พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“เขื่อนลำพระเพลิง” โคราชจ่อล้นทะลัก!- เตือน ปชช.อพยพหนีน้ำท่วมฉับพลัน
    http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000110483
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 กันยายน 2551 16:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>ฝนตกหนักต่อเนื่อง ปริมาณน้ำเขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา จ่อล้นทะลัก เตือนปชช.เตรียมอพยพหนีน้ำท่วมฉับพลัน ระบุรองรับได้อีกเพียง 5 ล้านลบ.ม. วันนี้ (18 ก.ย.)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>นายเชลงศักดิ์ มานุวงศ์ ชลประทานจ.นครราชสีมา</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ระดมเครื่องสูบน้ำ เร่งระบายน้ำที่ท่วมขังบ้านเรือนปชช. ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>นายธงชัย ลืออดุลย์ รองผู้ว่าฯ นครราชสีมา (ซ้ายสุด) ลงพื้นที่สั่งการแก้ปัญหาน้ำท่วม ต.หนองบัวศาลา</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>แจกยา สิ่งของบรรเทาทุกข์</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>น้ำเริ่มลดระดับ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ฝนตกหนักต่อเนื่องน้ำทะลัก “เขื่อนลำพระเพลิง” โคราชจ่อล้น! เตือน ปชช.ใต้เขื่อน 2 อำเภอ เตรียมอพยพหนีน้ำท่วมฉับพลัน ระบุ รับน้ำได้อีกเพียง 5 ล้าน ลบ.ม.คาดล้นสปริงเวย์ในพรุ่งนี้ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมรับมือแล้ว ด้านทางจังหวัดประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมแล้ว 6 อำเภอ ระดมทุกภาคส่วนเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเร่งระบายน้ำ ล่าสุด ถ.มิตรภาพ-สีคิ้ว น้ำลดเปิดเส้นทางการจราจรได้ตามปกติ ส่วน ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง น้ำเริ่มลดระดับคาดเข้าสู่ภาวะปกติ 1-2 วันนี้ เผยลุ้นระทึก รับมือน้ำ “ลำตะคอง” เอ่อท่วมตัวเมืองโคราช

    วันนี้ (17 ก.ย. ) นายเชลงศักดิ์ มานุวงศ์ ชลประทานจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำของจังหวัดนครราชสีมาหลังจากฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวันจนถึงขณะนี้ ว่า จากรายงานล่าสุด วันนี้ (17 ก.ย.) ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่โดยรวมมีปริมาณน้ำอยู่ในระดับสูง เฉลี่ยประมาณ 60% ของความจุ ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำได้อีกมาก เช่น อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำ 184 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จากขนาดความจุ 314 ล้าน ลบ.ม., อ่างเก็บน้ำลำมูลบน อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำ 80 ล้าน ลบ.ม.จากขนาดความจุ 141 ล้าน ลบ.ม.และอ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.เสิงสาง มีปริมาณน้ำ 173 ล้าน ลบ.ม.จากขนาดความจุ 275 ล้าน ลบ.ม.

    อย่างไรก็ตาม มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่สถานการณ์น่าเป็นห่วงอยู่ในขณะนี้ คือ เขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งล่าสุด พบว่า ระดับน้ำได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 95 ล้าน ลบ.ม.แต่วันนี้เพิ่มขึ้นเป็น 105 ล้าน ลบ.ม.จากขนาดความจุ 110 ล้าน ลบ.ม.เหลือเพียง 5 ล้าน ลบ.ม.น้ำจะล้นสปริงเวย์หรือปากกระโถนเขื่อน ซึ่งคาดว่าน้ำจะล้นเขื่อนภายในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ (18 ก.ย.) เนื่องจากปริมาณน้ำเหนือเขื่อนยังคงไหลลงมาสะสมอย่างต่อเนื่อง

    นายเชลงศักดิ์ กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวทางเขื่อนได้เร่งระบายน้ำออกจากตัวเขื่อนในขณะนี้วันละ 1 ล้าน ลบ.ม.และหากน้ำล้นสปริงเวย์ ปริมาณน้ำที่ระบายลงสู่พื้นที่ใต้เขื่อนก็จะเพิ่มปริมาณมากขึ้นอีก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรของประชาชนได้ โดยทางเขื่อนได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมรับมือน้ำท่วม พร้อมประกาศแจ้งเตือนไปยังประชาชนในพื้นที่ อ.ปักธงชัย และ อ.โชคชัย ให้เตรียมความพร้อมในการอพยพไปอยู่ในพื้นที่สูงปลอดภัยเมื่อเกิดน้ำท่วมฉับพลันขึ้น

    ด้าน นายธงชัย ลืออดุลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ล่าสุด ทางจังหวัดนครราชสีมา ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมแล้ว 6 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ปากช่อง,ปักธงชัย, วังน้ำเขียว, อ.เมือง สีคิ้ว และสูงเนิน ซึ่งทั้ง 6 อำเภอสามารถใช้งบประมาณฉุกเฉินของทางจังหวัด อำเภอละ 500,000 บาท เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้ทันที นอกจากนี้ทางจังหวัดยังได้นำสิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภค ยารักษาโรค และถุงยังชีพ เข้าไปช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมเป็นการเบื้องต้นอย่างเต็มที่

    ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม ถนนมิตรภาพ ช่วง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ล่าสุดเช้านี้ (17 ก.ย.) น้ำได้ลดระดับลง สามารถเปิดเส้นทางการจราจรได้ตามปกติ เช่นเดียวกับที่ บ้านหนองตะลุมปุ๊ก และ หนองตาคง ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้ระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาเร่งระบายน้ำพร้อมแจกจ่ายกระสอบทรายกั้นไม่ให้น้ำเข้าท่วมภายในบ้านเรือนประชาชน คาดว่า จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 วันนี้

    ประกอบกับวันนี้ ทางจังหวัดร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการ และแจกถุงยังชีพ พร้อมรองเท้าบูท และยารักษาโรค ให้กับประชาชน ต.หนองบัวศาลา ที่ได้รับความเดือนร้อนจำนวนกว่า 200 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ประชาชนเจ็บป่วย ด้วยโรคเท้าเปื่อย ไข้หวัด และมีอาการเครียดจากภาวะน้ำท่วมติดต่อกันนานหลายวันกว่า 100 ราย

    นายธงชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังประเมินสถานการณ์น้ำที่จะไหลเข้าสู่เขตตัวเมืองนครราชสีมาภายใน 1-2 วันนี้ ว่า จะทำให้เกิดน้ำเอ่อท่วมพื้นที่เขตเทศบาลนครนครราชสีมาหรือไม่ โดยเฉพาะน้ำที่ไหลมาตามลำตะคองและลำเชียงไกร ซึ่งทุกฝ่ายได้เตรียมความพร้อมรับมือไว้หมดแล้ว หากฝนไม่ตกหนักลงมาติดต่อกันหลายวันอีก คงไม่ทำให้น้ำท่วมเขตเทศบาลนครนครราชสีมาเหมือนปีที่ผ่านมาที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เฟดประกาศอุ้ม AIG ให้กู้ $85,000 ล้าน หวั่นเกิดหายนะการเงินทั่วโลก
    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9510000110333
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 กันยายน 2551 13:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>กราฟราคาหุ้นของเอไอจีที่ตกลงเรื่อยๆ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี – ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ตัดสินใจอย่างชนิดไม่เคยกระทำมาก่อนที่จะปล่อยกู้ให้บริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป หรือเอไอจี จำนวน 85,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือไม่ให้ยักษ์ใหญ่ประกันภัยรายนี้ต้องล้มละลายซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่หายนะทางการเงินทั่วโลก

