พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่ะมาแล้วครับ ตาลุงไปโลดโผนยุทธจักร โชว์ทีเดียวเลย 12องค์ครับ ไม่มีคำบรรยาย แต่ที่เห็น สีขาวเฝ้าอยู่นั่น ทีเร็กซ์ของท่านโดครับ หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2008
  2. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    ขอโทษนะคะ คุณsithiphong พอดีเพิ่งเป็นสมาชิกน่ะค่ะ แต่อยากได้พระที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสกไปบูชา ไม่ทราบว่ายังมีไหมคะ และจะต้องบริจาคกองทุนไหนคะ
     
  3. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ผมขออนุญาตตอบแทนคุณ sithiphongนะครับ เข้าใจว่าเร็วๆนี้คงมีจัดชุดมาให้ร่วมทำบุญกันอีกครับ ก็เข้ามาติดตามกระทู้นี้หรือ กระทู้พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งในหน้าประชาสัมพันธ์ครับ คาดว่าเร็วนี้ครับ เพราะกำลังจะมีงานกฐินที่ สนส.ผาผึ้งครับ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. ทองอ้วน

    ทองอ้วน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +135
    สวยมากเลยครับคุณ nongnooo ผมเห็นแล้วชอบครับดูเป็นธรรมชาติมากเลยครับ มาสะดุดตรงที่พิมพ์ ที่มีเรืออยู่ข้างล่างพระสมเด็จ ไม่รู้ว่าเป็นพระสมเด็จเรือแจว ในตำนานหรือเปล่าครับ ผมเพิ่งจะเคยเห็นจริงๆครับ สวยครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แผนกู้วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ความหวังของระบบเศรษฐกิจทั่วโลก
    http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9510000116066
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 ตุลาคม 2551 11:25 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เป็นที่ทราบกันแล้วว่า เม็ดเงินอันมหาศาล 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (23 ล้านล้านบาท) ที่เสนอเข้าสู่สภาคองเกรส เพื่อกอบกู้วิกฤติสถาบันการเงินอันใหญ่โตในสหรัฐฯ นั้น ไม่ผ่านความเห็นชอบและเป็นอันต้องตกไปด้วยเสียงคัดค้าน 228 ต่อ 205 เสียง ส่งผลให้ร่างกฎหมายฟื้นฟูภาคการเงินต้องชะงักไปทันที โดยเหตุผลของการไม่รับร่างกฎหมายฉบันนี้ เนื่องจากส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจต่อแผนการดังกล่าว

    อย่างไรก็ตาม แผนการนี้จะถูกผลักดันจาก ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช เข้าสู่สภาคองเกรสเพื่อให้มีการพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งงบประมาณอันมากมายนี้ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันว่า เป็นการเอาเงินภาษีของประชาชนชาวสหรัฐอเมริกา มาใช้ในทางที่ไม่สมควรนัก เพราะเงินจำนวนดังกล่าวนี้สามารถนำไปพัฒนาประเทศให้เกิดประโยชน์ได้ในหลายด้าน


    ผลที่ตามมาในทันทีทันใดหลังจากมติดังกล่าวไม่ผ่านการเห็นชอบจากสภา ก็คือ ตลาดหุ้นทั่วโลกพากันร่วงลงอย่างหนัก ทั้งตลาดหุ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาเอง รวมถึงตลาดหุ้นในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น ที่ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงค์โปร ซึ่งเป็นสัญญาญที่บ่งบอกถึงความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนในการนำเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น เช่นเดียวกับประเทศไทยตลาดหุ้นวานนี้ (29 ก.ย.) ตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่ช่วงเช้าถึง 33 จุด ก่อนจะรีบาวน์ขึ้นมาปิดตลาด -4.75 จุด

    ไม่เพียงแต่ความไม่เชื่อมั่นในภาคของตลาดทุนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ในภาคส่วนของเศรษฐกิจประเทศย่อมมีผลกระทบด้วยเช่นกัน เพราะเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ถือว่าเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ผลกระทบย่อมมีมากอย่างแน่นอน เมื่อเกิดวิกฤต เห็นได้ชัดเจนในขณะนี้คือ ประเทศยุโรป ที่สถาบันการเงินเริ่มหลายแห่งได้รับผลกระทบกันไป จนธนาคารกลางของหลายประเทศต้องมีการอัดฉีดเงินเข้าระบบ เพื่อพยุงสถาบันการเงินทั้งหลาย รวมถึงการออกมาของ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และนายกรัฐมนตรีของอังกฤษในช่วงก่อนหน้าที่สภาสภาคองเกรสจะพิจารณา โดยออกมาเรียกร้อง ให้สภาคองเกรสสหรัฐอนุมัติแผนกู้วิกฤตการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดและให้ทำทุกวิถีทางเท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ทางด้านของประเทศไทยนั้น ย่อมหลีกหนีไม่พ้นอย่างแน่นอนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ความรุนแรงที่จะมาถึงประเทศไทยนั้นจะมีมากขนาดไหน และกระทบไปถึงส่วนใดบ้าง รศ.ดร.มนตรี โสคติยานุรักษ์ รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศาสตร์ (GSPA NIDA) ได้เล่าถึงผลกระทบที่จะเกิดกับประเทศไทยไว้อย่างน่าสนใจว่า ผลกระทบที่จะมาถึงประเทศไทยนั้น ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนนัก แต่หากวิกฤตทางการเงินสหรัฐฯ ยังไม่ยุติลงแล้ว สิ่งที่จะลุกลามมาถึงเศรษฐกิจของประเทศไทยก็คือ ในภาคการผลิตที่จะได้รับผลกระทบ เพราะเมื่อเศรษฐกิจของสหรัฐถดถอยลง การนำเข้าสินค้าจากไทยซึ่งปัจจุบันประเทศไทยนั้น มีการเกินดุลการค้าจากสหรัฐฯ อยู่ถึง 4 แสนล้านบาท อาจจะเริ่มมีการนำเข้าจากสหรัฐลดลงไป

