สภาพจิต ของ ร่างทรง

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 5 ตุลาคม 2008.

แท็ก: แก้ไข
  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ร่างทรง คนมีองค์ องค์แฝง กับปาฏิหาริย์



    [​IMG]



    เมื่อพูดถึงคำว่าร่างทรง คนหลายคนคงนึกถึงภาพคนยืนตัวสั่น พูดจาทำนายทายทัก พูดกันด้วยภาษาแปลกแปลก

    บ้างก็เปิดเป็นสำนักกัน บ้างเก็บเงินหรือบอกหวยกัน ทำสิ่งที่ลึกลับมีพิธีกรรมแปลกๆซึ่งมักมีทั้งทรงจริง และของปลอมหลอกกัน

    เพื่อหาผลประโยชน์จากการหลอกให้หลงเชื่องมงายโดยขาดสติปัญญา เรื่องของสวรรค์ นรก เรื่องแปลกๆ เรื่องเหลือเชื่อ

    อันที่เราสามารถพินิจเห็นอยู่บ่อยๆตามสื่อรายการต่างๆ ในโลกแห่งวิทยาศาสตร์อันทันสมัย โลกแห่งการแข่งขันทางเศรษฐกิจ

    กันอย่างดุเดือดรุนแรงวุ่นวายจนเราไม่เคยใส่ใจคำว่าคนมีองค์ ไม่เคยคิดแม้แต่ว่ามันจะจริงหรือไม่คิดเพียงว่าเป็นเรื่องไกลตัว

    ไม่ควรไปใส่ใจให้เสียเวลา เป็นเรื่องเหลวไหล แท้จริงมันเป็นเรื่องใกล้ตัวเราที่สุด จนแทบจะพูดได้เลยว่าเป็นเรื่องของเราเองทีเดียว

    แต่น้อยคนที่จะสนใจเรื่องเหล่านี้ว่าแท้จริงคือสิ่งใดเกิดขึ้นได้อย่าง เหตุผลใดทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ เรื่องใดเป็นเรื่องจริง เรื่องใดเป็นของปลอม

    หาได้แต่โทษโชคชะตา หรือไปโทษตัวเองว่า ถ้าเราไม่ทำเช่นนั้นก็คงจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องลี้ลับยากที่จะ

    พิสูจน์ให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ มันเป็นเรื่องปัจจัตตังคือรู้และพิสูจน์ได้เฉพาะตน จะว่าไปแล้วคนทุกคนล้วนมีบุญเก่ากรรมเก่าติดตัว

    มาตั้งแต่เราเกิด ตั้งแต่ปฏิสนธิ มันเป็นเครื่องกำหนดกฏแห่งกรรมของทุกชีวิตที่เกิดมาในโลก ในแง่สิ่งเหนือสามัญวิสัย คนที่มี

    ความซับซ้อนของภพชาติยิ่งมาก ย่อมเคยมีปฏิสัมพันธ์กับคน สัตว์ สิ่งมีชีวิต จิตวิญญาณ ตลอดจนสิ่งศักย์สิทธิ์มามากด้วยเรา

    คงเคยไปก่อกรรมกับใครต่อใครไว้ทั้งดีและชั่วก็มาก ชาตินี้เรามาเกิด แต่คนที่เกี่ยวข้องกับเราบางคนในอดีตชาติ บางดวงจิต

    อาจมาเกิดร่วมชาติกับเราเพื่อมาชดใช้กรรมซึ่งกันและกันในชาตินี้ ซึ่งเราไม่ทราบว่าเป็นใครบ้าง บางคนยังไม่ได้พบกัน

    แต่บางคนก็อาจยังไม่ได้มาเกิดอาจยังเป็นเทวดาในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้นฟ้า หรือในนรก หรือติดอยู่ในภพภูมิใดตามสัญญากรรม

    หรือบางคนสามารถพัฒนาจิตหนีเราไปเกิดเป็นพรหม เป็นมหาพรหม มหาเทพไปแล้ว ท่านก็ถือว่าท่านมีกรรมสัมพันธ์กับเรา

    จึงมีสิทธิที่จะมากำกับชีวิต ช่วยเหลือ ต่ออายุ ให้โอกาสเราหากเราเข้าถึงพระพุทธศาสนา คนเราหลายๆคน เรียกว่ามากมายนัก