    ข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งมีการรับรองในช่วงดึกคืนวันอังคาร (16) ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น หรือเช้าวันนี้ (17) ตามเวลาของไทยนั้น ให้รัฐบาลสหรัฐฯ ถือหุ้นของบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่แห่งนี้ ร้อยละ 79.9 เพื่อแลกกับเงินกู้จำนวนดังกล่าว

    เป็นที่วิตกกันว่าเอไอจีกำลังจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไปที่จะต้องล้มละลาย หลังสัปดาห์แห่งความตื่นตระหนกและปั่นป่วนในตลาดการเงิน ซึ่งนำไปสู่การล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส และการเทกโอเวอร์เมอร์ริล ลินช์ โดยแบงก์ ออฟ อเมริกา อันเป็น 2 วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของโลก อีกทั้งก่อนหน้านี้เพียง 9 วัน แฟนนี เม และเฟรดดี แมค 2 สถาบันยักษ์ใหญ่ทางด้านสินเชื่อเพื่อการเคหะของสหรัฐฯ ก็เพิ่งถูกโอนเป็นของรัฐ

    แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจ จากการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของกระทรวงการคลัง ภายใต้รัฐบัญญัติธนาคารกลาง ด้วยเงื่อนไขในการปกป้องผลประโยชน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ และผู้เสียภาษี

    สำหรับวงเงินสินเชื่อที่มีกำหนดระยะเวลา 24 เดือนนี้จะคิดอัตราดอกเบี้ยโดยเทียบเท่ากับอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารของลอนดอน (ไลบอร์) บวกอีก ร้อยละ 8.5 โดยมีทรัพย์สินทั้งหมดของเอไอจี ซึ่งรวมถึงบริษัทในเครือเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ยังมีสิทธิ์ที่จะคัดค้านการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทประกันรายนี้ด้วย

    ขณะที่ เฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงว่าเห็นชอบในข้อตกลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะให้เอไอจีกู้ยืมเงินจำนวนนี้แล้ว
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=maintitle vAlign=top>7500. พระสีวลีเถระ (เอตทัคคะ)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7500

    โดย admin - ตอบเมื่อ: 04 ก.ย. 2006, 10:31 am

    พระสีวลีเถระ
    เอตทัคคะในทางผู้มีลาภมาก


    พระสีวลีเถระ เป็นพระมหาเถระที่มีประวัติค่อนข้างแปลกไปกว่าพระมหาเถระองค์อื่นๆ ท่านต้องอยู่ในครรภ์พระมารดาอยู่ถึง ๗ ปี กับอีก ๗ วัน ด้วยอำนาจบุรพกรรมตามมาส่งผล และพระพุทธองค์ทรงยกย่องให้เป็นตำแหน่งเอตทัคคะในบรรดาภิกษุผู้เลิศด้วยลาภ และเลิศด้วยยศทั้งหลาย ในศาสนาของพระองค์ แม้พระมารดาคือ พระนางสุปฺปวาสา ผู้เป็นราชบุตรีของเจ้าโกลิยะ ก็ทรงเป็นเอตทัคคะผู้กว่าพระสาวิกาทั้งหลายผู้ถวายสิ่งของอันประณีต การที่พระพุทธองค์ได้ทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะดังกล่าวก็เป็นไปตามความปรารถนาของท่านมาแต่ในอดีต


    ความปรารถนาในอดีต

    ในกัปที่แสนนับจากกัปนี้ ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ ในครั้งนั้น ท่านได้เกิดเป็นกษัตริย์ในพระนครหงสวดี ได้ยินพระพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตั้งสาวกของพระองค์ชื่อสุทัสสนะ ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะผู้มีลาภมาก ดังนั้น ทรงปรารถนาในตำแหน่งนั้นบ้าง จึงได้นิมนต์ พระชินสีห์พร้อมทั้งพระสาวก ให้เสวยและฉันถึง ๗ วัน ครั้น ถวายมหาทานแล้วก็ได้ตั้งความปรารถนาว่า ขอให้ท่านเป็นเอตทัคคะผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีลาภในอนาคตกาล พระปทุมุตตระบรมศาสดา จึงทรงพยากรณ์ว่าความปรารถนาของท่านนี้จะสำเร็จในกัปที่แสนแต่กัปนี้ไป ท่านจะบังเกิดในนาม สีวลี ได้บวชในสำนักของพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่าโคตมะ ซึ่งสมภพในวงศ์ของพระโอกกากราช ดังนี้แล้ว เสด็จหลีกไป

    ต่อจากนั้น ท่านก็กระทำกุศลจนตลอดชีวิต ครั้นสิ้นชีวิตแล้วก็ท่องเที่ยวไปกำเนิดในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ครั้นในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ ในกาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี ท่านได้ถือปฏิสนธิในหมู่บ้านแห่งหนึ่งไม่ไกลพระนครพันธุมดี ในสมัยนั้น ท่านเป็นคนโปรดปรานของสกุลหนึ่งในพระนคร และเป็นคนที่หมั่นขยันขวนขวายในกิจการงาน

    สมัยหนึ่งหลังจากที่พระบรมศาสดาเสด็จเที่ยวจาริกไปในชนบท กลับมาสู่พระนครพันธุมดี ครั้งนั้น พระเจ้าพันธุมะซึ่งเป็นพุทธบิดา ได้ทรงเตรียมอาคันตุกทาน เพื่อภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ทรงปรารถนาจะทำมหาทานแข่งกับชาวเมือง ในวันใดที่พระราชาเป็นผู้ถวายทาน เหล่ามหาชนก็จะสังเกตดู และในวันรุ่งขึ้นก็จะเตรียมทานให้ยิ่งกว่านั้น และในวันถัดไป พระราชาก็จะถวายให้ยิ่งขึ้นไปอีก จนกระทั่งถึงวันที่ ๖ ซึ่งเป็นวันของชาวเมือง ชาวเมืองเหล่านั้นทั้งหมดได้จัดเตรียมสิ่งของไว้ทุกสิ่ง โดยตั้งใจจะไม่ให้มีสิ่งใดที่ขาดแม้สักสิ่งเดียว จึงได้ตรวจดูทานที่ตนได้เตรียมไว้ก็ไม่เห็นน้ำผึ้งสด มีเพียงน้ำผึ้งที่เคี่ยวแล้ว ชนเหล่านั้นจึงให้คนถือเอาทรัพย์คนละ ๑ พันกหาปนะแล้วส่งไปเฝ้ายังประตูพระนครทั้ง ๔ เพื่อขอซื้อจากผู้ที่มาจากชนบทนอกพระนคร