    ทั้งนี้ หากปัญหาลุกลามไปถึงธุรกิจของภาคเอกชนสหรัฐ ซึ่งเอกชนเหล่านี้มีการกู้เงินจากสถาบันการเงินที่โดนวิกฤต มาลงทุนก็จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องมา โดยภาคเอกชนเหล่านั้น อาจจะต้องลดการจ้างงานลง และจะส่งผลไปถึงการบริโภคภายในประเทศต่อเนื่องกันไป แต่ปัญหานี้อาจจะยังไม่เกิดขึ้นในทันทีทันใด โดยอาจจะเห็นผลได้ภายในช่วงระยะเวลา 6 เดือนหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายลง

    แต่ผลกระทบที่จะเกิดในทันทีคือ ผลกระทบต่อตลาดทุน ซึ่งแน่นอนว่านักลงทุนจะมีการโยกย้ายเงินลงทุนออกไป ในเรื่องนี้ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน และจะกระทบต่อเนื่องไปถึงผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุนอย่าง "ชนชั้นกลาง" ในประเทศที่อาจจะมีการใช้จ่ายลดลงไป ดังนั้น หากมีการโยกย้ายเงินลงทุนออกไปจากตลาดทุนแล้ว ทางด้านของธนาคารกลางแห่งประเทศไทยอาจจะต้องมีมาตรการออกมารับมือในเรื่อนี้ เช่นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อให้มีเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนในระยะสั้น

    ส่วนผลกระทบที่ลามไปถึงประเทศในยุโรปนั้น จะกระทบในส่วนของสถาบันการเงินที่เข้าไปลงทุนอยู่ในตราสารที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง ซับไพรม์ ในสหรัฐฯรวมไปถึงประเทศญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน ซึ่งผลกระทบในเรื่องการลงทุนในตราสารนั้นประเทศไทยไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ แต่อาจจะโดนปัญหาในทางอ้อมคือ การโยกย้ายสินทรัพย์ในประเทศไทยไปลงทุนในแหล่งลงทุนอื่น

    อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่า การแก้ปัญหาในเรื่องของวิกฤตการทางการเงินนี้ สหรัฐอเมริกาเข้ามาแก้ไขปัญหาได้ค่อนข้างรวดเร็ว ขณะเดียวกันยังเชื่อว่า สหรัฐอเมริกาเองน่าจะมีมาตรการใหม่ๆ ออกมาเสริมในการแก้ปัญหานี้ และเชื่อว่าในระยะเวลาไม่นานต่อจากนี้ สหรัฐฯ น่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งประเทศไทยก็คงจะปรับลดลงด้วยเช่นกัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ทางด้านของ ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้มองถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยว่า ขณะนี้เรื่องการแก้ไขปัญหาวิกฤตทางการเงินของสหรัฐฯ นั้นยังไม่ชัดเจน ว่าจะผ่านสภาหรือไม่ หรืออาจจะมีการใช้มาตรการอื่นเข้ามาแก้ไขปัญหา ซึ่งยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

    ทั้งนี้ ในส่วนของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อ คือ เรื่องของความเชื่อมั่นในการลงทุน โดยปัญหาซับไพรม์ที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ จะยังสร้างความไม่มั่นใจให้กับนักกลงทุนอยู่ จะส่งผลให้ตลาดหุ้นตกลงอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึง ตลาดบ้านในสหรัฐฯ ด้วย และผลกระทบที่อาจจะตามมาต่อจากนั้นคือ แบงก์ขนาดเล็ก ในสหรัฐฯ ได้ล้มละลายลง ซึ่งจะลุกลามไปถึงประเทศต่างๆในยุโรปด้วย

    ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็จะได้รับผลกระทบในด้านของเศรษฐกิจประเทศที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถดถอยลง สิ่งที่จะตามาคือเรื่องของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่จะอ่อนค่าลง ทำให้ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้น ซึ่งโยงไปถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยด้วย

    "สิ่งที่จะต้องจับตาดูในขณะนี้คือ จะมีการถอนเงินลงทุนออกจากประเทศไทยหรือไม่ เพราะข่าวในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นข่างในเชิงลบ ซึ่งฟื้นตัวได้ช้าและต้องใช้เวลา" ดร. ธนวรรธน์ กล่าว

    ถือว่าเป็นมุมมองที่ดี ในการที่จะบอกให้ทราบว่าสถานการณ์ของประเทศไทยจะไปในทิศทางไหนบ้าง จะโดนผลกระทบอย่างไรต่อไป ประชาชนทุกหมู่เหล่าจะต้องปรับตัวเพื่อรับมือกันอย่างไร และนักลงทุนควรจะปรับกลยุทธ์กันอย่างไรเพื่อให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างไม่เจ็บตัว หรือเจ็บตัวน้อยที่สุด
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผลกระทบจากวิกฤต การเงินสหรัฐต่อไทย

    http://hilight.kapook.com/view/29456


    [​IMG]


    สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน้ต

    ทันทีที่เลห์แมน บราเธอร์ส วานิชธนกิจ หรือธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่อันดับ 4 ของประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องเข้าสู่ภาวะล้มลาย ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับเศรษฐกิจทั่วโลกแบบฉับพลัน นักลงทุนต่างหวาดผวา ว่าจะเกรงจะโดนพิษเศรษฐกิจ สร้างความเสียหายแบบโดมิโนให้กับระบบเศรษฐกิจโลก ซึ่งต่อมาในเวลาไม่นานก็เป็นดังที่หลายๆ คนคาดคิด เพราะมีธนาคารและวานิชธนกิจรายหลาย กำลังเผชิญกับวิกฤตแบบเดียวกัน

    จนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาต้องงัดแผนฉุกเฉินออกมากู้เศรษฐกิจ ไม่ให้แย่ไปกว่านี้ โดยเสนอแผนกู้วิกฤติการเงินมูลค่า 700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้กระทรวงการคลังเข้าไปซื้อหนี้เสียของสถาบันการเงิน ในประเทศที่เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงและล้มละลาย แต่หลังจากนั้นไม่นานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาหรือสภาคองเกรส ได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 228-205 เสียง ไม่รับรองแผนกู้วิกฤตินี้

    เรียกได้ว่าการคว่ำแผนฟื้นฟูสถาบันการเงินครั้งนี้ สร้างความปั่นป่วนเสียหายไปยังตลาดหุ้นทั่วโลก ผู้นำหลายชาติทั้งจากยุโรปและเอเชียแสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก รวมถึงรัฐบาลไทยด้วย โดย โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ถึงกับต้องเรียกประชุมด่วน เตรียมรับมือกับวิกฤตนี้เป็นการด่วน

    ทั้งนี้ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมเพื่อหารือถึงแนวทางรับมือ โดยเบื้องต้นยอมรับว่ามีปัญหาด้านสภาพคล่องบ้างแต่ยังดีกว่าประเทศอื่น เพราะยังสามารถกู้ยืมเงินในประเทศได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่าปัญหาของสหรัฐอเมริกา ยังห่างไกลประเทศไทยเพราะอยู่กันคนละซีกโลก และประเทศไทยพยายามเปลี่ยนวิกฤติการเงินของโลกเป็นโอกาส ในการค้าขายระหว่างกันเองในเอเชีย และรัฐบาลจะเสนอต่อประเทศเพื่อนบ้าน เริ่มประสานความสัมพันธ์ทางด้านการเงิน เรียกว่าสร้างประชาคมการเงินของทวีปเอเชียเต็มรูปแบบ

    แต่แม้หลายฝ่ายออกมายืนยันว่าคลื่นเศรษฐกิจนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยมากนัก แต่สำหรับเศรษฐกิจภาพรวม ดูเหมือนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กลับมองค่อนข้างเคร่งเครียด เพราะมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวต่อเนื่องไปจนถึงปี 2552!! และคาดการณ์ว่าตลาดการเงินใหญ่ของโลกจะมาตั้งในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งอาจเป็นจีน หรือญี่ปุ่น

    อย่างไรก็ตามสำหรับภาคธุรกิจของไทยที่เริ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว คือ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่เริ่มขาดสภาพคล่องทางการเงิน เมื่อวงจรธุรกิจที่เคยมีการให้เครดิตทางการค้ากัน 30-60 วัน ตอนนี้เรียกเก็บแต่เงินสด ร้านค้าที่เคยซื้อสินค้าจากผู้ผลิต หรือผู้ค้าส่งแบบเงินเชื่อ คือเอาของไปก่อน จ่ายเงินทีหลัง ตอนนี้ก็ทำไม่ได้เหมือนเก่าทุกคนขอเก็บเงินสดไว้กับตัว เผื่อว่าเศรษฐกิจเป็นอะไรไปจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องการเบี้ยวหนี้

    ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ก็จะมีปัญหาใหญ่ตามไปด้วย โดยเฉพาะการระดมทุนเพื่อขยายกิจการต้องมีต้นทุนที่สูงขึ้น จากเดิมที่เคยออกหุ้นกู้ในอัตราดอกเบี้ย 5% อาจต้องเพิ่มเป็น 7% เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้นักลงทุนมาซื้อ เพราะสภาพคล่องในตลาดโลกเหือดแห้ง เมื่อเงินลงทุนจากสหรัฐและยุโรป ถูกดึงกลับไปเพิ่มทุนพยุงฐานะสถาบันการเงินที่ร่อแร่ ขณะที่ตลาดหุ้นไทย มีต่างชาติขายสุทธิไปแล้วกว่าแสนล้านบาทเลยทีเดียว!!!

