พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ที่เว้นไข่ปลา....... เนี่ย ต้องการให้เติมคำในช่องว่างหรือครับ ฮี่..ฮี่..ฮี่...

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ake7440
อืม เวรวันนี้ยุ่งจริงๆครับ มีทั้งอุบัติเหตุ ซี่โครงหัก ปอดฉีก เลือดออกในปอด
แม่คลอดติดต้องใช้เครื่องดูด แผลฉีกขาดไปถึงรูทวาร แล้วยังมีรกค้างอีก - -" ยังไม่เลยเที่ยงคืนเลยครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ทำงานไป พิจารณาไป เห็นทุกวันก็ได้แต่ปลงกับชีวิตเนอะ มันไม่พ้น มันเที่ยงจริงๆ...

แต่คิดๆไป หากเห็นทุกวัน ใจอีกซีกจะเกิดการด้านชากับความเจ็บปวด ความตายหรือเปล่า เช่น การฆ่าสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์ทุกวันแบบนี้ ใจมันด้านชาไปหมดเลยหนา คือไม่รู้สึกว่าเป็นบาป

 

อันนี้ยังดี ปอดยังไม่แหก แบบนี้จะน่ากลัวกว่าหรือเปล่า

 

เคยบอกไปแล้วว่า เพียง ๑ ในหลายๆองค์ก็คุ้มแล้ว...ไหมล่ะ...

 

เวลานั้นไม่สามารถพิจารณาได้ครับ เคยดูหนัง Series ER ไหมครับ คล้ายๆอย่างนั้นเลยครับ มันชุลมุนวุ่นไปหมด
ผมยังไม่เก่งขนาดสามารถตั้งสมาธิได้เร็ว และ นิ่งขนาดว่าทำได้ทุกสถานการณ์ครับ
แต่ว่าเวลาตรวจคนไข้ทั่วไป หากไม่ยุ่งมาก ก็จะพยายามเจริญ พรหมวิหาร 4 เป็นกรรมฐานครับ

ตอนนี้ผมกำลังจะหันมาฝึกกสินครับ เพื่อว่าจะได้มีกำลังเพียงพอ ที่จะควบคุมจิตตนเองได้ครับ ผมอ่านหนังสือธรรมมะมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบัน ผมเองรู้สึกว่าสมองผมเข้าใจในความหมายของพระธรรมระดับหนึ่ง
แต่เมื่อถึงเวลาที่เกิดสถานการณ์ที่จิตเราแกว่ง ผมก็ได้แต่ใช้สมองสอนจิตตน เหมือนมีใครมาพูดสอน จิตนั้นก็จะสงบลงได้ แต่เมื่อคราวที่จิตเรามีกำลังแรงมาก สมองผมก็อบรมไม่ไหวเหมือนกันครับ
ทำให้ผมคิดว่าผมต้องหาทางใหม่ เพื่อจะกำราบจิตตนเองให้ได้ ก็ด้วยการฝึกจิตครับ
อันนี้ก็ไม่รู้ว่าถูกหรือผิดนะครับ ผมเองก็อยากได้อาจารย์ และ คำแนะนำเหมือนกันครับ เพราะว่าได้แต่ศึกษาเอง อ่านเอง ยังหาอาจารย์ที่สอนจริงๆจังๆไม่ได้ครับ
แต่ตอนนี้กำลังหวังไว้กับท่าน.... แต่ยังไม่มีเวลาเข้าไปหาท่านสักทีครับ

 

มีมาฝากกัน จากธรรมที่พี่ใหญ่แนะนำครับ

ในทุกๆวัน ให้ปฎิบัติธรรม นั่งสมาธิ เพียงแค่ปลายจมูกแค่นั้น จริงๆการทำสมาธิ ไม่จำเป็นต้องนั่ง สามารถทำได้ในทุกอิริยาบท ไม่ว่าจะเป็นนั่ง ยืน เดิน นอน ให้ทำทุกวันๆละหลายๆครั้งก็ได้ แต่อย่างน้อยวันละ 1 นาที ทำกันทุกๆวัน จิตแจ่มใส ยิ่งทำยิ่งได้ ยิ่งให้ยิ่งมีครับ