    ในวันนั้นเอง ท่านเดินทางเข้ายังพระนครด้วยปรารถนาจะเยี่ยมนายบ้าน ในระหว่างทางท่านเห็นรวงผึ้งที่ปราศจากตัวอ่อน ขนาดเท่างอนไถ จึงไล่ตัวผึ้งให้หนีไป แล้วตัดกิ่งไม้ถือรวงผึ้ง ด้วยตั้งใจว่าจะนำไปให้แก่นายบ้าน ฝ่ายผู้ที่ชาวเมืองมอบเงินไปเพื่อหาซื้อน้ำผึ้ง พบท่านถือรวงผึ้งสดเข้ามาจึงขอซื้อในราคาหนึ่งกหาปนะ

    ท่านเกิดความคิดว่า ธรรมดารวงผึ้งนี้ย่อมไม่ถึงค่าน้อยกว่าหนึ่งกหาปนะมาก แต่บุรุษนี้ให้ทรัพย์กหาปณะหนึ่ง เห็นจะมีเหตุเบื้องหลังอยู่ จึงตอบปฏิเสธไป บุรุษนั้นจึงขึ้นราคาให้เป็นสองกหาปนะ ท่านก็ยังปฏิเสธอีก บุรุษนั้นก็ขึ้นราคาไปเรื่อยๆ จนถึงพันกหาปนะ

    ท่านได้พิจารณาเห็นเป็นเรื่องผิดปกติมากที่ขอซื้อรวงผึ้งสดด้วยราคาถึงพันกหาปนะ จึงได้สอบถามถึงเหตุผล บุรุษผู้นั้นจึงให้เหตุผลว่า พวกชาวพระนครได้ตระเตรียมมหาทาน เพื่อถวายพระวิปัสสีสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีสมณะ ๖ ล้าน ๘ แสนเป็นบริวาร ในมหาทานนั้นยัง ไม่มีน้ำผึ้งดิบอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น เขาจึงขอซื้อ ในราคาเช่นนั้น

    ท่านเห็นเป็นโอกาสที่จะได้ทำบุญอันยิ่งใหญ่ จึงขอมีส่วนร่วมในมหาทานนั้น บุรุษนั้นไปบอกเนื้อความแก่ชาวเมือง ชาวเมืองทราบในศรัทธาของเขาจึงอนุโมทนา ท่านจึงได้เอากหาปณะที่ตนเก็บไว้เพื่อเสบียงเดินทางจากบ้านไปซื้อเครื่องเทศ ๕ อย่างแล้ว ทำให้ป่น นำเอาน้ำส้มมาจากนมส้มแล้ว คั้นรังผึ้งลงในนั้น ปรุงด้วยจุณเครื่องเทศ ๕ อย่างแล้ว ใส่ลงในบัวตระเตรียมสิ่งนั้นเรียบร้อยแล้ว ถือไปนั่งในที่ไม่ไกลพระทศพล

    เมื่อมหาชนเป็นอันมากนำเอาสักการะไป เขามองดูวาระที่จะถึงแก่ตนในลำดับ รู้ช่องทางแล้วจึงเข้าเฝ้าพระศาสดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สักการะอันยากไร้นี้เป็นของข้าพระองค์ ขอพระองค์โปรดอาศัยความอนุเคราะห์ข้าพระองค์ รับสักการะนี้เถิด พระศาสดาทรงอนุเคราะห์เขา ทรงรับสักการะนั้นด้วยบาตรศิลา อันท้าวมหาราชทั้ง ๔ ถวายแล้ว ได้ทรงอธิษฐานให้ไทยธรรมที่ถวายเพียงพอแก่ภิกษุ ๖,๘๐๐,๐๐๐ รูป ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า น้ำผึ้งนั้นก็มีเพียงพอแก่พระสาวกทั้งสิ้น

    ครั้นแล้วท่านถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้กระทำภัตกิจ เสร็จแล้วยืนอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ด้วยผลแห่งกรรมนี้ ขอข้าพระองค์ พึงเป็นผู้ถึงความเป็นผู้เลิศด้วยความเป็นผู้มีลาภ ในภพที่เกิดแล้วๆ ดังนี้ พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนกุลบุตร ความปรารถนาของท่านจงสำเร็จอย่างนั้น ดังนี้แล้ว ทรงกระทำภัตตานุโมทนาแก่เขาและชาวเมืองแล้วเสด็จหลีกไป


    บุรพกรรมที่นำไปสู่อเวจี
    และต้องอยู่ในครรภ์พระมารดา ๗ ปี ๗ วัน

    เมื่อท่านได้สิ้นอายุในสมัยนั้นแล้ว ท่านก็ได้ไปบังเกิดในเทวโลก ท่องเที่ยวอยู่สิ้นกาลนาน ต่อมาในสมัยหนึ่งท่านได้จุติจากเทวโลก บังเกิดเป็นราชโอรสแห่งพระเจ้ากาสี (อรรถกถาบางแห่งว่า พระเจ้าพรหมทัต) ผู้ครองกรุงพาราณสี ต่อมาพระเจ้าโกศลทรงกรีธากองพลใหญ่มายึดกรุงพาราณสี ทรงปลงพระชนม์พระเจ้ากาสีและได้สถาปนาพระอัครมเหสีของพระราชานั้นให้เป็นอัครมเหสีของพระองค์ ฝ่ายพระราชโอรสของพระเจ้าพาราณสี ในเวลาที่พระบิดาถูกปลงพระชนม์ ได้ทรงหนีออกทางประตูระบายน้ำ รวบรวมญาติมิตรและพวกพ้องของพระองค์ไว้เป็นอันเดียวกัน รวมกำลังโดยลำดับแล้วเสด็จมายังกรุงพาราณสี ตั้งค่ายใหญ่ไว้ในที่ไม่ไกล ทรงส่งพระราชสาสน์ถึงพระราชาองค์นั้นว่า จะคืนราชสมบัติหรือจะรบ

    พระมารดาได้สดับสาสน์ของพระราชกุมารแล้ว จึงส่งพระราชสาสน์ลับแนะนำไปว่า จงอย่ามีการต่อสู้ จงตัดขาดการสัญจรทั่วทุกทิศ โดยการล้อมกรุงพาราณสีไว้ พวกคนในกรุงก็จะพากันลำบากเพราะหมด ไม้ น้ำและอาหาร และจะจับพระราชามาถวายเอง พระราชกุมารได้สดับสาสน์ของพระมารดาแล้ว จึงล้อมประตูใหญ่ทั้ง ๔ ด้านไว้ ๗ ปี แต่การณ์ก็มิได้เป็นอย่างที่ทรงดำริ เนื่องจากพวกคนในกรุงพากันออกทางประตูเล็ก นำเอาไม้และน้ำเป็นต้น มาทำกิจทุกอย่าง

