พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ผมไม่รู้ ตรวจไม่เป็น แต่แรงครับ

ส่วนที่ท่านรับนิมนต์ก็เพราะว่าหลวงปู่ท่านเมตตา ใครหมั่นไส้ผมไม่รู้ รู้แต่ว่า ผมหมั่นไส้ตาลุงนี่ หุหุหุ

 

55555 ก๊ากๆๆๆๆ ........... แรงนี่แรงอารายครับ สงสัย แรงหมั่นไส้มั้งครับ หุ หุ

 

แล้วอย่างองค์นี้ โอ เค รึเปล่าครับ พระรอดยุคพระนางจามเทวี กรุที่ไม่ใช่วัดมหาวันห่างจากวัดมหาวันไป ไม่กี่กม.ครับ หุ หุ

 

เหอๆๆๆ รู้จริงๆ

.

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"กอร์ดอน บราวน์" สั่งอุ้ม 3 แบงก์ยักษ์ ทุ่มเงิน 8.7 $หมื่นล. สกัดภาวะล้มละลาย
http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9510000119588
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 ตุลาคม 2551 14:49 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>"กอร์ดอน บราวน์" เผยรัฐบาลเตรียมอัดฉีดเงินเข้าระบบธนาคารพาณิชย์ 8.7 หมื่นล้านดอลลาร์ สกัดวิกฤตแบงก์ล้มละลาย รมว.คลัง ยอมรับ 2 แบงก์ยักษ์มีมูลค่าตลาดลดลงกว่าครึ่ง ภายใน 1 สัปดาห์ ชี้ นักลงทุนกำลังสูญเสียความเชื่อมั่นเรื่องความสามารถในการระดมทุนของธนาคาร

วันนี้ (8 ต.ค.) นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะอัดฉีดสภาพคล่องประมาณ 5 หมื่นล้านปอนด์ หรือประมาณ 8.7 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ธนาคารของอังกฤษต้องประสบภาวะล้มละลาย โดยแผนการช่วยเหลือสถาบันการเงินอังกฤษประกอบด้วย การเข้าซื้อหุ้นโดยรัฐบาล ส่วนธนาคารกลางอังกฤษก็จะจัดสรรงบประมาณอย่างน้อย 2 แสนล้านปอนด์เพื่อให้แบงค์ใช้กู้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะจัดสรรเงินรับประกันประมาณ 2.5 แสนล้านปอนด์ เพื่อใช้ในการรีไฟแนนซ์หนี้

นายอลิสแตร์ ดาร์ลิง รัฐมนตรีคลังอังกฤษ กล่าวว่า การดำเนินการเพื่อยึดกิจการแบงก์ส่วนหนึ่งเป็นของรัฐนั้น เป็นการดำเนินการที่จะเป็นเพื่อที่แบงก์ต่างๆ กลับมาได้ทำงานได้ตามปกติ ทั้งในการเงินการจัดหาเงินสด และการลงทุนสำหรับครัวเรือนและภาคธุรกิจ

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า วิกฤตสินเชื่อที่ย่ำแย่ลงทำให้อังกฤษต้องร่วมมือกับสหรัฐ ไอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ เบลเยียม และสเปนในการใช้มาตรการช่วยเหลือสถาบันการเงิน เพื่อช่วยแบงค์ขนาดใหญ่ของประเทศไว้ โดยธนาคารโรยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ กรุ๊ป และเอชบีโอเอส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของอังกฤษ มีมูลค่าในตลาดลดลงมากกว่าครึ่งแล้วในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นเรื่องคยวามสามารถในการระดมทุนของธนาคาร
รัฐบาลอังกฤษยังจะจัดหางบประมาณ 2.5 หมื่นล้านปอนด์ในรูปของหุ้นและเตรียมพร้อมอัดฉีดงบอีก 2.5 หมื่นล้านปอนด์ ซึ่งจำนวนเงินที่อัดฉีดเข้าธนาคารแต่ละแห่งจะแตกต่างกันไป และขึ้นอยู่กับการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนของธนาคาร นโยบายการจ่ายเงินผู้บริหาร และยังจะกำหนดให้ธนาคารปล่อยกู้แก่ธุรกิจรายเล็กๆและเจ้าของบ้าน

ธนาคารอาร์บีเอส บาร์เคลย์ส ลอยด์ ทีเอสบี กรุ๊ป และธนาคารอีก 3 รายของอังกฤษจำเป็นต้องจ่ายหนี้สินมูลค่าถึง 5.4 หมื่นล้านปอนด์ภายในช่วงสิ้นเดือนมี.ค. 2552 เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมอยู่ในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ และแบงค์ต่างๆก็ลังเลที่จะปล่อยกู้ซึ่งกันและกัน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
-----------------------------------------------------

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ธนาคารในยุโรป 9 แห่ง เข้าไอซียู "แบงก์ออฟอเมริกา" เกือบล้มทั้งยืน
http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9510000119548
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 ตุลาคม 2551 13:56 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ธนาคาร 6 แห่งในไอซ์แลนด์ ประสบปัญหาจนส่อจะล้มละลาย รัฐบาลเร่งออกกฎหมายฉุกเฉิน เพื่อรับมือวิกฤต "รัสเซีย" ประกาศให้เงินช่วยธนาคารกลางไอซ์แลนด์ 4 พันล้านยูโร ขณะที่ข่าวลือสะพัด ธนาคารใหญ่ของอังกฤษ 3 แห่ง กำลังขาดสภาพคล่องอย่างหนัก ส่วนธนาคารเบอร์ 1 ของสหรัฐฯ "แบงก์ออฟอเมริกา" เกือบล้มทั้งยืน "เฟด" โดดอุ้มได้ทันควัน โดยอัดฉีดกู้วิกฤต 9 แสนล้านดอลล์

