พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมไปพักผ่อนก่อนนะครับ

    อย่าลืมมาปุจฉา วิสัชนากันสองเรื่องนะครับ

    .
     
  2. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ถ้าใช้พระพุทธรูปแทน น่าจะเสียเงินมากกว่าอุปกรณ์กสินครับ เพราะยังไม่มีสักองค์ครับ เหอๆ ผมสะสมได้แต่พระเครื่องครับ ยังไม่มีบุญได้สะสมพระบูชา
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คาถาสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
    http://www.84000.org/pray/puttajan_tro.shtml

    พุทธมังคลคาถาถือเป็นอีกหนึ่งบทคาถาของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์โต
    คำว่าพุทธมังคลคาถานี้ คือการนมัสการบูชาพระอรหันต์แปดทิศซึ่งล้วนแต่เป็นพระมหาเถระที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น

    พุทธมังคลคาถา

    สัมพุทโธ ทิปะทัง เสฏโฐ นิสินโน เจวะ มัชฌิเม
    โกณฑัญโญ ปุพพะภาเค จะ อาคเณยเย จะ กัสสะโป
    สารีปุตโต จะ ทักขิเณ หะระติเย อุปาลิ จะ
    ปัจฉิมเมปิ จะ อานันโท พายัพเพ จะ คะวัมปะติ
    โมคคัลลาโน จะ อุตตะเร อีสาเนปิ จะ ราหุโล
    อิเม โข มังคะลา พุทธา สัพเพ อิธะ ปะติฏฐิตา
    วันทิตา เต จะ อัมเหหิ สักกาเรหิ จะ ปูชิตา
    เอเตสัง อานุภาเวนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุ โน
    อิจเจวะมัจจันตะนะมัสสะเนยยัง
    นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยัง ยัง
    ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง
    ตัสสานุภาเวนะ หะตันตะราโยฯ

    --------------------------------------

    การนมัสการบูชาพระอรหันต์แปด
    http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=9983



    [​IMG]



    <DD>
    แทบทุกครั้งที่มีการสวดมนต์ทำวัตร ในห้องเสือพิทักษ์ พวกเราจะขาดไม่ได้ซึ่งการสวดบท พุทธมังคลคาถา หรือเรียกว่า คำนมัสการบูชาพระอรหันต์แปดทิศ ซึ่งมีเนื้อความดังนี้ ​



    สัมพุทโธ ทิปะทัง เสฏโฐ
    นิสินโน เจวะ มัชฌิเม
    โกณฑัญโญ ปุพพะภาเค จะ
    อาคเณยเย จะ กัสสะโป
    สารีปุตโต จะ ทักขิเณ
    หะระติเย อุปาลิ จะ
    ปัจฉิเมปิ จะ อานันโท
    พายัพเพ จะ ควัมปะติ
    โมคคัลลาโน จะ อุตตะเร
    อีสาเนปิ จะ ราหุโล
    อิเม โข มังคะลา พุทธา
    สัพเพ อิธะ ปะติฏฐิตา
    วันทิตา เต จะ อัมเหหิ
    สักกาเรหิ จะ ปูชิตา
    เอเตสัง อานุภาเวนะ
    สัพพะโสตถี ภะวันตุโน

    อิจเจวะมัจจันตะนะมัสสะเนยยัง
    นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยังยัง
    ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง
    ตัสสานุภาเวนะ หะตันตะราโย


    เวลาสวดบทนี้ครั้งใด ใจจะนึกไปถึงภาพภายในเชตวันมหาวิหาร ที่อาจารย์บุษกรเคยพาพวกเราไปสักการะ ณ ประเทศอินเดียถึง ๒ ครั้ง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นอัฏฐเจดีย์ ที่ครั้งนั้นพระวิทยากรอธิบายว่า..เป็นที่ประชุมพระอรหันตสาวกหลังจากที่ไปเผยแผ่ธรรมะกลลับมา และแต่ละองค์ก็จะนั่งประจำทิศต่างๆ โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน

    ประการสำคัญพระอรหันต์แปดทิศ ล้วนแต่มีฤทธิ์ทุกองค์ อีกทั้งเป็นมหาเถระผู้ยิ่งใหญ่ในทางพระพุทธศาสนา จึงทำให้รู้สึกว่าเวลาสวดครั้งใดจิตใจจะมีความศรัทธาเพิ่มขึ้นทุกครั้งไป
    </DD>​
    โดย วยุรี [12 ธ.ค. 2549 , 08:53:10 น.] ( IP = 58.9.142.186 : : )
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นมัสการพระอรหันต์ ๘ ทิศ
    http://www.oknation.net/blog/buddhamantra/video/24878

    ความคิดเห็นที่ 1
    buddhamantra <!-- [​IMG] -->วันที่ : 01/06/2008 เวลา : 19.09 น.
    http://www.oknation.net/blog/buddhamantra

    พระพุทธมงคลคาถานี้ หรือเรียกว่า คำนมัสการบูชาพระอรหันต์แปดทิศ

    กรุณาเปิดเสียง คำนมัสการบูชาพระอรหันต์แปดทิศ ได้คลิกที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้

    หรือคลิกที่ "คำนมัสการบูชาพระอรหันต์แปดทิศ" ที Favorite Link ด้านซ้ายมือ

    นอกจากพระคาถาชินบัญชรอันลือชื่อของท่านแล้วพุทธมังคลคาถาถือเป็นอีกหนึ่งบทคาถาของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์ที่ถือว่ามีอิทธิฤทธิ์ด้านลาภผลและมงคลทั้งปวง เพราะคำว่าพุทธมังคลคาถานี้ คือการนมัสการบูชาพระอรหันต์แปดทิศซึ่งล้วนแต่เป็นพระมหาเถระที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
    ของท่านแล้วพุทธมังคลคาถาถือเป็นอีกหนึ่ง บทคาถาของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์ที่ถือว่ามีอิทธิฤทธิ์ด้านลาภผล และมงคลทั้งปวง เพราะคำว่าพุทธมังคลคาถานี้ คือการนมัสการบูชาพระอรหันต์แปดทิศ ซึ่งล้วนแต่เป็นพระมหาเถระที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น

    .....................................................................

    สัมพุทโธ ทิปะทัง เสฏโฐ นิสินโน เจวะ มัชฌิเม
    โกณฑัญโญ ปุพพะภาเค จะ อาคะเณยเย จะ กัสสะโป
    สารีปุตโต จะ ทักขิเณ หะระติเย อุปาลี จะ
    ปัจฉิเมปิ จะ อานันโท พายัพเพ จะ ควัมปะติ
    โมคคัลลาโน จะ อุตตะเร อิสาเณปิ จะ ราหุโล
    อิเม โข มังคลาพุทธา สัพเพ อิธะ ปะติฏฐิตา
    วันทิตา เต จะ อัมเหหิ สักกาเรหิ จะ ปูชิตา
    เอเตสัง อานุภาเวนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุ โน

    อิจเจวะมัจจัน ตะนะมัสสะเนยยัง
    นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยัง ยัง
    ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง
    ตัสสานุภาเวนะ หะตันตะราโย ฯ

    ........................................................................

