน้าองค์พระประธานเดี๋ยวนี้!*



    กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงกระชากพระแสงดาบออกจากฝักอย่างรวดเร็ว
    แล้วทรงเงื้อขึ้นหมายจะเชือดพระศอของพระองค์เองให้ตักษัย


    พระองค์เจ้าชายลำดวน
    ซึ่งประทับอยู่เบื้องพระปฤษฏางค์พระบิดา
    และเฝ้าสังเกตพระอากัปกิริยาอยู่อย่างห่วงใยเห็นท่ามิดี
    จึงเข้ายึดพระหัตถ์ที่ถือพระแสงดาบไว้ได้อย่างฉับพลัน



    พระองค์เจ้าชายอินทปัต
    และนายทหารราชวัลลภก็เข้ามาช่วยกันรุมล้อมพระองค์
    กันพระแสงดาบออกไปได้สำเร็จ


    สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงกันแสง
    และก่นด่าพระโอรสและองครักษ์...
    ที่ขัดขวางและทรงรำพันถึงความเจ็บปวดทรมานพระวรกายไม่สิ้นสุด



    พระโอรสทั้งสองทรงกอดพระราชบิดาแน่น
    พร้อมกับทรงพระกันแสงร่ำไห้
    ด้วยความสงสารและเศร้าพระทัยในพระราชบิดา



    เจ้าอาวาสวัดพระศรีสรรเพชญเห็นดังนั้น
    จึงเข้ามานั่งเบื้องพระพักตร์พระมหาอุปราชและเจริญพุทธมนต์
    พร้อมเทศน์ถวายเกี่ยวกับบาปบุยคุณโทษของการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
    โดยเฉพาะการกะรทำอัตวินิบาตอันถือว่าเป็นบาปอันมหันต์



    เป็นการอกตัญญูต่อบิดามารดาและครูบาอาจารย์ที่ได้ให้กำเนิด เลี้ยงดู
    และอบรมสั่งสอนมาจนเติบโต...และ..ได้พบพระพุทธศาสนา
    สมควรจะปฎิบัติธรรม ในบั้นปลายชีวิต..ถวายรับใช้พระคุณท่าน
    และเป็นบุญกุศลแก่ตนเองสืบไปในภายหน้า




    สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
    ประทับฟังด้วยพระอาการสงบนิ่งเฉย

    ภายในพระนาภีของพระองค์ยังเจ็บปวดอย่างรุนแรง
    ทรงข่มพระทัยให้ชุ่มชื่นในรสพระธรรม
    จนลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะหนึ่ง


    เมื่อเจ้าอาวาสเทศน์จบลง ...
    จึงทรงถวายนมัสการกราบลง
    แล้ว..
    ทรงหยิบพระแสงดาบ ขึ้นมา
    ด้วยพระหัตถ์ทั้งสองยื่นถวายต่อพระคุณเจ้า
    ...............
    ........................




    และ...
    ในที่สุดพระองค์ก็จำทรงพรากลาจากหล้าโลกนี้ไป
    ทิ้งไว้เพียงคุณงามความดี...
    ความกล้าหาญ..ที่แสนเกริกไกร

    พร้อมกับแสงเทียนเล่มใหญ่
    ที่สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าทรงจุดบูชาไว้เบื้องหน้าพระพุทธสิหิงค์
    ที่วูบลงและมอดดับลับลาไปพร้อมกัน...!!!!!!
    ...................
    ...............



    ตลับเพชร..หนาวเยือกในดวงใจ...เป็นยิ่งนัก

    พร้อมดวงดอกลั่นทมที่ปลิดปลิวลิ่วลอยควะคว้าง
    โปรยปรายลงมาในท่ามกลางสายลมหนาว
    ที่ฝากความหอมเศร้า

    ราวให้รำลึกว่า...

    ทุกสรรพชีวิตและสรรพสิ่งบนผืนโลกนี้
    ไม่ว่า...จะยิ่งใหญ่ ยากดีมีจนแค่ไหน...

    ในที่สุดทุกคนทุกดวงใจทุกร่าง...ก็จำต้องชดใช้วิบากกรรม
    ต่างก็ต้องฝากฝังคืนร่างไร้...ไว้กับผืนพสุธา..