    ครั้นพระมารดาของพระราชกุมารทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว จึงส่งพระราชสาสน์ลับถึงพระโอรส ตำหนิพระโอรสว่า ลูกเราโง่เขลาไม่รู้อุบาย จงปิดประตูน้อยล้อมกรุงไว้ พระราชกุมารทรงสดับพระราชสาสน์ของพระมารดา จึงได้ทรงกระทำอย่างนั้นถึง ๗ วัน ชาวพระนครเมื่อออกไปข้างนอกไม่ได้ วันที่ ๗ จึงได้เอาพระเศียรของพระราชานั้นไปมอบแต่พระราชกุมาร พระราชกุมารได้เสด็จเข้ากรุงยึดราชสมบัติ

    ท่านได้กระทำกรรมนี้แล้ว ในกาลที่สุดแห่งอายุ ไปบังเกิดในอเวจี หมกไหม้อยู่ในนรกตราบเท่ามหาปฐพีนี้หนาขึ้นได้ประมาณโยชน์หนึ่ง

    เพราะผลกรรมที่ล้อมพระนครไว้ถึง ๗ ปีในครั้งนั้น บัดนี้พระองค์จึงอยู่ในโลหิตกุมภี กล่าวคือพระครรภ์ของมารดา ๗ วัน แต่เพราะล้อมกรุงไว้ถึง ๗ วันโดยเด็ดขาด จึงถึงความเป็นผู้หลงครรภ์ถึง ๗ วัน ส่วนในอรรถกถาชาดกท่านกล่าวว่า เพราะผลกรรมที่ล้อมกรุงยึดไว้ถึง ๗ วัน พระองค์จึงอยู่ในโลหิตกุมภีถึง ๗ ปีแล้วถึงความเป็นผู้หลงครรภ์ถึง ๗ วัน ก็พระองค์เป็นผู้เลิศด้วยลาภเพราะอานุภาพที่ถวายมหาทานแล้วตั้งความปรารถนาที่บาทมูลของพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ขอเป็นผู้เลิศด้วยลาภ และที่ถวายน้ำอ้อยและนมส้มมีค่า ๑,๐๐๐ กหาปณะพร้อมชาวเมือง แล้วได้ตั้งความปรารถนาในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ฝ่ายพระนางสุปปวาสา อุ้มครรภ์อยู่ถึง ๗ ปี หลงครรภ์อยู่ถึง ๗ วัน เพราะที่ส่งสาสน์ไปว่า พ่อจงล้อมพระนครยึดไว้ พระมารดาและบุตรเหล่านั้น ได้เสวยทุกข์เช่นนี้อันสมควรแก่กรรมของตน ด้วยประการฉะนี้
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=maintitle vAlign=top>7500. พระสีวลีเถระ (เอตทัคคะ)</TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7500

    โดย admin - ตอบเมื่อ: 04 ก.ย. 2006, 10:31 am

    พระสีวลีเถระ
    เอตทัคคะในทางผู้มีลาภมาก


    กำเนิดในพุทธกาล

    ครั้นพ้นจากนรกอเวจีแล้ว ก็เที่ยวเกิดไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จนถึงสมัยพระพุทธเจ้าของเรานี้ จึงได้ถือปฏิสนธิในครรภ์ของ พระนางสุปปวาสา ราชบุตรีของเจ้าโกลิยะ กษัตริย์พระนครโกลิยะ ซึ่งทรงอภิเษกกับเจ้าศากยวงศ์พระองค์หนึ่ง พระนางนั้นพระบรมศาสดาได้ทรงสถาปนาพระนางไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาผู้ถวายของมีรสประณีต และได้ทรงปฏิบัติธรรมจนบรรลุโสดาบันปัตติผล

    ด้วยกุศลกรรมแห่งการที่ท่านเป็นผู้เลิศด้วยลาภเพราะอานุภาพที่ถวายมหาทานแล้วตั้งความปรารถนาในสมัยแห่งองค์พระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ขอเป็นผู้เลิศด้วยลาภ และอานิสงส์ที่ถวายน้ำอ้อยและนมส้มมีค่า ๑,๐๐๐ กหาปณะพร้อมชาวเมือง แล้วได้ตั้งความปรารถนาในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี นับแต่วันที่ท่านถือปฏิสนธิ ก็มีคนถือเอาเครื่องบรรณาการมาให้พระนางสุปปวาสา วันละร้อยเล่มเกวียน ทั้งในเวลาเย็นและในเวลาเช้า

    ครั้งนั้น คนทั้งหลายด้วยความปรารถนาจะลองบุญนั้น จึงให้นางเอามือจับกระเช้าพืช พืชแต่ละเมล็ด ผลิตผลออกมาเป็นพืชตั้งร้อยกำ พันกำ พืชที่หว่านลงไปในที่นาแต่ละกรีส (หน่วยวัดที่นาในสมัยพุทธกาล) ก็เกิดผลประมาณ ๕๐ เล่มเกวียนบ้าง ๖๐ เล่มเกวียนบ้าง แม้ในเวลาขนข้าวใส่ยุ้ง คนทั้งหลายก็ให้นางเอามือจับประตูยุ้ง ด้วยบุญของราชธิดาเมื่อมีคนมารับของไป ของที่พร่องไปนั้นก็กลับเต็มเหมือนเดิม เมื่อคนทั้งหลายพูดว่า บุญของราชธิดา แล้วให้ของแก่ใครๆ จากภาชนภัตรที่เต็มบริบูรณ์ ภัตรย่อมไม่สิ้นไป จนกว่าจะยกของพ้นจากที่ตั้ง

    ด้วยผลกรรมของพระนาง ที่ได้ส่งสาส์นลับไปแนะนำพระราชโอรส ร่วมกับวิบากกรรมของพระโอรสในอดีตที่ได้ล้อมกรุงพาราณสีไว้เป็นเวลาถึง ๗ ปี ทำให้เวลาล่วงไปถึง ๗ ปี ก็ยังไม่มีพระประสูติกาล

    ครั้นเมื่อครบกำหนด ๗ ปีแล้ว ด้วยวิบากกรรมร่วมกันของพระนาง กับพระโอรสที่ได้ปิดล้อมประตูเล็กของกรุงพาราณสีไว้เป็นเวลา ๗ วัน ทำให้ชาวเมืองไม่สามารถออกจากเมืองมาหาอาหารและสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ได้รับความลำบากมาก ทำให้พระนางเสวยทุกข์หนักตลอด ๗ วัน

    พระนางปรารภกับพระสวามีปรารถนาจะถวายทานก่อนที่จะตาย จึงส่งพระสวามีไปเฝ้าพระศาสดาเพื่อไปกราบทูลเรื่องนี้ แล้วนิมนต์พระบรมศาสดา และถ้าพระบรมศาสดาตรัสคำใด ขอให้ตั้งใจจดจำคำนั้นให้ดีแล้วกลับมาบอกพระนาง พระสวามีจึงเดินทางไปแล้วกราบทูลข่าวแด่พระพุทธองค์ พระบรมศาสดาทรงตรัสว่า พระนางสุปปวาสาโกลิยธิดาจงมีความสุข จงมีความสบาย ไม่มีโรค จงคลอดบุตรที่หาโรคมิได้เถิด พระสวามีได้ยินดังนั้นจึงถวายบังคมพระศาสดา ทรงมุ่งหน้าเสด็จกลับพระราชนิเวศน์

