พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แพทย์แนะ 10 วิธีลดเสี่ยงโรคมะเร็ง
    http://hilight.kapook.com/view/29509


    [​IMG]

    หลายคนคงหวั่นเกรงโรค "มะเร็ง" อย่างแน่นอน ด้วยการดำเนินชีวิตของมนุษย์ที่เปลี่ยนไปทำให้เราต้องเผชิญกับอัตราความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งมากขึ้น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ให้ความรู้ประชาชนเรื่องโรคมะเร็ง ที่สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง จากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มาแนะนำ 10 ประการ ที่จะทำให้ชีวิตห่างไกลโรคมะเร็ง


    [​IMG]1. ลดหรือเลิกบุหรี่ เพราะในแต่ละปี มะเร็งปอดคร่าชีวิตผู้คนไปมากที่สุดในบรรดามะเร็งชนิดต่างๆ ทั้งหมด ดังนั้น หากคุณติดบุหรี่ การเลิกสูบเสียตั้งแต่วันนี้ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมครั้งสำคัญที่สุด ที่จะลดความเสี่ยงจากมะเร็งปอดและโรคอื่นๆ ที่มีสาเหตุมาจากบุหรี่ ​

    [​IMG]2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักจำพวก บรอคโคลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี และกะหล่ำดาว ที่คนส่วนน้อยจะชอบรับประทาน กลับอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นในการต่อสู้กับมะเร็ง นอกจากนี้ ผลเบอร์รี่ ถั่วแดง และชาเขียว ก็อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเดียวกับไวน์แดง ช็อกโกแลต และถั่วพีแกน สิ่งเหล่านี้ช่วยร่างกาย ต่อต้านปฏิกิริยาเคมีที่ส่งผลร้ายต่อเซลล์ปกติ ซึ่งในท้ายที่สุดอาจกลายเป็นเซลล์มะเร็ง​

    [​IMG]3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควรออกกำลังนานครั้งละ 30 นาที 3-5 วันต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงแบบนักกีฬา แต่การเล่นโยคะ เดิน หรือเต้นแอโรบิก ก็ถือเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้ดีที่สุดเช่นกัน ​

    [​IMG]4. ตรวจสุขภาพประจำปี การตรวจสุขภาพประจำปีและการตรวจพบมะเร็งแต่เนิ่นๆ ทำให้โอกาสที่จะรักษาจนหายก็มีมากขึ้น และยังช่วยให้การรักษาฟื้นฟูทำได้เร็วขึ้นโดยมีผลข้างเคียงลดลง​

    [​IMG]5. ดื่มแต่พอดีการดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไปอาจเป็นผลร้ายต่อตับมากเป็นพิเศษ แม้แพทย์จะแนะนำให้ผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ คือ ไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน ​



    [​IMG]

    [​IMG]6. สืบสาวเรื่องราวครอบครัว มะเร็งหลายชนิดมักเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ หรือมะเร็งสามารถสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ ดังนั้นการได้ทราบว่าคนในครอบครัวของคุณมีประวัติเจ็บป่วยด้วยมะเร็งชนิดใด ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการป้องกันโรคมะเร็งด้วย​

    [​IMG]7. หลีกเลี่ยงแสงแดด รังสีอัลตราไวโอเลต ในแสงแดดเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งผิวหนังซึ่งส่วนมากแล้วสามารถป้องกันได้ง่ายๆ 2 วิธี คือ ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า เอสพีเอฟ ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง และพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงในช่วงเวลา 10.00-16.00 น.​

    [​IMG]8. มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยไม่เพียงช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในการเสียชีวิตของผู้หญิงไทยและผู้หญิงทั่วโลก​

    [​IMG]9. นอนหลับให้สนิท เนื่องจากมีผลการศึกษาพบว่าสารเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สมองผลิตในระหว่างการนอนหลับ มีคุณสมบัติในการต่อสู้กับมะเร็ง แต่เมลาโทนินจะช่วยป้องกันมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ต่อเมื่อการนอนนั้นเป็นการนอนหลับอย่างสนิทต่อเนื่องในห้องมืดเท่านั้น​

    [​IMG]10. หลีกเลี่ยงการเผชิญกับสารเคมีอันตราย จำพวกยาฆ่าแมลง น้ำยาทำความสะอาด น้ำมันเบนซิน แม้การควบคุมสิ่งแวดล้อมรอบตัวจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การจำกัดหรือหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีเหล่านี้ในบ้านหรือที่ทำงาน ย่อมเป็นการลดโอกาสในการสัมผัสกับสารก่อมะเร็งอีกทางหนึ่งเช่นกัน​

    แค่ป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจาก 10 ความเสี่ยงเหล่านี้ โรคมะเร็งก็ไม่กล้าเข้าใกล้เราแล้วล่ะ

    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  2. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    เดินทางปลอดภัย รักษาสุขภาพนะครับพี่หนุ่ม ช่วงนี้ดูท่าจะพักผ่อนน้อย ยังไงเสียต้องอยู่เป็นผู้นำพวกเราก่อนนะครับ :D
     
  3. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อยู่ท้ายแถวจริงๆคร๊าบ เพียงแต่ว่าจาโดนข้อหาทำพระพิมพ์สายฟ้าขาดตลาดรึเปล่าครับ หุ หุ
     
  4. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    คนเค้าเหนื่อยเพื่ออนาคตครับ ปล่อยเค้าเถอะครับ ดังและเป็นใหญ่เป็นโตอย่าลืมกันนาครับ หุ หุ อีกที
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หุ้นเอเชียร่วงทั่วหน้า กังวลศก.สหรัฐฯถดถอย นลท.จับตาสภาคองเกรสคืนนี้
    http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9510000117365
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>3 ตุลาคม 2551 14:12 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ตลาดหุ้นเอเชียร่วงระนาว นักลงทุนกังวลปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มสะท้อนความเสียภายออกมา ทั้งภาคการเงินและการบริโภค หวั่นมาตรการแก้ปัญหาไม่เพียงพอ พร้อมจับตาสภาคองเกรส คืนนี้ ลุ้นมาตรการฟื้นความเชื่อมั่นการลงทุน

    วันนี้ ( 3 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเช้าที่ผ่านมาปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่เผชิญแรงขายจากความวิตกกังวลปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มสะท้อนความเสียภายออกมาทั้งภาคการเงินและการบริโภค ทำให้นักลงทุนยิ่งทวีความวิตกเกี่ยวกับการลุกลามของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในตลาดการเงิน

    ทั้งนี้ มีรายงานว่า ตัวเลขการสั่งซื้อสินค้าในโรงงานลดลงและอัตราการว่างงานที่สูงที่สุดในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจในแผนแก้ไขวิกฤติการเงินของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าจะยับยั้งความเสียหายได้มากน้อยแค่ไหน ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. ลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัว ทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียรวมถึงตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบ

    ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดที่ระดับ 10,938.14 จุด ลดลง 216.62 จุด หรือ -1.94% , ดัชนีหุ้น VNI ตลาดเวียดนาม ปิดตลาดวันศุกร์ (3 ต.ค.51) ที่ระดับ 452.14 จุด ปรับลดลง -8.11 จุด เปลี่ยนแปลง -1.79% ตลาดอินเดีย , ดัชนี BSE SENSEX 30 เปิดตลาดวันศุกร์ (3 ต.ค.51) ที่ระดับ 12,851.47 ปรับลดลง -204.20 จุด เปลี่ยนแปลง -1.59%

    ดัชนี ฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดเช้าที่ระดับ 17,824.80 จุด ลดลง 386.31 จุด หรือ -2.12 % , ดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดที่ 5,742.23 จุด เพิ่มขึ้น 38.51 จุด หรือ 0.68% เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากรัฐบาลที่ส่งคำสั่งซื้อเข้ามาในตลาด โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยให้ตลาดดีดกลับขึ้นมาในแดนบวกได้ หลังจากที่เปิดตลาดร่วงลงตามตลาดหุ้นนิวยอร์ก เพราะนักลงทุนยังกังวลว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอาจจะไม่อนุมัติแผนกู้วิกฤตภาคการเงินในการประชุมวันศุกร์นี้

    สำหรับแนวโน้มในช่วงบ่ายคาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ น่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบและบรรยากาศซบเซาเพื่อรอการลงมติสภาผู้แทนราษฎรในการผ่านร่างมาตรการกอบกู้วิกฤตมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งหากแผนดังกล่าวได้รับการอนุมัติน่าจะช่วยคลายความตึงเครียดในระบการเงิน และน่าจะสามารถยับยั้บความเสียหายในวิกฤตสถาบันการเงินไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้ได้

    ทั้งนี้ นับว่ามีความเป็นไปได้สูงที่แผนกู้วิกฤตดังกล่าวจะได้รับความเห็นชอบเพราะทางการสหรัฐฯ ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขและเพิ่มเติมประเด็นที่จะโน้มน้าวให้สภาคงเกรสพึงพอใจในหลักการ โดยทางประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯ เรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติรับรองแผนกู้วิกฤตการเงินอีกครั้งในคืนวันศุกร์นี้ หลังจากไม่รับรองแผนกู้วิกฤตการเงินครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่า วิกฤตตลาดเงินลุกลามมากกว่าที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดทุนและตลาดเงินสหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งแผนนี้จะต้องมีออกมาเพื่อเรียกความเชื่อมั่นภาคธุรกิจกลับคืนมา กลยุทธ์การลงทุน แนะนำขายลดความเสี่ยงแนวรับ 580 จุด แนวต้าน 610 จุด

    ทั้งนี้ เมื่อเวลา 15.12 น. ดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 590.63 จุด ลดลง 7.06 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4,809.48 ล้านบาท

    โดยเมื่อเวลา 16.27 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 588.03 จุด ลดลง 8.66 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6,359.96 ล้านบาท

    ล่าสุด ดัชนีปิดตลาดที่ 590.05 จุด ลดลง 7.64 จุด เปลี่ยนแปลง 1.28% มูลค่าซื้อขายเบาบางเพียง 7,400.28 ล้านบาท
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    3 ปมแผนอุ้มแบงก์มะกัน 7 แสนล้านแค่ชะลอ แต่ไม่หยุดวิกฤต
    http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02p0102021051&day=2008-10-02&sectionid=0201

    มติของสภาผู้แทนราษฎรที่โหวต "ไม่รับ" แผนฟื้นฟูระบบสถาบันการเงินสหรัฐ มูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาล ส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก เมื่อวันอังคาร (30 ก.ย.) มูลค่าหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ก สูญเสียไปกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ จากการดิ่งถล่มทลายในวันเดียว 777.68 จุด หรือ 7% ของดัชนีดาวโจนส์ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนรุนแรง ทรุดตัวเฉลี่ย 4-5% โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินในญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และออสเตรเลีย

    อาการของตลาดหุ้นเป็นต้นทุนราคาแพงที่สะท้อนถึงภาวะชะงักงันของแผนฟื้นฟูฯ ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังตลาดอื่นๆ ทั้งตลาดน้ำมันดิบ ตลาดคอมโมดิตี้ แม้กระทั่งตลาดเงินตราแทบทุกแห่ง

    ภาวะปั่นป่วนและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นนำมาซึ่งคำถามมากมาย โดยเฉพาะรัฐบาลสหรัฐจะสามารถผลักดันแผนฟื้นฟูฯฉบับนี้ ให้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาได้หรือไม่ และวงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์เพียงพอต่อการหยุดวิกฤตจริงหรือ

    สำหรับอนาคตของแผนฟื้นฟูฯ มุมมองของผู้เชี่ยวชาญในเบื้องต้นยังมีความเป็นไปได้ 2 ทาง คือ มีโอกาสผ่าน และไม่ผ่าน

    ในด้านหนึ่ง ปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดการเคลื่อนไหวของคองเกรสว่าจะทำอะไรต่อไปนั้น ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของตลาดการเงินในช่วง 2-3 วัน ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาแผนฟื้นฟูฯฉบับนี้อีกครั้ง ในวันพฤหัสบดี (2 ต.ค.) โดยเฉพาะท่าทีของพรรครีพับลิกันกลุ่มหนึ่ง ซึ่งนำโดย "เจบ เฮนซาร์ลิง" จากเทกซัส ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบทบาทคัดค้านที่สำคัญ โดยเขายืนกรานว่า ไม่ควรยอมให้ร่างกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่งผ่าน โดยพิจารณาเพียงแค่ปฏิกิริยาของดัชนีดาวโจนส์ในวันเดียว แม้ว่าวิกฤตดังกล่าวกำลังลุกลามไปยังภาคเศรษฐกิจจริง

    ขณะที่ "คริส แวน ฮอลเลน" ประธานคณะกรรมการรณรงค์ประจำวุฒิสภา พรรคเดโมแครต กล่าวว่า แกนนำพรรคกำลังพิจารณาให้วุฒิสภาซึ่งมีสมาชิกจากทั้งสองพรรคให้การสนับสนุนแผนฟื้นฟูฯมากกว่าเป็นคนโหวตก่อน ซึ่งอาจช่วยเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้อีกทาง

    อย่างไรก็ตาม เดอะ ไทมส์ ของอังกฤษ ตีพิมพ์บทความของ "อะนาตอล คาเลตสกี" นักเศรษฐศาสตร์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ซึ่งแสดงความเชื่อมั่นว่าที่สุดแล้ว แผนฟื้นฟูฯของทำเนียบขาวจะต้องผ่านคองเกรส ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง "ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า" เพราะอาจหมายถึงการล้มของธนาคารชั้นนำในอเมริกา ผลกระทบต่อความสามารถของรัฐบาลในการค้ำประกันแก่ผู้ฝากรายย่อย และการล้มละลายของบริษัทอเมริกันขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งเป็นไปได้ที่อาจจะรวมถึงเจเนอรัล มอเตอร์ และฟอร์ด

    แม้กับประเทศอื่นๆ อาทิ อังกฤษ ความล้มเหลวของแผนฟื้นฟูฯอาจหมายถึงการที่รัฐบาลจะต้องเข้าไปเทกโอเวอร์ธนาคาร บริษัทประกัน และสถาบันการเงินประเภทอื่นๆ ชั้นนำของประเทศทั้งหมด

    ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกที่ เควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ยอมรับเมื่อ วันอังคาร (30 ก.ย.) ว่า ออสเตรเลีย อังกฤษ และยุโรป กำลังหาทางโน้มน้าวสมาชิกรัฐสภาสหรัฐให้ผ่านร่างแผนฟื้นฟูฯนี้

    แต่ในช่วงสุญญากาศที่กำลังรอการตัดสินใจจากคองเกรส ทางเลือกที่เป็นไปได้และเร็วที่สุดของทางการสหรัฐ คือ การประคับประคองสถานการณ์ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินใหม่ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและลดความตึงตัวในระบบการเงิน

    ปฏิบัติการดังกล่าวมีความเด่นชัดมาก มาตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา เมื่อธนาคารกลางสหรัฐได้ประกาศมาตรการเพิ่มสภาพคล่องอย่างมหาศาลให้กับตลาด

    นอกจากนี้ธนาคารกลางสหรัฐยังเพิ่มวงเงินข้อตกลงสวอปอัตราแลกเปลี่ยน กับ 9 ธนาคารกลางทั่วโลก ในแคนาดา ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก นอร์เวย์ ออสเตรเลีย สวีเดน และธนาคารกลางแห่งยุโรป เป็น 6.20 แสนล้านดอลลาร์ จากเดิม 2.9 แสนล้านดอลลาร์

    ดังนั้นในอีก 1 วันต่อมา หลังจาก ดาวโจนส์ดิ่งเกือบ 800 จุด ปรากฏการณ์ของการระดมเม็ดเงินเพิ่มสภาพคล่องในหลายประเทศจึงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อังกฤษ และจากธนาคารกลางแห่งยุโรป

