พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ช่วงนี้บ้านเราเกิดผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจภายนอก และการเมืองภายใน ทำให้หลายๆคนเกิดความเครียดไปตามๆกัน ก็แก้ไขด้วยการไปชมอะไรที่เบาสมองหน่อยก็ดีนะครับ เดือนหน้าก็ติดภาระกิจการเรียนรู้ที่ภูเก็ต และที่เชียงใหม่ เลยไม่สามารถไปงานวันเกิดของอาจารย์ปู่ได้ จึงขอส่งจิตไปกราบปู่ และอนุโมทนากับเพื่อนๆทุกคนที่มีโอกาสดีๆได้ไปกราบปู่ ทำบุญกับปู่ กับพระอาจารย์องค์สำคัญต่างๆ
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 12 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 8 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, ake7440+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    -------------------------


    คุณเพชร หายไปนานเหมือนกัน

    แต่เอ๊ะ พาคนนิรนามมาด้วยหรือครับ

    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หุ้นกระตุกขึ้นแรงเกือบ 14 จุด หลังข่าวศาลถอนจับ 9 แกนนำ พธม. "จำลอง-ไชยวัฒน์" ได้ประกัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 ตุลาคม 2551 16:09 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>หุ้นภาคบ่ายดีดตัวขึ้นรุนแรงเริ่ม ดีชนีปรับขึ้นเกือบ 14 จุด นลท.คลายความวิตกปัญหาการเมืองหลังศาลมีคำสั่งถอนข้อหากบฎ 9 แกนนำพันธมิตร และให้ประกันตัว "จำลอง-ไชยวัฒน์" แบบไม่มีเงื่อนไข

    ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย บ่ายวันนี้ ( 9 ต.ค.) ดัชนีเริ่มพลิดกลับขึ้นมาในแดนบวกได้สำเร็จ และดีดตัวขึ้นค่อนข้างแรง โดยเมื่อเวลา 16.01 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 505.93 จุด เพิ่มขึ้น 13.59 จุด มูลค่าการซื้อขาย 16,220.87 ล้านบาท คาดนักลงทุนเริ่มคลายความวิตกปัญหาการเมืองภายในประเทศ หลังศาลอาญามีคำสั่งถอนข้อหากบฎ 9 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และให้ประกันตัว พลตรีจำลอง ศรีเมือง และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แบบไม่มีเงื่อนไข ส่วนปัจจัยต่างประเทศ การที่ธนาคารกลางทั่วโลก พร้อมใจประกาศลดดอกเบี้ย ถือเป็นปัจจัยที่หนุนต่อการลงทุนในตลาดหุ้น วันนี้

    นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันนี้ค่อนข้างผันผวน โดยช่วงเช้า ดัชนีปรับลงไปแรงจนเข้าเขตขายมากเกินไป และเกิดจุดต่ำสุดใหม่ จึงเกิดสัญญาณรีบาวน์ทางเทคนิค ประกอบกับสถานการณ์การเมืองที่คลายความร้อนแรงลง จากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับ 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับกบฎ ช่วยให้ความตึงเครียดลดลง จึงมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นมาร์เกตแคปขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และพลังงาน ผลักดันให้ดัชนีฯ ทะยานขึ้นได้แรง

    ประกอบกับตลาดหุ้นต่างประเทศได้ปรับเพิ่มขึ้น ตอบรับมาตรการบรรเทาวิกฤติการร์การเงินโลกด้วย โดยดัชนี สเตรทไทม์: ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดตลาดที่ระดับ 2,102.71 จุด เพิ่มขึ้น 69.10 จุด หรือ 3.40 % ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี เวลา 16:29 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 5,107.13 จุด เพิ่มขึ้น 93.51 จุด ดัชนี ฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 15,943.24 จุด เพิ่มขึ้น 511.51 จุด หรือ 3.31 %

    แนวโน้มพรุ่งนี้ในกรอบ 480-500 จุด ภาพรวมระยะกลางเป็นลักษณะของการรอ ตลาดยังไม่ชี้ชัดเพราะประเด็นทั้งหมดยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ แนะ wait and see

    โดยเมื่อเวลา 16.16 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 508.43 จุด เพิ่มขึ้น 16.09 จุด มูลค่าการซื้อขาย 17,485.18 ล้านบาท

    ล่าสุด ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 499.99 จุด เพิ่มขึ้น 7.65 จุด เปลี่ยนแปลง +1.55% มูลค่าการซื้อขาย 20,029 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,191.21 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 2,297.24 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 1,106.03 ล้านบาท
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ---------------------------------------------

    แม่นจริงๆครับคุณnongnooo

    เยี่ยมมาก
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ธนาคารในสหรัฐฯ จ่อคิวล้มอีกหลายแห่ง "พอลสัน" วอนทั่วโลกทำใจ
    http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9510000120053
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 ตุลาคม 2551 13:33 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>"เฮนรี พอลสัน" คาดอาจมีธนาคารในสหรัฐฯ ล้มละลายอีก ฉุดดาวโจนส์ร่วง 2% เมื่อคืนนี้ พร้อมยอมรับมาตรการ 7 แสนล้านดอลลาร์ ไม่อาจดูแลสถาบันการเงินได้ทุกแห่ง พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนและไม่ตื่นตระหนก

    วันนี้ ( 9 ต.ค.) นายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่กระทรวงการคลังเมื่อคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยแสดงความเห็นว่า ตลาดการเงินทั่วโลกยังคงตึงตัวมาก ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ พร้อมระบุว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์กว่าที่กระทรวงการคลังจะเริ่มเข้าไปซื้อหนี้เสียของสถาบันการเงินตามมาตรการฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์

    นายพอลสัน ระบุว่า แม้สหรัฐใช้มาตรการฟื้นฟูภาคการเงินเพื่อซื้อหนี้เสียของสถาบันการเงิน แต่ก็อาจมีธนาคารอีกหลายแห่งล้มละลาย พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนและไม่ตื่นตระหนก

    "ภาวะผันผวนในตลาดการเงินอาจจะไม่จบลงเร็วนัก และสหรัฐยังมีความท้าทายที่ใหญ่หลวงรออยู่ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม คณะทำงานของเรากำลังดำเนินการครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ เพื่อกอบกู้ระบบการเงินให้กลับมาทำงานตามกลไกปกติ"

    ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของพอลสันเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง 189.01 จุด หรือ 2.00% ปิดที่ 9,258.10 จุดเมื่อคืนนี้ ซึ่งส่งผลบดบังปัจจัยบวกที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ร่วมกับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางสวีเดน ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ และธนาคารกลางแคนาดา ประกาศลดดอกเบี้ยพร้อมกันที่ระดับ 0.5% เมื่อวานนี้

    สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นายพอลสันขานรับความร่วมมือของ 6 ธนาคารยักษ์ใหญ่ของโลกที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย โดยกล่าวว่าการที่ธนาคารกลางพร้อมใจกันลดอัตราดอกเบี้ยถือเป็นความพยายามร่วมกันที่จะยับยั้งเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอย และเป็นการรับมือกับวิกฤตการณ์สินเชื่อแบบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน

    "ผมขอย้ำว่าตลาดการเงินสหรัฐและทั่วโลกยังคงอยู่ในสภาพที่ตึงตัวมาก ในช่วงสุดสัปดาห์นี้เราจะมีการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่ม G7 การประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และการประชุมธนาคารโลก ซึ่งเชื่อว่าวาระการประชุมจะชูประเด็นวิกฤตการณ์ด้านสินเชื่อเป็นวาระหลัก"

    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของกระทรวงการคลังสหรัฐหรือไม่ ที่ปล่อยให้เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลาย จนเป็นเหตุให้สถาบันการเงินรายอื่นๆล้มละลายตามมามากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ พอลสัน กล่าวว่า ตนเองและหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่มีทางเลือกมากนัก และเมื่อมองย้อนกลับไป ผมเชื่อว่าเราดำเนินการถูกต้องแล้ว และขอย้ำว่าในขณะนั้นไม่มีสถาบันการเงินแห่งใดต้องการเข้าซื้อ "เลห์แมน บราเธอร์ส" อีกเลย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    --------------------------------------------

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ไอซ์แลนด์เลือดไหลไม่หยุด รัฐสั่งปิดแบก์แห่งที่ 3 แล้ว
    http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9510000120142
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 ตุลาคม 2551 15:11 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>สนง.กำกับดูแลการเงินไอซ์แลนด์ เตรียมยึดกิจการ "ธ.โคปทิง" แบงก์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ และเป็นธนาคารรายที่ 3 ที่ถูกรัฐบาลเข้ายึดกิจการ

    วันนี้ ( 9 ต.ค.) สำนักงานกำกับดูแลการเงินไอซ์แลนด์ เตรียมยึดกิจการแบงก์โคปทิง ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ และยังเป็นธนาคารของไอซ์แลนด์รายที่ 3 แล้วที่ถูกยึดกิจการไปโดยรัฐบาล นับตั้งแต่ที่วิกฤตการเงินทวีความรุนแรงขึ้น โดยเงินฝากของลูกค้าภายในประเทศของธนาคารโคปทิงจะได้รับการรับประกันอย่างเต็มที่ และเป้าหมายของการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ก็คือ การส่งเสริมระบบการธนาคารภายในประเทศให้สามารถดำเนินงานได้ตามปกติ

    สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กิจการธนาคารของไอซ์แลนด์ต้องตกอยู่ภายใต้ภาระหนี้สินสูงถึง 12 เท่าของขนาดของเศรษฐกิจประเทศ สำนักงานกำกับดูแลการเงินของไอซ์แลนด์กฌเข้ามายึดกิจการของแบงค์ใหญ่อันดับ 2 และ 3 ของประเทศไปแล้ว คือ กลิตนีร์ แบงค์ และแลนด์แบงสกี

    นายกรัฐมนตรีเกียร์ ฮาร์ด ของไอซ์แลนด์กล่าวว่า เขาอาจจะถูกบีบให้ขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) หลังจากที่ไม่สามารถขอเงินกู้จากรัฐบาลและธนาคารกลางในยุโรปได้

    โดยเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางไอซ์แลนด์ต้องล้มเลิกความพยายามยามในการปรับอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าธนาคารไม่มีอำนาจที่จะยุติค่าเงินโครนาที่ร่วงลงได้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ไอซ์แลนด์ได้เริ่มเจรจากับรัสเซียเพื่อขอเงินกู้สูงถึง 4 พันล้านยูโร หรือ 5.46 พันล้านดอลลาร์
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ตำนานวังหน้า
    เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จผ่านพิภพ โปรดฯให้สมเด็จพระอนุชาธิราชเป็นพระมหาอุปราชแล้ว ทรงสร้างพระนครใหม่ข้างฝั่งแม่น้ำฟากตะวันออก จึงสร้างพระราชวังหลวงและพระราชวังบวรฯขึ้นใหม่ เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕ พร้อมกันทั้งสองวัง แต่ที่ซึ่งจะสร้างพระราชวังใหม่เป็นที่มีเขตจำกัด เพราะแผนที่กรุงธนบุรีเอาแม่น้ำไว้กลาง ตั้งกำแพงเมืองที้งสองฟาก คลองตลาดทุกวันนี้เป็นคูเมืองข้างฟากตะวันออก พื้นที่ในบริเวณกำแพงเมืองเดิมข้างฝั่งตะวันออกมีที่พื้นใหญ่พอจะสร้างพระราชวังได้แต่ ๒ แปลง คือที่แต่วัดโพธารามยืนมาข้างเหนือวัดสลักแปลง ๑ แต่วัดสลักขึ้นไปจนถึงปากคลองคูเมืองข้างเหนืออีกแปลง ๑ ไม่มีที่อื่นที่จะสร้างพระราชวังนอกจากที่ ๒ แปลงนี้ จึงได้ตั้งพระราชวังหลวงในที่แปลงใต้ และตั้งพระราชวังบวรฯสถานมงคลในที่แปลงข้างเหนือ เพราะเหตุนี้พระราชวังหลวงกับวังหน้าในกรุงรัตนโกสินทร์จึงอยู่ใกล้ชิดกัน ไม่เหมือนที่กรุงเก่า

    ครั้นต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ ขึ้นเป็นกรมพระราชวังหลัง พระราชวังหลังต้องไปตั้งปากคลองบางกอกน้อยฟากข้างโน้น ผิดแผนที่ครั้งกรุงเก่า เป็นแต่เอาชื่อมาเรียกว่าวังหลังให้เหมือนประเพณีครั้งกรุงเก่า

    พระราชวังที่สร้างในกรุงรัตนโกสินทร์นี้ ถ่ายแบบอย่างพระราชวังกรุงเก่ามาสร้างทั้งพระราชวังหลวงและวังหน้า มีคำผู้หลักผู้ใหญ่เล่ามาว่า พระราชวังหลวงสร้างหันหน้าวังขึ้นเหนือน้ำ เอาพระฉนวนน้ำไว้ข้างซ้ายวัง ตามแผนที่พระราชวังหลวงที่กรุงเก่า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทดำรัสว่าไม่ถูก พระราชวังที่กรุงเก่าหันหน้าวังไปทางทิศตะวันออก ให้สร้างพระราชวังบวรฯหันหน้าไปทางทิศตะวันออก พระฉนวนน้ำวังหน้าจึงกลับไปอยู่ข้างหลังวัง เพราะแม่น้ำที่กรุงเก่าอยู่ทางทิศเหนือพระราชวังหลวง และอยู่ทางทิศตะวันออกวังจันทรเกษม แต่แม่น้ำที่กรุงรัตนโกสินทร์อยู่ข้างทิศตะวันตกของที่สร้างพระราชวัง จึงเป็นเหตุให้แตกต่างกันไปได้ดังกล่าวมา

    แต่ส่วนแผนที่ข้างภายในพระราชวัง ถ้าใครเคยได้ไปเดินดูในพระราชวังหลวงที่กรุงเก่า ตั้งแต่เมื่อพระยาโบราณราชธานินทร์ได้ขุดที่ตกแต่งมาแล้ว สังเกตดูก็จะเห็นได้ว่า พระบรมมหาราชวังในกรุงเทพฯนี้ ถ่ายแผนที่ข้างตอนหน้ามาสร้างเหมือนกันไม่เพี้ยนผิด คือวัดพระศรีรัตนศาสดารามอยู่ตรงที่วัดพระศรีสรรญเพ็ชญ์ หมู่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยอยู่ตรงพระวิหารสมเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทอยู่ตรงพระที่นั่งสรรเพ็ชญ์ปราสาท แต่เมื่อในรัชกาลที่ ๑ เว้นเสียองค์ ๑ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทอยู่ตรงพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ ถึงศาลาลูกขุนและที่ปันเขตกำแพงพระราชวังชั้นกลาง ชั้นใน ก็ตรงกัน

