พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วัยรุ่นเข้าคิว เช็คอาการ "ภาษาบกพร่อง" โรค "ส ซ ศ ษ อักเสบ" ระบาดหนัก

    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01lad02071051&sectionid=0115&day=2008-10-07

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>รุมประณามหยามเยียดกันว่า "วัยรุ่น" กำลังทำให้ภาษาไทยวิบัติ อันเนื่องมาจากปัจจุบันทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เห็นได้ชัดจากภาษาแอ๊บแบ๊ว ภาษาแช็ต ที่พูด เขียน แบบสั้นๆ ผิดหลักมาตรฐานของภาษาไทย

    ทว่า...ไม่อยากให้วิตกจนเกินเหตุ เพราะยังมีวัยรุ่นที่ไม่นิ่งนอนใจ พวกเขากระจายอยู่ทั่วประเทศ ตามโรงเรียนต่างๆ กว่า 2,000 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการหมอภาษาพัฒนาเยาวชน หรือร้านหมอภาษา เปิดให้บริการมาครบ 10 ปีแล้ว โดยเป็น "แกนนำ" แก้ปัญหาในบทบาทของ "หมอภาษา" รักษาเพื่อนนักเรียนที่ป่วยเป็น "โรคภูมิคุ้นกันภาษาบกพร่อง"

    แต่ก่อนที่จะรู้จักกับ "หมอภาษา" ตัวจริงเสียงจริง ไปรับรู้สถานการณ์ภาษาไทยของวัยรุ่นจากหัวหน้าโครงการหมอภาษาพัฒนาเยาวชน อาจารย์ศิริวรรณ ฉายะเกษตริน ศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 กันก่อน

    อ.ศิริรวรรณบอกว่า ผลจากการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาพบว่า มีเพียงร้อยละ 12 เท่านั้นที่อ่านหนังสือถูกต้อง นอกนั้นยังบกพร่องด้านการอ่าน โดยเฉพาะการออกเสียง พบมากที่สุดร้อยละ 28 คือ การออกเสียงเลียนแบบภาษาต่างประเทศ มักออกเสียง ส ซ ศ ษ หรือเสียง เอส ในภาษาอังกฤษ ร้อยละ 16 เป็นการผันเสียงวรรณยุกต์ไม่ถูกต้อง ร้อยละ 13 การออกเสียงคำควบกล้ำ ร ล ไม่ชัดเจน <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    สุวดี หวันสู


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ทางด้าน อ.นิภาภรณ์ ขำปาน ครูผู้ชำนาญการพิเศษด้านภาษาไทย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการบางใหญ่ หนึ่งในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการบอกว่า การใช้ภาษาวัยรุ่นยุคนี้ภาษาพูดน่าเป็นห่วงที่สุด

    แต่...กระนั้น อ.นิภาภรณ์กลับบอกว่า ไม่ควรไปห้ามให้วัยรุ่นพูด เพราะเขาต้องตามสมัย ไม่อย่างนั้นจะอยู่ในสังคมไม่ได้

    "การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ ปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนรู้หลักภาษาไทยที่ถูกต้อง และแนะให้นำไปใช้ให้เหมาะกับกาละเทศะ"

    เช่นเดียวกับเจตนารมณ์ของร้านหมอภาษา ที่เป็นทั้งที่รักษาผู้มีอาการภาษาบกพร่องและปลูกฝังให้รักภาษาไทย โดยขั้นตอนการรักษาเหมือนการไปหาหมอที่โรงพยาบาล มีการทำประวัติ วินิจฉัยโรค บำบัดรักษา และจ่ายยา โดยทีมหมอ-พยาบาล นักเรียนอาสาสมัครที่เต็มใจทำงานพิทักษ์ภาษา วินิจฉัยโรคโดยประเมินจากการอ่านออกเสียงว่า ป่วยเป็นโรคอะไร เช่น โรค ซ ส อักเสบ วรรณยุกต์เคลื่อนเรื้อรัง ควบกล้ำเป็นพิษ ตัวสะกดอ่อนแอ จากนั้นจ่ายยาตามอาการที่ป่วย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    พรพล สุดชฎา


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สำหรับ "ยา" ที่ได้รับจะเป็นชุดฝึกอ่านออกเสียง มีทั้งชุดข้อความ นิทาน เพลง บทประพันธ์ เช่น เสียง "ช ฉ" โชคชัย ชอบโชติช่วง จึงชักชวนไปกินแกงฉู่ฉี่ ที่ใต้ต้นฉำฉา เสียง "ส ซ" สี่สาวโสด สวมเสื้อสีส้ม สวมรองเท้าส้นสูง ไปงานเลี้ยงสังสรรค์ และหลังจากการบำบัดจนสามารถออกเสียงได้ถูกต้องชัดเจน นักเรียนจะได้รับเกียรติบัตรใบรับรองคุณภาพเป็นกำลังใจ

    เป็นวิธีแก้ปัญหาที่สนุกมากทีเดียว

    หมอภาษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎ์ธานี "เยาะ" นางสาวสุวดี หวันสู นักศึกษา ปี 5 คณะครุศาสตร์ บอกว่า กิจกรรมนี้โดนใจวัยรุ่นมาก สามารถแก้ปัญหาได้จริง ทำให้วัยรุ่นตระหนักการใช้ภาษามากขึ้น แม้ในกลุ่มวัยรุ่นด้วยกันเอง พวกเขาจะใช้ภาษาเฉพาะกลุ่ม แต่ถ้าในการทำงาน การเรียน หรือคุยกับผู้ใหญ่จะเปลี่ยนมาใช้ภาษาตามแบบแผนและใช้ให้ถูกต้องที่สุด

    เช่นเดียวกับหมอภาษาจาก โรงเรียนสมเด็จพิทยาคม จ.กาฬสินธุ์ "เกื้อ" น.ส.จริยาสกุล ศิริ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 บอกว่า ร้านหมอภาษาสร้างให้เยาวชนรักภาษาไทย และจะตระหนักถึงคุณค่าของภาษาไทยมากขึ้น พวกเขาจะใช้ภาษาถูกกาละเทศะเช่น ถ้าอยู่ในกลุ่มเพื่อนก็จะใช้ภาษาวัยรุ่น เพราะถ้าไม่ใช้ก็จะถูกเพื่อนว่าเชย แต่ถ้าคุยกับอาจารย์ ผู้ใหญ่ ทำการบ้าน ทำรายงานส่งอาจารย์ พวกเขาจะกลับมาใช้ภาษามาตรฐานที่ถูกต้อง

    ด้าน "ป๊อก" นายพรพล สุดชฎา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ลูกศิษย์ อ.นิภาภรณ์ ทูตวัฒนธรรม ประจำปี 2551 บอกว่า เขาเป็นหมอภาษามาตั้งแต่ ม.1 กระทั่งปัจจุบัน สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ ภาษาวัยรุ่นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่อยากให้ผู้ใหญ่เอาแต่ต่อว่าวัยรุ่นว่าทำภาษาวิบัติ เนื่องจากนี่คือค่านิยม เพราะแม้แต่ผู้ใหญ่เองก็ใช้ภาษาผิดเหมือนกัน

    อนาคตของภาษาประจำชาติจะเป็นอย่างไร อยู่ที่ทุกคนเป็นผู้กำหนด
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คลังเพิ่มวงเงินลดภาษีLTF7แสนบ. เอ็มเอฟซีเชียร์รัฐยกเลิกเพดานลงทุนไม่เกิน15%