    ทิศบูรพา
    พระอรหันต์ประจำทิศ ได้แก่ พระอัญญาโกณทัญญะ ซึ่งเป็นพระสงฆ์รูปแรกในพระพุทธศาสนา และเป็นพระสงฆ์ผู้สำเร็จพระอรหันต์องค์แรก ถ้าท่านใดอยากเป็นผู้ชนะก่อนใคร โบราณถือว่าต้องบูชาพระจันทร์ก่อน เพื่อเสริมส่งให้มีเมตตามหานิยม ให้มีความสำเร็จก่อนผู้ใด ตามคติของพระพุทธศาสนา จัดให้พระพุทธรูปปางห้ามญาติ เป็นพระประจำวันจันทร์ (พระพุทธรูปยืน ปางห้ามญาติ ยกพระหัตถ์ขวาแบอยู่ระดับหน้าอก พระหัตถ์ซ้ายห้อยอยู่ข้างตัว หรือพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทร ยกพระหัตถ์ทั้งสองแบอยู่ระดับอก) แล้วได้จัดให้พระปริตบทยันทุน เป็นคาถาสวดสำหรับวันจันทร์ โดยสวด 15 จบ เพื่อช่วยให้เกิดโชคลาภคุ้มภัยอันตรายได้ และจะมีความเจริญปราศจากโรคาพยาธิทั้งปวง และยังจัดให้คาถาพระอิติปิโส 8 ทิศ บทกระทู้ 7 แบก สำหรับสวดภาวนาประจำวันจันทร์ คือ คาถา " อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา "

    ทิศอาคเนย์
    พระอรหันต์ประจำทิศได้แก่ พระมหากัสสป เป็นพระสาวกที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่าเป็นเลิศกว่าพระอื่น ถือธุดงควัตร เป็นพระสงฆ์ที่มีร่างกายเสมอเหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ มีร่างกายใหญ่โตมาก พระองค์จึงได้ประทานผ้าสังฆาฎิให้กับพระมหากัสสป ถ้าท่านใดอยากได้ความเป็นใหญ่ มีผู้คนยอมรับนับหน้าถือตาก็ควรบูชาพระอังคาร ซึ่งอยู่ประจำทิศอาคเนย์ตามคติทางพระพุทธศาสนา จัดให้พระพุทธรูปปางไสยยาสน์ (นอน) เป็นพระประจำวันอังคาร และพระปริตบทขัดกรณียเมตตาสูตร เป็นคาถาสวดสำหรับพระอังคาร โดยสวด 8 จบบูชา พระปางไสยาสน์ เพื่อช่วยให้เกิดโชคลาภ และคุ้มภัยอันตรายได้ และจะมีความสุขสวัสดีตลอดกาลนาน และยังจัดให้คาถาพระอิติปิโส 8 ทิศ บทเรียกฝนแสนห่า เป็นคาถาภาวนาประจำพระอังคาร คือคาถา " ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง "

    ทิศทักษิณ
    พระอรหันต์ประจำทิศ ได้แก่ พระสารีบุตร ซึ่งเป็นเอตทัคคะ ผู้เลิศทางปัญญา แม้นกำเม็ดทราย 1 กำมือ ก็สามารถนับได้ ถ้าผู้ใดอยากมีปัญญาเฉลียวฉลาด มีวาจาอ่อนหวานไพเราะ บริสุทธิ์ ก็ให้บูชาพระพุธ ซึ่งชุบมาจากคชสารตามคติทางพระพุทธศาสนา จัดให้พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร เป็นพระประจำวันพุธ (กลางวัน) และจัดให้สวดบทขัดพระปริตบทสัพพาสี เป็นคาถาสวดประจำสำหรับวันพุธ โดยสวด 17 จบ เพื่อบูชาพระปางอุ้มบาตร เพื่อช่วยให้เกิดโชคลาภคุ้มภัยอันตรายได้ และจะมีความสุขสวัสดียิ่งๆ ขึ้นไป และยังจัดให้คาถาพระอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์เกลื่อนสมุทร เป็นคาถาประจำพระพุธด้วย คือ " ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท "

    ทิศหรดี
    พระอรหันต์ประจำทิศ คือ พระอุบาลี ซึ่งเป็นเอตทัคคะในด้านการทรงพระวินัย เปรียบอยู่ในกฏระเบียบ ซึ่งถ้าผู้ใดต้องการให้บุตรหลานอยู่ในระเบียบวินัยไม่หลงมัวเมาในอบายมุข ก็ควรบูชาพระเสาร์ตามคติของพระพุทธศาสนา จัดให้พระพุทธรูปนั่งปางนาคปรก และจัดคาถายะโตหัง เป็นคาถาบทสวดสำหรับพระเสาร์ โดยสวด 10 จบ ตามกำลังวัน บูชาพระนาคปรกเพื่อจะได้ช่วยคุ้มกันอันตรายต่างๆ ช่วยให้เกิดโชคลาภ จะมีความสุขความเจริญ และเกิดความสวัสดี มีมงคลตลอดกาลนานและยังให้บทสวดพระคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์คลายจักร เป็นคาถาประจำพระเสาร์อีกด้วยคือ " โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ "

    ทิศปัจจิม
    พระอรหันต์ประจำทิศ คือพระอานนท์ ซึ่งเป็นพุทธอุปัฐาก เลขาส่วนตัวของพระพุทธเจ้า ดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่ก่อนตื่นนอนและหลังจำวัด แม้ว่าพระพุทธองค์ไปแสดงธรรมเทศนาที่ใด ถ้าพระอานนท์ไม่ได้ไป จะต้องกลับมาแสดงธรรมให้พระอานนท์ฟังโดยเฉพาะอีกครั้ง ผู้ใดอยากให้บุตรหลาน ฉลาด รอบรู้ หูตากว้างไกลก็ควรบูชาพระพฤหัส พระพฤหัสชุบมาจากฤาษี 19 ตน ซึ่งมีความฉลาด หลักแหลม ปัญญา ดี รอบรู้ตามคติของพระพุทธศาสนา จัดให้พระพุทธรูปปางสมาธิ เป็นพระพุทธรูปประจำวันพฤหัส และจัดให้สวดคาถา
    บทขัดพระปริตบทปุเรนตัมโพ โดยสวด 19 จบ ตามกำลังวันบูชาพระปางสมาธิ เพื่อจะช่วยคุ้มอันตรายต่างๆ และช่วยให้เกิดโชคลาภด้วย มีความสุขความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป และยังให้พระสวดพระคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์ขว้างจักรตรึงไตรภพ เป็นคาถาประจำวันพฤหัสบดีด้วยคือ " ภะ สัม มัม วิ สะ เท ภะ "

    ทิศพายัพ
    พระอรหันต์ประจำทิศ คือ พระควัมปติ หรือพระสิวลี ซึ่งเป็นเอตทัคคะเลิศกว่าพระภิกษุทั้งหลายในเรื่องโชคลาภ ซึ่งตรงกับนพเคราะห์คือ พระราหูซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งขุมทรัพย์ทั้งหลายทั้งปวง มีอำนาจบารมีเป็นที่เกรงกลัว ผู้ใดอยากให้บุตรหลานมีโชคลาภ บารมีต้องบูชาพระราหู ให้คอยปกปักรักษาตามคติทางพระพุทธศาสนา ได้จัดให้พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ เป็นพระปางประจำราหู และกำหนดบทสวด บทกินนุ สัน ตะ ระมาโน วะ เป็นบทสวดประจำวันพุธกลางคืน ควรสวด 12 จบ ตามกำลังวัน เพื่อบูชาพระปางป่าเลไลยก์ เพื่อคุ้มภัยให้สิ่งร้ายกลายเป็นดีและจะมีความสุขสวัสดี และได้จัดพระคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์พลิกแผ่นดินเป็นคาถาประจำราหู คือ " คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ "

    ทิศอุดร
    ตรงกับพระอรหันต์ประจำทิศ คือ พระโมคคัลลา ซึ่งเป็นเอตทัคคะในเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ตรงกับนพเคราะห์คือพระศุกร์ ผู้ใดอยากให้มีกิจการการค้ารุ่งเรือง ซื้อง่ายขายคล่อง พูดเป็นเงินเป็นทอง มีความสุขสบายในครอบครัวก็ควรบูชาพระศุกร์ตามคติทางพระพุทธศาสนา ได้จัดให้พระพุทธรูปยืนปางทรงรำพึง พระหัตถ์ทั้งสองวางทับกันที่หน้าอก เป็นพระประจำวันศุกร์และได้จัดคาถาบทขัดธชัคคสูตร เป็นบทสวดประจำพระศุกร์ โดยสวด 21 จบ ตามกำลังวันเพื่อช่วยให้เกิดโชคลาภ คุ้มกันภัยอันตรายใดๆ จะมีความสุขสวัสดีตลอดกาลนาน และยังได้จัดพระคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทตวาดฟ้าป่าหิมพานต์เป็นคาถาประจำวันศุกร์ คือ " วา โธ โน อะ มะ มะ วา "