    ที่มีสัญญากรรมกับเทพที่เกี่ยวข้องกับตนทั้งกรรมเก่าเกี่ยวเก่า กรรมใหม่เกี่ยวใหม่ตามบุคคลาธิษฐาน


    ท่านจึงคอยมากำกับชีวิตเราตามพื้นฐานของกฏแห่งกรรม แต่ก็ให้โอกาสเราทำกิจกรรมตามที่เคยสัญญากันไว้ก่อนมาเกิด

    หากใครทำได้ครบ ก็จะส่งบุญเก่าให้บุญเก่าของเราแสดงผลออกมาเป็นรางวัลชีวิต หากถึงเวลาที่กำหนดแล้วทำไม่ได้

    หรือไม่ได้ทำเพราะส่วนใหญ่ไม่มีตัวรู้ หลงในเทคโนโลยี แสง สี เสียงสมัยใหม่ จนลืมสัญญากรรม ท่านก็จะอุเบกขาวางเฉย

    ปล่อยให้กรรมเล่นงานเราตามกฏแห่งกรรม คนเหล่านี้จึงมีคลื่นพลังส่งมาจากโลกเหนือสามัญวิสัย แฝงมามาก ส่งมาดลใจ

    ลองใจเราอยู่ตลอดเวลา คงมีทั้งเจ้ากรรมนายเวร เจ้าบุญนายคุณ และเมื่อถึงกาลที่เหมาะสมเทพท่านจะมาใช้ร่างเราเพื่อให้เรา

    สร้างบารมีคือท่านมาโปรดมนุษย์ ให้เข้าถึงธรรม มาจรรโลงพระพุทธศาสนา มารักษาสถาบันพระมหากษัตริย์

    มาสอนเราโดยส่งญาณอันเป็นรังสีมาสู่ตัวเรา เข้าสู่ระบบสมอง สู่ระบบประสาทจนเกิดแสดงเป็นอาการต่างๆให้เป็นร่างทรง

    ที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป เพื่อที่เราจะได้สร้างบารมีสามารถฟันฝ่าวิบากกรรมไปได้ คนบางคนที่เขาเรียกว่ามีสัมผัสที่ ๖ ล่วงรู้

    หรือเห็นชาติภพของตนมาก่อน ชอบเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คนที่มีชะตาชีวิตรุนแรงประเภทขึ้นสูงก็สูงไปเลย พอลงต่ำก็ต่ำไปเลย


    คนบางคนมีความสามารถทางโลกโดดเด่นมาก บ้างก็มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นในชีวิต บ้างก็มีตำแหน่งในสังคม คนพวกนี้ส่วนใหญ่

    เกิดจากทางในส่งผลเป็นปัจจัยทั้งสิ้น เรียกว่าคนมีองค์ การที่คนเก่ง ด้วยหน้าที่การงาน มีฐานะตำแหน่งเป็นที่ยอมรับนับถือใน

    สังคม หากคนเหล่านี้จะต้องมาตัวสั่น หรือมาเปิดสำนักคงยากที่คนเหล่านั้นจะยอมรับได้ แต่แท้จริงการพัฒนาร่างทรงต่างหาก

    ที่สำคัญ เพราะเมื่อเริ่มแรกเราจะตัวสั่น พูดจาภาษาเทพเร็วๆ ฟังไม่ออก เป็นเพราะเรายังมีตัวรู้ในองค์ญาณ ที่ยังไม่สัมพันธ์กับ

    องค์ฌาน ละเอียดไม่เท่ากับรังสีที่ส่งลงมา เทพท่านส่งมา สิบคำรับได้แค่คำเดียวจึงเกิดเป็นอาการตัวสั่น พูดจาฟังไม่รู้เรื่องที่เรา

    มักเรียกกันว่าพูดภาษาเทพ แท้จริงหากพัฒนาจิตให้ละเอียดจนสามารถรับคลื่นรังสีที่ส่งมาได้ครบถ้วน การพูดก็คือการพูด

    ภาษาปกติมนุษย์นั่นเอง การตัวสั่นยังเป็นเรื่องของอิทธิฤทธิ์ เทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เราจึงยังไม่สามารควบคุมอาการได้


    ซึ่งอิทธิฤทธิ์ เทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์นั้นพระพุทธเจ้าทรงยอม รับแต่ทรงรังเกียจ เพราะส่วนใหญ่ง่ายในการนำไปใช้ผิดวิธี ผู้พบเห็น