    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02fin01061051&day=2008-10-06&sectionid=0206


    คนรวยเฮ กรมสรรพากรเล็งเพิ่มวงเงินหักภาษีสำหรับเงินลงทุนในกองทุน RMF-LTF จาก 5 แสน เป็น 7 แสนบาท เตรียม ชง ครม.อนุมัติเร็วๆ นี้ ด้าน บลจ.เอ็มเอฟซี เชียร์รัฐยกเลิกเพดานลงทุนไม่เกิน 15% ของเงินได้ หนุนคนแห่ซื้อ RMF-LTF



    นายสาธิต รังคสิริ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี กรมสรรพากร เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างพิจารณาขยายวงเงินหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับ ผู้ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จากปัจจุบัน 5 แสนบาท เป็น 7 แสนบาท ภายในระยะเวลา 3 เดือน (ต.ค.-ธ.ค.51) โดยคาดจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในทันที หลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 8 ต.ค.นี้ ส่วนประเด็นจะให้มีการออกกองทุน LTF ใหม่นั้น ยังไม่มีการพิจารณาแต่อย่างใด

    "ภายในระยะเวลา 3 เดือนที่กำหนดก่อนสิ้นสุดปี"51 หากผู้ลงทุนมาลงทุนในกองทุน RMF-LTF หรือซื้อเพิ่มเติมในกองเก่า ก็จะได้รับสิทธิหักลดหย่อนภาษี เงินได้บุคคลธรรมดาในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนบาท แต่หากพ้นสิ้นปีนี้ไปแล้วก็ต้องกลับไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอันเดิม 5 แสนบาท"

    ด้านนายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า เนื่องจากการออกกองทุน LTF ใหม่ จะต้องเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาอนุมัติ ซึ่งตามกระบวนการของทางราชการจะต้องใช้เวลาพอสมควร ขณะที่กองทุนเก่าที่ บลจ.เปิดขายมีจำนวนไม่น้อย หากนักลงทุนซื้อเพิ่มในช่วงระยะเวลาที่กรมสรรพากรกำหนด จะสามารถนำวงเงินลงทุนดังกล่าวไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคืนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งแบบฟอร์มยื่นภาษีจะมีช่องให้กรอกว่าเข้าไปลงทุนในช่วงไหน คิดว่าไม่น่ามีปัญหาในทางปฏิบัติ

    นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี กล่าวว่า การออกกองทุน LTF ใหม่หรือเก่า ไม่ค่อยมีผลต่อผลตอบแทนกองทุนมากนักถ้านโยบายการลงทุนยังเหมือนเดิม เพียงแต่การออกกองใหม่จะทำ ให้ผู้ลงทุนได้สิทธิประโยชน์ระยะยาวมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งอาจจะจูงใจให้มีการลงทุนมากขึ้น ส่วนมาตรการลดหย่อนภาษีที่รัฐจะให้เพิ่ม ถ้าเป็นการเพิ่มเพดานวงเงินจากปัจจุบัน 5 แสนบาท คงไม่ได้ทำให้เม็ดเงินเพิ่มขึ้นมากเท่ากับการยกเลิกอัตราลงทุนไม่เกิน 15% ของเงินได้

    ทั้งนี้เป็นผลมาจากผู้ลงทุนใน LTF ยังเป็นเพียงเฉพาะกลุ่มที่รู้จักและเข้าใจประโยชน์ในการลงทุน และที่ผ่านมากลุ่มนี้ก็มีการลงทุนเกือบเต็มจำนวน 5 แสนบาทแล้ว ซึ่งก็เข้าใจว่าถ้ารัฐไปยกเลิกเกณฑ์ 15% จะส่งผลต่อรายได้ภาษีที่จะเก็บได้ เพราะเป็นฐานผู้เสียภาษีเกือบทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม หากมาตรการใหม่ไม่ได้ให้สิทธิกับผู้ที่ซื้อลงทุนไปก่อนหน้านี้แล้ว เชื่อว่าการจะหนุนให้มีเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นคงไม่สำเร็จ เพราะคนที่มีกำลังซื้อก็ล้วนอยู่ในกลุ่มที่ซื้อจนเต็มเพดาน 5 แสนบาทไปแล้วทั้งนั้น

    นายสมชัย บุญนำสิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทยกล่าวว่า เห็นด้วยถ้าภาครัฐ จะอนุญาตให้ออกกอง LTF ใหม่ เพราะ จะเป็นการดึงเม็ดเงินจากฐานผู้ออมรายใหม่ได้โดยตรงเนื่องจากจะได้ทั้งผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เพิ่มขึ้นกว่ากองทุนเก่า
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    5555โม้ไว้เยอะเดี๋ยวพรุ่งนี้โบ๋ เบ๋ ละก็โดนโห่แน่ครับ ตาลุงของผม หุ หุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ake7440 [​IMG]
    ผมเชื่อว่ามาแน่ครับ จะรอดูอยู่ครับ;aa20
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    มาปูเสื่อรอคุณnongnooo อยู่ครับ
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>พลิกแฟ้ม - "เณรแอ"จอมขมังเวท
    http://www.komchadluek.net/2008/10/08/x_sat_q010_224219.php?news_id=224219
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER>[​IMG]</CENTER>


    ในวงการไสยศาสตร์ของประเทศไทย ไม่มีใครไม่รู้จัก "เณรแอ" หรือนายหาญ รักษาจิตร์ เจ้าของต้นตำรับ "กุมารทอง" ของขลัง รวมทั้งมนต์ดำเสน่ห์ยาแฝดที่ชื่อดังที่สุดแห่งยุค
    "เณรแอ" บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดหนองระกำ อ.หนองโดน จ.สระบุรี อยู่หลายปี แม้ว่าอายุจะถึงวัยที่ต้องอุปสมบทเป็นพระภิกษุ "เณรแอ" ก็ไม่ยอมอุปสมบทเป็นพระภิกษุ แต่เลือกที่จะร่ำเรียนไสยศาสตร์มนต์ดำจากอาจารย์เขมร จนว่ากันว่ามีอาคมแก่กล้า ช่ำชองการทำเสน่ห์ยาแฝด การสะเดาะเคราะห์ และปลุกเสกของขลัง จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว แต่ละวันมีลูกศิษย์ลูกหาเดินทางไปให้ "เณรแอ" ทำพิธีทางไสยศาสตร์ให้จำนวนมาก

    กระทั่งปี 2537 "เณรแอ" ใช้ใต้ถุนเมรุวัดหนองระกำทำพิธีปลุกเสกกุมารทอง ของขลังตามท้องเรื่องในวรรณคดีดัง "ขุนช้างขุนแผน" ที่ "เณรแอ" และผู้คลั่งไคล้ไสยศาสตร์ เชื่อกันว่า เป็นผีเด็ก ที่ใครมีไว้ในครอบครองแล้วจะทำให้เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน การค้าการขายได้กำไรดี <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    ทั้งนี้ ในวรรณคดี "ขุนช้างขุนแผน" ระบุไว้ว่า กุมารทอง คือ ผีเด็ก เป็นลูกของขุนแผนกับนางบัวคลี่ ซึ่งนางบัวคลี่คิดไม่ซื่อ แอบวางยาพิษ ขุนแผนโกรธจึงฉวยโอกาสที่นางบัวคลี่หลับผ่าท้องควักเอาเด็กออกมาย่างไฟจนแห้งสนิท แล้วปลุกเสกด้วยคาถาอาคม เป็นของขลังที่ติดตามขุนแผนไปทุกหนทุกแห่ง คอยช่วยเหลือขุนแผนให้ปลอดภัยจากศัตรู
    "เณรแอ" อาศัยความเชื่อในไสยศาสตร์ที่มีอยู่ดั้งเดิมของคนไทยมาเชื่อมโยงกับเรื่องราวในวรรณคดีขุนช้างขุนแผนที่คุ้นเคยกันดีในหมู่คนไทย ทำให้มีคนเชื่อถือคลั่งไคล้ในตัว "เณรแอ" และต่างยกให้เป็น "จอมขมังเวท" ไปในที่สุด