วันนี้ ( 8 ต.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลไอซ์แลนด์ได้สั่งห้ามการซื้อขายหุ้นของธนาคารรายใหญ่ 6 แห่ง และรับประกันเงินฝากของลูกค้า 100% ในขณะที่วิกฤตการเงินโลกได้ส่งผลกระทบกับประเทศเล็กๆแห่งนี้เข้าแล้ว โดยไอซ์แลนด์ กำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนัก และให้จัดทำแผนการรับมือกับภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจ

นายกีเออร์ ฮาร์เด นายกรัฐมนตรีไอซ์แลนด์ ประกาศว่ารัฐบาลพร้อมจะเข้าควบคุมธนาคารพาณิชย์ โดยจะมีการออกกฎหมายเร็วๆ นี้ เพราะขณะนี้เป็นวิกฤตขนาดยักษ์ที่จะทำให้ผู้ฝากเงินสูญเสียเงินฝาก ซึ่งหลังจากการประกาศของนายกรัฐมนตรีไอซ์แลนด์ ปรากฏว่าในเวลาต่อทางการของไอซ์แลนด์ ได้เข้าเทกโอเวอร์ธนาคารแลนด์สบังกี้ ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่อันดับ 2 ที่มีหนี้สินจำนวนมากจากการลงทุนในต่างประเทศ นอกจากนี้ได้เพิ่มเงินทุนให้กับธนาคารคอพติงซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดของประเทศ 500 ล้านยูโร

นายบียอร์กวิน จี ไซเกิร์ดสัน รัฐมนตรีเศรษฐกิจของไอซ์แลนด์ กล่าวว่า กำลังจัดทำแผนกู้วิกฤตอยู่ หลังจากที่ได้มีการประชุมเรื่องวิกฤตกันในกลุ่มสภานิติบัญญัติ สถาบันกำกับดูแลด้านการเงิน ผู้บริหารของธนาคาร และผู้นำสหภาพในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานโดยอ้างสำนักข่าวเอพี ระบุว่า สำนักนายกรัฐมนตรีของไอซ์แลนด์ได้ออกมาสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าของธนาคารที่มีเงินฝากอยู่ในธนาคารของประเทศว่าจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรอยของรัฐบาลไอร์แลนด์ เยอรมนี ออสเตรีย กรีก และเดนมาร์กที่เข้ามารับประกันเงินฝาก

ทั้งนี้ ไอซ์แลนด์ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสินเชื่อโลก เนื่องจากธนาคารของไอซ์แลนด์มีขนาดใหญ่ และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไอซ์แลนด์ก็เป็นประเทศที่ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างคึกคัก

ขณะที่รัสเซียตกลงที่จะออกเงินกู้ให้กับธนาคารกลางไอซ์แลนด์เป็นวงเงิน 4 พันล้านยูโร หรือประมาณ 5.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระยะเวลา 3-4 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 0.50% เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน

นอกจากนี้ นายดีมิทรี เมดเวเดฟ ประธานาธิบดีรัสเซีย ออกมาระบุว่า รัฐบาลจะอัดฉีดสภาพคล่องให้กับธนาคารรัสเซีย 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี

เจ้าหน้าที่กำกับดูแลภาคการเงินของไอซ์แลนด์เปิดเผยในวันนี้ว่า ทางหน่วยงานได้เข้าซื้อกิจการธนาคาร Landsbanki Islands hf ซึ่งเป็นสถาบันปล่อยกู้รายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของประเทศ หลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอันเป็นผลสืบเนื่องจากวิกฤตการเงินโลก ขณะที่ธนาคาร Kaupthing Bank ซึ่งเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์กล่าวว่า ธนาคารกลางตกลงที่จะปล่อยเงินกู้ 500 ล้านยูโร

ด้านราคาหุ้นกลุ่มธนาคารอังกฤษร่วงลงอย่างรุนแรง วานนี้ หลังจากบีบีซีรายงานว่า มีธนาคารขนาดใหญ่ 3 แห่ง ได้เจรจากับกระทรวงการคลังอังกฤษเพื่อขอรับความช่วยเหลือทางการเงินรายละ 1.5 หมื่นล้านปอนด์ ขณะที่บลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลอาจต้องเข้าเพิ่มทุนอย่างน้อย 4.5 หมื่นล้านปอนด์ให้กับธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ และบาร์เคลย์ หลังจากธนาคารเหล่านี้ขาดทุนจากการลงทุนในหลักทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อซับไพรม์

รายงานข่าวเปิดเผยอีกว่า กระแสข่าวดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นของ รอยัล แบงก์ฯดิ่งลง 39% บาร์เคลย์ลดลง 12% และลอยด์ส ทีเอสบี ร่วงลง 20% เพราะเชื่อว่ารัฐบาลอังกฤษจะต้องขอเข้าถือหุ้นแลกกับการอัดฉีดเงินช่วยเหลือ