    ทิศอีสาน
    ตรงกับพระอรหันต์ คือ พระราหุล ซึ่งเป็นเอตทัคคะในเรื่องของการศึกษา ใคร่ต่อการศึกษาเรียนรู้ ตรงกับนพเคราะห์คือพระอาทิตย์ ซึ่งชุบมาจากราชสีห์ผู้ใดอยากให้บุตรหลานมีปัญญาเฉียบแหลม สติปัญญาเป็นเลิศ มีฤทธิ์ มียศ ชื่อเสียงก็ควรจะบูชาพระอาทิตย์ และจัดให้พระปริตบทโมรปริต เป็นคาถาสวดสำหรับพระอาทิตย์ ควรสวด 6 จบ ตามกำลังวัน เพื่อให้เกิดโชคลาภ คุ้มภัยอันตราย จะมีความเจริญรุ่งเรืองและความสุขสวัสดีตลอดกาล และยังได้จัดเอาคาถาพระอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์แปลงรูปเป็นคาถาภาวนาสำหรับพระอาทิตย์ด้วยคือ " อะ วิ สุ นุต สา นุ ติ "

    ตรงกลาง
    มีพระเกตุอยู่ท่ามกลางจักรวาล ตรงกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นประธานของ พระอรหันต์ทั้ง 8 ทิศ เมื่อบูชาพระเกตุเท่ากับเสริมเดช เดชานุภาพผู้ที่ไม่ทราบวันเดือนปีเกิดของตนเองควรบูชาพระเกตุ ซึ่งมีกำลังดี และจัดให้พระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นปางของพระเกตุ และให้สวดคาถาบท พุทโธ จ มัชฌิโม เสฏิโฐ เป็นคาถาประจำพระเกตุโดยสวด 9 จบ เพื่อคุ้มกันเสนียดจัญไร ให้แคล้วคลาดปลอดภัยและได้จัดพระคาถานวหรคุณเป็นคาถาภาวนาประจำพระเกตุ คือ " อะ ระ หัง สุ คะ โต ภะ คะ วา "

    ซึ่งจะเห็นได้ว่าคาถาบูชาพระประจำต่างๆ นั้น ก็ถอดออกมาจากบทสวดพระพุทธคุณ 56 นั่นเอง กล่าวคือ

    อิ ติ ปิ โส ภะ คะ วา อะ
    ระ หัง สัม มา สัม พุท โธ วิ
    ชา จะ ระ ณะ สัม ปัน โน สุ
    คะ โต โล กะ วิ ทู อะ นุต
    ตะ โร ปุ ริ สะ ทัม มะ สา
    ระ ถิ สัต ถา เท วะ มะ นุ
    สา นัง พุท โธ ภะ คะ วา ติ
    ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘

    แถวตั้งที่ 1 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทกระทู้ 7 แบก เป็นคาถาสวดพระจันทร์ 15 จบ
    แถวตั้งที่ 2 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทเรียกฝนแสนห่าเป็นคาถาสวดพระอังคาร 8 จบ
    แถวตั้งที่ 3 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์เกลื่อนสมุทรเป็นคาถาพระพุธ 17 จบ
    แถวตั้งที่ 4 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์คลายจักรเป็นคาถาสวดพระเสาร์ 10 จบ
    แถวตั้งที่ 5 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์ขว้างจักรตรึงไตรภพเป็นคาถาสวดพระพฤหัส 19 จบ
    แถวตั้งที่ 6 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์พลิกแผ่นดิน เป็นคาถาสวดพระราหู 12 จบ
    แถวตั้งที่ 7 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทตวาดฟ้าป่าหิมพานต์ เป็นคาถาสวดพระศุกร์ 21 จบ
    แถวตั้งที่ 8 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์แปลงรูป เป็นคาถาสวดพระอาทิตย์ 6 จบ
     
  5. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เมื่อคืนพึ่งได้ดูรูปพระพิมพ์สมเด็จต่างๆจากหนังสือค่ายเสรีเซ็นเตอร์ พบว่าพระพิมพ์ส่วนมากดูคุ้นตาจริงๆครับ ท่านปาทาน หุ หุ
     
  6. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ใช่ครับ ใจต้องรักษาไว้ ทรงอารมณ์ให้ได้
     
  7. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    เอ๊ะ. ยังไง เดินไปกินไปหรือครับท่านปาทาน
    ถ้างั้นก็ เดินช้าๆ ค่อยๆกินไป นะขอรับ ;aa22
     
  8. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    เป็นไรกันง่ะตัวเอง มองหน้าแล้วรู้ใจกาน หงิม หงิม ;aa20

    เอ่อ แต่ถ้าเป็นมุก ก็จะมีคนแย่งกันรับนะ ลองเอามาแจกดูสิ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมไม่ได้เดิน แต่ยืนกินไปคุยไปครับ เหอๆๆๆๆ

    .
    5 เคล็ดลับทำใจให้เป็นกลาง

    http://hilight.kapook.com/view/29132

    [​IMG]

    เรื่องทำใจให้เป็นกลาง อาจดูเหมือนพูดง่ายแต่ทำยาก เพราะแต่ละคนย่อมมีพื้นฐานที่ต่างกัน มีประสบการณ์การรับรู้ที่ต่างกัน และที่สำคัญ ทุกคนก็ยังอยู่ในกลุ่มผลประโยชน์ ไม่ในสถานการณ์ใดก็สถานการณ์หนึ่ง แต่มิได้หมายความว่าฝึกไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ใจ หากเราควบคุมจิตใจตนเองได้ก็นับได้ว่าชนะไปมากกว่าครึ่ง และนี่คือเคล็ดลับ 5 ประการ ที่จะฝึกทำใจให้เป็นกลาง

    [​IMG]1. อย่ามองตัวเองเป็นศูนย์กลาง

    นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่สุด เพราะถ้ามองปัญหาต่างๆ จากมุมมองฝ่ายเดียว ใจย่อมไม่เป็นกลาง เพราะเราจะไม่มอง ไม่พยายามเข้าใจเงื่อนไขหรือสภาพแวดล้อมที่เป็นข้อจำกัดของผู้อื่น

    [​IMG]2. เอาใจเขามาใส่ใจเรา

    เพื่อให้เรามองเห็นภาพแบบองค์รวม ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย ความหมายก็คือ ต้องลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นเขา อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเขา มีข้อจำกัดแบบเขา เราจะคิดตัดสินใจเช่นไร

    [​IMG]3. มองอย่างเจาะลึกหลายชั้น อย่าเอาอาการมาเป็นสาเหตุ

    บ่อยครั้งที่ปัญหาความขัดแย้งไม่อาจแก้ไขได้ เพราะมองตื้นเขินเกินไป เอาอาการมาเป็นสาเหตุ จึงควรมองอย่างเจาะลึกเพื่อค้นหาเหตุที่แท้จริง จะได้แก้ไขตรงจุด ถูกประเด็น

    [​IMG]4. มองไปที่อนาคตเพื่อ "อยู่" ไม่ใช่ "แยก"

    เพราะการมองเช่นนี้เพื่อให้ทุกฝ่ายยังคงดำรงอยู่ได้ มิใช่แก้ไขเพื่อให้ต้องตายกันไปข้างใดข้างหนึ่ง เป็นการมองทางออกในทัศนคติที่เป็นบวกต่อทุกฝ่าย

    [​IMG]5. หาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้ "อยู่ร่วมกัน" ต่อไปได้

    การมีทัศนคติที่เป็นบวกยังไม่ใช่ขั้นตอนสุดท้าย แต่ต้องหาข้อสรุปในทางเทคนิคหรือวิธีการที่สอดรับกับ "ใจที่เป็นกลาง" ด้วย ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาบ่อยครั้งก็มาพลาดท่าตรงนี้เอง เพราะผู้รับช่วงต่อใจยังไม่เป็นกลางพอ ยังคิดแบ่งพรรคแบ่งพวก เจ้าโกรธเจ้าแค้น




    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]

    <!-- / message --><!-- sig -->__________________
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2008
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของการทำบุญ ต้องทำบุญหลายๆอย่าง การทำบุญแต่ละอย่าง อานิสงค์ที่ได้ก็ไม่เหมือนกัน เปรียบเหมือนกับเราสร้างบ้าน ต้องมีการตอกเสาเข็ม ต้องมีปูน(ในปูนก็มีส่วนผสมของปูนซีเมนต์ ทรายต่างๆ น้ำ) ต้องมีฝาบ้าน ต้องมีวงกบประตู หน้าต่าง หรือส่วนอื่นๆ ต้องมีกระจก ต้องมีเหล็กดัด ต้องมีอีกหลายๆประการ

    การทำบุญต้องทำหลายๆอย่าง อานิสงค์บุญบางอย่างส่งผลให้เร็ว บางอย่างส่งผลให้ปานกลาง บางอย่างส่งผลให้ช้า