    ส่วนพระราชวังบวรฯนั้น จะถ่ายแบบวังหน้าที่กรุงเก่าบ้างหรือไม่อย่างไรหาทราบไม่ ด้วยของเดิมไม่มีอะไรเหลืออยู่พอจะตรวจเทียบ แต่ทราบได้แน่ว่า ที่ตรงสิ่งสำคัญนั้นถ่ายแบบพระราชวังหลวงกรุงเก่าตอนข้างด้านหลังมาสร้าง ถ้าสังเกตดูในแผนที่วังหน้าที่พิมพ์ในสมุดเล่มนี้ ที่ตรงสระเหลี่ยมมีเกาะกลาง จะเห็นได้ว่าถ่ายแบบสระพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาศน์มาสร้าง และพระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน(อันเป็นพิพิธภัณฑสถานทุกวันนี้)อยู่ตรงกับแผนที่พระที่นั่งทรงปืนในพระราชวังหลวงที่กรุงเก่า และยังมีคนเรียกพระที่นั่งศิวโมกข์ ว่า พระที่นั่งทรงปืน อยู่จนทุกวันนี้

    ความที่กล่าวมาว่าตามทีแลเห็นหลักฐานเป็นที่สังเกตได้แน่นอนในปัจจุบันนี้ แต่เมื่อแรกสร้างเห็นจะมีอะไรที่ถ่ายแบบอย่างมาอีกหลายวิ่ง แต่รื้อและแปลงไปเสียแล้วก็รู้ไม่ได้

    การสร้างพระราชวังในกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งพระราชวังหลวงและวังหน้าไม่ได้สร้างสำเร็จในคราวเดียว แรกลงมือสร้างเมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕ เป็นการเร่งรัด ด้วยจะทำพระราชพิธีปราดาภิเษก กำแพงพระราชวังใช้แต่ปักเสาไม้ระเนียด พระราชมณเฑียรก็ทำแต่ด้วยเครื่องไม้มุงจากพอเสด็จประทับชั่วคราวทั้งพระราชวังหลวงวังหน้า พระราชวังหลวงเวลาปลูกสร้างไม่ถึงสองเดือนก็ถึงฤกษ์พระราชพิธีปราบดาภิเษก เสด็จมาเฉลิมพระราชมฯเฑียร เมื่อ ณวันพฤหัสบดี เดือน ๘ บุพพาสาฒ ขึ้น ๔ ค่ำ พระมหาอุปราชจะได้เสด็จจากพระราชนิเวศน์เดิม(อันอยู่ตรงป้อมพระสุเมรุทุกวันนี้) มาเฉลิมพระราชมณเฑียรในพระราชวังบวรสถานมงคลที่สร้างใหม่เมื่อวันใด ยังไม่พบจดหมายเหตุ แต่มีหลักฐานยุติเป็นแน่ ว่าเสด็จมาภายในเดือน ๘ บุพพาสาฒ ปีขาลจัตวาศกนั้นเอง ด้วยมีจดหมายเหตุปรากฏว่า ปรึกษาความชอบตั้งกรมสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ หลานเธอ และตั้งข้าราชการทั้งหลายเมื่อเดือน ๘ อุตราสาฒ การอันนี้ต้องอยู่ภายหลังพระราชพิธีอุปราชาภิเษก

    ครั้นเสด็จมาประทับอยู่ในพระราชวังใหม่แล้ว จึงลงมือปลูกสร้างสิ่งซึ่งเป็นของถาวรต่อมา ทั้งพระราชวังหลวงและวังหน้าด้วยกัน ในหนังสือพระราชพงศาวดารว่า การสร้างพระนครอมรรัตนโกสินทร์และพระราชวังหลวง สร้างอยู่ ๓ ปี สำเร็จในปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๒๘ จึงทำการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก แล้วสมโภชพระนครต่อกันไป เชื่อได้ว่าพระราชวังบวรฯก็คงสร้างสำเร็จ และได้มีการฉลองเนื่องในงานสมโภชพระนครคราวนั้นด้วย แต่หากไม่ปรากฏจดหมายเหตุรายการแก่ผู้แต่งหนังสือพระราชพงศาวดารจึงมิได้พรรณนาไว้ด้วย

    แต่การก่อสร้างในชั้นนั้น ทั้งพระนครฯและพระราชวัง สิ่งซึ่งก่อสร้างเป็นของก่ออิฐถือปูน เฉพาะแต่ป้อมปราการสำหรับป้องกันข้าศึกศัตรู ส่วนพระราชมณเฑียรและสถานที่ นอกจากนั้นทำด้วยเครื่องไม้แทบทั้งนั้น แม้ซุ้มพประตูเมืองและประตูพระราชวังก็เป็นเครื่องยอดทำด้วยไม้ ที่สุดจนพระที่นั่งอินทราภิเษกมหาปราสาทในพระราชวังหลวง ซึ่งสร้างขึ้นแต่แรกก็เป็นปราสาทไม้ เพราะในเวลานั้นอิฐปูนยังหายาก ป้อมปราการที่สร้างในกรุงรัตนโกสินทร์ต้องไปรื้อเอาอิฐกำแพงกรุงเก่ามาสร้างแทบทั้งหมด เพราะฉะนั้นสิ่งซึ่งสร้างเป็นของก่ออิฐถือปูน นอกจากป้อมปราการวัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้นแล้ว เป็นของก่อสร้างต่อทีหลังเป็นลำดับมาทั้งนั้น

    จะกล่าวเฉพาะตำนานการสร้างพระราชวังบวรฯต่อไป ที่เกาะกลางสระซึ่งได้กล่าวมาแล้ว เดิมกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทจะทรงสร้างปราสาทเหมือนอย่างพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาศน์ที่กรุงเก่า สร้างยังไม่ทันสำเร็จก็มีเหตุเกิดขึ้น เมื่อ ณ วันศุกร์ เดือน ๕ แรม ๒ ค่ำ ปีเถาะ พ.ศ. ๒๔๓๖ อ้ายบัณฑิต ๑ คนคิดกบฏลอบเข้าในวังหน้า ไปแอบพระทวารด้านหลังพระราชมณเฑียร คอยจะทำร้ายกรมพระราชวังบวรฯ เวลาเสด็จลงทรงบาตร แต่เผอิญเช้าวันนั้นจะเสด็จลงมาเฝ้าสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชที่พระราชวังหลวง เสด็จออกทางพระทวารด้านหน้า อ้ายกบฏทำร้ายไม่ได้ ครั้นเสด็จลงมาพระราชวังหลวงแล้ว ทางโน้นนางพนักงานในวังหน้าไปพบอ้ายกบฏร้องอื้ออึงขึ้น เจ้าพนักงานผู้รักษาหน้าที่พากันเข้าไปจับได้คน ๑ ไล่ไปฟันตายลงตรงที่สร้างปราสาทคน ๑ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทมีรับสั่งว่า ที่วังจันทรเกษมซึ่งเป็นวังหน้าครั้งกรุงเก่าไม่มีปราสาท พระองค์มาสร้างปราสาทขึ้นในวังหน้าเห็นจะเกินวาสนาไปจึงมีเหตุ จึงโปรดฯให้งดการสร้างปราสาทนั้นเสีย ให้เอาตัวไม้ที่ปรุงไว้ไปสร้างพระมณฑป(เก่า)ที่วัดนิพพานาราม คือวัดมหาธาตุทุกวันนี้

    ส่วนที่ซึ่งกะไว้ว่าจะสร้างปราสาทนั้น โปรดฯให้สร้างพระวิมานถวายเป็นพุทธบูชา ขนานนามว่า "พระพิมานดุสิคา"<SUP>(๑)</SUP> เป็นที่ไว้พระพุทธรูป พระวิมานนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทันทอดพระเนตรเห็น ทรงพรรณนาไว้ในพระราชนิพนธ์เรื่องสถานที่ ซึ่งกรมพระราชวังบวรฯทรงสร้าง(หอพระสมุดพิมพ์ในประชุมพระบรมราชาธิบาย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗) ว่าตัววิมานกลางที่เป็นหอพระ หลังคาดีบุก ฝากระดาน ข้างนอกประกอบเป็นลายทรงข้าวบิณฑ์ปิดทองประดับกระจก ข้างในเขียนลายรดน้ำมีราชวัตรฉัตรรูปอย่างฉัตรเบญจรงค์(ปักรายรอบ) เป็นเครื่องปิดทองประดับกระจกทั้งสิ้น นอกพระวิมานออกมามีพระระเบียง ฝาข้างในเรื่องพระปฐมสมโพธิและเรื่องรามเกียรติ์ "งามนักหนา" ข้างนอกมีลายประกอบปิดทองประดับกระจก เสาและหูช้างพนักข้างในก็ล้วนลายสลักปิดทองประดับกระจก มีตะพานพนกสลักปิดทองเป็นทางข้ามสระเข้าไปทั้งสี่ทิศ

    ตรงสระมาทางตะวันออกสร้างท้องพระโรงหลัง ๑ เป็นพระที่นั่งโถง วางแผนที่ตามอย่างพระที่นั่งทรงปืนในพระราชวังหลวงที่กรุงเก่า จึงเป็นเหตุให้คนทั้งหลายเรียกว่า พระที่นั่งทรงปืน มาจนทุกวันนี้ แต่ที่จริงขนานนามว่า "พระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน" ในจดหมายเหตุเก่าเห็นเรียกพระที่นั่งทรงธรรมก็มี

    พระราชมณเฑียรที่กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงสร้างขึ้นเป็นที่ประทับในชั้นแรก รูปสัณฐานจะเป็นอย่างไรทราบไม่ได้ แม้ที่จะสร้างอยู่ตรงไหนก็สงสัยอยู่ พระราชมณเฑียรที่สร้างเป็นตึก เป็นที่เสด็จประทับต่อมาเป็นของสร้างในชั้นหลัง ประมาณว่าราวปีระกา จุลศักราช ๑๑๕๑ พ.ศ. ๒๓๓๒ ในคราวๆเดียวกับสร้างหอพระราชมณเฑียรธรรมในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ด้วยแบบอย่างลวดลายคล้ายคลึงกัน ส่อให้เห็นว่าสร้างในคราวเดียวกัน พระราชมณเฑียรที่สร้างใหม่นี้ สร้างเป็นพระวิมาน ๓ หลังเรียงกัน เข้าใจว่าจะมีแบบในกรุงเก่ามา แต่คติที่ว่าปราสาทเป็นที่ประทับ ๓ ฤดูกาล

    แม้ตำหนักสมเด็จพระสังฆราชครั้งกรุงเก่าก็ทำเป็น ๓ หลัง จึงเรียกว่า "ไตรโลกมณเฑียร" ในศุภอักษรที่มีไปเมืองลังกาครั้งแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ แต่ข้าพเจ้าได้ไปเดินตรวจดูในพระราชวังกรุงเก่ากับพระยาโบราณราชธานินทร์ด้วยกันหลายครั้ง ยังไม่พบที่สร้างพระวิมาน ๓ หลังที่ตรงไหน มีปรากฏแต่ในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า(ซึ่งหอพระสมุดพิมพ์แล้ว เมื่อปีขาล พ.ซศง ๒๔๕๗)ว่า พระวิมาน ๓ หลังมีที่วังจันทรเกษม ตรงพระที่นั่งพิมานรัถยา ที่สร้างเป็นที่ว่าการมณฑลกรุงเก่าทุกวันนี้

    ในกรุงรัตนโกสินทร์นี้ พระราชมณเฑียรที่ประทับสร้างเป็นพระวิมาน ๓ หลัง ทั้งในพระราชวังหลวงและที่วังหน้า ในพระราชวังหลวง คือ หมู่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานนั้น แต่สร้างผิดกัน พระวิมานวังหลวงสร้างติดกันทั้ง ๓ หลัง พระวิมานวังหน้าสร้างห่างกันมีชาลาคั่นกลาง

    จะกล่าวเฉพาะพระวิมานวังหน้า ตัววิมาน ๓ หลังทำเป็นสองชั้น หลังใต้ขนานานามว่า " พระที่นั่งวสันตพิมาน" ทำนองความว่าเป็นที่ประทับฤดูฝน หลังกลางขนานนามว่า "พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ" ทำนองความว่าเป็นที่ประทับฤดูหนาว แต่หลังเหนือขนานนามว่า "พระที่นั่งพรหเมศรังสรรค์" ทำนองความแปลกไป จะเป็นด้วยเหตุใดไม่มีเค้าเงื่อนที่จะทราบ ได้แต่สันนิษฐาน สันนิษฐานว่าเดิมเห็นจะมีนามอื่นซึ่งทำนองความว่าเป็นที่ประทับฤดูร้อน แต่มีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งจึงเปลี่ยนนามนั้นเสีย

    ถ้าจะสันนิษฐานต่อไปถึงเหตุ เห็นมีเหตุทำนองเดียวกับครั้งกรุงเก่า เมื่อสมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงสร้างพระที่นั่งองค์ ๑ ขนานนามว่า "พระที่นั่งศรียโสธร" แล้วทรงพระสุบินไปว่า พระอินทร์มาทูลจักรพยุหะถวาย จึงเอานิมิตนั้นเปลี่ยนนามพระที่นั่งศรียโสธรนั้นเป็น พระที่นั่งจักรวัติไพชยนต์ น่าจะมีนิมิตอันใดเป็นเหตุให้เปลี่ยนนามพระวิมานหลังเหนือเป็นพระที่นั่งพรหเมศรังสรรค์ ก็เป็นได้

    ที่ชาลาระหว่างพระวิมานข้างหนึ่งมีตึกห้องสรง อีกข้างหนึ่งมีตึกลงพระบังคน สร้างต่างหากข้างละหลัง ต่อพระวิมานออกมาทั้งข้างหน้าข้างหลัง สร้างพระราชมณเฑียรชั้นเดียว เป็นหลังขวางตลอดแนวพระวิมานทั้งสองด้าน ตรงพระวิมานหลังกลางทำเป็นมุขผ่านหลังขวางตรงออกไปทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

    ที่สุดมุขด้านหน้ามีพระที่นั่งบุษบกมาลาเป็นที่เสด็จออกแขกเมือง มุขนี้เรียกว่าท้องพระโรงหน้า และมีปราสาททองสร้างไว้ที่มุขหลังหนึ่งเป็นที่สรงพระพักร์ เล่ากันมาว่า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทนั้น มีที่พระบรรทมทั้งที่บนพระวิมาน และที่ห้องพระราชมณเฑียรหลังขวางหลายแห่ง ไม่บรรทมที่ใดแห่งเดียวเป็นนิตย์ แต่ถึงจะบรรทมที่ใด คงจะเสด็จมาสรงพระพักตร์ที่ปราสาททองนั้น กล่าวกันมาดังนี้