    ประเด็นน่าสนใจ คือ หากคองเกรสไฟเขียวแผนฟื้นฟูฯออกมาใช้ได
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แกะรอย "เงินฝาก" หายไปไหน ?
    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02fin03021051&day=2008-10-02&sectionid=0206

    วันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4041


    ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ แต่เงินเฟ้อสูง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงติดลบมาตั้งแต่กลางปีที่แล้วต่อเนื่องจนถึง ปีนี้ ส่งผลให้ผู้มีเงินออมหาช่องทางใหม่ๆ หรือทางเลือกในการลงทุนเพิ่มขึ้น เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าการนำเงินไปฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์

    พฤติกรรมดังกล่าวของผู้มีเงินออมส่งผลให้เงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ขยายตัวในอัตราที่ต่ำมากประมาณ 1-2% บางเดือนก็ไม่ขยายตัว และล่าสุดเดือน ก.ค. เงินฝากของระบบธนาคารหดตัวลง 1.7% ขณะที่ สินเชื่อของระบบธนาคารขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตรา 9-10% ความไม่สมดุลของเงินฝากและสินเชื่อทำให้ธนาคารพาณิชย์แข่งขันระดมเงินฝากรุนแรง ด้วยการออกโปรโมชั่นเงินฝากพิเศษที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งกลยุทธ์นี้จะได้ทั้งฐานลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้

    แต่คำถามที่สำคัญ คือ เงินฝากของระบบธนาคารหายไปไหน และธนาคารพาณิชย์ใช้เงินจากแหล่งใดมาสนับสนุนการขยายสินเชื่อที่สูงกว่าเงินฝาก แล้วสภาพคล่องของระบบโดยรวมเป็นอย่างไร
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลสภาพคล่องของระบบการเงินไม่ได้นิ่งนอนใจ โดย นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวว่า ธปท.ได้มีการติดตามดูว่าเงินฝากในระบบธนาคารที่ลดลงนั้นหายไปไหน และสภาพคล่องในระบบมีการเคลื่อนย้ายหรือโยกย้ายไปลงทุนที่ไหนเพิ่มขึ้น

    จากการตรวจสอบของ ธปท.พบว่า ณ สิ้น ก.ค.2551 เทียบกับ ธ.ค.2550 เงินฝากเพิ่มขึ้นน้อยมากประมาณ 1% กว่า แต่ไปโป่งที่กองทุนรวม cash management หรือกองทุนประเภทออมทรัพย์ เพิ่มขึ้นถึงกว่า 30% หรือมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3.9 แสนล้านบาท รองลงมา คือ ตั๋วเงินระยะสั้น (บี/อี) เพิ่มขึ้น 23% ส่วนกองทุนที่นำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ (กองทุน FIF) เพิ่มขึ้นเกือบ 1% ส่วนเงินฝากในสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพิ่มขึ้น 3.16% ขณะที่กองทุนรวมอื่นๆ ลดลง 7% นอกจากนี้ เงินฝากที่หายไปยังหนีไปลงทุนในทองคำ เพราะแค่ครึ่งปีแรกมีการนำเข้าทองคำ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีเพียง 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นว่า มีการโยกเงินฝากไปลงทุนในกองทุนรวม cash management ตั๋วบี/อี และทองเพิ่มขึ้น

    "หากดูจากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นว่าสภาพคล่องในระบบไม่ได้ลดลงหรือหายไปไหน เพียงแต่โยกจากเงินฝากไปลงทุนที่อื่นแทน โดยเฉพาะกองทุนรวม cash management เพราะได้ผลตอบแทนสูงกว่าฝากออมทรัพย์และคล่องตัวพอสมควร ส่วนการขยายสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ นอกจากเงินฝากแล้วยังมีสภาพคล่องจากตั๋วบี/อีด้วย เพราะฉะนั้นสภาพคล่องโดยรวมทั้งระบบไม่น่าเป็นห่วง" นางสุชาดาระบุ

    ด้าน นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ ผู้ช่วย ผู้จัดการสายผลิตภัณฑ์เงินฝากและการลงทุน ธนาคารไทยพาณิชย กล่าวถึงการลงทุนในกองทุนประเภทออมทรัพย์ว่า เป็นกองทุนที่ไถ่ถอนได้ทุกวัน เป็นความ หลากหลายที่ธนาคารพาณิชย์ต้องการให้ลูกค้ามีทางเลือกไว้พักเงินออมผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซึ่งถือว่าเป็นลูกเล่นอย่างหนึ่งของธนาคาร

    "ช่วงปีที่ผ่านมาดอกเบี้ยเงินฝากต่ำทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาพักในกองทุนนี้มาก ทั้งระบบมีมูลค่า 2.5 แสนล้านบาท เป็นส่วนของ บลจ.ไทยพาณิชย์ 1 แสนล้านบาท"

    เมื่อได้คำตอบแล้วว่า เงินฝากหายไปไหน ทำให้ ธปท.ไม่ค่อยเป็นกังวลเรื่องสภาพคล่องเท่าไร และค่อนข้างมั่นใจว่าจะดูแลสภาพคล่องในระบบให้เพียงพอ หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ แต่ผู้ที่เดือดร้อนจากเงินฝากหาย คือ ธนาคารพาณิชย์ เพราะนั่นคือ "ฐานเงินทุน" ที่สำคัญ โดยเฉพาะในภาวะที่สถาบันการเงินในต่างประเทศมีปัญหา และตลาดการเงินต่างประเทศมีความผันผวนสูง ยิ่งทำให้ธนาคารพาณิชย์ ไทยต้องปกป้องตัวเองไว้ก่อน ด้วยการกอดสภาพคล่องไว้กับตนเองให้มากที่สุด ฉะนั้นระยะต่อไปคงได้เห็นการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในการระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ เพื่อดึงเงินฝากให้กลับมาเหมือนเดิม
     
  8. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
     
  9. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    อ่านแล้วอยากทราบว่าปี 1929 นั้นเกิดอะไรขึ้นกันบ้างเหรอครับคุณ nongnoo
     
  10. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ผมจำชื่อหนังสือไม่ได้ครับ เดี๋ยวไปหาก่อน แล้วจะมาแจ้งครับ อ่านเองครับถึงได้รสชาติ ผมเล่าเดี๋ยวมีตกหล่นครับ
     
  11. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    เข้าวันเสาร์ อาทิตย์ทีไร กระทู้เงียบเหงาทุกทีเลย
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อย.เผยชื่อ 56 รายการอาหารปลอดภัยจากเมลามีน
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000117782
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 ตุลาคม 2551 14:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อย.เผยชื่อรายการ 56 รายชื่อไม่พบการปนเปื้อนสารเมลามีน ประชาชนแห่โทรสอบถามข้อมูล อย.ระดมเจ้าหน้าที่เปิด 7 เลขหมายตอบข้อซักถามผู้บริโภค

    เมื่อวานนี้ (3 ต.ค.) นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า อย. ได้รับผลการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์เพื่อหาสารเมลามีนจากที่ อย.เก็บตรวจวิเคราะห์เองอีก 56 รายการ ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ ที่มีทั้งแหล่งผลิตในประเทศ และที่มาจากประเทศมาเลเซีย ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อเมริกา อินเดีย ฟิลิปปินส์ และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งตรวจผลการวิเคราะห์ทั้ง 56 รายการไม่พบการปนเปื้อนสารเมรามีนแต่อย่างใด รายละเอียดดังเอกสารที่แนบ

    เลขาธิการอย. กล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าวมีประชาชนโทรศัพท์เข้ามาสอบถามที่ อย.จำนวนมาก อย.จึงจัดหมายเลขโทรศัพท์ให้สามารถสอบถามอีก 7 เลขหมาย ได้แก่ 0 2590 7011, 0 2590 7219, 0 2590 7214, 0 2590 7185, 0 2590 7178, 0 2590 7206, 0 2590 7212

    **ผลการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อหาสารเมลามีน ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2551

    1/ น้ำนมถั่วเหลือง ยูเอชที ไวตามิลค์
    2/ กาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่ม ตราเนสกาแฟเอสเปรสโซ
    3/ แคดเบอรี่ไทม์ เอ๊าต์ ช็อกเก็ตส์ ช็อกโกแลตนมสอดไส้ชิ้นเวเฟอร์ครีมรสช็อกโกแลต
    4/ ช็อกโกแลตนมผสมลูกเกดและนัต ตราแวนฮูเต็น
    5/ ซอสถั่วเหลือง ตราคิดโคแมน
    6/ ซูซิ แอนด์ ซาซิมิ ซอยซอส (ซอสถั่วเหลือง) ตราคิดโคแมน
    7/ สไปซี่ เทอริยากิ ซอส (ซอสสำหรับหมัก) ตราคิดโคแมน
    8/ เทมปุระ แอนด์ นู้ดเดิ้ลซอส (ซอสสำหรับบะหมี่และเทมปุระ) ตราคิดโคแมน
    9/ นมผง(ละเอียดสีขาว)ระบุ"ตัวอย่างนมผง" จาก บ. ซีพี-เมจิ จำกัด
    10/ โยเกิร์ตพร้อมดื่ม รสผักผลไม้ผสม ตราดัชมิลล์
    11/ โยเกิร์ตพร้อมดื่ม รสพรุน ตราดัชมิลล์
    12/ โยเกิร์ตผสมธัญญาหารและใยอาหารสูงไม่มีไขมัน ไม่มีโคเลสเตอรอล ตราดัชชี่
    13/ โยเกิร์ตผสมบุก ตรา ดัชชี่ 0% ไม่มีไขมัน ไม่มีโคเลสเตอรอล
    14/ นมถั่วเหลือง ยู เอช ที ผสมผงสกัดใบแป๊ะก้วย เครื่องหมายการค้า แอนลีน
    15/ ผลิตภัณฑ์นม ยู เอส ที รสจืด สูตรผสมน้ำมันสกัดที่ให้ ดี เอช เอ และ เออาร์เอเครื่องหมายการค้า อะเล็คต้า-เอ็นเอฟ
    16/ ผลิตภัณฑ์นม ยู เอช ที รสจืด สูตรผสมน้ำมันสกัด จากสาหร่ายเซลล์เดียวเครื่องหมายการค้า เอนฟาคิตเอน
    17/ ดับเบิลค์ มิลค์ รสนม ตรา ที-สไตล์
    18/ ดูเม็กซ์ไฮคิว3พลัส เนเชอรัลโพรเทก นมปรุงแต่งกลิ่นวานิลลายูเอชที
    19/ นมผงปรุงแต่งรสน้ำผึ้งสูตรผสมใยอาหาร 2% และผักโขมกับแอปเปิล ตราคาร์เนชัน วัน พลัส เครื่องหมายการค้าเนสท์เล่
    20/ นมผงปรุงแต่งกลิ่นวานิลลา สูตรผสมใยอาหาร 2% และผักโขมกับแอปเปิลตราคาร์เนชัน ทรี พลัส เครื่องหมายการค้าเนสท์เล่
    21/ นมผงปรุงแต่งรสน้ำผึ้ง ตราหมีแอดวานซ์พรีไบโอวัน วันพลัส สำหรับเด็ก 1ปี ขึ้นไปและทุกคนในครอบครัว เครื่องหมายการค้าเนสท์เล่
    22/ LactoseบรรจุถุงพลาสติกRaw material Sample for analysis RM Name Lactose
    23/ นมผงบรรจุถุงพลาสติก RM name SBMP(sweet butter milk powder)
    24/ นมผงบรรจุถุงพลาสติกใส RM Name MSK(Skim milk powder)
    25/ นมผงปรุงแต่งกลิ่นวานิลลา ตราหมีโพรเท็กซ์ชัน วันพลัส พรีไบโอวันแล็กโทบาซิลลัสโพรเท็กซ์ทัส เหมาะสำหรับเด็ก1ปีขึ้นไป และทุกคนในครอบครัว
    26/ นมผงปรุงแต่งรสจืดกลิ่นวานิลลา ตราหมีแอดวานซ์พรีไบโอวัน วันพลัส สำหรับเด็ก1ปีขึ้นไปและทุกคนในครอบครัว
    27/ นมผงปรุงแต่งกลิ่นวานิลลาสูตรผสมใยอาหาร 2% และผักโขมกับแอปเปิล ตราคาร์เนชัน วันพลัส
    28/ นมผงดัดแปลงสูตรต่อเนื่อง สำหรับทารกและเด็กเล็กอายุตั้งแต่6เดือนถึง3ปี ตราหมีพรีไบโอ1
    29/ นมผงดัดแปลงสำหรับทารกเสริมธาตุเหล็กพรีไบโอ1 กอส-ฟอสไฟเบอร์ ดีเอชเอพลัส เออาร์เอ ตราแล็คโตเย่น1
    30/ นมผงดัดแปลงสูตรต่อเนื่องสำหรับทารกและเด็กเล็กเสริมธาตุเหล็ก ตราแนน2บิพิดัส บีแอล ออฟติโปร2ดีเอชเอ พลัส เออาร์เอ นิวคลีโอไทด์ ทอรีน
    31/ NZMP Buttermilk Powder (Fonterra) Product of New Zealand.
    32/ นมผงดัดแปลงสำหรับทารก ช่วงวัยที่ 1 สำหรับทารกตั้งแต่แรกเกิดถึง1ปี เอนฟาแล็ค
    33/ คอฟฟี่ โอทมีล แครกเกอร์ (ขนมปังกรอบและข้าวโอ๊ตรสกาแฟ ตราเหมาฮวด )
    34/ ดีลักซ์ แซนด์วิช พีนัตบัตเตอร์ (ขนมปังกรอบรสผักไส้ครีมเนยถั่ว) ตราฮับเส็ง
    35/ ผลิตภัณฑ์นมคืนรูปขาดมันเนยยูเอชทีผสมน้ำส้ม ตราโฟร์โมสต์ แคลซีเม็กซ์ บิวตีวา
    36/ ผลิตภัณฑ์นมขาดมันเนยยูเอชที ตราโฟร์โมสต์ แคลซีเม็กซ์ เฮลติ โบนซ์
    37/ โอวัลติน ผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์รสมอลต์ช็อกโกแลตสูตรไฮไนน์
    38/ ซุปถั่วเหลืองกึ่งสำเร็จรูป ผสมธัญพืชรวม ตรากรีนแม็กซ์
    39/ ชีสนัตแครกเกอร์ขนมปังกรอบรสชีสและถั่ว ตราเหมาฮวด (นมพร่องมันเนย2.64% )
    40/ โคโคโร ช็อกโกแลตเวเฟอร์ สอดไส้ครีมกลิ่นวานิลลา (เครื่องหมายการค้าจูลี่ส์)
    41/ MiNi Cornetto วอลล์มินิคอร์นเนตโต ไอศกรีมดัดแปลงผสมกลิ่นมินต์ราดหน้าด้วยน้ำเชื่อมรสช็อกโกแลตชิป
    42/ ขนมปังกรอบเคลีอบครีมกลิ่นนม ตรา เซียงไฮ
    43/ นมถั่วเหลืองยูเอชที เครื่องหมายการค้าแลคตาซอย
    44/ ลูกอมช็อกโกแลตนม (ตราแบร์ดี้)
    45/ ขนมหวานรสโกโก้ ตราแทงโก
    46/ นมผงดัดแปลงสำหรับทารก เครื่องหมายการค้า เอส-26*
    47/ NUO(INSTANT MODIFIED POWDERED MILK FOR INFANT)(SNOWBRAND)
    48/ นมผงดัดแปลงสูตรต่อเนื่องสำหรับทารกและเด็กเล็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 3 ปี ชนิดละลายทันที สูตร 2 นูโอ-พลัส (เครื่องหมายการค้าสโนว์ แบรนด์)
    49/ นมผงดัดแปลงสำหรับทารกชนิดละลายทันทีสูตร1สำหรับทารก ตั้งแต่แรกเกิดถึง1ปี นูโอ (เครื่องหมายการค้าสโนว์แบรนด์)
    50/ ผลิตภัณฑ์นมชนิดละลายทันที สูตร 3 ผลิตภัณฑ์นมชนิดละลายทันที สำหรับเด็กวัย1ปีขึ้นไปและทุกคนในครอบครัวนูโอ-คิดส์(เครื่องหมายการค้าสโนว์แบรนด์)
    51/ นมข้นแปลงไขมันหวานสูตรน้ำมันปาล์มผสมมันเนย ตรามะลิ (นมผงขาดมันเนย20%)
    52/ Foster Farms DaIry NON FAT DRY MILK MADE FROM PASTEURIZED MILK
    53/ Skimmed Milk Powder
    54/ ผลิตภัณฑ์ของนมคืนรูปพาสเจอร์ไรส์ รสช็อกโกแลต ตราไมโล
    55/ เครื่องดื่มนมไขมันต่ำผสมชาขาวตรา หมีโกลด์
    56 / นมสเตอริไลส์ขาดมันเนย ตรา หมี