    หากจะเหลือ
    ก็คงเพียงเรื่องราวตำนานแห่งความเป็นจริง
    ของ..วีรบุรุษคนกล้าแห่งแผ่นดินไทยที่แสนยิ่งใหญ่...ก่อนจะลาลับดับพลี

    ที่ได้เพียรสร้างคุณงามความดีไว้ให้ผู้คนรุ่นหลังได้กล่าวขวัญ
    รำพันรำพึงด้วยความศรัทธาชื่นชมโสมนัส
    และ..
    แสนภาคภูมิ...ปิติใจ พอที่จะนำไปเป็นแบบอย่าง



    ก่อนที่...
    จะทิ้งร่าง..แลจิตวิญญาณดวงงาม
    พรากลาตามไป...อย่างมิอาจหลีกลี้หนีพ้น.....!!!!!!


    ******************


    รจนาพลีเทิดพระเกียรติ
    ถวายแด่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
    และ
    แด่ทุกดวงวิญญาญบรรพชนผู้หาญกล้า
    และ
    อีกหนึ่งวีรบุรุษนักรจนา ในดวงใจพุดพัดชา
    คุณปองพล อดิเรกสาร
    ท่านผู้ที่ฝากผลงานอันแสนงามจิตวิญญาณยิ่งใหญ่
    แห่งประวัติศาสตร์ชาติไทยไว้ให้อนุชนและลูกหลาน
    ได้ภาคภูมิปิติใจในแผ่นดินของเราค่ะ

    ...........


    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song510.html
    แผ่นดินของเรา
    สันติ ลุนเผ่
    แผ่นดิน ของเรา
    ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
    ใกล้ไกล
    ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
    เลือดไทยไหลโลม ลงดิน
    ใครหมิ่น ศักดิ์ศรี คนไทย
    ย่อมมีวัน สักวัน ให้ไทย
    ล้างใจ อัปรีย์
    แผ่นดิน ของเรา
    ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
    ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
    หากเชือดเฉือนไป คราใด
    ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
    ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
    คุ้มครองป้องกัน

    แผ่นดิน ของเรา
    ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
    ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
    หากเชือดเฉือนไป คราใด
    ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
    ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
    คุ้มครองป้องกัน
    สัก วันต้องคืนกลับมา
    มั่นใจ เถิดหนา
    ขอพลี ชีวารักษาชาติไทย
    ชาติไทยคู่ฟ้า
    เลือดทา แผ่นดิน...



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="BORDER-RIGHT: #eaeaea 1px solid; BORDER-TOP: #eaeaea 1px solid; BORDER-LEFT: #eaeaea 1px solid; BORDER-BOTTOM: #eaeaea 1px solid; BACKGROUND-COLOR: #f9f9f9" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=520 align=center border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px"><TABLE class=font-th cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD class=font-th colSpan=3 height=25>[​IMG] แผ่นดินของเรา!</TD><TD align=right width=150>[​IMG] แสดงความคิดเห็น ></TD></TR><TR><TD class=font-th-gray width=100 height=25>หมายเลขกลอน</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #eaeaea 1px solid" width=150>76049 IP 203.151.140.119 </TD><TD class=font-th-gray style="PADDING-LEFT: 5px" width=100>ความยาว</TD><TD width=150>15652 ตัวอักษร</TD></TR><TR><TD background=../img/doth.gif colSpan=4 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=font-th-gray height=25>แต่งเมื่อ</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #eaeaea 1px solid">15 พ.ค. 48 - 21:08</TD><TD class=font-th-gray style="PADDING-LEFT: 5px">จำนวนคนชม</TD><TD>ผู้ชม 1236 - ผู้ตอบ 10</TD></TR><TR><TD background=../img/doth.gif colSpan=4 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=font-th-gray height=25>เขียนโดย </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #eaeaea 1px solid">พุด</TD><TD class=font-th-gray style="PADDING-LEFT: 5px">ผู้นำกลอนมาลง</TD><TD><LI class=font-menu2>พุด</TD></TR><TR><TD background=../img/doth.gif colSpan=4 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=font-th-gray height=25>อีเมล์</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #eaeaea 1px solid">talay84@hotmail.com </TD><TD class=font-th-gray style="PADDING-LEFT: 5px">เว็บไซท์</TD><TD>http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song510.html</TD></TR><!--<tr><td colspan="4" background="../img/doth.gif" height=1>[​IMG]</td></tr><tr><td height="25" class=font-th-gray bgcolor="#ffdeec"> คะแนนโหวต</td><td style="border-right: 1px solid #EAEAEA" bgcolor="#ffdeec"> > โหวตให้กลอนนี้ !</td><td style="padding-left: 5px" class=font-th-gray bgcolor="#eaeaea"></td><td bgcolor="#eaeaea"></td></tr>--><TR><TD background=../img/doth.gif colSpan=4 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD colSpan=4 height=25><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom width=40 height=40>[​IMG]</TD><TD width=100>เก็บใส่หน้าส่วนตัว</TD><TD vAlign=bottom width=40>[​IMG]</TD><TD width=70>เก็บไว้ใน IE </TD><TD vAlign=bottom width=40>[​IMG]</TD><TD width=70>ส่งให้เพื่อนดู</TD><TD vAlign=bottom width=40>[​IMG]</TD><TD>แจ้งผู้ดูแลระบบ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    มีเรื่องเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง ซึ่งนับว่าแปลกมาก ...