**แบงก์ออฟอเมริกาเดี้ยง เฟดอันฉีด 9 $แสนล.

สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า แบงก์ออฟอเมริกา ธนาคารอันดับ 1ของสหรัฐฯ คิดตามมูลค่าตลาด เปิดเผยรายได้ของธนาคารในไตรมาสที่สามลดลงร้อยละ 68 ทำให้ต้องลดการจ่ายเงินปันผลลงครึ่งหนึ่ง และจำเป็นต้องเพิ่มทุนอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคาหุ้นของธนาคารลดลงร้อยละ 8 ในระหว่างการซื้อขายในช่วงแรก

นายเคนเนธ ดี. ลูอิส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารฯ ยอมรับว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของของสถาบันการเงินต่างๆนับตั้งแต่ที่เขาอยู่ในวงการธนาคารมา 39 ปี

นักวิเคราะห์ที่อยู่ในตลาดดาวส์โจนส์ ระบุว่า แบงก์ออฟอเมริกา เปิดเผยว่าผลกำไรในไตรมาสสามลดลงเหลือ 1,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 3,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว และคุณภาพของสินเชื่อของธนาคารยังไม่สู้ดีในไตรมาสนี้ ทั้งนี้ธนาคารฯเปิดเผยว่าผลกำไรที่ลดลงเป็นผลมาจากต้นทุนสินเชื่อที่สูงขึ้นจากการซื้อกิจการธนาคาร 2 แห่งคือคันทรีไวด์ คอร์ป และธนาคารลาซาล

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้อัดฉีดเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมสภาพคล่องธนาคารที่มีปัญหาวิกฤติสินเชื่อ โดยจะปล่อยสินเชื่อระยะ 28 วัน และ 84 วันอย่างละ 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งมีผลทันทีในวันจันทร์ (6 ต.ค.) และที่เหลืออีก 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจะเสริมสภาพคล่องไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งถือเป็นมาตรการเสริม นอกเหนือจากแผนกู้วิกฤติการเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐของรัฐบาล

ส่วนกระทรวงการคลังสหรัฐ ได้เสนอชื่อแต่งตั้งนายนีล แคชคารี อดีตผู้บริหารของโกลด์แมน แซคส์ ผู้ช่วยฝ่ายกิจการภายในของนายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลัง เป็นผู้อำนวยการสำนักงานเสถียรภาพการเงินเพื่อคุมแผนกู้วิกฤติการเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว

ทางด้านนางเชียลา แบร์ ประธานบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง กล่าวว่าคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคาร กำลังเร่งดำเนินการเพื่อหาทางเพิ่มเพดานประกันเงินฝากเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีเงินสำรองครอบคลุมความสูญเสียจากความล้มเหลวของธนาคาร

ขณะที่ประเทศต่างๆทั่วโลกก็ได้เร่งหามาตรการในการป้องกันวิกฤตสินเชื่อที่กำลังลุกลาม แต่ก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและความตกต่ำของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอีก
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ตลาดหุ้นขวัญเสีย! ต่างชาติล้างพอร์ตกลับบ้าน ตลท.เตรียมงัดเซอร์กิตเบรกเกอร์กู้ซาก
http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9510000119573
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 ตุลาคม 2551 14:28 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โบรกฯ แนะจับตาภาวะตลาดหุ้นบ่ายนี้ อาจมีแรงขายอย่างหนัก ผวานักลงทุนต่างชาติไปไม่กลับ หลังเทกระจาดหุ้นเกลี้ยงจากยอดซื้อตั้งแต่ปี 47 ชี้หากหลุด 490 จุดอะไรก็เกิดขึ้นได้ แนะจับตาบ่ายนี้ อาจได้เห็น ตลท.ส่งเซอร์กิตเบรกเกอร์ห้ามเลือด แนะนำถือเงินสดแนวรับ 490 จุด

วันนี้ ( 8 ต.ค.) นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเช้าที่ผ่านมาเผชิญแรงเทขายอย่างหนัก ซึ่งมองว่าเป็นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่จำเป็นต้องถอนการลงทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อรักษากระแสเงินสดในการดำรงสภาพคล่อง หรือโยกเม็ดเงินไปสู่ตลาดอื่นที่ทีความปลอดภัย และให้ผลตอบแทนสูงเพราะเกรงผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ซึมลึกเข้าสู่เศรษฐกิจทั่วโลก พิจารณาจากราคาหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ที่ต่างปรับลดลงแรง 5-10% ได้ร่วมกันกดดันดัชนีจนปรับลดลงหลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 500 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายต่อทิศทางของดัชนีฯอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับแนวโน้มในช่วงบ่ายประเมินว่าดัชนีฯจะปรับตัวลงต่อ เพราะแรงขายนักลงทุนต่างชาติที่มีออกมาอย่างหนักได้บ่งชี้ค่อนข้างแน่ชัดว่าเป็นการถอนการลงทุนระยะยาวแล้ว โดยตั้งแต่ปี 2547 นักลงทุนต่างชาติที่มียอดซื้อรวม 3 แสนล้านบาทถึงปัจจุบันนี้ได้ขายออกมาจนหมดแล้ว และแรงขายที่ออกมาต่อเนื่องได้สะท้อนว่าการขายได้ลามเข้าไปถึงเม็ดเงินส่วนที่เป็นการลงทุนระยะยาวแล้ว ซึ่งมองระดับแนวรับที่ 490 จุดดัชนีอาจรีบาวน์ขึ้นได้ในช่วงสั้น แต่ทั้งนี้หากเกิด Panic Sell ในประเทศจากความกดดันในประเด็นการเมืองอีกและหลุดแนวรับที่ 490 จุด คงประเมินแนวรับได้ลำบากแล้วเพราะไม่อาจคำนวณหาค่าเหมาะสมทางปัจจัยพื้นฐานรองรับได้อีกต่อไป ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นการบังคับใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ของตลาดหลักทรัพย์เพื่อยังยั้งการปรับตัวลงของดัชนีฯ