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สื่อนอกฮือฮา! ปลาแฝดสยามตัวเป็นๆ ในไทย
    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9510000117804
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 ตุลาคม 2551 16:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เอเจนซี - สำนักข่าวต่างประเทศฮือฮา พบปลาแฝดสยาม ซึ่งมีท้องติดกัน และยังมีชีวิตในประเทศไทย โดยปลาทั้งคู่สามารถดำรงชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    ปลานิลแฝดวัย 8 เดือนคู่นี้ มีลำตัวใต้ท้องติดกัน ขณะที่อวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกายแยกอิสระจากกัน และมีพัฒนาการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นระบบการหายใจ และการขับถ่าย

    ปลาตัวที่ใหญ่กว่า ทำหน้าที่เสมือนพี่ผู้ปกป้องน้อง ที่ติดอยู่ด้านล่างของลำตัว ซึ่งมีขนาดตัวเล็กกว่า ทั้งยังเป็นผู้คอยหาอาหารด้วย

    ทั้งนี้ ปลานิลเป็นปลาน้ำจืด พบได้ในแม่น้ำ คลอง ทะเลสาบ และหนองน้ำในเขตร้อน เจริญเติบโตได้ยาวสุด 2 ฟุต และหนักได้ถึง 9 ปอนด์ ส่วนเจ้าปลาแฝดสยามสองพี่น้องคู่นี้พบในสถานที่เลี้ยงสัตว์น้ำแห่งหนึ่งในกรุงเทพ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=102 height=25>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/TabGalleryUBG.gif height=25>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=11 height=25>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle height=7>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ede9e8><TABLE cellSpacing=8 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle> </TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">ปลาแฝดสยามสองพี่น้องที่มีลำตัวด้านล่างติดกัน</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle> </TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%">[​IMG] </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วิธีกาบัตรเลือกตั้ง

    http://hilight.kapook.com/view/29556

    [​IMG]


    นอกเหนือจาก 5 ขั้นตอนที่ประชาชนพึงปฏิบัติ อันประกอบด้วย...

    1. ตรวจสอบรายชื่อที่ป้ายหน้าหน่วยเลือกตั้ง และจำลำดับชื่อในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จากนั้นตรวจสอบรูปถ่าย ชื่อ และหมายเลขผู้สมัครที่จะเลือก

    2. แสดงตน โดยแสดงบัตรประชาชนต่อกรรมการที่หน่วยเลือกตั้ง และลงชื่อขอใช้สิทธิ์ ทั้งนี้สามารถใช้ ใบขับขี่ หรือหนังสือเดินทาง หรือบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐในการแสดงตนขอใช้สิทธิ์แทนบัตรประชาชนได้

    3. ลงชื่อรับบัตรเลือกตั้ง

    4. เข้าคูหา ใช้ปากกาทำเครื่องหมายกากบาท (X) ในช่องทำเครื่อง หมาย ให้ตรงกับช่องหมายเลขผู้สมัครที่จะเลือก จากนั้นพับบัตรเลือกตั้งให้เรียบร้อย

    5. นำบัตรเลือกตั้งที่กากบาทเรียบร้อยแล้ว ไปหย่อนลงในหีบบัตรเลือกตั้งด้วยตนเอง

    วิธีกาบัตรเลือกตั้งให้ถูกต้อง เพื่อป้อง กันไม่ให้บัตรลงคะ แนนของทุกคนกลายเป็นบัตรเสีย ก็เป็นสิ่งสำคัญในการใช้สิทธิ์ โดยจะต้องกากากบาท (X) ให้ถูกต้องชัดเจน ในช่องทำเครื่องหมายเพียง 1 ช่องเท่านั้น

    หากใช้เครื่องหมายอื่น หรือเขียนข้อความใดๆ รวมถึงการกาเครื่องหมายกากบาท (X) แบบซ้ำซ้อน กากบาททับไปในช่องทำเครื่องหมายข้างเคียง จะทำให้บัตรลงคะแนนนั้น กลายเป็นบัตรเสียไป

    จากการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งที่ผ่านมา กทม.ระบุว่า มีจำนวนบัตรเสียมากถึง 59,765 บัตร หรือ คิดเป็น 2.4% จากจำนวนผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 62.50% ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดในการทำเครื่องหมายไม่ชัดเจน หรือทำเครื่องหมายอื่นนอกเหนือจากเครื่องหมายกากบาท หรือทำเครื่องหมายนอกกรอบที่กำหนด ทำให้สูญเสียคะแนนบริสุทธิ์จำนวนมาก

    ดังนั้น หวังว่าวิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะทำให้ชาวกทม.ทุกท่านไปใช้สิทธิ์ กากบาท เลือกผู้ว่าฯ ได้อย่างถูกวิธี และไม่เสียสิทธิ์ที่พึงมีกันนะคะ



    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันออกพรรษา

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    วันออกพรรษา เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาวันหนึ่ง ระบุตามปฏิทินจันทรคติไทย เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ถัดจากวันออกพรรษา 1 วัน พุทธศาสนิกชนนิยมไปทำบุญตักบาตรครั้งใหญ่ เรียกว่า ตักบาตรเทโว หรือ ตักบาตรเทโวโรหนะ สืบเนื่องจากพุทธประวัติที่ว่า ในวันออกพรรษา พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงจากเทวโลก กลับจากการโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นอกหากนี้แล้วพุทธศาสนิกชนยังนิยมไปฟังธรรมและรักษาอุโบสถศีล (ศีลแปด) ด้วย

    [แก้] ความสำคัญของวันออกพรรษา

    วันออกพรรษา คือ วันที่สิ้นสุดระยะการจำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน (นับแต่วันเข้าพรรษา) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" คำว่า"ปวารณา"แปลว่า "อนุญาต" หรือ "ยอมให้" ในวันออกพรรษานี้พระสงฆ์จะประกอบพิธีทำสังฆกรรมใหญ่ เรียกว่า มหาปวารณา เป็นการเปิดโอกาสให้ภิกษุว่ากล่าวตักเตือนกันได้ เพราะในระหว่างเข้าพรรษา พระสงฆ์บางรูปอาจมีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข การให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนได้ ทำให้ได้รู้ข้อบกพร่องของตน และยังเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัยซึ่งกันและกันด้วย
    นอกจากนี้พุทธศาสนิกชนยังร่วมกันทอดกฐิน ในระยะเวลา 1 เดือนหลังออกพรรษา มีทั้ง จุลกฐิน และ มหากฐิน อย่างไรก็ดี ในแต่ละท้องถิ่นยังมีประเพณีอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น การแข่งเรือ การเทศน์มหาชาติ เป็นต้น
    ในหมู่ชาวไทยและชาวลาวริมฝั่งแม่น้ำโขง เชื่อว่าในช่วงวันออกพรรษา จะเกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคขึ้นในเวลากลางคืน ที่จังหวัดหนองคาย
    ในวันออกพรรษานี้กิจที่ชาวบ้านมักจะกระทำก็คือ การบำเพ็ญกุศล เช่น ทำบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา ของที่ชาวพุทธนิยมนำไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ ข้าวต้มมัดไต้ และข้าวต้มลูกโยน และการร่วมกุศลกรรมการ "ตักบาตรเทโว" คำว่า "เทโว" ย่อมาจาก"เทโวโรหน" แปลว่าการเสด็จจากเทวโลกการตักบาตรเทโว จึงเป็นการระลึกถึงวันที่ พระพุทธองค์เสด็จกลับจากการโปรด พระพุทธมารดาในเทวโลก ประเพณีการทำบุญกุศล เนื่องในวันออกพรรษานี้ ทุกวัดในประเทศไทย ก็มีพิธีเหมือนกันหมด จะผิดกันก็เพียงแต่สถานที่ ที่สมมติว่าเป็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เท่านั้น

    [แก้] กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา

    1. ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ
    2. ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา
    3. ร่วมกุศลธรรม "ตักบาตรเทโว"
    4. ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการและประดับธงชาต ิและธงธรรมจักร ตามวัดและสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
    5. ตามสถานที่ราชการ สถานที่ศึกษาและที่วัด ควรจัดให้มีนิทรรศการ การบรรยาย หรือ บรรยายธรรม เกี่ยวกับวันออกพรรษา เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้สนใจทั่วไป
    [แก้] ข้อมูลอื่น

    <!-- NewPP limit reportPreprocessor node count: 54/1000000Post-expand include size: 6019/2048000 bytesTemplate argument size: 557/2048000 bytesExpensive parser function count: 0/500--><!-- Saved in parser cache with key thwiki:pcache:idhash:17017-0!1!0!!th!2 and timestamp 20080930072218 -->ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/วันออกพรรษา".
    หมวดหมู่: บทความที่รอการตรวจสอบรูปแบบ | วันสำคัญทางพุทธศาสนา
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันออกพรรษา

    ต ร ง กั บ วั น ขึ้ น ๑ ๕ ค่ำ เ ดื อ น ๑ ๑ <TABLE align=right border=0><TBODY><TR><TD>
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 bgColor=#cccccc border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 bgColor=#cccccc border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.dhammathai.org/day/orkpansa.php


    วันออกพรรษา คือวันสิ้นสุดระยะการจำพรรษา หรือออกจากการอยู่ประจำที่ในฤดูฝนซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑

    วันออกพรรษานี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" คำว่า"ปวารณา"แปลว่า "อนุญาต" หรือ "ยอมให้" คือ เป็นวันที่เปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ด้วยกัน ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ในข้อที่ผิดพลั้งล่วงเกินระหว่างที่จำพรรษาอยู่ด้วยกัน ในวันออกพรรษานี้กิจที่ชาวบ้านมักจะกระทำก็คือ การบำเพ็ญกุศล เช่น ทำบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา ของที่ชาวพุทธนิยมนำไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ ข้าวต้ม มัดไต้ และข้าวต้มลูกโยน และการร่วมกุศลกรรมการ "ตักบาตรเทโว" คำว่า "เทโว" ย่อมาจาก"เทโวโรหน" แปลว่าการเสด็จจากเทวโลกการตักบาตรเทโว จึงเป็นการระลึกถึงวันที่ พระพุทธองค์เสด็จกลับจากการโปรด พระพุทธมารดาในเทวโลก ประเพณีการทำบุญกุศล เนื่องในวันออกพรรษานี้ ทุกวัดในประเทศไทย ก็มีพิธีเหมือนกันหมด จะผิดกันก็เพียงแต่สถานที่ ที่สมมติว่าเป็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เท่านั้น

    กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา
    ๑. ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ
    ๒. ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา
    ๓. ร่วมกุศลธรรม "ตักบาตรเทโว"
    ๔. ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการและ ประดับธงชาติและธงธรรมจักรตามวัดและสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
    ๕. ตามสถานที่ราชการ สถานที่ศึกษาและที่วัด ควรจัดให้มีนิทรรศการ การบรรยาย หรือ บรรยายธรรม เกี่ยวกับวันออกพรรษาฯลฯ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้สนใจทั่วไป
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>ประเพณีตักบาตรเทโว วัดสะแกกรัง อุทัยธานี
    ที่ขบวนพระภิกษุเดินลงมาที่วัดสะแกกรัง หรือวัดสังกัสรัตนคีรี ในจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเขาสูง พิธีตักบาตรเทโวที่วัดนี้บรรดาพระภิกษุจะพากันเดินขบวนลงมาจากบนเขา มาตามบันไดดูเหลืองอร่ามงามจับตา โดยมีบรรดาพุทธศาสนิกชนจะพากันใส่บาตรตามเชิงบันไดเรื่อยมาจนถึงพื้นล่าง
    </TD></TR><TR><TD>

    </TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    หลังจากวันออกพรรษาแล้วมีประเพณีอย่างหนึ่งที่ชาวพุทธนิยมทำกันมากคือ
    การทอดกฐิน


    พิ ธี ก า ร ท อ ด ก ฐิ น

    http://www.dhammathai.org/day/kathin.php

    การทอดกฐิน เป็นประเพณีที่สำคัญของพุทธศาสนิกชนอย่างหนึ่ง นิยมทำกันตั้งแต่วันแรมค่ำเดือนสิบเอ็ด ไปจนถึงกลางเดือนสิบสอง
    คำว่า กฐิน แปลว่า ไม้สะดึง คือกรอบไม้ชนิดหนึ่งสำหรับขึงผ้าให้ตึง สะดวกแก่การเย็บ ในสมัยโบราณเย็บผ้าต้องเอาไม้สะดึงมาขึงผ้าให้ตึงเสียก่อน แล้วจึงเย็บเพราะช่างยังไม่มีความชำนาญเหมื่อนสมัยปัจจุบันนี้ และเครื่องมือในการเย็บก็ยังไม่เพียงพอ เหมือนจักรเย็บผ้าในปัจจุบัน การทำจีวรในสมัยโบราณจะเป็นผ้ากฐินหรือแม้แต่จีวรอันมิใช่ผ้ากฐิน ถ้าภิกษุทำเอง ก็จัดเป็นงานเอิกเกริกทีเดียว เช่นตำนานกล่าวไว้ว่า การเย็บจีวรนั้น พระเถรานุเถระต่างมาช่วยกัน เป็นต้นว่า พระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ พระมหากัสสปะ แม้สมเด็จพระบรมศาสดาก็เสด็จลงมาช่วย ภิกษุสามเณรอื่น ๆ ก็ช่วยขวนขวายในการเย็บจีวร อุบาสกอุบาสิกาก็จัดหาน้ำดื่มเป็นต้น มาถวายพระภิกษุสงฆ์ มีองค์พระสัมมาสัมพุทธะเป็นประธาน โดยนัยนี้ การเย็บจีวรแม้โดยธรรมดา ก็เป็นการต้องช่วยกันทำหลายผู้หลายองค์ (ไม่เหมือนในปัจจุบัน ซึ่งมีจีวรสำเร็จรูปแล้ว)
    ผ้ากฐิน โดยความหมายก็คือผ้าสำเร็จรูปโดยอาศัยไม้สะดึง นิยมเรียกกันจนปัจจุบันนี้