 

ขยับขึ้นค่าไฟ หน่วยละ 3.02 บ. ผลพวงปรับขึ้นค่าเอฟที

http://hilight.kapook.com/view/29062

​

นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรคกูเลเตอร์) กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 19 กันยายน ว่า ที่ประชุมมีมติปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่14.85 สต.ต่อหน่วย โดยค่าเอฟทีใหม่จะใช้เป็นเวลา 3 เดือน (ตุลาคม-ธีนวาคม 2551) การปรับขึ้นค่าเอฟทีครั้งนี้ จะทำให้ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากประชาชนจะอยู่ที่หน่วยละ 3.02 บาท หรือ สูงขึ้นจากรอบที่ผ่านมาเฉลี่ยร้อยละ 5.17 ปกติค่าเอฟที รอบนี้จะต้องปรับขึ้นสูงถึง 57.22 สตางค์ต่อหน่วย แต่เพื่อไม่ให้กระทบภาคการผลิตและภาคเศรษฐกิจ จึงนำส่วนที่เหลือทยอยปรับขึ้นตลอด 15 เดือน (ตุลาคม 2551

 

ประโยชน์ จาก ผลไม้ ที่คนไทยไม่คุ้น

http://hilight.kapook.com/view/29080



ประเทศไทยจัดได้ว่าเป็นเมืองที่มีผลไม้กินตลอดปี ไม่ว่าจะเป็น เงาะ ลำไย ส้ม กล้วย ฯลฯ และยิ่งเดี๋ยวนี้เรานำเข้าผลไม้จากต่างประเทศเข้ามาด้วย จะยิ่งทำให้ประเทศเราอุดมไปด้วยผลไม้นานาชนิด แถมบางชนิดหน้าตาแปลกๆ เพราะเข้ามาจากต่างประเทศ ผลไม้ที่นำเข้ามานั้น จะมีลักษณะเด่นที่ดูแปลกตาคนไทย จนบางครั้งคนที่เพิ่งเห็นก็จะคิดว่า "เอ๊ะ มันอะไรกันเนี่ย" หรือ "หน้าตาดูไม่น่ากินเลย จะกินได้ไหม" ทำให้หลายคนไม่กล้าลอง แต่แม้ว่าผลไม้นอกจะมีหน้าตาที่ดูแปลกและสีสันไม่น่ามองเท่าไรนัก แต่ผลไม้เหล่านี้อุดมไปด้วยคุณค่าและประโยชน์ที่คาดไม่ถึง จะมีผลไม้อะไรบ้างเราลองมาติดตามดูกันได้เลย...

แก้วมังกร (Dragon Fruit)

​

แก้วมังกร เป็นไม้จำพวกแคนตัส (ตะบองเพชร) เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาใต้ ส่วนไทยนำเข้ามาจากเวียดนาม ที่ได้ชื่อว่า แก้วมังกรนั้น เพราะผลมีลักษณะคล้ายลูกแก้ว อยู่กึ่งกลางระหว่างกิ่ง 2 กิ่ง (คล้ายมังกรกำลังเฝ้าลูกแก้ว) พันธุ์นี้จะมีเนื้อสีขาว ส่วนพันธุ์ที่เนื้อสีแดงจะเป็นสายพันธุ์มาจากไต้หวัน พืชจำพวกกระบองเพชรอย่างแก้วมังกร จะมีสารมิวซิเลจ (Mucilage) จำพวกโปลีแซคคาไรด์เชิงซ้อนอยู่มาก ซึ่งจะช่วยควบคุมน้ำตาลกลูโคสในผู้ที่เป็นเบาหวาน โดยไม่พึ่งอินซูลินและสามารถลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และ LDL คอเลสเตอรอลได้

นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มธาตุเหล็ก บรรเทาอาการเลือดจาง และยังมีสรรพคุณในการป้องกันโรคหัวใจ ความดันเลือด ตับ เบาหวาน มะเร็งลำไส้ และต่อมลูกหมาก ทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อ

อโวคาโด (Avocado)

​

อโวคาโด มีบ้านเกิดอยู่ในแม็กซิโก เป็นผลไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีในประเทศเขตร้อนหรือกึ่งร้อน ซึ่งมีปลูกในไทยมานานแล้ว นำเข้ามาโดยหมอสอนศาสนาแต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เพราะรสชาติไม่เป็นที่คุ้นลิ้นคนไทย นอกจากนี้หลายคนยังคิดว่าอโวคาโดมีไขมันและคอเลสเตอรอลมาก แต่จริงๆ แล้ว ไขมันในอโวคาโดเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายเหมือนน้ำมันมะกอก ทั้งยังมีวิตามิน อี สูง ทำให้มีสรรพคุณในการบำรุงผิว

กีวี (Kiwi)

​

กีวี ผลไม้หน้าตาประหลาด สีน้ำตาล มีขน มองอย่างไรก็ไม่เห็นจะน่ากินตรงไหน กีวีมีถิ่นเกิดอยู่ที่เมืองจีน แต่เป็นที่นิยมที่นิวซีแลนด์ กีวี มีวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 2 เท่า กากใยก็มากกว่าแอปเปิ้ล นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยโปแตสเซียม จึงมีส่วนช่วยลดความดันเลือด ลดความเครียดและความอ่อนเพลีย ทั้งยังช่วยให้ระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นด้วย

ลูกพรุน, ลูกพลับ และ ลูกไหน (Prun, Plub & Plum)

​

หลายคนคงสงสัยว่า ผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้ ต่างกันอย่างไร ความจริงแล้ว ผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้ คือ ผลไม้ชนิดเดียวกัน เพียงแต่ลูกพรุนเป็นการนำลูกพลับมาตากแห้ง ส่วนลูกไหนเป็นชื่อที่คนจีนเรียกลูกพลับ ประโยชน์ของลูกพรุนนี้มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก อุดมไปด้วยไฟเบอร์ แมกนีเซียม เหล็ก โปแตสเซียม และวิตามิน บี สาวๆ ที่ต้องการลดความอ้วน กินลูกพรุนเยอะๆ จะดี เพราะลูกพรุนมีไขมันต่ำ แคลอรี่น้อย แถมเป็นยาระบายอ่อนๆ อีกด้วย

เบอร์รี่ (Berry)

​

เบอร์รี่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ว่าจะเป็นสตอร์เบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ จัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามิน ซี สูง นอกจากนี้จะมีโปรแตสเซียม และเส้นใยอาหารสูงด้วย

- แบล็คเบอร์รี่ มีโฟโตเคมีคอล ช่วยป้องกันโรคมะเร็งและช่วยในเรื่องการขับถ่าย

- บลูเบอร์รี่ ช่วยป้องกันการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

- ราสเบอร์รี่ มีใยอาหาร วิตามินซี, เค และยังมีแมงกานีสที่ช่วยการทำงานของปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ

ทับทิม (Punica/Stone Apple)

​

ทับทิม เป็นผลไม้ขนาดเล็ก นิยมปลูกเป็นไม้มงคลหรือประดับเพื่อความสวยงามมากกว่าจะนำไปใช้ประโยชน์เป็นร่มเงา ทับทิมนั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นดอก ใบ ราก และผลยังอุดมไปด้วยโปแตสเซียม วิตามินซี และวิตามินบี๖ ที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ให้อยู่ในรูปที่ร่างกายต้องการและนำไปใช้ประโยชน์ได้ จึงทำให้ทับทิม มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ท้องร่วง ขับพยาธิ แก้ร้อนใน แก้ไข้ตัวร้อน บรรเทาอาการแผลในกระเพาะอาหาร แก้ริดสีดวงทวาร

นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นยาบำรุงเลือดได้ ด้วยความที่ทับทิมมีรสหวานอมเปรี้ยว จึงทำให้อุดมไปด้วยวิตามินซี จึงช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันได้

กระทกรก / เสาวรส (Passion Fruit)

​

กระทกรก หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เสาวรส เป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงสายตา และผิวพรรณ เนื่องจากมีวิตามินเอ สูง ทั้งยังช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดไขมันในเส้นเลือด และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ในเสาวรสนั้นมีวิตามินซี สูง คือ 39.1 มก./100 มก. ซึ่งมีมากกว่ามะนาวเสียอีก

มะเม่า (Mamao)

​

มะเม่า เป็นผลไม้สมุนไพร สายพันธุ์เดียวกับเบอร์รี่ มีบ้านเกิดอยู่ทางตอนใต้ของประเทศไทย เป็นพืชที่นิยมมาทำเป็นไวน์ผลไม้ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่ต่างชาตินิยมเป็นอย่างมาก เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารมาก เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินซี, บี1, บี2 และวิตามิน อี ทั้งยังให้แคลเซียมและธาตุเหล็กด้วย มีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ บำรุงไต แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้มดลูกอักเสบบวมช้ำ ขับเลือดและน้ำคาวปลา ​

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
​

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

 

น้องกวง ว่างเปล่าครับ ถ้าว่างก็เจอกัน ผมไปช้าเล็กน้อยครับ หุ หุ

 

ถ้างานเสร็จทันจะตามไปครับ

 

วันอาทิตย์นี้เงียบเหงาจังครับ สงสัยจะอยู่กับครอบครัวกันหมด ส่วนผมอยู่เวร ไปไหนไม่ได้ก็นั่งเฝ้าหน้าเวปนี่แหละครับ หุหุ

 

อยู่เวร เฝ้าจอ นะครับคุณหมอ กระทู้จะได้ไม่หล่นไปไกล

 

มาเล่าบรรยากาศmeetingให้ฟังกันหน่อยนะครับ...

ส่วนผมไม่ได้ไปเพราะติดธุระ และเมื่อคืนราว ๑ ทุ่ม - ๔ ทุ่ม ไปเยี่ยมคุณแม่ในซอยลาดพร้าว ๘๓ รถยนต์ผมจอดอยู่ห่างจากบ้านไม่ถึง ๑๐ เมตรโดนทุบกระจกรถหน้าซ้าย และโจรกรรมวิทยุเทป แฟ้มหนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่นไป ๒ เล่ม small talk พระขรรค์วังหน้าด้ามท้าวเวสสุวัณ และพระวังหน้าอีกส่วนหนึ่งที่ไม่เป็นที่นิยมในท้องตลาด มีองค์หนึ่งเป็นพระสมเด็จปัญจสิริ พิมพ์คำว่า ร.ศ.๑๑๒ไว้ที่ใต้ฐานพระ เป็นของเก๊ที่พวกเราเอาไว้ใช้กันเท่านั้น ยังเอาไปได้ เอาไปให้"เสี้ยน"ตีราคา สงสัยมันคงโกรธน่าดูหวนกลับเอามาคืน ก็เป็นได้นะ..