    ด้าน แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีการประเมินสถานการณ์ครั้งนี้ว่า อาจจะรุนแรงกว่าที่คาดคิด เนื่องจากประเทศสำคัญที่เศรษฐกิจไทยพึ่งพามากๆ อย่างญี่ปุ่นก็ได้รับผลกระทบไปด้วย รัฐบาลจึงไม่ควรประมาท

    สำหรับมาตรการรับมือประชาชนอย่างเราๆ ควรเตรียมรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจนี้ โดยหลักการสำคัญ คือ ต้องรักษาเงินในกระเป๋าไว้ให้ดี และจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รอจนกว่าปัญหาวิกฤตสหรัฐจะนิ่ง เมื่อนั้นทุกฝ่ายจะเห็นช่องทางในการลงทุนและการดำเนินชีวิต และสำคัญคือเราคงจะพึ่งพาแต่ภาครัฐอย่างเดียวไม่ได้ ทุกฝ่ายต้องพึ่งพาตัวเองเช่นเดียวกัน

    สำหรับผลกระทบจากวิกฤตการเงินในสหรัฐต่อประเทศไทยมีดังนี้

     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นมจีน-น้ำผักผลไม้-น้ำสมุนไพร ปนเปื้อนน้ำใบบัวบกร้ายสุด

    http://hilight.kapook.com/view/29444

    [​IMG]

    อย.สั่งอายัดนมผงนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 60 ตัน ส่งตรวจหาสารปนเปื้อน ชี้หากไม่ผ่านต้องส่งกลับต้นทาง-ทำลาย พร้อมเก็บตัวอย่างนม-ผลิตภัณฑ์ผสมนมจากจีน ตรวจ 97 ตัวอย่าง พบปนเปื้อนเมลามีนแค่ 2 ตัวอย่าง รอผลตรวจอีก 63 ตัวอย่าง ตะลึง "น้ำผักผลไม้-น้ำสมุนไพร" ทั่วกรุงเปื้อนจุลินทรีย์เพียบ "น้ำใบบัวบก" อันตรายสุดเผยในจำนวนนั้นเกิดจากเชื้อโรคที่ติดมากับมือคนตักขาย

    เมื่อวันที่ 30 กันยายน นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รมช.สาธารณสุข แถลงว่าขณะนี้ได้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบนมผงจากจีน ได้แก่ ขนมปัง แคร็กเกอร์ (ไส้ครีม) ไอศกรีม เป็นต้น ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน จำนวน 97 ตัวอย่าง ผลการตรวจสอบจาก 34 ตัวอย่าง ไม่พบการปนเปื้อนสารเมลามีน 32 ตัวอย่าง ส่วน 2 ตัวอย่างมีการปนเปื้อนเมลามีน ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่นำเข้าจากจีน โดยบริษัทนมยี่ห้อดังแห่งหนึ่ง มีค่าเมลามีนที่ 0.38 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม หรือ 0.38 พีพีเอ็ม และ 0.55 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แต่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย ส่วนอีก 63 ตัวอย่าง กำลังรอผลตรวจวิเคราะห์

    ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ได้หนังสือรับรองจากอย.แล้ว ได้แก่ บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด มีผลิตภัณฑ์ 2 ชนิด บริษัท มาร์ส ไทยแลนด์ อิงค์ จำกัด มีผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรอง 7 ชนิด บริษัท ซีโน-แปซิฟิก เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ได้รับการรับรอง 1 ชนิด และบริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ได้รับการรับรองไอศกรีม 4 ชนิด ​

    นายวิชาญ เตือนให้ผู้บริโภคเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากและเครื่องหมาย อย.มารับประทาน ไม่ควรเสี่ยงซื้อผลิตภัณฑ์ที่ลักลอบนำเข้า เพราะไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจาก อย. อาจมีการปนเปื้อนสารที่เป็นอันตรายได้ ดังนั้น จึงได้ตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที และเพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้บริโภค อย.ได้นำข้อมูลและคำแนะนำสำหรับผู้บริโภคขึ้นเว็บไซต์ www.fda.moph.go.th รวมทั้งรายงานสถานการณ์ความคืบหน้าจากการประชุมวอร์รูมขึ้นเว็บไซต์ทุกวัน ​

    นพ.ชาตรีบานชื่น เลขาธิการ อย. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา ได้เรียกประชุมหารือผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย โดยอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย จะต้องไม่พบการปนเปื้อนสารเมลามีน และสารในกลุ่มเดียวกัน ได้แก่ กรดไซยานูริก แอมมีไลน์ แอมมีลีน โดยมีเกณฑ์ในการปฏิบัติเนื่องจากอาจมีการปนเปื้อนตามธรรมชาติ จึงกำหนดเกณฑ์ความปลอดภัยอาหารที่มีการปนเปื้อนสารเมลามีนและสารในกลุ่มเดียวกันไว้ว่า สำหรับนมผงทุกชนิด ต้องไม่เกิน 1 พีพีเอ็ม หรือ 1 ส่วนใน 1 ล้านส่วน หรือ 1 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีนมหรือองค์ประกอบของนมเป็นส่วนประกอบ ต้องไม่เกิน 2.5 พีพีเอ็ม หรือ 2.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