    พระราชมณเฑียรหลังขวาง ข้างหน้าข้างหลังพระวิมานที่กล่าวมานี้ มีขนานนามเรียกเป็นมุข ด้านตะวันออกเฉียงเหนือเรียก พระที่นั่งบุรพาภิมุช ตะวันออกเฉียงใต้เรียก ทักษิณาภิมุข ตะวันตกเฉียงใต้เรียก ปัจฉิมาภิมุข ตะวันตกเฉียงเหนือเรียก อุตราภิมุข นามเหล่านี้สงสัยว่าจะมาขนานต่อเมื่อในรัชกาลที่ ๓ พร้อมกับขนานนามมุขหน้าว่า พระที่นั่งภิมุขมณเฑียร และมุขหลังว่า พระที่นั่งปฤษฎางค์ภิมุข ก็เป็นได้

    มุขหน้าเมื่อเป็นท้องพระโรงเเรกสร้างในรัชกาลที่ ๑ เข้าใจว่าเรียก พระที่นั่งพรหมพักตร์ ตรงหน้าพระที่นั่งบุษบกมาลาออกมาข้างนอก เดิมเป็นชาลาที่แขกเมืองเฝ้า พ้นชาลาออกมามีทิมคด บังหน้ามุขท้องพระโรงทั้งสามด้าน ทิมคตนี้ต่อมามีชื่อว่า "ทิมมหาวงศ์" เพราะประชุมนักปราชญ์แปลหนังสือมหาวงศ์พงศาวดารลังกา ที่ตรงนั้นเล่ากันมาว่า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทโปรดเสด็จออกที่รโหฐานทีทิมมหาวงศ์นี้

    เมื่อปีมะแม พ.ศ. ๒๓๓๐ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จขึ้นไปตั้งเมืองเชียงใหม่ ซึ่งร้างมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เมื่อเสด็จกลับ เชิญพระพุทธรูปพระพุทธสิหิงค์อันเป็นพระพุทธรูปสำคัญในพระราชพงศาวดารลงมาด้วย

    เรื่องตำนานของพระพุทธสิหิงค์นี้ ว่าเดิมพระเจ้ากรุงลังกาองค์ ๑ ทรงสร้างขึ้นไว้ พระเจ้านครศรีธรรมราชไปขอมาถวายพระร่วง(รามราช)พระเจ้ากรุงสุโขทัย พระเจ้ากรุงสุโขทัยทรงปฏิบัติบูชามาหลายรัชกาล จนสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ กรุงศรีอยุธยาได้เมืองสุโขทัยเป็นเมืองขึ้น จึงเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมาไว้ในกรุงศรีอยุธยา อยู่ได้หน่อย ๑ พระมเหสีคิดอุบายขอให้พระยาญาณดิศผู้เป็นบุตรไปไว้ ณ กำแพงเพชร อยู่นั่นไม่ช้า พระยามหาพรหมเจ้าเมืองเชียงรายยกกองทัพมาตีเมืองกำแพงเพชร พระยาญาณดิศสู้ไม่ได้ยอมเป็นไมตรี พระยามหาพรหมจึงขอพระพุทธสิหิงไปไว้เมืองเชียงราย ต่อมาพระมหาพรหมเกิดวิวาทกับพระเจ้าแสนเมืองมา เจ้านครเชียงใหม่ผู้เป็นหลาน จึงเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมากับพระแก้วมรกฏด้วยกัน พระพุทธสิหิงค์มาอยู่ในเมืองเชียงใหม่ จนสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จไปตีเมืองเชียงใหม่ได้ เมื่อปีขาล จุลศักราช ๑๐๒๔ พ.ศ. ๒๒๐๕ จึงได้เชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมากรุงศรีอยุธยา ประดิษฐานไว้ในวัดพระศรีสรรเพชญ์ พระพุทธสิหิงค์อยู่ในกรุงศรีอยุธยาต่อมาตลอดเวลา ๑๐๕ ปี จนเสียพระนครแก่พม่าข้าศึก สมัยนั้นชาวเชียงใหม่ยังเป็นพวกพม่า จึงเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับไปไว้เมืองเชียงใหม่ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงพระราชดำริว่า พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูปสำคัญในกรุงศรีอยุธบยา โดยมีตำนานดังแสดงมา จึงได้โปรดฯให้เชิญลงมายังกรุงเทพฯ

    ประจวบเวลากำลังทรงสร้างพระราชมณเฑียรดังกล่าว จึงโปรดฯให้สร้างพระวิมานถวายเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์องค์ ๑ ต่ออกมาข้างด้านหน้าพระราชมณเฑียรทางตะวันออก ขนานนามว่า พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ฝาผนังข้างในเขียนรูปเทพชุมนุม และเรื่องพระปฐมสมโพธิ เป็นพุทธบูชายังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์นี้เป็นที่สำหรับทำการพระราชพิธีตรุษสารท และโสกันต์ลูกเธอด้วย

    ในพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปรากฏว่า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงสร้างเขาไกรลาศ บนยอดเขามีบุษบก สำหรับเป็นที่ลูกเธอสรงเวลาโสกันต์อีกสิ่ง ๑ เรียกในหนังสือนิพพานวังหน้าว่าเขาแก้ว แต่จะอยู่ที่ตรงไหนไม่ปรากฏในพระราชนิพนธ์ และว่ามีเขาก่อเป็นฐานรองหอแก้วศาลพระภูมิอีกเขา ๑ ยังอยู่ข้างหลังพระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์จนทุกวันนี้ กระบวนพระราชมณเฑียรในพระราชวังบวรฯที่สร้างเมื่อในรัชกาลที่ ๑ ได้ความดังกล่าวมานี้

    สถานที่ต่างๆในพระราชวังบวรฯนอกพระราชมณเฑียรจะมีสิ่งใดสร้างเมื่อในรัชกาลที่ ๑ บ้างทราบไม่ได้แน่ ด้วยของที่สร้างในครั้งนั้นสร้างด้วยเครื่องไม้ หักพ้งรื้อถอนและสร้างใหม่เปลี่ยนแปลงในชั้นหลังเสียแล้วแทบทั้งหมด ได้แต่ประมาณว่าบรรดาสถานที่สำหรับราชการ อย่างใดมีในพระราชวังหลวงก็คงมีในวังหน้าทำนองเดียวกัน คือ โรงช้าง โรงม้า ศาลาลูกขุน คลัง เป็นต้น ที่ทราบว่าผิดกับพระราชวังหลวงมีอยู่บางอย่าง คือ ตำหนักข้างใน ในพระพระราชวังหลวงสร้างเป็นตำหนักเครื่องไม้ทั้งนั้น เพิ่งมาเปลี่ยนเป็นตึกเมื่อในรัชกาลที่ ๓ แต่ตำหนักในวังหน้าสร้างเป็นตึกมาแต่ในรัชกาลที่ ๑ และมีตำหนักหมู่หนึ่ง ยกหลังคาเป็นสองชั้นคล้ายพระวิมาน เป็นที่ประทับของเจ้ารจจาผู้เป็นพระอัครชายา และเป็นพระมารดาของเจ้าฟ้าพิกุลทอง

    อีกอย่างหนึ่งนั้น มีปรากฏในจดหมายเหตุเก่าว่าที่ ลานพระราชวังบวรฯชั้นนอกข้างด้านเหนือ ตรงที่สร้างวัดบวรสถานสุทธาวาส เมื่อในรัชกาลที่ ๓(และยังปรากฏ เรียกว่าพระเมรุพิมานอยู่บัดนี้) เมื่อแต่แรกเป็สวนที่ประพาสของกรมพระราชวังบวรฯ มีตำหนักสร้างไวในสวนนั้นหลัง ๑ ต่อมากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงพระราชอุทิศให้เป็นบริเวณที่หลวงชีจำศีลภาวนา เหตุเพราะมารดาของนักองค์อี ธิดาสมเด็จพระอุไทราชาพระเจ้ากรุงกัมพูชา ซึ่งเป็นพระสนมเอกชื่อนักนางแม้น บวชเป็นรูปชี เรียกกันว่านักชี มาอยู่ในกรุงฯ จึงโปรดฯให้มาอยู่ในพระราชวังบวรฯกับพวกหลวงชีที่เป็นบริษัท ที่ตรงนั้นจึงเลยเรียกกันว่า "วัดหลวงชี"

    ว่าด้วยเขตพระราชวังบวรฯ เขตวังปันเป็นชั้นในชั้นกลางชั้นนอก เหมือนอย่างพระราชวังครั้งกรุงเก่าแต่เดิม แต่เขตพระราชวังบวรฯชั้นในกับชั้นกลาง เมื่อในรัชกาลที่ ๑ จะอยู่เพียงไหนจะทราบโดยแผนที่ที่มีอยู่ไม่ได้แน่ ด้วยในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าทรงขยายเขตวังชั้นกลางออกไปข้างด้านตะวันออก เขตวังชั้นในก็ขยายออกไปข้างด้านเหนือ แต่มีของควรสังเกตอยู่อย่างหนึ่งว่าที่ในพระราชวังบวรฯ ไว้ที่เป็นสนามใหญ่กว่าในพระราชวังหลวงทั้งชั้นกลางและชั้นนอก คงจะเป็นเช่นนี้มาแต่เดิม เพราะมีการฝึกหัดช้างม้าผู้คนพลทหารฝ่ายพระราชวังบวรฯมักต้องฝึกหัดอยู่ได้แต่ในบริเวณวังวหน้า จะออกมาฝีกหัดตามท้องถนนเละสนามหลวงเหมือนอย่างข้างวังหลวงไม่ได้ แต่เขตพระราชวังบวรฯชั้นนอกตามแนวป้อมปราการที่ปรากฏในแผนที่ เป็นของคงตามเมื่อแรกสร้างครั้งรัชกาลที่ ๑ มิได้เปลี่ยนแปลงในชั้นหลัง

    ป้อมรอบพระราชวังบวรฯมี ๑๐ ป้อม เป็นของสร้างในรัชกาลที่ ๑ ทั้งนั้น รูปป้อม ๔ มุมวัง ทำเป็นแปดเหลี่ยม หลังคำกระโจม นอกนั้นทำเป็นรูปหอรบ มีป้อมซึ่งมีเรื่องตำนานอยู่ป้อม ๑ ชื่อ ป้อมไพฑูรย์ อยู่ข้างทิศใต้ ทำรูปหอรบยาวตามแนวกำแพงวัง ทางปืนตรงเฉพาะพระราชวังหลวง ประหนึ่งว่าสร้างไว้สำหรับยิงพระราชวังหลวง เหตุใดจึงได้สร้างป้อมนี้ก็หาปรากฏไม่ ปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดารแต่ว่า เคยเป็นเหตุถึงใหญ่โตครั้งหนึ่งเมื่อปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๓๙ คราวนั้นกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเกิดขัดพระทัยกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ถึงไม่เสด็จลงมาเฝ้า ความปรากฏในหน้าหนังสือนิพพานวังหน้า ว่ามีข้าราชการวังหน้ากราบทูลกรมพระราชวังบวรฯว่า พวกวังหลวงให้เอาปืนขึ้นป้อมจะยิงวังหน้า กรมพระราชวังบวรฯรับสั่งให้นักองค์อี แต่งข้าหลวงลอบลงมาสืบพวกเขมรที่ลากปืนที่วังหลวง ก็ได้ความว่าเอาปืนขึ้นป้อมเมื่อยิงอาฏนาพิธีตรุษ กรมพระราชวังบวรฯจะมีรับสั่งอย่างไรหาปรากฏไม่ ปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดารแต่ว่า พวกข้าราชการวังหน้ามีพระเกษตร(บุญรอด)เป็นต้น ให้เอาปืนขึ้นป้อมไพฑูรย์นี้ และตระเตรียมจะต่อสู้วังหลวง พร้อมข้าราชการวังหลวงเห็นข้างวังหน้าตระเตรียมกำลังก็ตระเตรียมบ้าง เกือบจะเกิดรบกันขึ้น ความทราบถึงสมเด็จพระพี่นางเธอทั้งสองพระองค์ จึงเสด็จขึ้นไปวังหน้ามีรับสั่งเล้าโลมสมเด็จพระอนุชาธิราชจนสิ้นทิฐืมานะ แล้วพาพระองค์ลงมาเฝ้าสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช การที่ทรงขัดเคืองกันจึงระงับไปได้

    ภายนอกบริเวณกำแพงพระราชวังบวรฯด้านใต้และด้านตะวันออก แต่เดิมมีคูทั้งสองด้าน คูไม่ลึกและกว้างเท่าใดนัก พอน้ำไหลขึ้นขังอยู่ได้ พ้นคูออกมาถนนรอบวัง ถนนด้านใต้ คือถนนพระจันทร์ทุกวันนี้ ยืนขึ้นไปทางตะวันออกจนจดถนนหน้าวังใกล้ถนนราชดำเนินในทุกวันนี้ ส่วนด้านเหนือเพราะคลองคูเมืองเดิมเป็นคู ถนนอยู่ข้างใน ใกล้แนวถนนราชินีทุกวันนี้ ปลายไปลงท่าช้างวังหน้า ด้านตะวันตกเป็นลำแม่น้ำ เอากำแพงพระนครเป็นกำแพงวังชั้นนอก

    ยังมีถนนผ่านพระราชวังบวรฯตามยาวเหนือลงมาใต้อีกสามสาย คือ ริมกำแพงข้างในพระนครสาย ๑ ข้างเหนือวังมีสะพานช้างข้ามคลองคูเมืองเดิม ตรงสะพานเจริญสวัสดิ์ทุกวันนี้ ถนนสายกลางคือถนนหน้าพระธาตุทุกวันนี้นั้นเอง ตรงประตูพรหมทวารวังหน้า เป็นทางเสด็จลงมาพระราชวังหลวง ถนนสายตะวันออกคือถนนราชดำเนินในทุกวันนี้ แต่อยู่ค่อนมาทางตะวันตก ต่อจากถนนสนามไชยตรงไปหาสะพานเสี้ยว ซึ่งเป็นสะพานช้างวังหน้าอีกสะพานหนึ่ง

    พ้นถนนรอบพระราชวังบวรฯออกมา ข้างด้านใต้ต่อเขตวัดมหาธาตุ เดิมชื่อวัดสลัก กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงสถาปนาในคราวเดียวกับสร้างวังหน้า แต่แรกทรงขนานนามว่า วัดนิพพานนาราม ครั้นจะทำสังคายนาพระไตรปิฎก เมื่อปีวอก พ.ศ. ๒๓๓๑ เปลี่ยนนามว่า วัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ และได้เสด็จออกทรงผนวชอยู่คราวหนึ่ง ๑๕ ราตรี เมื่อปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๓๘ ต่อมากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จสวรรคตแล้วจึงเปลี่ยนนามอีกครั้งหนึ่งว่า วัดมหาธาตุ หน้าวัดมหาธาตุเป็นท้องสนามหลวง อยู่ระหว่างพระราชวังหลวงกับพระราชวังบวรฯ เวลาทำพระเมรุในท้องสนามหลวง พระเมรุอยู่กลาง พลับพลาวังหน้าตั้งข้างเหนือ เครื่องมหรสพของวังหลวงกับวังหน้าเล่นกันคนละฝ่ายสนามหลวง