เพื่อนๆที่ขับรถไปจอดในที่ที่เปลี่ยว และมืดก็ต้องหลีกเลี่ยงไว้นะครับ เปลี่ยนที่จอดไปหาที่จอดที่ปลอดภัยกว่าจะดีที่สุด เพราะช่วงนี้อาชกรมาในทุกรูปแบบ เศรษฐกิจที่อ่อนแอ และตำรวจก็ทุ่มกำลังพลไปเฝ้าระวังภัยของการชุมนุมเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ชีวิต และความปลอดภัยในทรัพย์สินเกิดขึ้นแทบจะทุกหย่อมหญ้า ก่อนหน้าที่ผมจะไปแจ้งความบันทึกประจำวันไว้ที่สน.โชคชัย ก็ได้รับทราบจากร้อยเวรว่าวันนี้ช่วงเวลาใกล้เคียงกันได้รับแจ้งไว้ ๒ รายแล้ว รวม ๓ ราย ๒ รายนั้นเป็นรถเบนซ์ 190 E โดนโจรกรรม Note Book ไป ๒ ตัว และเงินสดอีก ๑๐๐,๐๐๐ บาท ตำรวจให้ไปพบที่สืบสวน เพราะจะได้บันทึกพฤติกรรมของคนร้ายไว้ว่ามีความใกล้เคียงกัน และน่าจะเป็นแก๊งค์เดียวกัน ก็ขอให้ได้ระมัดระวังกันไว้ ยิ่งช่วงคืนฝนตก ที่ทั้งมืด และเปลี่ยวนี่จะเหมาะแก่การก่อกรรมทำเช็ญชาวบ้านชาวช่องนะครับ ร้อยเวรบอกขอให้เข้าใจตำรวจว่าไม่มีกำลังพลเพียงพอ แถมโทษแบบนี้ต้องให้จับให้ได้จากหลักฐานโทรทัศน์วงจรปิด แต่จับได้ก็ปรับไม่เท่าไหร่ หรือจำคุกไม่เท่าไหร่ก็ออกมาทำใหม่..

นำภาพความเสียหายมาให้ชมกัน และโปรดระมัดระวังกันไว้ เป้าหมายคือเครื่องเสียง และ Note Book คอมพิวเตอร์ และมักจะไปเล็งเอาจากพวกที่ขับรถมาออกกำลังกาย เพราะทราบว่า จะต้องนำทรัพย์สินเสื้อผ้ามาไว้ในรถ ข้อนี้ขอให้ระมัดระวังกัน

เป็นที่น่าสังเกตคือ ในรถของผมจะเก็บกุญแจของบ้านอีกหลังเป็นพวงใหญ่เลยไว้ตรงช่องว่างตรงเบรคมือก็ได้หายไปพร้อมกับสติกเกอร์ติดหน้ารถด้านคนขับด้วย คนร้ายน่าจะเข้าใจว่าเป็นสติกเกอร์ทางเข้าหมู่บ้านของเจ้าของจึงเอาไปด้วยเผื่อจะได้ย้อนกลับไปเอา ไปโจรกรรมในบ้านอีก เอากันขนาดนี้เลยครับ แต่สติกเกอร์นั่นกลับกลายเป็นสติกเกอร์ของธนาคาร UOB ไปเสียต่างหาก...

 

โอ...น่ากลัวจริงๆครับ ขนาดจอดอยู่ใกล้ๆบ้านแท้ๆ ยังไงก็ขอให้เรื่องราวเรียบร้อยโดยเร็วครับ

 

โธ่คนเราสมัยนี้สังคมเดี๋ยวนี้เสื่อมจริงๆๆครับ

 

ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับคุณเพชร

ขอบคุณที่นำมาบอกเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับท่านผู้อ่านครับ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ข้าวขาหมู"เจริญแสงสีลม" ยืนยง รสเยี่ยม
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000111874
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 กันยายน 2551 14:10 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศภายในร้าน"เจริญแสงสีลม"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> "ข้าวขาหมู"ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารจานเดียวจานด่วนที่ "ผ่านมาแวะกิน" นิยมชมชอบ ยามที่ได้กินข้าวขาหมูรสดีที่มีทั้งเนื้อและหนังนุ่มๆ โดยเฉพาะคากิเคี้ยวนุ่มกรุบกรับปากแล้วล่ะก็ เป็นต้องขอสู้ตาย กินแบบไม่กลัวอ้วน ไม่เกรงกลัวว่าคอเลสเตอรอลจะพุ่งขึ้นสูงเลยจะบอกให้

และในมื้อนี้เมื่อความอยากกินข้าวขาหมูมีสูงซึ่งไม่อาจจะต้านความกลัว (อ้วน) ได้ เราจึงได้พาเอากระเพาะน้อยๆ คู่กายออกเดินทางไปกินข้าวขาหมูรสดีกันยังที่ร้าน “เจริญแสงสีลม” หรือที่คอข้าวขาหมูหลายๆ คนมักเรียกขานกันว่าข้าวขาหมูสีลม ซึ่งเปิดขายความอร่อยมานานกว่า 50 ปีแล้ว