    เลขาธิการอย. ชี้ว่า การนำเข้าอาหารเพื่อจำหน่าย จะต้องมีหนังสือรับรองจากหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบของประเทศที่เป็นแหล่งผลิต หรือสถาบันเอกชนที่รับรองโดยหน่วยงานของรัฐที่รับรองประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิดแล้ว ที่แสดงให้เห็นว่าไม่มีการปนเปื้อนสารเมลามีนและสารในกลุ่มเดียวกันเกินเกณฑ์ความปลอดภัยที่กำหนด ซึ่งประกาศฉบับนี้หากผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืนประกาศฉบับนี้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน-2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท ทั้งนี้ จะนำเสนอ รมว.สาธารณสุข เพื่อลงนามในประกาศก่อนลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันถัดจากไป ก่อนประกาศจะมีผลบังคับใช้ จะใช้ พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 เกี่ยวกับอาหารที่น่าจะเป็นอันตรายเจือปนอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ​

    ภก.สาทิศตรีสัตยาเวทย์ ผอ.กองงานด่านอาหารและยา กล่าวถึงการนำเข้านมจากประเทศจีนของบริษัทนมชื่อดัง ว่า อย.ได้อายัดนมนำเข้าจากจีน ซึ่งบริษัทดังกล่าวนำเข้านมจากจีนเมื่อประมาณ 3 ปีมาแล้ว เดิมมีการนำเข้าจากนิวซีแลนด์ แต่เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้ง นมขาดตลาด จึงได้นำเข้าจากจีน นอกจากนมผงที่อายัดไว้จำนวน 22 ตันเพื่อรอผลการตรวจวิเคราะห์ซ้ำแล้ว ขณะนี้ยังมีการอายัดนมผงอีกจำนวน 60 ตัน จาก 4 ลอตที่มีการนำเข้าที่ท่าเรือ หากผลการตรวจวิเคราะห์ออกมามีความปลอดภัยก็สามารถนำนมผงดังกล่าวเข้ามาเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้ แต่ถ้าไม่ผ่านมีการปนเปื้อนเมลามีน จะต้องส่งกลับไปยังประเทศต้นทางทันที หากไม่ส่งกลับ อย.จะนำไปทำลายต่อไป ​

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการแถลงข่าวนพ.ชาตรี ได้สั่งการให้เก็บตัวอย่างนมผง 60 ตัน ส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันผลการตรวจ

    ขณะที่อันตรายจากการบริโภคอาหารปนเปื้อนยังขยายเพิ่มอีกน.ส.ทิพย์วรรณ ปริญญาศิริ ผู้อำนวยการกองควบคุมอาหาร (อย.) กล่าวว่า จากกระแสความใส่ใจต่อสุขภาพ ทำให้คนไทยหันมาดื่มน้ำผักผลไม้หรือน้ำสมุนไพรกันมากขึ้น แต่น้ำผลไม้และน้ำสมุนไพรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านความร้อนเพียงเล็กน้อย จึงมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนจุลินทรีย์ในทุกช่วงการผลิต โดยเฉพาะหลักการผลิตและการวางจำหน่ายจะมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์มาก เนื่องจากไม่มีกระบวนการฆ่าเชื้อ ดังนั้น อย.จึงได้ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการปนเปื้อนจุลินทรีย์ในเครื่องดื่มสมุนไพร โดยศึกษาการปนเปื้อนจุลินทรีย์ในเครื่องดื่มสมุนไพรในภาชนะที่บรรจุปิดสนิทและพร้อมบริโภคที่จำหน่ายในเขต กทม. 50 เขต

    ทั้งนี้น้ำผักผลไม้และน้ำสมุนไพรที่ได้เก็บตัวอย่างสำรวจ 455 ตัวอย่าง ได้แก่ น้ำใบบัวบก น้ำสำรอง น้ำเฉาก๊วย น้ำบีทูรท น้ำกระเจี๊ยบ น้ำเสาวรส น้ำเก๊กฮวย และน้ำจับเลี้ยง ทั้งในแบบภาชนะบรรจุปิดสนิทและตักขาย ผลตรวจวิเคราะห์พบการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์สูงมากถึง 316 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 69.45 โดยแบบบรรจุภัณฑ์ปิดสนิท พบปนเปื้อนจุลินทรีย์มากที่สุดในน้ำใบบัวบกที่พบการปนเปื้อนสูงถึงร้อยละ 97.83 รองมาคือน้ำจับเลี้ยงร้อยละ 90 น้ำเสาวรสร้อยละ 87.88 น้ำบีทรูทร้อยละ 84.61 น้ำเฉาก๊วยร้อยละ 67.35 น้ำสำรองร้อยละ 62.50 น้ำกระเจี๊ยบร้อยละ 55.36 และน้ำเก๊กฮวยร้อยละ 54.69 ​

    ส่วนผลการตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนในน้ำผักผลไม้และน้ำสมุนไพรชนิดตักขายพบว่าน้ำสำรองมีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ร้อยละ 100 รองลงมาคือน้ำใบบัวบกร้อยละ 85.71 น้ำเฉาก๊วยร้อยละ 78.51 น้ำเก๊กฮวยร้อยละ 71.05 น้ำกระเจี๊ยบร้อยละ 50 และน้ำจับเลี้ยงร้อยละ 46.15 ส่วนน้ำเสาวรสจากตัวอย่างไม่พบการปนเปื้อนเลย โดยลักษณะการวางจำหน่ายที่มีใช้ถุงพลาสติกบรรจุน้ำแข็งมัดปากถุงวางลงในโหลเพื่อรอตักขาย พบการปนเปื้อนถึงร้อยละ 77.41 ขณะที่น้ำสมุนไพรที่วางจำหน่ายแบบไม่แช่เย็นจะพบการปนเปื้อนเพียงร้อยละ 45.41 ​