    การทอดกฐิน คือ การนำผ้ากฐินไปวางไว้ต่อหน้าพระสงฆ์อย่างต่ำห้ารูป แล้วให้พระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งที่ได้รับมอบหมาย จากคณะสงฆ์ทั้งนั้นเป็นเอกฉันท์ให้เป็นผู้รับกฐินนั้น
    เขตกำหนดทอดกฐิน
    การทอดกฐินเป็นกาลทาน ตามพระวินัยกำหนดกาลไว้ คือ ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ใคร่จะทอดกฐิน ก็ให้ทอดได้ในระหว่างระยะเวลานี้ จะทอดก่อนหรือทอดหลังกำหนดนี้ ก็ไม่เป็นการทอดกฐิน
    แต่มีข้อยกเว้นพิเศษว่า ถ้าทายกผู้จะทอดกฐินนั้น มีกิจจำเป็น เช่นจะต้องไปในทัพ ไม่สามารถจะอยู่ทอดกฐินตามกำหนดนั้นได้ จะทอดกฐินก่อนกำหนดดังกล่าวแล้วพระสัมมาสัมพุทธะ ทรงอนุญาตให้ภิกษะรับไว้ก่อนได้

    การที่มีประเพณีทอดกฐินมีเรื่องว่า ในครั้งพุทธกาล พระภิกษุชาวปาไถยรัฐ (ปาวา) ผู้ทรงธุดงค์ จำนวน ๓๐ รูป เดินทางไกลไปไม่ทันเข้าพรรษา เหลือทางอีกหกโยชน์จะถึงนครสาวัตถี จึงตกลงพักจำพรรษาที่เมืองสาเกตตลอดไตรมาส เมื่อออกพรรษาจึงเดินทางไปเฝ้าพระบรมศาสดา ณ เชตวันมหาวิหารนครสาวัตถี ภิกษุเหล่านั้นมีจีวรเก่า เปื้อนโคลน และเปียกชุ่มด้วยน้ำฝน ได้รับความลำบากตรากตรำมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงถือเป็นมูลเหตุ ทรงมีพุทธานุญาตให้ภิกษุที่จำพรรษาครบสามเดือนกรานกฐินได้ และให้ได้รับอานิสงส์ ห้าประการคือ
    ๑) เที่ยวไปไหนไม่ต้องบอกลา
    ๒) ไม่ต้องถือไตรจีวรไปครบ
    ๓) ฉันคณะโภชน์ได้
    ๔) ทรงอติเรกจีวรได้ตามปรารถนา
    ๕) จีวรอันเกิดขึ้นนั้นจะได้แก่พวกเธอ และได้ขยายเขตอานิสงส์ห้าอีกสี่เดือน นับแต่กรานกฐินแล้วจนถึงวันกฐินเดาะเรียกว่า มาติกาแปด คือการกำหนดวันสิ้นสุดที่จะได้จีวร คือ กำหนดด้วยหลีกไป กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ กำหนดด้วยตกลงใจ กำหนดด้วยผ้าเสียหาย กำหนดด้วยได้ยินข่าว กำหนดด้วยสิ้นหวัง กำหนดด้วยล่วงเขต กำหนดด้วยเดาะพร้อมกัน
    ฉะนั้น เมื่อครบวันกำหนดกฐินเดาะแล้ว ภิกษุก็หมดสิทธิ์ต้องรักษาวินัยต่อไป พระสงฆ์จึงรับผ้ากฐินหลังออกพรรษาไปแล้ว หนึ่งเดือนได้ จึงได้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อกันมาจนทุกวันนี้
    การทอดกฐินในปัจจุบัน ถือว่าเป็นทานพิเศษ กำหนดเวลาปีหนึ่งทอดถวายได้เพียงครั้งเดียว ตามอรรถกถาฎีกาต่าง ๆ พอกำหนดได้ว่าชนิดของกฐินมีสองลักษณะ คือ
    จุลกฐิน การทำจีวร พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบท ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำให้เสร็จภายในกำหนดหนึ่งวัน ทำฝ้าย ปั่น กรอ ตัด เย็บ ย้อม ทำให้เป็นขันธ์ได้ขนาดตามพระวินัย แล้วทอดถวายให้เสร็จในวันนั้น
    มหากฐิน คืออาศัยปัจจัยไทยทานบริวารเครื่องกฐินจำนวนมากไม่รีบด่วน เพื่อจะได้มีส่วนหนึ่งเป็นทุนบำรุงวัด คือทำนวกรรมบ้าง ซ่อมแซมบูรณของเก่าบ้าง ปัจจุบันนิยมเรียกกันว่า กฐินสามัคคี
    การทอดกฐินในเมืองไทย แบ่งออกตามประเภทของวัดที่จะไปทอด คือพระอารามหลวง ผ้าพระกฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานด้วยพระองค์เอง หรือโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ไปพระราชทาน เครื่องกฐินทานนี้จัดด้วยพระราชทรัพย์ของพระองค์เอง เรียกว่า กฐินหลวง บางทีก็เสด็จไปพระราชทานยังวัดราษฎร์ด้วย นิยมเรียกว่า กฐินต้น ผ้ากฐินทานนอกจากที่ได้รับกฐินของหลวงโดยตรงแล้ว พระอารามหลวงอื่น ๆ จะได้รับ กฐินพระราชทาน ซึ่งโปรดเกล้า ฯ พระราชทานผ้ากฐินทาน และเครื่องกฐินแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร ส่วนราชการ หรือเอกชนให้ไปทอด โดยรัฐบาลโดยกรมศาสนาจัดผ้าพระกฐินทาน และเครื่องกฐินถวายไป ผู้ได้รับพระราชทานอาจจะถวายจตุปัจจัย หรือเงินทำบุญที่วัดนั้นโดยเสด็จในกฐินพระราชทานได้
    ส่วนวัดราษฎร์ทั่วไป คณะบุคคลจะไปทอดโดยการจองล่วงหน้าไว้ก่อนตั้งแต่ในพรรษา ก่อนจะเข้าเทศกาลกฐินถ้าวัดใดไม่มีผู้จอง เมื่อใกล้เทศกาลกฐิน ประชาชนทายกทายิกาของวัดนั้น ก็จะรวบรวมกันจัดการทอดกฐิน ณ วัดนั้นในเทศกาลกฐิน
    การจองกฐิน

    วัดราษฎร์ทั่วไป นิยมทำเป็นหนังสือจองกฐินไปติดต่อประกาศไว้ยังวัดที่จะทอดถวาย เป็นการเผดียงสงฆ์ให้ทราบวันเวลาที่จะไปทอด หรือจะไปนมัสการเจ้าอาวาสให้ทราบไว้ก็ได้
    สำหรับการขอพระราชทานผ้าพระกฐินไปทอด ณ พระอารามหลวงให้แจ้งกรมการศาสนา เพื่อขึ้นบัญชีไว้กราบบังคมทูลและแจ้งให้วัดทราบ ในทางปฏิบัติผู้ขอพระราชทานจะไปติดต่อกับทางวัดในรายละเอียดต่าง ๆ จนก่อนถึงวันกำหนดวันทอด จึงมารับผ้าพระกฐิน และเครื่องกฐินพระราชทานจากกรมศาสนา
    การนำกฐินไปทอด

    ทำได้สองอย่าง อย่างหนึ่งคือนำผ้ากฐินทานกับเครื่องบริวารที่จะถวายไปตั้งไว้ ณ วัดที่จะทอดก่อน พอถึงวันกำหนดเจ้าภาพผู้เป็นเจ้าของกฐิน หรือรับพระราชทานผ้ากฐินทานมาจึงพากันไปยังวัดเพื่อทำพิธีถวาย อีกอย่างหนึ่ง ตามคติที่ถือว่าการทอดกฐินเป็นการถวายทานพิเศษแก่พระสงฆ์ที่ได้จำพรรษาครบไตรมาส นับว่าได้กุศลแรง จึงได้มีการฉลองกฐินก่อนนำไปวัดเป็นงานใหญ่ มีการทำบุญเลี้ยงพระที่บ้านของผู้เป็นเจ้าของกฐิน และเลี้ยงผู้คน มีมหรสพสมโภช และบางงานอาจมีการรวบรวมปัจจัยไปวัดถวายพระอีกด้วยเช่น ในกรณีกฐินสามัคคี พอถึงกำหนดวันทอดก็จะมีการแห่แหนเป็นกระบวนไปยังวัดที่จะทอด มีเครื่องบรรเลงมีการฟ้อนรำนำขบวนตามประเพณีนิยม
    การถวายกฐิน
    นิยมถวายในโบสถ์ โดยเฉพาะกฐินพระราชทาน ก่อนจะถึงกำหนดเวลาจะเอาเครื่องบริวารกฐินไปจัดตั้งไว้ในโบสถ์ก่อน ส่วนผ้ากฐินพระราชทานจะยังไม่นำเข้าไป พอถึงกำหนดเวลาพระสงฆ์ที่จะรับกฐิน จะลงโบสถ์พร้อมกัน นั่งบนอาสนที่จัดไว้ เจ้าภาพของกฐิน พร้อมด้วยผู้ร่วมงานจะพากันไปยังโบสถ์ เมื่อถึงหน้าโบสถ์เจ้าหน้าที่จะนำผ้าพระกฐินไปรอส่งให้ประธาน ประธานรับผ้าพระกฐินวางบนมือถือประคอง นำคณะเดินเข้าสู่โบสถ์ แล้วนำผ้าพระกฐินไปวางบนพานที่จัดไว้หน้าพระสงฆ์ และหน้าพระประธานในโบสถ์ คณะที่ตามมาเข้านั่งที่ ประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วกราบพระพุทธรูปประธานในโบสถ์แบบเบญจางคประดิษฐ์สามครั้ง แล้วลุกมายกผ้าพระกฐินในพานขึ้น ดึงผ้าห่มพระประธานมอบให้เจ้าหน้าที่ รับไปห่มพระประธานทีหลัง แล้วประนมมือวางผ้าพระกฐินบนมือทั้งสอง หันหน้าตรงพระสงฆ์แล้วกล่าวคำถวายผ้าพระกฐิน จบแล้วพระสงฆ์รับ สาธุการ ประธานวางผ้าพระกฐินลงบนพานเช่นเดิม แล้วกลับเข้านั่งที่ ต่อจากนี้ไปเป็นพิธีกรานกฐินของพระสงฆ์
    กฐินของประชาชน หรือ กฐินสามัคคี หรือในวัดบางวัดนิยมถวายกันที่ศาลาการเปรียญ หรือวิหารสำหรับทำบุญ แล้วเจ้าหน้าที่จึงนำผ้ากฐินที่ถวายแล้วไปถวายพระสงฆ์ ทำพิธีกรานกฐินในโบสถ์เฉพาะพระสงฆ์อีกทีหนึ่ง
    การทำพิธีกฐินัตการกิจของพระสงฆ์ เริ่มจากการกล่าวคำขอความเห็นที่เรียกว่า อปโลกน์ และการสวดญัตติทุติยกรรม คือการยินยอมยกให้ ต่อจากนั้นพระสงฆ์รูปที่ได้รับความยินยอม นำผ้าไตรไปครองเสร็จแล้วขึ้นนั่งยังอาสนเดิม ประชาชนผู้ถวายพระกฐินทาน ทายกทายิกา และผู้ร่วมบำเพ็ญกุศล ณ ที่นั้น เข้าประเคนสิ่งของอันเป็นบริวารขององค์กฐินตามลำดับจนเสร็จแล้ว พระสงฆ์ทั้งนั้นจับพัด ประธานสงฆ์เริ่มสวดนำด้วยคาถาอนุโมทนา ประธานหรือเจ้าภาพ กรวดน้ำ และรับพรจนจบ เป็นอันเสร็จพิธี
    คำถวายกฐิน
    มีอยู่สองแบบด้วยกันคือ แบบเก่า และแบบใหม่ ดังนี้
    คำถวายแบบมหานิกาย
    อิมํ สปริวารํ กฐินจีวรทสฺสํ สงฺฆสฺส โอโณชยาม (กล่าวสามหน)
    ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้าจีวรกฐิน พร้อมกับของบริวารนี้แก่พระสงฆ์ (กล่าวสามหน)
    คำกล่าวแบบธรรมยุต
    อิมํ มยํ ภนฺเต สปริวารํ กฐินจีวรทสฺสํ สงฺฆสฺส โอโณชยาม สาธุ โน ภนฺเต สงฺโฆ อิมํ ปริวารํ กฐินจีวรทุสฺสํ ปฏิคฺคณฺหาตุ ปฏิคฺคเหตฺวา จ อิมินา ทุสฺเสน กฐินํ อตฺถรตุ อมฺหากํ ฑีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย
    ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้าจีวรกฐิน กับของบริวารนี้แก่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงรับผ้ากฐิน พร้อมกับของบริวารของข้าพเจ้าทั้งหลาย ครั้งรับแล้วจงกราลกฐินด้วยผ้าผืนนี้ เพื่อประโยชน์ และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนาน เทอญ ฯ

    ผู้ประสงค์จะทอดกฐินจะทอดจะทำอย่างไร
    พุทธศาสนิกชนทั่วไป ย่อมถือกันว่า การทำบุญทอดกฐินเป็นกุศลแรง เพราะเป็นกาลทาน ทำได้เพียงปีละ 1 ครั้งและต้องทำในกำหนดเวลาที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ ดังนั้นถ้ามีความเลื่อมใสใคร่จะทอดกฐินบ้างแล้ว พึ่งปฏิบัติดังต่อไปนี้
    จองกฐิน เมื่อจะไปจองกฐิน ณ วัดใด พอเข้าพรรษาแล้ว พึงไปมนัสการสมภารเจ้าวัดนั้น กราบเรียนแก่ท่านว่าตนมีความประสงค์จะขอทอดกฐิน แล้วเขียนหนังสือปิดประกาศไว้ ณ วัดนั้น เพื่อให้รู้ทั่ว ๆ กัน การที่ต้องไปจองก่อนแต่เนิ่น ๆ ก็เพื่อให้ได้ทอดวัดที่ตนต้องการ หากมิเช่นนั้นอาจมีผู้อื่นไปจองก่อน นี้กล่าวสำหรับวัดราษฎร์ ซึ่งราษฎรมีสิทธิจองได้ทุกวัด แต่ถ้าวัดนั้นเป็นวัดหลวง อันมีธรรมเนียมว่าต้องได้รับกฐินหลวงแล้ว ทายกนั้น ครั้นกราบเรียนเจ้าอาวาสท่านแล้ว ต้องทำหนังสือยื่นต่อกองสัมฆการีกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ขอเป็นกฐินพระราชทาง ครั้นคำอนุญาตตกไปถึงแล้ว จึงจะจองได้
    เตรียมการ ครั้นจองกฐินเรียบร้อยแล้ว เมื่อออกพรรษาแล้ว จะทอดกฐินในวันใด ก็กำหนดให้แน่นอน แล้วกราบเรียนให้เจ้าวัดท่านทราบวันกำหนดนั้น ถ้าเป็นอย่างชนบท สมภารเจ้าวัด ก็บอกติดต่อกับชาวบ้านว่าวันนั้นว่านี้เป็นวันทอดกฐิน ให้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดหาอาหารไว้เลี้ยงพระ และเลี้ยงผุ้มาในการกฐิน
    ครั้นกำหนดวันทอดกฐินแล้ว ก็เตรียมจัดหาเครื่องผ้ากฐิน คือไตรจีวร พร้อมทั้งเครื่องบริขารอื่น ๆ ตามแต่มีศรัทธามากน้อย (ถ้าจัดเต็มที่มักมี 3 ไตร คือ องค์ครอง 1 ไตร คู่สวดองค์ละ 1 ไตร)
    วันงาน พิธีทอดกฐินเป็นบุญใหญ่ดังกล่าวมาแล้ว ดังนั้น โดยมากจึงจัดงานเป็น 2 วัน วันต้นตั้งองค์พระกฐินที่บ้านของเจ้าภาพก็ได้ จะไปตั้งที่วัดก็ได้ กลางคืนมีการมหรสพครึกครื้นสนุกสนาน ญาติพี่น้องและมิตรสหายก็มักจะมาร่วมอนุโมทนา รุ่งขึ้นเป็นที่วัดทอด ถ้าไปทางบก ก็มีแห่ทางขบวนรถหรือเดินขบวนกันไป มีแตรวงหรืออื่น ๆ เป็นการครึกครื้น ถ้าไปทางเรือก็มีแห่งทางขบวนเรือสนุกสนาน โดยมากมักแห่ไปตอนเช้า และเลี้ยงพระเพล การทอดกฐิน จะทอดในตอนเช้านั้นก็ได้ ทอดเพลแล้วก็ได้ สุดแล้วแต่สะดวก การเลี้ยงพระ ถ้าเป็นอย่างในชนบท ชาวบ้านจัดภัตตาหารเลี้ยงด้วย เจ้าของงานกฐินก็จัดไปด้วย อาหารมากมายเหลือเฟือ แม้ข้อนี้ ก็สุดแต่กาละเทศะแห่งท้องถิ่น
    อนึ่ง ถ้าตั้งองค์กฐินในวัดที่จะทอดนั้น เช่น ในชนบทตอนเย็น ก็แห่งองค์พระกฐินไปตั้งที่วัด กลางคืนมีการฉลองรุ่งขึ้น เลี้ยงพระเช้าแล้ว ทอดกฐิน ถวายภัตตาหารเพล
    การถวายผ้ากฐิน การถวายผ้ากฐินน้น คือ เมื่อพระสงฆ์ประชุมพร้อมกันแล้ว เจ้าภาพอุ้มผ้ากฐินนั่งหันหน้าตรงต่อพระประธาน ตั้งนะโม 3 จบ แล้วหันหน้ามาทางพระสงฆ์ กล่าวคำถวายผ้ากฐิน 3 จบ ถ้าเป็นกฐินสามัคคีก็มักเอาด้วยสายสิญจน์โยงผ้ากฐิน เมื่อจับได้ทั่วถึงกัน แล้วหัวหน้านำว่าคำถวาย ครั้นจบแล้ว พระสงฆ์รับว่า สาธุ เจ้าภาพก็ประเคนผาไตรกฐินแก่ภิกษุผู้เถระ ครั้นแล้วประเคนเครื่องบริขารอื่น ๆ เสร็จแล้ว พระสงฆ์ก็ทำพิธีมอบผ้าให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นพระเถระ มีจีวรเก่า รู้ธรรมวินัย ครั้นเสร็จแล้ว พระสงฆ์อนุโมทนา เจ้าภาพกรวดน้ำรับพร ก็เป็นอันเสร็จพิธีการทอดกฐินเพียงนี้