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขาหมูเนื้อหนัง และสารพัดเครื่องใน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เรียกว่าขายกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อจนตอนนี้ตกทอดมาถึงรุ่นลูก มีคุณบัญชา บรรเจิดประยูร เป็นเจ้าของร้านและเป็นผู้สืบทอดสูตรการทำข้าวขาหมูที่มีรสชาติอันเข้มข้นกลมกล่อม เป็นที่ถูกปากถูกใจของเหล่าคอข้าวขาหมู อีกทั้งข้าวขาหมูของร้านนี้ยังมีความพิเศษตรงที่จะมีขาหมูหลายส่วนให้ได้เลือกกินกัน

ขาหมูของที่นี่นั้นจะเลือกใช้แต่ขาหมูส่วนขาหน้าซึ่งจะมีมันน้อยกว่าขาหลัง และคัดมาเป็นพิเศษเลือกขาที่ไม่ใหญ่มากนักประมาณ 2 กิโลกรัม เป็นอันใช้ได้ ซึ่งทางร้านจะนำขาหมูมาทำความความสะอาด แล้วก็แล่เอาน้ำมันออกให้หมด

พร้อมกับถอนขนและตกแต่งขาหมู แล้วจึงนำขาหมูไปย่างด้วยเตาถ่านจนขาหมูสุกและทำให้ได้หนังที่ฟู จากนั้นจึงนำขาหมูไปล้างทำความสะอาดอีกครั้ง ก่อนที่จะนำไปต้มกับเครื่องเทศยาจีนหลายชนิดตามสูตรเด็ดของทางร้าน ตุ๋นนานกว่า 2 ชั่วโมง แล้วก็ยังต้องปรุงรสชาติด้วยเครื่องเทศอื่นๆ และต้มนานอีกกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง จนได้ออกมาเป็นขาหมูรสเลิศที่ชวนกิน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เอ็นข้อคากิ คากิ และขาหมูทั้งขา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> อย่างถ้ามาแล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะสั่ง ขาหมูเนื้อหนัง (จานละ 25 บาท) มากินกันกับ ข้าวสวย (จานละ 5 บาท) ซึ่งที่นี่จะขายข้าวขาหมูแบบแยกขาหมูกับข้าวอยู่แล้ว ขาหมูเนื้อหนังจานนี้ต้องบอกว่ากินแล้วโดนใจโดนปากมากๆ เนื้อขาหมูนุ่มแน่นเคี้ยวนิ่ม หนังขาหมูบางแบบแทบจะไร้มัน

สาวๆ ที่กลัวอ้วนกินได้สบายๆ แถมหนังนั้นเคี้ยวนิ่มนุ่มเหมือนจะละลายได้ในปาก ทั้งเนื้อและหนังได้รสชาติของเครื่องเทศที่ซึมถึงเนื้อในได้อย่างเข้มข้น ส่วนน้ำขาหมูมีรสชาติที่เข้มข้น ออกหวาน เค็ม กลมกล่อมลงตัว และหอมกลิ่นเครื่องเทศยาจีนอ่อนๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของร้านนี้