    ทางด้านตะวันออกตรงหน้าวังข้ามถนนไป สร้างวังลูกเธอ (ตั้งแต่ถนนพระจันทร์ไปจนน้ำพุนางพระธรณี) ๔ วัง เรียงแต่ข้างใต้ไปข้างเหนือ คือ วังพระองค์เจ้าลำดวนวัง ๑ วังพระองค์เจ้าอินทปัตวัง ๑ วังพระองค์เจ้าอสนีภายหลังได้เป็นกรมหมื่นเสนีเทพวัง ๑ วังพระองค์เจ้าช้างวัง ๑

    ด้านเหนือข้างฟากถนนไปริมคลองคูเมืองเดิมเป็นโรงไหมและโรงช้าง ตลอดท่าช้างฟากคลองข้างเหนือสร้างวังกรมขุนสุนทรภูเบศร์ (ทีหลังเป็นวังเจ้าฟ้าอิศราพงษ์ อยู่ตรงระหว่างโรงกระสาปน์กับโรงพยาบาลทหารทุกวันนี้)

    ด้านตะวันตกพระราชวังบวรฯ ประตูวังลงท่าทำเป็นประตูยอดปรางค์เรียกประตูฉนวน(วังหน้า)ประตู ๑ ที่ท่าพระฉนวนมีแพจอดเป็นที่ประทับประจำท่า และเรียกว่า ตำหนักแพ เหมือนวังหลวง ข้างใต้ท่าพระฉนวนเป็นโรงเรือและสรีรสำราญของชาววัง มีอุโมงค์เป็นทางเดินออกไปได้แต่ในวัง ใต้อุโมงค์ลงไปเป็นโรงวิเศษจนสุดเขตวัง ข้างเหนือตำหนักแพเป็นโรงฝีพาย และเข้าใจว่าท่าตำรวจต่อขึ้นไป แล้วมีโรงช้างอยู่ริมน้ำโรง ๑ ต่อโรงช้างถึงประตูท่าช้างวังหน้า

    เหนือประตูว่าเป็นบ้านข้าราชการจนปากคลองคูเมืองเดิม เหนือคลองคูเมืองเดิมขึ้นไปทางริมน้ำนอกกำแพงเมืองเป็นบ้านรับแขกเมือง และบ้านขุนนาง ตอนในกำแพงเมืองเป็นบ้านเสนาบดีวังหน้า และมีคุกวังหน้าอยู่ตรงหน้าวัดชนะสงครามแห่ง ๑ ด้วยท้องที่กำหนดเป็นแขวงอำเภอพระราชวังบวรฯกึ่งพระนครตามแบบครั้งกรุงเก่า มาจนถึงราววัดเทพธิดาภูมิแผนที่วังหน้าเป็นดังพรรณนามาฉะนี้

    มีคำกล่าวกันมาแต่ก่อนว่า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงสร้างพระราชมณเฑียรและสถานที่ต่างๆในพระราชวังบวรฯ ทรงทำโดยปราณีตบรรจงทุกๆอย่าง ด้วยตั้งพระราชหฤทัยว่า เมื่อสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชสิ้นพระชนมายุขัยสวรรคต ถึงเวลาพระองค์ทรงครอบครองราชสมบัติ จะเสด็จประทับอยู่พระราชวังบวรฯตามแบบอย่างสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ไม่เสด็จลงมาอยู่วังหลวง เป็นคำเล่ากันมาดังนี้ แต่พระราชประวัติมิได้เป็นไปตามธรรมดาอายุขัย กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จดำรงพระยศมาได้ ๒๑ พรรษา ถึงปีจอ พ.ศ. ๒๓๔๕ มีพระอาการประชวรเป็นนิ่วในเวลาเมื่อเสด็จเป็นจอมพลไปรบพม่าที่มาตีเมืองเชียงใหม่ เสด็จขึ้นไปถึงกลางทางประชวรลงในเดือน ๓ ต้องประทับอยู่ที่เมืองเถิน ให้กรมพระราชวังหลังเสด็จขึ้นไปบัญชาการรบแทนพระองค์

    เมื่อมีชัยชนะข้าศึกสงครามเสด็จกลับลงมาถึงกรุงเทพฯ พระอาการค่อยทุเลาขึ้นคราวหนึ่ง ครั้นถึงเดือน ๘ ปีกุน พ.ศ. ๒๓๔๖ พระโรคกลับกำเริบอีก คราวนี้พระอาการมีแต่ทรงอยู่กับทรุดลงโดยลำดับมา จนถึงเดือน ๑๒ ประชวรหนัก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จขึ้นไปช่วยรักษาพยาบาล<SUP>(๒)</SUP> มาจนถึงวันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ แรม ๔ ค่ำ เพลาเที่ยงคืน กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จสวรรคตในพระที่นั่งบุรพาภิมุข คำนวนพระชนมายุได้ ๖๐ พรรษา ครั้นรุ่งขึ้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จไปพระราชทานน้ำสรงพระศพพร้อมด้วยพระราชวงศานุวงศ์ ทรงเครื่องพระศพตามพระเกียรติยศเสร็จแล้ว เชิญลงพระลองประกอบด้วยพระโกศไม้สิบสองหุ้มทองคำ<SUP>(๓)</SUP> ซึ่งโปรดฯให้สร้างขึ้นใหม่ แห่ไปประดิษฐานไว้ ณ พระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน พร้อมด้วยเครื่องประดับตามสมควรแก่พระเกียรติยศพระมหาอุปราช แล้วโปรดฯให้มีหมายประกาศให้คนโกนหัวไว้ทุกข์ทั่วพระราชอาณาจักร<SUP>(๔)</SUP>

    ตรงนี้จะต้องกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกรมพระราชวังบวรฯทรงพระประชวรจะสวรรคต ด้วยเกี่ยวข้องเนื่องกับตำนานวังหน้าในชั้นหลังต่อมา เรื่องราวเหตุการณ์ทั้งปวงนั้นมีปรากฏอยู่ในหนังสือพระราชพงศาวดาร และพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับทั้งในเรื่องนิพพานวังหน้า พระองค์เจ้าหญิงกัมพุชฉัตรพระราชธิดากรมพระราชวังบวรฯ ซึ่งนักองค์อีเป็นเจ้าจอมมารดาได้ทรงนิพนธ์ไว้ พิมพ์แล้วทั้ง ๓ เรื่อง พิเคราะห์เนื้อเรื่องที่ยุติต้องกัน ได้ความดังนี้

    เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงสังเกตเห็นอาการที่ทรงพระประชวร มีแต่ทรงอยูกับทรุดลงเป็นอันดับมา จนพระสิริรูปซูบผอมทุพพลภาพ ทรงรำคาญด้วยทุกขเวทนาที่มีในอาการพระโรค วันหนึ่งจึงทรงอธิษฐานเสี่ยงทายพระสุธารสว่า ถ้าหากพระโรคที่ประชวรจะหายไซร้ ขอให้เสวยพระสุธารสนั้นให้ได้โดยสะดวก พอเสวยพระสุธารสเข้าไปก็มีอาการทรงพระอาเจียน พระสุธารสไหลกลับออกมาหมด แต่นั้นกรมพระราชวังบวรฯก็ปลงพระราชหฤทัยว่าคงจะสวรรคต มิได้เอาพระทัยใส่ที่จะเสวยพระโอสถรักษาพระองค์ และทรงสั่งเสียพระราชโอรสธิดา ข้าราชการในวังหน้า ตามพระอัธยาศัยให้ทราบทั่วกันว่า พระองค์คงจะเสด็จสวรรคตในไม่ช้าแล้ว

    อยู่มาในกาลวันหนึ่ง ทรงระลึกถึงวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ ซึ่งไฟไหม้เมื่อปีระกา พ.ศ. ๒๓๔๔ ทรงสถาปนาใหม่การยังค้างอยู่ จึงดำรัสสั่งให้เชิญพระองค์ขึ้นทรงพระเสลื่ยง เสด็จออกมายังวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ ว่าจะทรงนมัสการพระพุทธรูป ครั้นเสด็จถึงหน้าพระประธานในพระอุโบสถ ดำรัสเรียกพระแสง ว่าจะจบพระหัตถ์อุทิศถวายให้ทำเป็นราวเทียน ครั้นพนักงานถวายพระแสงเข้าไป ทรงเรียกเทียนมาจุดเรียบเรียงติดเข้าที่พระแสงทำเป็นพุทธบูชาครู่หนึ่ง ขณะนั้นพออาการพระโรคเกิดทุกขเวทนาเสียดแทงขึ้นเป็นสาหัส ก็ทรงปรารภจะเอาพระแสงแทงพระองค์ถวายเป็นพุทธบูชา พระองค์เจ้าลำดวนลูกเธอองค์ใหญ่ที่ตามเสด็จไปด้วยเข้าแย่งพระแสงเสียไปจากพระหัตถ์ กรมพระราชวังบวรฯทรงโทมนัสทอดพระองค์ลง ทรงกันแสงแช่งด่าพระองค์เจ้าลำดวนต่างๆ ในที่สุดเจ้านายและข้าราชการที่ไปตามเสด็จ ต้องช่วยกันปล้ำปลุกเชิญพระองค์ขึ้นทรงพระเสลี่ยงกลับคืนเข้าพระราชวังบวรฯ

    ต่อนั่นมาในไม่ช้าอีกวันหนึ่ง กรมพระราชวังบวรฯมีรับสั่งว่า พระราชมณเฑียรสถานได้ทรงสร้างไว้ใหญ่โตมากมายเป็นของปราณีตบรรจง ประชวรมาช้านานไม่ได้ทอดพระเนตรเห็นให้รอบคอบ จะใคร่ทอดพระเนตรให้สบายพระราชหฤทัย จึงโปรดฯให้เชิญพระองค์ขึ้นทรงพระเสลี่ยงบรรทมพิงพระเขนย เชิญเสด็จไปรอบพระราชมณเฑียร กระแสรับสั่งของกรมพระราชวังบวรฯเมื่อเสด็จประพาสพระราชมณเฑียรครั้งนี้เล่ากันมาเป็นหลายอย่าง บางคนเล่าว่ากรมพระราชวังบวรฯทรงบ่นว่า "ของนี้อุตส่าห์ทำขึ้นด้วยความคิดและเรี่ยวแรงเป็นนักหนา หวังว่าจะได้อยู่ชมให้สบายนานๆ ก็ครั้งนี้จะไม่ได้อยู่แล้ว จะได้เห็นวันนี้เป็นที่สุด ต่อนี้ไปก็จะเป็นของท่านผู้อื่น" เล่ากันแต่สังเขปเท่านี้ก็มี เล่ากันอีกอย่างหนึ่งยิ่งไปกว่านี้ว่า กรมพระราชวังบวรฯรับสั่งบ่นว่า "ของใหญ่ของโตดีดีของกูสร้าง ใครไม่ได้ช่วยเข้าทุนอุดหนุนให้แรง ก็สร้างขึ้นด้วยกำลังข้าเจ้าบ่าวนายของกูเอง นานไปใครมิใช่ลูกกู ถ้ามาเป็นเจ้าของเข้าครอบครอง ขอให้ผีสางเทวดาจงบันดาลอย่าให้มีความสุข" ตามพระหฤทัยที่โทมนัส เล่ากันอย่างหลังนี้โดยมาก<SUP>(๕)</SUP>

    ในหนังสือพระราชพงศาวดารว่า กรมพระราชวังบวรฯประชวรครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จขึ้นไปเยี่ยมพระประชวร เมื่อแรกเสด็จกลับลงมาจากเมืองเถินครั้ง ๑ ต่อมาเมื่อทรงทราบว่าพระอาการมาก จะเสด็จขึ้นไปรักษาพยาบาล ครั้งหลังนี้พวกข้าราชการวังหลวงจะขึ้นไปตั้งกองรักษาพระองค์ พวกวังหน้ามากีดกันห้ามปราม ไม่ยอมให้พวกวังหลวงเข้าไปตั้งกองล้อมวงลงได้ เจ้าพระยารัตนาพิพิธที่สมุหนายกต้องเชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย แต่ยังทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงอิศรสุนทร เสด็จขึ้นไปเป็นประธานจัดตั้งกองล้อมวง เจ้าพระยารัตนาพิพิธกับเจ้าพระยายมราช เดินตามเสด็จไปสองข้างพระเสลี่ยง พวกวังหน้ายำเกรงพระบารมีจึงยอมให้ตั้งกองล้อมวง

    เรื่องตั้งกองล้อมวงที่ปรากฏตรงนี้ บางทีท่านผู้อ่านจะมีความสงสัยว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จขึ้นไปเยี่ยมประชวรกรมพระราชวังบวรฯถึง ๒ ครั้ง ครั้งก่อนก็เป็นการเรียบร้อย เหตุใดจึงมาเกิดการเกี่ยงแย่งเรื่องล้อมวงขึ้นต่อครั้งหลัง ข้อนี้อธิบายว่าที่จริงการที่วังหลวงเสด็จขึ้นไปวังหน้านั้น โดยปกติย่อมมีเนืองๆ เหมือนดังเช่นเสด็จในงานพระราชพิธีโสกันต์ลูกเธอวังหน้าเป็นต้น แต่การเสด็จโดยปกติจัดเหมือนอย่างเสด็จวังเจ้านายต่างกรม ไม่มีจุกช่องล้อมวงเป็นการพิเศษอย่างใด แต่ครั้งหลังนั้น เพราะจะเสด็จขึ้นไปรักษาพยาบาลกรมพระราชวังบวรฯซึ่งประชวรหนักจวนสวรรคต จะประทับอยู่เร็วหรือช้าหรือจนถึงแรมค้างคืนวันก็เป็นได้ เป็นการผิดปกติ จึงต้องจัดการจุกช่องล้อมวงรักษาพระองค์ให้มั่นคงกวดขัน ฝ่ายข้างพวกวังหน้าถือว่าพวกวังหลวงเข้าไปทำละลาบละล้วงในรั้ววังลบหลู่เจ้านายของตน จึงพากันขัดแข็งเกะกะ เพราะพวกข้าราชการวังหลวงกับวังหน้ามีทิฐิถือเป็นต่างพวกต่างฝ่ายกันอยู่แล้ว