    ไม่ใช่ว่า ต้องทำบุญแบบนี้เพียงแบบเดียว และต้องทำบุญแบบนี้ ดีที่สุด

    ส่วนเรื่องของการอุทิศบุญ ผมเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ การอุทิศบุญเป็นสิ่งที่ตัวเราตั้งจิตเพื่อที่จะส่งบุญให้กับท่านที่เราประสงค์จะส่งบุญให้ แต่จิตของเราหากไม่ได้รับการฝึกฝนมาดี กำลังในการส่งก็จะน้อย ผมเปรียบจิตของเราเหมือนกับคลื่นวิทยุและโทรทัศน์ บางคนกำลังจิตเปรียบเหมือนกับคลื่นวิทยุ(ว.) มีกำลังส่งเพียง 100 - 500 เมตร ถ้ามีเสาอากาศก็ไกลขึ้นไปอีกหน่อย บางคนกำลังจิตเปรียบเหมือนกับคลื่นวิทยุชุมชน ไปไกลสัก 5 - 20 กม. บางคนกำลังจิตเปรียบเหมือนกับคลื่นโทรทัศน์(โบราณ) ที่ส่งไปได้ไกลเป็นหลายร้อยกม. บางคนกำลังจิตเปรียบเหมือนกับคลื่นที่ส่งผ่านดาวเทียม ที่ส่งไปได้ทั่วโลก

    แนะนำว่า หากจิตของเรายังไม่มั่นคง ไม่กล้าแข็งมากพอ ผมขอแนะนำให้ฝากบุญกับพระแม่ธรณีในการส่งบุญไปยังท่านที่เรามีความประสงค์ที่จะส่งบุญให้ แต่ก็มีบางที่ ที่เป็นเขตปลอดบุญก็มี

    แนะนำ(จากพี่ใหญ่)ว่า ให้เชิญครูบาอาจารย์ของเรา มาโมทนาบุญกับเรา แต่เหตุผลอย่างไร ผมเคยอธิบายในกระทู้พระวังหน้าฯนี้แล้ว ลองไปหาอ่านดูนะครับ

    ส่วนการที่เราไปซื้อสัตว์จากโรงฆ่าสัตว์นั้น ไว้มาปุจฉาวิสัชนากันอีกครั้ง และมาแสดงความคิดเห็นกันนะครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สรุปบุญกิริยาวัตถุ ๑0
    <CENTER> </CENTER><CENTER>http://www.geocities.com/southbeach/terrace/4587/10good.htm</CENTER><CENTER> </CENTER>
    ๑. ทาน ที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
    ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องในการสร้างทานนั้น
    ๒. มีเจตนา ๔ ในการทำทานนั้น คือ
    ๑. เจตนาก่อนที่จะทำทานนั้น
    ๒. เจตนาขณะที่กำลังทำทานนั้น
    ๓. เจตนาขณะที่ทำทานนั้นเสร็จแล้วใหม่ๆ
    ๔. เจตนาที่ทำทานนั้นเสร็จไปแล้วเป็นเวลานาน
    ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔
    ๔. องค์ทานที่จะทำนั้นต้องได้มาด้วยความบริสุทธิ์
    ๕. องค์ทานนั้นต้องมีประโยชน์กับปฏิคาหกหรือผู้รับ
    ๖. ปฏิคาหกหรือผู้รับต้องเป็นบุคคลที่สมควร ( มีคุณธรรมสูงสุด คืออริยบุคคล ต่ำสุด คือผู้มีนิจศีล)
    ผลของ ทาน
    ปฏิสนธิกาล คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
    ปวัตติกาล
    มีกินมีใช้ด้วยวคามอุดมสมบูรณ์ตามฐานะ

    ๒ ศีลที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
    ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องในการที่จะรักษาศีลอันถูกต้อง
    ๒. มีเจตนา ๔ ในการรักษาศีลนั้น คือ
    ๑. เจตนาก่อนที่จะรักษาศีล
    ๒. เจตนาขณะที่กำลังอยู่ในศีล
    ๓. เจตนาที่พ้นจากศีลใหม่ๆ
    ๔. เจตนาที่พ้นจากศีลนานแล้ว
    ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔
    ๔. ศีลแต่ละตัวจะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนไม่ขาดตกบกพร่อง
    ๕. ประเภทของศีลอย่างหยาบๆมีดังนี้คือ
    ๑. นิจศีล หมายถึง ศีลที่ติดอยู่ตลอดไปโดยไม่ละทิ้ง และมีความถูกต้องครบถ้วน
    ๒. อุโบสถศีล หมายถึง ศีล ๒ อันได้แก่
    ๑. ปาฏิโมกขสังวร คือ ศีลทั้ง ๘ ตัว จะต้องมีครบถ้วนไม่บกพร่อง
    ๒. ภาวนา คือ ในขณะที่รักษาศีลอยู่นั้นจะต้องมีการภาวนาในอนุสสติ ๕ ให้เกิดขึ้น
    ตลอดเวลาที่รักษาศีล คือ พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ สีลานุสสติ เทวตานุสสติ
    ๓. วิสุทธิศีล หมายถึง ศีล ๔ อันได้แก่
    ๑. ปาฏิโมกขสังวร คือ ศีลที่รักษามีกี่ตัวจะต้องครบถ้วนสมบูรณ์
    ๒. อินทรีย์สังวร คือ การสำรวมทางทวาร ๖ อยู่ในความเป็นอุเบกขา
    ๓. อาชีวสังวร คือ การเลี้ยงชีวิตโดยชอบ ภิกษุได้แก่การบิณฑบาต ถ้าเป็นคฤหัสถ์จะ
    ต้องเป็นสัมมาอาชีวะ
    ๔. ปัจจยสังวร คือ การกินอาหารต้องพิจารณาว่ากินเพื่อดำรงชีวิตอยู่ การแต่งกายต้อง
    พิจารณาว่าแต่งกายเพื่อป้องกันอุณหภูมิร้อนเย็น และป้องกันความอุจาดลามก ที่อยู่อาศัยจะต้อง
    พิจารณาว่าเพื่อป้องกันแดดป้องกันฝน การกินยารักษาโรคต้องพิจารณาว่าเพื่อบำบัดทุกขเวทนา
    ให้ลดน้อยถอยลง จะได้ทำคุณงามความดีให้เกิดขึ้นได้
    ผลของ ศีล
    ปฏิสนธิกาล คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
    ปวัตติกาล
    มีคนเคารพนับถือมีความสุขสบาย

    ๓ ภาวนาที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
    ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องในการที่จะสร้างภาวนาให้เกิดขึ้น
    ๒. มีเจตนา ๔ ในการภาวนานั้น คือ
    ๑. เจตนาก่อนภาวนา
    ๒. เจตนาขณะกำลังภาวนา
    ๓. เจตนาเมื่อภาวนาเสร็จแล้วใหม่ๆ
    ๔. เจตนาเมื่อภาวนาเสร็จไปนานแล้ว
    ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔๔. ภาวนาอันถูกต้องในพระธรรมของพุทธศาสนา๕. มีความรู้ความหมายของบทบริกรรมภาวนานั้นว่ามีความหมายประการใดแล้วโน้มจิตตามไป
    ผลของ ภาวนา
    ปฏิสนธิกาล คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
    ปวัตติกาล
    ๑. มีจิตใจไม่วุ่นวาย
    ๒. การดำรงชีวิตมีสุข

    ๔. การเคารพบุคคลที่ควรเคารพหรือการอ่อนน้อมถ่อมตนที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
    ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องในบุคคลผู้นั้น
    ๒. มีเจตนา ๔ ในการเคารพหรือการอ่อนน้อมถ่อมตน คือ
    ๑. เจตนาก่อนทำ
    ๒. เจตนาขณะกำลังทำ
    ๓. เจตนาเมื่อทำเสร็จแล้วใหม่ๆ
    ๔. เจตนาเมื่อทำเสร็จแล้วเป็นเวลานาน
    ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔๔. บุคคลผู้นั้นมีคุณสมบัติอันดีทางโลกหรือทางธรรมอันถูกต้อง
    ๕. เคารพโดยการอนุโมทนาในคุณงามความดีในทางโลกหรือทางธรรมอันถูกต้องของผู้นั้น
    ผลของ เคารพบุคคลที่ควรเคารพ
    ปฏิสนธิกาล คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
    ปวัตติกาล
    มีคนเคารพนับถือยอมรับเป็นผู้นำของเขา