    แต่พิธีกรรมปลุกเสก "กุมารทอง" ในครั้งนั้น ทำให้จอมขมังเวทผู้นี้ต้องติดคุกติดตะรางอยู่ 1 ปีเต็ม เนื่องจากในพิธีปลุกเสก "กุมารทอง" ครั้งนั้น มีการบันทึกภาพวิดีโอขั้นตอนการปลุกเสกไว้อย่างละเอียดยิบ โดยเฉพาะขั้นตอนการย่างศพเด็ก และมีการนำวิดีโอเทปไปเผยแพร่ในสื่อมวลชนต่างๆ จนเป็นข่าวครึกโครม <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    หลังจากนั้นไม่นาน กรมการศาสนาได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองโดน ให้ดำเนินคดี "เณรแอ" ในข้อหาอุตริมนุษยธรรมที่ไม่มีตัวตน ซึ่งศาลจังหวัดสระบุรีได้พิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 1 ปี
    แต่เรื่องราวของ "เณรแอ" ไม่ได้จางหายไปจากสังคมไทย เพราะหลังจากนั้นไม่นานผู้สร้างภาพยนตร์นำเรื่องราวของจอมขมังเวทผู้นี้ ไปถ่ายทำภาพยนตร์ให้ชื่อว่า "เณรแอจอมขมังเวทย์" ทำให้ชื่อเสียงของเณรแอเป็นที่จดจำของคนไทยทั้งประเทศจนถึงบัดนี้
    หลังจากพ้นโทษ แม้ว่า "เณรแอ" จะไม่ได้ถือครองผ้าเหลือง แต่เขาก็ไม่ได้ห่างหายไปจากแวดวงไสยศาสตร์ เขาได้ใช้บ้านพักทรงไทย ปลูกสร้างอยู่ในเนื้อที่ 5 ไร่ เลขที่ 18 หมู่ 6 ต.หนองโดน อ.หนองโดน จ.สระบุรี เป็นสถานที่ทำเสน่ห์ยาแฝดให้แก่ผู้ที่ศรัทธา จนกลายเป็นคนมีฐานะ มีทรัพย์สินอยู่ในความครอบครองหลายสิบล้านบาท <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    เมื่อปี 2538 "เณรแอ" ได้แต่งงานกับ นางชไมพร รักษาจิตร์ โดยยังคงยึดอาชีพหมอเสน่ห์ ทำมาหาเลี้ยงครอบครัว แต่ก็ต้องเลิกรากันไป โดยนางชไมพรอ้างว่าทนพฤติการณ์ของ "เณรแอ" ไม่ไหว กรณีบังคับให้หลอกลวงหญิงสาวที่มีปัญหาครอบครัวให้มาทำพิธีไสยศาสตร์ และได้ฟ้องหย่าต่อศาล
    ต่อมาเมื่อปี 2548 นางชไมพรเข้าร้องเรียนต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวหา "เณรแอ" ว่าเป็นจอมลวงโลก มีพฤติการณ์ต้มตุ๋นหลอกลวงประชาชน อ้างพิธีทางไสยศาสตร์หลอกข่มขืนหญิงสาวที่หลงเชื่อ แถมยังแอบถ่ายวิดีโอไว้แบล็กเมล์เหยื่อ
    หลังรับเรื่องร้องเรียน นางปวีณาได้ประสานไปยัง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบก.ปดส.(ตำแหน่งในขณะนั้น) ให้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี "เณรแอ" ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน จนทำให้ "เณรแอ" ต้องระเห็จเข้าคุกอีกครั้ง
    ระหว่างการเข้าตรวจค้นบ้านพักของเณรแอ เมื่อเช้ามืดวันที่ 10 กรกฎาคม 2548 ตำรวจพบ "เณรแอ" นอนอยู่ในห้องพักกับหญิงสาววัย 19 ปี รายหนึ่ง โดยหญิงสาวรายนี้ยอมรับกับตำรวจว่า เดินทางมาพบ "เณรแอ" เพื่อให้ทำเสน่ห์ยาแฝดให้ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าพิธี จึงต้องยอมร่วมหลับนอนกับ "เณรแอ" แทน
    การค้นบ้านพักของ "เณรแอ" ในวันนั้น นอกจากหญิงสาวแล้ว ยังพบเครื่องรางของขลังและอุปกรณ์การทำพิธีไสยศาสตร์อยู่เต็มบ้าน ทั้งพระพุทธรูป รูปปั้นกุมารทอง หัวกะโหลกลงอักขระหลายขนาด ตะกรุด ปลัดขิก ขวดน้ำมันพราย หุ่นขี้ผึ้งปั้นหญิง-ชายกอดกันและมัดติดกัน
    อย่างไรก็ตาม ของกลางที่พบไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบได้ในบ้านพักของจอมขมังเวทรายนี้ แต่ที่ทำให้ตำรวจแปลกใจคือ มี ยาทน ยาไวอากร้า และยากล่อมประสาท ซุกซ่อนอยู่ใต้ฐานพระภายในห้องทำพิธีของ "เณรแอ" ด้วย
    "เณรแอ" ถูกควบคุมตัวมาสอบสวนที่ บก.ปดส. ซึ่งเขายืนกรานปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยเฉพาะในประเด็นการข่มขืนหญิงสาว ที่มาพบเขาเพื่อทำพิธีทางไสยศาสตร์ โดยอ้างว่าหญิงสาวยินยอมมีเพศสัมพันธ์กับเขาเอง ต่อมาพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเณรแอ ต่อศาลอาญา รัชดาฯ เอาผิดเณรแอฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งศาลได้พิพากษาให้จำคุก "เณรแอ" เป็นเวลา 100 ปี แต่คำให้การของจำเลยมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง จึงลดโทษให้เหลือจำคุก 75 ปี อย่างไรก็ตาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2) ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไว้สูงสุดที่ 20 ปี และให้ริบของกลางที่ใช้ประกอบพิธีกรรมและชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายทุกราย
    จากการสืบสวนของตำรวจ ปดส.ในครั้งนั้น พบว่ามีหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อของ "เณรแอ" ทั้งสิ้น 33 คน ในจำนวนนั้นมีดารา นักแสดง และผู้ที่มีชื่อเสียงในสังคม หลายรายรวมอยู่ด้วย ซึ่งนั้นเป็นเพราะ "จอมขมังเวท" รายนี้มีการโฆษณาชวนเชื่อในสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ในทำนองว่า เป็นจอมขมังเวท เป็นหมอผี มีเวทมนตร์คาถาไสยศาสตร์ ทำเสน่ห์ ลงนะหน้าทอง ให้เกิดพลังเมตตามหานิยม ทำให้คนรักคนหลง ค้าขายดี
    ข้อความโฆษณาเหล่านี้ เป็นตัวจุดชนวนอย่างดีให้แก่บุคคลที่มีปัญหาในชีวิตหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อในที่สุด
    ปัจจุบันเณรแอยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จึงทำให้เรือนไทย เลขที่ 18 หมู่ 6 ต.หนองโดน ที่เคยคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เดินทางไปให้ จอมขมังเวท รายนี้ ทำพิธีทางไสยศาสตร์ให้เงียบเหงา แต่แม้ว่า "เณรแอ" จะถูกขังอยู่ในคุก แต่ชื่อเสียงก็ยังไม่ได้สูญหายไปจากสังคม และก่อนจะถูกนำเข้าห้องขัง "เณรแอ" เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไว้ว่า การถูกจับกุมดำเนินคดีจะยิ่งทำให้เขาโด่งดัง และเมื่อพ้นโทษจะมีคนเดินทางมาหาเขาอีกจำนวนมาก การให้สัมภาษณ์ของ "เณรแอ" ในครั้งนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ คงต้องรอพิสูจน์กันอีก 10 กว่าปีข้างหน้า