    และในครั้งนั้นยังมีเหตุอื่นอีก ซึ่งทำให้พวกวังหน้ากระด้างกระเดื่อง เนื่องมาแต่ครั้งรบพม่าที่เมืองเชียงใหม่ เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๓๔๐ คราวนั้นโปรดฯให้กรมพระราชวังบวรฯเสด็จเป็นจอมพล เจ้านายไปตามเสด็จมีกรมพระราชวังหลัง เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ และกรมขุนสุนทรภูเบนทร์<SUP>(๖)</SUP> กับพระองค์เจ้าลำดวน พระองค์เจ้าอินทปัต ๒ พระองค์นี้เป็นลูกเธอชั้นผู้ใหญ่ของกรมพระราชวังบวรฯ พึ่งจะออกทำสงครามในครั้งนั้น กรมพระราชวังบวรฯเสด็จขึ้นไปถึงเมืองเถิน ทรงจัดกองทัพที่จะยกไปรบพม่าที่มาตั้งล้อมเมืองเชียงใหม่เป็น ๔ ทัพ ให้เจ้าฟ้ากรมหลวงหริรักษ์ กับพระยายมราชคุมกองทัพวังหลวงยกไปทัพ ๑ ให้กรมขุนสุนทรภูเบนทร์กับพระองค์เจ้าลำดวน พระองค์เจ้าอินทปัตคุมกองทัพวังหน้ายกไปทัพ ๑ ให้เจ้าอนุอุปราชซึ่งยกกองทัพเมืองเวียงจันทน์มาช่วยยกไปทัพ ๑ แล้วให้กรมพระราชวังหลังยกไปเป็นทัพหนุนอีกทัพ ๑ การสงครามครั้งนั้นต่างทัพต่างทำการรบพุ่งประชันกัน มีชัยชนะตีกองทัพพม่ายับเยิน จนจับได้อุบากองนายทัพพม่าคน ๑

    ต่อมาถึงปีจอ พ.ศ. ๒๓๔๕ พม่ายกกองทัพมาตีเมืองเชียงใหม่อีก จึงโปรดฯให้กรมพระราชวังบวรฯเสด็จเป็นจอมพล และจัดกองทัพให้เหมือนครั้งก่อน เว้นแต่กรมพระราชวังหลังไม่ได้เสด็จขึ้นไปในชั้นแรก กรมพระราชวังบวรฯเสด็จขึ้นไปถึงเมืองเถิน ไปประชวรในคราวที่จะสวรรคตนี้ กองทัพเจ้าอนุเวียงจันทน์ก็ยกมาไม่ทันกำหนด กรมพระราชวังบวรฯจึงทรงจัดให้เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์กับพระยายมราชคุมกองทัพวังหลวงยกขึ้นไปเมืองเชียงใหม่ทางเมืองลี้ทัพ ๑ ให้กรมขุนสุนทรภูเบนทร์กับพระองค์เจ้าลำดวน พระองค์เจ้าอินทปัตและพระเสน่หาภูธร ชื่อทองอิน ภายหลังได้เป็นพระยากลาโหมราชเสนา เป็นคนซึ่งกรมพระราชวังบวรฯทรงพระเมตตาเหมือนอย่างพระราชบุตรบุญธรรม คุมกองทัพวังหน้าขึ้นไปเมืองเชียงใหม่ทางเมืองนครลำปางอีกทัพ ๑

    ข้างฝ่ายกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงทราบข่าวกรมพระราชวังบวรฯประชวร โปรดฯให้กรมพระราชวังหลังเสด็จตามขึ้นไป กรมพระราชวังบวรฯจึงให้กรมพระราชวังหลังคุมกองทัพหนุนขึ้นไปอีกทัพหนึ่ง กองทัพที่ยกขึ้นไปเมืองเชียงใหม่ครั้งนี้ ทัพหลวงที่ไปทางเมืองลี้ไปเข้าใจผิดถอยลงมาเสียคราวหนึ่ง จนทัพวังหน้าตีได้เมืองลำพูนจึงยกตามขึ้นไปตั้งประชิดค่ายพม่าที่ล้อมเมืองเชียงใหม่ ครั้นกรมพระราชวังหลังเสด็จขึ้นไปถึง มีรับสั่งให้กองทัพยกเข้าระดมตีค่ายพม่าพร้อมกัน กองทัพวังหน้าก็ตีได้ค่ายพม่าก่อน ต่อพวกวังหน้าชนะแล้วทัพวังหลวงจึงตีค่ายได้

    กรมพระราชวังบวรฯทรงขัดเคืองกองทัพวังหลวง ดำรัสบริภาษติเตียนต่างๆแล้วปรับโทษให้ขึ้นไปตีเมืองเชียงแสนแก้ตัว ด้วยกันกับกองทัพเจ้าอนุเวียงจันทน์ซึ่งยกมาไม่ทันรบพม่าที่เมืองเชียงใหม่ การสงครามคราวนี้จึงเป็นเหตุให้พวกวังหน้าที่เป็นตัวสำคัญ คือพระองค์เจ้าลำดวน พระองค์เจ้าอินทปัต และพระยากลาโหมทองอิน ซึ่งเป็นพวกรุ่นหนุ่มไปมีชื่อเสียงมาในคราวนี้ เกิดดูหมิ่นพวกวังหลวงว่าในการรบพุ่งทำศึกสงครามสู้พวกวังหน้าไม่ได้ ข้างพวกวังหลวงเมื่อเห็นพวกวังหน้าดูหมิ่นก็ต้องขัดเคือง จึงเลยเป็นเหตุให้ไม่ปรองดองกันในเวลาเมื่อจะตั้งกองล้อมวงเตรียมรับเสด็จ

    แต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จขึ้นไปถึงพระราชวังบวรฯ ทอดพระเนตรเห็นสมเด็จพระอนุชาธิราชประชวรมาก ก็ทรงพระอาลัยและทรงพระกันแสงรำพรรณต่างๆ พระองค์เจ้าหญิงกัมพุชฉัตรเฝ้าอยู่ในที่นั้น ได้ทรงพรรณนาไว้ในกลอนเรื่องนิพพานวังหน้าเป็นน่าจับใจ จึงคัดมาลงไว้ต่อไปนี้


    <CENTER>"พระปิตุลาปรีชาเฉลียวแหลม
    ขยายแย้มสั่งให้ห้อยมณฑาหอม
    พระโองการร่ำว่านิจาจอม
    ถนอมขวัญตรัสโอ้พระอนุชา

    ว่าพ่อผู้กู้ภพทั้งเมืองพึ่ง
    จงข้ามถึงพ้นโอฆสงสาร์
    ดำรงจิตคิดทางพระอนัตตา
    อนาคตนำสัตว์เสวยรมย์

    ครั้งทรงสดับโอวาทประสาทสอน
    ค่อยเผยผ่อนเคลื่อนคล้อยอารมณ์สม
    แต่หนักหน่วงห่วงหลังยังเกรงกรม
    ประนมหัตถ์ร่ำว่าฝ่าละออง

    บุญน้อยมิได้รองยุคลคืน
    ยิ่งทรงสะอื้นโศกสั่งกันทั้งสอง
    จึงทูลฝากพระนิเวศน์ที่เคยครอง
    ประสิทธิ์ปองมอบไว้ใต้ธุลี

    ฝากหน่อขัตติยานุชาด้วย
    จงเชิญช่วยโอบอ้อมถนอมศรี
    แต่พื้นพงษ์จะพึ่งพระบารมี
    จงปรานีนัดดาอย่าราคิน

    เหมือนเห็นแก่นุชหมายถวายมอบ
    จะนึกตอบแต่บุญการุญถวิล
    ก็จะงามฝ่ายุคลไม่มลทิน
    ก็เชิญผินนึกน้องเมื่อยามยัง

    อนึ่งหน่อวรนาถผู้สืบสนอง
    โปรดให้ครองพระนิเวศน์เหมือนปางหลัง
    อย่าบำราศให้นิราแรมวัง
    ก็รับสั่งอวยเออพระโองการ

    จึงตรัสปลอบพระบัณฑูรอาดูรด้วย
    ว่าจะช่วยเอาธุระแสนสงสาร
    เป็นห่วงไปไยพ่อให้ทรมาน
    จะอุ้มหลานจูงลูกไม่ลืมคำ

    อันเยาวยอดสืบสายโลหิตพ่อ
    พี่ตั้งต่อสุจริตอุปถัมภ์
    ครั้นทรงสดับแน่นึกสำเนาคำ
    ก็คลายร่ำทุกข์ถ้อยบรรเทาทน"
    </CENTER>

    เนื้อความตามที่ปรากฏในกลอนของพระองค์เจ้าหญิงกัมพุชฉัตร ก็ตรงกับคำที่เล่ากันมา ว่าเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จขึ้นไปเยี่ยมประชวร กรมพระราชวังบวรฯกราบทูลฝากพระโอรสธิดา แล้วกราบทูลขอให้ได้อยู่อาศัยในวังหน้าต่อไป บางทีความข้อหลังนี้เองจะเป็นเหตุให้พระองค์เจ้าลำดวน และพระองค์เจ้าอินทปัตเข้าพระทัยไปว่า พระราชบิดาได้ทูลขอให้ลูกเธอได้ครองวังหน้า อย่างรับมรดกกันในสกุลคนสามัญ ไม่รู้สึกว่าเป็นพระราชวังสำหรับพระมหาอุปราช ครั้นเมื่อกรมพระราชวังบวรฯเสด็จสวรรคตแล้ว ไม่ได้เข้าไปครองวังหน้าดังปรารถนา จึงโกรธแค้นคบคิดกันช่องสุมหากำลังจะก่อการกำเริบ

    ในชั้นแรกมีความปรากฏทราบถึงพระกรรณแต่ว่า พระองค์เจ้าลำดวน พระองค์เจ้าอินทปัต เกลี้ยกล่อมหาคนดีมีวิชาอยู่คง ไปลองวิชากันที่ในวังในเวลากลางคืนเนืองๆ บางทีลองวิชาพลาดพลั้งถึงผู้คนล้มตายก็เอาศพซ่อนฝังไว้ในวังนั้น เพื่อจะปิดความมิให้ผู้อื่นได้รู้

    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกยังทรงแคลงพระทัยอยู่ ให้แต่งข้าหลวงปลอมไปเข้าเป็นสมัครพรรคพวกของพระองค์เจ้าทั้งสองนั้น ก้ได้ความสมจริงดังำที่กล่าว จึงโปรดฯให้จับมาชำระ ได้ความว่าคบคิดกับพระยากลาโหมทองอินด้วย ครั้นจับพระยากลาโหมกับพรรคพวกที่เข้ากันมาชำระ จึงให้การรับเป็นสัตย์ว่าคบคิดกันจะทำร้ายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อวันเสด็จพระราชทานเพลิงพระศพกรมพระราชวังบวรฯ

    และทำนองถ้อยคำซึ่งกรมพระราชวังบวรฯได้ตรัสว่าประการใดเมื่อเวลาทรงพระประชวร ก็เห็นจะปรากฏขึ้นในเวลาชำระกันนี้ จึงเป็นเหตุให้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงน้อยพระทัยในสมเด็จพระอนุชาธิราช ว่าเพราะผู้ใหญ่พูดจาให้ท้ายเช่นนั้นเด็กจึงกำเริบ แต่แรกดำรัสว่าจะไม่ทำพระเมรุพระราชทานเพลิงพระศพกรมพระราชวังบวรฯ

    แต่ครั้นคลายพระพิโรธลงก็โปรดฯให้ทำพระเมรุใหญ่ตามเยี่ยงอย่างพระเมรุพระมหาอุปราชครั้งกรุงเก่า แต่ดำรัสให้เชิญพระบรมสารีริกธาตุออกสมโภชที่พระเมรุเป็นพุทธบูชาเสียก่อน ไม่ให้เสียพระวาจาที่ว่าจะไม่ทำพระเมรุกรมพระราชวังบวรฯ ครั้นพระราชทานเพลิงพระศพกรมพระราชวังบวรฯแล้ว จึงโปรดฯให้เชิญพระอัฐิไปประดิษฐานไว้ในพระที่นั่งวายุสถานอมเรศ อันเป็นพระวิมานกลางในหมู่มหามณเฑียรในพระราชวังบวรฯ จึงเป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิแต่นั้นมา ส่วนการพระเมรุแต่นั้นก็เลยเป็นประเพณี เวลามีงานพระเมรุท้องสนามหลวงจึงเชิญพระบรมสารีริกธาตุออกสมโภชก่อนงานพระศพ สืบมาจนรัชกาลหลังๆ


    <CENTER>....................................................................................................................................................</CENTER>
    (๑) พบนามพระพิมานที่กล่าวนี้ในหนังสือ "นิพพานวังหน้า"

    (๒) ในหนังสือพระราชพงศาวดารที่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์แต่ง ว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จขึ้นประทับแรมอยู่ ๖ ราตรี ข้าพเจ้าสงสัยว่าจะเอาคราวรัชกาลที่ ๒ มาลงผิด ด้วยในหนังสือยนิพพานวังหน้าไม่ปรากฏว่าเสด็จขึ้นไปประทับแรม

    (๓) ไขว้กันไปควรจะเป็น "เชิญลงพระโกศประกอบด้วยพระลองไม้สิบสองหุ้มทองคำ"
    ดูที่ ตำนานพระโกศ

    (๔) เมื่อถึงรัชกาลที่ ๔ โปรดฯให้มีประกาศห้ามมิให้ผู้สังกัดวังหน้าโกนหัวไว้ทุกข์ เนืองในการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่าคติการไว้ทุกข์ด้วยโกนหัวนั้นมีคติเดิมว่าข้าบริวารของผู้ตายเท่านั้นที่โกนหัว หากโกนหัวทั้งแผ่นดินหมายถึงว่าพระเจ้าแผ่นดินสวรรคต

    (๕) ความตรงนี้มีในพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

    (๖) พระองค์นี้มีประวัติแปลกพิสดารออกไป กล่าวว่าเดิมเป็นสามัญชนชื่อ หม่อมเรือง ได้สาบานเป็นพี่น้องกับกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเมื่อครั้งยังทำสงครามกูชาติกับพม่าข้าศึก ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกสถาปนาพระบรมราชวงศ์จักรีแล้ว จึงโปรดฯให้สถาปนาขึ้นเป็นเจ้าราชนิกูล ชื่อเจ้าบำเรอภูธร ภายหลังโปรดฯให้มีอิสริยยศเป็นต่างกรม นาม กรมขุนสุนทรภูเบนทร์
     
  6. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    มีงานบุญอยู่งานหนึ่งที่อยากบอกบุญมายังเพื่อนๆคณะศิษย์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทุกท่านที่ปรารถนาจะสร้างกุศลกับหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร กรมพระราชวังบวรสถานมงคลทั้ง ๕ พระองค์ เทพเทวาที่ปกปักรักษาสยามประเทศมาแต่ครั้งการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์...