    มักศรัทธาด้วยฤทธ์ไม่ใช่เข้าใจด้วยปัญญา หากเราฝึกฝนพัฒนาจิต พัฒนาทักษะ พัฒนาตัวรู้จนละเอียดใกล้เคียงกับรังสีเทพ

    ที่ส่งมาหาเรา เราก็จะเริ่มควบคุมตัวเองได้ จะแสดงอาการที่ปรกติมากขึ้นที่เรียกว่าอิทธิฤทธิ์ หรือเทวฤทธิ์อยู่ในขั้น ฤทธานุภาพ

    และเทวานุภาพ หรือสูงขึ้นจนทายใจคนได้อย่างอัศจรรย์เรียกว่า อาเทศนาปาฏิหาริย์ ซึ่งขั้นนี้พระองค์ก็ยังคงทรงรังเกียจ

    จนกระทั่งสามารถพัฒนาจิตสู่ขั้นมาตรฐาน คือขั้นจิตตานุภาพ นั่นคือเป็นองค์แฝงไม่พบอาการผิดปกติให้เห็นได้แต่อย่างใด

    แต่ขณะที่พูดสามารถปล่อยให้ญาณหรือรังสีเทพผ่าน แสดงออกมาหรือพูดออกมาในลักษณะที่ผู้อื่นคิดว่าเป็นการแสดงออก

    ของตัวเราเอง โดยไม่มีใครทราบนอกจากตัวเรา สามารถอธิบายธรรมให้เข้าใจโดยใช้หลักธรรมให้เห็นเด่นชัดด้วยปัญญา

    มีความสมดุลอย่างสูงในองค์ฌาน และองค์ญาณ คนกลุ่มนี้ชีวิตจะยิ่งโดดเด่นยิ่งขึ้นโดยปาฏิหาริย์ เรียกว่าเป็นอนุสาสนี

    ปาฏิหาริย์ คือคำสอนมีผลจริงเป็นมหัศจรรย์ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงสนับสนุนถือว่าดีเยี่ยมเป็นประเสริฐ ทั้งนี้คนที่พบกับวิบาก

    กรรมก็สามารถที่จะดีขึ้นจนสามารถหลุดพ้นจากวิบากกรรมได้ หากเราสามารถทำตามสัญญากรรมข้ออื่นๆได้ครบ


    การพัฒนาร่างทรงสู่ญาณแฝง และสามารถถ่ายทอดธรรมได้อย่างมหัศจรรย์ จึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำสังคมก้าวไกล

    มองดูเป็นปกติธรรมดาธรรมชาติ และสังคมยอมรับกันได้ในปัจจุบัน



    ข้อมูลจาก http://sahadhamma.sahapatibati.org/2007/09/blog-post_5429.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2008
  2. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    26
    ค่าพลัง:
    +29,754
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
     
  3. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ชอบประโยคนี้คะ

    การพัฒนาร่างทรงสู่ญาณแฝง และสามารถถ่ายทอดธรรมได้อย่างมหัศจรรย์

    จึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำสังคมก้าวไกล

    มองดูเป็นปกติธรรมดาธรรมชาติ และสังคมยอมรับกันได้ในปัจจุบัน

    เเละ

    จิตสู่ขั้นมาตรฐาน คือขั้นจิตตานุภาพ นั่นคือเป็นองค์แฝงไม่พบอาการผิดปกติให้เห็นได้แต่อย่างใด



     
  4. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    คิดว่า คนทำดี นี่ต้องมีพระ เทพ คุ้มครองอยู่แล้ว

    แต่ขนาดมีองค์ผ่านมาใช้ร่างนี่ ก็อาจไม่ค่อยเข้าใจเรื่องบุรพกรรม ระหว่างคนกับเทพนัก
    แต่ที่เคยได้ยินเสมอ แม้นแต่ฝ่ายฝึกสมาธินี่ ก็มีครูอาจารย์มาสอนในสมาธิ
    ดูจะคล้ายกันไหม
    เพราะบางคน ก็มีเทพมาเตือนให้ปฏิบัติ เพราะจริตอาจมาอย่างนั้น

    ที่ว่าพัฒนาจากร่างทรง เป็นญาณแฝง
    คือให้ตัวเรามีสติบริบูรณ์ มีความเป็นตัวเองให้ได้เต็มร้อย ก็คิดว่าดี
    เทพจะมาหรือไม่มา เราก็มีหน้าที่ปฏิบัตธรรมของเราเองไป