    ๕. ขวนขวายในกิจที่ชอบที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
    ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องในการที่จะขวนขวายในกิจที่ชอบ
    ๒. มีเจตนา ๔ ในการขวนขวายในกิจที่ชอบนั้น คือ
    ๑. เจตนาก่อนทำการขวนขวายในกิจที่ชอบ
    ๒. เจตนาขณะทำการขวนขวายในกิจที่ชอบ
    ๓. เจตนาที่ขวนขวายในกิจที่ชอบเสร็จแล้วใหม่ๆ
    ๔. เจตนที่ขวนขวายในกิจที่ชอบเสร็จแล้วนาน
    ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔๔. การกระทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นต่อส่วนรวมโดยไม่เดือดร้อนแก่ผู้ใด เช่น การทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    ผลของ ขวนขวายในกิจที่ชอบ
    ปฏิสนธิกาล คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
    ปวัตติกาล
    ๑. ดำรงชีวิตด้วยความปลอดโปร่ง
    ๒. มีคนช่วยเหลือและสนับสนุนในกิจการที่กระทำในชีวิต

    ๖. การแผ่กุศลผลบุญที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
    ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องที่จะให้ความเอื้อเฟื้อความสุขความสบายแก่ผู้อื่น
    ๒. มีเจตนา ๔ ในการที่จะแผ่กุศลผลบุญนั้น คือ
    ๑. เจตนาก่อนที่จะแผ่กุศลผลบุญนั้น
    ๒. เจตนาขณะที่กำลังแผ่กุศลผลบุญนั้น
    ๓. เจตนาที่แผ่กุศลผลบุญนั้นเสร็จแล้วใหม่ๆ
    ๔. เจตนาที่ได้แผ่กุศลผลบุญนั้นเสร็จนานแล้ว
    ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔๔. ตนได้สร้างกุศลอันถูกต้องให้เกิดขึ้นแล้ว อันได้แก่ กามาวจรกุศล รูปาวจรกุศล อรูปาวจรกุศล โลกุตตรกุศล อันถูกต้องในพระพุทธศาสนา
    ๕. การแผ่กุศลเสร็จแล้ว ควรจะได้ขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ทั้งนี้เพราะผู้นั้นอาจเคยเป็น เจ้าเวรนายกรรมมาแต่ก่อนก็ได้๖. ระบุผู้ที่ควรแก่การแผ่กุศลนั้นด้วยเจตนาอันมั่นคง และสมควรแก่ฐานะที่เราจะแผ่กุศลผลบุญให้แก่เขา หรือสมควรแก่ฐานะของผู้รับจะได้รับหรือไม่
    ผลของ แผ่กุศลผลบุญ
    ปฏิสนธิกาล คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
    ปวัตติกาล
    ๑. มีผู้ยกย่องสรรเสริญ
    ๒. มีกินมีใช้อันสมควรแก่ฐานะ
    ๓. มีผู้เสียสละให้แก่ตน

    ๗. การอนุโมทนาบุญที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
    ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องที่ผู้นั้นกระทำคุณงามความดีอันถูกต้องในทางโลกหรือทางธรรม
    ๒. มีเจตนา ๔ ในการอนุโมทนาคุณงามความดีของผู้นั้น คือ
    ๑. เจตนาก่อนที่จะอนุโมทนา
    ๒. เจตนาขณะที่กำลังอนุโมทนา
    ๓. เจตนาขณะที่อนุโมทนาเสร็จแล้วใหม่ๆ
    ๔. เจตนาขณะที่อนุโมทนาเสร็จเป็นเวลานานแล้ว
    ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔๔. รู้ว่าผู้นั้นกระทำโดยถูกต้องทั้งในทางโลกหรือทางธรรมเพื่อเป็นการสืบต่อ ๓ สถาบัน คือ ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา องค์พระมหากษัตริย์ โดยไม่หวังประโยชน์ใดๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
    ๕. อนุโมทนาคุณงามความดี หรือมีความยินดีต่อการกระทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมโดยไม่
    เบียดเบียนหรือหวังผลแต่ประการใดๆ เลย
    ผลของ การอนุโมทนาบุญ
    ปฏิสนธิกาล คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
    ปวัตติกาล
    ๑. มีผู้สรรเสริญ
    ๒. ดำเนินชีวิตโดยความถูกต้อง

    ๘. การฟังธรรมที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
    ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องที่ได้ฟังธรรมในพระพุทธศาสนา
    ๒. มีเจตนา ๔ ในการฟังธรรมนั้น คือ
    ๑. เจตนาก่อนที่จะฟัง
    ๒. เจตนาขณะที่กำลังฟังธรรม
    ๓. เจตนาที่ฟังธรรมเสร็จแล้วใหม่ๆ
    ๔. เจตนาที่ฟังธรรมเสร็จนานแล้ว
    ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔๔. ตั้งใจฟังด้วยความเคารพในธรรมของพุทธศาสนาและพยายามจดจำไว้
    ๕. เมื่อฟังแล้วพิจารณากลั่นกรองด้วยเหตุด้วยผล และพิจารณาว่าธรรมนั้นสมควรแก่ฐานะ
    ของตัวเราที่จะประพฤติปฏิบัติได้หรือไม่
    ๖. เมื่อมีข้อสงสัยก็สนทนาไต่ถามเพื่อทำความเข้าใจอันถูกต้อง
    ๗. ประพฤติปฏิบัติธรรมที่ได้ฟังให้ถูกต้องตามควรแก่ฐานะ คือ การสืบต่อพระพุทธศาสนา
    นั่นเอง
    ผลของ การฟังธรรม
    ปฏิสนธิกาล คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
    ปวัตติกาล
    มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ที่คนอื่นรู้ได้ยากแต่ตนรู้ได้โดยง่าย

    ๙. การให้ธรรมเป็นทาน ที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
    ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องเพื่อดำรงไว้ซึ่งพุทธศาสนา
    ๒. มีเจตนา ๔ ในการที่ให้ธรรมอันสมควร คือ
    ๑. เจตนาก่อนให้ธรรม
    ๒. เจตนากำลังให้ธรรม
    ๓. เจตนาที่ให้ธรรมเสร็จแล้วใหม่ๆ
    ๔. เจตนาที่ให้ธรรมเสร็จนานแล้ว
    ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔๔. เป็นธรรมในพระพุทธศาสนาอันถูกต้อง
    ๕. ธรรมที่ให้นั้นเป็นธรรมที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังที่จะนำไปประพฤติปฏิบัติ
    ๖. ชี้แจงให้ผู้ฟังมีความเข้าใจ สามารถนำไปประพฤติปฏิบัติได้โดยถูกต้องตามฐานะ
    ผลของ การให้ธรรมเป็นทาน
    ปฏิสนธิกาล คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
    ปวัตติกาล
    ๑. มีปัญญาเฉลียวฉลาด
    ๒. เข้าถึงธรรมอันถูกต้องได้โดยง่าย
    ๓. มีกินมีใช้อันสมควรแก่ฐานะ
    ๔. มีผู้เคารพนับถือ
    ๕. ดำเนินชีวิตไปด้วยความถูกต้อง

    ๑0. ทิฏฐุชุกรรม( การทำความเห็นให้ถูก ) ที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
    ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องโดยเชื่อพระธรรมในพุทธศาสนาแต่ละเรื่องและขั้นตอนในการที่กระทำ
    สิ่งนั้นๆ ให้ถูกต้อง
    ๒. จะต้องมีการค้นคว้าในพระธรรมคำสอนอันถูกต้อง
    ๓. จะต้องมีการประพฤติธรรมปฏิบัติธรรมอันสมควรแก่ธรรมและผลเกิดขึ้นแล้วจึงจะสามารถรู้ได้ว่าอย่าง
    ใดผิดอย่างใดถูก
    ๔. ต้องใช้สติและปัญญาประกอบด้วยเหตุและผลแต่ละขั้นละตอน
    ๕. ในเรื่องแต่ละเรื่องจะต้องพิจารณาด้วยเหตุและผลด้วยจิตเป็นอุเบกขา ทั้งในเรื่องดีและ
    เรื่องชั่ว
    ๖. สิ่งที่ถูกต้องตามพระธรรมคำสอนนั่นก็คือ " ละความชั่ว ทำแต่ความดี "
    ๗. เมื่อการทำความเห็นให้ถูกต้องแล้ว จะกระทำในสิ่งอันถูกต้องนั้นจะต้อง ประกอบด้วยเจตนา
    ๔ อันมีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่ง ใน ๘ ดวง
    ผลของ ทิฏฐุชุกรรม
    ปฏิสนธิกาล คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
    ปวัตติกาล
    ๑. มีสติปัญญาอันว่องไว
    ๒. มีความคิดความเห็นอันถูกต้องทั้งในทางโลกและทางธรรม