    งานบุญที่ว่านี้คือ การสร้าง"ไฉไบ๊" เป็นผ้าไหมทอมือจากประเทศจีนที่ติดไว้เหนือเพดานในศาลเทพารักษ์ "ไฉไบ๊"ของเดิมนี้ได้อยู่ประจำศาลนี้มาร่วมร้อยปีแล้ว บัดนี้ด้วยกาลเวลาจึงทำให้ผ้าไหมเก่า และเสียหายขาดชำรุด จึงถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยน"ไฉไบ๊"ผืนใหม่ซึ่งภายในศาลมีจำนวนรวมด้วยกัน ๓ ผืน งบประมาณที่ได้ไปสอบถามร้านค้าแถววัดเล่งเน่ยยี่ที่เป็นการทอมือทั้งผืน ไม่ใช่การปัก และแปะ จะอยู่ที่ ๓๐,๐๐๐ บาท ผมเห็นว่าการสร้างครั้งนี้เป็นการสร้างครั้งที่ ๒ ซึ่งอีกร้อยปีจึงจะสร้างผืนที่ ๓ ได้ ถือเป็นของสูงที่อยู่ภายในศาลเทพารักษ์แห่งนี้ การบอกบุญก็จะใช้เวลาเพียงประมาณ ๒๐ วันเท่านั้น เพื่อให้ทันวันที่ ๓ พ.ย. ๒๕๕๑ ซึ่งตรงวันสวรรคตของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ...

    สามารถร่วมบุญด้วยการโอนปัจจัยที่ผมก็ได้ครับ เพื่อความสะดวก และสามารถดำเนินการจัดซื้อได้ทันตามกำหนดเวลาที่

    บัญชีคุณอภิวัฒน์ ชัฎอนันต์
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาซอยไชยยศ
    บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 040-2-25999-6

    ผมขอมอบพระผงวังหน้า ซึ่งหลวงปู่พระอุตรเถระเจ้าเสก เมื่อท่านได้ร่วมบุญสร้าง"ไฉไบ๊"ประจำศาลวังหน้าทุกๆ ๕๐๐ บาท
    <LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ผ้าผืนนี้นี้ไงครับ

    [​IMG]












     
  7. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ยินดีครับไม่เกินวันเสาร์ผมจะไปโอนให้จำนวน 500บาทครับ
     
  8. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    จะหาเวลาไปรีบโอนให้นะครับ ยินดีร่วมบุญกับชาวววังหน้าเสมอครับ
     
  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขอโมทนาด้วยครับ..

    1 ) คุณnongnooo
    2 ) คุณake7440
     
  10. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    ร่วมทำบุญด้วยค่ะ โอนเงินแล้วเมื่อเวลา 8.19 น. 2,000.00 บาท
    ร่วมบุญซื้อผ้า "ไฉไบ๊" 1,000.00 บาท
    ร่วมเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆในการสร้างบุษบก 1,000.00 บาท

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยค่ะ
     
  11. channarong_wo

    channarong_wo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +1,510
    คุณเพชร ขอขึ้นรถเที่ยวนี้ด้วยนะครับ 500 บาท ..โมทนาด้วยครับ
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมขออนุญาตคุณเพชร นำไปลงในกระทู้ "พระวังหน้า ที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้....." ที่เว็บอกาลิโกด้วยนะครับ
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=8477&page=105
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอความร่วมมือโหวตให้พระองค์ภา ต้องการ 500,000 ชื่อ

    โดย MBNY<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1563083", true); </SCRIPT>
    Administrator

    ---------- Forwarded message ----------

    From:
    Date: 2008/10/7

    Subject: FW: ขอความร่วมมือโหวตให้พระองค์ภา ต้องการ 500,000 ชื่อ
    To:


    [​IMG] [​IMG]


    รบกวนขอความร่วมมือนะคะ คือ พระองค์ภา ท่านทรงรับเป็น UN Goodwill Ambassador
    ต่อ ต้านความรุนแรงต่อผ้หญิง หากเรามีจุดยืนที่สนับสนุนการ ยุติความรุนแรง

    ขอความกรุณาเข้าไปในwebsite ข้างล่างนี้เพื่อลงชื่อว่าเราสนับสนุนน่ะค่ะก็จะขอบคุณ มาก และจะรบกวนส่งต่อให้เพื่อนๆให้ช่วยกันลงชือสนับสนุนให้มากที่สุดเท่าที่จะมาก ได้ ก็จะดียิ่งค่ะ การที่พระองค์ภาทรงรับเรื่อง นี้พวกเราที่ทำเริ่องความ รุนแรง เห็นว่าจะช่วยยกระดับของปัญหาให้เห็นชัดมากขึ้นระดับหนึ่ง ทำให้สังคมตระหนักว่าเป็นเรื่อง ของสังคมที่จะต้องช่วยกัน

    การหาผู้สนับสนุน มีเงื่อนเวลาว่า ภายใน25Nov ซึ่งเป็นวันยุติความรุนแรงสากล จะต้องรวบรวมให้ได้500,000 ชื่อน่ะค่ะ เลยรบกวนช่วยส่งต่อๆ
    ด้วยนะคะ

    www.novaw.in.<WBR>th

    ------------------------------------------------------
    **************************************
    ++++++++++++++++++++++++++++++

    เริ่มวันนี้ล่า 5 แสนชื่อ! 'ยุติความรุนแรง' เพื่อเด็กหญิง-สตรีไทย


    [​IMG]



    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>




    </TD></TR><TR><TD class=message-normal style="HEIGHT: 10px" vAlign=top align=middle><SCRIPT type=text/javascript>// URLs of slidesvar slideurl = new Array('http://ads.dailynews.co.th/column/images/2008/politic/10/3/63853_59270.jpg') ;// Comments displayed below the slidesvar slidecomment = new Array('');var picNo = new Array('0');var i;var j;var picturecontent=''function poppic(ncId,NewsType,picNum){window.open('../../html/popup_news/popup_news_popuppic.htm?' + slideurl[picNum] + '?Daily News Online : Politics','','resizable=1,HEIGHT=200,WIDTH=200');}function createtable(){picturecontent ='<table width=100% cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0>' ;for (i=0;i<=(slideurl.length-1);i++) {picturecontent +='<tr>' ;picturecontent +='<td vAlign=top align=center>' ;picturecontent += '';picturecontent += '[​IMG]' ;picturecontent += '</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;picturecontent +='<tr>' ;picturecontent += '<td class=messageblack vAlign=middle align=center height=20>' ;picturecontent+=slidecomment ;picturecontent +='</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;}picturecontent+='</table>' ;document.getElementById("hlblTable").innerHTML=''+picturecontent+'';}createtable();</SCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top>"สิ่งเล็ก ๆ ที่เราช่วยกันทำในวันนี้ จะช่วยชีวิตเด็กผู้หญิง และผู้หญิง ได้อีกเป็นจำนวนมาก เป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ ที่เราทำได้ที่หน้าจอ เดี๋ยวนี้...
     
  14. gnip

    gnip สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +14
    ร่วมทำบุญกับคุณเพชรทั้ง 2 งานบุญด้วยค่ะ (ร่วมบุญซื้อผ้าไฉไบ๊ และบุษบก)
    โอนแล้วจะแจ้งให้ทราบค่ะ

    คุณเพชรหายไปนานนะคะ วันนี้มีอะไรมาฝากเหรอคะ ดูๆไปแล้วเหมือนบอกใบ้อะไรบางอย่างนะคะ...คริ คริ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    วันนี้ เวลา 11.15น. ผมได้ฝากเงินจำนวน500บาทเข้าบัญชี 040225996แล้วตามที่ได้แจ้งไว้ครับ ขอบคุณและโมทนาสาธุครับ
     
  16. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    เรียน ท่านเพชร
    ขอร่วมบุญซื้อผ้า "ไฉไบ๊" จำนวน 200 บาท ครับ
    โอนผ่าน ATM วันที่ 10/10/2551 เวลา 13:11 น. acc:040225996 ครับ
    โมทนาบุญกับทุกท่าน ครับ
     
  17. channarong_wo

    channarong_wo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +1,510
    14.36 น. เป็นเวลาแห่งบุญของผม เพราะได้ส่งสัญญาณบุญขึ้นไปเป็นเครื่องประดับทิพย์บนวิมานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    500 บาท โอนไปแล้วนะครับ ขอบคุณสำหรับผู้นำบุญขอรับ....โมทนาด้วยเด้อ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มีท่านที่ pm เข้ามาหาผมตามนี้ครับ

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ .....
    ผมขออนุญาตถามเรื่องพระสมเด็จชุดที่สามครับยังพอมีให้บูชาบ้างไหมครับราคาเท่าไรผมเข้ากระทู้ไม่ได้ไม่รู้เพราะอะไรอยากได้มาขึ้นคอสักองค์น่ะครับเห็นข้อความทำบุญแต่ปัจจัยยังไม่พร้อมเพราะเงินไม่พอแต่มีความศรัทธาเต็มเปี่ยมครับ ขอบคุณครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    -----------------------------------

    ผมตอบไปว่า ติดตามในกระทู้ พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
    http://palungjit.org/showthrea...2445&page=1090

    หรือ กระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ
    http://palungjit.org/showthrea...=68899&page=75
    ครับ
     
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>วิกฤตลาม "ยักษ์จีเอ็ม-ประกันฯ" นิกเคอิต่ำสุดรอบ 5 ปี ดาวโจนส์หลุด 9 พันจุด </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 ตุลาคม 2551 14:25 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ตลาดหุ้นโตเกียวทรุดต่ำสุดรอบ 5 ปี ดัชนีนิกเกอิปิดร่วง 881.06 จุด หลังดาวโจนส์ร่วงหลุดระดับ 9,000 จุด คาดวิกฤตสินเชื่อลาม บริษัทรถยนต์-ประกัน-พลังงาน นักลงทุนตื่น "เอสแอนด์พี" ลั่นหั่นเครดิต "จีเอ็ม" ขณะที่กองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาฯ ของญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ประสบภาวะล้มทั้งยืน "ยามาโตะ ไลฟ์ อินชัวรันซ์" ยื่นล้มละลาย ล่าสุด ไอเอ็มเอฟ-ธนาคารกลางทั่วโลก-กลุ่มจี 7 ถกด่วนรับมือ

    วันนี้ (10 ต.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวในญีปุ่นปิดตลาดร่วงลงหนักกว่า 800 จุดในการซื้อขายวันนี้ โดยดัชนีดิ่งลงกว่า 9% และแตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์การเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก รวมทั้งดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดิ่งลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ และค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยน

    สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิร่วงลง 881.06 จุด หรือ 9.62% ปิดที่ 8,276.43 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดรอบ 5 ปี ( 28 พ.ค. 2536) ถือเป็นการดิ่งลงมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์แบล็คมันเดย์ในปี 1987 ขณะที่ตลาดวิตกมากขึ้นว่า วิกฤตการเงินครั้งนี้จะทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย

    บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นโตเกียวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตั้งแต่ หลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 9,000 จุดและปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี เมื่อคืนนี้ เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่าบริษัทผลิตรถยนต์ บริษัทประกัน และบริษัทพลังงาน อาจเป็นเหยื่อวิกฤตสินเชื่อรายต่อไป

    นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กของยังได้รับปัจจัยลบจากการที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ขู่ว่าจะปรับลดอันดับเครดิตบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) บริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ

    ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 678.91 จุด หรือ 7.33% แตะที่ 8,579.19 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ระบุว่า เอสแอนด์พี กำลังทบทวนอันดับเครดิตของจีเอ็ม และบริษัทในเครือคือ จีเอ็มเอซี แอลแอลซี เพื่อพิจารณาว่าสมควรจะปรับลดอันดับเครดิตหรือไม่ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ามีโอกาสถึง 50% ที่จีเอ็มและจีเอ็มเอซีจะถูกลดอันดับเครดิตภายใน 3 เดือนข้างหน้านี้ หลังจากยอดขายรถยนต์ของจีเอ็มตกต่ำมากในแถบอเมริกาเหนือ

    นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า กองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นแห่งหนึ่งประสบภาวะล้มละลาย และต่อมาภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก ก็ยิ่งมืดมนมากขึ้น หลังจากบริษัทยามาโตะ ไลฟ์ อินชัวรันซ์ยื่นล้มละลาย

    ทั้งนี้ "ยามาโตะ ไลฟ์ อินชัวรันซ์" ต้านทานแรงกดดันจากปัญหาวิกฤตการเงินไม่ไหว ต้องยื่นเรื่องต่อศาลกรุงโตเกียว ขอประกาศภาวะล้มละลาย โดยนับเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกในรอบ 7 ปีของญี่ปุ่น ที่ขอให้ศาลพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลาย

    นายทาเคโอะ นากาโซโนะ ประธานบริษัท ยามาโตะฯ ซึ่งออกมากล่าวแสดงความเสียใจต่อบรรดาลูกค้า เผยว่า ราคาหุ้นทั่วโลกดำดิ่งอย่างหนัก เพราะวิกฤติหนี้เน่าในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐ ทำให้บริษัทของเขา ซึ่งมีพนักงานราว 1,000 คน ต้องประสบภาวะขาดทุนรวมสูงถึง 269,000 ล้านเยน ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นการขาดทุนจากมูลค่าหุ้นที่ตกต่ำมากถึง 11,000 ล้านเยน หรือประมาณ 3,663 ล้านบาท

    **ปิดตลาดหุ้นอินโดฯ ตลาดหุ้นเอเชียร่วงระนาว

    เจ้าหน้าที่กำกับตลาดหลักทรัพย์ของอินโดนีเซีย กล่าวในวันนี้ โดยระบุว่า ตลาดหุ้นอินโดนีเซียจะปิดทำการซื้อขายในช่วงบ่ายวันนี้ หลังจากระงับการซื้อขายเช้านี้ ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงอย่างหนักอีกครั้งเมื่อคืนนี้ และตลาดหุ้นเอเชียดิ่งลงอีกในวันนี้

    ทั้งนี้ ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นอินโดนีเซียร่วงลงกว่า 20 % ในสัปดาห์นี้ส่งผลให้ตลาดต้องสั่งพักการซื้อขายเมื่อวันพุธ และพฤหัสบดี

    นายยูซุฟ คัลลา รองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าตลาดหุ้นจะสามารถเปิดทำการซื้อขายได้ในสัปดาห์หน้า โดยโบรกเกอร์เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ตลาดหุ้นจะร่วงลงอย่างหนักหากมีการเปิดทำการซื้อขายในช่วงเช้าวันนี้ นายจอห์น เทจา หัวหน้าฝ่ายขายหุ้นจาก บล.ซิปทาดานา กล่าวว่า ตลาดอาจเปิดตลาดร่วงลงถึง 10 %

    ดัชนีคอมโพสิตฟิลิปปินส์ ปิดตลาดวันศุกร์ (10 ต.ค.51) ที่ระดับ 2,097.80 จุด ปรับลดลง -190.64 จุด เปลี่ยนแปลง -8.3%