    เพราะการบรรลุธรรมนั้น ถึงเวลาจริงๆ
    อย่าว่าแต่เทพ พรหม แม้นแต่พระพุทธเจ้าเราก็ต้องทิ้ง ห้ามยึดค่ะ
    แม้นแต่ตัวตนของเรา ก็ต้องปล่อย

    ไม่ใช่ปล่อยให้ใครมาใช้นะ แต่ปล่อยวางขันธ์ทั้งห้าของเราลง

    ;welcome2
     
  5. visut_p

    visut_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,763
    แล้วถ้าในกรณีที่รู้แล้วว่าตัวเองมีองค์เทพมาคุ้มครอง เราควรทำยังไงกับท่านหรอครับ
    1. บังคับว่าอย่ามายุ่งกับเรา
    2. ทำตัวเฉยๆ อยากมาก็มา อยากไปก็ไป
    3. เครพบูชาและคอยฟังคำสั่งว่าท่านต้องการให้ทำอะไร
    4. หรือว่าคุณสันโดษมีอย่างอื่นแนะนำ
     
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    visut_p<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1555723", true); </SCRIPT> สิ่งที่ต้องทำ คือ สังเกตุ จิตและกาย ที่เกิดขึ้น ขณะปฏิบัติ

    ร่างกายจะขยับและพูดโดยที่เราไม่ได้คิดล่วงหน้า เเต่เราเเปรสภาพเป็นผู้ดู

    นั้นคือ อาการ ของผู้มีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ ดูกาย เเละ ดูจิต ตาม ตำราการปฏิบัติ สติปัฏฐานสี่

    โดยดูอย่าง มีสติและฟังด้วย วิจารณญาณ อย่างหลงในเทพ และเชื่อในองค์ใน

    การที่เราหลงจะทำให้เราไม่สามารถก้าวหน้าทางธรรม

    จงดูกายให้รู้ว่าขยับ จงดูจิตว่าองค์อะไรแฝงมา เทพ หรือ มาร หรือ สิ่งใดที่ควบคุมกาย

    เเท้ที่จริงเเล้ว จิต ไม่ได้เเฝง เเต่ ดวงตาที่สาม ปรโลก และ จักรวาล สื่อสารผ่านทางร่างกาย

    เรียกว่า การสื่อสารผ่านทางจิต หรือ โทรจิต ดังนั้น สิ่งที่เราได้ยินและกระทำ

    ไม่เคยเป็น ตัวเรามาตั้งเเต่กำเนิด เราเป็นเพียง สถานะของผู้รับรู้ สิ่งที่เข้ามาเเละผ่านออกไป

    เรียกว่า การเกิดดับของจิต ในเเต่ละวันเรา เกิดความคิดมากกว่า 6 หมื่นเรื่อง

    หรือ จิตเกิดดับเป็น จำนวนมหาศาล ดังนั้น องค์เทพ หรือ มาร ไม่ได้ เป็น สิ่งที่เเฝง เเต่เป็น สิ่งที่อยู่กับเรามานาน

    เพียงเเต่เราไม่เคยสังเกตุพฤติกรรมของความคิดเรา

    คิดเอาเองว่า ตัวความคิด คือ เรา

    เราจึงไม่สามารถเเยก ออกระหว่างโลกมนุษย์กับโลกเเห่งวิญญาณ เเท้จริงเเล้ว

    ก็ อยู่ภายใน คิดเรา นั้นเองคะ ถ้าเมื่อไร ที่เรา นิ่ง และ จิตว่าง

    เราจะพบกับ จิต ผู้รู้ หรือ อัจฉริยภาพ ด้วย การนำ ของ จิต ที่ไม่ถูกกักขังนั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2008
  7. visut_p

    visut_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,763
    ตอนนี้ผมเลยเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณสันโดษพูดอยู่บ่อยๆว่าคุณสันโดษจะทำตัวเป็นผู้ดูเท่านั้น โดยปกติแล้วผมก็ดูนะ แต่บางทีดันอยากไปนั่งเก้าอี้ผู้กำกับซะงั้น 555
     
  8. bluephoenix

    bluephoenix Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +40
    พี่ครับ ถ้าคุยกับองค์ในล่ะครับ ทำไมบางที เรารุสึกเหมือนไม่รุอ่าครับ
    หรือบางที รุสึกได้ว่ามีดวงจิตอื่นมาอาศัยเพิ่ม แต่ไม่สามารถคุยด้วยได้
     