     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    7194. บุญกิริยาวัตถุ 10
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=28144&sid=4df900d1c02497beae9b3459

    โดย ออย - ตอบเมื่อ: 26 ส.ค. 2006, 5:29 pm

    จากที่ได้อ่านหนังสือธรรมคีตาของนภาจรี หน้า26-27 แล้วเกิดความประทับใจในเรื่องของการทำความดี แล้วมีข้อความที่เป็นประโยชน์แก่เยาวชนจึงต้องการที่จะเผยแพร่แก่เยาวชน เพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต
    บุญกิริยาวัตถุ 10

    บุญกิริยาวัตถุ 10 (ที่ตั้งแห่งการทำบุญ, ทางทำความดี​
     
  13. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ตาลุงฝากบอกมา ว่า ทนสิทธิ์บางอย่างที่ท่านหา บูชา หรือได้รับมา บางชนิดท่านมีชีวิตครับ จำเป็นต้องแจ้งและ เชิญให้ท่านมาช่วยร่วมสร้างบุญบารมีกัน ครับ เมื่อได้รับมาก็อธิษฐานแจ้งท่าน และหรือให้ หลวงปู่ช่วยเมตตาให้ก่อนก็ดีครับ หุ หุ
     
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ไม่มีอารายท่านตั้งใจครับ ท่านปาทานชอบยัดความสามารถให้เรื่อยครับ ผมแนะนิดครับ ถามอารายมาต้องรีบตอบไม่ทราบไม่รู้ครับ ขืนบอกว่ารู้ก็เสร็จ ตกหลุมครับ หุ หุ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ตั้งจิต [​IMG]
    เป็นไรกันง่ะตัวเอง มองหน้าแล้วรู้ใจกาน หงิม หงิม ;aa20

    เอ่อ แต่ถ้าเป็นมุก ก็จะมีคนแย่งกันรับนะ ลองเอามาแจกดูสิ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ;aa23

    เกลือ ต้องมีความเค็ม น้ำตาล ต้องมีความหวาน
    คนเรามีความสามารถ ความสามารถก็ไม่ได้ไปไหน ยังอยู่กับตัวครับ



    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ขอบคุณครับ

    ผมเองมีรังเหล็กไหล ซึ่งในนั้นมีเหล็กไหลอยู่ เคยหายไปครั้งนึง ผมไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนหลังก็เลยอธิษฐาน หลังจากอธิษฐานไม่กี่วัน ผมลองไปดูที่เดิม ปรากฎว่า กลับมาอยู่ที่เดิม เรื่องแปลกๆของผมครับ

    วันพรุ่งนี้ ผมจะรอรับอีกเช่นกันครับ
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>แก๊งขายไตแพร่เน็ตแพทย์-ตร.เตือนผิดก.ม.
    http://www.komchadluek.net/2008/09/22/x_scoo_p001_222197.php?news_id=222197</TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER>[​IMG]</CENTER>


    ในโลกอินเทอร์เน็ตไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้แม้แต่การโกหกหลอกลวง แสวงหาประโยชน์โดยพวกทุจริตชน เพียงแต่ว่าใครจะเท่าทันและรู้วิธีหลบหลีกไม่ให้ตกเป็นเหยื่อได้อย่างไร !?!