    พิธีกรานกฐิน
    พิธิกรานกฐินเป็นพิธีฝ่ายภิกษุสงฆ์โดยเฉพาะคือภิกษุผู้ได้รับมอบผ้ากฐินนั้น นำผ้ากฐินไปทำเป็นไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่ง เย็บ ย้อม แห้ง เรียบร้อยดีแล้ว เคาะระฆัง ประชุมกันในโรงพระอุโบสถ ภิกษุผู้รับผ้ากฐิน ถอนผ้าเก่าอธิษฐานผ้าใหม่ที่ตนได้รับนั้นเข้าชุดเป็นไตรจีวร
    เสร็จแล้ว ภิกษุรูปหนึ่ง ขึ้นสู่ธรรมาสน์แสดงพระธรรมเทศนา กล่าวคือเรื่องประวัติกฐินและอานิสงส์ครั้งแล้วภิกษุผู้รับผ้ากฐิน นั่งคุกเข่าตั้งนะโม 3 จบ แล้วเปล่งวาจาในท่ามกลางชุมนุมนั้น ตามลักษณะผ้าที่กรานดังนี้
    ถ้าเป็นผ้าสังฆาฏิ เปล่งวาจากรานกฐินว่า "อิมายสงฺฆาฏิยา กฐินํ อตฺถรามิ" แปลว่า ข้าพเจ้ากรานกฐินด้วยผ้าสัมฆาฎินี้ (ในเวลาว่านั้นไม่ต้องว่าคำแปลนี้) 3 จบ
    ถ้าเป็นผ้าอุตตราสงค์เปล่งวาจากรานกฐินว่า "อิมินาอุตฺตราสงฺเคน กฐินํ อตฺถรามิ" แปลว่าจ้าพเจ้ากรานกฐิน ด้วยผ้าอุตตราสงค์นี้ 3 จบ
    ถ้าเป็นผ้าอันตรวาสก (สบง) เปล่งวาจากรานกฐินว่า "อิมินา อนฺตรวาสเกน กฐินํ อตฺถรามิ" แปลว่าข้าพเจ้ากรานกฐิน ด้วยผ้าอันครวาสกนี้ 3 จบ
    ลำดับนั้น สงฆ์นั่งคุกเข่าพร้อมกันแล้วกรานพระ 3 หนเสร้จแล้ว ตั้งนโมพร้อมกัน 3 จบ แล้วท่านผู้ได้รับผ้ากฐินหันหน้ามายังกลุ่มภิกษุสงษ์ กล่าวคำอนุโมทนาประกาศดังนี้
    "อตฺถตํ อาวุโส สงฺฆสฺส กฐินํ ธมฺมิโก กฐินตฺถาโร อนุโมทามิ" 3 จบ (แปลว่า อาวุโส! กฐินสงฆ์กราบแล้ว การกรานกฐินเป็นธรรม ข้าพเจ้าขออนุโมทนา)
    คำว่า อาวุโส นั้น ถ้ามีภิกษุอื่นซึ่งมีพรรษามากกว่าภิกษุผู้ครองกฐินแม้เพียงรูปเดียวก็ตาม ให้เปลี่ยนเป็น ภนฺเต
    ต่อนั้น สงฆ์ทั้งปวงรับว่า สาธุ พร้อมกันแล้วให้ภิกษุทั้งปวง อนุโมทนาเรียงองค์กันไปทีละรูป ๆ ว่า "อตฺถตํ ภนฺเต สงฺฆสฺส กฐินฺ ธมฺมิโก กฐินตฺถาโร อนุโมทามิ" 3 จบสงฆ์ทั้งปวงรับว่า สาธุ ทำดังนี้ จนหมดภิกษุผู้ประชุมอนุโมทนา
    (ถ้าผู้อนุโมทนา มีพรรษษแก่กว่าสงฆ์ทั่งปวง ให้เปลี่ยนคำว่า ภนฺเต เป็น อาวุโส)
    ในการว่าคำอนุโมทนานี้พึงนั่งคุกเข่าประนมมือเสร้จแล้วจึงนั่งพับเพียงลง
    เมื่อเสร็จแล้ว ให้นั่งพร้อมกันคุกเข่าประนมมือ หันหน้าตรงต่อพระพุทธปฏิมา ว่าพร้อมกันอีก 3 จบ แต่ให้เปลี่ยนคำว่า อนุโมทามิ เป็น อนุโมทาม เป็นอันเสร็จไปชั้นหนึ่ง
    ต่อแต่นั้นกราบพระ 3 หน นั่งพับเพียบ สวดปาฐะและคาถาเนื่องด้วยกรานกฐิน จบแล้วก็เป็นเสร็จพิธีการกรานกฐิน


    อานิสงส์กฐินสำหรับพระ
    ในพระวินัย ระบุอานิสงส์กฐินไว้ 5 คือ
    1. เข้าบ้านได้โดยมิต้องบอกลาภิกษุด้วยกัน
    2. เอาไตรจีวรไปโดยไม่ครบสำรับได้
    3. ฉันอาหารเป็นคณะโภชน์ได้
    4. เก็บจีวรไว้ได้ตามปรารถนา
    5. ลาภที่เกิดขึ้นเป็นของเธอผู้จำพรรษาในวัดนั้น

    อนิสงส์กฐินสำหรับผู้ทอด
    โดยทั่วไปผู้เขียนเองและแม้ผู้รู้บางท่านก็ยังไม่เคยพบในพระบาลีที่ระบุไว้โดยตรง แต่ว่าการทอดกฐินเป็นกาลทาน ปีหนึ่งทำได้ครั้งเดียว วันหนึ่งทำได้ครั้งเดียวในปีหนึ่ง ๆ ต้องทำภายในกำหนดเวลา และผู้ทอดก็ต้องตระเตรียมจัดทำเป็นงานใหญ่ ต้องมีผู้ช่วยเหลือหลายคน จึงนิยมกันว่าเป็นพิธีบุญที่อานิสงส์แรง น่าคิดอีกทางหนึ่งว่า พิธีเช่นนี้ได้ทั้งโภคสมบัติ เพราะเราเองบริจาค ได้ทั่งบริวารสมบัติเพราะได้บอกบุญแก่ญาติมิตรใหมาร่วมการกุศล กาลทานเช่นนี้ เรียกว่า ทานทางพระวินัย
    คำถวายผ้ากฐิน อย่างมหานิกาย
    อิมํ สปริวารํ กฐินจีวรทุสฺสํ สงฺฆสฺส โอโณชยาม (ว่า 3 หน)
    แปลว่า "ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้ากฐินจีวรกับทั้งบริวารนี้ แด่พระสงฆ์"
    คำถวายผ้ากฐิน อย่างธรรมยุตติกนิกาย
    อิมํ ภนฺเต สปริวารํ กฐินนทุสฺสํ สงฺฆสฺส โอโณชยาม สาธุ โน ภนฺเต สงฺโฆ อิมํ สปริวารํ กฐินทุสฺสํ ปฏิคฺคณฺหาตุ ปฏิคฺคเหตฺวา จ อิมินา ทุสฺเสน กฐินํ อตฺถรตุ อมฺหากํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย
    แปลว่า "ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายผ้ากฐิน พร้อมทั้งบริวารนี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย และครั้นรับแล้วขอจงกรานกฐินด้วยผ้านี้ เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนานเทอญ"
    หมายเหตุ
    ในการทอดกฐินนี้ ยังมีกฐินและข้อพิเศษที่ควรนำมากล่าวไว้ด้วย คือ 1. จุลกฐิน 2.ธงจระเข้
    1. จุลกฐิน มีกฐินพิเศษอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่าจุลกฐินเป็นงานที่มีพิธีมาก ถือกันว่ามาแต่โบราณว่า มีอานิสงส์มากยิ่งนัก วิธีทำนั้น คือเก็บผ้ายมากรอเป็นด้วย และทอให้แล้วเสร็จเป็นผืนผ้าในวันเดียวกัน และนำไปทอดในวันนั้น กฐินชนิดนี้ ต้องทำแข่งกับเวลา มีผู้ทำหลายคน แบ่งกันเป็นหน้าที่ ๆ ไป ในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยนิยมทำกันแล้ว
    "วิธีทอดจุลกฐินนี้ มีปรากฏในหนังสือเรื่องคำให้การชาวกรุงเก่าว่า บางทีเป็นของหลวงทำในวันกลางเดือน 12 คือ ถ้าสืบรู้ว่าวัดไหนยังไม่ได้รับกฐิน ถึงวันกลางเดือน 12 อันเป็นที่สุดของพระบรมพุทธานุญาตซึ่งพระสงฆ์จะรับกฐินได้ในปีนั้น จึงทำผ้าจุลกฐินไปทอด มูลเหตุของจุลกฐินคงเกิดแต่จะทอดในวันที่สุดเช่นนี้ จึงต้องรีบร้อนขวนขวายทำให้ทัน เห็นจะเป็นประเพณีมีมาเก่าแก่ เพราะถ้าเป็นชั้นหลังก็จะเที่ยวหาซื้อผ้าไปทอดได้หาพักต้องทอใหม่ไม่" (จากวิธีทำบุญ ฉบับหอสมุด หน้า 119)
    2. ธงจระเข้ ปัญหาที่ว่าเพราะเหตุไรจึงมีธงจระเข้ยกขึ้นในวัดที่ทอดกฐินแล้ว ยังไม่ปรากฎหลักฐาน และข้อวิจารณ์ อันสมบูรณ์โดยมิต้องสงสัย เท่าที่รู้กันมี 2 มติ คือ
    [​IMG]
    1. ในโบราณสมัย การจะเดินทางต้องอาศัยดาวช่วยประกอบเหมือน เช่น การยกทัพเคลื่อนขบวนในตอนจวนจะสว่าง จะต้องอาศัยดาวจระเข้นี้ เพราะดาวจระเข้นี้ขึ้นในจวนจะสว่าง การทอดกฐิน มีภาระมาก บางทีต้องไปทอด ณ วัดซึ่งอยู่ไกลบ้าน ฉะนั้น การดูเวลาจึงต้องอาศัยดาว พอดาวจระเข้ขี้น ก็เคลื่อนองค์กฐินไปสว่างเอาที่วัดพอดี และต่อมาก็คงมีผู้คิดทำธงในงานกฐิน ในชั้นต้น ก็คงทำธงทิวประดับประดาให้สวยงานทั้งที่องค์กฐิน ทั้งที่บริเวณวัดและภายหลัย คงหวั่นจะให้เป็นเครื่องหมายเนื่องด้วยการกฐิน ดังนั้น จึงคิดทำธงรูปจระเข้ เสมือนประกาศให้รู้ว่าทอดกฐินแล้ว
    2. อีกมติหนึ่งเล่าเป็นนิทานโบราณว่า ในการแห่กฐินในทางเรือของอุบาสกผู้หนึ่ง มีจระเข้ตัวหนึ่งอยากได้บุญจึงอุตส่าห์ว่ายตามเรือไปด้วย แต่ยังไม่ทันถึงวัดก็หมดกำลังว่ายตามต่อไปอีกไม่ไหว จึงร้องบอกอุบาสกว่า เหนื่อยนักแล้ว ไม่สามารถจะว่ายตามไปร่วมกองการกุศล วานท่านเมตตาช่วยเขียนรูปข้าพเจ้า เพื่อเป็นสักขีพยานว่าได้ไปร่วมการกุศลด้วยเถิด อุบาสกผู้นั้นจึงได้เขียนรูปจระเข้ยกเป็นธงขึ้นในวัดเป็นปฐม และสืบเนื่องมาจนบัดนี้

     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันออกพรรษา
    http://www.dhammajak.net/budday/pansa2.php