    นอกจากนี้การปนเปื้อนที่พบดังกล่าว ยังเกิดจากมือของผู้จำหน่ายร้อยละ 65.22 รองมาเป็นภาชนะและอุปกรณ์ร้อยละ 31.25 สำหรับเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนที่พบ ได้แก่ ยีสต์, คอลิฟอร์ม, โมลด์, อีโคไล และสเตปฟิโลคอคคัส ออเรียส บ่งบอกว่ามีการปนเปื้อนอุจจาระ และอาจก่อให้เกิดภาวะท้องร่วงได้ ทั้งนี้ผลการสำรวจนี้ ชี้ว่าในการจำหน่ายน้ำผักผลไม้และน้ำสมุนไพร ควรมีการพัฒนารูปแบบสำหรับการวางจำหน่ายเพื่อให้ผู้บริโภคปลอดภัยจากเชื้อจุลินทรีย์ โดย อย.จะทำการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

    น.ส.ทิพย์วรรณ กล่าวต่อว่า จากผลการสำรวจดังกล่าว ชี้ชัดว่าผู้จำหน่ายส่วนใหญ่ขาดองค์ความรู้ ทำให้เกิดการปนเปื้อน ซึ่งการทำน้ำผักผลไม้และเครื่องดื่มสมุนไพรดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นการขายตรงผลิตหน้าร้าน ไม่ต้องขออนุญาต แต่ยังต้องคงในเรื่องความปลอดภัย โดยการปนเปื้อนที่พบชี้ว่า การผลิตยังขาดสุขลักษณะที่ดี เชื้อเหล่านั้นทำให้อาหารเน่าเสียง่าย และอาจก่อให้เกิดปัญหาท้องเสีย แต่ไม่ก่อความรุนแรง เชื้อยีสต์ และโมลด์มาจากอากาศทั่วไป ส่วนคอลิฟอร์มชี้ว่าไม่ถูกสุขลักษณะ อย่างไรก็ตาม อย.กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหา ในปีหน้าจะมีโครงการพัฒนาการจำหน่ายและผลิตน้ำผักผลไม้และน้ำสมุนไพร เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยจะนำร่องในบางพื้นที่ของ กทม. ซึ่งจะมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ พร้อมทั้งจัดทำคู่มือเพื่อให้ผู้ผลิตปฏิบัติตาม ส่วนที่พบว่าน้ำใบบัวบกมีการปนเปื้อนมากที่สุด เนื่องจากเป็นพืชที่อยู่ใต้น้ำ ผู้ผลิตล้างไม่สะอาดเพียงพอจึงเกิดปัญหา ​



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก คมชัดลึก
    [​IMG]
    ภาพประกอบทางอินเทอร๋เน็ต ​
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กาแฟมีประโยชน์ หรือโทษอย่างไรต่อสุขภาพ?

    http://hilight.kapook.com/view/29448

    [​IMG]

    หลายคนจะดื่มกาแฟในตอนเช้า แทนอาหารเช้าไปเลย แต่บางคนก็ดื่มรอบบ่ายอีก แล้วคุณรู้ไหมว่ากาแฟนั้นสำคัญกับร่างกายมากน้อยแค่ไหน หรือว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพคนเราหรือไม่

    ปัจจุบันการดื่มกาแฟเป็นที่นิยมการอย่างแพร่หลายตามปั้มน้ำมัน ตามห้างสรรพสินค้ามีการขายอย่างมากมาย จะเห็นได้ว่ากาแฟเป็นส่วนหนึ่งหรือบางคนอาจจะเป็นส่วนสองส่วนสามของชีวิตประจำวัน แต่จะมีใครกังวลหรือไม่ว่าที่เราดื่มทุกวันวันละหลายแก้วแล้วมันมีโทษ หรือคุณประโยชน์อะไรบ้าง หากคุณเป็นคอกาแฟคุณควรจะอ่านบทความนี้

    [​IMG]
    ส่วนประกอบที่สำคัญของกาแฟ

    ส่วนประกอบที่สำคัญของกาแฟคือ caffeine หรือมีชื่อทางเคมีว่า 1,3,7 trimethylxanthine ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของยาขยายหลอดลม theophylline caffeine สามารถพบได้ในหลายชนิดได้แก่ เมล็ดคา เมล็ดกาแฟ ใบชา โคลา caffeine ถูกผสมลงในน้ำอัดลม ยาแก้หวัดบางชนิด ยาแก้ปวด ยาลดน้ำหนัก

    กาแฟจะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วหลังจากที่เราดื่มกาแฟและจะถูกขับออกไปครึ่งหนึ่งในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกาแฟจะไม่สะสมในร่างกาย โดยจะถูกทำลายและขับออกหมด ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีการขับถ่ายกาแฟมากกว่าผู้ที่ไม่สูบ ดังนั้นคนที่สูบบุหรี่หากต้องการ การกระตุ้นของกาแฟ จะต้องดื่มกาแฟบ่อยกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ คนท้องและผู้ที่กินยาคุมกำเนิดจะมีการขับกาแฟน้อยกว่าคนทั่วไป กาแฟจะออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นสมอง ทำให้รู้สึกสดชื่นและมีสมาธิ