    ราวครึ่งปีที่ผ่านมามีน้องท่านหนึ่งในเวบนี้ ได้มอบพระธาตุพระอานนท์มาให้ผม ๑ องค์(ตัวน้องเขามีเพียง ๒ องค์)พร้อมพระรูปหล่อพระอานนท์เนื้อผงขนาดบูชาให้ผมองค์หนึ่งเป็นการจัดสร้างขึ้นพิเศษตามนิมิต ซึ่งแต่เดิมน้องท่านนี้นับถือพุทธตามที่ระบุในทะเบียนบ้านแต่เกิด แล้วมาเปลี่ยนไปนับถือคริสต์ และสอนศาสนา จนมาวันหนึ่ง ตัวน้องท่านนี้พบว่าเขาไม่ได้คำตอบจากคำถามหนึ่ง แต่ศาสนาพุทธตอบเขาได้โดยในนิมิตนี้ได้เห็นพระพักตร์ของพระอานนท์(ดวงจิต หรือความรู้สึกเป็นผู้บอก) ช่วงนั้นมีความปิติเกิดขึ้น ตั้งแต่นั้นก็ตามเก็บข้อมูลของพระอานนท์ทั้งหนังสือหนังหาตำรับตำราทุกอย่าง ข้อมูลเชิงลึกต่างๆ ทั้งสถานที่ต่างๆที่พบรอยพระบาทพระอานนท์ จนเวลานี้เปลี่ยนกลับมานับถือศาสนาพุทธอย่างเข้มข้นแล้ว...

    เมื่อคราวได้ตั้งกระทู้เรื่องพระบรมธาตุเจดีย์ที่ต่างๆ หนึ่งในนั้นคือที่วัดมหาธาตุ จ.ยโสธร ได้หยิบยกมาตั้งกระทู้กัน จนน้องท่านนี้ได้เข้ามาติดตามเรื่องราว จนเป็นเหตุของการมอบพระธาตุพระอานนท์ และพระรูปหล่อพระอานนท์เนื้อผงขนาดบูชาให้ผมแบบให้เปล่า พร้อมหนังสือตามรอยพระอานนท์นี้ เลยเกริ่นกันว่าอนาคตอันใกล้นี้ จะร่วมกันสร้างพระอานนท์ฝากไว้ในพระพุทธศาสนากัน แต่ยังไม่ได้ระบุวันเวลาให้แน่นอนลงไป อาจจะยังไม่ได้วาระ ซึ่งผมเองได้ตั้งจิต และสัจจะไว้ว่า อยากจะมอบพระธาตุพระอานนท์ให้กับผู้ร่วมสร้างพระรูปพระอานนท์ แต่จนใจที่ไม่สามารถจะหาพระธาตุพระอานนท์ได้ในปริมาณมากๆ และไม่มีวี่แววว่าจะได้เลย คือไม่รู้จะไปหาจากที่ไหน คุณสมจินต์ที่ชมรมพระธาตุล้านนาได้เคยพาพี่ที่ผมนับถือท่านหนึ่งไปตามรอยพระธาตุยังถ้ำแห่งหนึ่งในจ.สระบุรี ที่นั่นเป็นถ้ำ และการเข้าไปต้องปีนขึ้นไป และรอบๆบริเวณก็เป็นเหวลึก พี่ท่านนี้ได้พบพระธาตุพระอานนท์เพียง ๑ องค์เป็นสัณฐานรูปหัวใจมีสีขาว ก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นพระธาตุพระอานนท์จริง และหายากมาก..

    วันหนึ่งผมได้พูดคุยกับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่บอกว่าไปยังวัดไหนๆก็มีแต่เขาสร้างพระสีวลี พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระสังกัจจาย์ กัน แต่ไม่ยักจะพบพระอานนท์ จึงได้เล่าเรื่องที่พบนี้ให้พี่ใหญ่ฟัง พี่ใหญ่ก็ดีใจสุดๆ และได้เอ่ยว่า เมื่อจะสร้างพี่ใหญ่จะมอบมวลสารสร้างพระอานนท์ให้ และยังบอกว่า พระอานนท์นี่ไม่ธรรมดาเป็นพระพุทธอนุชา และพระพุทธอุปัฐาก รับฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าโดยตรง แต่คนส่วนมากมองข้ามไป...