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บัญชา บรรเจิดประยูร เจ้าของร้านเจริญแสงสีลม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากนี้ก็ยังมี คากิ (ชิ้นละ 30 บาท) ที่ให้เคี้ยวเพลินกับหนังนุ่มๆ เอ็นที่เคี้ยวกรึบกรับปาก แต่ถ้าอยากเคี้ยวมันปากยิ่งขึ้นแนะนำ เอ็นข้อคากิ (ชิ้นละ 15 บาท) ที่จะมีเอ็นให้เคี้ยวกรึบๆ หนึบหนับปาก และถ้าใครชอบกินพวกเครื่องใน ที่นี่มี เครื่องใน (จานละ 25 บาท) ซึ่งมีเครื่องในหลายอย่างทั้งไส้ ลิ้น ตับ หัวใจ ที่เอามาเคี่ยวกับน้ำขาหมู กินแล้วถูกปากได้ใจ
และถ้าใครชอบกินแบบจุใจ แนะนำว่าให้สั่ง ขาหมู (ทั้งขา ขาละ 80 บาท) จะได้ลิ้มรสชาติแบบอิ่มหนำสำราญปาก บอกได้คำเดียวเลยว่าหากใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ข้าวขาหมูตัวยง ไม่ควรที่จะพลาด มาลองกินกันด้วยตัวเองที่ร้าน "เจริญแสงสีลม"

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
"เจริญแสงสีลม" ตั้งอยู่ที่ 492/6 ซ.เจริญกรุง 49 ถ.สีลม สุรวงศ์ บางรัก กทม. การเดินทางมาจาก ถ. สีลม ตรงมาจนถึงรพ.เลิดสิน จะเห็นซอยฝั่งตรงข้าม ด้านหน้าซอยจะมีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นจุดสังเกต ให้ข้าไปในซอยเล็กๆ นั้น แล้วจะเห็นร้านเจริญแสงลีลมอยู่ขวามือเป็นตึกแถว มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน 9.00-13.00 น. โทร. 0-2234-8036, 0-2234-4602
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
--------------------------------------------------------


ผมไปทานมาแล้ว อร่อยจริงๆ เมื่อสักปีสองปีที่แล้ว ทานบ่อยครับ

โดยเฉพาะ ยี่จัก (ข้อแรกที่อยู่ส่วนบนของคากิ) ส่วนแรกคือคากิ (เท้าของหมู)

 

วันนี้เป็นวันที่นัดพบปะสังสรรค์และพูดคุยกัน มีหลายๆท่านได้ไปพบกัน เช่น พี่ไฟดูด , เพื่อนผม ,คุณชวภณ ,คุณnongnooo ,พี่แอ๊ว ,คุณฝน และอีกหลายๆท่าน

วันนี้ มีโอกาสได้ทำบุญหลายๆประการ ได้มีโอกาสทำบุญถวายภัตตาหารเพล พระอาจารย์นิล

และ ผม ,พี่ท่านนึง ,ชาวคณะพระวังหน้า และอีกหลายๆท่าน ได้ร่วมกันถวายพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมเด็จองค์ปฐม ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม ,พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระธาตุพระสิวลี และพระธาตุข้าวบิณฑ์ แด่พระอาจารย์นิล เพื่อบรรจุที่พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง

ขอเชิญทุกๆท่าน มาโมทนาบุญร่วมกันครับ

 

วันนี้ ผมเดินทางไปรับคุณชวภณ ตอนที่เดินทางไปถึง ปรากฎว่า หลายๆท่านมาก่อนหน้าแล้ว ผมไปถึง เห็นหลายๆท่านนำพระพิมพ์ไปนั่งดูกัน พอเห็นหน้ากัน เม้าท์กันกระจาย เหมือนกับมีความอัดอั้นมานาน คุยกันหลายๆเรื่อง ต้องรอคุณnongnooo หรือคุณพุทธันดร มาเล่าให้ฟังกัน

วันนี้ผมได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม ไปมอบให้กับทุกๆท่านที่นำเจดีย์ไป และผมแจกพระพิมพ์ให้กับทุกๆท่านที่ได้ไปพบกัน ผมมอบพิมพ์เจ้าสัว หรือ พิมพ์ไพ่ตอง (ผมให้เลือกพิมพ์ใดพิมพ์หนึ่ง) จำนวนท่านละ 1 องค์ครับ

ผมเห็นผอบที่คุณแด๋น นำมาอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ แทบจะเป็นลม ใหญ่จริงๆครับ ใหญ่มากๆ สุดยอด แต่ละท่านที่ได้เห็นต่างนั่งหัวเราะกัน คิคิคิ