    ข้อความในกระดานสนทนาหรือเว็บบอร์ดเว็บไซต์ซื่อดังหลายแห่งปรากฏข้อความประกาศขายไต โดยให้เหตุผลประกอบหลากหลายออกไป แต่ส่วนใหญ่พบว่ามีเนื้อหาให้ชวนสงสารหรือน่าเห็นใจและคล้อยตาม
    "ต้องการขายไตด่วน ราคา 5 แสนบาท เป็นหญิงอายุ 45 ปี ไม่เคยดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ไม่มีโรคประจำตัว สนใจติดต่อคุณแนน 085-353-xxxx ไม่ได้ล้อเล่นแต่อย่างใด ต้องการนำเงินไปรักษาแม่ที่ป่วยหนัก"
    "ผมต้องการขายไต 1 ข้างเพื่อช่วยแฟนผม ด่วนเพศชาย อายุ 21 ปี เลือดกรุ๊ปเอบี สุขภาพแข็งแรง ในราคา 5 แสนบาท ท่านใดต้องการไตโปรดติดต่อ 084-013-xxxx 083-561-xxxx ขายจริงนะครับ โปรดช่วยเหลือคนที่ผมรักที่สุดด้วย"
    "ต้องการขายไตด่วน ! หาเงินไปรักษายาย ตอนนี้ยายอยู่โรงพยาบาลไม่มีเงินค่ารักษา ต้องผ่าตัดด่วน ยายป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดัน หัวใจ เพศชายอายุ 29 สุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ เลือดกรุ๊ปบี ไม่มีโรคใดๆ ทั้งสิ้น ติดต่อได้นะครับ เบอร์ติดต่อ 084-699-xxxx แมน"
    หรือรูปแบบล่าสุดยื่นข้อเสนอด้วยการจดทะเบียนสมรสหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายสำหรับคนที่ไม่รู้
    "ขายไต 1 ข้าง ด่วนมากค่ะ ยินดีจดทะเบียนสมรสและหย่าหลังจากผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย"
    ฯลฯ
    ข้อความเหล่านี้ทำให้"คม ชัด ลึก" ต้องหยุดมองด้วยความสนใจ จึงทดลองโทรศัพท์ไปตามเบอร์ที่ปรากฏหลายเบอร์ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงติดต่อกลับไปทางอีเมลแอดเดรสที่ผู้ประกาศขายไตกว่า 10 รายทิ้งเอาไว้ให้ติดต่อกลับ พร้อมกับเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของผู้ประกาศขายไตผ่านอินเทอร์เน็ตตามเว็บไซต์ต่างๆ อยู่นานกว่าสัปดาห์ พบว่า มีรายชื่อใหม่ๆ แวะเวียนเข้ามาประกาศขายไตเกือบทุกวัน
    ในที่สุด"คม ชัด ลึก" ก็ได้รับการตอบรับจาก "สุนีย์" หญิงสาววัย 28 ปี ที่ประกาศขายไตในราคา 4 แสนบาท และยินดีจะจดทะเบียนสมรสกับผู้ซื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายเกี่ยวกับการขายอวัยวะ ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย โดยนัดให้สุนีย์มาพบที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พร้อมกับหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่ามีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี
    สุนีย์เป็นหญิงสาวรูปร่างเล็กผิวสองสี สวมเสื้อยืด กางเกงยีน มากับเพื่อนชายอีกคน เธอบอกว่าต้องการนำเงินไปรักษาน้องชายที่ป่วยอยู่ แต่ไม่บอกว่าเป็นโรคอะไรถึงต้องใช้เงินมากขนาดนั้น นอกจากนี้ ยังจะนำไปใช้หนี้บัตรเครดิตด้วย โดยเบื้องต้นผู้ซื้อจะต้องวางเงินมัดจำก้อนแรกเป็นเงิน 4 หมื่นบาท ค่าตรวจร่างกายอีก 5,000 บาท ซึ่งเธอจะไปตรวจร่างกายแล้วเอาใบรับรองแพทย์มาให้
    "คม ชัด ลึก" ต่อรองที่จะเป็นคนพาสุนีย์ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ หากกรุ๊ปเลือดและร่างกายสมบูรณ์ก็ยินดีจะจ่ายเงินงวดแรกให้ แต่เห็นได้ชัดว่าสุนีย์และเพื่อนชายมีสีหน้าท่าทางวิตกกังวลจนผิดสังเกต ก่อนจะบ่ายเบี่ยงนัดให้ไปเจอกันที่ รพ.รามาธิบดี ในอีก 2 วันข้างหน้า แล้วขอตัวกลับไปทันที หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อเธอได้อีก และ 2 วันต่อมาก็ไม่ปรากฏตัวตามที่นัดหมายแต่อย่างใด
    นอกจากสุนีย์แล้วยังโทรศัพท์ติอต่อไปยังผู้ประกาศขายไตอีก 2 ราย ซึ่งทั้งสองมีข้อแม้ว่าจะต้องให้โอนเงินผ่านธนาคาร เพื่อเป็นค่าเดินทางเป็นเงิน 1,000 บาท !?!
    ด้วยพฤติกรรมอันน่าสงสัยเหล่านี้จึงติดต่อไปยัง ศ.นพ.โสภณจิรสิริธรรม คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะนายกสมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมศัลยศาสตร์แห่งเอเชีย เพื่อไขข้อข้องใจและแสวงหาคำตอบ ก็ได้รับการยืนยันว่า หากพบเห็นการโฆษณาขายไตในไทยให้เชื่อไว้ก่อนได้เลยว่า เป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่หากินกับผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับการขายอวัยวะ อีกทั้งขั้นตอนการปลูกถ่ายไตมีขั้นตอนที่ละเอียดซับซ้อนมาก
    ศ.นพ.โสภณอธิบายว่า ผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้ายจะเสียชีวิตภายในไม่กี่เดือน วิธีรักษามีด้วยกัน 3 วิธี คือ ฟอกเลือด ล้างไต และเปลี่ยนไต ซึ่งทางการแพทย์ระบุตรงกันว่าเป็นวิธีรักษาที่ดีที่สุด มีโอกาสเป็นปกติถึง 90% ตรงกันข้ามกับ 2 วิธีแรกที่ผู้ป่วยจะไม่สามารถใช้ชีวิตแบบคนปกติได้
    การเปลี่ยนไตในประเทศไทยมี2 ทาง คือ จากคนเป็นกับคนตาย ไตจากคนเป็นมาจากพ่อแม่บริจาคให้ลูก หรือลูกบริจาคให้พ่อแม่ ญาติให้ญาติ ซึ่งต้องพิสูจน์ความเป็นเครือญาติก่อน จากสามีให้ภรรยาหรือภรรยาให้สามี ในที่นี้จะต้องแต่งงานกันมานานกว่า 3 ปี หรือถ้าน้อยกว่านั้นจะต้องมีลูกด้วยกันเท่านั้น ส่วนไตจากคนตายได้มาจากการบริจาคร่างกายให้สภากาชาดไทย
    "มีหลายคนตั้งคำถามว่า เราสามารถขายไตได้ไหม ในประเทศไทยถือว่าผิดกฎหมาย ไทยและอีกหลายประเทศในโลกยังถือว่าผิดจริยธรรม จึงไม่ทำกัน แต่ถ้าถามว่าหมอไทยผ่าตัดได้ไหม ตอบตรงนี้เลยว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะขั้นตอนเยอะมาก"
    การผ่าตัดเปลี่ยนไตแต่ละครั้งจะต้องใช้แพทย์ศัลยกรรม4 คน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไต 2 คน พยาบาล 20 คน พยาบาลฟอกเลือด 2 คน รวมแล้วใช้บุคลากรทางการแพทย์เกือบ 30 คน นายกสมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย บอกว่า ปัจจุบันนี้แพทย์ด้านไตที่เก่งๆ ในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 20 คน เชื่อว่าแต่ละคนคงไม่เสี่ยงทำเรื่องผิดกฎหมาย ที่สำคัญการไปซื้อไตมาเปลี่ยนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะต้องดูกรุ๊ปเลือดและเนื้อเยื่อว่าสามารถเข้ากันได้หรือไม่
    "ที่ผ่านมาเห็นข่าวประกาศขายไตหลอกเอาเงินมัดจำแล้วก็หายไปเยอะ ซึ่งก็ต้องเห็นใจผู้ป่วยเพราะอยากจะหาไตมาเปลี่ยนแลกกับความทรมาน" แม้ว่าหลายประเทศในโลกใบนี้จะไม่เห็นด้วยกับการขายไตทว่าก็ยังมีบางประเทศที่มีมุมมองเห็นต่างออกไป เช่น จีน อินเดีย และปากีสถาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้ป่วยไตนิยมเดินทางไปผ่าตัดเปลี่ยนไตมากที่สุด โดยนำไตมาจากนักโทษประหาร ซึ่งมีค่อนข้างมากเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรของทั้งสามประเทศข้างต้น ในราคา 1-2 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ทำให้ทราบว่าการผ่าตัดเปลี่ยนไตในสามประเทศนี้ ไม่ค่อยได้มาตรฐาน 80% เกิดปัญหาและไม่สามารถเยียวยาได้ "การขายไตในประเทศไทยผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.การค้ามนุษย์ ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้ใดก็ตามขายอวัยวะ บังคับขู่เข็ญ หรือหลอกลวงขายอวัยวะอะไรก็ตามถือว่ามีความผิด ไม่รวมถึงผู้สนับสนุนให้การมีขายอวัยวะด้วย เพราะฉะนั้นหากเจอการประกาศขายไตในอินเทอร์เน็ตให้เชื่อไว้ก่อนได้เลยว่า เป็นเรื่องหลอกลวงโดยกลุ่มมิจฉาชีพ มีโทษจำคุก 4-10 ปี ปรับ 8 หมื่นถึง 2 แสนบาท" พล.ต.ต.วิสุทธิ์วานิชบุตร ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กเยาวชนและสตรี(ปดส.) ระบุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กว่าจะเกิดเป็นคนได้ ก็แสนยากเย็น

    เกิดเป็นคนแล้ว ก็ยังประมาท ไม่พัฒนาเปลี่ยนแปลงให้เป็นมนุษย์

    ยังหลงระเริง ยังคิดว่าตัวเองเก่ง ปรามาสในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้

    กว่าจะตาย ก็ตายลำบาก

    ตายแล้ว ยิ่งลำบากมาก

    แถมกว่าจะเกิดใหม่ ยิ่งลำบากสุดๆ

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แห่เก็งกำไรทองสนั่นดันราคาผันผวน ขาใหญ่ชี้พุ่งบาทละ 15,500 บาทแน่

    http://www.matichon.co.th/prachachat/news_detail.php?id=1864&catid=1

    ราคาทองคำผันผวนหนัก นักเก็งกำไรจับตาไม่กะพริบ ทำกำไรกันยกใหญ่ ผู้ค้าทองรายใหญ่ฟันธง หากวิกฤตการเงินสหรัฐยังไม่กระเตื้อง มีสิทธิได้เห็นทะลุบาทละ15,500 บาท

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 align=right border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]