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ใจเย็นๆครับ พ่อแม่พี่น้อง ท่านอยู่ระหว่างเดินทางครับ บ่ายน่าจะได้ชมกันแน่ครับ หุ หุ
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>"ของเหลือใช้" เป็นประโยชน์
    http://www.komchadluek.net/2008/10/08/x_lady_i001_224981.php?news_id=224981</TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER>[​IMG]</CENTER>


    พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จไปยังศูนย์การค้าสยามพารากอน ในการประทานรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ ประจำปี 2551
    ในการนี้ได้ทอดพระเนตรการแสดงแฟชั่นโชว์ ซึ่งเป็นผลงานการประกวดเครื่องแต่งกายจากวัสดุเหลือใช้ ที่ผ่านเข้ารอบการประกวดระดับประเทศ 17 ผลงาน ซึ่งทำจากวัสดุเหลือใช้ที่ไม่อันตราย มีความสวยงามประณีต และสามารถสวมใส่ได้จริง อาทิ กระดาษ พลาสติก และแผ่นยางรถยนต์ จากนั้นได้ประทานรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ และทอดพระเนตรผลงานการประกวด แบ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ทั่วไประดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และระดับชุมชน ประเภทเครื่องแต่งกายระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ทุกชิ้นล้วนสร้างสรรค์จากวัสดุเหลือใช้ได้อย่างสวยงาม อย่างขันโตกช้างโชว์ ทำจากกล่องกระดาษหลากหลายชนิด หรือโคมไฟที่ทำจากขวดน้ำ นอกจากนี้ผลงานต่างๆ ยังสามารถใช้งานได้จริงด้วย <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดงานครั้งนี้ขึ้นเพื่อสนองพระดำริในการรณรงค์ให้เด็กและเยาวชน นักเรียน นักศึกษา รวมทั้งประชาชนได้แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ อันเป็นการนำวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดปริมาณขยะ และสร้างจิตสำนึกในการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า โดยปีนี้มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวด 1,170 ผลงานจากทั่วประเทศ
    <TABLE align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คนเราเกิดมา ย่อมไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง ย่อมมีดี ,ไม่ดี ,มีจุดเด่น ,จุดด้อย ของแต่ละคน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกำลังใจของตนเอง ที่ต้องต่อสู้กับชีวิต เพื่อจุดมุ่งหมายของแต่ละคน และทำในสิ่งที่ดี ที่งามกัน

    ผมมีตัวอย่างที่เป็นกำลังใจให้กับทุกๆท่านครับ

    ----------------------------------------------

    ประวัติ วะโฮรัมย์ นักกีฬาพิการผู้ไม่เคยยอมแพ้

    http://hilight.kapook.com/view/29692

    [​IMG]


    "ประวัติ วะโฮรัมย์" นักกีฬาฮีโร่ ผู้มีหัวใจไม่เคยแพ้ ครองเหรียญทองพาราลิมปิกมาแล้วถึง 3 สมัย เริ่มตั้งแต่พาราลิมปิก 2000 ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ด้วยผลงานเหรียญทองวีลแชร์

    ก่อนจะก้าวเดินตามความสำเร็จของตัวเองในพาราลิมปิก ที่เอเธนส์ ประเทศกรีซ และล่าสุดใน "ปักกิ่งเกมส์" ที่ "ประวัติ" ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับตนเอง เมื่อเขาสามารถครองเหรียญทองเหรียญที่ 3 ในการแข่งขันวีลแชร์ 5000 เมตรชายได้สำเร็จ ​

    3 เหรียญทอง กับกีฬาพาราลิมปิก 3 สมัย ถือเป็นความยิ่งใหญ่ของเจ้าของนักกีฬาคนพิการระดับโลกที่ "ประวัติ" ได้เปิดเผยที่มาว่า

    "ผมเป็นโรคโปลิโอที่ขาซ้ายตั้งแต่เกิดแล้วครับ แต่ว่าด้วยนิสัยที่ไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ และผมเองก็อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า คนพิการก็สามารถทำอะไรได้ จึงมีความคิดเรื่องอยากเป็นนักกีฬา เริ่มต้นตอนอายุ 14 ปี ผมได้เห็นนักกีฬารุ่นพี่กำลังฝึกซ้อมวีลแชร์ที่โรงเรียนศรีสังวาลที่ผมเรียนอยู่ ผมเริ่มคิดว่า นี่คือกีฬาที่จะทำให้ตนเองคว้าความสำเร็จมาครองได้"

    "ประวัติ" เริ่มต้นตั้งเป็นนักกีฬาวีลแชร์ และต้องเริ่มซ้อมด้วยน้ำตา เนื่องจากแข่งสู้นักกีฬารุ่นพี่ไม่ได้ มันเป็นความเจ็บใจ ผมบอกตัวเองเสมอ ถ้าอยากเก่งก็ต้องฝึกซ้อม ซึ่งผมใช้เวลากับการซ้อมมาก กว่าที่โค้ชจะเลือกผมเป็นนักกีฬาในทีม ​

    จากวันที่เริ่มเล่นกีฬาวีลแชร์เรสซิ่งวันแรก จนทุกวันนี้ "ประวัติ วะโฮรัมย์" ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้เมื่ออายุ 14 ปี คือการได้เป็นตัวแทนทีมชาติไทยเข้าร่วมกีฬาพาราลิมปิก แม้จะผ่านการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์มาแล้วถึง 2 สมัย โดยเฉพาะใน "ปักกิ่งเกมส์" ยอดนักกีฬาวีลแชร์หมายเลข 1 ของไทย สามารถคว้ามาถึง 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน กับ 1 เหรียญทองแดง ​

    "ผมรู้สึกภูมิใจกับผลงานของตัวเองมากที่สุดใน "ปักกิ่งเกมส์" เพราะผมคว้าเหรียญรางวัลมาได้ 5 รายการ แม้จะไม่ใช่เหรียญทองทุกเหรียญ และที่สำคัญคือการแย่งแชมป์วีลแชร์เรซซิ่ง 5,000 เมตร กลับคืนมาได้จากนักกีฬาจากออสเตรเลีย เพราะนี่เป็นระยะที่ผมถนัดที่สุด" ​