    [​IMG]ปริมาณ caffeine ที่มีในเครื่องดื่มแต่ละชนิดขึ้นกับความเข้มข้น ตารางข้างล่างเป็นตัวอย่างปริมาณกาแฟ

    Milligrams of Caffeine และชนิดของเครื่องดื่ม


    <TABLE class=ncode_imageresizer_warning id=ncode_imageresizer_warning_1 width=279><TBODY><TR><TD class=td1 width=20>[​IMG]</TD><TD class=td2 unselectable="on">Click this bar to view the full image.</TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]

    นักวิทยาศาสตร์ประมาณว่าวันหนึ่งๆ เราจะรับสาร caffeine ประมาณ 250-600 มก. ซึ่งไม่เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย

    [​IMG]
    ผลดีของกาแฟ

    กาแฟจะกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางทำให้ไม่ง่วง สมาธิในการทำงานดีขึ้น ผู้ที่ดื่มกาแฟจะทำให้ไม่ง่วงนอน มีสมาธิในการทำงาน และยังทำให้ความสามารถในการทำงานดีขึ้น และยังลดอาการปวดเมื่อยเนื่องจากไขหวัด

    ผลต่อสมรรถภาพของร่างกายดีขึ้น เช่นการขี่จักรยาน การว่ายน้ำ เล่นกีฬาได้นานขึ้น

    ผลดีของกาแฟจะทำให้ไม่ง่วงนอน โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานเป็นกะ และช่วยลดอุบัติเหตุขณะขับรถ

    กระตุ้นอวัยวะของร่างกายและเพิ่มการเผาผลาญไขมันและช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย กาแฟจะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะอ่อนๆ ดังนั้นขณะออกกำลังกายหรือหลังออกกำลังกายไม่ควรรับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาแฟ เพราะจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ

    [​IMG]
    ดื่มนานๆ จะติดกาแฟหรือไม่

    องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ไม่มีหลักฐานว่ากาแฟจะเป็นสารซึ่งหากดื่มนานๆ แล้วจะเสพติด การดื่มกาแฟจะเป็นนิสัยมากกว่าเสพติด เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณของกาแฟ และเมื่อหยุดกาแฟบางคนก็เกิดอาการปวดหรือมึนศีรษะเพียงเล็กน้อย

    [​IMG]
    ผลดีของกาแฟต่อสุขภาพ

    โรคหอบหืด มีรายงานว่าการดื่มกาแฟวันละ 3 แก้ว จะลดอาการหอบหืด หากดื่มมากกว่า 6 แก้ว การทดสอบสมรรถภาพปอดจะดีขึ้น

    กาแฟก็เหมือนกับพืชอื่นๆ มีสาร flavanoid ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

    การดื่มกาแฟจะลดอาการง่วงนอน และทำให้มีสมาธิในการทำงานดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานเป็นกะ และลดอุบัติเหตุขณะขับขี่

    กาแฟช่วยลดอาการซึมเศร้าและคลายความวิตกกังวล

    การดื่มกาแฟเป็นประจำจะลดอุบัติการณ์การเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ และยังลดอุบัติการณ์ของนิ่วในถุงน้ำดี

    มีหลักฐานพอจะเชื่อว่าการดื่มกาแฟจะป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่เมื่อดื่มวันละ 4 แก้ว

    [​IMG]
    กาแฟกันสุขภาพสตรี

    กาแฟกับการตั้งครรภ์ The Food Standards Agency ก่อนหน้านี้มีความเชื่อว่าการดื่มกาแฟจะเป็นผลเสียต่อการตั้งครรภ์ แต่จากหลักฐานยังไม่พบผลเสียดังกล่าว ประเทศอังกฤษได้แนะนำว่าการดื่มวันละ 3-4 แก้ว ขณะตั้งครรภ์ไม่เกิดผลเสีย สำหรับผู้ที่ตั้งท้องหากงดได้ก็น่าจะงด

    การเป็นหมัน พบว่าหากดื่มกาแฟมากกว่า 1 แก้ว จะมีโอกาสเกิดการเป็นหมันเพิ่มขึ้น

    [​IMG]
    กาแฟกับโรคกระดูกพรุน

    ยังมีรายงานทั้งสนับสนุนว่าการดื่มกาแฟทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน บางรายงานก็กล่าวว่าไม่เกิดโรค ผู้ที่เกิดโรคกระดูกพรุนมักจะได้รับแคลเซียมไม่พอ แนะนำว่าควรจะดื่มนมเพิ่ม สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 2 แก้วขึ้นไป

    [​IMG]
    กาแฟกับโรคมะเร็ง

    มีรายงานจาก World Cancer Research Fund ว่าการดื่มกาแฟปริมาณปานกลางไม่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง

    มีรายงานกล่าวว่าการดื่มกาแฟมีผลดีต่อการป้องกันมะเร็งตับอ่อนเล็กน้อย

    มีรายงานว่าการดื่มกาแฟอาจจะมีผลป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

    [​IMG]
    กาแฟกับโรคหัวใจ

    เท่ามีรายงานขณะนี้พบว่าการดื่มกาแฟวันละ 4 แก้ว ไม่มีความสัมพันธ์กับโรคหัวใจ

    การดื่มกาแฟเป็นประจำไม่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น การดื่มกาแฟครั้งแรกจะทำให้ความดันขึ้นชั่วคราว