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    จิตไม่ได้มาอาศัยเพิ่มคะ

    จิตของเรา หรือ ความคิดของเราเป็น ตัวผ่านระหว่าง โลกเเห่งจิตวิญญาณ ตั้งเเต่ต้นกำเนิด เกิดมาเป็น สิ่งมีชีวิต

    จิตไม่ใช่เรา และ เปลี่ยนเกิดดับตลอดเวลา เรียกว่า วิญญาณ

    ความต่อเนื่อง ของความทรงจำ เรียกว่า สัญญา

    เเต่มันก็ เหมือนกับ การบันทึก ภาพ เเต่ เปลี่ยน ตัวเเสดงเพียงเท่านั้น

    ดังนั้น อาการที่เราทำอะไรโดยขาดสติ จึงไร้ซึ่งตัวควบคุม ต้องค่อยๆเป็น ค่อยๆไป

    อย่าฝืน เพราะ ไม่ได้มีอะไรมาแฝงเรา เพรา เราไม่ได้มีจิตมาตั้งเเต่ต้น

    จิตดั้งเดิมของเรา คือ สติ ในการรับรู้ สิ่งที่คิด หรือ จิตที่เกิด ขึ้น ณ ปัจจุบัน
     
  10. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    เราเกือบ แต่ดีที่พระท่านมาแก้ สอนให้เราถอนจากร่างทรง
     
  11. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    ใครอยากถอนบอก
    0847528441
    ยินดีช่วย
     
  12. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    26
    ค่าพลัง:
    +29,754
    โพสนี้ สำหรับท่านผู้หวังดีจะช่วย ที่เคยรับขันธ์แม่กาลี แต่ยังถอนพิษไม่หมด

    ( ไม่ใช่พลังของพระแม่ แต่ เป็นจิตอื่นที่เข้มแข็ง แต่อ้างนามท่าน )


    บางคนเคยรับขันธ์พระแม่กาลี

    แต่ ถ้าเป็นท่านจริง การเจรจาระหว่างพระกับองค์จริง ก็ไม่มีปัญหา

    ปัญหาอยู่ที่ ที่รับมานั้น ไม่ใช่พระแม่กาลี แต่อาจเป็นจิตวิญญาณอื่นที่แข็งกล้ามาใช้นามท่าน

    และ เชื้อนั้น ยังมีตกค้างในสัญญาส่วนลึก และจิตที่ชินต่อการใช้พลังในทางต่างๆ


    เวลาจิตตกในโมหะ ก็ใช้พลังนั้นออกมาโดยไม่รู้ตัว



    อย่าเพิ่งไปห่วงบางคนที่เค้าไม่ได้รับขันธ์ แต่สื่อจิตกับท่านได้เลย
    และเค้าไม่ได้ติดยึดอะไรมาก เค้าแค่รับรู้ และปล่อยผ่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 ตุลาคม 2008
  13. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    การถอน ทุกอย่างอยู่ที่จิต ต้องพิจารณาเรื่องของเหตุและปัจจัย

    ที่เป็นองค์ประกอบ ถ้าต้องถอนซ้ำ ๆ ซาก ๆ คงไม่มีใครแก้ได้

    การถอน ควรถอนที่จิตใจ เมื่อเกิดความเบื่อหน่าย เห็นในทุกข์ของ

    สัตว์โลก จิตจะถอนจากอวิชชาทั้งหลาย
     
  14. Soul Keeper

    Soul Keeper Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +41
    ของผมอย่างมากก็แค่มือไม้สั่น ๆ ทำท่าเอง ก็แค่รู้ไม่ได้ไปคิดไรมาก ก็อยู่กับเขาได้ คือจิตจะรู้ได้เลยว่า มีคนค่อยคุ้มครองตลอดเวลาเลย
     
  15. visut_p

    visut_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,763
    อ่านแล้วงง ผมเข้าใจว่าน้องอยากถามว่าถ้าอยากคุยกับองค์ในต้องทำยังไง??? ผมคิดว่าประสบการณ์ของผมไม่เหมือนกับคนอื่นที่ต้องไปทำพิธีรับขันธ์และอะไรอีกต่างๆนาๆ สำหรับผม ผมไม่เคยทำแต่ผมจะรู้เองด้วยจิตว่ามีใครบางคนจะมาใช้ร่างเรา ถ้าผมคุมสติและยึดติดกับร่างก็จะไม่มีใครมาทำอะไรได้ แต่ถ้าผมยอมปล่อย ดวงจิตอีกดวงก็จะเข้ามาใช้ร่างผมได้ ถ้าอยากคุยด้วยก็แค่ถามในจิต เค้าก็ตอบมาทางปากผม หรือไม่ก็ให้คนอื่นถามให้ก็ได้ ก็แค่ฝากคนอื่นถามตอนก่อนที่จิตอีกดวงจะมาใช้ร่าง