    [​IMG] วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

    วันออกพรรษา เป็นวันที่พุทธบริษัททั้งชาววัดและชาวบ้าน ได้พร้อมใจกันกระทำบุญกุศลต่าง ๆ ตามคติประเพณีที่เคยประพฤติปฏิบัติสืบ ๆ กันมาแต่โบราณกาล เช่นมีการตักบาตรเทโว หรือเรียกตักบาตรดาวดึงส์ เป็นต้น "วันออกพรรษา" มีสาเหตุเนื่องมาจาก "วันเข้าพรรษา" ที่มีมาแล้วเมื่อวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๘ อันเป็นวันที่พระภิกษุทั้งหลายอธิษฐานใจเข้าอยู่พรรษาครบไตรมาส คือ ๓ เดือน ตามพระพุทธบัญญัติ โดยไม่ไปค้างแรมค้างคืนนอกสถานที่ที่ท่านตั้งใจอยู่ไว้ เมื่อมีวันเข้าพรรษาก็จำเป็นต้องมีวันออกพรรษา ซึ่งวันออกพรรษา ซึ่งวันออกพรรษาตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ (เพ็ญเดือน ๑๑) ของทุกปี วันออกพรรษา เป็นวันสุดท้ายแห่งการจำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์ หมายถึงพระภิกษุสงฆ์ได้จำพรรษาครบกำหนดไตรมาส ตามพระพุทธบัญญัติแล้ว ท่านมีสิทธิ์ที่จะจาริกไปพักค้างคืนที่อื่นได้ ไม่ผิดพระพุทธบัญญัติและยังได้รับอานิสงส์ (ผลดี) คือ
    ๑.ไปไหนไม่ต้องบอกลา
    ๒.ไม่ต้องถือผ้าไตรครบชุด
    ๓. ลาภที่เกิดขึ้นแก่ท่านมีสิทธิ์รับได้
    ๔. มีโอกาสได้อนุโมทนากฐินและได้รับอานิสงส์คือได้รับการขยายเวลาของอานิสงส์นั้นออกไปอีก ๔ เดือน
    อนึ่ง มีชื่อเรียกวันออกพรรษาอีกอย่างหนึ่งว่า " วันปวารณา หรือ วันมหาปวารณา" มีความหมายว่าพระภิกษุทั้งหลายทั้งพระผู้ใหญ่และพระผู้น้อยต่างเปิดโอกาสอนุญาตแก่กันและกัน ให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้มีคำกล่าวปวารณาเป็นภาษาลี ว่า "สังฆัมภันเต ปะวาเรมิ ทิฎเฐนะ วา สุเตนะ วาปะริสังกายะ วา วะทันตุ มัง อายัส์มันโต อะนุกัทปัง อุปาทายะ ปัสสันโต ปฎิกะริสสามิ"
    แปลว่า ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ กระผมขอปวารณาต่อสงฆ์ ด้วยได้เห็นหรือได้ฟังก็ตาม ขอท่านทั้งหลายโปรดอนุเคราะห์ ว่ากล่าวตักเตือนกระผมด้วย เมื่อกระผมมองเห็นแล้ว จักประพฤติตัวเสียเลยใหม่ให้ดี
    การที่พระท่านกล่าวปวารณา (ยอมให้ว่ากล่าวตักเตือน) กันไว้ ในเมื่อต่างองค์ต่างต้องจากกันไปองค์ละทิศละทางท่านเกรงว่าอาจมีข้อประพฤติปฏิบัติที่ไม่ดีไม่งามเกิดขึ้น โดยตัวท่านเองรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือมองไม่เห็นเหมือนผงเข้าตาตัวเอง แม้ผลจะอยู่ชิดติดกับลูกนัยน์ตา เราก็ไม่สามารถมองเห็นผลนั้นได้ จำเป็นต้องไหว้วานขอร้องผู้อื่นให้มาช่วยดูหรือต้องใช้กระจกส่องดู เพราะฉะนั้น พระท่านจึงใช้วิธีการกล่าวปวารณาตัดไว้เพื่อท่านรูปอื่นได้เห็นหรือแม้แต่ได้ยินได้ฟัง เรื่องดีไม่ดีไม่งามอะไรก็ตามให้กล่าวแนะนำตักเตือนได้ โดยไม่ต้องเกรงใจกันทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยด้วยเจตนาดีต่อกัน คือ พระผู้ใหญ่ก็กล่าวตักเตือนพระผู้น้อยได้และพระผู้มีอาวุโสน้อยก็สามารถกล่าวชี้แนะถึงข้อไม่ดีของพระผู้ใหญ่ได้เช่นกัน โดยที่พระผู้ใหญ่คือผู้มีอาวุโสท่านก็มิได้สำคัญตนผิดคิดว่าท่านทำอะไรแล้วถูกไปหมดทุกอย่าง
    การกล่าวปวารณา เท่ากับเป็นการช่วยระมัดระวังข้อประพฤติปฏิบัติที่ไม่ดีของพระรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดน้อยๆ นี้ที่จะลุกลามก่อความเสื่อมเสียไปถึงพระหมู่มาก และลุกลามไปถึงพระพุทธศาสนาอันเป็นจุดศูนย์ที่ใหญ่ได้ ท่านจึงใช้วิธีป้องกันไว้ก่อน ดีกว่าการแก้ไขในภายหลัง
    ตัวอย่าง วันออกพรรษาหรือวันมหาปวารณาที่พระภิกษุทั้งหลายกระทำเช่นนี้ เป็นเครื่องมือชี้ให้เห็นวิธีการคอยสังวร คือ ตามระวัง ไม่ประมาท ไม่ยอมให้ความเลวร้ายเกิดขึ้นได้ เหมือล้อมรั้วไว้ก่อนที่วัวจะหายไม่ว่าจะอยู่ในเทศกาลเข้าพรรษาหรือออกพรรษา พระท่านจะประพฤติดี ปฏิบัติชอบตามระบอบของพระธรรมวินัยอยู่ตลอดเวลา
    ส่วนพิธีของฆราวาสนั้นควรจะนำเอาพิธีปวารณาของพระท่านมาใช้ดูบ้าง ซึ่งจะมีผลดีที่เกิดขึ้นแก่กลุ่มชนที่อยู่รวมกัน ไม่ว่าครอบครัวและสังคมต่าง ๆ และมีพิธีกรรมของฆราวาสที่เกี่ยวเนื่องกันในวันออกพรรษานี้ก็ได้แก่การบำเพ็ญบุญกุศลต่าง ๆ เช่น การทำบุญตักบาตร รักษาศีล ฟังธรรม ณ วัดที่อยู่ใกล้เคียง
    มีการทำบุญอันเป็นประเพณีที่นิยมกระทำกันมานานแล้วในวันออกพรรษา ซึ่งเรียกว่า " ตักบาตรเทโว" หรือเรียกชื่อเต็มตามคำพระว่า "เทโวโรหนะ" แปลว่าการหยั่งลงจากเทวโลก หรือการตักบาตรนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ตักบาตรดาวดึงส์" และการตักบาตรเทโวนี้ จะกระทำในวันขึ้น ๑๕ เดือน ๑๑ หรือวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ก็ได้สุดแท้แต่จะเห็นพร้อมกัน
    การทำบุญตักบาตรเทโวนี้ ท่านจัดเป็นกาลนาน คือ หนึ่งปีมีหนึ่งครั้ง และการกระบุญเช่นนี้ โดยยึดถือว่าเป็นวันคล้ายกับวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก ตามตำนานกล่าวว่า

    เมื่อก่อนพุทธศักดิ์ราช ๘๐ ปี พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปจำพรรษา ณ บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนา "พระสัตตปรณาภิธรรม" คือพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ โปรดพระพุทธมารดา (ซึ่งทรงบังเกิดอยู่ในสวรรคชั้นดุสิต)

    ครั้นครบกำหนดการทรงจำพรรษาครบ ๓ เดือน พระพุทธเจ้าทรงปวารณาพระวัสสาแล้วเสด็จลง จากดาวดึงส์เทวโลกมาสู่มนุษย์โลก ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ โดย เสด็จลงทางบันไดแก้วทิพย์ ซึ่งตั้งระหว่างกลางของนับไดทองทิพย์อยู่เบื้องขวาบันไดเงินทิพย์อยู่เบื้องซ้ายและหัวบันไดทิพย์ที่เทวดาเนรมิตขึ้นทั้ง ๓ พาด บนยอดเขาพระสิเนรุราช อันเป็นที่ตั้งแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ส่วนเชิงบันไดตั้งอยู่บนแผ่นศิลาใหญ่ใกล้ประตูเมืองสังกัสสนคร และสถานที่นั้นประชาชนถือว่าเป็นศุภนิมิตรสร้างพระเจดีย์ขึ้นเป็น "พุทธบูชานุสาวรีย์" เรียกว่า "อจลเจดีย์"
    อนึ่งในวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาสู่มนุษย์โลกนั้น ประชาชนพร้อมกันไปทำบุญตักบาตรเป็นจำนวนมากสุดจะประมาณ พิธีที่กระทำกันในการตักบาตรเทโว ซึ่งถือตามประวัตินี้ก็เท่ากับทำบุญตักบาตร รับเสด็จพระพุทธเจ้าในคราวเสด็จลงมาจากเทวโลกนั่นเอง บางวัดจึงเตรียมการในคฤหัสถ์แต่งตัวเป็นเทวดาบ้าง เป็นพรหมบ้างแล้วอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนบุษบกที่มีล้อเคลื่อน และมีบาตรตั้งอยู่ข้างหน้าพระพุทธรูปใช้คนลากนำหน้าพระสงฆ์ พวกทายกทายิกาตั้งแถวเรียงรายคอยใส่บาตร เป็นการกระทำให้ใกล้กับความจริงเพื่อเป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้า ส่วนอาหารที่นำมาทำบุญตักบาตรในวันนั้น มีข้าว กับข้าวต้มมัดใต้ ข้าวต้มลูกโยนที่ห่อด้วยใบมะพร้าวหรือใบลำเจียกไว้หางยาวและข้าวต้มลูกโยนนี้มี ประวัติมาตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะตั้งใจอธิษฐานแล้วโยนไปให้ลงบาตรของพระพุทธเจ้า เนื่องจากมีคนมากเข้าไปใส่บาตรไม่ได้
    ความมุ่งหมายของการปวารณากรรม
    ปวารณากรรม มีความมุ่งหมายชัดเจนปรากฏอยู่ในคำที่สงฆ์ใช้ปวารณาซึ่งกันและกัน ดังนี้
    - เป็นกรรมวิธีลดหย่อนผ่อนคลายข้อขุ่นข้องคลางแคลงที่เกิดจากความระแวงสงสัย ให้หมดไปในที่สุด
    - เป็นทางประสานรอยร้าว ที่เกิดจากผลกระทบกระทั่งในการอยู่ร่วมกัน ให้มีโอกาสกลับคืนดีด้วยการให้โอกาสได้ปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน
    - เป็นทางสร้างเสริมความสามัคคีในหมู่ให้กลมเกลียวอยู่ร่วมกันอย่างสนิทใจ
    - เป็นแนวปฏิบัติให้เกิดความเสมอภาคกันในการแสดงความคิดว่ากล่าวตักเตือนได้โดยไม่จำกัดด้วย ยศ ชั้น พรรษา วัย
    - ก่อให้เกิด "ภราดรภาพ" รู้สึกเป็นมิตรชิดเชื้อปรารถนาดี เอื้อเฟื้ออาทรเป็นพื้นฐาน นำไปสู่พฤติกรรมอันพึงประสงค์ที่ดีงานคล้าย ๆ กัน เรียกว่า ศีลสามัญญุตา
    พิธีตักบาตรเทโว(วันพระเจ้าเปิดโลก)
    มีปรากฎในอรรถกถาธรรมบทว่าในขณะนั้นพระพุทธเจ้าจำพรรษาอยู่ในนครสาวัตถี พรรษาที่ ๒๕ ผู้คนในชมพูทวีปหันมาเลื่อมในพระพุทธศาสนาทำให้นักบวชของศาสนา อิจฉาเพราะเขาเหล่านั้นเดือดร้อนในการขาดผู้ค้ำจุนดูแลและขาดลาภสักการะจึงทำการกลั่นแกล้ง พระพุทธศาสนาโดยประการต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องฤทธิ์พระองค์และเหล่าสาวกของพระองค์เอง ศาสนาอื่นปลุกปั่นจนพระองค์ทรงห้ามเหล่าสาวกทั้งหลายแสดงฤทธิ์ พระองค์ก็งดแสดงฤทธิ์เช่นกัน จึงทำให้ศาลามีจุดที่จะทำให้ศาสนาอื่น เช่น อาจารย์ทั้ง ๖ และศาสนาเชน ทำการโฆษณาชวนเชื่อว่า พระพุทธศาสนานั้นมีพระพุทธเจ้า และสาวกสิ้นฤทธิ์หมดแล้วอย่าไปนับถือเลยสู้พวกตนไม่ได้ยังมีฤทธิ์เหนือกว่า ควรจะมานับถือพวกตนดีกว่าพระพุทธเจ้าทรงเห็นว่า ถือขืนปล่อยไว้เฉยต่อไป โดยไม่ตอบโต้บ้าง อาจเป็นผลเสียต่อพระพุทธศาสนา ดังนั้นวันเพ็ญอาสาฬหะ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ คือแสดงฤทธิ์เป็นคู่ ๆ ซึ่งก็มีปรากฎเพียงครั้งเดียวในครั้งนั้นทำให้ผู้คนที่เคลือบแครงสงสัย หันมานับถือศาสนาอย่างมั่นคงอีกครั้ง ในวันรุ่งขึ้นแรม ๑ ค่ำ เดือนอาสาฬหะ เป็นวันอธิฐานเข้าพรรษา พระพุทธเจ้าทรงประกาศจำพรรษาที่สรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตามธรรมเนียมที่พระพุทธเจ้าทำกันมาเมื่อลาพระพุทธเจ้าทรงลาบริษัทแล้วก็เสด็จไป ณ ดาวดึงส์เทวโลกเพื่อโปรดพุทธมารดาด้วยพระอภิธรรม ๗ พอครบเวลา ๓ เดือนของการโปรดพระพุทธมารดาด้วยพระอภิธรรมทั้ง ๗ ในวันเพ็ญเดือน ๑๑ ก็เสด็จกลับลงมายังโลกมนุษย์ ณ ที่ประตูเมือง สังกัสสนคร ท้าวสักกเทวราชพร้อมด้วยบริวารตามลงมาเสด็จทางบันใดสวรรค์จนถึงขั้นพิภพ พระพุทธเจ้าทรงใช้อิทธิฤทธิ์บรรดาลให้โลกทั้ง ๓ มี เทวโลก , มนุษย์โลก , สัตว์นรก มองเห็นกันทั้งหมด จึงเรียกวันนั้นว่า วันพระเจ้าเปิดโลกพอวันรุ่งขึ้นเป็นวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ผู้คนในชมพูทวีปพากันมาใส่บาตรพระสงค์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข การตักบาตรในครั้งนั้นไได้นัดหมายกันมาก่อนเลยต่างคนก็ต่างมาด้วยศรัทธาจึงทำให้คนมามากมาย เมื่อมีมามากทำให้ไม่ถึงบาตรพระภิกษุสงฆ์ จึงเอาข้าวของตนห่อหรือปั้นเป็นก้อน โยนใส่บาตรพระด้วยเหตุนี้ต่อมาภายหลังจึงนิยมทำข้าวต้มลูกโยนใส่บาตรพระในวันเทโวณหณะ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันออกพรรษา
    http://www.dhammajak.net/budday/pansa2.php

    [​IMG] วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>
    พิธีตักบาตรเทโวโรหณะในสมัยปัจจุบัน
    </TD></TR><TR><TD width="65%" height=25><TABLE borderColor=#cccccc width="75%" border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top width="35%"> ตอนรุ่งอรุณของวันตักบาตรเทโว พระภิกษุสามเณรลงทำวัตรในพระอุโบสถ พอพระอาทิตย์ขึ้นก็สมมติว่า พระลงมาจากบันใดสวรรค์ บางที่ก็มีดนตรีบรรเลงเพลงไทยเดิม สมมุติว่าเป็นพวกเทวดาบรรเลง ขับกล่อมตามส่งพระพุทธเจ้า ยังมีพวกแฟนตาซีอีก แต่งเป็นพวกยักษ์ เทวดา พระอินทร์ พรหม นางเทพธิดา นำหน้าขบวนพระภิกษุสามเณร ชาวบ้านก็จะใส่บาตรด้วยอาหารหวาน อาหารคาว ข้าวต้มลูกโยน ข้าวต้มมัดจึงเป็นสัญลักษณ์ของพิธีนี้

    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    พิธีตักบาตรเทโวโรหณะในสมัยปัจจุบัน