คาดว่าหุ้นไทยบ่ายก็คงลงต่อ ส่วนบริเวณ 490 จุดตามพื้นฐานหากไม่มีรีบาวน์ก็คงหยุดแรงขายไม่อยู่แล้ว เพราะดูจากแรงขายต่างชาติที่เทหนักเรียกว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะตั้งแต่ปี 47 ที่มียอดซื้อรวม 3 แสนล้านก็ขายหมดแล้ว คือตอนนี้มันลามเข้าไปถึงเม็ดเงินที่เข้าจะลงทุนแบบ Long Term แล้ว หากหนักข้อจริงๆก็คงได้เห็นเซอร์กิตเบรกเกอร์กันแล้ว กลยุทธ์การลงทุน แนะนำถือเงินสดแนวรับ 490 จุด

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ช่วงเช้าที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ โดยดัชนีฯ ได้ปรับตัวลดลงหลุด 500 จุดแล้ว ประเด็นหลักๆ เกิดจากวิกฤตการเงินของสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลกดดันให้ดัชนีฯปรับตัวลดลงเนื่องจากแผนการกอบกู้วิกฤตมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดังกล่าวไม่สามารถรองรับวิกฤตเพียงพอ ทำให้ขณะนี้วิกฤตการเงินดังกล่าวได้ลุกลามไปถึงประเทศยุโรปและประเทศอื่นๆ ตามมา ซึ่งขณะนี้นักลงทุนยังคงกังกลเกี่ยวกับสถาบันการเงินที่ปัจจุบันส่อแววที่จะขาดสภาพคล่องอย่างหนัก อย่างสถาบันการเงินในอังกฤษ ที่ขณะนี้ยังคงรอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อเสริมสภาพคล่อง ส่งผลกดดันให้ดัชนีฯ ตลาดหุ้นต่างประเทศและภูมิภาคปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยภายในประเทศโดยนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นของเสถียรภาพความมั่นคงของการเมืองไทย ว่าจะมีผลลุกลามและยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หลังกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาต่อต้านรัฐบาลโดยให้เหตุผลว่าขาดความชอบทำของการบริหารประเทศชาติ ทำให้พันธมิตรยังเคลื่อนพลเป็นกลุ่มดาวกระจายติดตามทุกสถานที่ที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไป เพื่อกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง อีกทั้งได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนมีผู้บาดเจ็บหลายราย

สำหรับแนวโน้มช่วงบ่าย คาดว่าดัชนีฯ น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงชะลอการลงทุน และเลือกถือเงินสดเพื่อลดความเสี่ยงจากวิกฤตการเงินของสหรัฐฯ ที่ขณะนี้ได้ส่งผลลุกลามถึงยุโรปและอีกหลายประเทศ ที่ขาดสภาพคล่องอย่างหนักหลังแผนการกอบกู้วิกฤตมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯไม่สามารถกอบกู้วิกฤตการเงินได้เพียงพอ อีกทั้งการเมืองภายในประเทศก็ร้อนแรงมากยิ่งขึ้นหลังกลุ่มผู้ชุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศจะเคลื่อนขบวนเป็นดาวกระจายเพื่อกดดันให้ นายสมชาย วงศสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง

อย่างไรก็ตามควรติดตามสถานการณ์ทางการเมืองต่อไป ว่าจะสามารถคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีหรือไม่ และทางด้านรัฐบาลจะมีทางออกทางการเมืองครั้งนี้อย่างไร กลยุทธ์การลงทุน ประเมินกรอบแนวรับอยู่ที่ 490-498 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 510-515 จุด

ทั้งนี้ ดัชนีเปิดตลาดภาคบ่ายยังคงร่วงลงต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 14.45 น. ดัชนีปรับตัวลดลง 38.94 จุด มาที่ระดับ 489.77 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -7.37%

ล่าสุด 14.58 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 485.66 จุด ลดลง 43.05 จุด เปลี่ยนแปลงกว่า -8% มูลค่าการซื้อขาย 11,323.64 ล้านบาท
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
-----------------------------------------------

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ศก.ญี่ปุ่นถดถอย บริษัทล้มละลายเดือน ก.ย.พุ่ง 34% แบงก์งดปล่อยกู้
http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9510000119559
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 ตุลาคม 2551 14:12 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ญี่ปุ่นเผยจำนวนบริษัทล้มละลายเดือน ก.ย.พุ่งสูง 34% รวดเร็วที่สุดในรอบ 8 ปี สะท้อนภาวะ ศก.ถดถอย หลังแบงก์งดปล่อยกู้ ตลาดอสังหาฯ ชะลอตัว วิกฤตซับไพรม์ และวิกฤตสินเชื่อ ส่งผลให้ ศก.โลกซบเซา คาดฉุดยอดส่งออกญี่ปุ่นทรุด