    </TD></TR><TR><TD>บรรยากาศการซื้อขายทองย่านเยาวราชที่คึกคักตลอดสัปดาห์ทีผ่านมา</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ราคาทองคำในช่วงสัปดาห์นี้ยังคงผันผวนหนัก หลังจากในช่วงวันที่ 16-17 กันยายนที่ผ่านมาราคาขายทองคำแท่งได้ลดลงไปอยู่ที่บาทละ 12,750-12,850 บาท ราคารับซื้อ 12,650-12,750 บาท ราคาตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 775-780 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ แต่ในวันที่ 18 กันยายนราคาตลาดโลกกลับพุ่งขึ้นไปแตะที่ระดับ 870 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ส่งผลให้ราคาขายทองคำแท่งในไทยปรับตัวไปสูงสุดที่บาทละ 13,700 บาท หรือรับซื้อบาทละ 13,600 บาท เกิดการขายทำกำไรระหว่างบาทละ 500-800 บาท​
    ล่าสุดกราฟราคาทองคำต่างประเทศในตลาด COMEX ที่นิวยอร์กซึ่งเป็นตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ยังผันผวนมาก โดยในช่วงวันที่ 18 กันยายน ปรับพุ่งขึ้นได้ถึง 920 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และลงไปต่ำสุดที่ 836 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ก่อนที่จะปรับตัวลงมาปิดที่ราคา 840 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หลังจากสหรัฐออกมาตรการเร่งด่วนในการเข้าช่วยเหลือตลาดการเงิน ประกอบกับการระดมทุนของธนาคารกลางประเทศต่างๆ เป็นผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับลง ราคาขายอยู่ที่ 13,350 บาท ราคารับซื้อบาทละ 13,250 บาท
    นักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำยังคงผันผวนต่อไป โดยอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐ หากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็ว ราคาทองคำจะทรงตัว แต่หากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มแย่ลง ราคาทองคำก็จะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น
    นอกจากนี้ในวันที่ 27 กันยายนนี้ยังเป็นวันที่ครบกำหนดระยะเวลาการเทขายทองคำของธนาคารกลางยุโรปตามข้อตกลง "Central Banีks Gold Agreement" ที่วางกฎเกณฑ์เอาไว้ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2548 โดยกำหนดให้ ธนาคารกลางยุโรป รวมถึงธนาคารกลางในประเทศต่างๆ แถบยุโรปสามารถเทขายทองคำได้ไม่เกิน 500 ตัน/ปี มาตั้งแต่ปี 2547 ถึง 2552 เหตุผลที่ต้องมีข้อตกลงนี้ก็เพราะเกรงว่าถ้าปล่อยให้แต่ละธนาคารกลางเทขายทองคำได้อย่างเต็มที่ อาจส่งผลให้ราคาทองคำดิ่งลงอย่างหนัก
    ดังนั้นในสถานการณ์ปัจจุบันจึงมีแนวโน้ม 2 ทาง คือธนาคารกลางยุโรป "อาจจะ" เทขายทองคำออกมาก่อนวันที่ 27 กันยายนนี้ ซึ่งจะทำให้ราคาทองในตลาดโลกตกลงไปอีก หรือธนาคารกลางยุโรป "อาจจะ" ไม่เทขายทองออกมาตามโควตาที่ได้รับ เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจึงต้องการจะกันสำรองทองคำไว้
    อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่สนใจจะลงทุนทองคำในช่วงนี้จึงควรศึกษาข้อมูลด้านต่างๆ ให้รอบคอบ แต่หากถึงเดือนตุลาคมเชื่อว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้น เนื่องจากปัจจัยบวกหลายข้อ ได้แก่ เทศกาลแต่งงานของชาวอินเดียซึ่งมีความต้องการใช้ทองคำอย่างมาก หลังจากนั้นจะเป็นช่วงเลือกตั้งสหรัฐซึ่งจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นในสหรัฐ และต่อด้วยเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ของคนเชื้อสายจีน (ตรุษจีน) ซึ่งนิยมซื้อทองคำ ทำให้มีแนวโน้มว่าในระยะยาวราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
    นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การลงทุนทองคำในช่วงที่ราคาผันผวนจะมีความเสี่ยงสูง เพราะผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับราคาที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งหากราคาลงก็จะทำให้เงินจมอยู่กับทอง จะแตกต่างจากเงินฝากหรือถือพันธบัตรที่จะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยจ่ายให้ทุกปี ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังการลงทุนในทองคำช่วงนี้ด้วย
    ด้านนายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัทออสสิริส จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายทองคำเพื่อการลงทุน กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" กรณีการผันผวนของราคาทองคำในตลาดโลกช่วงนี้ได้สร้างปัญหาความหนักใจให้แก่ร้านค้าทองและนักลงทุนอย่างมาก เพราะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันมาก่อนว่าราคาทองในตลาดโลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก โดยเฉพาะราคาทองคำในช่วงวันที่ 18-19 กันยายนนี้ เพียงชั่วข้ามวันราคาทองแตกต่างกันถึง 100 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ถือเป็นอัตราการปรับราคาทองคำแท่งสูงสุดครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของวงการค้าทอง
    ทั้งนี้ทองคำแท่งยืนราคาขายสูงสุดที่ 900 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ส่งผลทำให้ประชาชนแห่นำทองคำแท่งออกมาเทขายกันอย่างคึกคัก ซึ่งถือเป็นโชคดีเพราะข้ามคืนราคาทองก็ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 825 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ (บ่ายวัน 19/9/51) อย่างไรก็ตามในวันนี้ (19/9/51) นักลงทุนก็ยังเกาะกระแสการลงทุนทองคำอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ทางบริษัทได้รับการติดต่อจากนักลงทุนหลายรายเพื่อตรวจสอบข้อมูลราคาทองคำแท่งเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนลงทุนรอบใหม่อีกครั้ง
    นายบุญเลิศได้ให้ข้อแนะนำแก่นักลงทุนว่า ต้องติดตามตรวจสอบข้อมูลภาวะตลาดและราคาทองอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา การเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำในตลาดโลก เกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก คือค่าเงินดอลลาร์-ราคาน้ำมันในตลาดโลก และภาวะเศรษฐกิจของโลก นักลงทุนต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนว่าสาเหตุการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำในตลาดโลกเกิดจากสาเหตุใด และปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขหรือยัง
    สำหรับความผันผวนของภาวะราคาทองคำในตลาดโลกขณะนี้เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในตลาดสหรัฐอเมริกา ทำให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์และประชาชนจำนวนมากหันมาซื้อทองคำเพื่อเป็นหลุมหลบภัยทางการเงิน โดยเฉพาะเวียดนาม เดือนที่ผ่านมาเวียดนามประสบปัญหาเงินเฟ้อ ทำให้กองทุนการเงินของเวียดนามออกมากว้านซื้อทองคำแท่งในตลาดโลกเป็นจำนวนมาก โดยมีปริมาณการสั่งซื้อทองคำมากกว่าอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราบริโภคทองคำสูงสุดในโลกเสียอีก
    "ปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในสหรัฐอเมริกาทำให้รัฐบาลและธนาคารกลางหลายประเทศพยายามอัดฉีดเงินลงทุนเข้าไปฟื้นฟูเศรษฐกิจ หากนโยบายทางการเงินดังกล่าวไม่ยุติปัญหาได้ในระยะสั้น คาดว่าภายในเร็วๆ นี้ราคาทองคำในตลาดโลกน่าจะปรับตัวสูงถึง 1,000 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์อย่างแน่นอน(คำนวณเป็นราคาซื้อขายทองคำในประเทศเท่ากับบาทละ 15,500บาท)" นายบุญเลิศกล่าว
    ขณะที่นายสัมฤทธิ์ สิริอร่ามสกุล ประธานบริษัทไทยจิวเวลรี่ แมนูแฟคเจอเรอ จำกัด ผู้ผลิตเครื่องประดับอัญมณีรายใหญ่กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ส่งออกหลายรายรู้สึกหนักใจเพราะไม่รู้ว่าออร์เดอร์สั่งซื้อสินค้าประเภทประดับทองที่ได้รับในงานบางกอกเจมส์ เมื่อเร็วๆ นี้ "จะกลายเป็นทุกขลาภหรือไม่" เนื่องจากช่วงที่รับออร์เดอร์มาราคาทองอยู่ที่ 750-760 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ แต่สัปดาห์นี้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 900 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ นอกจากนี้ราคาต้นทุนโลหะมีค่าชนิดอื่น ทั้งเงินและแพลทินัมต่างก็แกว่งตัวเช่นกัน แถมยังมีผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดหลักของไทยมากกว่า 30% "ผมเชื่อว่าภายในปีนี้จะมีกลุ่มผู้ค้าอัญมณีประเภท SMEs ที่ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอาจจะต้องปิดกิจการลงบางส่วน"
    ด้านนายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ เปิดเผยว่า จากที่เมื่อวานนี้(18ก.ย.)ราคาทองคำในประเทศได้ปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 950 บาท และวันนี้(19ก.ย.)ราคาทองคำได้ปรับลดลงมา สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดราคาทองคำโลกช่วงนี้มีความผันผวนพอสมควร จากการที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสถาบันการเงินสหรัฐฯ ที่อาจมีการล้มละลายเป็นลูกโซ่ จึงมีการถอนเงินจากธนาคารเพื่อนำมาเก็งกำไรทองคำกันมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ตนคิดว่า ยังไม่เหมาะที่จะลงทุนด้านทองคำ ควรรอดูสถานการณ์ราคาให้ชัดเจนก่อน

    ----------------------------------------------------
    *************************************

    เวลาที่เรารับข่าวสาร ฟังหูไว้หู พิจารณาให้ดีครับ

    .
     
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    แอบกระซิบดังๆครับ เมื่อคืนน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 10กว่าเหรียญ ก่อน ไปทำงานผ่านปั๊ม ควรเติมให้เต็มนะครับ หุ หุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...