    ตอนรุ่งอรุณของวันตักบาตรเทโว พระภิกษุสามเณรลงทำวัตรในพระอุโบสถ พอพระอาทิตย์ขึ้นก็สมมติว่า พระลงมาจากบันใดสวรรค์ บางที่ก็มีดนตรีบรรเลงเพลงไทยเดิม สมมุติว่าเป็นพวกเทวดาบรรเลง ขับกล่อมตามส่งพระพุทธเจ้า ยังมีพวกแฟนตาซีอีก แต่งเป็นพวกยักษ์ เทวดา พระอินทร์ พรหม นางเทพธิดา นำหน้าขบวนพระภิกษุสามเณร ชาวบ้านก็จะใส่บาตรด้วยอาหารหวาน อาหารคาว ข้าวต้มลูกโยน ข้าวต้มมัดจึงเป็นสัญลักษณ์ของพิธีนี้ ภาคกลาง
    จังหวัดนครปฐม ที่พระปฐมเจดีย์ พระภิกษุสามเณรจะมารวมกันที่องค์พระปฐมเจดีย์ แล้วก็เดินลงมาจากบันใดนาคหน้าวิหารพระร่วง สมมติว่าพระเดินลงมาจากบันใดสวรรค์ชาวบ้านก็คอยใส่บาตร
    จังหวัดอุทัยธานีซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ณ วัดสะแกกรัง พระภิกษุจะเดินลงมาจากเขารับบิณฑบาตรจากชาวบ้าน อนึ่ง ขบวนพระภิกษุสงฆ์นั้นที่ลงมาจากบันใดนั้นนิยมให้มีพระพุทธรูป นำหน้าสมมติว่าเป็นพระพุทธเจ้าจะใช้พระปางอุ้มบาตร ห้ามมาร ห้ามสมุทร รำพึง ถวายเนตรหรือปางลีลา โดยตั้งบนรถ หรือตั้งบนคานหาม มีที่ตั้งบาตรสำหรับอาหารบิณฑบาตร
    สำหรับบางที่ไม่นิยมตักบาตรเทโว แต่นิยมตักบาตรตอนเช้าถวายอาหารพระภิกษุแล้ว ฟังเทศน์รักษา อุโบสถศีล
    สำหรับที่นิยมตักบาตรเทโว จะทำบุญเป็น ๒ วันคือวันออกพรรษากับวันเทโว ในวันแรม 1 ค่ำเดือน ๑๑ ในวันออกพรรษานั้น ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ก็มีการฟังเทศน์ตอนสาย และรักษาอุโบสถศีล

    ภาคใต้
    ประเพณีชักพระ (พระพุทธรูป) ทางภาคใต้เรียกว่า พิธีลากพระมีสองกรณี คือ ชักพระทางบก และชักพระทางน้ำ
    ถึงแม้ภาคนี้จะมีความแตกต่างไปจากภาคอื่น ภาคใต้ ก็มีจุดประสงค์ปรารภเหตุ การเสด็จลงมาของพระพุทธเจ้าจากเทวโลกมาถึงพื้นโลก ในวันปวารณาออกพรรษาเช่นเดียวกัน ก็จัดให้มีประเพณีแห่พระพุทธรูป ในวันแรม 1 ค่ำเดือน ๑๑ จึงนำมากล่าวในที่นี้ด้วยประเพณีชักพระ มี ๒ ประเภท คือ ชักพระทางบก กับชักพระทางน้ำ
    พิธีชักพระทางบก
    จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนวันชักพระ ๒ วันจะมีพิธีใส่บาตรหน้าล้อ นอกจากอาหารคาวหวาน ยังมีสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของงาน " ปัด" คือข้าวต้มผัด น้ำกะทิห่อด้วยใบมะพร้าว บางที่ห่อด้วยใบกะพ้อ (ปาล์มชนิดหนึ่ง) ในภาคกลางเขาเรียกว่า ข้าวต้มลูกโยน ก่อนจะถึงวันออกพรรษา ๑ - ๒ สัปดาห์ทางวัดจะทำเรือบก คือเอาท่อนไม้ขนาดใหญ่ ๒ ท่อนมาทำเป็นพญานาค ๒ ตัว เป็นแม่เรือที่ถูกยึดไว้อย่างแข็งแรง แล้วปูกระดาน วางบุษบก (ร้านม้า)บนบุษบกจะนำพระพุทธรูปยืนรอบบุษบกก็วางเครื่องดนตรี ไว้บรรเลงเวลาเคลื่อนพระไปสู่บริเวณงานพอเช้าวัน ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ชาวบ้านจะช่วยกันชักพระ โดยถือเชือกขนาดใหญ่ ๒ เส้นที่ผูกไว้กับพญานาคทั้ง ๒ ตัวเมื่อถึงบริเวณงานจะมีการสมโภช และมีการเล่นกีฬาพื้นเมืองต่าง ๆ กลางคืนมีงานฉลองอย่างมโหฬาร การชักพระที่ปัตตานี มีอิสลามร่วมด้วย
    พิธีชักพระทางน้ำ
    ก่อนถึงวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ทางวัดที่อยู่ริมน้ำ ก็จะเตรียมการต่าง ๆ ก็จะนำเรือมา ๒ - ๓ ลำ มาปูด้วยไม้กระดานเพื่อตั้งบุษบก หรือพนมพระประดับประดาด้วยธงทิว ในบุษบกก็ตั้งพระพุทธรูปในเรือบางที่ ก็มีเครื่องดนตรีประโคมตลอดทางที่เรือเคลื่อนที่ไปสู่จุดกำหนด คือบริเวณงานท่าน้ำที่เป็นบริเวณงานจะมีเรือพระหลาย ๆ วัดมาร่วมงาน ปัจจุบันจะนิยมใช้เรือยนต์จูง แทนการพาย เมื่อชักพระถึงบริเวณงานทั้งหมดทุกวัดที่มาร่วม จะมีการฉลองสมโภชพระ มีการเล่นต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน เช่นแข่งเรือปาโคลน ซัดข้าวต้ม เป็นต้น เมื่อฉลองเสร็จ ก็จะชักพระกลับวัด บางทีก็จะแย่งเรือกัน ฝ่ายใดชนะก็ยึดเรือ ฝ่ายใดแพ้ต้องเสียค่าไถ่ให้ฝ่ายชนะ จึงจะได้เรือคืน
    พิธีรับพระภาคกลาง
    พิธีรับพระเป็นพิธีบูชาพระพุทธเจ้า ในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จจากการจำพรรษา ณ ดาวดึงส์เทวโลก พิธีนี้มักจะปรากฏในภาคกลางที่อยู่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง ที่เป็นคมนาคมทางน้ำ เช่น อำเภอบางบ่อ บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ทางวัดจะอัญเชิญพระพุทธรูปยืนลงบุษบกในตัวเรือแล้วแห่ไปตามลำคลอง ชาวบ้านก็จะโยนดอกบัวจากฝั่งให้ตกในเรือหน้าพระ-พุทธรูป แล้วโยนข้าวต้ม ยังมีการแข่งขันเรือชิงรางวัลอีกด้วย
    ประเพณีตักบาตรพระร้อย
    "ประเพณีตักบาตรพระร้อย" หรือ ใส่บาตรพระร้อยรูป เป็นบุญประเพณีของชาวประเพณีโดยเฉพาะ ส่วนมากจัดพิธีขึ้นทางน้ำเนื่องด้วยแต่เดิมบ้านอยู่ติดริมน้ำลำคลอง จึงใช้เรือสัญจร พระส่วนมากจึงใช้เรือบิณฑบาต
    เนื่องมาแต่ความเชื่อเดิมว่าหลังวันเสด็จลงจากเทวโลก คือวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ หรือวันตักบาตรเทโว พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงนำพระภิกษุสงฆ์จำนวนเป็นร้อยออกบิณฑบาต ชาวประชาจึงหลั่งไหลมาถวายสักการะต้อนรับด้วยดอกไม้และบิณฑบาตทาน จึงมีพิธีตักบาตรเทโวขึ้น แต่ชาวปทุมธานีนิยมกำหนดเอาพระบิณฑบาตจำนวนร้อยรูป จึงเรียกว่า ตักบาตพระร้อยสืบมา
    ประโยชน์ของพิธีออกพรรษา
    ๑. เมื่อวันออกพรรษามาถึงเป็นการเตือนใจชาวพุทธว่า เวลาที่ผ่านไป ชีวิตก็ใกล้ตายเข้าไปทุกขณะแล้ว ควรเร่งทำกุศล และยังได้ถึงความปีติ ที่ได้บำเพ็ญกิจมาตลอดพรรษาและเป็นการเตือนสติอย่าให้จิตของตนละเลิกการทำกุศลไม่ให้ตกไปสู่ทางอบายมากเกินไป
    ๒. ประโยชน์ที่โดดเด่น คือประโยชน์ของการปวารณาที่สงฆ์การกระทำกันในวันออกพรรษาเพื่อ ให้สงฆ์ดำรงค์ความเป็นปึกแผ่นแน่นเหนียวยากแก่การทำลาย ถ้าคนในชาติเราทุกฝ่ายหันมา ปวารณากัน คือเปิดใจกัน เปิดเผยซึ่งกันและกัน หันหน้ามารวมพลังกันพัฒนาประเทศความทุกข์ก็จะบรรเทาเบาบางลง
    จากพิธีออกพรรษา
    ๑. เตือนสติว่าเวลาที่ผ่านพ้นไปอีกพรรษาหนึ่งแล้วได้คร่าชีวิตมนุษย์ ให้ผู้คนนั้นดำรงค์อยู่ในความไม่ประมาทและหันมาสร้างกุศล
    ๒. การทำบุญออกพรรษาเปิดโอกาสให้ผู้อื่นชำระความผิดของตนได้ คือหลักปวารณา ปกติคนเราคบกันนาน ๆ ก็จะเผย "สันดาน" ที่แท้ออกมาอาจจะไม่ดีนักแต่ตนเองไม่รู้ตัวแล้วมองไม่เห็น แต่ผู้อยู่ข้าง ๆ มองเห็นแต่ไม่กล้าเตือน ดังนั้นตนเองต้องปวารณาตัวให้ผู้อื่นชี้แนะได้ ความสัมพันธ์ก็จะดีขึ้นและยั่งยืน
    ๓. ได้ข้อคิดที่ว่า คนเราส่วนใหญ่มักจะลำเอียงเข้าข้างตนเองเป็นฝ่ายถูก ความผิดของคนอื่นเห็นง่ายส่วนตนเองนั้นความผิดนั้นเห็นยาก นี่แหละสัญชาตญาณของคนเรา
    ๔. เป็นการให้รู้ถึงการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีในการเปิดใจซึ่งกันและกันโดยไม่มีเล่ห์เหลี่ยมลับลมคมในใด ๆ ต่อในการคบหาหรืออยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
    <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1>บรรณานุกรม
    ๑. จ. เปรียญ. ประเพณีและพิธีมงคลไทย. ธรรมบรรณาคาร. ๒๕๑๘ กรุงเทพ ฯ.
    ๒. สมปราชญ์ อัมมะพันธ์. ประเพณีและพิธีกรรมในวรรณคดี. โอ. เอส. พริ้นติ้ง เฮ้า.๒๕๓๖ กรุงเทพ ฯ.
    ๓. สุเมธ เมธาวิทยกุล. สังกัปพิธีกรรม. พริ้นติ้ง เฮ้า. ๒๕๓๒ . กรุงเทพ ฯ.
    ๔. แสงฉาย อนงคาราม. อานิสงค์จากพระไตรปิฎก. ส. ธรรมภักดี. กรุงเทพ ฯ.
    ๕. ประพันธ์ กุลวินิจฉัย เทศกาลและพิธีกรรมทางพุทธศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ ม.มจร กรุงเทพ ฯ.
    ............................
    ข้อมูล และภาพจาก
    สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

    http://www.onab.moe.go.th
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันออกพรรษา

    http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/วันออกพรรษา

    วันออกพรรษา คือ วันสุดท้ายในการจำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์ หรือวันที่สิ้นสุดระยะการจำพรรษาของพระภิกษุตามวินัยบัญญัติ โดยพระวินัย บัญญัติให้พระภิกษุต้องอยู่ประจำที่ หรืออยู่ในวัดแห่งเดียวตลอดระยะเวลา 3 เดือน ในช่วงฤดูฝน ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 (หรือขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ในกรณีเข้าพรรษาหลัง) ของทุกปี


    <TABLE class=toc id=toc summary=สารบัญ><TBODY><TR><TD>สารบัญ

    [ซ่อนสารบัญ]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT type=text/javascript> if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "แสดงสารบัญ"; var tocHideText = "ซ่อนสารบัญ"; showTocToggle(); } </SCRIPT>[แก้ไข] ความสำคัญของวันออกพรรษา

    [​IMG]

    1. พระสงฆ์ได้รับพระบรมพุทธานุญาตให้จาริกไปค้างแรมที่อื่นได้
    2. เมื่อออกพรรษาแล้วพระสงฆ์จะได้นำความรู้จากหลักธรรมและประสบการณ์ที่ได้รับระหว่างพรรษาไปเผยแพร่แก่ประชาชน
    3. ในวันออกพรรษา พระสงฆ์ได้ทำปวารณา เปิดโอกาสให้เพื่อนภิกษุว่ากล่าวตักเตือนเรื่องความประพฤติของตนเพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ความเคารพนับถือ และความสามัคคีกันระหว่างสมาชิกของสงฆ์
    4. พุทธศาสนิกชนได้นำแบบอย่างไปทำปวารณาเปิดโอกาสให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนตนเองเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาตนและสร้างสรรค์สังคมต่อไป
    [แก้ไข] ประวัติความเป็นมาของวันออกพรรษาส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า

    [​IMG]

    เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษาอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารกรุงสาวัตถีนั้น มีพระภิกษุกลุ่มหนึ่งแยกย้ายกันจำพรรษาอยู่ตามอารามรอบ ๆ นคร พระภิกษุเหล่านั้น เกรงจะเกิดการขัดแย้งทะเลาะวิวาทกันจนอยู่ไม่เป็นสุขตลอดพรรษา จึงได้ตั้งกติการว่าจะไม่พูดจากัน (มูควัตร)เมื่อถึงวันออกพรรษา พระภิกษุเหล่านั้นก็พากันไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่พระเชตวันมหาวิหาร กราบทูลเรื่องทั้งหมดให้ทรงทราบ พระพุทธเจ้าจึงทรงตำหนิว่าอยู่กันเหมือนฝูงปศุสัตว์ แล้วทรงมีพระบรมพุทธานุญาตให้พระภิกษุกระทำการปวารณาต่อกันว่า
    " อนุชานามิ ภิกขะเว วัสสัง วุตถานัง ภิกขูนัง ตีหิ ฐาเนหิ
    ปะวาเรตุง ทิฎเฐนะ วา สุเตนะ วา ปะริสังกายะ วา..."
    แปลว่า "ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายผู้จำพรรษาแล้ว ปวารณากัน ในสามลักษณะ คือด้วยการเห็นก็ดี ด้วยการได้ยินก็ดี ด้วยการสงสัยก็ดี"
    [แก้ไข] การถือปฏิบัติวันออกพรรษาในประเทศไทย

    [​IMG]

    วันออกพรรษานี้ เป็นวันปวารณาของพระสงฆ์โดยตรง ที่จะต้องประชุมกันทำปวารณากรรมแทนอุโบสถกรรม สำหรับพุทธศาสนิกชนฝ่ายคฤหัสถ์ ก็ถือว่าเป็นวันพระสำคัญ มักนิยมไปทำบุญทำทานรักษาศีลและฟังธรรมเป็นกรณีพิเศษ นอกจากนี้ ยังมีประเพณีเนื่องด้วยวันออกพรรษาอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า "ประเพณีตักบาตรเทโว"
    [แก้ไข] สำหรับพิธีตักบาตรเทโวโรหณะ