วันนี้ ( 8 ต.ค.) สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โตเกียว โชโก รีเสิร์ช ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของญี่ปุ่นออกรายงานในวันนี้ว่า จำนวนบริษัทที่ล้มละลายในญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 34% ในเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดในรอบ 8 ปี เนื่องจากความต้องการสินค้าส่งออกจากญี่ปุ่นทรุดตัวลง และภาวะผันผวนในตลาดสินเชื่อที่ฉุดเศรษฐกิจญี่ปุ่นซบเซาลงด้วย

ทั้งนี้ จำนวนบริษัทที่ล้มละลายในญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,408 รายในเดือน ก.ย.จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2543

นายมาซาอิชิ อาดาชิ หัวหน้านักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ในกรุงโตเกียว กล่าวยอมรับว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ระยะกลางของภาวะถดถอย บริษัทอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างได้รับผลกระทบจากภาวะฟองสบู่แตกตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเม็ดเงินที่บริษัทเหล่านี้ใช้ดำเนินการล้วนมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ในตลาดการเงิน บริษัทเหล่านี้จึงถอดใจ และปล่อยให้บริษัทล้มละลายในที่สุด

รายงานระบุว่า บริษัทก่อสร้างญี่ปุ่นที่ล้มละลายมีจำนวนเพิ่มขึ้น 41% ในเดือน ก.ย. ซึ่งในจำนวนนี้มี 4 บริษัทที่นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นโตเกียว ซึ่งสาเหตุหลักมาจากธนาคารพาณิชย์ลดอัตราการปล่อยกูเนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง และเกิดปัญหาในตลาดซับไพรม์ของสหรัฐ

นอกจากนี้ วิกฤตการณ์สินเชื่อที่กำลังลุกลามไปทั่วโลกนับเป็นอีกสาเหตุที่ส่งผลให้จำนวนบริษัทล้มละลายในญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้น โดยบริษัทขนาดเล็กบางแห่งกล่าวว่า พวกเขาประสบความยากลำบากในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ ซึ่งเงินเหล่านี้จำเป็นจะต้องใช้สำรองไว้ในยามที่เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เป็นไงครับบุกเกาะอังกฤษแล้วครับ.....

 

เริ่มวันใหม่ จัดสรรเวลาให้ตัวเอง

http://hilight.kapook.com/view/29697

​

วันนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับการจัดสรรเวลาให้อยู่หมัด สาวๆ หนุ่มๆ ที่ทำงาน ส่วนใหญ่บ่นว่าการทำงานเบียดบังเวลาส่วนตัวไปหมด เมื่อเรามองดูเคล็ดลับเหล่านี้แล้วอาจจะพบว่าจริงๆ แล้วงานอาจจะไม่ได้เบียดบังเวลาของคุณเลย แต่การจัดการเวลาของคุณต่างหากที่ทำได้ไม่ดีพอ เริ่มจัดระบบเวลาของตัวเองใหม่กันดีกว่า ด้วยวิธีการดังนี้

1. เลิกผัดวันประกันพรุ่ง

ยิ่งผัดวันประกันพรุ่งเท่าไร เป้าหมายของคุณย่อมอยู่ไกลเท่านั้น วิธีแก้ปัญหาคือ กำหนดเส้นตายให้ตัวเอง คิดว่าเป้าหมายนี้จะประสบความสำเร็จเมื่อไร และควรทำอย่างสม่ำเสมอจนเป็นความเคยชิน แล้วงานของคุณจะก้าวหน้าและประหยัดเวลาอย่างคาดไม่ถึง

2. กำหนดกิจกรรมในหนึ่งวัน

บางกิจกรรมเชื่อว่าจะทำให้คุณสูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เช่น การ Chat MSN จะดีกว่านี้ถ้าตื่นเช้ามาคุณกำหนดเลยว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง และจะต้องให้เสร็จภายในวันนี้หรือวันไหน

3. โฟกัสเฉพาะผลงาน

เชื่อว่าบางคนจะลนลานเมื่อมีงานเข้ามาเยอะๆ สิ่งที่คุณต้องทำนอกจากการจัดระบบที่ดีแล้ว คุณควรจะตั้งสมาธิให้แน่วแน่ว่าจะทำงานนั้นออกให้ได้ผลเช่นไร อย่าไปลงลึกกับกระบวนการมากนัก เพราะหลายครั้งที่ความตึงเครียดจะทำให้งานไม่สัมฤทธิ์ผลอย่างที่ตั้งใจไว้ งานไหนมาก่อนทำก่อน หรือแบ่งกลุ่มงานชนิดเดียวกันไว้ทำทีเดียวเพื่อความรวดเร็ว