     
  16. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    26
    ค่าพลัง:
    +29,754
    ท่านที่เคยทำสมาธิหมุน หรือ ธรรม่จักร ที่เวียนสติสัมปชัญญะ ไปตามอายตนะทั้งหกได้ สามารถขับพลัง หรือ จิตที่เข้ามาซ้อนในขันธ์ได้

    ถ้าทำจริง

    ถ้าไปอยู่ที่นิ่ง ว่าง แต่ ไม่ละเอียดกว่าเค้า เค้าก็อาศัยได้
    ถ้า เรานิ่ง ว่างกว่า จึงรู้ และ ละเอียดกว่าเค้า
    การมาอาศัยร่างจะยาก


    ธรรมจักร หรือ สมาธิหมุน เป็นนิ่งในการเคลื่อนไหว ไม่มีอะไรมาเกาะได้

    ตราบที่สติ สัมปชัญญะ มีความถี่สูงไปตามอายตนะต่างๆ


    เมื่อหมุนจนโล่ง ก็ยกจิตเหนือความโล่ง
    ว่าง ก็ยกจิต เหนือความว่าง

    จนเมื่อ สภาวะโล่ง ว่าง คลายตัว กลับมาอยู่กับกายใหม่
    ก็เวียนสติ สัมปชัญญะ ไปตามอายตนะหกเหมือนเดิม

    แต่คราวนี้ จะรู้สึกว่า ง่ายกว่า คล่องกว่า เร็วกว่า อัตโนมัติ เป็นธรรมชาติ

    เห็นง่ายๆคือ แตะ รู้ สลัด

    สั้นอีก คือ เกิด ดับ นั่นเอง
     
  17. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    26
    ค่าพลัง:
    +29,754
    ใจ รู้ ใจ ...........ไม่จำเป็นต้องรับใครเข้ามา

    การก้าวก่าย สิทธิในการใช้กาย-ใจ ของชีวิตอื่น

    ไม่ใช่สิ่งถูกต้อง จิตวิญญาณชั้นสูง ท่านไม่มีความจำเป็นต้องละเมิดศีลโดยการทำเช่นนั้น




    เรามีญาติเยอะ เพื่อนแยะ ไม่จำเป็นต้องมัดติดกันทุกที่ที่ไป


    คนเรา ชิน ที่จะยึด
    จึง จะยึดทุกสิ่งที่มาเกี่ยวข้อง
    ท่านมาคุย มาเมตตา ตามเหตุปัจจัย ... ก็จะกลายเป็น ท่าน ของฉัน


    ยึดมากขึ้นอีก ...ท่านก็คือฉัน ฉันคือท่าน

    ตัวตนใหม่ก็เกิดขึ้นใหม่ ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกที หรือ เปลี่ยนไปตามสิ่งที่มาสัมผัส ไม่รู้จบ



    แท้จริง .... เรามีสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับทุกดวงจิตได้ โดย ไม่ต้องครอบครองกันและกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 ตุลาคม 2008
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    แท้จริง .... เรามีสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับทุกดวงจิตได้ โดย ไม่ต้องครอบครองกันและกัน




    ................สุดยอด!!!!!
     
  19. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    555
    ถอนจากความเป้นเทพ ในที่สุดก้อไปสู่ความไม่มี คือนิพพาน เป็นพุทธะ
     
  20. visut_p

    visut_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,763
    ลึกซึ้งจริงๆ ลึกซึ้งมากๆ คำอธิบายด้านหลักธรรมพวกนี้เป็นอะไรที่สุดยอด ถ้าคนไม่เคยมีประสบการณ์ตรงมาอ่าน ก็จะไม่รู้สึกว่าได้อะไรกลับไป แต่ถ้าคนมีประสบการณ์ตรงมาอ่านก็จะเข้าใจหลักธรรมและปรัชญาต่างๆที่แฝงในคำอธิบาย

    ขอบคุณครับ

     

แชร์หน้านี้

Loading...