    คำว่า "ตักบาตรเทโว" มาจากคำเต็มว่า "ตักบาตรเทโวโรหณะ" คือการตักบาตรเนื่องในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ขั้นดาวดึงส์ซึ่งคัมภีร์อรรถกถาธรรมบทบันทึกไว้ว่า เมื่อพระพุทธเจ้าแสดง ยมกปฏิ-หารย์ (ปฏิหาริย์เป็นคู่ ๆ) ที่ต้นมะม่วง ใกล้เมืองสาวัตถีแล้วก็เสด็จขึ้นไปจำพรรษาที่ 7 บนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์เพื่อเทศนาพระอภิธรรมโปรดพุทธมารดาเป็นเวลา 3 เดือน ครั้นออกพรรษาแล้ว พระพุทธเจ้าจึงเสด็จลงสู่มนุษย์โลกทางบันไดพาดลงใกล้เมืองสังกัสสะ
    สำหรับพิธีตักบาตรเทโวโรหณะ ที่นิยมกันทั่วไปในปัจจุบันนี้ นิยมจัดทำ ขึ้นในวัด และถือเป็นหน้าที่ของทางวัดนั้น ๆ และทายก ทายิการ่วมกันจัด โดยมีวิธีการปฏิบัติดังต่อไปนี้
    1. ก่อนถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งเป็นกำหนดวันทำบุญตักบาตรทางวัดจะจัดให้มีงานทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ โดยสิ่งที่ต้องเตรียม คือ
    ก) รถทรงพระพุทธรูป หรือคานหามพระพุทธรูป เพื่อชักหรือหามนำหน้า พระสงฆ์ในการรับบาตร มีที่ตั้งพระพุทธรูปทรงกลางประทับรถ หรือคานหาม ด้วยราชวัติ ฉัตร ธงโดยรอบพอสมควร มีที่ตั้งบาตรสำหรับรับบิณฑบาต ตรงหน้าพระพุทธรูป ส่วนตัวรถ หรือคานหามก็ประดับประดาให้งดงาม ได้ตามกำลัง และศรัทธา สามารถใช้อุบาสกเป็นผู้เชิญพระพุทธรูปก็ได้ และมีผู้ถือบาตรตามสำหรับบิณฑบาต
    ข) พระพุทธรูปยืน 1 องค์ จะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ได้ ถ้าได้พระปางอุ้มบาตร ถือว่าเหมาะกับเหตุการณ์ที่สุด แต่ถ้าไม่มีพระปางอุ้มบาตร สามารถใช้ พระปางห้ามญาติ ปางห้ามสมุทร ปางรำพึง ปางถวายเนตร หรือปางลีลา ปางใดปางหนึ่งก็ได้ เพียงแต่ขอแต่ให้เป็นพระพุทธรูปยืนเท่านั้น ทั้งนี้ ไว้สำหรับเชิญขึ้นประดิษฐานบนรถทรง หรือคานหาม แล้วชักหรือหามนำขบวนรับบาตรเทโวโรหณะ โดยพระพุทธรูปนี้เป็นองค์แทนสมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ค) เตรียมสถานที่ให้ทายก ทายิกาตั้งเครื่องใส่บาตร โดยจะจัดลานวัด หรือบริเวณรอบ ๆ โรงอุโบสถ เป็นที่กลางแจ้งแห่งใดแห่งหนึ่งก็ได้ จัดให้ตั้ง เป็นแถวเป็นแนวเรียงรายติดต่อกันไปเป็นลำดับ ๆ ถ้าทายก ทายิกาไม่มากนัก ก็จัดแถวเดียวให้นั่งใส่อยู่ด้านเดียวกันทั้งหมด แต่ถ้ามากก็ให้จัดเป็น 2 แถว โดยนั่งหันหน้าเข้าหากัน เว้นช่องกลางระหว่างแถวทั้ง 2 ไว้สำหรับ พระเดินรับบิณฑบาตพอสมควรก็ได้
    ฆ) แจ้งกำหนดการต่าง ๆ ให้ทายก ทายิกาทราบล่วงหน้าก่อนว่าจะกำหนด ให้ทำบุญตักบาตรพร้อมกันเวลาใด ซึ่งวัดบางแห่งจัดให้มีพระธรรมเทศนา อนุโมทนาทาน หลังจากพระรับบาตรและฉันเสร็จแล้ว 1 กัณฑ์ด้วย และ วัดบางแห่งทายก ทายิกามีศรัทธาแรงกล้าก็จะขอให้ทางวัดจัดให้มีเทศน์ปุจฉาวิสัชนาในตอนบ่ายอีก 1 กัณฑ์ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือ ต่อ จากทำบุญตักบาตรนี้แล้วจะมีพิธีอะไรต่อไป ก็ต้องแจ้งกำหนดให้ทราบทั่วกัน ก่อนวันงาน
    2. สำหรับทายกทายิกาผู้ศรัทธาจะทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ เมื่อทราบกำหนดจากทางวัดแล้ว จะต้องตระเตรียมและดำเนินการดังนี้
    ก) เตรียมภัตตาหารสำหรับใส่บาตรตามศรัทธา ของใส่บาตรนอกจาก ข้าว เครื่องคาวหวานจัดเป็นห่อสำหรับใส่บาตรพระรูปหนึ่ง ๆ ตามธรรมเนียม แล้ว ยังมีสิ่งหนึ่งซึ่งถือเป็นประเพณีจะขาดเสียมิได้ในงานทำบุญตักบาตรเทโว โรหณะ นั่นคือ ข้าวต้มลูกโยน เพราะถือกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของงานนี้โดยเฉพาะ จึงจำเป็นต้องเตรียมของสิ่งนี้ไว้ใส่บาตรด้วย
    ข) เมื่อถึงกำหนดวันตักบาตรเทโวโรหณะ ก็นำเครื่องใส่บาตรทั้งหมดไปตั้งวาง ยังสถานที่ที่ทางวัดจัดเตรียมให้ รอจนขบวนพระมาถึงตรงหน้าตน จึงใส่บาตร โดยให้ใส่ตั้งแต่พระพุทธรูปในรถ หรือคานหามที่นำหน้าพระสงฆ์ ไปเป็นลำดับ จนหมดพระสงฆ์ที่รับบิณฑบาตร หรือหมดของที่เตรียมมา
    ค) เมื่อใส่บาตรแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี แต่ถ้าทางวัดจัดให้มีเทศน์ด้วย และพุทธบริษัท ผู้ศรัทธาจะแสวงบุญจากการฟังธรรมต่อ ก็ให้รออยู่ที่วัดจนถึงเวลาเทศน์ หรือจะกลับบ้านก่อน แล้วมาฟังเทศน์เมื่อถึงเวลาเทศน์ก็ได้ตามแต่อัธยาศัย
    การร่วมพิธีทำบุญ ตักบาตรเทโวนี้พุทธศาสนิกชน จะได้พร้อมใจกันกระทำบุญกุศลต่าง ๆ ตามคติประเพณีที่เคยประพฤติปฏิบัติสืบ ๆ กันมาแต่โบราณกาล ซึ่งนอกจากจะได้บุญกุศล จากการทำบุญแล้ว ยังก่อให้เกิด ความสามัคคีภายในชุมชน เพราะคนทั้งหลายเหล่านั้นย่อมจะมาร่วมแรงร่วมใจกันจัดการ เตรียมงาน และดำเนินพิธีตักบาตรเทโวโรหณะให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
    [แก้ไข] หลักธรรมที่ควรปฏิบัติ

    [​IMG]

    ในเทศกาลออกพรรษานี้ มีหลักธรรมสำคัญที่ควรนำไปปฏิบัติ คือ ปวารณา
    ปวารณา ได้แก่ การเปิดโอกาสให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนตนเองได้ในการปวารณานี้อาจแบ่งบุคคลออกเป็น 2 ฝ่ายคือ
    1. ผู้ว่ากล่าวตักเตือน จะต้องเป็นผู้มีเมตตา ปรารถนาดีต่อผู้ที่ตนว่ากล่าวตักเตือน เรียกว่ามีเมตตา ทางกาย ทางวาจา และทางใจพร้อมมูล
    2. ผู้ถูกว่ากล่าวตักเตือน ต้องมีใจกว้าง มองเห็นความปรารถนาดีของผู้ตักเตือน ดีใจมีผู้มาบอกขุมทรัพย์ให้
    การปวารณานี้ จึงเป็นคุณธรรมสร้างความสมัครสมานสามัคคีและดำรงความบริสุทธิ์หมดจดไว้ในสังคมพระสงฆ์ การปวารณา แม้จะเป็นสังฆกรรมของสงฆ์ ก็อาจนำมาประยุกต์ใช้กับสังคมชาวบ้านได้ด้วยเช่น การปวารณากันระหว่างสมาชิกในครอบครัวในสถานศึกษา ในสถานที่ทำงาน พนักงานในห้างร้าน บริษัทและหน่วยราชการ เป็นต้น
    [แก้ไข] กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา

    1. ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ
    2. ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา
    3. ร่วมกุศลธรรม "ตักบาตรเทโว"
    4. ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการและ ประดับธงชาติและธงธรรมจักรตามวัดและสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
    5. ตามสถานที่ราชการ สถานที่ศึกษาและที่วัด ควรจัดให้มีนิทรรศการ การบรรยาย หรือ บรรยายธรรม เกี่ยวกับวันออกพรรษาฯลฯ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้สนใจทั่วไป
    [แก้ไข] ประเพณีตักบาตรเทโว วัดสะแกกรัง อุทัยธานี

    ที่ขบวนพระภิกษุเดินลงมาที่วัดสะแกกรัง หรือวัดสังกัสรัตนคีรี ในจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเขาสูง พิธีตักบาตรเทโวที่วัดนี้บรรดาพระภิกษุจะพากันเดินขบวนลงมาจากบนเขา มาตามบันไดดูเหลืองอร่ามงามจับตา โดยมีบรรดาพุทธศาสนิกชนจะพากันใส่บาตรตามเชิงบันไดเรื่อยมาจนถึงพื้นล่าง


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    - ธรรมะไทยดอทคอม
    - วิกิพีเดีย
    - tlcthai.com
    - เว็บไซต์ของคุณ ดวงเด่น นุเรมรัมย์
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
    <!-- Saved in parser cache with key panyathai_wiki:pcache:idhash:2119-0!1!0!!th!2 and timestamp 20081003183402 -->Retrieved from "http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/วันออกพรรษา"
    ประเภทของหน้า: วันสำคัญทางศาสนาพุทธ
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันออกพรรษา

    http://www.banfun.com/culture/rainy-pass.html

    วันนี้ตรงกับ วันเสาร์ที่ ๔ ตุลาคม ปีพระพุทธศักราช ๒๕๕๑


    วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำกลางเดือน ๑๑ หรือในราวเดือนตุลาคม วันออกพรรษา เป็นวันสิ้นสุดการจำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์ที่อยู่ร่วมกันในวัดที่ซึ่งอธิษฐานเข้าพรรษาตลอดระยะเวลา ๓ เดือน เมื่อทำพิธีออกพรรษาแล้ว พระภิกษุสงฆ์สามารถจาริกไปในสถานที่ต่างๆ เพื่อเผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตามความประสงค์โดยไม่จำเป็นต้องกลับมาค้างแรม ณ วัดที่ตนสังกัด ในระยะเวลาที่เข้าพรรษา
    การประกอบพิธีในวันออกพรรษา
    การประกอบพิธีในวันสำคัญนี้ เหล่าพุทธศาสนิกชนจะนิยมทำบุญกุศลเป็นกรณีพิเศษ เช่น ตักบาตรในตอนเช้า ถวายสังฆทาน ไปทำบุญที่วัด ถวายภัตตาหาร ฟังพระธรรมเทศนา และมีการตักบาตรเทโวในวันรุ่งขึ้น
    ประเพณีเกี่ยวข้องกับวันออกพรรษา
    ประเพณีเกี่ยวข้องกับวันออกพรรษา มีที่นิยมปฏิบัติอยู่ ๒ อย่าง คือ
    ๑. ประเพณีตักบาตรเทโว
    ๒. ประเพณีเทศน์มหาชาติ
    ประเพณีการตักบาตรเทโว
    การตักบาตรเทโว จะกระทำกันในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ คือหลังจากวันออกพรรษาแล้ว ๑ วัน
    ประวัติความเป็นมาของประเพณีการตักบาตรเทโว
    ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม และเสด็จขึ้นไปโปรดพระพุทธมารดาโดยจำพรรษาอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นเวลา ๑ พรรษา และเมื่อออกพรรษาแล้วพระองค์ได้เสด็จกลับยังโลกมนุษย์ ณ เมืองสังกัสสคร การที่พระพุทธองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เรียกตามศัพท์ภาษาบาลีว่า "เทโวโรหณะ" ในครั้งนั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนผู้มีความศรัทธาเลื่อมใส เมื่อทราบข่าวต่างพร้อมใจกันไปรอตักบาตรเพื่อรับเสด็จกันอย่างเนืองแน่น จนถือเป็นประเพณีตักบาตรเทโวปฏิบัติสืบทอดกันมาจนตราบเท่าทุกวันนี้
    ประเพณีงานเทศน์มหาชาติ
    งานเทศน์มหาชาตินี้ นิยมทำกันหลังออกพรรษาพ้นหน้ากฐินไปแล้ว อาจทำในวันขี้น ๘ ค่ำกลางเดือน ๑๒ หรือในวันแรม ๘ ค่ำก็ได้ ซึ่งในช่วงนี้น้ำเริ่มลดและข้าวปลาอาหารกำลังอุดมสมบูรณ์ จึงพร้อมใจกันทำบุญทำทานและเล่นสนุกสนานรื่นเริง แต่ในภาคอีสานนั้นนิยมทำกันในเดือน ๔ เรียกว่า "งานบุญพระเวส" ซึ่งเป็นช่วงที่เสร็จจากการทำบุญลานเอาข้าวเข้ายุ้ง ในภาคกลาง บางท้องถิ่นทำกันในเดือน ๕ ต่อเดือน ๖ ก็มี
    งานเทศน์มหาชาตินั้นจะทำในกาลพิเศษจะทำในเดือนไหนก็ได้ไม่จำกัดฤดูกาล โดยมากเพื่อเป็นการหาเงินเข้าวัด บางแห่งนิยมทำในเดือน ๑๐
    การเทศน์มหาชาตินั้น มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด ๑๓ กัณฑ์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเวสสันดรอันเป็นพระชาติสุดท้ายของพระบรมโพธิสัตว์ ก่อนที่จะมาประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะและออกบวชจนตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา
    ๑. ทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ
    ๒. ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา
    ๓. จัดนิทรรศการ กิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการเผยแพร่เกี่ยวกับวันออกพรรษา
    ๔. ร่วมกุศลกรรม "ตักบาตรเทโว"
    ๕. ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับธงชาติ
    ตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการและประดับธงชาติและธงธรรมจักรตามวัดและสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
    ข้อควรปฏิบัติของชาวพุทธในวันพระและในวันสำคัญทางพุทธศาสนาต่างๆ
    ๑. ทำบุญตักบาตร ถือศีล ปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา
    ๒. ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด งดการเที่ยวเตร่ ละเว้นอบายมุข ละเว้นการฆ่าสัตว์และบริโภคเนื้อสัตว์ในวันสำคัญทางพุทธศาสนา
    ๓. ศึกษาข้อธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ๔. ประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา

    อ้างอิง : ประเพณี พิธีมงคล และวันสำคัญของไทย เรียบเรียงโดย ธนากิต
     

แชร์หน้านี้

Loading...