4. แรงบันดาลใจระหว่างเดินทาง


เชื่อไหมว่าการจัดสรรเวลาในการเดินทางของคุณมีผลต่อการงานเหมือนกัน หากคุณเลือกเดินทางด้วยรถสาธารณะแล้วบังเอิญทำงานเกี่ยวกับแฟชั่น คุณอาจจะได้แรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่จะออกแบบเสื้อผ้าให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ผู้คน หรือหากคุณเป็นอาจารย์อาจจะเลือกขับรถฟังวิทยุอัพเดตข่าวสาร เพื่อเล่าให้นักศึกษาฟังก็ได้ ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อีกรอบประหยัดเวลาได้เยอะ

5. ปรับแผนการทำงาน

สร้างหรือลดขั้นตอนในการทำงานใหม่ เพื่อให้งานยากๆ ประสบความสำเร็จเร็วขึ้น หาความรู้รับมือกับงานชิ้นยักษ์ อย่างเช่น สร้างขั้นตอนให้เพื่อนร่วมงานได้รับรู้ร่วมกันว่าใครกำลังทำอะไรอยู่ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญก็คือ เมื่อตั้งระบบใหม่แล้ว จะต้องทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาให้ได้

6. ตอบจดหมายรวดเร็ว


บิลต่างๆ หรือจดหมายให้เราตอบรับอะไร เราควรรีบเคลียร์ให้รวดเร็วที่สุด อย่าให้ค้างๆ คาๆ จนกลายเป็นจดหมายที่ยังไม่ได้เปิดอ่านถล่มทับตัวคุณได้ ยิ่งถ้ากำหนดเวลาในบิลเกินจะทำให้คุณเสียเวลาไปอีก หรืออีเมลล์นัดหมายงานต่างๆ ถ้าคุณไม่เปิดดูเลยอาจจทำให้พลาดอะไรบางอย่างไปได้

7. กล้าบอดปัด
สาวไทยไม่กล้าเอ่ยคำปฏิเสธออกมาให้คนอื่นชีช้ำาระกำใจ แต่คุณต้องคิดเสมอว่าสิ่งที่คุณรับปากพวกเขาไว้นั้นจะมากระทบกับงานของคุณหรือไม่ เราไม่ได้สอนให้แล้งน้ำใจ แต่อยากให้คุณแยกแยะและเต็มที่กับงานประจำบนหน้าตักของคุณก่อน หากเราทำงานเสร็จแล้วก็จะช่วยเหลือเหมือนเดิม


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

โดย : พี่ทิพ ​

<!-- / message --><!-- sig -->

 

ขวัญเสียอารายครับ ตาลุงข้างบ้านผมซัดซะเต็มที่เลยครับ หุ หุ

 

อาข้างบ้าน ฝากมาให้คุณnongnoooชม กรุเนปาลครับ



.

 

มีอยู่องค์เดียว อาข้างบ้านขอเก็บไว้นะครับ

 

ตาลุงแกลงให้ดูที่แกได้รับ ความเมตตามาครับ
กราบ กราบ กราบ......

 

จาขอหน่อยรีบ บอกเชียวนาครับ....

 

ยินดีกับตาลุงด้วยครับ

.

 

นำโจ๊กมาฝากคุณnongnooo และพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ชาววังหน้าทุกท่านครับ

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โจ๊ก...นมพันธุ์มังกร / อู่วัฒนธรรม
http://www.manager.co.th/China/ViewN...=9510000119178
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 ตุลาคม 2551 20:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ย้อนไปเมื่อครึ่งทศวรรษที่ผ่านมาในยุคผู้นำเหมา เจ๋อตง และเติ้ง เสี่ยวผิง ช่วงนั้นนมยังไม่เข้ามามีบทบาทกับชีวิตของคนจีน เพิ่งจะสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้เองที่ผลิตภัณฑ์นมหลั่งไหลเข้าตีตลาดมังกรจากเสียงเรียกร้องของผู้บริโภคตะวันตกที่เข้ามาเหยียบจีนเมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมา

ก่อนหน้าที่นมจะเข้ามา ชาวจีนเขามีเครื่องดื่มดั้งเดิมที่เชื่อกันว่าเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงอยู่แล้ว นอกจากจะมี ข้าวต้ม น้ำเต้าหู้ ก๋วยเตี๋ยวน้ำ และน้ำแกงแล้ว โจ๊กก็ขึ้นทำเนียบเป็นอาหารเพื่อสุขภาพด้วย....

โจ๊ก ในภาษาจีนเรียกว่า “粥” (โจว) หรือ “糜” (หมี) เป็นหนึ่งในเมนูอาหารชั้นนำในวัฒนธรรมการกินของจีน พบปรากฏอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์จีนย้อนไปเมื่อ 4,000 ปีก่อน โดยตัวอักษรจีนของคำว่า “โจ๊ก” นั้น พบครั้งแรกในบันทึก “โจวซู” (周书) ซึ่งเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่ระบุว่า บรรพกษัตริย์สมัยบรรพกาล จักรพรรดิเหลือง (หวงตี้) เป็นผู้ริเริ่มนำธัญญพืชมาทำเป็นโจ๊ก