    "สำหรับเหรียญทองละ 2 ล้าน ที่กองทุนพัฒนากีฬาของรัฐบาลจะมอบให้ผม ซึ่งหากรวมทุกเหรียญแล้วก็จะได้ 5.5 ล้านบาท ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มาก แต่ผมถามกลับไปหน่อยว่าผมก็เป็นนักกีฬา ต้องฝึกซ้อม ต้องอดทน ต้องแข่งขัน เหมือนกับที่นักกีฬาปกติที่เขาแข่งขันกัน แต่ทำไมเงินอัดฉีดจึงต่างกันมาก เห็นชัดเจนว่าความเท่าเทียมของคนพิการมันมีค่าไม่เท่ากับคนปกติ"

    "ประวัติ" กล่าวถึงความภาคภูมิใจของตนเอง และระบายความรู้สึกน้อยใจแทนนักกีฬาคนพิการ ที่อยากเห็นสังคมไทยยอมรับผู้พิการ ที่มีสิทธิที่จะใช้ชีวิตได้อย่างเท่าเทียมกับคนปกติทั่วไป ​

    แม้จะน้อยใจไปบ้างในความไม่เท่าเทียมที่จะได้รับ แต่ว่ายอดนักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งหมายเลข 1 ของไทยคนนี้ ก็ประกาศที่จะสู้ต่อในพาราลิมปิก 2012 เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า นักกีฬาผู้พิการก็สามารถสร้างประวัติศาสตร์และเป็นนักกีฬาฮีโร่ในหัวใจคนไทย ได้เหมือนกัน ​


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์
    [​IMG]
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก kroobannok.com
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    10 วิธีทำให้คนอื่นชอบคุณ

    http://hilight.kapook.com/view/29694

    [​IMG]

    ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน การได้เป็นที่รัก ที่ชอบพอของคนรอบตัวนั้น ก็นับเป็นสิ่งประเสริฐที่ทุกคนปรารถนา แต่ต้องคำนึงถึงความถูกต้องดีงามเป็นพื้นฐานด้วย ไม่ใช่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนอื่นพอใจรักใคร่ ทั้ง 10 ข้อที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นสูตรปรุงเสน่ห์ ซึ่งทำได้ไม่ยาก แต่ท้าทายให้ทุกคนใส่ใจและทดลองปฏิบัติ ที่เห็นว่าเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ถึงเวลา หากสำรวจเข้าจริงๆ บางคนก็ขาดไปหลายข้อเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขา ง่ายเสียจนเราละเลย ลืมให้ความสำคัญ ลืมปฏิบัติกันให้เป็นนิสัย

    1. จำชื่อเขาให้ได้

    ถ้ายังจำชื่อใครต่อใครไม่ได้ หรือจำผิดจำถูก แสดงว่าคุณไม่ใคร่สนใจไยดีหรือให้ความสำคัญในตัวเขานัก คุณรู้ไหมว่า ชื่อคนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความรู้สึกของคนอย่างมากมาย รีบจำชื่อเขาให้ได้ และเรียกให้ถูกนะคะ​

    2. รู้จักทักทาย

    การทักทายใครต่อใครก่อน เป็นความน่ารักอย่างหนึ่ง สะท้อนให้เห็นความมีมิตรจิตมิตรใจ ทำให้ผู้ถูกทักทายรู้สึกดีว่าได้รับความใส่ใจ มีคนให้ความสำคัญ เราจะจำชื่อคนให้ได้ไปทำไมกันคะ ถ้าจำได้แล้วไม่รู้จักทักทายกัน?​

    3. วางตัวสบายๆ ได้หรือเปล่า

    จงเป็นคนที่วางตัวสบายๆ เสมอ เพื่อผู้อื่นจะได้ไม่รู้สึกเครียดเมื่ออยู่ใกล้ๆ คุณโปรดเป็นกันเอง อย่าถือเนื้อถือตัว อย่าเจ้ายศเจ้าอย่าง เพราะมันจะน่ารำคาญ น่าเกลียดน่ากลัว มากกว่าน่าเข้าใกล้​

    4. มีนิสัยง่ายๆ

    นิสัยง่ายๆ เป็นคนละเรื่องกับมักง่าย หากคุณเป็นคนง่ายๆ มีความยืดหยุ่นสูง และรู้จักผ่อนปรนอารมณ์ของคุณก็มักจะคงที่ ไว้ใจได้ ทำนายได้ ไม่แปรปรวนจนยากแก่การควบคุมหรือไว้ใจ คนง่ายๆ มักยอมรับและเข้าใจได้ แม้กับคนที่น่ารำคาญที่สุด ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้กับคนที่อารมณ์คงที่ ยืดหยุ่น และถือสาใครต่อใครน้อยมาก เพราะอะไรคะ เพราะว่าบางครั้ง เราก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเราเองมีอะไรที่น่ารำคาญบ้าง ง่ายๆ วางใจ ไม่ถือสากันนี่ละ ดีที่สุด​

    5. อย่าอวดตัวเอง

    จงระวัง อย่าแสดงว่าคุณรู้อะไรๆ ไปหมดเสียทุกเรื่อง ไม่มีใครอยากจะชอบพอกับคนที่ฉลาดไปเสียทุกเรื่องหรอก บางเรื่องเขาก็อยากฉลาดบ้างเหมือนกัน ดังนั้นโปรดวางตัวตามธรรมชาติ (คือมีทั้งเรื่องที่รู้และไม่รู้) ถ่อมตน และสุภาพตามกาลเทศะจะดีกว่า​

    6. จงมีนิสัยร่าเริง

    เพื่อคนทั้งหลายจะได้ชอบอยู่ใกล้ และ "ติด" ในความร่าเริงที่คุณมี แล้วคุณจะได้รับความรู้สึกดีๆ ได้เรียนรู้ในสิ่งดีๆ จากคนเหล่านี้ เมื่อคบค้าสมาคมด้วย​

    7. จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิด
    คุณอาจเคยมองใครในแง่ร้ายๆ ไปบ้าง คุณอาจเคยถือสาการกระทำครั้งโน้นครั้งนี้ของเขา หากคุณมีเวลา จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดหรือความถือสาที่เคยมี รวมทั้งที่กำลังมีอยู่ให้หมดไป มิตรภาพไม่อาจก่อเกิดหรืองอกงามได้ ท่ามกลางความระแวงแคลงใจ จงขจัดความขุ่นข้องหมองใจ ความไม่ชอบใจ และความเจ็บใจให้หมด แล้วคุณจะเป็นคนน่ารักที่ไม่มีใครผูกใจเจ็บ

    8. ทิ้งมันไป...นิสัยเสียๆ

    บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่า เรามีนิสัยอะไรที่เป็นข้อบกพร่องอยู่ในตัวบ้าง การเงี่ยหูฟังจากคนรอบข้าง จะช่วยให้เรารู้ เมื่อเรารู้แล้ว เรามีหน้าที่ต้องกำจัดนิสัยที่ทำให้คนอื่นตั้งเป็นข้อรังเกียจออกไป แม้ว่านิสัยบางอย่างนั้น อาจมีอยู่หรือทำไปโดยที่เราไม่ได้รู้ตัวมาตลอดก็ตาม​