    [​IMG]
    กาแฟกับโรคเบาหวาน

    จากการศึกษาพบว่า การดื่มกาแฟจะทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินเพิ่มขึ้น 15 % กรดไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น ฮอร์โมน epinephrine เพิ่มสูงขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก กรุงเทพธุรกิจ
    [​IMG]

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมจะถ่ายรูปพระพิมพ์ในวันอาทิตย์นี้ และนำลงในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... และกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ อีกครั้ง

    เพื่อมอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ กันครับ

    โมทนาบุญทุกประการครับ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณรบช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทองบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พสภัธ [​IMG]
    กฐินสามัคคีเพื่อการศึกษา
    วันเสาร์ ที่ 1 พฤศจิกายน 2551
    ญาติโยมท่านใด จะร่วมรับเป็นเจ้าภาพผ้าไตรกฐิน ขอให้ติดต่อพระ อ. มหาแผน ตามเบอร์โทรศัพท์ 081-9408541
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พสภัธ [​IMG]
    นักเรียนที่ศึกษาอยู่ที่...สำนักสงฆ์บ่อเงินบ่อทอง.....ทอดกฐินสามัคคี ในครั้งนี้เพื่อหาปัจจับก่อสร้างห้องสมุด.....
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พสภัธ [​IMG]
    ญาติโยมท่านใดที่จะรับเป็นเจ้าภาพผ้าไตรกฐินๆ ละ 1,000 บาท โดยทางวัดจัดเตรียมผ้าไตรไว้ให้ถวายในวันทอด....
    ติดต่อ....ได้ที่ พระมหาแผน...081-9408541

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ขอเชิญทุกๆท่าน ร่วมงานบุญกฐินกันครับ
    โมทนาสาธุครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    มาร่วมงานบุญกันนะครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ตำนานว่าอารายครับ เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ หุ หุ
     
  13. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ทองอ้วน [​IMG]
    สวยมากเลยครับคุณ nongnooo ผมเห็นแล้วชอบครับดูเป็นธรรมชาติมากเลยครับ มาสะดุดตรงที่พิมพ์ ที่มีเรืออยู่ข้างล่างพระสมเด็จ ไม่รู้ว่าเป็นพระสมเด็จเรือแจว ในตำนานหรือเปล่าครับ ผมเพิ่งจะเคยเห็นจริงๆครับ สวยครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ตำนานว่าอารายครับ เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ หุ หุ


    แล้วไม่สะดุดองค์อื่นหรือครับ บอกใบ้ว่าแถวล่างเหมือนกันครับ....
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
     
  15. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ผมมองต่างครับ ใจผมผมอยากให้อย่าช่วยเหลือครับ เพราะถ้าคิดจะช่วยจริงต้องใช้เงินมากกว่านี้มากครับ การไม่ผ่านอาจมีผลทางจิตวิทยาสัก 1ปีแต่เมื่อถึงจุดที่คับขันกว่านี้มากจะได้มีเงินมากอบกู้ครับ...
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมมองว่า ให้ทุกๆคน ช่วยกันประหยัด และเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ ,การเลิกจ้างงานของนายจ้างและการตกงานของลูกจ้าง ,ปัญหาสังคมต่างๆที่จะตามมา และดูว่า มีวิธีไหนบ้างที่ทำให้ครอบครัวของทุกๆคน ผ่านวิกฤตนี้ไปได้

    ผมว่า ถึงแม้สภาคองเกรสจะช่วยเหลือ ไม่ใช่ว่า จะหมดปัญหา ยังคงมีปัญหาอยู่แต่ในสภาพของปัญหาจะมีความต่างออกไปครับ

    ติดตามเรื่องนี้กัน แต่อย่าไปวิตกกังวลมากเกินไปนะครับ
     
  17. ทองอ้วน

    ทองอ้วน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +135
    อู้..มีแถวล่างด้วย หรือ ครับเนี้ย คุณ nongnooo เดี๋ยวผมขอกลับไปดูใหม่อีกรอบครับ
     
  18. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสรับความรู้จากพี่หนุ่มอีกครั้ง ช่างทำให้หูตาสว่าง ได้รับความรู้มากมายจริงๆครับ
    เจอกันกี่ทีก็มีเรื่องใหม่ๆให้ได้รู้เสมอ เดาไม่ออกจริงๆว่าพี่หนุ่มรู้มากแค่ไหน และยิ่งทึ่งในครูบาอาจารย์บรรพบุรุษของเราเข้าไปอีกครับ
     
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่า ...อันนี้เห็นด้วยครับ คงต้องยึดคติไว้ครับ ไม่มีใครมาช่วยเราได้นอกจากตัวเองครับ ครั้งนี้แหละครับ เราจะได้เห็นผลกระทบจากพวกไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ครับ ...
     
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เห็นมั้ยครับ ...คนอารายนอกจากทำงานเก่ง เจ้านายรัก(เรียกใช้เสมอ) ความรู้มากๆ และยังชื่อเสียงโด่งดัง ที่มีหลายๆคนคอยอิจฉา (ไม่ใช่ผมนะครับ) ผมฟันธงไว้ตั้งแต่ต้นปีแล้วครับ ว่าปีนี้ท่านปาทานจาต้องรุ่งแน่ครับ ก็เล่นสั่นระฆังทุกวันนี่ครับ หุ หุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...