    ในเวลาเมื่อพระบรมสุคตตรัสเสร็จ พระกุมารก็คลอดจากพระครรภ์ของพระนางสุปปวาสาอย่างสะดวก เหล่าพระญาติและบริวารที่นั่งล้อมอยู่เริ่มหัวเราะ ทั้งที่หน้านองด้วยน้ำตา มหาชนยินดีแล้ว ร่าเริงแล้ว ได้ไปกราบทูลข่าวที่น่ายินดีแด่พระสวามีที่กำลังเดินทางกลับ พระราชาทรงเห็นอาการของชนเหล่านั้นทรงดำริว่า พระดำรัสที่พระทศพลตรัสเห็นจะเป็นผลแล้ว พระองค์จึงกราบทูลข่าวของพระทศพลนั้นแด่พระราชธิดา พระราชธิดาตรัสให้พระสวามีไปนิมนต์พระทศพล ตลอด ๗ วัน พระสวามีทรงกระทำดังนั้นและได้มีการถวายทานแด่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานตลอด ๗ วัน การประสูติของทารก ได้ดับจิตที่เร่าร้อนของพระประยูรญาติทั้งหมด เพราะฉะนั้น พระประยูรญาติจึงเฉลิมพระนามของกุมารนั้นว่า
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หึ..หึ.. หากวิเคราะห์ว่าเป็นขาลงแล้ว กลยุทธ์ขายของแล้ว ซื้อกลับ เป็นหนทางที่ดีกับทุกฝ่าย ฝ่ายขายก็สบายใจที่ได้ขายถูกๆเพราะอยากจะรีบหนีตายกลัวไม่ได้ขาย เพราะฉนัน้ต้องให้เขาสมหวังโดยกดซื้อราคาถูกๆ ฝ่าย Broker ก็ดีใจที่ได้ค่าคอมทั้งซื้อ และขาย ไม่ว่าใครจะขายกำไร หรือขายขาดทุน เขาก็ได้อยู่แล้ว ฝ่ายคนซื้อก็ดีใจตายชัก เพราะได้ของถูกในราคา Role backทุกวัน เช่นวันนี้ผมได้ของเดิมคืน + ของแถมแบบไม่เพิ่มตังค์อีก 2% เท่ากับว่าหุ้นชาวบ้านเขามาอยู่ที่ผม ก็จะคอยประคบประหงมให้อย่างดี อิ..อิ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2008
  6. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
     
  7. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ม่ายกลัวถือนานๆๆๆๆจาเป็นแบบ เลห์แมนหรือครับ หุ หุ (หลอกให้วิตกเล่นครับ)
     
  8. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    จริงๆแล้ว ถ้าพูดถึง กรรม น่าจะพูดถึง เลห์แมนครับ เพราะเป็นหนึ่งในผู้ที่เข้ามาซื้อหนี้ ไปตอนปี 40 ในสว่นลดถึงร้อยละ 19 แล้วไปไล่บี้กับ คนไทย กันที่ร้อยละ70-80 ฟันกำไรมหาศาล 10ปีตอมาก็เป็นอย่างที่เห็นครับ คนไทยช่วงนั้น กลุ้มใจ ล้มหายตายจากไปมากครับ....กรรม.. กรรม...
     
  9. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    จริงๆแล้ว ตามความเห็นของผมไม่เหมือนปี40ครับ ห่างชั้นกันมากครับ ใช่ครับ ผมหมายถึง ครั้งนี้หนักกว่ามากครับ ก็คงเหมือนที่ผมได้ลงเตือนมาตลอดในช่วง 1-2เดือนที่ผ่านมาครับ ผมก็หวังว่าพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆคง รู้รักษาตัวรอดกันนะครับ ใครสนใจว่าเหตุการณ์นี้จะไปยังไงต่อ ผมขอแนะนำให้ลองหาหนังสือที่เกี่ยวกับ วิกฤติการณ์ great depression ในช่วง ปี 1929ครับ 5555จะมาถามหลังไมค์ให้เล่าก็อย่าหวังครับ หุ หุ
     
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เอิ๊กก....หลอกให้วิตกหรือ....หากแต่ว่าตัวที่ถือนี้ไม่ใช่หุ้นฝรั่งนิยมถือ เลยรอดตัวไป ตอนนี้ชนะ set อยู่ แต่ต้องหมั่นออก exercise บ่อยหน่อยครับ ตามภาวะ เขาขายเราก็ขาย ไม่ฝืนตลาด เขาซื้อเราก็ดอดซื้อกลับ ตัวไหนเอาคืนไม่ได้ราว ๓๐% ก็เป็น Buffer Stock รอเอาคืนหากตกมาในระดับที่วางแผนเอาคืนไว้ แบบนี้ปลอดภัย ไม่มีการตกใจซื้อ ตกใจขายในระหว่างชั่วโมง..ยังมีบางตัวยังไม่ได้เอาคืน แสดงว่า ยังมีแนวโน้มดีอยู่
     
  11. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    จริงครับคุณน้องนู๋ และมันนี่เองที่ซื้อกิจการโรงแรม และอาคารเช่าของบริษัทผมไปราว ๓ ปีก่อน จนพนักงานราว ๒,๐๐๐ พันต้องตกงาน หางานทำกันใหม่ วันนี้ กรรมนี้มันก็ได้สนองแล้ว ความรู้สึกของพนักงานเลห์แมนในเวลานี้คงไม่ต่างจากความรู้สึกของคนไทยหลายล้านคนเมื่อ ๑๐ ปีก่อนนะ..
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    อ่าว ท่านน้องนู๋มีดีแล้วงำ...ไหนขอคำชี้แนะครับ ว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไปในภาคของประเทศไทย..ถือว่าเป็นความรู้ครับ..
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เป็นกระทู้เดียว ในหมวดวัตถุมงคล เป็นกระทู้ที่นอกจากมาร่วมทำบุญ ,นอกจากได้มีโอกาสเห็นพระพิมพ์และวัตถุมงคลต่างๆ ,นอกจากได้องค์ความรู้ที่เกี่ยวกับพระศาสนา ยังได้องค์ความรู้ที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีอีกด้วย

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 9 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, ake7440+, nongnooo+, yotin pol </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมกำลังรออ่าน ทั้งคุณเพชร และคุณnongnooo อยู่นะครับ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ไขปริศนานัยยะแฝงบนโต๊ะอาหาร/ อู่วัฒนธรรม
    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000110361
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 กันยายน 2551 19:31 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=260 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=260>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ไข่แดง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> จีนนับเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมการกินอันยาวนาน ไม่เพียงแต่การปรุงอาหารเท่านั้นที่ชาวจีนพิถีพิถันอย่างยิ่งยวด แต่อาหารหลายๆ อย่างก็มีนัยยะแฝงด้วยตามความเชื่อของชาวจีน และมักถูกกำหนดให้รับประทานในโอกาสพิเศษๆ