    9. จงหัดชอบคนอื่นบ้าง

    น่าประหลาด... คนบางคนเกลียดใครต่อใครได้ไวมาก ลองหัดชอบคนอื่นจนกลายเป็นนิสัยดีไหมคะ ชอบที่เขาเป็นอย่างนั้น ชอบที่เขาคิดอย่างนี้ ชอบในสิ่งที่เขาพูดจา ฯลฯ พึงท่องคาถาประจำใจเอาไว้ให้ตลอดเภิดว่า​
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เพิ่มลดหย่อนภาษีLTF-RMF ช่วยขยายยอดเงินออม..จริงหรือ?
    http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9510000119276
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 ตุลาคม 2551 06:02 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> "แต่ถ้าหากมีการปรับเพิ่มทั้งวงเงินลดหย่อนภาษี พร้อมทั้งการปรับเพิ่มเพดานการลงทุน วิโรจน์ ตั้งเจริญ เชื่อว่า จะเป็นเรื่องที่ดียิ่งสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมาก ดังนั้นการหันมาลงทุนในกองทุน LTFและRMF ถือเป็นการลงทุนในระยะยาว หรือเป็นช่องทางการสะสมเงินออมที่ดีสำหรับนักลงทุนอีกทางหนึ่ง "

    การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เป็นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนและประชาชาทั่วไปอย่างมาก เนื่องจากเป็นการลงทุนในระยะยาว และมีสิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้ที่ลงทุนผ่านกองทุน RMF และ LTF จะได้รับสิทธิพิเศษในการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคลธรรมดา สูงสุดถึง 5 แสนล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังระบุไว้ ขณะเดียวกันการลงทุนผ่านกองทุนทั้ง 2 นี้ยังถือเป็นการกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้นอีกด้วยแต่จากสถานการณ์ของวิกฤตการทางการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกที่ร้อนแรงและลุกลามไปถึงเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก ทั้งในยุโรป เอเชีย จนส่งผลให้ตลาดหุ้นของประเทศต่างๆร่วงดิ่งลงอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในการลงทุนในตลาดทุนทั้งหลายหดหายลงไปอย่างมาก โดยตลาดหุ้นใน สหรัฐฯเอง รวมถึงในยุโรปและเอเชีย นักลงทุนพากันเทขายหุ้นทิ้ง เพื่อเปลี่ยนมาถือเงินสดหรือนำเงินไปพักที่แหล่งอื่นแทน

    แน่นอนว่าวิกฤตการทางการเงินที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงนี้ ส่งผลต่อสภาพของตลาดทุนในแต่ละประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ทำให้กระทรวงการคลังได้มีมาตรการที่จะช่วยเหลือตลาดทุนของไทย ด้วยการที่จะให้มีการขยายวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดา สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุน RMF กับ LTF จากเดิมทึ่ระดับ 500,000 บาท เพิ่มเป็น 700,000 บาท เพื่อเป็นการจูงใจให้คนออกมาลงทุนกันมากขึ้น

    วิโรจน์ ตั้งเจริญผู้ช่วยกรรมการการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด 1 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ( บลจ.) กรุงไทย จำกัด เล่าให้ฟังว่า ในกรณีที่กรมสรรพากรได้มีการพิจารณาขยายวงเงินหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของRMF และLTF จากปัจจุบัน 500,000 บาท เป็น 700,000 บาท คาดว่าเป็นการเพิ่มนักลงทุนได้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะจากวงเงินดังกล่าว คนที่จะลงทุนได้จะต้องมีรายได้ไม่เกิน 3,300,000 บาทต่อปี ซึ่งก็คือ 15%ของรายได้ ซึ่งนักลงทุนที่มีรายถึงระดับ 3,300,000 บาทต่อปี นั้นมีอยู่น้อยมาก ดังนั้นจึงเห็นว่าควรที่จะมีการปรับเพดานการลงทุนแทนการเพิ่มวงเงิน

    "หากเป็นการเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษี จาก 500,000 บาท เป็น 700,000 บาท จะทำให้ผู้ที่มีรายได้ 600,000 บาท สามารถที่จะลงทุนในกองทุนรวม LTFหรือRMF ได้ 90,000 บาทเท่านั้น และหากมองดูให้ดีแล้วจะพบว่าไม่ได้เป็นการออมเงินเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด"

    ส่วนเรื่องการเพิ่มอัตราการลงทุนโดยปรับเพิ่มขึ้นจาก 15%ของรายได้มาเป็น 20% ของรายได้แทนนั้น เรื่องนี้จะสามารถเพิ่มฐานการลงทุนได้มากกว่าการปรับเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษี เพราะหากมีการปรับเพิ่มเพดานการลงทุนเป็น 20% จะสามารถระดมเม็ดเงินจากนักลงทุนได้ ทั้งในระดับกลางถึงระดับล่างให้เข้ามาร่วมลงทุนได้มากขึ้น

    แต่ถ้าหากมีการปรับเพิ่มทั้งวงเงินลดหย่อนภาษี พร้อมทั้งการปรับเพิ่มเพดานการลงทุน วิโรจน์ ตั้งเจริญ เชื่อว่า จะเป็นเรื่องที่ดียิ่งสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมาก ดังนั้นการหันมาลงทุนในกองทุน LTFและRMF ถือเป็นการลงทุนในระยะยาว หรือเป็นช่องทางการสะสมเงินออมที่ดีสำหรับนักลงทุนอีกทางหนึ่ง รวมถึงยังสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้จากกรมสรรพากรซึ่งถือเป็นข้อดีของ กองทุน LTFและRMF ซึ่งจากตรงนี้จะทำให้ยอดการเติบโตของกองทุนทั้ง 2 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังสามารถกระตุ้นให้นักลงทุนที่ไม่เคยลงทุนหันมาร่วมออมเงินผ่านกองทุนทั้งสองประเภทมากขึ้น

    "หากมีการเพิ่มวงเงินลงทุนของกองทุน LTFและRMF จะทำให้กองทุนทั้ง 2 โตขึ้นจากเดิมที่มีอัตราการเติบโตประมาณ 30% เพราะเมื่อมาเปรียบเทียบกับรายได้ของนักลงทุนไทยจะพบว่า คนที่เสียภาษีมีไม่เกิน 10% คือกลุ่มคนที่มีรายได้ไม่เกิน 500,000 บาท ขณะที่ คนที่มีราย 500,000-1,000,000 บาท จะต้องเสียภาษี 20% ซึ่งหากมีการอนุมัติเรื่องการเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีและการปรับเพิ่มเพดานการลงทุนจะทำให้มีการออมเพิ่มขึ้น 10-20% ต่อปี โดยในเรื่องนี้ทางด้านของนายกสมาคมบริษัทจัดการลงททุน และบลจ.ต่างๆ ได้มีการผลักดันให้มีการอนุมัติการพิ่มวงเงินและเพดานการลงทุนไปพร้อมๆกันขณะที่ อนุสรณ์ บูรณการนนท์กรรมการผู้จัดการ บลจ. บีที ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า เป็นสัญญาณที่ดีจากรัฐบาลชุดนี้ ที่มีการตัดสินใจและทำงานพร้อมทั้งแก้ปัญหาเรื่องต่างๆได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังตรงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ด้วย

    สำหรับการเพิ่มเพดานการลงทุนนั้น ถือเป็นการเพิ่มวงเงินลงทุนให้กับนักลงทุน ถึงแม้ว่าเม็ดเงินลงทุนที่เข้ามาใหม่จะมีไม่มากนัก แต่จะสามารถกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนให้กลับมาน่าลงทุนอีกครั้ง โดยเฉพาะนักลงทุนที่มีรายได้สูงจะกลับเข้ามาลงทุนในช่วงที่หุ้นมีราคาถูกกว่าช่วงก่อนหน้านี้ ถือเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับภาวะตลาดในปัจจุบัน

    "หุ้นตัวใหญ่ในตลาดที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนราคาได้ปรับตัวลดลงมามาก จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่นักลงทุนจะเข้าไปช้อนหุ้นพื้นฐานดี ปัจจัยดี อนาคตการฟื้นตัวเร็วมาไว้ในพอร์ต เพื่อรอระยะเวลาให้ตลาดปรับตัวขึ้นมาก็จะมาสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้ เพราะการลงทุนที่ถูกจังหวะ สามารถสร้างกำไรให้กับนักลงทุนได้ดี"อนุสรณ์กล่าวขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่าไตรมาส 4 ของปีนี้ ภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนรวมน่าจะคึกคักมากกว่าปีก่อน และจากเหตุการณ์วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนเล็งเห็นว่าควรที่จะมีการลงทุนในประเทศมากกว่าการลงทุนในต่างประเทศ

    กรรมการผู้จัดการ บอกอีกว่า ภาวะตลาดหุ้นในขณะนี้ทำให้ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ มองว่าการลงทุนในกองทุน LTFและRMF จะต้องเน้นลงทุนในหุ้นตัวใหญ่ๆของตลาดเป็นหลัก เนื่องจากมองว่าเป็นการลงทุนที่น่าจะมีความได้เปรียบ รวมทั้งนักลงทุนมีความมั่นใจในการบริหารจัดการกองทุนและจะกลับเข้ามาลงทุน

    โดยหุ้นที่ได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี่ คือ หุ้นในกลุ่มธนาคาร กลุ่มสื่อสาร ที่ราคาได้ปรับตัวลดลงไปมากแล้ว และมีโอกาสที่จะดีดตัวกลับขึ้นมาทำกำไรได้ ซึ่งอนาคตหุ้นในกลุ่มนี้ยังมีการเติบโตที่ดี ในส่วนของหุ้นกลุ่มพลังงานนั้น อาจต้องรอเวลาในการลงทุน หรือรอให้ราคาปรับตัวลดลงมาอีกนิดถึงน่าที่จะเข้าไปลงทุนได้ แต่ขณะนี้หุ้นกลุ่มนี้ก็ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมากเหมือนกัน

    ทั้งหมดนี้ เป็นมุมมองจากผู้จัดการกองทุน ที่มีต่อภาวะการลงทุนในหุ้น รวมทั้ง กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่กำลังจะได้รับการขยายสิทธิประโยชน์ต่อผู้เสียภาษี โดยหากกระทรวงการคลังอนุมัติเรื่องนี้แล้ว คาดว่าจะมีนักลงทุนจำนวนมากทีเดียวที่ให้ความสนใจลงทุนในกองทุนทั้ง 2 นี้ ซึ่งคงต้องรอลุ้นมติครม.วันนี้ว่าจะเป็นอย่างไร หรืออาจต้องเลื่อนการพิจารณาเรื่องดังล่าวออกไปก่อน แต่สำหรับผู้ลงทุนเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป และไม่ควรมองข้ามสิทธิประโยชน์ครั้งนี้
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"เซทเทเลม" พับกระเป๋ากลับบ้าน ปิดฉากสินเชื่อรายย่อยต่างชาติ
    http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9510000119371

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 ตุลาคม 2551 06:29 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>"เซทเทเลม" ผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อรายย่อยจากชาติฝรั่งเศส ประกาศยุติการให้บริการสินเชื่อในไทยแล้ว หลังเข้ามาทำธุรกิจในไทยได้แค่ 8 ปี ไม่ประสบผลสำเร็จ ส่งจดหมายให้กับดีลเลอร์ทุกราย เลย์ออฟพนักงาน ให้เหลือแต่ฝ่ายเก็บหนี้เท่านั้น

    บริษัท เซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด สัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ทั้งสินเชื่อเงินผ่อน , สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต ประกาศยุติบทบาทการทำธุรกิจในไทย โดยเมื่อวานนี้ ( 7 ต.ค.) บริษัทได้ส่งจดหมายให้กับดีลเลอร์ทั้งหมดที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ พร้อมแจ้งว่า บริษัทเตรียมงดการให้บริการสินเชื่อเช่าทุกประเภท ยกเว้นบัตรผ่อนสินค้ากับบิ๊กซี เท่านั้น

    ทั้งนี้ มีข้อมูลจากบุคคลในวงการสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคหลายราย ยืนยันว่า การเลิกกิจการของเซทเทเลม เป็นความจริง โดยได้ทำการเลิกจ้างพนักงานไปแล้ว ให้เหลือแต่เฉพาะพนักงานที่ต้องทำหน้าที่เก็บหนี้เท่านั้น ซึ่งเซทเทเลม เริ่มถอยออกจากวงการมาแล้ว 3-6 เดือนที่ผ่านมา

    แหล่งข่าวกล่าวว่า 8 ปีที่เซทเทเลมประกอบธุรกิจสินเชื่อในไทย ถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จในการขยายตลาด และเข้าใจว่าการเลิกกิจการครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับวิกฤตการเงินในสหรัฐอเมริกา และมีรายงานว่าพอร์ตสินเชื่อของเซทเทเลม ที่มีอยู่นั้น ได้ขายให้กับผู้ประกอบการบางรายในประเทศไทยไปแล้ว

    นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าสาเหตุที่เซทเทเลม ยกเลิกการให้บริการนั้นอาจจะมาจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจไทย และปัจจัยการเมืองในประเทศที่ยังไม่สงบในขณะนี้ บวกกับผลกระทบจากวิกฤติการเงินในต่างประเทศ เพราะเซทเทเลมได้ประกาศปิดกิจการในภูมิภาคเอเชียแล้ว โดยเฉพาะในประเทศไต้หวัน และเกาหลีใต้เพื่อนำเงินทุนกลับประเทศฝรั่งเศส

    นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เซทเทเลมได้แสดงความจำนงขอยกเลิกเงื่อนการทำธุรกรรมกับธนาคารได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว ซึ่งการยกเลิกการทำธุรกรรมกับธนาคารนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธนาคาร เพราะก่อนหน้านี้ธนาคารทำหน้าที่หาลูกค้าให้เซทเทเลมเท่านั้น โดยได้ผลตอบแทนไม่มากนัก ส่วนการปล่อยสินเชื่อนั้นจะเป็นหน้าที่ของเซทเทเลม

    "ขณะนี้ธนาคารไม่ได้ทำธุรกรรมกับเซทเทเลมแล้ว เพราะเขาได้แจ้งยกเลิกการทำธุรกรรมมายังธนาคารได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว ซึ่งเมื่อแจ้งความจำนงยกเลิกการทำธุรกรรมธนาคารก็เห็นพ้องด้วย ส่วนเหตุผลอื่นๆ ของการยกเลิกนั้นไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน"

    บริษัท เซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด ได้จดทะเบียนครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อ ปี พ.ศ.2542 ในฐานะบริษัทในเครือของเซทเทเลม ผู้นำด้านสินเชื่อ เพื่อผู้บริโภคของยุโรป บริษัทเริ่มดำเนินกิจการในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2543

    โดยให้บริการด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคแก่ห้างคาร์ฟูร์ ห้างค้าปลีกจากฝรั่งเศสที่เป็นพันธมิตรในระดับนานาชาตินับตั้งแต่ก่อตั้งกิจการ

    ทั้งนี้ บริษัท เซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้มีพนักงานกว่า 700 คน บริษัทเสนอสินเชื่อรูปแบบต่างๆ แก่ผู้บริโภคผ่านช่องทางการขายของพันธมิตรร้านค้าปลีกมากกว่า 600 ราย และรวบรวมประสบการณ์จากทั่วโลก