    ดัชนีหุ้น VNI ตลาดเวียดนาม ปิดตลาดวันศุกร์ (10 ต.ค.51) ที่ระดับ 379.06 จุด ปรับลดลง -18.62 จุด เปลี่ยนแปลง -4.91%

    ดัชนี BSE SENSEX 30 ตลาดหุ้นอินเดีย เปิดตลาดวันศุกร์ (10 ต.ค.51) ที่ระดับ 10,632.27 ปรับลดลง -696.09 จุด เปลี่ยนแปลง -6.55%

    **คลัง-ธ.กลางทั่วโลก ถกด่านรับมือวิกฤต

    มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า รัฐมนตรีคลังและเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจากทั่วโลก ได้เข้าร่วมการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลกในระหว่างวันที่ 11-13 ต.ค.นี้ ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 (จี-7) ก็จะประชุมถกวิกฤติเศรษฐกิจในวันนี้ด้วย

    โดยรายงานของ ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ธนาคารกลาง , กระทรวงการคลัง และเจ้าหน้าที่ด้านกฎระเบียบจาก 26 ประเทศ นัดประชุมกันในวันนี้ เพื่อหารือถึงหนทางในการรับมือกับภาวะวิกฤตสินเชื่อ ซึ่งไอเอ็มเอฟระบุในแถลงการณ์ว่า การประชุมครั้งนี้ดำเนินการโดยไอเอ็มเอฟ และที่ประชุมเสถียรภาพการเงิน (เอฟเอสเอฟ) โดยเอสเอฟเอสเป็นกลุ่มผู้นำธนาคารกลางและเจ้าหน้าที่ควบคุมกฎระเบียบการเงินจากทั่วโลก ขณะที่นายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เป็นผู้กล่าวเปิดการประชุมฯ

    นายจอห์น ลิปสกี รองผู้อำนวยการอันดับหนึ่งของ ไอเอ็มเอฟ ระบุในแถลงการณ์ว่า การประชุมในครั้งนี้จะเป็นการส่งเสริมกระบวนการในปัจจุบันในการศึกษาบทเรียนจากภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในขณะนี้ และส่งเสริมความร่วมมือกันระหว่างประเทศ รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานควบคุมตลาดของประเทศพัฒนาแล้วและประเทศตลาดเกิดใหม่

    ขณะที่นายมาริโอ ดราจี ประธาน เอฟเอสเอฟ และผู้ว่าการธนาคารกลางอิตาลี กล่าวว่า ความร่วมมือกับประเทศตลาดเกิดใหม่นับเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาแนวทางจัดการอย่างเข้มแข็งในการรับมือกับภาวะตึงเครียดในระบบการเงิน โดยเราจะกระชับความร่วมมือกับไอเอ็มเอฟ และกลุ่มประเทศจี 20 ในการสร้างแนวทางแบบพหุภาคีในการปฏิรูประบบ

    ทั้งนี้ กลุ่มจี 20 ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศตลาดเกิดใหม่ มีกำหนดจะประชุมกันในวันเสาร์นี้ที่กรุงวอชิงตัน โดยจะเริ่มประชุมณ เวลา 05.00 น.ของวันอาทิตย์ตามเวลาประเทศไทย โดยกระทรวงการคลังบราซิลซึ่งเป็นประธานกลุ่มจี-20 ในปัจจุบันเป็นผู้แจ้งเรื่องนี้เมื่อวานนี้

    แหล่งข่าวจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 ประเทศ (จี 7) กล่าวว่า เอฟเอสเอฟ มีกำหนดจะยื่นเสนอข้อแนะนำชุดหนึ่งต่อกลุ่มจี 7 ในวันนี้ เกี่ยวกับหนทางในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดที่กำลังผันผวนในปัจจุบัน โดยรายงานนี้มีแนวโน้มว่าจะพิจารณาถึงเหตุการณ์ปั่นป่วนวุ่นวายทางการเงินในตลาดโลกครั้งล่าสุดด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เอฟเอสเอฟ เคยยื่นข้อเสนอแนะหลายประการในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ในเรื่องวิธีการปรับปรุงระบบการเงิน

    **ญี่ปุ่นแนะ "ไอเอ็มเอฟ" ตั้งกองทุนฉุกเฉิน

    นายโซอิชิ นาคากาวา รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น กล่าวว่า ญี่ปุ่นพร้อมช่วยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในการเข้าช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อโลก

    นายโซอิชิ ระบุว่า ถ้ามีอะไรที่ไอเอ็มเอฟสามารถทำได้ ผมก็อยากให้พวกเขาทำด้วยความยืดหยุ่น โดยญี่ปุ่นจะให้ความร่วมมือกับไอเอ็มเอฟ ซึ่งรวมถึงการจัดสรรเงินทุนให้ พร้อมระบุว่า ผลกระทบจากวิกฤตสินเชื่อกำลังลุกลามไปทั่วโลก และเพื่อบรรเทาผลกระทบลูกโซ่ให้เหลือน้อยที่สุด ญี่ปุ่นก็พร้อมจะเป็นผู้นำในการช่วยสนับสนุนประเทศต่างๆด้วยการจัดสรรเงินทุนให้ และผมก็อยากจะขอความร่วมมือจากประเทศอื่นในการประชุมจี 7 ในวันนี้ด้วย ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ 9.95 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนมีทุนสำรอง 2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นจำนวนมากที่สุดในโลก

    หนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานก่อนหน้านี้ว่า ญี่ปุ่นจะเสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนใหม่ภายใต้การสนับสนุนของไอเอ็มเอฟ ซึ่งจะระดมทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของประเทศต่างๆเพื่อช่วยสนับสนุนเงินกู้ฉุกเฉินให้แก่ประเทศเกิดใหม่ที่กำลังประสบวิกฤติการเงิน โดยญี่ปุ่นจะยื่นข้อเสนอดังกล่าวในการประชุมของรมว.คลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่มจี 7 ที่กรุงวอชิงตัน ในวันนี้ ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่ประเทศเกิดใหม่ขนาดกลางและขนาดเล็กไม่ใช่สมาชิกในกลุ่มจี-7 หรือประเทศใหญ่

    ภายใต้โครงการนี้ ไอเอ็มเอฟจะขอให้ประเทศที่จะได้รับเงินทุนให้ร่างแผนเพื่อกระตุ้นภาคการเงินครั้งใหม่ ซึ่งรวมถึงการตัดบัญชีหนี้เสีย พร้อมเชื่อว่า เงินกู้ฉุกเฉินครั้งใหม่นี้จะได้รับการสนับสนุนเงินทุนราว 2 แสนล้านเยน หรือประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ ที่สมาชิกไอเอ็มเอฟสมทบให้ รวมทั้งเงินกู้จากทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น , จีน และตะวันออกกลาง

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right height=10>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    จาก managers.co.thครับ
    เป็นไงครับ หรือว่ายังรุนแรงไม่พอครับ ....นี่คือฉากของหนังที่กำลังมาใกล้กลางๆเรื่องครับ สักครู่พระเอกจะออกมากู้สถานการณ์ครับ โปรดคอยติดตามชมครับ หลังจากนั้นทั้งโลกจะคลายความร้อนลง และพวกมองโลกในแง่ดีก็จะคิดว่าจบแล้วนะครับ แต่จริงๆแล้ว เปล่าเลยครับ เราจะเข้าสู่วิกฤติที่หนักสาหัสมากๆในปีหน้าครับ และอย่างที่บอกความโหดร้ายไม่เคยปราณีใครครับ สำหรับพายุทางเศรษฐกิจลูกนี้ ผมบอกใบให้นิดครับว่า ตอนจบของหนังเรื่องนี้ พระเอกตายครับ หุ หุ
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หุ้นเช้ารูดหนัก 8% ต่างชาติถอนเม็ดเงินตลาดหุ้นทั่วโลก-เทขายบิ๊กแคป
    http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9510000120539
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 ตุลาคม 2551 13:01 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ร่วงแรง ตามตลาดหุ้นทั่วโลก คาดรับผลจากกระแส Redemption ของกองทุนต่างชาติที่ต้องการขายเพื่อนำเม็ดเงินไปเสริมสภาพคล่อง อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเกิดวิกฤตทางการเงิน โดยแรงขายเช้านี้ส่วนใหญ่จะพุ่งไปที่หุ้นบิ๊กแคป ส่วนการเมืองในประเทสก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย แต่ปัจจัยจากนอกประเทศ กระทบหนัก แนวโน้มช่วงบ่ายคาดดัชนีแกว่งตัวในแดนลบ พร้อมให้แนวรับ 467, 440 แนวต้าน 468, 473 จุด

    ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ ( 10 ต.ค.) ดัชนีปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 459.91 จุด ลดลง 40.08 จุด เปลี่ยนแปลง -8.02% มูลค่าการซื้อขาย 9,136.18 ล้านบาท

    นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงแรงตั้งแต่เปิดเทรด ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวลงแรงเช่นกัน นำโดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปรับลงหนักกว่า 7% คาดว่าจะเป็นการรับผลจากกระแสการ Redemption ของกองทุนต่างชาติที่ต้องการขายเพื่อนำเม็ดเงินไปเสริมสภาพคล่อง อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเกิดวิกฤตทางการเงิน โดยแรงขายเช้านี้ส่วนใหญ่จะพุ่งไปที่หุ้นบิ๊กแคป

    ส่วนปัจจัยในประเทศในเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงนี้ดูดีขึ้นเล็กน้อย ซึ่งมีน้ำหนักต่อตลาดฯไม่มากเมื่อเทียบกับปัจจัยจากภายนอกประเทศ

    อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสที่จะรีบาวน์ได้เช่นกัน แต่อาจจะไม่มาก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาตลาดฯได้ปรับตัวลงเร็วและแรง อีกทั้งราคาหุ้นหลายๆ ตัวได้ปรับตัวลงมาลึกมาก ก็เป็นไปได้ที่จะมีการช้อนเข้าพอร์ตบางส่วน

    แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ คาดว่า ตลาดหุ้นไทยคงจะยังแกว่งตัวในแดนลบ และเมื่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ในแถบยุโรปเปิดเทรดมาก็เชื่อว่าคงจะปรับตัวลงต่อ จากการทำ Redemption พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 467, 440 จุด แนวต้าน 468, 473 จุด

    **ส.โบรกฯ เชื่อรอบนี้ไม่มีต้มยำกุ้ง

    มล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ในฐานะนายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันว่า ไม่น่าจะแย่เหมือนครั้งวิกฤตสถาบันการเงินในปี 2540 ที่อยู่ในช่วงต้มยำกุ้ง เพราะว่าปัจจุบันปัจจัยที่กดดันต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมาจากปัญหาวิกฤตการเงินของสหรัฐอเมริกา เพราะหากพิจารณาพบว่าสถาบันการเงินของไทยค่อนข้างที่จะแข็งแรง ขณะที่สภาพคล่องภายในประเทศก็ยังดีอยู่

    อย่างไรก็ตามหวังว่าการร่วมหารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และผู้ที่เกี่ยวข้องครั้งนี้ เป็นการระดมความคิดเห็นในการหาแนวทางฟื้นฟูตลาดฯ ซึ่งก็น่าจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับคืนมาได้บ้าง

    "ในบรรยากาศแบบนี้ผมว่าก็เป็นช่วงจังหวะที่ดีที่จะเข้าไปซื้อ LTF เพราะว่าผลตอบแทนที่จะเข้าไปซื้อตอนนี้มองว่าค่อนข้างดี และนักลงทุนที่มีเงินออม จังหวะนี้ก็เป็นจังหวะเหมาะในการเข้ามาซื้อหุ้นพื้นฐาน เพราะว่าบจ.ในตลาดผลการดำเนินก็ยังดีอยู่"

    **ค้านเปิดเสรีค่าคอมฯ ล้อมคอกใบอนุญาต

    นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กล่าวว่า ปลายเดือน ต.ค.นี้ ทางสมาคมฯ จะเสนอสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทบทวนกรอบเวลาและรูปแบบนโยบายเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น เนื่องจากเห็นว่าสภาวะตลาด ณ ขณะนี้ยังไม่เหมาะ เพราะเหตุการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปมาก

    อย่างไรก็ตาม ยังเห็นด้วยกับแนวทางการการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น เพียงแต่เห็นว่าช่วงเวลาขณะนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้เท่านั้น เพราะหากหยิบยกประเด็นที่ทางบริษัท บอสตัน คอนเซาท์ติ้ง กรุ๊ป (BCG) เคยประเมินว่าภายใน 5 ปี มาร์เก็ตแคปจะสูงขึ้นเป็น 6 ล้านล้นบาทจาก 5 ล้านล้านบาทในปัจจุบันนั้น คงเป็นไปได้ยากแล้ว ดังนั้นหากนำค่าคอมฯ แบบขั้นบันไดมาใช้ โบรกเกอร์จะต้องมีมาร์เก็ตแชร์ 2-3% ซึ่งโอกาสในขณะนี้ก็น้อยลง

    นายกัมปนาท ยังกล่าวว่า จำนวนบริษัทหลักทรัพย์ในปัจจุบันที่ 40 แห่งก็ถือว่ามากพอแล้ว หากมีการเปิดเสรีใบอนุญาตเพิ่มอีก อาจทำให้เกิดปัญหาในลักษณะเดียวกับวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ของสหรัฐฯ ได้

    สำหรับภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในขณะนี้ เชื่อว่าคงจะไม่เห็นการ panic sell ในตลาดหุ้นไทยลงมาแรงๆ อีก เพราะเชื่อว่าถึงจุด bottom แล้ว เพราะเหตุการณ์น่าจะงวดเต็มที่แล้วในระยะนี้จากการที่ธนาคารกลางของประเทศหลักๆ พร้อมใจกันประกาศลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน เนื่องจากเป็นการส่งสัญญาณความร่วมมือกันอย่างจริงจังที่จะแก้ไขปัญหา

    ส่วนในเรื่องการหยุดปล่อยมาร์จินขึ้นกับการพิจารณาของแต่ละโบรกเกอร์ แต่การที่ราคาหุ้นต่ำ หรือลูกค้า cut loss ทำให้วงเงินมาร์จิ้นลดลงโดยอัตโนมัติ

    **โบรกฯ เล็งปรับราคาหุ้นใหม่ตามภาวะศก.

    นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เปิดเผยว่า หลังจากได้มีการประชุมร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และหน่วยงานตลาดทุนที่เกี่ยวข้องในวันนี้ ได้มีการประเมินสถานการ์ณ์จากผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย โดยเสนอให้พิจารณาปรับ Valuation ของหุ้นทั้งตลาด เพื่อสะท้อนถึงมูลค่าที่แท้จริงของราคาหุ้น โดยไม่นำปัจจัยด้านเทคนิคมาพิจารณาร่วมด้วย