    เช่นในบางพื้นที่ของจีน เวลามีแขกมาเยี่ยมเยือน เจ้าบ้านจะเสิร์ฟอาหารพวกหัวปลากระพง หรือ หอยเชลล์ให้แก่แขก แทนความหมายถึงการยินดีต้อนรับอย่างยิ่ง

    อาหารจำพวกเส้น เช่น ก๊วยเตี๋ยว บะหมี่ เป็นสัญลักษณ์ของความมีอายุมั่นขวัญยืนตามความเชื่อของชาวจีน ดังนั้นจึงนิยมรับประทานในวันเกิด และเพราะก๊วยเตี๋ยวเป็นสัญลักษณ์ของความมีอายุยืนนี่เอง จึงถือเป็นเรื่องไม่มงคลอย่างยิ่งถ้าเราจะหั่นเส้นก๊วยเตี๋ยวให้สั้นลง

    ไข่ ก็มีนัยยะสำคัญในหลายวัฒนธรรม เช่นเดียวกับชาวจีนที่เชื่อว่าไข่เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นหลังจากเด็กลืมตาดูโลก พ่อแม่ก็จะจัดงานเลี้ยงไข่ต้มแดงขึ้น โดยจะต้มไข่ให้สุกแล้วย้อมเปลือกให้เป็นสีแดงทานกันในครอบครัว เพื่อเป็นการประกาศถึงการถือกำเนิดที่น่ายินดีในครั้งนี้

    ในบางพื้นที่ทางตอนกลางของประเทศจีน จะต้มไข่ตามเพศของเด็ก โดยปกติต้มไข่เป็นเลขคู่เช่น 6 หรือ 9 ใบ และแต้มจุดสีดำบนปลายไข่สำหรับบ้านที่ได้ลูกชาย ต้มไข่เป็นเลขคี่เช่น 5 หรือ 7 ไม่มีการแต้มจุดดำสำหรับเด็กผู้หญิง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เป็ดย่าง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากนี้ยังมีการทำปอเปี๊ยะทอดมาเสิร์ฟขึ้นโต๊ะช่วงวันปีใหม่ด้วย เนื่องจากปอเปี๊ยะทอดมีรูปร่างคล้ายกับทองคำแท่ง ดังนั้นการได้รับประทานปอเปี๊ยะทอดในวันขึ้นปีใหม่ก็เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ว่าปีใหม่นี้จะมีความมั่งคั่งร่ำรวยเข้ามาเยี่ยมเยือน

    เป็ดเป็นตัวแทนของความซื่อสัตย์จงรักภักดี หากไปงานแต่งงานไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องได้เห็นอาหารจานเป็ดสุดยั่วน้ำลายบนโต๊ะอาหาร ยิ่งถ้าเสิร์ฟมาในจานสีแดงด้วยแล้วล่ะก็ยิ่งเยี่ยมยอดเพราะสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของความสุขนั่นเอง

    ไก่ตามความเชื่อของจีนเป็นตัวแทนของหงส์ ซึ่งในงานแต่งงานก็มักจะมีการเสิร์ฟอาหารจานไก่ควบคู่กับอาหารตัวแทนมังกรอย่าง กุ้งลอปสเตอร์ นอกจากนี้ถ้าเสิร์ฟไก่ทั้งตัวยังมีความหมายถึงการที่สมาชิกครอบครัวกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้งด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>อาหารจานปลา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ปลาเป็นเมนูเด็ดที่งานเฉลิมฉลองงานไหนงานนั้นเป็นต้องมี เพราะว่าปลาในภาษาจีนนั้นอ่านว่า “อี๋” (鱼) ซึ่งไปพ้องเสียงกับคำว่า “อี๋” (余) ที่แปลว่า เหลือกินเหลือใช้ , มีมากมายเหลือเฟือ ดังนั้นในค่ำคืนก่อนวันปีใหม่จึงเป็นธรรมเนียมที่จะต้องเสิร์ฟอาหารจานปลาเป็นเมนูมื้อค่ำ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าความมั่งคั่งร่ำรวยจะเข้ามาหาในปีหน้า อีกทั้งการเสิร์ฟปลาแบบครบทั้งหัวทั้งหางนั้น ยังมีความหมายว่าในปีหน้าจะมีการเริ่มต้นที่ดีและลงเอยด้วยดี

    ปิดท้ายด้วยเมล็ดพืชต่างๆ อาทิ เม็ดบัว เม็ดแตงโม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มมือ ก็นิยมรับประทานในวันแต่งงานเช่นกัน

    ที่กล่าวถึงข้างต้นนั้นเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอาหาร ขนม และผลไม้อีกหลายประเภทเช่น ส้ม ส้มโอ ถั่วลิสง ที่ล้วนแล้วแต่มีความหมายในวัฒนธรรมจีนเช่นกัน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ---------------------------------------------

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เปิดครัวจีน...เข้าใกล้วัฒนธรรมมังกร
    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000050613
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 พฤษภาคม 2551 20:13 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ติ่มซำ อาหารกวางตุ้งเลื่องชื่อ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> พูดถึงอาหารจีนแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก ก๋วยเตี๋ยว กระเพาะปลา หูฉลาม....ฯลฯ เป็นแน่แท้ อาหารจากฟากแดนมังกรเข้ามาฝังรากเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอาหารการกินของชาวไทยมานานนมแล้ว แต่ประวัติศาสตร์อาหารจีนที่แท้จริงนั้นยาวนานกว่านั้นมาก จีนเป็นประเทศหนึ่งที่มีวัฒนธรรมอาหารการกินอันยาวนานอาจย้อนไปได้ไกลถึง 4,000-5,000 ปี อันทำให้อาหารจีนเต็มไปด้วยเรื่องราวและสีสันมากมายที่ชวนให้ค้นหายิ่ง

    นับแต่โบราณมาชาวจีนโดยทั่วไปนิยมรับประทานอาหารจานผักและธัญพืชเป็นหลัก จะมีเนื้อสัตว์บ้างประปราย นั่นเป็นเพราะว่าจีนเป็นประเทศที่พึ่งพาการเกษตรกรรมนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ยังมีความแตกต่างระหว่างอาหารของชาวบ้านทั่วไปและชนชั้นที่สูงกว่าอยู่ กล่าวคือ บรรดาผู้มีอันจะกินสามารถซื้อหา หมู เห็ด เป็ด ไก่ มารับประทานได้มากกว่าชาวบ้าน โดยเฉพาะในพระราชสำนักจีนที่อุดมไปด้วยอาหารจานเนื้อที่มีสีสันตระการตา กระทั่งเคยมีคำเรียกขานผู้ครองรัฐว่า “ผู้ทานเนื้อ” เลยทีเดียว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระกระโดดกำแพง อาหารจีนสุดแพง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากนี้ชาวจีนยังมีวัฒนธรรมชอบทานอาหารที่ร้อนกรุ่น ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเกี่ยวพันกับเทคนิกการประกอบอาหารที่ผ่านการบ่มเพาะตามกาลเวลาของแดนมังกร โดยชาวจีนโบราณกล่าวกันว่า “สัตว์น้ำมีกลิ่นคาว เนื้อสัตว์เหม็นสาบ ผักหญ้าเหม็นเขียว” ดังนั้นการทำให้อาหารร้อนสามารถทำลายกลิ่นคาว ขับไล่กลิ่นสาบ และขจัดกลิ่นเหม็นเขียวได้ ตามที่ระบุไว้ในตำราอาหารสกุลหลู่แห่งสมัยชุนชิว