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ---------------------------------------------------

    เรื่องของสินเชื่อบัตรเครดิตต่างๆ ต้องระวังกันไว้ให้ดีๆ ตามที่ผมได้เคยอธิบายในกระทู้พระวังหน้าฯนี้
    ไม่ว่าคุณเป็นใคร ไม่ว่าคุณจะใหญ่แค่ไหน หากติดแบล็คลิสแล้ว คุณก็ไม่สามารถไปทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงินที่ไหนได้อีก

    ผมรู้จักกับ ผู้ที่เคยขึ้นไปคุยบนเวทีที่สน........ ผมคงไม่บอกว่าเป็นใคร หากผมบอกไป ผมเชื่อว่าทุกๆคนคงรู้จักกันดี บุคคลท่านนี้เมื่อก่อนเคยติดแบล็คลิส กับบัตรเครดิตของห้างสรรพสินค้า เมื่อเคลียร์หนี้หมดแล้ว เวลาที่ไปทำธุรกรรมทางการเงิน ยังต้องใช้จดหมายของบัตรเครดิตของห้างสรรพสินค้า ไปเป็นหลักฐานในการยืนยันว่า ไม่มีภาระหนี้สินกับทางบัตรเครดิตนั้นแล้ว ซึ่งการติดแบล็คลิสนั้น ถึงจะชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้วก็ตาม รายชื่อยังคงอยู่อีกเป็นปีๆครับ

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ

    http://palungjit.org/showthread.php?t=68899&page=75


    <TABLE class=tborder id=post1558839 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">6-10-2551, 06:09 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1484 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sira<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1558839", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: เมื่อวานนี้ 06:21 PM
    วันที่สมัคร: Feb 2005
    อายุ: 34
    ข้อความ: 169
    ได้ให้อนุโมทนา: 25
    ได้รับอนุโมทนา 1,479 ครั้ง ใน 171 โพส
    พลังการให้คะแนน: 159 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1558839 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->พระพุทธเจ้า 5 พระองค์
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ผมขอนำรูปพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ที่ได้มีการหล่อไปเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 51 มา update เพิ่มเติมครับผม ซึ่งทางโรงหล่อได้มีการตกแต่งองค์พระพุทธเจ้า 5 พระองค์บ้างแล้ว ซึ่งผมเป็นตัวแทนทางคณะกรรมการ จึงนำรูปมาโพสให้ทุกๆๆท่านที่ร่วมบุญ โมทนาบุญกันครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]

    <!-- / message --><!-- attachments -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    --------------------------------------------

    โมทนาสาธุครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    วันนี้ พี่ท่านนึงได้มอบพระสมเด็จ(ตามที่ผมได้ขอพี่ท่านนี้ไว้) ซึ่งสร้างก่อนปี พ.ศ.2415 และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านอธิษฐานจิตก่อน(ปีพ.ศ.2415) ที่ท่านมรณะภาพ จำนวน 80 องค์

    ผมแบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนละ 20 องค์

    1.ถวายแม่ชีณัฐทิพย์ จำนวน 20 องค์ เพื่อร่วมบริจาคปัจจัยเพื่อตั้งกองทุนเพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนนครนอก บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 381-0-08515-4 ชื่อบัญชี กองทุนฟ้าใหม่แห่งทิพยสถานธรรม และสร้างถาวรวัตถุที่ทิพยสถาน เกาะยอ จ.สงขลา
    http://palungjit.org/showthread.php?t=112354&page=17

    โดยทำบุญองค์ละ 5,000 บาท
    ผมจะจัดส่งให้กับพี่อ้อย (hongsanart<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1489927", true); </SCRIPT> ) ครับ

    2.ถวายหลวงพ่อแผน จำนวน 20 องค์ สนส.บ่อเงินบ่อทอง ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณรบช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทองบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม
    http://palungjit.org/showthrea...21733&page=105


    โดยทำบุญองค์ละ 5,000 บาท

    โดยผมจะเป็นผู้ที่ไปถวายแทนพี่ท่านนี้ ที่สนส.บ่อเงินบ่อทองเอง


    3.ถวายพระอาจารย์ชยางกูร จำนวน 20 องค์ เพื่อมอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญ ร่วมเพื่อสร้างโบสถ์วัดป่าโนนจ่าหอม
    http://palungjit.org/showthread.php?t=142335&page=10


    โดยทำบุญองค์ละ 5,000 บาท


    โดยผมรบกวนคุณอนุชวน มารับกับผม เพื่อไปถวายพระอาจารย์ชยางกูรแทนพี่ท่านนี้

    4.ถวายพระอาจารย์อ่อนสา จำนวน 20 องค์ เพื่อมอบให้กับท่านที่ร่วมร่วมบุญเพื่อสร้างศาลาการเปรียญวัดภูเหล่าเงินฮาง
    http://palungjit.org/showthread.php?t=150449

    โดยทำบุญองค์ละ 5,000 บาท


    โดยผมรบกวนคุณอนุชวน มารับกับผม เพื่อไปถวายพระอาจารย์อ่อนสาแทนพี่ท่านนี้

    คุณอนุชวน ผมจะโทร.ไปนัดอีกครั้งนะครับ

    หมายเหตุ1 หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป และเป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    หมายเหตุ 2 แต่หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ,การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่งเรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ


    โมทนาบุญกับพี่ท่านนี้ด้วยครับ
    โมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมว่าจะโทร.ไปหาคุณอนุชา รบกวนให้คุณอนุชามารับพระสมเด็จจากผม เพื่อถวายพระอาจารย์สา และพระอาจารย์ชยางกูร

    โมทนาบุญกับพี่ท่านนี้ด้วยครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
    http://palungjit.org/showthrea...21#post1556821
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    วันนี้ คุณอนุชา ได้มารับพระสมเด็จจากผมแล้ว จำนวน 40 องค์
    โดยถวายพระอาจารย์ชยางกูร 20 องค์ และพระอาจารย์สา 20 องค์ครับ

    ขอบคุณ คุณอนุชาที่ช่วยเป็นธุระให้นะครับ

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    สวัสดีครับพี่หนุ่มครับ
    สบายดีไหมครับ
    น้องเอ
     
  15. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่าท่านมาแล้วครับ ตาลุงก็ส่งมาให้โชว์เลยเพิ่งมาเมื่อตอนเที่ยงนี้เองครับ ตกลงต้องถามท่านปาทานครับ ว่าดีมั้ยครับ แรงมั้ยครับ หุ หุ และคุ้มกับที่โม้อ่ะปล่าวครับ.........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2011
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    ใจเย็นๆครับ พ่อแม่พี่น้อง ท่านอยู่ระหว่างเดินทางครับ บ่ายน่าจะได้ชมกันแน่ครับ หุ หุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    อ่า (มั้งดิ) เยี่ยมครับ เยี่ยมมากๆ ผมบอกแล้วว่า คุณnongnooo ไม่ธรรมดา เพราะมีตาลุงข้างบ้าน เป็นกุนซือ หุหุหุ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 20 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 15 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, aries2947+, arsasrianan, สักกะ-สุธรรมา, พรสิตา </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีครับน้องเอ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สบายดีครับ

    .
     
  18. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    และตาลุงถามต่อครับ ว่าเป็นเหตุบังเอิญ หรือท่านเมตตาครับ.....
     
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446

แชร์หน้านี้

Loading...