ชาวจีนเมื่อ 4,000 ปีก่อนนั้นถือว่าโจ๊กเป็นอาหารประเภทหนึ่ง เพิ่งจะมาเมื่อราว 2,500 ปีที่ผ่านมาที่โจ๊กมีบทบาทในฐานะยาด้วย โดยในบันทึกประวัติศาสตร์ 《史记》 ได้บันทึกไว้ว่าในสมัยฮั่นตะวันตกมีหมอชื่อดังนาม ฉุนอี๋ว์ อี้ ได้ต้ม “โจ๊กหั่วฉี” 《火齐粥》 รักษาอาการป่วยของฉีอ๋อง หรือย้อนไปก่อนหน้านั้นในตำรา 52 โรค 《五十二病方》 ยุคชุนชิว-จั้นกว๋อ มีบันทึกไว้ถึงวิธีการนำ “โจ๊กข้าวเขียว” 《青梁米粥》 มารักษาอาการบาดเจ็บจากงูกัด

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=330 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=330> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>นอกจากนี้ โจ๊กซึ่งเป็นอาหารที่พบได้ทั่วไปในประเทศจีน ในอดีตยังเคยเป็นตัวแทนของอำนาจและอิทธิพล ดังเช่นภายใต้การปกครองของฮ่องเต้ถังมู่จง ในสมัยราชวงศ์ถัง เนื่องจากไป๋ จีว์อี้เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถโดดเด่น ฮ่องเต้จึงได้พระราชทาน “โจ๊กฝางเฟิง” （防风粥） (ฝางเฟิง หรือ ห่วงฮวง เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งของจีน) ให้แก่เขาเป็นรางวัล เล่ากันว่าแม้เวลาจะผ่านไปถึง 7 วันแล้วแต่รสชาติความหอมหวานของโจ๊กก็ยังติดอยู่ที่ลิ้น นี่จึงนับเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่หาได้ยากยิ่งในสมัยนั้น

หรือในราชวงศ์ซ่งหยวน กำหนดให้ทุกวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 12 ของทุกปีตามปฏิทินจันทรคติ ทางราชสำนักจะมีธรรมเนียมมอบโจ๊กให้แก่บรรดาข้าราชบริพาร โดยสีสันของโจ๊กยิ่งมากเท่าไร ก็เท่ากับว่าขุนนางผู้นั้นยิ่งเป็นที่โปรดปรานและมีอำนาจบารมียิ่ง

สำหรับประเภทของโจ๊กนั้นก็มีด้วยกันหลายอย่าง ถ้าหากจะนับทั้งหมดทั่วประเทศแล้วก็คงมีราวๆ 1,000 ชนิด แต่หากแบ่งเป็นประเภทใหญ่ล่ะก็สามารถแบ่งได้กว่า 10 ประเภท เช่น โจ๊กข้าว, โจ๊กลูกเดือย, โจ๊กถั่ว, โจ๊กข้าวโพด, โจ๊กผัก, โจ๊กใส่เนื้อ, โจ๊กยา เป็นต้น และด้วยวิถีการกินอยู่ที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ก็ส่งผลให้มีวิธีการรับประทานโจ๊กมีหลากหลายรูปแบบด้วยเช่นกัน

ในประวัติศาสตร์ของจีนมีคำพูดที่ว่า “อาหารก็คือยา” คนสมัยก่อนค่อนข้างพิธีพิถันกับการ “อาหารบำบัด” อย่างมาก และในจำนวนอาหารบำบัดทั้งหมด โจ๊กก็เป็นอาหารบำบัดที่พบเห็นมากที่สุด ในประวัติศาสตร์จีนมีผู้เชี่ยวชาญการแพทย์จำนวนมากที่ศึกษาค้นคว้าและปรุงโจ๊กออกมาหลากหลายชนิด แต่ละชนิดก็ให้ประโยชน์กับร่างกายแตกต่างกัน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>โจ๊กล่าปา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>อย่างเช่นโจ๊กข้าว บำรุงม้าม เคลือบกระเพาะ แก้กระหาย ส่วนโจ๊กลูกเดือยช่วยเสริมพลัง ช่วยรักษาโรคนอนไม่หลับ พลังชี่ไม่เพียงพอ ส่วนโจ๊กประเภทอื่นอย่างเช่น โจ๊กถั่ว โจ๊กผัก โจ๊กเนื้อ ก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพแตกต่างกัน นอกจากนี้โจ๊กยังดีต่อสุขภาพของหญิงที่เพิ่งคลอดบุตรด้วย

เห็นได้ว่าในเมืองหรูเกา มณฑลเจียงซู ซึ่งมีประชากรทั้งสิ้น 1,450,000 คน มีคนชราอายุ 100 ปีขึ้นไปประมาณ 172 คน และอายุ 90 ปีขึ้นไปมากกว่า 4,000 คน! ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับบริเวณนี้มีวัฒนธรรมการกินโจ๊กที่เหนียวแน่น ผู้สูงอายุ 100 ปีประมาณ 74% ทานโจ๊กทุกวันเช้าเย็น เพราะว่าการกินโจ๊กสามารถลดความร้อนในร่างกาย ยับยั้งไขมัน ช่วยลดปัญหาการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และเบาหวาน