    เรื่องราวที่พบนี้มีความบังเอิญขนาดนั้นเชียวหรือ ผมก็เชื่อ และรอวาระที่พร้อม ...

    อาทิตย์ที่แล้ว ผมได้รับการติดต่อจากพี่ท่านหนึ่ง(พี่ท่านนี้เป็นนักเรียนสมาธิของหลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล สายพระป่า พระอาจารย์มั่น ภูริฑัตโต) ซึ่งได้พบกันครั้งแรก และครั้งที่ ๒ ก็ที่ศาลเทพารักษ์แห่งนี้ที่ได้นำเสนอเรื่องการร่วมบุญถวายไฉไบ๊ไปข้างต้นนี้ ครั้งที่ ๓ พบกันโดยไม่ได้นัดหมายที่วชิรพยาบาลในวันที่พี่จิ๋วถูกลอบยิงกระสุนทะลุปอด และลอดผ่านซี่โครงหน้า และหลัง เมื่อคราวการชุมนุมประท้วงของพันธมิตรที่บริเวณสะพานมัฆวาน(ช่วงนั้นพันธมิตรได้บุกยึดทำเนียบไว้แล้ว) พี่ท่านนี้ได้มอบภาพหลวงปู่อิเกสาโรนั่งตอ ซึ่งวาดจากนิมิต และได้สงวนลิขสิทธิ์ไว้ให้ผม ได้นำภาพนี้ไปให้อาจารย์ปู่ประถมดูแล้ว อาจารย์ปู่ก็รับรองว่าใช่ พี่ท่านนี้แต่เดิมไม่สนใจพระเครื่องเลย สนใจแต่การปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นมากกว่า จนวันหนึ่งได้ติดต่อขอบูชาพระจากผมส่วนหนึ่งเพื่อนำไปมอบให้กับพระอาจารย์รูปหนึ่งที่จ.ลพบุรีเพื่อตั้งองค์กฐิน พระอาจารย์รูปนี้ก็รู้จักกับคุณมาโนช ชมรมรักษ์พระธาตุ สีลม(คุณมาโนช เป็นผู้ที่นับถือศรัทธาในแนวทางการปฏิบัติของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำอย่างท่วมท้น และเป็นผู้ที่สามารถอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุอรหันต์องค์ต่างๆได้) พระอาจารย์ท่านก็สามารถอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุอรหันต์ได้เช่นกัน เมื่อผมได้เกริ่นเรื่องพระอานนท์ให้พี่เขาฟัง พี่ท่านนี้จึงกล่าวอาสาขอไปสอบถามพระอาจารย์รูปนี้ที่วัดถ้ำเอราวัณ จ.ลพบุรี ถึงพระธาตุพระอานนท์ พระอาจารย์ได้เมตตาอย่างมาก บอกว่ามี แล้วจะมอบให้เมื่อต้องการ ในความเป็นจริงสัณฐานของพระธาตุพระอานนท์นี้อาจจะไม่ใช่สัณฐานรูปหัวใจก็ได้ เกรงว่าผู้ที่ได้รับมอบไปจะเกิดความสงสัย และกำลังใจตกไม่แน่ใจ โดยส่วนตัวของผม พระปฏิบัติรูปหนึ่งที่มีบารมีด้านการอัญเชิญพระธาตุ และพี่ท่านหนึ่งที่ปฏิบัติมาทางสายหลวงปู่มั่น อีกทั้งวาระที่ผมได้พบแบบบังเอิญหลายครั้งจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาของวิถีชีวิตไปแล้วนั้น ก็เชื่อว่า หากวาระมาถึงทุกอย่างพร้อมจะให้ดำเนินการโดยเราไม่ต้องออกแรงตามหามากนั่นเอง และเมื่อทุกอย่างพร้อมผมจะนำเรื่องไปของคำแนะนำจากพี่ใหญ่อีกครั้ง และรวมทั้งการสอบถามถึงข้อเท็จจริงเรื่องพระธาตุพระอานนท์นี้ด้วย

    ก็ขอบันทึกเรื่องราวการตามหาพระธาตุพระอานนท์ไว้แต่เพียงเท่านี้...