    "ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ นอกจากส่งผลต่อตลาดหุ้น ยังส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยให้ลดลง โดยควรปรับ Valuation ราคาหุ้นใหม่ บนพื้นฐานผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก"

    ด้านนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ในวันนี้จะมีการส่งหนังสือขอความร่วมมือถึงนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิก เพื่อปรับ Valuation ของหุ้นทั้งตลาดฯ โดยนำสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย มาพิจารณาราคาหุ้นและสะท้อนถึงมูลค่าหุ้นที่แท้จริงหลังเกิดวิกฤตดังกล่าวตามคำเสนอแนะของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ---------------------------------------------------
    ---------------------------------------------------

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หุ้นบ่ายร่วง 10% ตลท.ใช้ Circuit Breaker หยุดซื้อขายแล้ว
    http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9510000120586
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 ตุลาคม 2551 14:42 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>หุ้นภาคบ่ายเปิดตลาดเพียง 5 นาที ดัชนีรูดหนักไปถึง 10% แล้ว หลังตลาดยุโรปร่วงแรง ขณะที่ ตลท.งัด Circuit Breaker หยุดการซื้อขาย 30 นาที ขณะที่ผู้บริหาร ตลท. และ 4 สมาคม เร่งสรุปมาตรการอุ้มตลาดหุ้น พร้อมงัดมาตรการฉุกเฉิน

    บรรยากาศการซื้อขายตลาดหุ้นไทย วันนี้ เปิดตลาดภาคบ่ายเพียง 5 นาที ดัชนีร่วงลงแรงกว่า 10% โดยเมื่อเวลา 14.35 น.ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงไปที่ระดับ 449.91 จุด ลดลง 50.08 จุด หรือคิดเป็น 10.02% มูลค่าการซื้อขาย 10,537.02 52.41 ล้านบาท หลังตลาดยุโรปร่วงลงแรง โดยทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ใช้มาตรการหยุดการซื้อขายชั่วคราว (Circuit Breaker) เป็นเวลา 30 นาที หลังจากตลาดหุ้นภาคบ่ายร่วงแรงแตะ 10% เข้าเกณฑ์ โดยระบุว่า ตลท.เตรียมจะมีการออกข่าวชี้แจงในเร็วๆ นี้

    ตลท.ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์หยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นการชั่วคราว เป็นเวลา 30 นาที ตั้งแต่เวลา 14.35-15.05 น.หลังดัชนีราคาหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงจากดัชนีราคาปิดวันทำการก่อนหน้า 50.08 จุด คิดเป็น 10.02% โดยระบบการซื้อขายจะอนุญาตให้ผู้ลงทุนส่งคำสั่งใหม่หรือยกเลิกคำสั่งได้ (Pre-open) ตั้งแต่เวลา 14.55 น.และจะเริ่มเปิดทำการจับคู่คำสั่งซื้อขายในเวลา 15.05 น.เป็นต้นไป

    อนึ่ง อำนาจตามความในข้อ 15 ของข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การซื้อขาย การชำระราคาและการส่งมอบหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2542 ซึ่งกำหนดให้หยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเมื่อ ระดับที่ 1 เมื่อดัชนีราคา SET Index ลดลงเท่ากับหรือมากกว่า 10% ของดัชนีราคาวันทำการก่อนหน้า จะหยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นการชั่วคราวเป็นเวลา 30 นาที

    ส่วนระดับที่ 2 เมื่อดัชนีราคา SET Index ยังคงลดลงจนถึงเท่ากับหรือมากกว่า 20% ของดัชนีราคาวันทำการก่อนหน้าจะหยุดทำการซื้อขายอีกครั้งหนึ่งเป็นเวลา 1 ชั่วโมง

    ทั้งนี้ การใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ครั้งนี้ ถือเป็นการประกาศใช้ครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ ตลท.เปิดทำการ โดยครั้งแรก ตลท.ประกาศใช้ไปเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2549 หลังรัฐบาลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุนนำเข้าระยะสั้น 30% โดยในครั้งนั้น ดัชนีหุ้นไทยลดลง 140 จุด ภายในวันเดียว ซึ่งมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล (หม่อมอุ๋ย) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

    รายงานข่าวระบุเพิ่มเติมว่า ดัชนีฟุตซี่ตลาดหุ้นลอนดอน เปิดตลาดบ่ายวันนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ร่วงลงถึง 10% ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียและตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ตกลงอย่างหนักเช่นกัน โดยดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงกว่า 800 จุด ในการซื้อขายวันนี้ โดยดัชนีดิ่งลงกว่า 9% และแตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์การเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก รวมทั้งดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดิ่งลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ และค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยน

    นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาวะโดยรวมการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยภายหลังจากที่ตลาดหุ้นไทยได้เปิดทำการซื้อขายตามปกติ หลังจากได้ใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ ว่าน่าจะมีทิศทางปรับลดลงตามตลาดหุ้นยุโรปและดาวโจนส์

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ก็ไม่น่าจะช่วยให้เงินไหลออกน้อยลงได้ เพราะแนวโน้มตลาดหุ้นที่ยังปรับตัวลดลงยังส่งผลให้แนวโน้มเงินทุนไหลออกยังมีอยู่เช่นกัน

    “นักลงทุนเทขายหุ้นในตลาดดาวโจนส์ส่งผลให้มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความกังวลว่าปัญหาวิกฤตการเงินสหรัฐฯ จะไม่ได้ส่งผลกระทบอยู่เฉพาะเรื่องสภาพคล่อง แต่จะกระทบไปยังภาคเศรษฐกิจจริงและมาตรการที่ออกมาก็เป็นแค่มาตรการชะลอปัญหาไม่ใช่มาตรการแก้ไขปัญหา อีกทั้งการที่ตลาดหุ้นปรับลดลงแสดงว่านักลงทุนเริ่มไม่อยากรับความเสี่ยงในหุ้นแล้ว แม้ราคาหุ้นต่อกำไรจะต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน แต่ก็ไม่รู้ว่าปัจจัยพื้นฐานจะแน่นอนหรือไม่”

    มล.ทองมกุฏ ทองใหญ่ ผู้บริหารฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บล.ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคม โบรกเกอร์ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ไทยใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงไป10 % ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ตลาดฯ จำเป็นจะต้องใช้มาตราการที่มีอยู่ ขณะเดียวกันมองว่าการปรับตัวลดลงครั้งนี้เป็นเพราะปัจจัยลบจากปัญหาการเงินจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ทั่วโลกถูกแรงขาย

    โดยพบว่าวันนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง เช่นเดียวกันกับดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าก็ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงในขณะนี้ ซึ่งหากเปรียบเทียบกันแล้วก็มองว่าตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวลดลงน้อยเมื่อเทียบกับภูมิภาค รวมถึงมองว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติน่าจะคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะพบว่าตั้งแต่ต้นปีจนถึงเมื่อวานนี้ต่างชาติเทขายแล้วประมาณ 4 พันกว่าล้านเหรียญสหรัฐฯ

    อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากที่ตลาดเปิดการซื้อขายหลังจากปิดการซื้อขายไป 30 นาที ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวลดลงไม่ถึง 10%

    W'ครั้งนี้เป็นอีกครั้ง หลังจากที่มีมาตรการกันสำรองเงินฝากประกาศใช้ในช่วงวันที่ 19 ธ.ค. 49 แต่ก็ต้องยอมรับว่าครั้งนั้นกับครังนี้แตกต่างกัน เพราะว่าในครั้งก่อนปัญหาเกิดจากปัจจัยในประเทศ แต่ถ้ามาเทียบกับครั้งนี้ภาพรวมของประเทศไทยก็ยังดีอยู่ สภาพคล่องก็ยังปกติไม่ได้ปัญหา ส่วนสถาบันทางการเงินฐานะปัจจุบันก็ยังแข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเลขการส่งออก การเติบโตอาจจะลดลงบ้าง แต่ก็ยังถือโอเค ซึ่งเราก็หวังว่าให้การเมืองรีบสรุปเร็วขึ้น"

    **ตลท.ระดมความเห็นฟื้นการลงทุนในตลาดทุน

    โดยเช้าวันนี้ ตลาดหลักทรัพย์เชิญผู้แทนและสมาชิกของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ทั้งไทยและต่างประเทศ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน และสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ร่วมประเมินสถานการณ์ตลาดทุนไทย หลังได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐ โดยได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารกว่า 40 ราย ในวงการตลาดทุนร่วมระดมความเห็น

    นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมด้วย นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.และผู้บริหาร ตลท.ประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทหลักทรัพย์ทั้งไทยและต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน รวมทั้งนักวิเคราะห์ กว่า 40 ราย เปิดเผยถึงการปรับตัวลดลงของดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์ร้อยละ 41.73 ตั้งแต่ต้นปี มาอยู่ที่ระดับ 499.99 (ณ วันที่ 9 ต.ค.2551) ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดลดลงถึงร้อยละ 41 อยู่ที่ระดับ 4 ล้านล้านบาท ถือว่าเป็นไปตามทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐส่งผลต่อเนื่องไปยังภูมิภาคอื่นๆ รวมทั้งเอเชีย โดยดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศที่สำคัญ มีการปรับตัวลดลงประมาณร้อยละ 30-60 ตั้งแต่ต้นปี

    นายปกรณ์ กล่าวว่า “นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว ตลาดหุ้นไทยยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมืองในประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม ถือว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องปิดการซื้อขาย โดยในช่วงที่ผ่านมา พบว่าผู้ที่มีเงินออมได้มีการเข้าเลือกลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีเป็นระยะ ๆ เนื่องจากเห็นว่ามีหุ้นของบริษัทพื้นฐานดีหลายตัว ที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่สูงถึงกว่าร้อยละ 10 ซึ่งเป็นโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดี”

    ด้านผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ทั้งไทยและต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน รวมทั้งนักวิเคราะห์ได้ประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเห็นว่า กฎเกณฑ์ต่างๆ ของ ตลาดหลักทรัพย์ ขณะนี้มีความเหมาะสมและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ตลาดหลักทรัพย์ควรรักษาแนวทางการดำเนินงานและวินัยตามมาตรฐานของตลาดหลักทรัพย์ ต่อไป พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่ามาตรฐานการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ จะสามารถรองรับเหตุการณ์ในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี

    สำหรับผลกระทบที่มีต่อตลาดทุนในระยะที่ผ่านมา ถือว่าส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศจนอาจทำให้ระดับราคาหุ้นมีความเคลื่อนไหวที่ผันผวน เนื่องจากการตอบสนองต่อข่าวและเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศที่มีเข้ามาเป็นระยะ ๆ ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน พิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยต้องติดตามข่าวสารต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จะนำข้อมูลจากสถานการณ์ปัจจุบันไปประเมินมูลค่าหุ้นใหม่ เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลใช้ประกอบการตัดสินใจอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

    ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ ยังมีฐานะทางการเงินที่ดี ในขณะที่ระบบซื้อขายหลักทรัพย์ของทั้งตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทสมาชิก รวมถึงระบบชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ และ Clearing fund ก็มีความพร้อมรองรับความผันผวนของการซื้อขายหลักทรัพย์ได้

    สำหรับแนวทางการซื้อขายหุ้นโดยการทำ Short sell ในระยะที่ผ่านมา เห็นว่าไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อภาวะการลงทุน เนื่องจากมีปริมาณเฉลี่ยร้อยละ 0.6-0.7 ของมูลค่าการซื้อขายต่อเดือนในขณะที่กฎเกณฑ์การทำ short sell ของตลาดหุ้นไทย ก็มีความแตกต่างจากตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยกำหนดให้ทำได้เฉพาะหุ้นใน SET50 ซึ่งเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่อง ณ ราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาที่ตกลงซื้อขายครั้งสุดท้าย จึงไม่มีส่วนทำให้ราคาหุ้นปรับลดลง นอกจากนี้ ยังต้องมีการยืมหุ้นเพื่อการส่งมอบด้วย โดยปัจจุบันธุรกรรมการให้ยืมหุ้นเพื่อการทำ short sell มีจำนวนน้อย เนื่องจากมีผู้ที่ทำธุรกิจให้ยืมหลักทรัพย์เพียงไม่กี่ราย ที่ประชุมจึงเห็นว่า ยังไม่จำเป็นต้องมีการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ Short sell

    สำหรับยอดรวมการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ทั้งระบบมีประมาณ 27,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ปกติหากต้องมีการ Force sell ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดทุน ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาปรับแนวทางการซื้อหุ้นคืน เพื่อเอื้ออำนวยให้บริษัทจดทะเบียนมีการซื้อหุ้นคืนได้สะดวกขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทแจ้งความจำนงในการซื้อหุ้นคืนแล้วกว่า 14 บริษัท และยังมีบริษัทที่สนใจอีกจำนวนมาก

    นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เสนอให้กระทรวงการคลังเพื่อเสนอมาตรการด้านภาษี เพื่อส่งเสริมการลงทุน เช่น การลดหย่อนภาษีเงินปันผล และการยกเว้นภาษีจากกำไรจากการลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้ รวมทั้งเสนอให้กระทรวงการคลังทบทวนเรื่องการตั้งกองทุนรวมเพื่อการศึกษา (Education Mutual Fund) เพื่อส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน และประโยชน์ในการศึกษาของประชาชนทุกระดับ “เชื่อว่าในช่วงปลายปี จะมีเม็ดเงินลงทุนจากการลงทุนในกองทุน LTF และ RMF เข้ามาในตลาดทุนอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีเม็ดเงินเข้ามามากกว่า 10,000 ล้านบาท” นายปกรณ์ กล่าว

    สำหรับการร่วมลงทุนใน Matching Fund ซึ่งจะมีมูลค่ารวม 8,250 ล้านบาทนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมที่จะพิจารณาขยายวงเงินลงทุนเพื่อร่วมลงทุนกับผู้ที่สนใจจะลงทุนเพิ่มเติมในลักษณะ Opportunity Fund โดยจะทำงานร่วมกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ และสมาคมบริษัทจัดการลงทุน อีกทั้งที่ประชุมยังมีความเห็นร่วมกันว่า กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะนี้มีความเหมาะสมและเป็นไปตามมาตรฐานสากลอยู่แล้ว และเห็นว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ ควรรักษาแนวทางการดำเนินงานและวินัยตามมาตรฐานของตลาดหลักทรัพย์ต่อไป พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่า มาตรฐานการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสามารถรองรับเหตุการณ์ในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี

    ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์จะให้ข้อมูลข่าวสารแก่ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง และจะติดตามผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งปัจจัยการเมืองในประเทศ และประเมินสถานการณ์ร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ เป็นระยะๆ พร้อมกำหนดมาตรการเพิ่มเติม หากผลกระทบต่อการซื้อขายหลักทรัพย์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ลงทุนในวงกว้าง” นายปกรณ์กล่าวสรุป
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...