    เทคนิกการปรุงอาหารข้างต้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น เนื่องด้วยจีนขึ้นชื่อว่าพิถีพิถันในเรื่องการทำอาหารเป็นอย่างยิ่ง ดังเช่นในตำราประวัติศาสตร์จีนบันทึกว่า สมัยราชวงศ์เหนือ-ใต้ พ่อครัวหลวงของฮ่องเต้เหลียงอู่ตี้ มีฝีมือขนาดสามารถนำแตงหนึ่งผลมาดัดแปลงเป็นรูปร่างๆ ต่างๆ ได้กว่า 10 แบบ อาหาร 1 จานสามารถพลิกแพลงรสชาติได้หลายสิบรส นับเป็นเทคนิกการปรุงอาหารที่ล้ำเลิศยิ่ง

    ไม่เพียงแต่การปรุงอาหาร แม้แต่รูปแบบการรับประทานอาหารของชาวจีนก็มีเอกลักษณ์ยิ่ง เรากำลังกล่าวถึงวัฒนธรรมการรวมกลุ่มกันรับประทานอาหารหรือ “ทานหมู่” ซึ่งปรากฏในสังคมจีนมานานแล้ว และมีการค้นพบหลักฐานที่สนับสนุนพฤติกรรมดังกล่าวของชาวจีนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่หลักฐานที่ชี้ชัดว่าในสมัยโบราณห้องครัวและห้องทานอาหารนั้นเป็นที่เดียวกัน โดยห้องครัวจะตั้งอยู่กลางเคหะสถาน หลังตรงกลางมีช่อง ด้านล่างเป็นที่ก่อกองไฟสำหรับทำอาหาร เมื่อถึงเวลาทุกคนก็จะมานั่งล้อมวงรับประทานอาหารกัน วัฒนธรรมการร่วมรับประทานเช่นนี้ได้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน อันสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติของชาวจีนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวและญาติพี่น้องของตนเป็นอย่างมาก

    ส่วนอุปกรณ์สำคัญสำหรับการรับประทานนั้น ก็หนีไม่พ้นไม้คีบ 2 อันที่เรียกว่า “ตะเกียบ” นั่นเอง จากบันทึกทางประวัติศาสตร์พบว่า ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซางก็ได้มีการใช้ตะเกียบกันแล้ว โดยทั่วไปตะเกียบจะทำจากไม้ มีบ้างที่เห็นทำจากโลหะ หรือกระดูกสัตว์

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หมาผอโต้วฝุ อาหารขึ้นชื่อของเสฉวน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ในแง่ประเภทของอาหารนั้น อย่างอาหารไทยก็มีแบ่งเป็น อาหารอีสาน อาหารปักษ์ใต้ เป็นต้น ประเทศจีนเองเขาก็มีแบ่งประเภทอาหารตามแหล่งที่ตั้งเช่นกัน ในสมัยชุนชิว-จั้นกั๋ว ได้เริ่มมีการแบ่งอาหารจีนเป็น 2 ตระกูลใหญ่ คือ อาหารเมืองเหนือ และอาหารเมืองใต้ จนกระทั่งต้นราชวงศ์ชิง ได้มีการแบ่งอาหารเป็น 4 ตระกูลใหญ่ ได้แก่ อาหารซันตง (鲁菜-หลู่ไช่) อาหารเจียงซู (苏菜-ซูไช่) อาหารกวางตุ้ง (粤菜-เย่ว์ไช่) และ อาหารเสฉวน (川菜-ชวนไช่)

    กระทั่งปัจจุบันอาหารจีนแบ่งออกเป็น 8 ตระกูลใหญ่ โดยเพิ่มอาหารอันฮุย (徽菜-ฮุยไช่) อาหารฮกเกี้ยน (闽菜-หมิ่นไช่) อาหารหูหนัน (湘菜-เซียงไช่) และอาหารเจ้อเจียง (浙菜-เจ้อไช่) ซึ่งแต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกันไป โดยมีเงื่อนไขด้านสภาพอากาศ ภูมิประเทศ ผลผลิตของท้องถิ่น และวัฒนธรรมการกินแต่ละที่เป็นตัวแปรสำคัญ อาทิ ชาวซูโจว ในมณฑลเจียงซู นิยมรับประทานอาหารที่มีไขมัน เน้นน้ำตาลเยอะ อาหารฮกเกี้ยนและกวางตุ้งมีอาหารทะเลเป็นส่วนประกอบสำคัญเพราะอยู่ติดทะเล นอกจากนี้ชาวกวางตุ้งยังมีติ่มซำที่เป็นอาหารเลื่องชื่อ และนิยมทานน้ำแกงก่อนอาหาร อาหารเสฉวนเน้นรสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อน และคนเหนือนิยมทานต้นหอมและกระเทียมกันมาก เพราะเป็นผลผลิตที่ปลูกได้มากทางภาคเหนือนั่นเอง

    <HR>

    เรียบเรียงโดย สุกัญญา แจ่มศุภพันธ์

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=baseline><TD vAlign=top width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD class=hit align=left height=19>ข่าวล่าสุด ในหมวด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>ไขปริศนานัยยะแฝงบนโต๊ะอาหาร/ อู่วัฒนธรรม</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>ตำนานกระต่ายบนดวงจันทร์ / อู่วัฒนธรรม</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>มนต์เสน่ห์ซื่อเหอย่วน มนต์เสน่ห์บ้านเรือนแห่งโลกตะวันออก</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>วิวาห์ตามตรอกของบ่าวสาวยุคใหม่ / อู่วัฒนธรรม</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>ร่วมหอลงโรง...สไตล์จีนโบราณ / อู่วัฒนธรรม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"เบญจรงค์ทอง"เครื่องใช้อันทรงคุณค่า
    http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000110533
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 กันยายน 2551 17:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=700>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หัตถกรรมเบญจรงค์ เป็นงานศิลป์ชั้นสูงที่อาศัยฝีมือการช่างที่ชำนาญสั่งสมกันมานานหลายรุ่นหลายสมัย ในสมัยโบราณเครื่องเบญจรงค์จะผลิตใช้กันแต่ในชนชั้นสูง แต่ในปัจจุบันกลับมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างไปจากในอดีต โดยเฉพาะที่ "โรงงานเบญจรงค์ทอง"ที่ผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วยเครื่องเบญจรงค์ทอง เครื่องเคลือบมุกลงลายน้ำทอง เครื่องทองนูนลงลายน้ำทอง และเครื่องลายคราม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> งานหัตถกรรมเบญจรงค์ ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณตา ฉัตร พุ่มขจร ซึ่งมีความเชียวชาญทางด้านศิลปกรรมและการออกแบบผลิตภัณฑ์ จากแรงบันดาลใจที่จะช่วยลูกจ้างที่ว่างงานจากสภาวะโรงงานเสถียรภาพ (โรงงานชามตราไก่) ปิดกิจการ เมื่อประมาณ พ.ศ.2525 จึงได้นำความรู้ที่เป็นครูศิลปะมาผสมผสานกับงานของคุณยายลำไย พุ่มขจร ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเครื่องเคลือบดินเผามาผสมผสานเข้าด้วยกันจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ถ่ายทอดประสบการณ์ความชำนาญตั้งแต่รุ่นอดีตมาจนถึงทุกวันนี้ จนทำให้ในปัจจุบันเบญจรงค์ทองประสบความสำเร็จจนกลายเป็นที่กล่าวขานของบุคคลในทุกภาคส่วน