    แต่เรื่องราวของพระธาตุองค์อื่นๆที่ได้พบคือ พี่ท่านนี้ที่ติดต่อขอบูชาพระวังหน้า เพื่องานบุญกฐินของวัดถ้ำเอราวัณ จ.ลพบุรีนี้ พี่ท่านนี้ได้ถือโอกาสมอบผอบหินอ่อน ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในผอบเล็กอีกที และพระธาตุอรหันต์จำนวหนึ่ง ภายในมีทั้งพระสีวลี พระโมคคัลลานะ พระอรหันต์อื่น และก็มีพระธาตุอรหันต์องค์สำคัญองค์หนึ่งพระนามว่า องคุลิมาลนั่นเองก็อยู่ภายในผอบนี้เช่นกัน เปิดออกมากลิ่นหอมมาก วันนั้นจึงเป็นวันมหามงคลของผมอีกวันหนึ่งที่ได้รับพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุอรหันต์องค์สำคัญๆมากมาย ถือว่าเป็นเชื้อในการเสด็จของพระธาตุอรหันต์องค์สำคัญๆแล้วครับ...
     
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขออนุญาติแก้ไขยอดเงินเพิ่มเติม สืบเนื่องจากผมได้แจ้งพี่ท่านหนึ่งโดยขอนำเงินจากการให้พี่ท่านหนึ่งบูชาพระปัญจสิริพิมพ์นิยม และพิมพ์พระประธานของวังหน้าจำนวนหนึ่งเพื่อตั้งองค์กฐินวัดถ้ำเอราวัณ จ.ลพบุรี จำนวน ๒,๕๐๐ บาท ร่วมสมทบสร้าง"ไฉไบ๊"ถวายศาลเทพารักษ์ทั้งหมด สมบัติของพระองค์ท่าน มอบคืนให้พระองค์ท่าน

    ขออนุญาตคุณหนุ่ม และเพื่อนๆแจ้งยอดการร่วมบุญ"ไฉไบ๊"นี้เป็นระยะๆนะครับ

    ขอโมทนาบุญสร้าง"ไฉไบ๊"ด้วยครับ..ก่อนหน้านี้มีผู้ร่วมบุญมาบางส่วนเป็นทุนเริ่มต้นก่อนแล้วดังนี้

    -คุณ:::เพชร::: 2,500 บาท(จากการให้บูชาพระสมเด็จปัญจสิริจำนวนหนึ่ง เพื่อตั้งองค์กฐิน วัดถ้ำเอราวัณ จ.ลพบุรี)
    -คุณจาตุรงค์ 2,000 บาท
    -คุณเล็ก 500 บาท
    -คุณจิ๋ม Asia Phone 500 บาท
    -คุณสุพิตรา 1,000 บาท

    1 ) คุณnongnooo 500 บาท
    2 ) คุณake7440 500 บาท
    3 ) คุณhongsanart 1,000 บาท(สร้างบุษบก 1,000 บาท)
    4 ) คุณchannarong_wo 500 บาท
    5 ) คุณgnip (รอแจ้งการโอนเงิน)
    6 ) คุณnewcomer 200 บาท
    7 ) คุณทองอ้วน 500 บาท
    8 ) คุณkaticat 500 บาท
    9 ) คุณkwok 500 บาท
    10) คุณdragonlord 1,000 บาท

    ยอดรวมในขณะนี้ 11,700 บาท ขออนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    ผ้าผืนนี้นี้ไงครับ
    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  18. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    ไว้ประมาณวันจันทร์ผมจะร่วมบุญอีก 500 นะครับ
     
  19. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ผมยังมีพระที่ยังค้างส่งให้กับเพื่อนๆอีก ๕ ท่านด้วยกัน จะพยายามจัดส่งภายในอาทิตย์หน้าครับ

    ๑)คุณหนุ่ม น้ำพระพุทธมนต์จากพระทักษิณโมลี
    ๒)คุณdrmetta พระฤาษีวาสุเทพ ๑ องค์
    ๓)คุณพุทธันดร พระฤาษีวาสุเทพ ๒ องค์(ท่านนี้พบบ่อย แต่มักไม่ได้วาระมอบซะที)
    ๔)คุณnongnooo พระสมเด็จวังหน้า หลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า ๒ องค์
    ๕)คุณหม่อง พระสมเด็จวังหน้า หลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า ๑ องค์

    ขออภัยด้วยนะครับที่ล่าช้ามากๆ
     
  20. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524

    โอนเงิน 500 บาทผ่านSCB เวลา 9.41น.แล้วนะคะ ขออนุโมทนาบุญทุกท่านด้วยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...