นอกจากมีประโยชน์แล้ว โจ๊กยังเป็นเครื่องเซ่นและอาหารที่มีความเกี่ยวข้องทางศาสนาด้วย ดังเช่นโจ๊กล่าปา ซึ่งเป็นโจ๊กที่รับประทานกันในช่วงวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติ โดยมีตำนานเล่าว่าวันที่ 8 เดือน 12 เป็นวันตรัสรู้ของพระศากยมุนี หรือพระพุทธเจ้า ก่อนที่พระองค์จะทรงตรัสรู้ ทรงลองปฏิบัติทุกข์กิริยาวิธีต่างๆ มากมาย ทั้งอดข้าวจนร่างกายผ่ายผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก และตอนนั้นเองก็มีหญิงสาวเลี้ยงแพะคนหนึ่งได้นำข้าวต้มมาถวาย ทำให้พระองค์กลับมามีกำลังวังชาบำเพ็ญตบะต่อไป และในที่สุดก็ทรงตรัสรู้ในวันที่ 8 เดือน 12 เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น บรรดาพุทธศาสนิกชนก็จะต้มโจ๊กกับถั่วชนิดต่างๆ เพื่อบูชาพระองค์นั่นเอง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

จาบอกว่าผมเป็นชาวบางรัก โจ๊กหมูที่ตรอกโรงหนังปรินซ์บางรักนี่ สุดยอดครับ เลยจากขาหมูตรอกโต๊ะ แค่500เมตรครับ....

 

<TABLE class=tborder id=post1557601 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date --> เมื่อวานนี้, 11:07 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #215 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1557601", true); </SCRIPT>
ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค



เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 10:40 PM
วันที่สมัคร: Dec 2005
ข้อความ: 26,167
ได้ให้อนุโมทนา: 15,154
ได้รับอนุโมทนา 167,167 ครั้ง ใน 22,304 โพส
พลังการให้คะแนน: 14206


</TD><TD class=alt1 id=td_post_1557601 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นักเดินทาง
เอารูปความหลังครั้งเก่าเมื่อ 2 ปีที่แล้วมาให้ชมครับ
ดูแล้วก็ทั้งตลกทั้งสมเพชตัวเอง 555 ด้วยความอยากได้เพชรพญานาค ยอมกลัวตายปีนขึ้นไปขอถึงข้างบน

ต้องขอขอบคุณพี่อนุชามาก ๆ ที่ทำให้ผมได้รู้จักหลวงพ่อและวัดนี้และเพื่อน ๆ พี่ ๆ อีกหลายคน


</TD></TR></TBODY></TABLE>
บุคคลนิรนาม ทีใส่เสื้อเหลือง นี่ก็เหมือนกัน
อยากได้มากๆ เหอๆๆๆๆ

ใครเอ่ย ให้ทาย .....

มารายงานตัว ผมว่าจะนัดอยู่เหมือนกัน มาทำบุญแล้วยังไม่ได้รับพระพิมพ์ไปเลย

ส่วนโต้งนี่ก็ แค่ขึ้นไป ทำเป็นขาสั่นน๊ะ น่าจะสั่นสู้ ขอสักเม็ดนึง
.
<!-- / message --><!-- sig -->__________________
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณรบช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทองบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม
ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ
หลวงปู่โลกอุดร ประวัติหลวงปู่ โลกอุดร"พระวังหน้า อกาลิโก" พระวังหน้า กองทุนผู้ป่วยโรคมะเร็ง
<!-- / sig --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("1557601")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>
สวัสดียามดึกครับท่านปาทาน(ไม่ทราบว่าฉายานี้ได้มาอย่างไร) เห็นคุณน้องนู๋ใช้เรียกประจำ 555 ทำไมยังไม่ลงโลง เอ้ย..เข้านอนสักทีเล่าครับ ประเด๊ยวคิดเงินบัญชีธนาคารไม่รู้เรื่อง อาจทำให้ธนาคารเจ๋งนะขอรับ
บุคคลเสื้อเหลืองในภาพด้านบนนี้ ถ้าผมทายถูกมีรางวัลพิเศษอะไรให้ครับเนี่ย...
ขอสมเด็จวัดระฆังเนื้อทองคำสักองค์เป็นไง อิ อิ...ล้อเล่นน่ะครับ
ถ้าอยากคุยกันแบบเจอตัวก็ส่งแผนที่บ้านไปให้หน่อย เพราะผมไปธุระแถวประชาอุทิศบ่อย
ยังระลึกถึงเสมอครับ.....เพื่อไม่ให้เสียโอกาส ก็ขออนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลด้วยนะขอรับ

 

ชาวบางรัก อยู่ซอย 9 หรือเปล่าครับ

สงสัยอยู่ บางรักซอย 9 แน่เลย เพราะว่า ลุงข้างบ้านคุณnongnooo อยู่ซอย 9
.

 

อ่า มาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน ขอต้อนรับน้าแผน

เป็นไงครับ ขาสั่นละสิ สั่นสู้เสมอ ได้สัก เม็ด สองเม็ด

ไว้ก่อนที่น้าจะเข้ามากรุงเทพฯ โทร.หาผมล่วงหน้าหน่อยสิ จะได้นัดกัน วันเสาร์และอาทิตย์ แทบไม่ได้อยู่บ้านเลย จะได้จัดคิวถูกหนะน้า

แต่เดี่ยวก่อน จัดคิวนี่ ไม่ใช่คิวเรื่องสาวๆหน่ะ สำหรับผมแค่คนเดียวก็ลำบากแล้ว

โมทนาบุญทุกประการด้วยนะครับ

.

 

พระพุทธรูปองค์นี้ หากจำไม่ผิด มีพระวังหน้า,ไม้ครู ,พระขรรค์หรือกฤช และอื่นๆ อยู่ในแกนกลางองค์ท่านครับ