    สำหรับวิธีทำเบญจรงค์ทองนั้นเริ่มด้วยการนำดินเหนียวที่มีคุณสมบัติทนไฟไว้ใช้สำหรับทำเบญจรงค์โดยเฉพาะมาปั้นด้วยมือหากเป็นเบญจรงค์ขนาดเล็ก หรือนำมาหล่อสำหรับเบญจรงค์ขนาดใหญ่ เมื่อปั้นหรือหล่อเสร็จแล้วก็นำมาแต่งแก้ไขส่วนที่บิดเบี้ยว จากนั้นนำไปเผา biscuit fire ที่อุณหภูมิ 600 องศาเซลเซียส นาน 3-6 ชั่วโมง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เมื่อเผาไฟแล้วนำเบญจรงค์มาเคลือบ แล้วแต่งเคลือบเพื่อไม่ให้น้ำเคลือบเป็นหยดเป็นร่องรอยบนเบญจรงค์ จากนั้นจึงเอาไปเผาเคลือบอีกครั้งด้วยไฟ 1,200 องศาเซลเซียส เวลา 3-6 ชั่วโมง จากนั้นนำมาเขียนลาย ซึ่งเป็นลักษณะโดดเด่นของโรงงานเบญจรงค์ทอง โดยส่วนมากเบญจรงค์มักจะเป็นลวดลายไทยๆที่ดูเคร่งขรึมเป็นทางการ แต่ลวดลายของโรงงานเบญจรงค์ทองนี้ ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นลายธรรมชาติและคิดค้นลวดลายขึ้นมาเอง

    ซึ่งการคิดค้นลายจะเป็นการผสมผสานระหว่างลายธรรมชาติกับลายไทย เช่น ลายบัว ก็จะเป็นอริยบทของบัวทุกระยะ มีทั้งบัวตูม บัวบาน บัวก่อนที่จะร่วง บัวตอนที่ร่วงหมดแล้ว ฝักเหี่ยว ใบเหี่ยว มาผสมผสานจนเป็นลายที่สวยงาม หากเป็นลายนกยูง ก็นำนกยูงมาผูกลายกับเข้ากับดอกไม้ หรือดอกบัว เป็นต้น

    หรือลวดลายที่เป็นเรื่องราวก็มี เช่น ลายงานประเพณีที่เกี่ยวกับประเพณีไทย เล่าวิถีชีวิตของคนไทย เช่น ประเพณีสงกรานต์ การเข้าวัดเข้าวาของคนไทย เพื่อให้ลวดลายบนเบญจรงค์ทองดูเบาขึ้น เหมาะแก่การใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน

    จากนั้นเป็นขั้นตอนของการลงสี โดยเบญจรงค์ที่นี่จะใช้สีทั้ง 5 สี คือ แดง น้ำเงิน เขียว เหลือง ขาว ตามหลักสีของเบญจรงค์ แล้วจึงมีการไล่สีแตกสีออกมาให้มีสีมากขึ้นเพื่อความสวยงาม ส่วนความเป็นเบญจรงค์ทองนั้น คือการใช้ทองแท้ๆมาสกัดเป็นน้ำทอง 12 % ถือว่าดีที่สุดในการผลิตเบญจรงค์เพื่อใช้ในการค้า มาใช้เขียนและวนขอบ และจึงนำไปเผาไฟรอบสุดท้ายด้วยไฟ 800 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 8-12 ชั่วโมง เป็นอันเสร็จขั้นตอน

    สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเลือกชื้อและดูขั้นตอนการผลิตได้ในเวลา 08.00-17.00 น. ทุกวันเว้นวันอาทิตย์ ที่ หจก.โรงงานเบญจรงค์ทอง 26/7 หมู่ 7 ต.โพธิ์พระยา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โทร.0-3553-5890, 08-9740-2255, 08-6666-0880

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ;aa20 เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ อ่านแล้วสนุกดีครับ ผมเองเคยซื้อตำราเป็นกอบเป็นกำ เกี่ยวกับการลงทุน เพราะสนใจจะลงทุนดูกับเขาบ้าง แต่ด้วยว่าไม่มีเวลาติดตาม ก็เลยจำเป็นต้องพักเอาไว้ก่อน เพราะคิดว่าการลงทุน หากไม่ได้มีเวลาติดตามให้ดีแล้ว มันจะเสี่ยงเกินไป แทนที่จะลงทุน จะกลายเป็นละลายทรัพย์ไปเสียเปล่าๆ
    อ่านอย่างนี้แล้วก็ทำให้ได้ความรู้เพิ่มเติมดีครับ ไม่เคยเห็นในตำราใดๆเสียด้วยครับ แต่หาอ่านยากกว่าเพราะเป็นประสบการณ์ของผู้รู้จริง ที่คนทั่วไปเขาไม่บอกกันครับ
     
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ก็เริ่มจากการที่คุณหนุ่มทำให้หนังสือ(หมวด)พระเครื่อง เป็นหนังสือพิมพ์ก่อน จนกระทั่ง กระทู้พระวังหน้านี้ซึ่งเปรียบเสมือนคอลัมภ์หนึ่งของเวปพลังจิต การนำเรื่องราวอื่นๆนอกจากพระเครื่องพระวังหน้ามานำเสนอ จึงเสมือนหนึ่งการทำให้กระทู้พระวังหน้านี้เป็นหนังสือพิมพ์ประจำวันทั้งฉบับเลยทีเดียว ซึ่งก็มีทั้งหน้าพระเครื่อง หน้าเศรษฐกิจ หน้าสังคม การเมือง ที่ผมเห็นว่ายังขาดอยู่คือหน้าภาพยนตร์ หน้าโฆษณานะครับ
     
  19. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เช้านี้มอบภาพพระพุทธเจ้าให้เป็นพุทธานุสสติ หากสามารถทายถูกว่า ภาพนี้เป็นพระพุทธเจ้าที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดไหน จังหวัดไหน ก็จะขอมอบพระวังหน้าให้ ๑ องค์ และเพียง ๑ รายเท่านั้น พระวังหน้าองค์นี้หลวงปู่อุตระเถรเจ้าเสกไว้...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2008
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]

    งานนี้ ถ้าท่านใดไม่เคยเห็น เหนื่อยถึงเหนื่อยมากครับ

    แต่ถ้าได้เคยไปกราบ และสังเกตุ สบายครับ

    โชคดีทุกๆท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...